โทษภัยของโทสะอันน่ากลัว

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย โสภา จาเรือน, 1 กรกฎาคม 2008.

แท็ก: แก้ไข
  1. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    เรื่องของโทสะที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากนะคะ

    แม้ในขณะที่เครียด กังวล ขุ่นเคือง หงุดหงิดก็เป็นความติดข้องของจิต ที่เป็นโทสะ (หากไม่ทราบว่า แม้เพียงคิดน้อยใจ คิดเสียใจเครียด กังวล ก็เป็นโทสะอย่างหนึ่ง ก็ยากที่จะรู้ทันโทสะ)

    โทสะนั้นเราส่วนใหญ่อาจมักเข้าใจกันว่าเป็นความโมโห ความโกรธ เลือดขึ้นหน้าทำนองนั้น

    จริงๆแล้วแค่ความเครียดหงุดหงิด ไม่สบายใจ กังวล เล็กๆน้อยก็เป็นโทสะแล้ว คือเป็นโทสะมูลจิต (อกุศลจิต สะสมในจิตทีละเล็กละน้อย)เพราะจิตมีสภาพสะสมได้ เมื่อสะสมสภาพโทสะละเอียดบ่อยๆก็จะสะสมได้เป็นโทสะที่กลายเป็น อกุศลกรรม(การกระทำมีเจตนาฝ่ายอกุศลมีผลเต็มที่เพราะมีเจตนาให้กระทำ)

    โทษของโทสะที่สะสมในจิต(อกุศลจิต)จนผลิออกมาเป็นโทสะที่แสดงออกมาเต็มที่เป็นอกุศลกรรมนั้น

    มีดังนี้


    1.... ย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณทราม.....

    ตัวอย่างเช่น เป็นสิวง่าย มีผื่นคันผิวหยาบกระด้าง หม่นหมอง ฯลฯ

    สังเกตคนที่เครียดมากๆ กังวลมากๆคือทำในใจบ่อยๆจนเป็นนิสัย

    ไม่นานผิวพรรณจะทรามลงในลักษณะต่างๆขึ้นอยู่กับความมากน้อยของ โทสะ และเมตตา(ธรรมที่ตรงกันข้ามกัน)ตกแต่งกันไปตามสภาพกรรม

    เวลาเครียดๆนี่ ถือว่าขาดเมตตาต่อตนเองนะคะเพราะมีโมหะด้วย คือความไม่รู้ตามจริง จึงเผลอคิดเครียดเรื่อยๆ ความเครียดจะสะสมให้กระทำรุนแรงออกมาได้ เช่น วีนใส่คนอื่น หรือกล่าวถ้อยคำผรุสวาท เสียดสีฉุดกระชากผลักผู้อื่น ใช้สายตาทำร้ายใจผู้อื่น กิริยาสะบัดสะบิ้งจนผู้อื่นระอาเป็นต้น


    2. ....ย่อมนอนเป็นทุกข์....
    คนที่ไม่ได้ไปแสดงอาการโมโหกับใครก็มีสิทธิ์นอนเป็นทุกข์ได้ เพราะความเครียดกังวลใจ น้อยใจ ไม่สบายใจนั้นเป็นโทสะมูลจิต คืออกุศลจิตที่เป็นโทสะ อย่างละเอียดย่อมสะสมกลายเป็นความโกรธคับแค้นใจอย่างหยาบที่แสดงออกมาทางกายและวาจาได้ในที่สุด
    นอนเป็นทุกข์ นอนไม่ค่อยจะหลับบ้างก็เอามือก่ายหน้าผาก จนเลือดไปค้างอยู่ตรงหน้าผากเพราะแรงกดทับก็มีทำให้หน้าผากหมองคล้ำ ผิดโหงวเฮ้งไปอีก ผิวพรรณทรามตรงตามผลในข้อ1ไปด้วย
    ฝันก็ฝันร้าย เพราะโทสะรกจิต เอาเก็บไปฝันได้ตื่นมาเอาเรื่องในฝันไปขบคิดไม่สบายใจอีกก็มี
    นี่คือนอนเป็นทุกข์


    3.ย่อมเห็นเรื่องไร้สาระเป็นสาระเรื่องสาระเป็นไร้สาระ

    สังเกตจากคนที่เครียด(โทสะอย่างละเอียด)
    ที่วนๆอยู่ในหัวของพวกเค้านั้นก็ไร้สาระแต่เค้าคิดว่าเป็นสาระที่ต้องคิด จึงหมุนๆวนๆอยู่อย่างนั้น
    ไม่นานก็บ้าประสาทเสียบ้าง กลายเป็นคนขี้วีนบ้าง ร้องไห้โหยหวนบ้าง แล้วก็กลับคิดว่าที่วีนออกมา ร้องไห้ออกมา โต้ตอบออกมา คือสาระที่ต้องกระทำ คิดว่าถูกแล้วที่ได้ระบายเต็มที่
    หารู้ไม่ว่าได้ก่อกรรมทางกายโดยสมบูรณ์แล้ว

    การที่เห็นว่าสิ่งไร้สาระเป็นสาระแบบนี้คือหนทางแห่งความฉิบหาย เพราะ เห็นผิดเสียแล้ว ย่อมเกิดทิฏฐิมานะว่า ทำถูกต้องแล้วเหตุนี้จึงทำให้เกิดทุกข์ตลอดกาล

    4.ย่อมเสียทรัพย์ได้โดยง่าย...

    แม้จะมีโภคะที่ตนหามาได้ด้วยความขยันขันแข็งสั่งสมได้ด้วยกำลังแขนอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรมแต่เพราะอำนาจโทสะนั้น ทำให้ขาดสติ มีเหตุอันให้เสียทรัพย์ได้โดยง่ายบ้างถูกโจรขโมยไป บ้างถูกภัยธรรมชาติ บ้างถูกทางการริบทรัพย์ไป
    ข้อนี้ให้ระวังสำหรับคนที่หาทรัพย์มาอย่างเหนื่อยยาก อุตส่าห์ทำบุญทำทานก็แล้วแต่หากไม่ระงับโทสะก็จะเสียทรัพย์ได้โดยง่าย...
    แม้ว่าผลบุญจะทำให้หาทรัพย์มาได้โดยง่ายก็ตาม...
    (แบบพวกคนรวยบางท่านที่ได้เงินมาง่ายๆแต่ใช้หมดเร็วแบบไฟไหม้ฟาง บ้างโดนยึดทรัพย์ก็มี บางท่านของหายบ่อยของพังอยู่เนืองนิจเพราะฤทธิ์ของไฟโทสะที่เคยไปเผาใจของคนอื่น)

    ผลกรรมที่จะเสียทรัพย์เพราะโทสะนี้มักเกิดพร้อมกับ ผลกรรมของการผิดศีลข้อ2ด้วย
    ถ้าเกิดพร้อมศีลข้อ2 ก็จะรุนแรงมากบางคน ฐานะยากจนแล้วยังไฟไหม้บ้านอีกคือกรรมนั้นรุนแรงมาก...



    5.ย่อมไม่มีมิตรแท้หรือมิตรแท้เริ่มตีตัวออกห่างเลิกคบ

    แน่นอนว่าคนที่ขี้วีน ขี้โกรธอยู่เนืองนิจไม่มีใครอยากจะอดทนให้นัก

    เพราะนอกจากไฟโทสะจะเผาใจผู้มีโทสะแล้วถ้าบันดาลโทสะออกมาทางกายวาจา สายตา ท่าทางแล้วก็เหมือนไปเผาใจคนใกล้ตัวด้วย

    บางคนต้องเลิกคบกันเพราะทนอารมณ์ฉุนเฉียวของกันและกันไม่ไหว
    ...ทนกิริยาหงุดหงิดของกันและกันไม่ไหว...

    เมตตาคือหลักธรรมที่ทำให้เป็นที่รักแก่มิตรเป็นที่รักของสรรพสัตว์ทั้งหลาย แต่หากเป็นคนมีโทสะอยู่เนืองนิจแม้แต่สัตว์เลี้ยงยังไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้เลย



    6.ย่อมประพฤติทุจริตทั้งกายวาจาใจได้โดยง่าย...
    เมื่อตายไปก็จะไปภพที่ไม่ดีเช่น นรก เป็นต้น....

    คนมักโกรธ ซึ่งมีโทสะในใจบ่อยๆ อาจกังวลไม่สบายใจนานๆจะสะสมจนกระทำออกทางกายแบบไม่สุจริตได้ เช่น สะสมจนมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงต่อคนใกล้ชิด เช่นผู้มีพระคุณ เป็นบาปมหันต์ให้รีบขอขมาลาโทษผู้มีพระคุณ เพื่อปรับจิตที่มีโทสะนั้น ให้อ่อนโยนลง

    เพราะหากจิตสุดท้ายก่อนตาย มีอารมณ์แค้นเคือง ขุ่นเคืองก็อาจนำพาไปสู่ภพนรกได้โดยง่าย


    ฝึกดูจิตดูใจไว้มากๆนะคะ
    เรายังเป็นปุถุชนที่ยังไม่หมดกิเลสยังเกิดโทสะในใจอยู่เสมอๆ
    แต่เราเลี่ยงที่จะไม่กระทำกรรมที่เบียดเบียนผู้อื่นได้

    เริ่มที่เจริญพรหมวิหาร4 หรือนึกเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา นั่นเองก็พอจะระงับโทสะในใจลึกๆได้บ้างเพื่อจะได้ไม่สะสมจนกระทำออกมาเป็นกรรมหนัก
    (เช่น ฆ่าฟันกันง่ายๆดังที่เห็นกันอยู่บ่อยๆตามหน้าหนังสือพิมพ์)
    วิธีระงับราคะ โทสะโมหะ

    ปัญหา ทำอย่างไรจึงจะไม่เกิด ราคะ โทสะ โมหะเมื่อได้สัมผัสกับอารมณ์ต่าง ๆ ?

    พุทธดำรัสตอบ
     
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  3. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    จะพยายามสำรวมระวังรักษากาย วาจา ใจค่ะ

    ขออนุโมทนา....
     

แชร์หน้านี้

Loading...