โคลงสี่สุภาพ กรวดน้ำขำขำ(นำเสนอแบบแมตริกซ์)

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย จริง?หรือ?, 2 กรกฎาคม 2013.

  1. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ขอไว้อาลัยแด่กระทู้ "แฉเรียงตัว เมีย 8 ลูก 2 ของ พระฉาวศรีสะเกษ"ที่ถูกลบไปเนื่องจากไม่ได้นำเสนอแบบแมตริกซ์

    [​IMG]
    [​IMG]

    แม่ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
    อันตัวลูกได้ทำทาน เสร็จแล้ว
    จึงยืมถังท่านสมภาร มากรวด น้ำเอย
    คนอื่นใช้ขวดและแก้ว ลูกว่าเล็กไปฯ

    เพราะสิ่งหวังในใจลูก มากมี
    ขึ้นศกใหม่ทั้งที ต้องเริ่ด
    จะขอเผื่อสามี และบุตร ด้วยแฮ
    ชวนมาวัดทำเชิด ทั้งลูกแลผัวฯ

    หากชาติหน้าเกิดอีก ฉันใด
    ขอเกิดประเทศไทย นะแม่
    เกิดต่างแดนคงทำใจ ลำบาก
    ภาษาอังกฤษฉันแย่ แต่เล็กจนโตฯ

    ขอให้สวยสุดหล้า ปฐพี
    ได้ประกวดบนเวที หมู่บ้าน
    มีสติปัญญาดี มิโง่
    ให้โลกสะเทือนสะท้าน นี่แหละหญิงไทยฯ

    ขอผัวที่ดี เก่ง และรวย
    ผัวกระบักกระบวย ขอเว้น
    มีผัวผิดคิดจน..... ผัวเหี่ยว
    ได้ดั่งใจลูกจะเซ่น ด้วยกิ๊กหนึ่งคนฯ

    ถ้ามีลูกขอลูกอย่า ทิ้งฉัน
    เวลาแก่ตัวมัน ลำบากเน้อ
    เลี้ยงโตแล้วทิ้งกัน หนีหมด
    ปล่อยแม่คิดถึงเก้อ นี่หรือลูกเราฯ

    ขอตัดเวรกับเจ้าหนี้ ทั้งปวง
    ชาตินี้ไม่มีดวง จ่ายให้
    จงอย่าเสียเวลาทวง วานบอก ทีแม่
    ชาติหน้าอาจจ่ายได้ ถ้าผัวฉันรวยฯ

    ขอมากไปหรือแค่ ชิวชิว???
    แต่ตอนนี้ลูกเป็นตะคริว ช่วยด้วย!!!
    วันหน้าลูกจะหิ้ว ถังน้ำ มาเอง
    วันนี้ลูกขอหวย สามตัวตรงๆฯ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กรกฎาคม 2013
  2. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ทีมข่าวพิเศษของ “เอเอสทีวีผู้จัดการ” ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษและพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อตอบปัญหาของสังคมในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็น “หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก” และได้พบแง่มุมใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึง โดยจะนำเสนอเรื่องราวทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง

    หลังข่าวฉาวของ “หลวงปู่เณรคำ” กระฉ่อนไปทั่วโลกจนส่งผลสะเทือนไปทั่วทั้งวงการพุทธศาสนาและปฏิเสธไม่ได้ว่า “สังคมไทย”ก็ได้รับความเสียหายมากโข ถูกมองว่าเป็นสังคมที่อยู่กันอย่างไร้สติ งมงาย ขาดวุฒิทางปัญญา และคนจำนวนไม่น้อยที่ยังสับสนประวัติความเป็นมาของพระหนุ่มวัยไม่เกิน 35 ปี แต่กลับถูกเรียก “หลวงปู่เณรคำ”

    ภาพมายาสร้างตัวตน “เณรคำ”

    หากท่องในเว็บไซต์ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก วัดป่าขันติธรรม ระบุถึงประวัติของบุคคลผู้นี้ว่าพระอาจารย์ ดร.วิรพล ฉัตติโก หรือหลวงปู่เณรคำ ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม โดย หลวงปู่เณรคำ มีนามเดิมว่า “วิรพล สุขผล” เกิดที่บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2522 เป็นบุตรคนที่ 4 ของนายรัตน์ สุขผล และนางสุดใจ สุขผล มีพี่น้อง 5 คน เป็นผู้ชายทั้งมด เมื่อบวชเป็นพระภิกษุ ได้รับฉายาว่า “ฉัตติโก”

    เว็บไซต์นี้ยังสาธยายอีกว่าหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ตั้งมั่นตามแนวทางคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ มีศรัทธาในการปฏิบัติจิต บำเพ็ญภาวนากรรมฐานมา ทุกวันพระจะหยุดเรียนนุ่งขาวห่มขาวไปถือศีลบำเพ็ญภาวนาในวัด มีอิริยาบถแห่งการปฏิบัติธรรมอยู่ตลอด ไม่มีการพลั้งเผลอแม้แต่น้อย ทั้งวันจะเดินจงกรมสลับกับการนั่งภาวนาใต้ร่มไทร ช่วงกลางวันจะไปนอนในป่าช้า โดยหวั่นวิตกอะไร จิตนั้นนิ่งโดยตลอด ทั้งที่ไม่เคยบำเพ็ญมาก่อนในชาตินี้

    วันธรรมดา ดช.คำก็ไปโรงเรียนตามปกติ พักเที่ยงจะไปนั่งสมาธิใต้ร่มไม้ เลิกเรียนจะเข้าไปไหว้พระก่อนกลับ และเดินจงกรมกลับบ้านทุกวันเป็นกิจภายในที่ไม่มีใครรู้ได้นอกจากตัวเอง

    เข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา ดช.คำคิดอยู่เสมอว่า “ถ้าเสร็จจากภารกิจทางโลกแล้ว เราจะไม่กลับมาทางโลกอีก เราคงเคยเกิดมาหลายชาติแล้ว เราคงพอแก่การเกิดได้แล้วในชาตินี้ เห็นอะไรก็เกิดความสลดสังเวชไปหมด จึงเป็นแนวทางทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า เรารู้มาก่อน เห็นมาก่อน ตั้งแต่อดีตชาติ เหมือนกับเราจะได้ต่อเติมเส้นทางแห่งการปฏิบัติธรรมการบำเพ็ญเพียรเพื่อให้หลุดพ้น”
    [​IMG]
    ภาพถ่ายของพ่อ-แม่ เณรคำ ที่ใส่กรอบติดอยู่ที่วัดป่าขันติธรรม


    ในบันทึกประวัติยังอุปโลกอีกว่าเลิกเรียน ดช.คำ จะไปปักกลด นั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่กระต๊อบกลางน้ำ ปลายนาของโยมพ่อโยมแม่ทุกวัน วันพระจะถือกลดไปโรงเรียนด้วย พอเลิกเรียนจะเข้าไปปักกลดบำเพ็ญภาวนาที่วัด

    อายุได้ 15 ปี ได้ออกบวชเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2537 ที่วัดภูเขาแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี โดยมีหลวงปู่โชติ อาภัคโค เป็นอุปัชฌาย์ บรรพชาเสร็จแล้ว ได้ไปจำพรรษาที่วัดป่าดอนธาตุ อ.พิบูลมังสาหาร ระยะหนึ่ง ซึ่งได้รับการอบรมธรรมะจากพระเดชพระคุณท่านหลวงปู่สมบูรณ์ ขันติโก

    จากนั้นเดินทางจาริกธุดงค์ ปักกลดอยู่ถ้ำภูตึก บ้านคุ้มปากมูล อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ขณะนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ในถ้ำภูตึกนั้น มีงูเหลือมตัวหนึ่งเลื้อยมาพาดขา พาดตักบ้าง บางคืนนอนอยู่ งูเหลือมจะเลื้อยมาขดอยู่บนหน้าอก หนักมาก แต่จิตไม่มีการวิตกกังวล หรือกลัวอันใดเลย เพราะชีวิตนี้บูชาคุณพระพุทธเจ้าแล้ว พระพุทธเจ้าเป็นใหญ่ที่สุด พระธรรมเป็นใหญ่ที่สุด พระอริยสงฆ์เป็นใหญ่ที่สุด ตอนนั้นคิดแต่ว่า เราต้องทำหน้าที่ให้ถึงพระพุทธเจ้า ทำให้ถึงพระธรรม ทำให้ถึงซึ่งความเป็นพระอริยสงฆ์ ความกลัวทั้งหลายจึงไม่มี และได้บำเพ็ญภาวนาอยู่ในถ้ำภูตึกนั้นคนเดียวนานถึง 3 เดือน

    วันที่ 27 พฤษภาคม 2542 ได้ญัตติอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดป่าดอนธาตุ แล้วจึงเดินทางมายัง จ.ศรีสะเกษ ที่ซึ่งได้รับอาราธนานิมนต์ให้อยู่ในชาติสุดท้ายแห่งการเกิดนี้ คือที่สำนักสงฆ์ขันติธรรม

    ส่วนที่มาของชื่อ “หลวงปู่เณรคำ”นั้นในเว็บไซต์เดียวกันยังอุตริต่อว่า เมื่อครั้งพระเดชพระคุณท่าน หลวงปู่เณรคำ ท่านไปจาริกธุดงค์อยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พุทธศาสนิกชนพากันไปกราบคารวะนมัสการ และได้มองเห็นองค์หลวงปู่ ซึ่งท่านนั่งบำเพ็ญภาวนาอยู่ในกลดบางๆ เป็นพระแก่ชรา แต่พอท่านเปิดกลดออกมาก็กลายเป็นเณรน้อยออกไปบิณฑบาต ขากลับจากบิณฑบาต พุทธศาสนิกชนบางคนได้มองเห็นองค์หลวงปู่ท่านเป็นพระแก่ชรา อายุราว 80 ถึง 90 ปี ผมหงอก หลังค่อม เหี่ยวย่น หนังยาน บางคนฝันเห็นพระเดชพระคุณท่าน หลวงปู่เณรคำ ไปยืนอยู่บนหัวเตียงเดี๋ยวเป็นเณรน้อยอายุน้อยๆ เดี๋ยวก็กลายเป็นพระที่แก่ชรามาก
    [​IMG]
    โรงเรียนพิบูลมังสาหาร สถานศึกษาที่"เณรคำ"เคยศึกษาเล่าเรียนและต้องออกกลางคันเพราะสอบตกวิชาสังคม จากนั้นไม่ปรากฏว่า เขาเรียนต่อที่ไหน จนกระทั่งมาบวช


    เรื่องจริงที่ไม่อิงนิยายของ “ เณรคำ”

    อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่สืบเสาะข้อเท็จจริงประวัติของเณรคำของทีมงาน “เอเอสทีวีผู้จัดการ”กลับได้ข้อมูลอีกด้าน
    ดช.วิรพล ไม่ได้ฝักไฝ่ธรรมแต่แต่วัยเด็กอย่างที่กล่าวอ้าง ใช้ชีวิตเหมือนเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน ออกจะเป็นคนดื้อเงียบด้วยซ้ำแต่ไม่ถึงขั้นเกเร เป็นคนเรียนไม่ค่อยเก่ง ต้องออกจากโรงเรียนกลางคันเมื่อปี 2530 ขณะเรียนอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนพิบูลมังสาหาร อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เพราะสอบไม่ผ่านวิชาสังคมศึกษา

    หลังออกจากโรงเรียนแล้ว ก็ไม่ได้กลับเข้าไปเรียนต่ออีก เพราะฐานะทางบ้านขณะนั้นค่อนข้างยากจน ครอบครัวยึดอาชีพทำนา หาเช้ากินค่ำเหมือนเพื่อนบ้านทั่วไป เตร็ดเตร่อยู่แถวบ้านพักใหญ่ นายปริญญา มุขสมบัติ ครูสอนวิชาเกษตรอยู่ที่โรงเรียนพิบูลมังสาหาร ซึ่ง ดช.วิรพลเรียกว่า “อาจารย์พ่อ” ได้พาไปฝากเข้าทำงานที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ

    ในรีสอร์ตแห่งนี้ ดช.วิรพล ต้องตัดหญ้า ดูแลสวน ทำความสะอาดที่พัก เรียกได้ว่าทำงานทุกอย่างที่เจ้าของรีสอร์ตจะสั่ง และในห้วงที่ทำงานอยู่จังหวัดอำนาจเจริญนี้เองข่าวคราวของนายวิรพล ก็เงียบหายไปจากหมู่บ้านทรายมูล และไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับวิถีชนบทเมื่อคนในหมู่บ้านไปหางานทำต่างถิ่นนานๆจะกลับเยี่ยมบ้าน ไม่มีใครใส่ใจใครเพราะต่างต้องหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
    [​IMG]
    ทางเข้าบ้านพ่อ-แม่เณรคำ ที่อุบลฯ


    [​IMG]
    ไม่ว่าจะมีข่าวอื้อฉาวของเณรคำหรือไม่ ประตูบ้านหลังใหญ่แห่งนี้ ไม่เคยเปิดต้อนรับใครและไม่มีการสมาคมกับชาวบ้านที่อยู่รายรอบ

    หลังปี 2540 เป็นต้นมา นายวิรพลก็เริ่มปรากฏตัวเป็นข่าวตามสื่อแขนงต่างๆเป็นระยะๆพร้อมกับการประโคมข่าวในทำนองพระหนุ่มที่หลุดแล้วจากกิเลส ซ้ำมีอภินิหาริย์ที่ให้เล่าขานกันปากต่อปาก ทุกย่างก้าวความเคลื่อนไหวของเขาไม่ต่างจากการวางแผนการใช้สื่อเป็นเครื่องมืออย่างเป็นระบบ ในห้วงนี้เองว่ากันว่าฐานะความเป็นอยู่ของโยมพ่อโยมแม่พระคำดีขึ้นทันตาเห็น

    บ้านหลังใหญ่ เลขที่ 999/10 บ้านทรายมูล หมู่ 2 ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร คือบ้านที่เณรคำสร้างให้โยมพ่อโยมแม่ใหม่ ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดประจำหมู่บ้าน เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ โดยส่วนหนึ่งทำเป็นบ้านพักของนายรัตน์ และนางสุดใจ สุขผล โยมพ่อ-โยมแม่

    อีกส่วนสร้างเป็นที่ทำการมูลนิธิหลวงปู่เณรคำ ซึ่งมีความใหญ่โตมโหฬารกว่าบ้านทุกๆหลังบริเวณนั้น ในบ้านมีรถยนต์กับรถจักรยานยนต์ชอปเปอร์จอดอยู่หลายคัน บ้านหลังนี้นอกจากโยมพ่อโยมแม่แล้วยังมีน้องชายและน้องสะใภ้ของหลวงปู่เณรคำพักอาศัยด้วย

    หลายครั้งที่เพื่อนบ้านสงสัยว่าเหตุใดฐานะความเป็นอยู่ของ นายรัตน์-นางสุดใจ ดีขึ้นถึงขั้นมีอันจะกิน ทั้งที่ก็เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่าคนในบ้านไม่ได้ทำมาค้าขายอะไรให้ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ ทำนาทำไร่ตามประสาคนบ้านนอก แต่ข้อสงสัยเหล่านั้นไม่สามารถหาคำอธิบายจากใครได้ เพราะพ่อแม่ญาติพี่น้องพระคำมักทำหน้าไม่รับแขกและปฏิเสธที่จะร่วมวงเสวนา และไม่ให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำเมื่อมีเพื่อนบ้านถามถึง
    [​IMG]
    บ้านพ่อ-แม่เณรคำ อยู่ท่ามกลางบ้านญาติๆและชาวบ้านทั่วไป แต่วันนี้ปิดปากเงียบไม่มีใครยอมพูดอะไรกับใคร

    นางฟาน ดอนแก้ว ญาติห่างๆ และเป็นเพื่อนบ้าน เล่าว่า เณรคำไม่ได้เดินทางมาที่บ้านหลังนี้นานหลายเดือนแล้วส่วนตนก็ไม่ทราบเรื่องราวอะไรของหลวงปู่มากนักเพราะไม่ค่อยได้พูดคุยกัน

    เพื่อนบ้านอีกรายบอกว่าก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่เณรคำเดินทางมาที่บ้าน จะมีรถตำรวจท้องที่และตำรวจทางหลวงขับนำขบวน รถยนต์แต่ละคันหรูราคาแพง นับ 10 คันที่มาพร้อมกับหลวงปู่เมื่อมาถึงก็จะขับรถเข้าไปจอดในบ้านและปิดประตูรั้วมิดชิด ไม่ทักทายพูดคุยกับเพื่อนบ้าน จึงไม่ทราบความเคลื่อนไหวข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำแต่อย่างใด

    “พ่อรัตน์อายุกว่า 80ปีแล้ว ส่วนแม่สุดใจก็น่าจะ 70 กว่า พ่อรัตน์สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงตอนนี้ล้มป่วยอยู่ มีน้องชายและน้องสะใภ้หลวงปู่คอยดูแล ทำไร่ทำนาตามประสาคนบ้านนอก ส่วนเขาจะมีทรัพย์สมบัติที่นาที่ดินเท่าไหร่พวกฉันไม่รู้หรอก” เพื่อนบ้านรายเดิมเล่า

    สำหรับคุณครูปริญญา ผู้ที่เคยมีพระคุณกับเณรคำถึงขั้นเรียก “พ่อครู”นั้นปัจจุบันสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีบิ๊กไบค์ชอปเปอร์คันใหญ่ 2 คัน ,ห้องทำงานส่วนตัวติดตั้งเครื่องปรับอากาศ

    คุณครูปริญญาพยายามเลี่ยงตอบคำถามที่เกี่ยวกับข่าวฉาวของเณรคำ เล่าให้ฟังแค่ว่า เมื่อช่วงเดือน เม.ย.2556 ที่ผ่านมาได้หารือเรื่องขอติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้กับหอประชุมใหม่ (ชั้นบน)ของโรงเรียนพิบูลมังสาหาร ซึ่งเณรคำก็รับปากที่จะให้เงินก้อนโตมาติดตั้งแอร์ แต่ยังไม่ทันได้ซื้อ ก็มาเกิดเรื่องฉาวเสียก่อน

    จากการบอกเล่าของสื่อมวลชนอาวุโสในพื้นที่ทราบอีกว่าในราว 7-8 ปีก่อนหน้านี้ ลูกศิษย์ใกล้ชิดเณรคำจะนำแผ่นซีดี ที่บันทึกภาพกิจกรรมงานบุญกฐินหรืองานเทศนาธรรมของหลวงปู่มาจ้างเคเบิลในจังหวัดอุบลฯเปิดออกอากาศครั้งละ 1,000 บาท จ้างเปิดบ่อยมากเพื่อเชิญชวนคนให้ไปร่วมทุกบุญบริจาคเงินกับหลวงปู่เณรคำที่สำนักสงฆ์ขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ

    เป็นที่สังเกตว่าญาติโยมศิษย์เอกใกล้ชิดหลวงปู่เณรคำนั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนพื้นที่ โดยมากจะอยู่กรุงเทพฯหรือหัวเมืองใหญ่ภูมิภาคอื่น เช่น ดร.สุนันทา ลีเลิศพันธ์ เจ้าของบริษัทดอกบัวคู่ ,ดร.สุขุม วงศ์ประสิทธิ์ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม หม่ำ จ๊กมก และ เป็ด เชิญยิ้มฯลฯโดยเฉพาะเจ้าของดอกบัวคู่นั้นถือเป็นโยมอุปฐากรายใหญ่ รถยนต์ยี่ห้อดังซื้อมาถวายก็หลายคันแล้ว

    เณรคำ มีคณะทำงานลูกศิษย์ใกล้ชิดทำการตลาดและทำงานประชาสัมพันธ์เก่ง จะบริจาคเงินช่วยสถาบันการศึกษาเป็นระยะๆและพระชั้นผู้ใหญ่หลายท่านในแถบอีสานใต้และอีกหลายจังหวัด เณรคำจะนำรถยนต์เก๋งราคาแพงไปถวายถึงกุฏิแล้วก็ถ่ายภาพเผยแพร่สื่อ อย่างน้อยก็ได้คะแนนศรัทธาจากญาติโยมของพระผู้ใหญ่ท่านนั้นเพิ่มมากขึ้น
    เช่นเมื่อกลางปี 2554 เณรคำ พร้อมกับลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก นำรถเก๋งโตโยต้า แคมรี่ สีบรอนซ์ เงิน มูลค่าประมาณ 1,200,000 บาท ถวายแด่พระธรรมฐิติญาณ เจ้าอาวาสวัดบึงพะลานชัย พระอารามหลวง เจ้าคณะภาค 10 จ.ร้อยเอ็ด เพื่อเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด รถยนต์คันดังกล่าวได้จากการบริจาคจากบริษัทยาสีฟันดอกบัวคู่

    และก่อนหน้านั้นปี 2553 มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ก็จัดพิธีถวายปริญญาบัตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนา ให้กับ เณรคำ โดย ดร.พิศิษฐ์ วรอุไร นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี และ ผศ.ชัยวัฒน์ บุณฑริก อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ นำไปถวายถึงวัดป่าขันติธรรม

    ข้อมูลที่ เล่าข้างต้นขึ้นอยู่กับผู้อ่านจะใช้วิจารณญาณว่าส่วนใดน่าจะมีมูลความจริงหรือส่วนใดน่าจะเป็นเท็จ ที่บรรดาทีมงานลูกศิษย์เณรคำอุปโลกขึ้นมา เพื่อหวังผลแรงศรัทธา นำมาซึ่งทรัพย์บริจาคแลกกับความเชื่อว่าทำมากได้บุญมาก

    ตามแก่นคำสอนของพุทธศาสนาแล้ว พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะไม่สะสมทรัพย์ มุ่งแต่ละกิเลส แต่พฤติกรรมของเณรคำล้วนถูกครอบงำไปด้วยตัณหา

    มาถึงตรงนี้สรุปได้คำเดียวว่า “เณรคำ”ดังได้เพราะแผนโปรโมต หากินจากความเบาปัญญาของชาวพุทธที่ยังเข้าไม่ถึงแก่นธรรม!
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  3. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    [​IMG]

    ภาพจาก
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  4. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    [​IMG]

    ภาพจาก
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  5. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    [​IMG]

    ภาพจาก
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  6. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    INN-HOT 13.32 น.
    ปปง.พบเณรคำอมเงินบริจาค 10 บัญชี 200 ล้านบาท จ่ออายัด ตำรวจฟันผิดฐานฉ้อโกง
     
  7. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    [​IMG]

    ภาพจาก
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  8. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    [​IMG]

    ภาพจาก
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2013
  9. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
  10. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    รองเลขาฯ ปปง. เผยตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินของ "เณรคำแอนด์เดอะแก๊ง"พบชัดเจน 10 บัญชีมีกระแสเงินหมุนเวียนมากกว่า 200 ล้านบาทต่อวัน เข้าข่ายความผิดกฎหมายฟอกเงิน ระบุเงินหมุนเวียนดังกล่าวเฉพาะที่ทำธุรกรรมมากกว่า 2 ล้าน ไม่รวมที่มีการเคลื่อนไหวในวงเงินต่ำกว่า 2 ล้านบาทในแต่ละครั้ง เตรียมส่ง จนท.ปปง.ลงพื้นที่วัดป่าขันติธรรม รวบรวมพยานหลักฐานสัปดาห์หน้า

    ร.ต.อ.หญิงสุวณีย์ แสวงผล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้สัมภาษณ์ วันนี้ (2 ก.ค.) ถึงกรณีนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยื่นเรื่องให้ ปปง. ตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำธุรกรรมทางการเงินของพระวิระพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ กับพวก ว่าความคืบหน้าล่าสุดภายหลังตรวจสอบฐานข้อมูลธุรกรรม 16 บัญชีของหลวงปู่เณรคำและพวก ตามที่เครือข่ายพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยื่นไว้ พบชัดเจน 10 บัญชี เป็นของหลวงปู่เณรคำและเครือข่าย มีกระแสเงินหมุนเวียนมากกว่า 200 ล้านบาท และเงินมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลาแทบทุกวัน เบื้องต้นถือเป็นบัญชีที่มีเหตุอันควรสงสัย จึงขอเตือนเครือข่ายหลวงปู่เณรคำ และหลวงปู่เณรคำ อย่าเคลื่อนย้ายทรัพย์สินในบัญชีเด็ดขาด เพราะจะเข้าข่ายการฟอกเงินทันที ซึ่งจะมีความผิดทางอาญา โทษจำคุก 2-10 ปี หากยักย้ายหลายครั้งก็จะผิดหลายกรรมหลายวาระ และถ้ามีการนำเงินไปซื้อรถหรือเครื่องบินใดๆ ทรัพย์นั้นก็จะผิดฐานฟอกเงิน และต้องถูกยึดอายัดเช่นกัน หากเป็นเงินที่ได้จากการฉ้อโกงประชาชน

    ร.ต.อ.หญิงสุวณีย์ กล่าวว่าธุรกรรมเงินหมุนเวียนมากกว่า 200 ล้านดังกล่าว เฉพาะรายงานที่มีการทำธุรกรรมมากกว่า 2 ล้านบาทในแต่ละครั้งที่กฎหมายกำหนดให้สถาบันการเงินต้องแจ้งกับ ปปง. ยังไม่รวมธุรกรรมอื่นๆ ที่มีการเคลื่อนไหวในวงเงินต่ำกว่า 2 ล้านบาทในแต่ละครั้ง มั่นใจจากข้อมูลที่มีอยู่ค่อนข้างชัดเจนว่าหลวงปู่เณรคำ และเครือข่ายมีพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดตามมูลฐานกฎหมายฟอกเงิน ด้วยการฉ้อโกงประชาชน ในโครงการต่างๆ ทั้งการจัดสร้างพระแก้ว เปิดบัญชีหลอกให้ประชาชนมาบริจาคเงิน โครงการจัดสร้างโรงพยาบาล

    รองเลขาฯ ปปง.กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า ปปง. จะจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ที่วัดป่าขันติธรรม เพื่อรวบรวมประจักษ์พยาน จากนั้นจะรายงานเข้าสู่คณะกรรมการธุรกรรม ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ เพื่อให้มีการมอบหมายเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินอย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งจะตรวจสอบเครือข่ายและบุคคลที่ปรากฏตามข่าวว่ามีความสัมพันธ์เป็นภรรยาและลูกของพระวิระพลด้วย นอกจากนี้จะประสานข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และในวันเดียวกันนี้ นายสงกรานต์และเครือข่ายพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติฯ จะเข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อ ปปง.

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กรกฎาคม 2556 14:23 น.
     
  11. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    คาหนังคาเขา! จับเจ้าอาวาสวัดปัตตานีเปลือยกายกกสีกาคาเตียง

    ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คาหนังคาเขา! จับพระครูนิคมวรธรรม เจ้าอาวาสวัดหัวควนธรรมนิคม อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ขณะเปลือยกายนอนกอดสีกาคาเตียงในรีสอร์ตกลางเมืองหาดใหญ่ สารภาพเปิดห้องร่วมหลับนอนกันจริง

    วันนี้ (2 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ พ.ต.ต.ธีระภัทร ปิยะถาวร สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้น ตามแผนปฏิบัติการความมั่นคงในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และเข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 207 กรีนฟอเรสท์รีสอร์ท ภายในซอย 27 ถนนเพชรเกษม เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ปรากฏว่า พบพระสงฆ์กำลังนอนกอดกับสีกาอยู่บนเตียงนอนในสภาพเปลือยกาย จึงได้เชิญตัวออกมา และสวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย

    จากการสอบสวน ทราบชื่อพระรูปดังกล่าวคือ พระครูนิคมวรธรรม หรือพระประสงค์ เนื่องตีบ อายุ 48 ปี เจ้าอาวาสวัดหัวควนธรรมนิคม ต.นาเกตุ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ส่วนฝ่ายหญิงทราบชื่อคือ น.ส.ปัณฑิตา พรมเสริญ อายุ 39 ปี เป็นชาว ต.คลองหลัง อ.นาหม่อม จ.สงขลา และบนเตียงนอนมีจีวรของพระ เสื้อผ้าของฝ่ายหญิง และเครื่องใช้ส่วนตัวทั้งของพระ และฝ่ายหญิงวางไว้บนเตียง

    หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้นำตัวทั้งสองไปยังวัดหงส์ประดิษฐาราม เพื่อให้พระครูวรคณานุกูล เจ้าคณะอำเภอหาดใหญ่ สอบสวนข้อเท็จจริง โดยพระครูนิคมวรธรรม ยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับ น.ส.ปัณฑิตา จริง จึงได้ดำเนินการสึกออกจากการเป็นพระสงฆ์

    ด้าน พ.ต.ต.ธีระภัทร ปิยะถาวร สวป.สภ.หาดใหญ่ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนพระครูนิคมวรธรรม หรือนายประสงค์ ให้การว่า ได้ให้ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดมาเปิดห้องพักของรีสอร์ตไว้ 2 ห้อง เป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-2 ก.ค. โดยตนใช้ 1 ห้อง และลูกศิษย์อีก 1 ห้อง ก่อนที่จะนัดแนะกับ น.ส.ปัณฑิตา ซึ่งชอบพอกันให้มาพบที่ห้อง และร่วมหลับนอนกัน กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นในขณะที่ตนกับ น.ส.ปัณฑิตา นอนหลับอยู่ภายในห้องดังกล่าว

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 กรกฎาคม 2556 14:42 น.
     
  12. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ป.ป.ง. เผยสาวลึกธุรกรรมการเงิน “ไอ้คำ” พบจาก 16 บัญชี มี “ผิดปกติมาก” 3 บัญชี ยอดเงินหมุนเวียนถึง 197 ล้านบาท มีธุรกรรมเกิดขึ้นกว่า 100 รายการ บัญชีส่วนตัวมีเงินหมุนเวียนให้จับจ่ายสูงถึง 150 ล้านบาท ธุรกรรมเกิดขึ้น 70 รายขอเวลาตรวจสอบแหล่งที่มาที่ไป ก่อนเสนออายัด

    หลังจาก สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผยถึงผลการตรวจสอบธุรกรรมการเงินของ พระวิรพล สุขผล หรือ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ซึ่งเบื้องต้นพบมีกว่า 10 บัญชีที่มีความน่าสงสัยโดยมีเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท นั้น(อ่าน ปปง.สั่งยึดทรัพย์ “ไอ้คำ” ชี้เงินหมุนวันละ 200 ล. )

    ล่าสุด พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการข่าวกรองทางการเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. เปิดเผยในรายละเอียดเพิ่มเติม ว่า การตรวจสอบแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก คือบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเงินบริจาค พบว่า มีทั้งหมด 16 บัญชี โดยในจำนวนนี้มีจำนวน 3 บัญชี ที่มีความผิดปกติมาก มีความเคลื่อนไหวในช่วงปี 2553 - ปัจจุบัน ยอดเงินหมุนเวียนสูงถึง 197 ล้านบาท มีธุรกรรมอีก 100 กว่ารายการ ส่วนตัวบุคคลมีเงินหมุนเวียน 150 กว่าล้านบาท มีธุรกรรมอีก 70 กว่ารายการ ซึ่งบัญชีที่ผิดปกติมียอดเงินเข้ามาจำนวนมาก และโอนไป จึงปรึกษากองปราบปราม ในการตรวจสอบธุรกรรมต่าง ๆ ว่ามีความโปร่งใสหรือไม่อย่างไร

    พ.ต.ท.ธีรพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาที่ไป เพราะข้อมูลมีจำนวนมาก คงต้องใช้เวลาสักระยะ โดยข้อมูลที่
    นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มายื่น ถือว่ามีประโยชน์มาก ส่วนการอายัดทรัพย์ ถ้าพบตามความผิดมูลฐานเข้าข่าฉ้อโกง ก็ดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สิน และเสนออายัดใน 90 วัน ให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจง ถ้าชี้แจงไม่ได้ ก็จะยื่นศาลแพ่งอายัดต่อไป

    จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์ 03-07-56
     
  13. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ทีมข่าวพิเศษของ “ASTVผู้จัดการ” ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อตอบปัญหาของสังคมในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็น “หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก” และได้พบแง่มุมใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึง โดยจะนำเสนอเรื่องราวทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง

    หลังตกเป็นข่าวอื้อฉาวทั้งเรื่องเมีย 8 คน ลูกชาย 2 คน มีรถยนต์หรูหลายคัน พร้อมเครื่องบินส่วนตัว สร้างบ้านราคาหลายสิบล้านให้พ่อแม่ เมีย และลูก พลังศรัทธาในตัวของนายวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ หรือ “ไอ้คำ” ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเรียกแรงศรัทธาจากประชาชนผู้มีศรัทธา แต่โง่เขลาเบาปัญญาขึ้นมาได้ด้วยการโปรโมตจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของทีมงาน และศิษยานุศิษย์ก็เริ่มหดหายลงอย่างเห็นได้ชัด

    สังเกตได้จากการระดมประชาสัมพันธ์จัดงานเชิญชวนสาธุชนให้เข้าไปร่วมทำบุญในงาน “มหาพิธีห่มผ้าฤดูฝนพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก” ที่บริเวณวัดป่าขันติธรรม ต.บ้านยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ช่วงระหว่างวันที่ 27-30 มิ.ย.2556 ที่ผ่านมา ล้วนล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า นับตั้งแต่วันแรกของการจัดงานมีประชาชนเดินทางมาร่วมงานมีจำนวนน้อยมาก

    “งานบุญปีนี้มีคนมาน้อยมาก จนสามารถนับเรียงตัวได้เลย ผิดจากทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางมากันจำนวนมาก บางคนเดินทางมาจับจองสถานที่ก่อนวันงานจะเริ่มขึ้นด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าบริเวณพื้นที่ภายในวัดนี้จะเต็มไปหมด แต่ปีนี้ยอมรับว่ามีคนมาน้อยมาก และไม่คาดคิดเลยว่าคนจะมาน้อยขนาดนี้ ทั้งนี้ คงจะเป็นเพราะกระแสข่าวอื้อฉาวของหลวงปู่เณรคำ ในช่วงนี้แน่นอน” เจ้าหน้าที่ของวัดป่าขันติธรรมรายหนึ่งบอกแก่เรา

    ร.ต.ต.สุพัฒน์ แจ้มแจ้ง ผู้บังคับหมวด สภ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ หัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยภายในวัดป่าขันติธรรม บอกว่า ตนอยู่ในพื้นที่นี้มานาน จนขณะนี้อายุ 59 ปีใกล้ที่จะเกษียณอายุราชการแล้ว เมื่อก่อนยอมรับว่าพลังศรัทธาในตัวหลวงปู่เณรคำ นั้นมีมาก คนจะแน่นไปหมด ต้องเดินเบียดเสียดกันเข้ามาทำบุญ ถ้าเทียบกับทุกๆ ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าคนที่มาปีนี้น้อยมาก จากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว”

    แฉเบื้องหลังสร้างศรัทธาตบตาญาติโยม

    อดีตศิษย์ผู้ใกล้ชิด และทำงานกับหลวงปู่เณรคำ มานาน รายหนึ่งเปิดเผยถึงพฤติกรรมการลวงโลกอวดอ้างตนว่าเป็นพระอริยสงฆ์ของ “ไอ้คำ” ช่วงสมัยที่มีผู้คนศรัทธามากมายก่อนจะมาถึงจุดตกอับ ณ วันนี้ว่า ที่หลวงปู่เณรคำ มีชื่อเสียงโด่งดังจนมีญาติโยมศรัทธาเสื่อมใสบริจาคเงินให้มากมายขึ้นมาได้ก็เพราะการโปรโมต และการสร้างภาพขึ้นมาตบตาญาติโยมทั้งสิ้น โดยมีทีมงานกองงานประชาสัมพันธ์วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เป็นฝ่ายสนับสนุนอยู่เบื้องหลังแต่งตั้งปั้นเรื่องขึ้นมา

    โดยเริ่มจากการอวดอ้างตนพิมพ์ลงในหนังสือ “ชาติหน้าไม่ขอมาเกิด” และ “นิพพานมีจริง” ซึ่งหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้ถือได้ว่าเป็นตัวเรียกศรัทธาจากญาติโยมจนกลายเป็นหนังสือที่มียอดขายดีที่สุดในบรรดาหนังสือทั้งหมดของหลวงปูที่พิมพ์ออกมา จนมีการนำไปพิมพ์เผยแพร่ต่อๆ กันอย่างแพร่หลาย จนทำให้หลวงปู่เณรคำ โด่งดังเป็นที่รู้จัก และศรัทธาทั้งใน และต่างประเทศ

    อวดอ้างตนว่าเคยเป็นศิษย์พระพุทธเจ้า

    นอกจากนี้ หลวงปู่เณรคำ ยังเป็นคนที่พูดจาไพเราะ นุ่มนวล อ่อนหวาน มีเสน่ห์ หากใครได้ฟังก็จะเกิดความหลงใหล เกิดความศรัทธา เวลาไปเทศนาที่ไหนหลวงปู่เณรคำ จะมีคนไฟฟังกันจำนวนมาก และทุกครั้งที่เทศน์ก็มักจะอวดอ้างตนอยู่เสมอว่า “นั่งสมาธิแล้วเห็นเทวดา มีเทวดามานั่งฟังเทศน์ รวมทั้งสามารถพูดคุยสื่อสารกับเทวดาได้”

    “และในครั้งพุทธกาล ตนกับเพื่อนรวม 400 คน เคยเกิดเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า โดยเพื่อนของตนทุกคนต่างสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ไปนิพพานกันหมดแล้ว เหลือเพียงแต่ตนคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ จึงได้รับคำสั่งให้มาเกิดในชาตินี้ ซึ่งเป็นชาติสุดท้ายเพื่อให้มาพาญาติโยมไปสู่นิพพานพร้อมกัน”

    อุปโลกน์ปั้นตัวเลขผู้บริจาคเรียกความศรัทธา

    รวมทั้งมีการสร้างภาพให้เพื่อญาติโยมเกิดความหลงเชื่อ และศรัทธาในตัวเองว่า “เป็นผู้มีบารมี” เป็น “พระอริยสงฆ์” จึงมีญาติโยมมาร่วมทำบุญกันเป็นจำนวนมาก โดยมีการอุปโลกน์ปรับแต่งตัวเลขยอดผู้ที่มาทำบุญว่ามีผู้ถวายเงินให้ในแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท หรือมากกว่านั้น

    หากมีการทอดกฐินสามัคคีก็จะมีการตกแต่งตัวเลขให้ดูเพื่อให้ญาติโยมหลงเชื่อว่า มีผู้บริจาคเงินเป็นจำนวนมาก เช่น ยอดการทอดผ้าป่าสามัคคี 2 ล้านบาท ก็จะแต่งตัวเลขและทำการประชาสัมพันธ์ออกไปว่า มีผู้ทำบุญมากถึง 10 ล้านบาท หรือมียอดทอดกฐินเสาร์ 9 เมตร 36 ต้น จำนวนเงิน 14 ล้านบาท ก็จะตกแต่งตัวเลขและประชาสัมพันธ์ออกไปว่ามียอดทอดกฐินทั้งสิ้นกว่า 75 ล้านบาท หรือ 100 ล้านบาท เป็นต้น

    อ้างท้าวสักกะเทวราชสั่งสร้างพระแก้ว

    ส่วนการสร้าง “พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก” นั้น หลวงปู่เณรคำ อ้างว่า “ได้พบ และพูดคุยกับท้าวสักกะเทวราช และได้รับคำสั่งจากท้าวสักกะเทวราชให้มาสร้างพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นมาเพื่อให้ญาติโยมสาธุชนทั้งหลายได้ร่วมกันทำบุญครั้งใหญ่เพื่อจะได้สู่นิพพานในชาตินี้”

    นอกจากนี้ หลวงปู่เณรคำ ยังเทศนาชักชวนให้ญาติโยมร่วมกันบริจาคทองคำ โดยอ้างถึงวัตถุประสงค์การรับบริจาคทองคำจากญาติโยมว่า “ได้พูดคุยกับพระอินทร์ และท้าวสุริยามรรคผู้เป็นมหาราชจอมเทวดาที่สถิตอยู่ในสุคติภูมิโลกสวรรค์ชั้นยามา เกี่ยวกับรูปแบบการสร้างวิหารครอบองค์พระแก้ว รวมไปถึงการอ้างถึงวิมานที่วิจิตรพิสดารงดงามมาก โดยหลวงปู่เณรคำ บอกว่าเป็นที่เคยมาเสวยทิพยสมบัติในชาติก่อนนี้”

    นอกจากนี้ ยังมีการปั้นน้ำเป็นตัวโดยอ้างว่ามีผู้บริจาครถยนต์หรู ยี่ห้อเมอรืเซเดส เบนซ์ จำนวน 1 คัน มูลค่า 20 ล้านบาทให้ แท้ที่จริงแล้วรถยนต์คันดังกล่าว หลวงปู่เณรคำ เป็นผู้ไปดาวน์มาเองทั้งสิ้น เพื่อสร้างภาพให้ญาติโยมดูว่า มีคนมาบริจาคถวายรถให้เพื่อเรียกแรงศรัทธาให้มากขึ้น

    สร้างภาพมีรถขบวนนำหน้าไม่ต่างจากบุคคลสำคัญ

    เวลาที่หลวงปู่เณรคำ จะไปไหน หรือรับกิจนิมนต์สำคัญก็จะมีขบวนรถตำรวจทางหลวงนำขบวนอย่างยิ่งใหญ่ไม่แตกต่างไปจากขบวนของบุคคลสำคัญในประเทศ โดยจะมีการนำตราประจำองค์หลวงปู่เณรคำ ไปติดไว้ที่ประตูผู้โดยสารข้างรถด้านหลัง ส่วนตรงกันชนด้านหน้าจะติดเสาสัญลักษณ์ขององค์หลวงปู่เณรคำ เพื่อทำให้เหมือนรถขบวนบุคคลสำคัญ โดยมีรถในขบวนไม่ต่ำกว่า 15 คัน และมีรถตำรวจเขตทางหลวงวิ่งนำขบวนปิดหัวท้ายขบวนร่วม 4 คัน

    โดยรถนำขบวนดังกล่าว เป็นรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด สีน้ำตาล หมายเลข 0019 ทะเบียน กธ 665 กทม. โดยในจำนวนนี้เป็นรถยนต์ที่หลวงปู่เณรคำ บริจาคให้แก่ทางหลวง 3 คัน แต่มีการนำมาใช้ในกิจการของตัวเองวิ่งทั่วราชอาณาจักรไทย

    ส่วนผู้ขับรถในขบวนทั้งหมดจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงนอกราชการ แต่งเครื่องแบบตำรวจทางหลวงพกอาวุธปืนมาเป็นพลขับให้ทุกคัน โดยไม่มีพลเรือนขับแม้แต่คันเดียว

    อ้างซื้อ “ฮ.” ที่แท้ไปเช่าเขามาตบตาญาติโยม

    รวมทั้งการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งทุกครั้งที่หลวงปู่เณรคำ เดินทางมาที่วัดป่าขันติธรรมก็จะนั่งเฮลิคอปเตอร์มา ซึ่งการทำอย่างนี้ก็เพื่อสร้างภาพให้ญาติโยมได้เห็นว่า ตนเองเป็นผู้มีบารมี และเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวก็เป็นของหลวงปู่ที่ซื้อมาเอง แต่แท้ที่จริงแล้วไปเช่ามา แล้วให้บริษัทที่ตนเองไปเช่าเฮลิคอปเตอร์มาติดตราสัญลักษณ์ประจำองค์หลวงปู่เณรคำ เช่นเดียวกับกับรถยนต์เพื่อสร้างภาพว่าเป็นของส่วนตัว

    ส่วนการเช่าเจ็ทนั้นจะทำเพื่อรับรองแขกวีไอพี ที่จะมาบริจาคเงินให้จำนวนมากเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างประเทศ เช่น มิสเตอร์อู๋ นักธุรกิจชาวมาเลเชีย เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อสร้างสัญลักษณ์ให้แก่ตนเองว่าเป็น “ผู้มีบารมี” เป็น “พระอริยสงฆ์”

    ตบตาสร้างวัดสาขามากมายกว่า 200 สาขา

    สำหรับวัดสาขา หรือสำนักสงฆ์สาขา ของวัดป่าขันติธรรมตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ว่า มีกว่า 200 สาขานั้น ความจริงมีเพียงไม่กี่สาขา โดยแต่ละสาขาจะใช้ชื่อว่าวัดป่าขันติบารมีสาขาที่... หรือสำนักสงฆ์ขันติบารมีสาขาที่... หากใครไม่รู้ก็จะเข้าใจว่าสาขาของวัดป่าขันติธรรมนี้มีมากกว่า 200 สาขา แต่ความจริงมีเพียงไม่กี่สาขา

    แต่ด้วยความชาญฉลาดของหลวงปู่เณรคำ จึงได้มีการสร้างรหัสสาขาขึ้นมาโดยใช้เลข “10” หรือ “20” เป็นเลขรหัสนำหน้า เช่น สำนักสงฆ์ขันติบารมีสาขาที่ 101 บ้านเขาคีรี ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี หรือสำนักสงฆ์ขันติบารมีสาขาที่ 201 บ้านแสนสุข ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ทั้งนี้ เพื่อสร้างภาพให้ประชาชนเข้าใจว่าสาขาของวัดนี้มีมากกว่า 200 สาขา เพื่อจะได้ดึงดูดแรงศรัทธาจากประชาชนนักแสวงบุญทั้งหลายให้เข้าไปทำบุญบริจาคเงินกันมากๆ โดยรหัสที่ขึ้นต้นด้วย 10 นั้น จะเป็นที่รู้กันว่าอยู่ทางภาคกลาง เช่น สำนักสงฆ์ขันติบารมีสาขาที่ 101 บ้านเขาคีรี ขึ้นต้นด้วย 20 ก็จะอยู่ทางภาคตะวันออก เช่น สำนักสงฆ์ขันติบารมีสาขาที่ 201 บ้านแสนสุข เป็นต้น

    ส่วนภาคอีสาน และภาคเหนือจะไม่มีรหัส เช่น สำนักสงฆ์ขันติบารมีสาขาที่ 1 บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี สำนักสงฆ์ขันติบารมีสาขาที่ 2 บ้านตาเส็ด ต.บักดอง อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ หากมีการตรวจสอบกันจริงๆ แล้วก็จะรู้ความจริงว่า สำนักสงฆ์ขันติบารมีสาขาที่ 3 สาขาที่ 4 และสาขาที่ 5 ไปจนถึงสำนักสงฆ์ขันติบารมีสาขาที่ 100 นั้นยังไม่มีแต่อย่างใด จะมีบ้างก็เพียงแค่ไม่กี่วัดเท่านั้นที่กำลังก่อสร้างอยู่แต่ยังไม่เสร็จ เช่น สาขาที่ 89 อ.วัดโบสถ์ จ.พิษณุโลก รวมทั้งสาขาที่มีรหัสนำหน้า 101 ไปจนถึง 201 ก็เช่นกัน

    “การทำเช่นนี้ก็เพื่อตบตาญาติดยม แต่โดยความเป็นจริงแล้ว สาขาของวัดนั้นมีเพียงไม่กี่สาขา แต่เพื่อให้ดูดีดูว่าหลวงปู่มีบารมีมาก มีการสร้างวัดสาขาไว้มาก ญาติโยมก็หลงเชื่อและเกิดความศรัทธาจึงร่วมกันบริจาคเงินเข้ามากันเป็นจำนวนมากเพื่อร่วมกันทำบุญสร้างวัด แต่พอเงินเข้ามาก็หายหมดไม่รู้ไปไหน”

    มีทีม ปชส.คอยหนุนหลังร่วมด้วยช่วยปั้นเรื่อง

    อดีตศิษย์ผู้ใกล้ชิด บอกด้วยว่า นอกจากการสร้างภาพเทศนาอวดอ้างตนจนทำให้สาธุชนเกิดความหลงใหล และศรัทธาในตัวหลวงปู่เณรคำแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้หลวงปู่เณรคำ มีชื่อเสียงโด่งดัง และมีคนเกิดความศรัทธามากขึ้นคือ “ทีมกองงานประชาสัมพันธ์” ของวัดป่าขันติธรรม

    โดยกองงานประชาสัมพันธ์นี้จะทำหน้าที่ทุกอย่างเพื่อเสริมสร้าง “บารมีปลอม” ความเป็น “พระอริยสงฆ์เทียม” ให้แก่หลวงปู่เณรคำ หรือ “ไอ้คำ” โดยจะทำหน้าที่ประสานงานกับสื่อต่างๆ ทั้งในท้องถิ่น และส่วนกลาง ร่วมทั้งสื่อออนไลน์ และโซเชียลเน็ตเวิร์ก ตลอดจนมีการปล่อยคลิปคำเทศนาชวนเชื่อของไอ้คำ ทางเว็บไซต์ต่างๆ

    นอกจากการสร้างภาพให้ดูดีเพื่อหลอกลวงญาติโยมแล้ว ทีมงานกองงานประชาสัมพันธ์นี้ ยังจะทำหน้าที่เข้าไปเคลียร์ปัญหาต่างๆ ที่อาจจะทำให้ภาพลักษณ์ของหลวงปู่เณรคำเสื่อมเสียด้วย ซึ่งการเคลียร์ปัญหาทุกครั้งก็มักจะจบลงที่ด้วยการ “จ่ายเงินปิดปาก”

    ทั้งหมดนี้ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อหลอกลวง ตบตา เพื่อดูดทรัพย์ และทองคำจากญาติโยมผู้หลงเชื่อศรัทธาในตัวหลวงปู่เณรคำ หรือ “ไอ้คำ” อย่างชัดเจนที่สุด ซึ่งชาวจังหวัดศรีสะเกษ ส่วนใหญ่ทราบเรื่องนี้ดีว่า.....

    เรื่องทั้งหมด “ไอ้คำ” หรือหลวงปู่เณรคำ สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงตบสายตาประชาชน ปั้นน้ำเป็นตัวไม่ต่างอะไรกับ “เด็กเลี้ยงแกะ” หรือเล่าเรื่องเป็นตุเป็นตะไม่ต่างอะไกับ “ศรีธนญชัย” ซึ่งชาวอีสานโดยเฉพาะชาวศรีสะเกษต่างเรียกหลวงปู่เณรคำว่า “บักเซียงเมี่ยง”

    อนึ่ง สำหรับ “เซียงเมี่ยง” เป็นวรรณกรรมอีสานที่เล่าสืบต่อกันมาหลายสมัย เรียกง่ายๆ ก็คือ “ศรีธนญชัย” ของไทยเรานี้เอง แต่ทางภาคอีสานจะเรียกกันว่า “เซียงเมี่ยง”

    สำหรับคำว่า “เซียง” นั้นหมายถึง "คนที่บวชเณรแล้วสึกออกมา"

    ส่วน “เมี่ยง” เป็นชื่อคนที่มีความหมายเหมือนไม่เอาไหน

    “เซียงเมี่ยง” จึงหมายถึงเป็นคนที่ฉลาดแกมโกง

    เช่นมีนิทานเล่าสืบต่อกันมาว่า “วันหนึ่งมีคนต่างเมืองมาท้าเจ้าเมืองหาคนมาวาดรูปสัตว์แข่งกันใครจะสามารถวาดได้เร็ว และจำนวนมากกว่ากันในเวลาที่กำหนด เจ้าเมืองก็เรียก “เซียงเมี่ยง” มาแข่งขัน เมื่อการแข่งขันเริ่มขี้น พวกต่างเมืองก็พากันวาดรูปสัตว์ต่างๆ ตามถนัด ได้หลายตัว คิดว่าชนะแน่ๆ ฝ่าย “เซียงเมี่ยง“ ใช้นิ้วมือทั้งสิบนิ้วจุ่มสีลากไปบนผืนผ้าขยุกขยิกไปมา เป็นเส้นๆ จำนวนมาก เมื่อกรรมการตัดสินปรากฏว่า “เซียงเมี่ยง” ชนะขาด เขาวาดไส้เดือนนับได้เป็นร้อยๆ ตัว”

    ดังนั้น พฤติกรรมของหลวงปู่เณรคำ หรือ “ไอ้คำ” จึงไม่ต่างไปจาก “เซียงเมี่ยง” นั่นเอง

    [​IMG]
    ตราประจำองค์หลวงปู่เณรคำ

    [​IMG]
    ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ภายในบริเวณวัด

    [​IMG]
    ภาพหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ที่ชวนให้คิดติดตั้งอยู่ภายในวัดทำให้ญาติโยมเข้าใจว่า ตนเองนั้นเป็นพระอริยะ
     
  14. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    แม่ค้าจำหน่ายเพชรพลอยที่ตลาดแม่สอดเครียดจัด พากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ ปปง.เตรียมอายัดทรัพย์สิน "เณรคำ" หวั่นไม่ได้เงินค่าเพชรพลอย ที่ "เณรคำ" ติดค้างกว่า 20 ล้าน...

    ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 3 ก.ค.2556 ว่า ที่ตลาดซื้อขายเพชรพลอย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ขณะนี้บรรดาแม่ค้าจำหน่ายพลอยต้องจับกลุ่มคุยกันและพากันปรับทุกข์เกี่ยวกับเรื่องที่ ปปง. เตรียมอายัดเงินในบัญชีของหลวงปู่เณรคำ ทั้งนี้เนื่องจากก่อนหน้านั้น หลวงปู่เณรคำจะเป็นลูกค้าของตลาดพลอยแห่งนี้ เพราะมีบรรดาแม่ค้าพลอยนับสิบรายเป็นคณะศรัทธาของวัดขันติบารมี สาขาที่ 88 ที่บ้านม่อนหินเหล็กไฟ ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด ที่มีโยมชื่ออักษรย่อ “ต” ได้ถวายที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิบนยอดดอย จำนวนเกือบ 20 ไร่ ให้กับหลวงปู่เณรคำเพื่อสร้างวัดขันติบารมี สาขา 88 ซึ่งขณะนั้นบรรดาแม่ค้าตลาดพลอย ต่างศรัทธาหลวงปู่เป็นอย่างมาก และหลวงปู่เณรคำจะสั่งซื้อพลอยประดับเพชรจำนวนมาก แต่ไม่ทราบว่านำไปไหน ซึ่งชุดล่าสุดที่หลวงปู่เณรคำสั่งซื้อพลอยพม่าประดับเพชรแบบเงินเชื่อ จากโยมอักษรย่อ \'\'จ\'\' กว่า 5 ล้านบาท โยม \'\'ถ\'\' อีกเกือบ 10 ล้านบาท รวมทั้งร้านทองที่เลี่ยมกรอบพระที่ถูกสั่งทำสินค้าประดับด้วยทองอีกกว่า 5 ล้านบาท ไม่รวมที่ปลีกย่อยอีกนับไม่ถ้วน ซึ่งค่าเพชรพลอยและทองจำนวนกว่า 20 ล้านบาท ยังไม่มีการชำระแต่อย่างไร ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามผู้เสียหาย กลับถูกต่อว่าที่เสนอข่าวจนทำให้เกิดเรื่อง

    ในขณะที่ความเคลื่อนไหวภายในวัดขันติบารมี สาขา 88 บ้านม่อนหินเหล็กไฟ ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด ปรากฏว่าเมื่อเย็นวานนี้มีคนงานไม่ทราบว่าใครใช้มา ได้มารื้อป้ายชื่อวัดรวมทั้งภาพของหลวงปู่เณรคำที่ติดไว้หน้าทางเข้าวัดออกจนหมด ขณะที่พระสุพันโน พระลูกวัด วัดป่าขันติธรรม บ้านยาง ต. ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ที่ถูกส่งตัวมาเฝ้าวัดขันติบารมี ที่อำเภอแม่สอด ได้เก็บข้าวของออกจากกุฏิเผ่นกลับวัดที่ศรีสะเกษแล้ว หลังจากทราบข่าวว่าโยมที่บริจาคที่ดินจะมาทวงที่ดินคืน และเหมือนจะเป็นลางสังหรณ์เพราะถนนสายเลี่ยงเมือง ทางรถที่จะเดินทางไปวัดขันติบารมี อยู่ห่างวัดเพียงไม่ถึง 50 เมตร ได้เกิดทรุดตัวยาวเกือบ 10 เมตร บางจุดลึกเกือบ 50 เซนติเมตร โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งชาวบ้านต่างบอกว่าเหมือนลางบอกเหตุว่าจะไม่มีคนผ่านถนนสายนี้อีกแล้ว เพราะตำนานเณรคำใกล้ล่มสลาย

    จาก ไทยรัฐออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • เณร1.jpg
      เณร1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      139.7 KB
      เปิดดู:
      72
    • เณร2.jpg
      เณร2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      158.2 KB
      เปิดดู:
      76
    • เณร3.jpg
      เณร3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      174.8 KB
      เปิดดู:
      114
  15. Moderator6

    Moderator6 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +3,721
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2013
  16. Moderator6

    Moderator6 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +3,721
  17. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    คิดไปเองเรื่องอะไรหรือท่าน วานบอกให้ชัดเจน
     
  18. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    กองปราบร่วมกับ ปปง.ร่วมมือกันตรวจสอบกรณีฉาวโฉ่ของ “ไอ้คำ” ชี้เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน ด้านประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตั้งข้อสังเกตจงใจเปิดเป็นสำนักสงฆ์ไม่ขึ้นทะเบียนเป็น “วัด” จัดตั้งบริษัททำธุรกิจโกยเงินเข้ากระเป๋า!

    วันนี้ (3 ก.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 12.30 น. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ รักษาการ ผอ.ข่าวกรองทางการเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และนายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณี หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก หรือพระวิรพล สุขผล อายุ 34 ปี ประธานสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ มีการกระทำที่เข้าข่ายขัดต่อพระธรรมวินัย และเป็นความผิดคดีอาญา ในหลายประเด็น โดยมีการร้องเรียนให้ทาง บก.ป.ได้สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงต่างๆ โดยนำเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมอบไว้ประกอบการพิจารณา

    พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า หลังจากทางพนักงานสอบสวน บก.ป.ได้สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปปง.แล้วพบข้อมูลที่เข้าข่ายการกระทำความผิดเกิดขึ้นโดยเฉพาะกรณีเงินบริจาคที่เงินในบัญชีธนาคารหมุนเวียนเป็นจำนวนกว่า 200 ล้านบาท และกรณีการสร้างพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดย นายสงกรานต์ จึงประสงค์ ที่จะร้องทุกข์กล่าวโทษในวันเดียวกันนี้

    ด้าน นายสงกรานต์ กล่าวว่า ตามที่ตนได้เคยร้องเรียนให้ทาง บก.ป.ได้สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำต่างๆ ของพระวิรพล กับพวก ซึ่งมีการประสานข้อมูลกับทาง ปปง.แล้ว ก็มีข้อมูลเบาะแสเพิ่มเติม ว่าการทำบุญและบริจาคเงินในความเป็นจริงของชาวบ้านในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ นั้น ไม่มีกำลังพอที่จะบริจาคได้ในจำนวนมาก จึงเป็นที่สงสัยว่ารายได้จำนวนมากมายมหาศาลมาจากที่ใด สอดคล้องกับการตรวจสอบของ ปปง.ที่พบว่ามีเงินเข้าออกในบัญชีธนาคารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดระยะเวลา 2 ปี มีกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ตนยังมีข้อสังเกตุอีกว่า เหตุใดทางสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม จึงไม่ขอจดทะเบียนเป็นวัด และมีบริษัท ขันติธรรมก้าวหน้า จำกัด เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินต่างๆ ก็น่าจะเป็นความพยายามในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบนั่นเอง

    นายสงกรานต์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ผมเปิดเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อรับแจ้งเบาะแสกรณีของหลวงปู่เณรคำ ก็มีข้อมูลเข้ามาเป็นจำนวนมาก การทำบุญบริจาคปรากฏตามข้อเท็จจริงว่า ประชาชนในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ไม่น่าจะมีเงินทำบุญได้มากนัก อย่างมากก็หลักพันบาท อาจจะมีบ้างที่มีรายใหญ่ที่เป็นเจ้าของบริษัท ดังนั้นจึงน่าสงสัยว่า มีรายได้ต่างๆ มาจากทางใด สอดคล้องกับทาง ปปง.ที่ตรวจสอบสถานะการเงินเข้าออกหมุนเวียนถึง 200 ล้านบาท ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมพระวิรพลและพวกถึงตั้งสำนักปฏิบัติธรรม ไม่ยอมจดทะเบียนเป็นวัด

    นายสงกรานต์ กล่าวอีกว่า เงินที่มีในบัญชีธนาคารของพระวิรพล ทำให้เห็นว่าการจัดงานกฐิน ผ้าป่า รายได้จากบุญกุศล พระวิรพล ได้อาศัยความเชื่อของพุทธศาสนิกชน รวมทั้งการออกหนังสือ เผยแพร่คลิปในยูทิวบ์ ส่วนรูปภาพที่ถ่ายกับหญิงสาว ที่อ้างว่าเป็นภาพตัดต่อ ล้วนปรากฏในเฟซบุ๊กของพระวิรพล ทั้งนั้น ขณะที่กรณีของ รพ.ร้อยเอ็ด เคยให้คณะกรรมการขอสอบยอดบัญชีพระวิรพล ที่นำมายื่น ก็ปรากฏว่า มียอดเงินไม่ถึง 4 แสนบาท จึงต้องตั้งคำถามว่า เงินบริจาคที่มีนับร้อยล้านบาทมาจากไหน นอกจากนี้กรณีของทองคำที่พระวิรพล อ้างว่ามีอยู่ถึง 8,000 กิโลกรัม นั้น ทางร้านทองซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ได้ประเมินแล้วว่าคิดเป็นเงินกว่า 9,000 ล้านบาท หากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องถามอีกว่า พระวิรพล มีธุรกิจอะไร และลูกศิษย์ บริวารที่เกี่ยวข้อง มีการทำกิจกรรมอะไรบ้าง

    นายสงกรานต์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังขอตั้งข้อสงสัยเพิ่มเติมว่า ทางลูกศิษย์เณรคำ มักจะใช้คำว่ากรรมการบริหาร รวมทั้งโฆษกฝ่ายประชาสัมพันธ์ ซึ่งคนที่เป็นคณะกรรมการในการจัดทำบุญ เขาไม่ใช้กัน แต่จะใช้เรียกกันว่า กรรมการวัด หรือคณะกรรมการจัดงาน ฯลฯ และเมื่อตรวจสอบไปยังสำนักพัฒนาธุรกิจการค้า ก็พบว่า บริษัท ขันติธรรมก้าวหน้า จำกัด ได้จดทะเบียนเมื่อปี 2555 แต่ไม่มีการส่งงบการเงิน ตรงกับที่ นางลอน มนัส เจ้าของที่ดิน บอกว่า นายวิรพล เจตนาตั้งแต่ต้นที่จะไม่จัดตั้งวัดเพื่อจะได้ไม่ต้องถูกตรวจสอบ

    “พระแก้วมรกตจำลอง ที่พระวิรพล กล่าวอ้างว่าทำมาจากหยก นั้น ผมได้ประสานผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากร ร่วมพิจารณาแล้ว พบว่าน่าจะทำด้วยเรซินผสมกับผงหินไม่ใช่หยก ซึ่งจะมีมูลค่าไม่น่าจะเกิน 30 ล้านบาท จึงต้องแจ้งความดำเนินคดีกับ พระวิรพล ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน” นายสงกรานต์ กล่าว

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในระหว่างการแถลงข่าว นายสงกรานต์ ได้นำองค์พระแก้วมรกต ที่มีการจัดสร้างไว้เมื่อการฉลองปีกึ่งพุทธกาล หรือเมื่อ พ.ศ.2500 ที่มีการขออนุญาตจัดสร้างจากสำนักพระราชวัง อย่างถูกต้อง มีตราประทับด้านหลังองค์พระ ขึ้นมาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่เกิดขึ้น

    นายสงกรานต์ กล่าวว่า สำหรับสถานะทางสงฆ์ของพระวิรพล ก็ต้องขาดจากความเป็นพระสงฆ์แล้วด้วยตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และหากพิสูจน์ได้ด้วยว่า มีสีกาเป็นภรรยาและมีบุตร จริง ก็ต้องถือว่าขณะนี้ได้แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ และมีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอผ่านทางเว็บไซต์ยูทิวบ์ รวมทั้งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน และความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร

    ด้าน พ.ต.ท.ธีรพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของ ปปง.ก็จะติดตามตรวจสอบเส้นทางการเงินจากบัญชีธนาคารต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเบื้องต้นพบว่ามีอยู่ 16 บัญชี ซึ่งจะดูตั้งแต่ต้นทางและปลายทางที่มีการนำเงินเข้าออกมียอดเงินเท่าไหร่ จากนั้นก็จะประสานข้อมูลกับทาง บก.ป.เพื่อดำเนินคดีต่อไป

    พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว ทางพนักงานสอบสวนก็จะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ แต่คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากมีเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก มีผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งจะต้องเรียกตัวมาสอบปากคำ โดยทุกขั้นตอนต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม จากนั้นจึงจะออกหมายเรียก พระวิรพล ต่อไป และหากมีความคืบหน้าทางคดีก็พร้อมจะแจ้งต่อสื่อมวลชนต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชน
     
  19. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ห่มเหลืองขับเก๋งไปรับหน้าร.ร. พาขยี้พรหมจรรย์เมื่อ12ปีก่อน กองปราบ-ปปง.รุกคดีฉ้อโกง

    สีกาโผล่แฉมีสัมพันธ์ “เณรคำ” ตั้งแต่ เรียนอยู่ชั้น ม.2 จนมีลูกชายด้วยกัน เรียกร้อง ให้จ่ายค่าเลี้ยงดูลูก ขณะที่ รอง ผบก.ป. ร่วม ผอ.ข่าวกรองทางการเงิน ปปง.ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แถลงผลตรวจสอบพฤติกรรมพระชื่อดังเข้าข่ายผิดฐานฉ้อโกงประชาชน คณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎรคาดศิษย์เณรคำให้ข้อมูลเท็จจี้เอาผิดทางกฎหมาย ด้านเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ธรรมยุต สั่งตั้งกรรมการ 2 ชุด ตรวจสอบ สั่งให้เณรคำเข้าให้ปากคำด้วยตัวเอง ส่วนเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานีเงื้อดาบสั่งพระชื่อดัง เข้าให้ปากคำใน 3-7 วัน หากไม่มาขับออกจากสังกัด

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าตรวจสอบเข้มพระวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ทั้งเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับสมณเพศ เส้นทางการเงินของพระชื่อดัง โดยเฉพาะการขอเรี่ยไรขอรับบริจาคจากพุทธศาสนิกชนว่า มีการขออนุญาตและจัดการเงินรวมทั้งทรัพย์สินที่ได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่ ขณะที่การสอบสวนข้อเท็จจริงของคณะสงฆ์จังหวัดศรีสะเกษ ไม่คืบหน้าเท่าที่ควรเนื่องจากพระคนดังยังไม่ยอมกลับมาให้ปากคำกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง อ้างติดกิจนิมนต์ญาติโยมที่ประเทศฝรั่งเศส

    บก.ป.-ปปง.ระบุเข้าข่ายผิดกฎหมาย

    ความคืบหน้าการตรวจสอบพฤติกรรมพระฉาว เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 3 ก.ค. ที่ บก.ป. พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. นายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ผอ.ข่าวกรองทางการเงิน สำนักงานคณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมกันแถลงข่าวการตรวจสอบพฤติกรรมหลวงปู่เณรคำ ที่เข้าข่ายขัดต่อพระธรรมวินัย และเป็นความผิดคดีอาญา พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวว่า หลังจากทางพนักงานสอบสวน บก.ป. สืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปปง. พบข้อมูลที่เข้าข่ายการกระทำความผิดเกิดขึ้นโดยเฉพาะกรณีเงินบริจาคที่มีเงินในบัญชีธนาคารหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท และกรณีการสร้างพระแก้วมรกตจำลองเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยนายสงกาญ์ประสงค์จะร้องทุกข์กล่าวโทษในวันเดียวกันนี้

    ข้องใจเงินหายนับร้อยล้านบาท

    นายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กล่าวว่า หลังจากเข้าร้องเรียนกับทาง บก.ป. และประสานข้อมูลกับทาง ปปง. ตนได้เปิดเฟซบุ๊กส่วนตัว รับแจ้งเบาะแสกรณีของหลวงปู่เณรคำ มีข้อมูลเข้ามาเป็นจำนวนมาก การทำบุญบริจาคประชาชนในพื้นที่ อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ไม่น่าจะมีเงินทำบุญมากนัก อาจจะมีบ้างที่มีรายใหญ่ที่เป็นเจ้าของบริษัท น่าสงสัยว่า พระวิรพลมีรายได้ต่างๆมาจากทางใด สอดคล้องกับทาง ปปง.ที่ตรวจสอบสถานะการเงินเข้าออกหมุนเวียนถึง 200 ล้านบาท ทำให้เห็นว่า การจัดงานกฐิน ผ้าป่า รายได้จากบุญกุศล พระวิรพลได้อาศัยความเชื่อของพุทธศาสนิกชน รวมทั้งการออกหนังสือ เผยแพร่คลิปในยูทูบ ส่วนรูปภาพที่ถ่ายกับหญิงสาวที่อ้างว่าเป็นภาพตัดต่อ ล้วนปรากฏในเฟซบุ๊กของพระวิรพลทั้งนั้น ส่วนกรณีของ รพ.ร้อยเอ็ด เคยให้คณะกรรมการขอตรวจสอบยอดบัญชีพระวิรพล ที่นำมายื่นปรากฏว่า มียอดเงินไม่ถึง 4 แสนบาท เงินที่บอกได้บริจาคนับร้อยล้านบาทหายไปไหน

    แฉสร้างพระหินหยกฉ้อโกงประชาชน

    นายสงกาญ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กรณีทองคำที่พระวิรพล อ้างว่ามีอยู่ถึง 8,000 กิโลกรัม ทางร้านทองประเมินแล้วคิดเป็นเงินกว่า 9,000 ล้านบาท ต้องถามอีกว่าพระวิรพลมีธุรกิจอะไร ลูกศิษย์ บริวารที่เกี่ยวข้องมีการทำกิจกรรมอะไรบ้าง ในส่วนบริษัท ขันติธรรมก้าวหน้า จำกัด จดทะเบียนเมื่อปี 2555 แต่ไม่มีการส่งงบการเงิน ตรงกับที่นางลอน มนัส เจ้าของที่ดินบอกว่า พระวิรพลเจตนาตั้งแต่ต้นที่จะไม่จัดตั้งวัดเพื่อจะได้ไม่ต้องถูกตรวจสอบ สำหรับพระแก้วมรกตจำลอง ที่พระวิรพลอ้างว่าทำมาจากหยก ได้ประสานผู้เชี่ยวชาญจากกรมศิลปากรร่วมพิจารณาแล้ว พบว่าน่าจะทำด้วยเรซิ่นผสมกับผงหินไม่ใช่หยก มีมูลค่าไม่น่าจะเกิน 30 ล้านบาท จึงต้องแจ้งความดำเนินคดีพระวิรพล ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน สำหรับสถานะทางสงฆ์ของพระวิรพลก็ต้องขาดจากความเป็น พระสงฆ์แล้วด้วย ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ และหากพิสูจน์ได้ว่า มีภรรยาและมีบุตรจริง ถือว่าขณะนี้ได้แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ และมีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีการเผยแพร่คลิปวีดิโอผ่านทางเว็บไซต์ยูทูบ รวมทั้งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน และ พ.ร.บ.ศุลกากร

    เดินหน้าตรวจเส้นทางเงิน 16 บัญชี

    ด้าน พ.ต.ท.ธีรพงษ์กล่าวว่า ในส่วนของ ปปง.ก็จะติดตามตรวจสอบเส้นทางการเงินจากบัญชีธนาคารต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยเบื้องต้นพบว่ามีอยู่ 16 บัญชี ซึ่งจะดูตั้งแต่ต้นทางและปลายทางที่มีการนำเงินเข้าออกมียอดเงินเท่าไหร่ จากนั้นก็จะประสานข้อมูลกับทาง บก.ป. เพื่อดำเนินคดีต่อไป

    จากนั้น พ.ต.อ.ประสพโชคกล่าวเสริมว่า ภายหลังได้รับการร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว พนักงานสอบสวนจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ แต่คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากมีเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก มีผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเรียกตัวมาสอบปากคำ จากนั้นจึงจะออกหมายเรียกพระวิรพล และหากมีความคืบหน้าจะแจ้งต่อสื่อมวลชนทราบ

    จี้เอาความผิดศิษย์เณรคำ

    ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร มีนายสันตศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังชล เป็นประธานฯ เพื่อพิจารณากรณีหลวงปู่เณรคำ โดยหารือภายในไม่ได้เชิญบุคคลภายนอกมาชี้แจงเพิ่มเติม ซึ่งพระครูพิศาลสรนาท รองหัวหน้าฝ่ายนโยบายและแผน กองธรรม วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯกล่าวว่า ขอให้พระวิรพลเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อทำให้ประเด็นดังกล่าวนี้มียุติ เพราะเรื่องกำลังขยายไปเป็นการตรวจสอบบัญชีทางการเงินแล้ว ส่วนประเด็นการตรวจสอบความไม่เหมาะสมทางคณะสงฆ์กำลังดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการฯหลายคนหารือถึงการให้ข้อมูลของนายสุขุม วงประสิทธิ ประธานองค์กรเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม ศิษย์หลวงปู่เณรคำ ต่อกรรมาธิการฯ อาจให้ข้อมูลเป็นเท็จ อยากให้มีการเอาผิดกับนายสุขุมด้วย โดยนายชินวัฒน์ หาบุญพาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมาธิการฯจากพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า พฤติกรรมของนายสุขุมไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้น คณะกรรมาธิการฯควรร่วมกับหน่วยงานทางกฎหมายดำเนินการเอาผิดนายสุขุมและพวกฐานหลอกลวงประชาชน

    ขอข้อมูลสำนักพุทธฯ 8 ประเด็น

    อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการฯ ได้มีหนังสือไปเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. ถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมใน 8 ประเด็น คือ 1.รายชื่อคณะกรรมการสงฆ์ พร้อมประเด็นตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีพระวิรพล ฉัตติโก 2.ความคืบหน้าในการตรวจสอบทรัพย์สินของที่พักสงฆ์ขันติธรรม 3.สถานะและสังกัดของพระวิรพล 4.การดูแลและตรวจสอบที่พักสงฆ์ขันติธรรมของ พศ. 5.ความแตกต่างระหว่างที่พักสงฆ์ สำนักสงฆ์และวัด 6.จำนวนที่พักสงฆ์ สำนักสงฆ์ และวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในจังหวัดศรีสะเกษ 7.มาตรการดำเนินการในการอนุญาตให้สร้างวัดซึ่งไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จใน เวลาที่กำหนด และ 8.ข้อคิดเห็นแนวทางการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา

    เจ้าคณะ จ.ศรีสะเกษตั้งกรรมการ 2 ชุด

    บ่ายวันเดียวกัน พระครูวัชรสิทธิคุณ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต และคณะได้เข้าถวายผลการประชุมของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพฤติกรรมหลวงปู่เณรคำต่อพระครูวิสุทธิญาณ เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุต มีมติขอแต่งตั้งคณะกรรมการ 2 ชุดคือกรรมการตามหาข้อมูลข้อเท็จจริง และกรรมการสอบสวนพระธรรมวินัยสงฆ์ ซึ่งพระครูวิสุทธิญาณมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องพระธรรมวินัยเป็นพระสงฆ์ทั้งหมด 5 รูป ส่วนที่จะตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงเป็นชุดที่เคยแต่งตั้งไว้มีพระสงฆ์ 5 รูป ฆราวาส 1 คน พร้อมลงนามในหนังสือแจ้งให้พระวิรพลเข้ามาพบเพื่อชี้แจงกับคณะกรรมการด้วยตนเอง โดยพระครูวัชรสิทธิคุณจะนำไปส่งให้ที่วัดป่าขันติธรรมด้วยตนเอง

    เจ้าคณะ จ.อุบลฯ สั่ง “เณรคำ” ชี้แจงด่วน

    ที่วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ อ.เมืองอุบลราชธานี พระราชธรรมโกศล (สวัสดิ์ ตามสีวัน) เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี ฝ่ายธรรมยุต และเป็นเจ้าอาวาสวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ ต้นสังกัดของหลวงปู่เณรคำ กล่าวถึงการตรวจสอบพฤติกรรมเณรคำว่า ได้ตั้งคณะกรรมการสงฆ์ของจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรอรับผลการตรวจสอบของทางเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษที่จะจัดส่งมาให้ พร้อมกันนี้ ได้เร่งออกหนังสือคำสั่งให้หลวงปู่เณรคำมาชี้แจงเรื่องที่เป็นประเด็นสังคมให้แล้วเสร็จภายในวันนี้ โดยจะให้ระยะ เวลาในการเดินทางมาทำการชี้แจงภายใน 3-7 วัน หากหลวงปู่เณรคำไม่มาจะถือว่าพ้นจากต้นสังกัดเนื่องจากไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และจะจำหน่ายชื่อออกจากวัดต้นสังกัด ซึ่งหลวงปู่เณรคำต้องหาสังกัดใหม่ หากไม่มีสังกัดใหม่จะถือว่าพ้นจากการเป็นพระไปโดยปริยาย นอกจากตัวหลวงปู่เณรคำที่มาขออาศัยสังกัดอยู่วัดของตน ยังมีพระลูกศิษย์ที่หลวงปู่ เณรคำบวชให้อีกประมาณ 20 รายมาขออาศัยสังกัดอยู่วัดตนด้วย ซึ่งตนจะทำการตรวจสอบต่อไป

    “พุทธะอิสระ” ลั่นฟ้องอาญา “เณรคำ”

    ที่วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม หลวงปู่ พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า กำลังเร่งดำเนินการเอกสารสำนวนคดีเพื่อฟ้องนายคำกับพวกฐานซ่องโจร และหลอกลวงประชาชน ตามด้วยเรื่องคดีปกครองคณะสงฆ์ที่เจ้าคณะปกครองในแต่ละชั้นที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมจะส่งหนังสือชี้แจงความผิดที่เห็นเด่นชัดไปยังคณะปกครองสงฆ์ทุกระดับชั้นที่ จ.ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยจะยื่นฟ้องนายคำที่ศาลอาญาใน วันที่ 5 ก.ค.นี้ ส่วนที่นายคำยังไม่กลับประเทศไทย โดยลูกศิษย์อ้างว่าติดกิจนิมนต์นั้น นายคำได้รับมอบ หมายจากสหประชาชาติให้ไปทำหน้าที่รวบรวมนิกาย ต่างๆของศาสนาพุทธในยุโรปให้เป็นนิกายเดียว โดยยอมทิ้งงานห่มผ้าพิธีสำคัญประจำทุกปี ดังนั้นวิญญูชนควรพึงรู้ได้ว่า นายคำได้หนีคดีแล้ว

    แฉซ้ำมั่วสีกา 8 คน

    พระนักเทศน์ดังกล่าวต่อว่า นายคำได้มีความสัมพันธ์กับสีกาจำนวน 8 คน นอกจากนี้ ยังมีสีกา อีกจำนวนมากที่ยอมเอาตัวแลกกับเงิน ส่วนหลักฐานตนกำลังให้คนไปประสาน แต่ไม่ได้คาดหวังว่าบุคคล เหล่านี้จะลงมาช่วยเหลือ แต่มั่นใจว่าหลักฐานที่มีอยู่คิดว่าสามารถเอาผิดนายคำและขบวนการให้ติดคุกได้ และอยากฝากถึงสมเด็จพระวันรัตปฏิบัติหน้าที่ แทนโดยปกครองคณะสงฆ์นิกายธรรมยุตทั่วประเทศ ทั้งหมดรวม 18 ภาค 76 จังหวัด ส่งคณะบุคคลจาก ส่วนกลางที่ไม่ได้มีส่วนได้เสียไปสอบเพื่อหาข้อเท็จจริง

    สีกาโผล่แฉสัมพันธ์ลึกตั้งแต่เรียน ม.2

    เที่ยงวันเดียวกัน น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 26 ปี บ้านอยู่ ต.น้ำเกลี้ยง อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ เปิดตัวแฉว่ามีสัมพันธ์กับพระชื่อดังจนมีลูกด้วยกัน ต่อหน้า พ.ต.อ.เอกชัย ปรัชญาวุฒิรัตน์ ผกก.สภ.น้ำเกลี้ยง ที่เชิญมาเพื่อเป็นหลักประกันดูแลความปลอดภัยกับ น.ส.เอ และครอบครัว โดยกล่าวว่า ตนเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่อาศัยอยู่กับยาย เมื่อราว 12 ปี ก่อน ขณะเรียนอยู่ชั้น ม.2 หลวงปู่เณรคำมาธุดงค์มาปักกลดอยู่ในป่าละเมาะใกล้หมู่บ้าน ยายได้พาตนไปถวายภัตตาหารทุกวัน ต่อมาหลวงปู่เณรคำขับรถมาจอดรอตนที่หน้าโรงเรียน แล้วพาตนไปมีสัมพันธ์กัน จากนั้นก็แวะเวียนมารับตนที่บ้านบ้าง ให้ศิษย์มารับบ้าง พาไปนอนด้วย กระทั่งตนอยู่ชั้น ม.3 และตั้งครรภ์ขึ้น

    เรียกร้องค่าเลี้ยงดูลูกชาย

    น.ส.เอกล่าวต่อว่า หลังจบ ม.3 หลวงปู่เณรคำพาไปเช่าบ้านอยู่ที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จนคลอดลูกชายถึงได้พากลับมาอยู่ที่บ้าน จากนั้นหลวงปู่เณรคำได้ห่างหายไปไม่มาดูแลตนกับลูก เมื่อโทรศัพท์ไปขอเงินก็จะให้ลูกศิษย์โอนให้ครั้งละ 5,000-10,000 บาท ตนเคยนำเรื่องเข้าร้องเรียนตำรวจกองปราบปรามเมื่อปี 2553 และมีการตกลงให้ค่าเลี้ยงดูจำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ลูกชายคนดังกล่าวอายุได้ 11 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.5 ที่ร้องเรียนกับสื่อมวลชน เพราะลูกชายโตขึ้นเรื่อยๆต้องเรียนสูงขึ้นใช้เงินมากขึ้น ต้องการที่จะให้หลวงปู่เณรคำออกมารับผิดชอบส่งเสียเลี้ยงดูหรือจ่ายค่าเลี้ยงดูเป็นก้อนมาให้แล้วก็จบกันไป

    วัดขันติบารมี สาขา 88 ถูกทิ้งร้าง

    ที่วัดขันติบารมี สาขา 88 บ้านม่อนหินเหล็กไฟ ต.มหาวัน อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อเย็นวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา มีคนงานเข้าไปรื้อป้ายชื่อวัด รวมทั้งภาพของหลวงปู่เณรคำที่ติดบนแผ่นไวนิลขนาดใหญ่ตั้งอยู่ริมถนนสายเลี่ยงม่อนหน้าทางเข้าวัด ออกจนหมด ส่วนพระสุพันโน พระวัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ที่ถูกส่งมาดูแลสถานที่เพียง 1 สัปดาห์ ได้เก็บข้าวของออกจากกุฏิเดินทางกลับ จ.ศรีสะเกษแล้ว หลังมีข่าวว่าโยมที่บริจาคที่ดินจะมาทวงที่ดินคืน

    แม่ค้าหวั่น “เณรคำ” เบี้ยวค่าซื้อพลอย

    ที่ตลาดอัญมณีแม่สอด อ.แม่สอด บรรดาแม่ค้าเพชรพลอยที่เป็นลูกศิษย์ศรัทธาหลวงปู่จับกลุ่มปรับทุกข์เกี่ยวกับเรื่องที่ ปปง.เตรียมอายัดเงินในบัญชีของหลวงปู่เณรคำ เนื่องจากก่อนหน้าหลวงปู่เณรคำสั่งซื้อพลอยจากแม่ค้าชื่อนาง จ. มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท และสั่งซื้อจากนาง ถ. มูลค่าร่วม 10 ล้านบาท รวมทั้งสั่งให้ร้านทองเลี่ยมกรอบพระมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท และยังมีการสั่งซื้อเครื่องประดับแบบปลีกย่อยจากแม่ค้าอีกหลายราย โดยรับสินค้าไปแล้วแต่ยังไม่ชำระเงินค่าสินค้า ทำให้ต่างเกรงกันว่าจะกลายเป็นหนี้สูญ ผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามรายละเอียดจากแม่ค้ากลุ่มดังกล่าวแต่ถูกต่อว่าที่เสนอข่าวทำให้เกิดเรื่อง

    คณะศิษย์ร้องกองปราบฯสอบรูปคู่สีกา

    ต่อมาเวลา 15.30 น. นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุติธรรม พร้อมคณะลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ เข้าร้องเรียนต่อ ร.ต.ท.ชลิต มณีพราว พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ขอให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีภาพถ่ายคล้ายพระวิรพล นอนอยู่บนหมอนกับสีการายหนึ่ง ว่าเป็นภาพของหลวงปู่เณรคำจริงหรือไม่ โดยมอบรูปให้ไว้เป็นหลักฐานด้วย โดยนายสุขุมกล่าวว่า รูปดังกล่าวมีการเผยแพร่มาตั้งแต่ 5 ปีก่อน เป็นฝีมือของนักเรียนหญิงชั้น ม.ปลาย โรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นลูกของอดีตกรรมการสำนักสงฆ์ป่าขันติธรรม เป็นผู้นำไปมอบให้กับครูคนหนึ่ง ซึ่งมีอาชีพเสริมเป็นผู้สื่อข่าว เพื่อหวังทำลายชื่อเสียงของหลวงปู่เณรคำ อยากให้ตรวจสอบว่าเป็นภาพจริงหรือตัดต่อ หากเป็นภาพจริง ขอให้ประสานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาเถรสมาคม และเจ้าคณะจังหวัด เพื่อทำพิธีลาสิขาหลวงปู่เณรคำ หากเป็นภาพที่มีการตัดต่อก็ขอให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ตัดต่อภาพและนำออกมาเผยแพร่

    ย้ำ “เณรคำ” ไม่หนี แค่ตั้งหลัก

    นายสุขุมกล่าวต่อว่า ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่ทางเครือข่ายฯ ต้องการให้มีการตรวจสอบไปพร้อมกัน ประกอบด้วยการตรวจสอบบัญชีธนาคารของหลวงปู่เณรคำ โดย ปปง. เนื่องจากเป็นเงินที่ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ จากการทำบุญ บริจาค และติดกัณฑ์เทศน์ สำหรับยอดเงินจำนวน 200 ล้านบาท เป็นเงินที่ญาติโยมถวายเพื่อใช้ในการก่อสร้างวัดและสำนักสงฆ์ทั่วประเทศ ที่ยังดำเนินการไม่เสร็จ ทั้งนี้ ทางเครือข่ายฯ ปรึกษากันแล้วว่าจะขอให้ทนายความจากต่างประเทศ เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของคดีที่เกิดขึ้น พร้อมย้ำว่าหลวงปู่เณรคำเดินทางกลับประเทศไทยแน่นอน ท่านไม่ได้หนีแต่ตอนนี้คงต้องขอตั้งหลัก เพื่อหารือและปรึกษากับนักกฎหมาย เพื่อช่วยกันปกป้องพระพุทธศาสนา โดยท่านคงต้องใช้สิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อความยุติธรรม

    โดย: ทีมข่าวหน้า 1

    4 กรกฎาคม 2556, 09:00 น.
     
  20. อนิจฺจํ

    อนิจฺจํ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,374
    ค่าพลัง:
    +2,949

    น่ากลัวอ่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 กรกฎาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...