โซลิตอน (Solitons) ฟิสิกส์ เบื้องหลังคลื่นมรณะ สึนามิ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย pongsiri, 17 มีนาคม 2005.

  1. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    โซลิตอน (Solitons) ฟิสิกส์ เบื้องหลังคลื่นมรณะ สึนามิ


    หน้าที่ 1 - โซลิตอนคืออะไร

    เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมคลื่นยักษ์สึนามิ (tsunami) ที่ก่อตัวขึ้นกลางมหาสมุทรลึก ๆ ในจุดที่ไกลมาก ๆ จึงสามารถเคลื่อนที่เข้าหาฝั่งได้โดยไม่สลายตัวไปเสียก่อน ถ้าเราโยนก้อนหินลงไปในน้ำ ก็จะเห็นว่าเกิดคลื่นเป็นรูปวงกลมที่ค่อย ๆ ขยายออก พร้อมกับมีขนาดความสูง(Amplitude)ที่เล็กลงเรื่อยๆ และมีคลื่นที่มีขนาดน้อยกว่าเกิดขึ้นด้านหลัง หรือจะเป็นคลื่นที่มีหน้าคลื่นเป็นเส้นตรงอย่างที่เกิดขึ้นเวลามีเรือแล่นผ่านก็เช่นกัน มันจะเดินทางไปพร้อมกับลดขนาดลงและสร้างคลื่นลูกเล็ก ๆ ตามมาติด ๆ หลายลูก

    คลื่นน้ำโดยปกติแล้วจะเกิดปรากฏการณ์ dispersion ขณะเดินทาง เพราะว่าคลื่นลูกหนึ่งจะประกอบด้วยความถี่หลาย ๆ ความถี่ และคลื่นที่ความถี่ต่างกันก็จะเดินทางด้วยความเร็วไม่เท่ากัน เมื่อคลื่นน้ำเดินทางไปสักพัก ส่วนของคลื่นที่มีความถี่สูงกว่าก็จะแยกตัวออกมาทางด้านหลังเพราะมีความเร็วน้อยกว่า กลายเป็นคลื่นหลาย ๆ ลูกติดกันที่มีขนาดค่อย ๆ เล็กลง (ดูภาพที่ 3) นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คลื่นน้ำธรรมดาไม่สามารถเดินทางไกล ๆ โดยคงรูปเดิมไว้ได้ นอกจากการขยายตัวไปทางด้านหลังของคลื่นแล้วหากคลื่นมีขนาดสูงพอ

    ปรากฏการณ์ ที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งก็จะเข้ามามีบทบาท ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า nonlinearity ครับ โดยคลื่นที่อยู่ที่ขนาดสูงกว่าจะมีความเร็วมากว่าคลื่นที่อยู่ที่ขนาดต่ำกว่า ปรากฏการณ์นี้ทำให้ยอดคลื่นเดินทางเร็วกว่าฐานคลื่น ทำให้คลื่นมีหน้าตาเปลี่ยนไปเหมือนกับตอนที่คลื่นโถมเข้าหาฝั่ง ซึ่งจะเห็นว่ายอดคลื่นจะนำเข้ามาก่อน ถ้าหากยอดคลื่นเร็วกว่ามาก มันก็จะยื่นออกมาด้านหน้า และม้วนลงเพราะแรงดึงดูดของโลก กลายเป็นคลื่นม้วน เหมือนอย่างที่นักเล่นกระดานโต้คลื่นเขาชอบกัน โดยปกติแล้วปรากฏการณ์ของคลื่นที่กล่าวถึงสองอย่างนี้จะสามารถต้านทานกันและกันได้เมื่อมีเงื่อนไขที่เหมาะสม โดยจะทำให้คลื่นไม่ม้วนมาด้านหน้า และก็ไม่ขยายตัวออกไปด้านหลังหรือมีขนาดเล็กลง เมื่อคลื่นที่อยู่ในเงื่อนไขที่เหมาะสมดังกล่าวนี้จะสามารถที่จะเดินทางได้นานโดยไปเปลี่ยนแปลงรูปร่างเลย คลื่นพิเศษชนิดนี้เรียกว่าโซลิตอน (soliton) ซึ่งมาจากคำว่า solitary ที่แปลว่าสันโดษเพราะว่าโซลิตอนเป็นคลื่นเดี่ยว ลักษณะเหมือนเนินกันความเร็วรถบนถนน ไม่ต้องมีขึ้นลงขึ้นลงหลาย ๆ ครั้งเหมือนคลื่นทั่วไป

    ผู้ที่บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับโซลิตอนเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นคนแรกเป็นนักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ ชื่อ John Scott Russell โดยในปี ค.ศ. 1844 Russellได้เขียนถึงคลื่นที่เกิดในคลองส่งน้ำจากการที่เรือลากโดยม้ากระตุกเมื่อม้าเริ่มออกเดิน ในบันทึกกล่าวว่าสิ่งที่เขาสังเกตเห็นในคลองส่งน้ำเป็นคลื่นที่สามารถเดินทางได้ไกลหลายกิโลเมตรโดยไม่เปลี่ยนรูปร่างเลย และมีความเร็วคงที่ เขาตั้งชื่อคลื่นดังกล่าวว่า wave of translation


    [​IMG]
    ภาพที่ 1: ภาพถ่ายจากการทดลองสร้างโซลิตอนเลียนแบบการค้นพบของ John Scott Russell ในทางระบายน้ำที่ Union Canal ใกล้มหาวิทยาลัย Heriot-Watt (Dugald Duncan/Heriot-Watt University, Edinburgh/dugald@ma.hw.ac.uk)


    เนื่องจากคุณสมบัติในการเคลื่อนที่โดยไม่เสียพลังงานของ wave of translation ตามข้อสังเกตของ Russell เป็นสิ่งใหม่ในขณะนั้น นักวิทยาศาสตร์หลายคนมีความเห็นว่าสิ่งดังกล่าวไม่น่าจะเป็นไปได้ และด้วยเหตุผลที่ว่า wave of translation ไม่ยังสามารถอธิบายได้ด้วยสมการคณิตศาสตร์ ความเชื่อว่าคลื่นดังกล่าวมีอยู่จริงก็ยิ่งน้อยลงอีก จนกระทั้ง ในปี ค.ศ.1895 Korteweg และ de Vries ได้สร้างสมการสำคัญสำหรับการอธิบายคลื่นดังกล่าวด้วยคณิตศาสตร์ขึ้นมา สมการที่ว่านี้ถูกเรียกว่า สมการ KdV ตามชื่อของนักคณิตศาสตร์ทั้งสองคน
     
  2. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    <html>
    <table><tr>
    <td> <b> หน้าที่ 2 - สมการ KdV</b><br>

    คำตอบของสมการนี้บ่งชี้ว่าคลื่นเดี่ยวที่มีลักษณะตามที่ Russell บันทึกไว้สามารถมีเกิดขึ้นได้จริง สมการ KdV ที่ Korteweg และ de Vries สร้างขึ้น มีหน้าตาหลากหลายตามแต่ระบบที่สมการกำลังอธิบาย หน้าตาแบบหนึ่งของสมการนี้คือ <img src=http://www.vcharkarn.com/physics/pictures/A273p2x1.gif> ซึ่งใช้ในการอธิบายคลื่น wave of translation ในหนึ่งมิติและในเฟรมที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากับความเร็วของคลื่นในตัวกลางนั้น ๆ ในสมการนี้ คือความสูงของคลื่น คือระยะขจัด คือเวลา จะเห็นว่าสมการนี้มี เทอมหน้าตาประหลาดอยู่สองเทอมคือ <img src=http://www.vcharkarn.com/physics/pictures/A273p2x2.gif> เทอมแรกนั้นเป็นผลมาจาก nonlinearity ของตัวกลางของคลื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คลื่นที่มีความสูงมากกว่ามีความเร็วมากกว่า ทำให้ยอดคลื่นพยายามจะโน้มไปด้านหน้าและมีลักษณะเหมือนกำลังจะแยกตัวกันออกมา simulation ด้านล่างนี้แสดงให้เห็นว่าหากคลื่นมีผลจาก nonlinearity อย่างเดียว หน้าตาจะเป็นอย่างไร

    <p align=center><img src=http://www.vcharkarn.com/physics/pictures/A273p2x3.gif><br>ภาพที่ 2: Simulation แสดงลักษณะของคลื่นที่ได้รับผลกระทบจาก nonlinearity <img src=http://www.vcharkarn.com/physics/pictures/A273p2x4.gif></p>

    ส่วนเทอมที่สองนั้นเป็นผลมาจาก dispersion ครับ เป็นการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ไม่เท่ากันของคลื่นที่ความถี่ต่างกัน หากคลื่นเคลื่อนที่ด้วยผลจาก dispersion อย่างเดียว หน้าตาก็จะเป็นเหมือนกับรูปด้านล่างนี้

    <p align=center><img src=http://www.vcharkarn.com/physics/pictures/A273p2x5.gif><br>ภาพที่ 3: Simulation แสดงลักษณะของคลื่นที่ได้รับผลกระทบจาก dispersion <img src=http://www.vcharkarn.com/physics/pictures/A273p2x6.gif></p>

    คำตอบของสมการ KdV ที่ยกมาสามารถหาได้ด้วยวิธี inverse scattering ในฟิสิกส์ ซึ่งผมจะขอไม่กล่าวถึงก็แล้วกันนะครับ แต่หน้าตาของคำตอบนั้นเป็นดังสมการ <br>

    <p align=center><img src=http://www.vcharkarn.com/physics/pictures/A273p2x7.gif></p>

    โดย <b>u<sub>n</sub>(x,t)</b> เป็นความสูงของ wave of translation ตัวที่ <b>n</b> ที่ตำแหน่ง <b>x</b> และเวลา <b>t</b> และ <b>-k<sub>n</sub><sup>2</sup></b> เป็นค่า eigenvalue ตัวที่ <b>n</b> ของ Schr&ouml;dinger equation ที่มี <b>u(x,t)</b> ในสมการ KdV เป็น potential well โซลิตอนนี้จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงที่ <b>4k<sub>n</sub><sup>2</sup></b> และมีรูปร่างคงที่แบบ <b>sech<sup>2</sup></b> ที่มีความกว้าง <b>1/k<sub>n</sub></b> และความสูง <b>2k<sub>n</sub><sup>2</sup></b> และเนื่องจากสำหรับ <b>u(x,t)</b> ใด ๆ ค่า eigenvalue อาจมีได้มากกว่าหนึ่งค่า แสดงว่า <b>u<sub>n</sub>(x,t)</b> จะมีได้หลาย ๆ ตัวเช่นกัน นั้นก็หมายความว่าการที่เรา (หรือแผ่นดินไหว) สร้างคลื่น <b>u(x,t)</b> ใด ๆ ขึ้นมา เมื่ออยู่ในสภาวะและขนาดที่เหมาะสม คลื่นที่สร้างขึ้นนี้สามารถเปลี่ยนไปเป็น wave of translation ได้ และยังได้มากกว่าหนึ่งตัวถ้าความสูงและความกว้างเริ่มต้นของคลื่นมากพอ
    <br><br>

    นอกจากที่กล่าวมาแล้ว จากคำตอบนี้ เรายังสามารถทราบได้ถึงคุณสมบัติที่สำคัญของ wave of translation อีกหลายประการ ขนาดที่จุดสูงสุดของ wave of translation ( <b>2k<sub>n</sub><sup>2</sup></b> ) มีความสัมพันธ์โดยตรงกับความเร็ว ( <b>4k<sub>n</sub><sup>2</sup></b> ) และความกว้าง (<b>1/k<sub>n</sub></b> ) ในตัวกลางเดียวกัน wave of translation ที่กว้างกว่าจะมีขนาดน้อยกว่าและเดินทางช้ากว่า และความเร็วยังมีขนาดมากกว่าความเร็วปกติของคลื่นในตัวกลางนั้น ๆ ด้วย (คุณสมบัติข้อสุดท้ายนี้สามารถสังเกตได้จากการที่ wave of translation ในคำตอบมีความเร็วที่ไม่เป็นศูนย์ในทิศบวกทั้ง ๆ ที่เราเริ่มต้นด้วยสมการ KdV ที่อยู่ในเฟรมที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่ากับความเร็วคลื่นในตัวกลาง) <br> </td>

    </tr>

    </table>
    </html>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2005
  3. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    <html>
    <table width="100%" border="0" cellspacing="2" cellpadding="3" align="center" bgcolor="#FFFFFF">
    <tr>
    <td align="center"><br><b><font size="+2">โซลิตอน (Solitons) ฟิสิกส์ เบื้องหลังคลื่นมรณะ สึนามิ</font></b><br>
    <br>
    </td>

    </tr>

    <tr>

    <td> <b> หน้าที่ 3 - โซลิตอนสองลูกชนกันขนาดของผลรวมของคลื่นก็ยังไม่เป็นไปตามกฎ superposition ของคลื่น</b><br>

    <br>

    ส่วนชื่อโซลิตอนถูกตั้งขึ้นใหม่เมื่อนักฟิสิกส์สองคนที่ชื่อ Zabusky และ Kruskal หลายปีต่อมา เมื่อมีการค้นพบว่า wave of translation สองลูกสามารถชนกันในสองมิติแล้วผ่านกันไปโดยหลังจากการชน ขนาด ทิศทาง ความเร็วของคลื่นจะเหมือนเดิม (ซึ่งก็เหมือนคลื่นทั่วไป) แต่เฟส (หรือตำแหน่ง) จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนกับอนุภาคที่ชนกันแล้วแลกเปลี่ยนโมเมนตัมกัน เนื่องจากอนุภาคมีขนาด ตำแหน่งหลังการชนจะเปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับเส้นทางการเดินทางของอนุภาคดังกล่าวหากอนุภาคจะวิ่งผ่านกันโดยไม่มีการชนเกิดขึ้น นักฟิสิกส์สองคนนี้ก็เลยตั้งชื่อคลื่นนี้ว่าโซลิตอน เพื่อบ่งชี้ความเป็นอนุภาคด้วย เหมือนกับโปรตอน หรือโฟตอนนอกจากนี้ เวลาโซลิตอนสองลูกชนกันขนาดของผลรวมของคลื่นก็ยังไม่เป็นไปตามกฎ superposition ของคลื่นที่กล่าวว่าขนาดของผลรวมต้องเท่ากับผลรวมของขนาด การค้นพบดังกล่าวนี้เป็นการค้นพบโดยการคำนวณด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์จำลองสถานการณ์จากสมการ <b>KdV</b>

    <p align=center><img src=http://www.vcharkarn.com/physics/pictures/A273p3x1.gif><br>ภาพที่ 5: Simulation แสดงการชนกันของโซลิตอนสองลูก สังเกตว่าในขณะที่โซลิตอนทั้งสองลูกอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แอมปลิจูดของคลื่นจะไม่เท่ากับผลรวมของแอมปลิจูดของโซลิตอนสองลูกนี้ก่อนหรือหลังชน</p>

    ส่วนการที่คลื่นน้ำโซลิตอนเปลี่ยนแปลงรูปร่างโดยมีขนาดสูงขึ้นและมีความกว้างน้อยลงเมื่อเคลื่อนที่เข้าใกล้ฝั่งนั้นเป็นเพราะระดับความลึกของน้ำทีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความเร็วของคลื่นน้ำตื้น (คลื่นยักษ์สามารถถือเป็นคลื่นน้ำตื้นได้เมื่อมีความยาวคลื่นมากเปรียบเทียบกับความลึกของระดับน้ำ) โดยเมื่อระดับน้ำน้อยลงความเร็วก็จะน้อยลงด้วยทำให้ความกว้างของคลื่นน้อยลง และเนื่องจากปริมาณน้ำที่เคลื่อนที่ผ่านจุดใด ๆ คงที่ต่อหน่วยเวลา ความสูงของคลื่นจึงต้องเพิ่มขึ้น โดยเมื่อคลื่นเริ่มมีความเร็วที่เปลี่ยนไป คุณสมบัติในการเป็นโซลิตอนก็สามารถที่จะหมดไปได้ ปรากฏการณ์ nonlinearity จะทำให้ยอดคลื่นมีความเร็วมากกว่า ยื่นมาด้านหน้า และม้วนลงมาตามแรงโน้มถ่วง ลองหาอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับคลื่นน้ำตื้นและคลื่นยักษ์ที่เกิดใกล้ฝั่งในบริเวณที่ระดับน้ำไม่ลึกมากได้ในเว็บไซต์ <a href=http://www.vcharkarn.com>วิชาการดอทคอม</a>นี้นะครับ<br><br>


    นอกจากในน้ำแล้ว โซลิตอนยังสามารถเกิดขึ้นได้ในตัวกลางอื่น ๆ ที่มีค่า dispersion และ nonlinearity ที่เหมาะสม ในรูปของคลื่นเสียง แสง กระแสไฟฟ้า สนามแม่เหล็กและอื่น ๆ อีกมาก ตัวอย่างเช่นคลื่นโซลิตอนในอากาศที่สามารถเป็นได้ทั้งแบบการเคลื่อนที่ของก้อนอากาศเย็นและการเคลื่อนที่ของความกดอากาศ (ซื่งถือเป็นคลื่นเสียงรูปหนึ่ง) หรือแม้กระทั้งสัญญาณที่ส่งผ่านเส้นประสาทในสิ่งมีชีวิต ในปัจจุบันได้มีการพยายามนำคลื่นโซลิตอนในรูปของแสงมาเป็นสัญญาณส่งผ่านใยแก้วนำแสง เนื่องจากจะสามารถส่งสัญญานได้ไกลขึ้นและมีความถูกต้องมากขึ้น เพราะคลื่นแสงโซลิตอนจะไม่ขยายตัวออกเหมือนคลื่นแสงสัญญาณปกติ และในตัวกลางมีขนาดใหญ่ คลื่นแสงโซลิตอนมากกว่าหนึ่งตัวยังสามารถชนกันและมีอิทธิพลต่อกันและกันได้และสามารถแตกตัวออกเป็นสองโซลิตอนที่มีขนาดเล็กกว่าด้วย คุณสมบัติสองข้อนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คลื่นโซลิตอนได้รับความสนใจในฐานะที่อาจจะมีประโยชน์อย่างมากทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งต่างไปจากคลื่นแสงปกติที่จะเพียงแค่วิ่งผ่านกันโดยไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรต่อกันเลย
    <br>

    <p align=center><img src=http://www.vcharkarn.com/physics/pictures/A273p3x2.jpg><br>ภาพที่ 6:"The Great Wave" (Hokusai Katsushika)</p>

    เขียนโดย ดร.วิศิษฐ์ สิงห์สมโรจน์ (Exclusively for <a href=http://www.vcharkarn.com>VCharkarn.com</a>)<br> <br>

    <table cellpadding=10 cellspacing=1 bgcolor=#000000><tr><td bgcolor=cccccc>ด.ช. วิศิษฐ์ เด็กชายตัวเล็กๆจาก จังหวัดสุราษฏร์ธานี ได้รับทุน <a href=http://www.ipst.ac.th/dpst>พสวท</a> มาเรียน ม.ปลาย ที่<a href=http://www.hatyaiwit.ac.th/>โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย</a> ที่ที่ทำให้เค้าเป็นหนึ่งในตัวแทนประเทศไทยไปแข่งฟิสิกส์โอลิมปิก จากนั้นก็รับทุน<a href=http://www.ipst.ac.th/dpst>พสวท</a> ไปเรียนต่อปริญญาตรีทางด้านฟิสิกส์ ที่มหาวิทยาลัยคอร์เน็ล (<a href=http://www.cornell.edu/>Cornell University</a>, New York, USA) มหาวิทยาลัยชั้นนำแห่งหนึ่งของโลก จนจบปริญญาโทและเอก ด้าน Experimental Condensed Matters จากมหาวิทยาลัยบราวน์ (<a href=http://www.brown.edu>Brown University</a>, Rhode Island, USA) อีกหนึ่งมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้า <br><br>

    หลังจากที่เพิ่งจบหมาดๆ ด.ร. วิศิษฐ์ (แหม! ใช้เวลาเรียนกว่า 10 ปี อักษรนำหน้าชื่อเปลี่ยนไปแค่ตัวเดียวเองนะคะ) กลับมารับตำแหน่ง เป็นอาจารย์ ประจำ<a href=http://www.siit.tu.ac.th>สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร</a> <a href=www.tu.ac.th>มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์</a>

    <br><br>อาจารย์หนุ่มอนาคตไกล หนึ่งในนักฟิสิกส์ฝีมือดีของประเทศ มีฝันที่จะเป็นอีกแรงที่ช่วยผลักดันเมืองไทยให้ไปในทางที่ดีขึ้น ขอร่วมอุดมการณ์ กับ <a href=http://www.vcharkarn.com>วิชาการ.คอม </a> เป็นอีกหนึ่งแรง ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งดีๆสู่สังคมไทย

    คอยพบกับเรื่องราวดีๆ จาก ด.ช. เอ้ย ด.ร. วิศิษฐ์ อีกมากมายหลายเรื่อง ได้ที่นี่ ที่เดียว <img src=http://www.vcharkarn.com/images/smilies/biggrin.gif><br>
    <a href=http://www.vcharkarn.com>วิชาการ.คอม </a>
    </td></tr></table> </td>
    </tr>
    </table>
    </html>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2005
  4. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    อืม อ่า ฉะนี้ คลื่นมันถึงวิ่งไปถึงแอฟริกาได้
     
  5. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    จะเหมือนกะคลืนสั้นกะคลืนยาวป่ะก้ไม่รุนะ เพราะคลื่นยาวไปได้ไกลกว่าเช่น คลื่นวิทยุ AM ไปไกลกว่า FM
     
  6. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    จากที่อ่านมารู้สึกว่าไม่เหมือนนะ มันเป็นคลื่นที่ไม่มีการเสียพลังงานถ้ามีขนาดของคลื่นและความเร็วที่เหมาะสม ต่อไปอะไรที่เป็นคลื่นเค้าก็จะเอาเรื่องนี้มาประยุกต์ใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งสัญญาณทางคลื่นวิทยุให้เดินทางไกลกว่าเดิม หรืออย่างที่เค้ายกตัวอย่างมาคือนำมาประยุกต์ใช้กับสัญญาณแสงให้เคลื่อนที่ให้ไกลกว่าเดิมและถูกต้องกว่าเดิม
     
  7. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +638
    อืมมมม
     
  8. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,479
    ค่าพลัง:
    +1,830
    ยังมะค่อยเกต
     

แชร์หน้านี้

Loading...