โลกนี้จะไปรอดหรือไม่

2011/10/28 โดย 2newworld ให้ความเห็น


ในปัจจุบันนี้ ทุกท่านคงจะได้ยินกันมามากเกี่ยวกับอวสานของโลก โลกจะแตก โลกจะไปไม่รอดแล้ว
หลายคนหวาดกลัวว่าโลกจะถึงกาลอวสาน เพราะการทำลายด้วยนิวเคลียร์ แผ่นดินไหว น้ำท่วม โรคระบาด ฯลฯ
และอีกหลายๆคน ก็พากันหวั่นวิตกถึงความล่มสลายของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นต้นเหตุให้มนุษยชาติต้องรบกัน.
คำถามก็คือ โลกนี้จะถึงกาลอวสานจริงหรือไม่?


ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว อวสานของโลกหมายถึงอะไร? แล้วโลกนี้ เคยถึงจุดอวสานมาก่อนหรือเปล่า?
คำตอบก็คือ ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว โลกนี้เคยอวสานมาทีนึงแล้ว.

ขอให้ท่านผู้อ่าน ได้อ่านเรื่องราวที่โลกนี้ได้กลายมาเป็น โลกอันชั่วร้ายมาก ในสมัยของโนอาห์.
ในพระคัมภีร์ไบเบิลบอกดังนี้ว่า

“[พระเจ้า] …ไม่ได้ทรงยกเว้นมนุษย์โลกครั้งโบราณ แต่ได้ทรงช่วยโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรมกับคนอื่นอีกเจ็ดคนให้รอด
เมื่อคราวที่พระองค์ได้ทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลกของคนอธรรม” 2 เปรโต 2:5

“โดยเหตุเหล่านั้น พระองค์จึงได้ทรงบันดาลให้น้ำมาท่วมทำลายโลกที่มีอยู่ในเวลานั้น” 2 เปรโต 3:6
อวสานของโลกในสมัยนั้น ไม่ได้หมายถึงอวสานของมนุษยชาติ หรือ อวสานของดาวเคราะห์ดวงนี้

ด้วยการช่วยเหลือของพระเยโฮวาห์พระเจ้า โนอาห์กับครอบครัวได้รอดชีวิตผ่านน้ำท่วมโลกมาได้ และดาวเคราะห์ดวงนี้ก็ยังตั้งมั่นคงอยู่
แต่ “โลกของคนอธรรม” คือระบบการปกครองที่ชั่วช้าของมนุษย์ต่างหาก ที่พินาศไป.

แต่ในเวลาต่อมาเมื่อลูกหลานของโนอาห์เพี่มจำนวนมากขึ้น “โลกของคนอธรรม” ก็ยังคงดำรงอย่างต่อเนื่องจนถึงสมัยของเรา
เนื่องจาก ตัวต้นเหตุแห่งความชั่วทั้งปวงยังไม่ได้ถูกกำจัด.

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาถึงปัจจุบันนี้ ประวัติศาสตร์โลก เต็มไปด้วยสงคราม, อาชญากรรม, ความรุนแรง.
และอะไรจะเกิดขึ้นกับโลกนี้ต่อไป? โลกนี้จะอยู่รอดหรือไม่?

 

อนาคตที่กำลังจะเกิดกับโลกนี้
หลังจากโลกในสมัยของโนอาห์ประสบกับพินาศกรรม. บันทึกในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเขียนไว้ว่า
“แต่ ว่าท้องฟ้าอากาศและแผ่นดินโลกที่อยู่เดี๋ยวนี้ พระองค์ทรงเก็บงำไว้โดยคำตรัสนั้นสำหรับให้ไฟเผา
คือเก็บไว้จนถึงวันทรงพิพากษาและวันพินาศแห่งบรรดาคนอธรรม” 2 เปโตร 3:7
“โลกนี้ [ซึ่งดำรงอยู่ขณนี้]…กำลังผ่านพ้นไป.”

พระคัมภีร์ไบเบิ้ลไม่ได้หมายความว่า ดาวเคราะห์โลก หรือท้องฟ้า อวกาศ จะถูกทำลาย
เรื่องนี้เป็นเหมือนสมัยของโนอาห์ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ได้ล่วงดับสูญไป.
แต่สังคมโลก ที่มีอยู่ในเวลานี้ พร้อมด้วย “ท้องฟ้าอากาศ” หรือบรรดาผู้มีอำนาจปกครองภายใต้อิทธิพลของซาตานและ “แผ่นดินโลก”
หรือสังคมมนุษย์ จะถูกทำลายดุจไฟเผา. (ยอห์น 14:30; 2 โครินธ์ 4 :4)

โลก หรือระบบแห่งสิ่งต่าง ๆนี้ จะพินาศเช่นเดียวกันกับโลกก่อนน้ำท่วมใหญ่ในสมัยโบราณ.
แม้แต่พระเยซูคริสต์ก็ยังตรัสถึงสภาพการณ์ใน “สมัยของโนอาห์” ว่าเป็นตัวอย่างแสดงถึงสิ่งที่จะอุบัติขึ้นก่อนอวสานของโลกนี้.

“ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น
คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน
จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา และน้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด
เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย” มัทธิว 24:37-39

นับว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เมื่อพระเยซูได้กล่าวถึงสมัยของโนอาห์ ในคราวที่พระองค์ได้ตอบคำถามของพวกอัครสาวกที่ว่า
“ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร
สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา และวาระสุดท้ายของโลกนี้” มัทธิว 24:3

สาวกของพระเยซูทราบว่าโลกนี้จะสิ้นสุด. การคาดหมายอย่างนี้ก่อความตระหนกตกใจแก่พวกเขาไหม?
ไม่เลยตรงกันข้าม เมื่อพระเยซูได้อธิบายถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นก่อนอวสานมาถึงโลกนี้

พระองค์บอกให้พวกเขามีความยินดี ”เมื่อเหตุการณ์ทั้งปวงนี้เริ่มจะบังเกิดขึ้นนั้น
จงยืดตัวและผงกศีรษะขึ้น ด้วยการไถ่ท่านใกล้จะถึงแล้ว” ลูกา 21:28

หลังจากที่เหตการณ์ทั้งหมดนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ซาตานและระบบชั่วของมันจะถูกกำจัด แล้วโลกจะเข้าสู่ยุคใหม่ที่สงบสุข
“ตามพระสัญญาของพระองค์นั้น เราจึงคอยท้องฟ้าอากาศใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ที่ซึ่งความชอบธรรมจะดำรงอยู่” 2เปรโตร 3:13

 

แล้วโลกนี้จะอวสานเมื่อไหร่?
พระเยซูได้ให้ “หมายสำคัญ” อะไรที่บอกถึง การที่ “พระองค์จะเสด็จมา และวาระสุดท้ายของโลกนี้?”

“หมายสำคัญ”
คำว่า “เสด็จมา” ในที่นี้แปลจากคำภาษากรีก “พารูเซีย” มีหมายความว่า “ประทับ” คืออยู่ตรงหน้าแล้ว.
ดังนั้นเมื่อ “หมายสำคัญ” ปรากฏแจ้ง ก็ไม่ได้แปลว่าพระคริสต์ จวนจะมา แต่หมายถึง พระองค์ทรงกลับมาและประทับอยู่แล้ว.

และหมายความด้วยว่าพระองค์ ได้ทรงเริ่มปกครองเป็นกษัตริย์ทางภาคสวรรค์อย่างไม่ประจักษ์แก่ตาของมนุษย์
และในไม่ช้าพระองค์จะทรงปราบศัตรูของพระองค์ให้สูญสิ้นไป. วิวรณ์ 12:7-12; เพลงสดุดี 110:1, 2.

พระเยซูไม่ได้ให้เหตุการณ์เพียงอย่างเดียวที่เป็น “หมายสำคัญ” แต่พระองค์ได้ให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกและสภาพการณ์หลายอย่าง
ที่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรียกว่า “คราวที่สุด” หรือ “เวลาวันสุดท้าย.”

“แต่จงเข้าใจข้อ นี้ด้วย คือว่าในวันสุดท้ายนั้น จะเกิดเหตุการณ์กลียุค

เหตุว่าคนจะเป็นคนรักตัวเอง เป็นคนเห็นแก่เงิน เป็นคนอวดตัว เป็นคนจองหอง

เป็นคนพูดหมิ่นประมาท เป็นคนไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา เป็นคนอกตัญญู เป็นคนไร้ศีลธรรม

เป็นคนไม่รักซึ่งกันและกัน เป็นคนไม่ทำตามสัญญา เป็นคนหาความใส่เขา เป็นคนไม่มีสติรั้งใจ เป็นคนดุร้าย เป็นคนชังคนดี

เป็นคนทรยศ เป็นคนมุทะลุ เป็นคนหัวสูง เป็นคนรักความสนุกสนานยิ่งกว่ารักพระเจ้า

เขามีสภาพทางของพระเจ้าภายนอก แต่ฤทธิ์ของทางนั้นเขาปฏิเสธเสีย คนอย่างนี้ท่านจงผินหน้าหนีจากเขาเสียด้วย” 2 ทิโมธี 3:1-5

“จงรู้ข้อนี้ก่อน คือในวันสุดท้าย คนที่ชอบเยาะเย้ยจะเกิดขึ้น และดำเนินตามใจปรารถนาชั่วของตน

และจะถามว่า คำที่ทรงสัญญาไว้ว่าพระองค์จะเสด็จมานั้นอยู่ที่ไหน เพราะว่าตั้งแต่บรรพบุรุษหลับล่วงไปแล้ว

สิ่งทั้งปวงก็เป็นอยู่เหมือนที่ได้เป็นอยู่ตั้งแต่เดิมทรงสร้างโลก“ 2 เปโตร3:3, 4

ขอท่านผู้อ่านได้พิจารณาเหตุการณ์บางอย่างซึ่งพระเยซูบอกไว้ว่า จะหมายถึง “สมัยสุดท้าย”
“ประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักร” มัทธิว 24:7
ขอบข่ายของสงครามในสมัยปัจจุบันใหญ่โตกว่าที่แล้ว ๆ มาในสมัยโบราณ.
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง [เริ่มในปี 1914] เป็นสงคราม ‘เบ็ดเสร็จ’ ครั้งแรกของประวัติศาสตร์โลก


แต่สงครามโลกครั้งที่สองมีพลังในการทำลายล้างรุนแรงมากกว่า.


ทุกวันนี้สงครามยังคงลุกลามไปทั่วโลก. คำตรัสของพระเยซูได้สำเร็จเป็นจริงอย่างน่าทึ่งทีเดียว!

 

“จะเกิดกันดารอาหาร” มัทธิว 24:7
ขอให้ท่านผู้อ่านได้อ่านบทคัดย่อ “วิกฤตการณ์อาหารโลก”

เขียนโดย ดร. บัญชา แสงหิรัญ อธิการบดี มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ดังด้านล่างนี้

มนุษยชาติ มีแหล่งอาหารมากมายมหาศาลบนโลกใบนี้ แต่ทำไมประชากรกว่า 850 ล้านคนถึงยังหิวโหยและประสบภาวะทุพโภชนาการ

ทำให้เด็กกว่า 18,000 คน ต้องอดตายในทุกๆ วัน? ในขณะที่ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาราคาน้ำมันที่แพงขึ้นและทวีความ

รุนแรงอย่างต่อเนื่อง วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสำหรับคนและสัตว์มีราคาพุ่งสูงขึ้นโดยมิได้คาดการณ์มาก่อน

และนำไปสู่การเกิด “วิกฤตการณ์อาหารโลก” ( World Food Crisis ) ขึ้น ก่อให้เกิดกระแสความตึงเครียดไปทั่วโลก


การฟแสดงดัชนีราคาอาหารโลก

เนื่องจากประชาคมโลกล้มตายด้วยความอด อยากและหิวโหย

จะเห็นว่าไม่มีสงครามใดในโลกนี้จะทำให้ประชาชนต้องเสียชีวิตทุกๆ นาที และทุกๆ วันได้มากเท่าการขาดอาหาร


องค์การ อาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่า

ขณะนี้มีถึง 37 ประเทศ ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์อาหารโลกอย่างแท้จริง

ซึ่งปัญหาราคาอาหารแพงขึ้นทั่วโลกนี้ ทางสหประชาชาติเรียกว่าเป็น “Perfect storm of conditions”

= = = == = = == = = == = = == = = == = = == = = == = = == = = == = = == = = == = = =

หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเป็นต้นมา ได้เกิดการกันดารอาหารครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ก็ว่าได้.

ความร้ายกาจเนื่องจากการได้อาหารไม่พอกระทบกระเทือนประชากรของโลกถึง 37 ประเทศ และกว่า 18,000 คน ต้องอดตายในทุกๆ วัน

ทุกวันนี้ท่านผู้อ่านยอมรับหรือไม่ว่า “การกันดารอาหาร” ได้เกิดขึ้นแล้ว!

 

“จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในที่ต่างๆ” ลูกา 21:11

เรื่องนี้ผู้เขียนคงไม่จำเป็นต้องอธิบายยืดยาว ในสมัยของเรานี้ทุกท่านได้รับรู้ข่าวสารเรื่องนี้มากมากพอแล้ว

แต่จะขอสรุปสั้นๆจากบทความ “สถิติแผ่นดินไหว . . .ความจริงที่ถูกละเลย!” ดังนี้



ตารางข้างบนคือค่าเฉลี่ยของจำนวนครั้งที่เกิดแผ่นดินไหวในเวลาหนึ่งปีของช่วงเวลาต่างๆ รวม 3 ช่วงทั่วโลก

พูดให้สั้นๆ ก็คือ เมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาก่อนปี 2533 กับช่วงเวลา 12 ปีสุดท้าย

แผ่นดินไหวที่มีขนาดความรุนแรงสูงสุดคือมากกว่า 8.0 ริกเตอร์ได้เกิดเพิ่มขึ้นกว่า 6 เท่าตัวของช่วงก่อนปี 2533

อ่านบทความต้นฉบับที่นี่ Daily News - Manager Online

 

การเกิดแผ่นดินไหวที่เข้าข่ายลักษณะ “เกิดขึ้นถี่ๆ” ที่ว่านี้

น่าจะเป็นสัญญาณบางอย่าง ที่พระเยซูได้เตือนไว้ล่วงหน้าใช่หรือไม่ ขอให้ท่านผู้อ่านอดทนอ่านต่อไปอีกหน่อย


“และโรคระบาดอย่างร้ายแรง” ลูกา 21:11

ดร. มากาเร็ต แชง ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวในรายงานประจำปีว่า โรคใหม่ๆ ปรากฏให้เห็นในอัตตรา 1 โรคต่อปี

ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัตติศาสตร์ และทั่วโลกล่อแหลมต่อโรคเหล่านั้น เท่าๆ กันหมด

รายงานฉบับนั้น เตือนรัฐบาลของประเทศทั่วโลก ให้เฝ้าติดตามดูภัยคุกคามใหม่ๆ

องค์การอนามัยโลกระบุไว้ในรายงาน ประจำปีด้วยว่า จนถึงขณะนี้ เชื้อไวรัสไข้หวัดนก H5N1

ยังไม่ได้กลายพันธุ์เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อกันได้ในหมู่มนุษย์อย่าง ง่ายดายก็ตาม

แต่การระบาดของไข้หวัดใหญ่คราวต่อไป ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเป็นไข้หวัดนก และอาจกระทบกระเทือนพลโลกราว 1,500 ล้านคนได้

องค์การอนามัยโลกเตือนว่าการระบาดของ ไข้หวัดใหญ่อัน เนื่องมาจากเชื้อไวรัสไข้หวัดนกนั้นเกิดแน่

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะเกิดเมื่อไหร่เท่านั้น รายงานฉบับนั้นระบุด้วยว่า การที่มีผู้เดินทางโดยเครื่องบิน 2 พันล้านกว่าคนในแต่ละปีนั้น

ทำให้การระบาดของโรคในส่วนหนึ่งของโลกจะสามารถกลายเป็นภัยคุกคาม

อีกส่วนหนึ่งของโลกได้ภายในเวลาแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น

และว่าขณะนี้โรคติดเชื้อสามารถแพร่ออกไปตามบริเวณต่างๆ บนพื้นโลกได้อย่างรวดเร็วกว่าช่วงใดในประวัติศาสตร์
อ่านเต็มๆได้ที่นี่ “สถานการณ์โรคติดต่ออุบัติใหม่”

http://beid.ddc.moph.go.th/th/images/stories/word/situationeid.doc
รายงานประจำปีเรื่องโรคระบาด ขององค์การอนามัยโลก | ไทยโฮมเพจ | Thai


“ความชั่วช้าจะแผ่ขยายออกไป” มัดธาย 24:12

โลกของเรา ได้กลายเป็นโลกที่เต็มไปด้วยอาชญากรรมและความรุนแรง.

ในหลายแห่งประชาชนรู้สึกไม่มีความปลอดภัยที่จะเดินตามท้องถนนแม้ในตอนกลาง วันแสก ๆ.

เวลากลางคืนผู้คนอยู่ในบ้านซึ่งประตูหน้าต่างติดเหล็กดัดและปิดกุญแจแน่นหนา ไม่กล้าออกนอกบ้าน.


และมีอีกหลายสิ่งซึ่งบอกไว้ล่วงหน้าว่าจะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย และทั้งหมดที่บอกไว้ก็กำลังเป็นจริงทีเดียว.


นี้แหละหมายความว่า “อวสานของโลก” ภายใต้ระบบการปกครองของซาตานกำลังใกล้เข้ามาแล้ว.
แต่น่ายินดีที่จะมีคนรอดชีวิต หลังจาก “โลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกกำลังผ่านพ้นไป”

ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลได้สัญญาไว้ว่า “ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าก็ดำรงอยู่เป็นนิตย์” 1 ยอห์น 2:17

ดังนั้นแล้ว เราจำต้องเรียนให้รู้ถึงพระทัยประสงค์ของพระเจ้าและทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์.

ครั้นแล้วเราจะผ่านอวสานของโลกและรับพระพรนานาประการในโลกใหม่ของพระเจ้าตลอดไป.


พระเยโฮวาห์พระเจ้า ได้สัญญาตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลว่า ในเวลานั้น

“พระ เจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความคร่ำครวญ การร้องไห้

และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว” วิวรณ์ 21:4

หลังจากที่ท่านได้อดทนอ่านบทความนี้จนจบ ท่านจะทราบได้ว่า “โลกนี้จะอยู่รอดหรือไม่”

คำตอบคือ ลูกโลกนี้จะคงอยู่ตลอดไป
แต่ที่จะไปไม่รอดก็คือระบบสังคมของโลก
และคนในโลก ที่ไม่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้า

ในตอนต่อไปผู้เขียนจะได้เอาเรื่องราว มาตรฐานที่พระเจ้าทรงเรียกร้องจากมนุษย์
แต่ขอบอกกับท่านผู้อ่านจากประสบการณ์โดยตรงว่า
ข้อกำหนดของพระเจ้ากว้างมาก กกกกกก และไม่ยากเกินกว่าที่ท่านจะทำได้

ดังนั้นแล้ว ผู้เขียนจึงขอเชิญชวนทุกท่านว่า
“เชิญมาเถิด และให้ผู้ที่ได้ยินกล่าวว่า เชิญมาเถิด และให้ผู้ที่กระหายเข้ามา
ผู้ใดมีใจปรารถนา ก็ให้ผู้นั้นมารับน้ำแห่งชีวิตโดยไม่ต้องเสียอะไรเลย” วิวรณ์ 22:17

ขอขอบคุณที่มาโลกนี้จะไปรอดหรือไม่

 

โลกใบนี้เกิดมาเมื่อใด คงหาข้อมูลไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พอจะรู้ได้เท่าที่ผมจะกล่าวไว้ให้ตรองดู ...รู้ไว้ใช่ว่า ....ใส่บ่าแบกหาม.....ข้อความนี้บอกกล่าว โดยมิมีเจตนาจะขัดแย้งกับท่านใด...
พระพุทธเจ้า ที่ตรัสรู้บนโลกใบนี้ แล้ว 2,220 พระองค์ ในหนึ่งพระองค์ของพระพุทธเจ้า หรือหนึ่งยุคสมัยของท่าน จะใช้เวลา เป็นล้านปี จึงจะลงมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า นับแต่องค์ปฐมต้นมา แล้ว รวม ๆจนประทั้ง ถึงสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า(พระพุทธโคดม)องค์ปัจจุบัน เป็นเวลา 300,000, ล้านปี เมื่อพ้นยุคของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ โลกก็จะปรับสมดุลย์ตมธรรมชาติที่ถูกมนุษย์ทำลายมาในแต่ละยุค ๆ เพราะทุก ๆยุคของพระพุทธเจ้า (ในแต่ละยุค มนุษย์มีอายุขัยต่างกัน เช่นสมัยยุคองค์พระปฐม มีอายุขัย 10,000 ปี เป็นต้น ก็จะมีความเจริญของมนุษยชาติจนถึงขีดสุด ทรัพยากรณ์ที่มีอยู่ถูกนำมาใช้หรือพัฒนาใช้สอยเพื่อความสะดวกสบายของมนุษย์ มาตลอดยุคสมัย ปาไม้ถูกทำลาย น้ำมัน อีกมากมายที่ถูกนำมาใช้จนเกือบหมด โลกหรือดาวเคราะห์ดวงนี้จึงปรับสมดุลย์ตัวเอง มาตลอด อย่าด่วนตายจากไปก่อนที่จะเห็นการปรับตัวครั้งใหญ่สุด อีกไม่นานครับ ไม่เกิน 3,000 ปี คงได้เห็น แล้วจะเป็นยุคมืด มีแต่ฤาษี และเหล่าเทพต่าง ๆ ลงมาปกปักรักษามนุษย์ ลูกศิษย์ของตนเอง ซึ่งยุคนั้นจะปลอดจากศาสนา ธรรมชาติก็จะสมบูรณ์สวยงามแล้วเริ่มเป็นยุคน้ำแข็ง ยุคทองแดง ยุคเหล็ก ยุคหิน และก็ยุคปัจจุบัน ในยุคของศาสนาพุทธนามพระศรีอาริยเมตตรัย อีก 1ล้าน5แสนปี ท่านจะลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ในนามยุคศิวิไล เรา ๆท่านๆ ก็จะเป็นวัตถุโบราณให้ลูกหลานได้ขุดค้นพบเจอรถยนต์ ทองคำ เหล็ก ตะกั่ว ทองแดง ทองเหลือ และอื่นที่เป็นวัตถุ จะถูกย่อยสลายกลายเป็นสายแร่ต่าง ๆ ให้ลูกหลนเหลนโหลนในอนาคต พัฒนาใช้ดั่งปัจจุบัน และถึงจุดเจริญสูงสุด โลกก็จะปรับสมดุลย์กันใหม่อีกครั้ง หมุนเวียนกันไป เกิดมา ตั้งอยู่และดับไป จงพึงสังวรณ์ไว้ อย่าตั้งตนอยู่ในความประมาท แข่งแย่งเบียดปังกัน
เกิดมาข้าพเจ้าต้องตาย ชีวิตไม่เที่ยง ความตายเป็นของเที่ยง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
ขอให้ทุกคนมีเมตตา และเจริญในธรรม

 

เราเคยคิดมาตั้งแต่เด็กๆนะ ว่า...
โลกเราเคยเจริญสูงสุดมาแล้ว
แล้วก็โดนภัยพิบัติล้างโลก
แบบนี้มาเรื่อยๆเป็นวงจร
ถ้าครั้งนี้จะเกิดอีกก็ไม่น่าแปลกใจ

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ทำความดีให้มากที่สุดดีกว่า

 

ปัดธ่อ เรื่องภัยพิบัติต้องถามผม แผนที่โลกใหม่ปัจจุบันมองข้ามจุดสำคัญไปข้อนึงคือ เราจะได้พื้นที่ๆขั้วโลกเหนือ ซึ่งสามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้หลังน้ำแข็งละลาย แต่ก็มีไม่มากนัก ส่วนขั้วโลกใต้ไม่มีเลยพื้นดิน เป็นน้ำล้วนๆ แต่ที่แน่ๆ ผมเตรียมตัวอพยพแล้ว ต่อไปเงินทองจะไร้ค่า ข้าวปลาคือของจริง สำหรับผมเตรียมเสื้อผ้าหล่อๆไว้ล่อสาว กับกระเป๋าสารพัดประโยชน์ ตอนนี้ยังไม่ครบกำลังทยอยซื้ออยู่ครับกระผม ในกรณีย์ที่โครงการกู้โลกไม่ประสพผลสำเร็จ ฮ่าๆๆ ยิ่งลำบาคยิ่งชอบครับชีวิตมีรสชาติดี ไม่ซีเรียส

 

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ meephoo และคิดเหมือนกับ jetto เช่นกันคับ.

 

อันทีจริง มานั้งคิดๆดู ว่าเตรียมข้าวของอะไรต่อมิอะไร หรือไม่ต้องเตรียมดีกว่ากัน ถ้าตายไปเลยก็โอนะ แต่ถ้าไม่ตาย ค่อยมาสอยเอาพวกที่เตรียมๆไว้แล้วไม่รอดดีกว่า แบบนี้ถ้าจะดีกว่า