แอ่วกำปอง เที่ยวเชียงใหม่ มิติใหม่

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย paang, 26 มกราคม 2006.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="100%"><TBODY><TR><TD>
    แอ่วกำปอง เที่ยวเชียงใหม่ มิติใหม่


    เรื่องและภาพโดย มัณฑนา ชอุ่มผล ฝ่ายข้อมูลและประสานงานรายการทุ่งแสงตะวัน

    </TD><TD vAlign=top align=right>
    [​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>[​IMG]ปัจจุบันที่การท่องเที่ยวของเชียงใหม่เข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม ผู้คนที่หลั่งไหลเริ่มหันกลับมามองหาวัฒนธรรมประเพณี และวิถีชีวิตที่เรียบง่าย สงบ งาม ตามวิถีเดิมของชาวเหนือ

    วันนี้จะชวนผู้อ่านไปท่องเที่ยวเชียงใหม่แบบไม่เร่งรีบ ใช้ชีวิตอยู่กับชาวบ้านอย่างชาวเหนือแท้ๆ แต่ขอเตือนว่าการท่องเที่ยวแบบนี้อาจทำให้ท่านลืมการท่องเที่ยวแบบเก่าๆ และอยากเก็บกระเป๋าไปอยู่ที่นี่กันเลยทีเดียว ที่แห่งนี้ก็คือหมู่บ้านแม่กำปอง กิ่งอำเภอแม่ออน เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เปิดบ้านให้ท่านไปใช้ชีวิตคนล้านนาขนานแท้ว่าเป็นอย่างไร


    จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางอำเภอสันกำแพง มุ่งหน้าเข้าสู่กิ่งอำเภอแม่ออน ประมาณ 50 กิโลเมตร ผ่านเส้นทางคดเคี้ยวไม่นานเราก็มาถึงหมู่บ้านแม่กำปอง

    แนะนำตัวทำความรู้จักกับอดีตพ่อหลวงชื่อพ่อหลวงพรหมมินทร์ พวงมาลา ผู้ริเริ่มนำโครงการโฮมสเตย์เข้ามาในหมู่บ้านและผลักดันจนโครงการสำเร็จ เจ้าของบ้านที่เข้าพักมารับ พาไปเก็บข้าวเก็บของและฝากท้องเรียบร้อยก็ได้เวลาเข้าป่าไปดูป่าเมี่ยง และป่าต้นน้ำของชุมชน

    คุณลุงใจดีชื่อพ่ออานันต์เป็นไกด์กิตติมศักดิ์ พาเดินลัดเลาะเข้าไปในหมู่บ้านเริ่มไต่ระดับขึ้นเขาไปเรื่อยๆ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายต้องเหนื่อยกันหน่อย เมื่อเดินขึ้นภูเขาหลังหมู่บ้านจะพบกับป่าเมี่ยงที่ปลูกแฝงตัวอยู่ตามสุมทุมพุ่มไม้ เป็นต้นเมี่ยงที่ชาวบ้านปลูกเอาไว้ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย จนกระทั่งปัจจุบันชาวบ้านก็ยังขึ้นไปเก็บยอดใบชากันได้ตลอด อีกทั้งไม่มีการตัดไม้ทำลายป่า บ้านแม่กำปองจึงมีทรัพยากรป่าไม้ที่สมบูรณ์ เป็นต้นน้ำลำธาร

    ระหว่างทางได้ความรู้เรื่องสมุนไพร ที่น่าทึ่งคือต้นกฤษณา สมัยก่อนคนในหมู่บ้านจะมาเอาเปลือกไม้ไปทำธูปหอม แต่ในปัจจุบันถือว่าผิดกฎหมาย จึงเหลือไม้กฤษณาที่เปลือกด้านนอกเป็นลายสี่เหลี่ยมเรียงกันทั้งต้นอยู่หลายต้น ยิ่งเดินก็ยิ่งเข้าป่าลึก อากาศเย็นขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็มาถึงสิ่งที่น่าอัศจรรย์คือต้นไม้ยักษ์ 2 ต้นที่ถือเป็นสัญลักษณ์และตัวแทนของป่าต้นน้ำ

    นั่นก็คือต้นตุ้มยักษ์ที่มีอายุหลายร้อยปี ต้นหนึ่งมีตาไม้ขนาดใหญ่มีน้ำไหลซึมออกมาตลอดเวลาเรียกว่าตาน้ำ อีกต้นคุณลุงบอกว่าเป็นยายน้ำ เพราะมีตาก็ต้องมียายด้วย เหนื่อยๆ มาก็ได้อารมณ์ดีกับมุขของคุณลุง นั่งพักอยู่บริเวณโคนต้นไม้คุณลุงชี้ให้ดูธารน้ำเล็กๆ ที่ไหลออกมาจากโคนต้นไม้ และบอกพวกเราว่านี่แหละเรามาถึงต้นน้ำแล้ว เดี๋ยวจะพาพวกเราไปดูน้ำตกแม่กำปอง แหล่งกำเนิดไฟฟ้าของชุมชน

    หลังจากนั่งพักเหนื่อยและทำใจกับเส้นทางอันลาดชันสักครู่ พ่ออานันต์ก็พาพวกเราลัดเลาะลงจากเขา และเดินไปตามเส้นทางหลังหมู่บ้านเพื่อไปยังน้ำตกแม่กำปอง เดินไปไม่ไกลก็จะพบกับน้ำตกที่สวยงามสูงถึง 7 ชั้น ถ้าเป็นฤดูร้อนเดินมาเหนื่อยๆ แบบนี้คงได้กระโดดน้ำเล่นแล้วแน่ๆ แต่เสียดายที่ช่วงนี้น้ำเย็นเหมือนน้ำในตู้เย็น เลยได้แต่เอามือวักเล่นเบาๆ

    มื้อเย็นเจ้าของบ้านทำอาหารแบบพื้นเมืองให้ชิม อันได้แก่น้ำพริกหนุ่มกับแคบหมูและผักแกล้ม ผัดยอดฟักแม้ว กินกับข้าวเหนียว ขอบอกแบบชาวเหนือว่า "ลำแต๊ๆ เจ้า" แถมคืนนั้นยังใจดีต้มน้ำอุ่นให้อาบด้วย แต่แอบคิดในใจว่าไม่อาบก็ได้นะ เพราะหนาวมาก ช่วงกลางคืนอย่างนี้ก็สามารถศึกษาวิถีชีวิตของชาวบ้านในการทำเมี่ยงได้ เพราะชาวบ้านจะมัดเมี่ยงและนึ่งเมี่ยงกันในช่วงกลางคืน ส่วนกลางวันก็ออกไปเก็บเมี่ยงกันทั้งวัน

    บ้านแม่กำปองเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงเรื่องการทำเมี่ยงตั้งแต่บรรพบุรุษจนปัจจุบัน เมี่ยงก็คือชาชนิดหนึ่งที่คนเหนือนิยมนำมาหมักจนมีรสเปรี้ยวฝาด แล้วนำมาเคี้ยวเล่นยามว่างเหมือนที่คุณยายแถวบ้านเรากินหมากนั่นแหละ วิถีชีวิตของคนที่นี่จึงผูกพันอยู่กับการทำเมี่ยงตั้งแต่เช้าจนดึก

    พอถึงหน้าหนาวยอดเมี่ยงเจริญเติบโตช้าเหลือแต่ใบแก่ ชาวบ้านนำใบแก่มาอบแห้งทำหมอนใบชาขาย เป็นสินค้าที่สำคัญอีกอย่างของหมู่บ้าน แต่ถ้าใครเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ามาจากการเดินป่าเมื่อวานหลวงพ่อใจดีก็ต้มยาใส่หม้อเอาไว้ให้หน้าวัดเรียกว่าตูบยาเมือง ใครผ่านไปผ่านมาก็ตักดื่มได้ฟรีๆ อุ่นและหายเมื่อยด้วย

    แล้วก็ถึงเวลานอน ห้องที่นอนก็เป็นห้องหนึ่งในบ้านที่ชาวบ้านไม่ได้ใช้ เลยจัดเป็นห้องพักให้แขก ที่นอนหมอนมุ้งมีพร้อม แถมดึกๆ อากาศหนาวแม่บ้านยังใจดีเอาผ้าห่มมาเพิ่มให้ สรุปว่าคืนนั้นห่มผ้านวม 3 ผืน แต่ก็ยังหนาวอยู่ดี ถ้าใครอยากสัมผัสความหนาวละก็ขอให้มาหมู่บ้านแม่กำปองช่วงฤดูหนาวได้ แถมยังได้ยินเสียงน้ำไหลจากลำธารที่ในหมู่บ้าน โรแมนติคไปอีกแบบ

    สินค้าของบ้านแม่กำปองที่กำลังจะออกสู่ตลาดคือ กาแฟคั่วบดพันธุ์อาราบิกาแท้ และชาเขียวอบแห้งสินค้าสุขภาพอีกอย่างหนึ่ง นี่เป็นตัวอย่างทริปท่องเที่ยวสั้นๆ 2 วัน 1 คืนที่บ้านแม่กำปอง ถ้าใครอยากรู้จักหมู่บ้านนี้ไปแต่ยังไม่มีเวลาขอแนะนำให้ดูรายการทุ่งแสงตะวันเสาร์ที่ 28 มกราคมนี้ ตอน "แอ่ว...กำปอง" ไปก่อน

    ถ้าดูแล้วติดใจก็ต้องหาโอกาสไปเยือนให้ได้

    ที่มา http://www.matichon.co.th/khaosod
     

แชร์หน้านี้

Loading...