โทษของการ"ขโมยของสงฆ์"

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย Lukhgai, 27 ธันวาคม 2008.

  1. Lukhgai

    Lukhgai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    3,000
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +8,240
    [​IMG]


    โทษของการ"ขโมยของสงฆ์"


    "ของทุกอย่างที่ขึ้นชื่อว่า เป็นสมบัติของสงฆ์แล้ว จะเป็นสิ่งของ หรือวัตถุเครื่องใช้อะไรก็ตาม จะมีราคามาก หรือน้อยก็ตาม ผู้ที่นำไปใช้โดยพละการหรือทำสิ่งของเหล่านั้นเสียหาย จะต้องนำสิ่งของเหล่านั้น มาทดแทน ให้เหมือนเดิม ไม่เช่นนั้นจะทำให้ผู้ล่วงละเมิด ลงสู่อเวจีมหานรกได้โดยง่าย"

    อย่างวัดร้างที่ปรากฏว่า เป็นที่ดินเปล่า ไม่มีฐานะแสดงว่า เป็นวัด หรือบางแห่งแสดงฐานะว่า เป็นวัดแต่อยู่ในป่าในดงหรือ วัดที่มีฐานะอยู่ก็ตาม เราจะนำสิ่งของอะไรมาก็ตามในเขตนั้นเป็นของสงฆ์หรือว่าถ้าใครยึดแผ่นดินของสงฆ์ไว้ เป็นสมบัติ ส่วนตัวละก็ ถือว่า ซวยขนาดหนัก แบบนี้ มีผู้เรืองอำนาจรุกรานสงฆ์ เคยตกนรกขั้นขุมที่ 7 มาแล้ว ขุมนี้หนักมาก รองจาก อเวจีมหานรก เพราะอะไร เพราะ บุกรุกที่ดินของวัด ถึงแม้จะไม่มีเจตนาโกง วัดก็เป็นวัดร้าง แต่ไม่รู้ว่า เป็นวัดร้าง แค่นี้ก็ ตกนรกขุมที่ 7 จะมาอ้างว่าไม่รู้ไม่เจตนาไม่ได้ มีความผิดหมด หรือว่า มีไม้ลอยมาหน้าบ้าน เราเห็นว่า ไม่มีเจ้าของ เอาเข้ามาทำฟืน แต่ถ้าไม้นั้นมาจากวัด ก็เป็นไม้ของสงฆ์ไปเอาเข้ามันก็บาป ต้นหญ้าต้นฝาง ที่มันอยู่กลางทุ่งสถานที่นั้นอาจ จะเคยเป็นวัดมาก่อนก็ได้ เขาเคยถวายเป็นของสงฆ์ แต่ว่า สภาพของวัดมันสูญไป ของที่อยู่ในนั้นทั้งหมด แม้แต่แผ่นดิน ก็ยังเป็นของสงฆ์ เราไปเอาต้นไม้ต้นเดียวมาก็บาป แล้วโทษของสงฆ์ หนักมาก เรียกว่า ขั้นอเวจีขั้นเดียว มีระดับเดียว ระดับอื่นไม่มี

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ คนที่กินข้าวที่พระอนุญาตแล้วทำไมถึงตกนรก และพระที่ให้ก็ต้องตกนรกด้วยครับ

    หลวงพ่อ : "ถ้าอาหารที่พระให้ ต้องเป็นของที่ญาติโยมถวายเฉพาะองค์นั้นไม่มีโทษแน่ แต่ที่เป็นอย่างนี้ ต้องเป็นอาหาร ที่เขาถวายเป็นส่วนกลาง คือ เป็นของสงฆ์ ของสงฆ์นั้นพระองค์ใดองค์หนึ่งไม่มีสิทธิ์ให้นอกจากสงฆ์จะประชุมตกลงให้พระ องค์นั้น เป็นผู้จ่ายแทนสงฆ์ ตัวอย่างของสงฆ์เช่น อาหารวันพระที่มี ข้าวใส่บาตรเหลือมากๆ แล้ว ทายกใส่ถ้วยเอาไปบ้าน โดยที่คณะสงฆ์ ไม่มีส่วนรู้เห็น อย่างนี้ แม้แต่เจ้าอาวาสเอง ยังไม่มีสิทธิ์ให้ตามลำพัง

    บางทีกินอาหาร ที่พระฉันเหลือ ถ้าพระอนุญาตแล้ว ไม่มีโทษ (สำหรับญาติโยมที่ไปในงาน ทางวัดเขาตั้งใจเลี้ยงก็ไม่เป็นไร) แต่บางท่านก็หยิบของที่พระฉันแล้วเอามาเฉย ๆ บางท่านก็ขอเอาดื้อๆ ให้หรือไม่ให้ก็ตาม ออกปากขอ แล้วยกไปเลย พระยังไม่ทันอนุญาต ท่านทายกประเภทนี้ ท่านช่วยยก คนที่กินกับท่าน ลงอเวจีแบบสะดวก เมื่อจะขอต้องดูว่า อาหารมาก ไหมถ้ามากจนเหลือเฟือ ก็ขอให้พระท่านให้ ตามความพอใจของท่าน เพราะท่านอาจจะมีกังวล นำอาหารไปให้ใคร ที่ท่าน มีภาระต้องเลี้ยง ถ้าถือเอาตามความพอใจ ก็ต้องถือว่า แย่งอาหารจากพระมีโทษ 100 เปอร์เซ็นต์

    และ อาหารถวายพระพุทธรูป ก็เหมือนกัน อาหารประเภทนี้ ดูเหมือนจะเป็นเหยื่อล่อให้ลงอเวจี สะดวก สบายมาก อาหารที่เขานำมาวัด เขาตั้งใจถวายพระสงฆ์ การนำไป ถวายพระพุทธรูปนั้น เป็นความดี เพราะเป็น พุทธานุสสติ ด้วย เป็น พุทธบูชา ด้วย แต่อาหารประเภทนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้มาก เพราะ พระพุทธรูป ไม่ได้ฉัน ท่านจะฉัน หรือไม่ฉัน ก็ตาม อาตมาคิดว่า ทายกทายิกาไม่มีสิทธิ์จะกิน หลายวัดหรือส่วนใหญ่ ทายกมักจะเอาอาหารดีๆและมากๆ ไปทุ่มเทถวาย พระพุทธรูป

    เมื่อพระฉันเสร็จแล้วต่างก็ยกเอามากิน ตอนนี้ไม่ถูกด้วยประการทั้งปวง ต้องเอาไว้ถวายพระตอนเพลจึงจะถูก ทายก ทายิกาได้ เฉพาะอาหารที่เหลือเดนจากพระฉันเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์สถาปนาตนเอง เป็น "ลูกศิษย์พระพุทธรูป" แต่ประการ ใด

    รวมความว่า ของที่ถือว่าเป็นของสงฆ์นั้น คือ ของในวัดทุกประเภท ที่เขาภวายเป็นของสงฆ์แล้ว แม้แต่ ดอกไม้ ผลไม้ ในวัด เศษไม้ที่คิดว่า ทำอะไร ไม่ได้แล้ว เอามาทำฟืนบ้าง ทำอย่างอื่น เล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างจง อย่าคิดว่า ไม่ทำบาป แม้แต่ เศษกระเบื้องที่ทิ้งแล้ว ก็เป็นของสงฆ์ มีผลเสมอกัน เว้นไว้แต่ ดอกไม้ ผลไม้ ที่พระหรือท่านผู้ใดปลูกในวัดถ้าท่านเจ้า ของยังอยู่ในเขตวัดนั้น และท่านอนุญาต อย่างนี้เอามาได้ไม่บาปด้วย ท่านเจ้าของมีสิทธิ์สมบูรณ์ ให้ได้ รับมาได้ ไม่มีโทษ ถ้าท่านผู้ปลูก ออกไปจากวัดนั้น หรือตายไปแล้ว ของนั้นเป็นของสงฆ์โดยตรง ไปเอามา มีโทษตามกำลังบาป ขโมยของสงฆ์

    และอีกประการหนึ่ง วัดร้างที่ไม่มีพระอยู่ แต่มีสภาพเป็นวัด ถ้าเราไปนำมานิดเดียว แม้แต่ต้นหญ้าต้นเดียว เขาถือว่า เป็น หนี้สงฆ์ อันนี้อันตรายมาก สมัย หลวงพ่อปาน ท่านก็แนะนำ ให้คนชำระหนี้สงฆ์ บาทสองบาท สลึงสองสลึง บางคน ไม่มี เงิน เอามาทำงานแทน ทำอะไรก็ได้ ไม่บังคับ คือ ดายหญ้าก็ตามไม่เอา ค่าแรง"

    ผู้ถาม : "แล้วเรื่องพระชำระหนี้สงฆ์มีความเป็นมาอย่างไรครับ..?"

    หลวงพ่อ : "เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ฉันไปที่ศรีราชาญาติโยมเขาถามเรื่องชำระหนี้สงฆ์ ถ้าหลายๆชาติมาเราไม่รู้อะไรมาบ้าง ถามว่า จะถามอย่างไร ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน พอตอบไม่รู้ ก็เห็นพระ ท่านลอยมา ท่านบอก "ถ้าจะชำระให้ครบถ้วน เป็น เงินเท่าไรก็ไม่พอให้สร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 4 ศอก"
    พระหน้าตัก 4 ศอก ถือว่า เป็นพระประธานมาตรฐาน ท่านบอกว่า "พระพุทธรูปนี่ ไม่มีใครตีราคาได้ ใช้ในการชำระหนี้สงฆ์ หนี้สงฆ์ที่แล้วๆมาถือเป็นการหมดไป"

    ฉันพูดแล้ว ก็กลับมาวัด ต่อมาพวกนั้น ก็ถามใหม่ว่า "สร้างพระองค์เดียวได้คนเดียวหรือกี่คน" ฉันก็ไม่รู้อีก ซิ ก็นึกถึงท่าน ท่านก็มาใหม่ ท่านก็บอกว่า

    "ถ้าไม่ปิดทองได้คนเดียว ถ้าปิดทองครบถ้วนได้ทั้งคณะ"

    คำว่า "คณะ" หมายความว่า บุคคลหลายคนก็ได้ ตัดบาปเก่า ถ้าสร้างใหม่ เอาอีกนะ สร้างหนี้ใหม่ต่อ เป็นหนี้ใหม่ เหมือน กันนะ
    ผู้ถาม : "ถ้าหากถามว่า เรามีสตางค์น้อย แล้วถวายพระจะได้ไหมครับ...?
    หลวงพ่อ : ถ้าเรามีสตางค์น้อยๆ ก็ใส่ซองเขียนหน้าซองว่า ชำระหนี้สงฆ์" คือว่า ไม่ได้จำกัด ทำไปเรื่อย ๆ ให้สบายใจ บาท สองบาทตามกำลังที่จะพึงทำได้ เขาไม่ได้เกณฑ์ว่า จะสร้างพระนี่ เขาถามก็บอก ท่านมาบอก อัตรานี้โละกันเลยนะคือ ไม่ ใช่จะเกณฑ์ให้สร้างพระ เพราะทุนไม่พอใช่ไหม เราก็ทำไปเรื่อย ใจสบาย มีสตางค์รับเงินเดือนมาทีทำ 5 บาท ใส่ซองถวายพระบอก "ขอชำระหนี้สงฆ์" ท่านไม่รู้ท่านใช้ผิดท่านลงนรกเองไม่ต้อง ห่วง ถ้าไปกินเป็นส่วนตัวละเรียบร้อย

    เงินชำระหนี้สงฆ์ มันมีค่ากว่า เงินสังฆทาน และวิหารทาน
    ถ้าไปใช้เป็นส่วนตัวไม่ได้ ต้องใช้เป็นส่วนกลางอันตรายกับพระ แต่ช่างท่านเถอะ ถ้าบวชแล้วอยากโง่ให้ลงนรกไปใช่ไหม"

    ผู้ถาม : " ถ้ามีญาติโยม เอาเงินไปถวายพระ แต่พระก็เอาเงินไปปลูกบ้านบ้าง ให้ญาติโยม ไปออกดอก ออกช่อบ้าง อยาก ทราบว่าผลบุญที่ลูกได้ทำแล้ว จะมีอนิสงฆ์สมบูรณ์แบบ หรือไม่เจ้าคะ...? "

    หลวงพ่อ : "เขาถวายเป็นของสงฆ์ใช่ไหม เขาถวายเข้าไปในวัดใช่ไหม แล้ววัดไม่ได้ทำอะไร แต่คนใน วัดเอาไปปลูกบ้าน เงินนั้นไปที่อื่นใช่ไหม เขาถวายอานิสงส์ มันได้ตั้งแต่ถวาย มีอานิสงส์ครบถ้วน นั่นเขา ครบ 100 เปอร์เซ็นต์เลยนะ คนอื่น เอาไปใช่ไหม อย่าไปยุงกับเขาเลยนะ อานิสงส์ได้ ตั้งแต่เริ่มให้ ยิ่งให้ ก็ยิ่งอานิสงส์หนักขึ้น เวลาให้ต้องให้ด้วยตนเองใช่ไหม ขณะที่พระรับก็เกิด ธรรมปีติอิ่มใจ อานิสงส์มันเพิ่ม แต่ว่าคนที่นำเอาไปใช้พิเศษ คนนั้นลงอเวจีแน่"

    คัดมาจากหนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับพิเศษ และหนังสือสมบัติพ่อให้ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง อุทัยธานี
     
  2. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,049
  3. unigodx

    unigodx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    449
    ค่าพลัง:
    +607
    ขอบคุณมากครับ คงต้องระวังกันมากขึ้นนะครับ
     
  4. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ ... ดีแล้วชอบแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...