เรื่องเด่น แผ่เมตตา จัดเป็นคุรุกรรมกุศล(กรรมหนักฝ่ายบุญ) หมั่นกระทำย่อมส่งผลเร็วให้ผลก่อน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย พระศุภกิจ ปภัสสโร, 30 มิถุนายน 2009.

  1. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,168
    2010-03-05_112021.jpg


    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

    หากปรารถนาสุขให้เข้าฌาณ 4
    ปรารถนาผิวพรรณดีให้รักษาศีล
    ปรารถนาโภคะให้เธอเจริญเมตตา


    [​IMG]

    ๑. ให้ทานกับสัตว์เดียรฉาน ๑๐๐ ครั้ง เท่ากับให้ทานกับมนุษย์ชั้นเลวไม่มีคุณธรรม ๑ ครั้ง
    ๒. ให้ทานแก่มนุษย์ชั้นเลว ๑๐๐ ครั้ง เท่ากับให้ทานแก่มนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๑ ข้อ ๑ คน
    ๓. ให้ทานแก่มนุษย์มีศีล ๑ ข้อ ๑๐๐ คน เท่ากับให้ทานกับมนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๒ ข้อ ๑ คน
    ๔. ให้ทานกับมนุษย์มีศีลห้า ๒ ข้อ ๑๐๐ คน เท่ากับให้ทานกับมนุษย์รักษาศีลห้า๓ ข้อ ๑ คน
    ๕. ให้ทานกับมนุษย์ที่มีศีลห้า ๓ ข้อ ๑๐๐ คน เท่ากับให้ทานกับมนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๔ ข้อ ๑ คน
    ๖. ให้ทานกับมนุษย์ที่มีศีลห้า ๔ ข้อ ๑๐๐ คน เท่ากับให้ทานกับมนุษย์ที่รักษาศีลห้า ๕ ข้อ ๑ คน
    ๗. ให้ทานกับมนุษย์มีศีลห้า ๕ ข้อ ๑๐๐ คน เท่ากับให้ทานกับ พระโสดาบัน ๑ องค์
    ๘. ให้ทานกับพระโสดาบัน ๑๐๐ องค์ เท่ากับให้ทานกับ พระสกทาคามี ๑ องค์
    ๙. ให้ทานกับพระสกทาคามี ๑๐๐ องค์ เท่ากับให้ทานกับ พระอนาคามี ๑ องค์
    ๑๐. ให้ทานกับ พระอนาคามี ๑๐๐ องค์ เท่ากับถวายทานกับ พระอรหันต์ขีณาสพ ๑ องค์

    ๑๑. ถวายทานกับ พระอรหันต์ขีณาสพ ๑๐๐ องค์ เท่ากับถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๑ องค์(1ล้าน ๆเท่า)
    ๑๒. ถวายทานกับ พระปัจเจกพุทธเจ้า ๑๐๐ พระองค์ เท่ากับถวายทานกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑ พระองค์
    ๑๓. ถวายทานกับ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๑๐๐ พระองค์ เท่ากับถวายสังฆทาน ต่อพระภิกษุสงฆ์อันมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ๑ ครั้ง (ร้อย ล้าน ๆเท่า)

    เรื่องของกรรมนั้น อธิบายได้อย่างเป็นจริงง่ายๆการกระทำทุกอย่างในอดีตนั้นจบไปแล้ว
    แต่ผลของการกระทำนั้นยังส่งผลเสมือนหว่านเหล็ดพืชใด ย่อมได้ผลเช่นนั้น แผ่เมตตาเป็นการปฏิบัติในลักษณะ "เมตตามโนกรรม"
    ซึ่งจะบังเกิดเป็นอานิสงส์แก่ผู้ปฏิบัติดังที่ได้แสดงไว้ใน อังคุตตรนิกาย นวกนิบาต ดังนี้

    การมีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ มีผลมากกว่าสร้างวิหารทานถวายสงฆ์ (สิบล้าน ล้าน ล้าน เท่า)
    การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานศีล ๕ มีผลมากกว่าการมีจิตเลื่อมใสในพระรัตนตรัย (พันล้านล้าน ล้าน เท่า)
    การที่มีจิตเจริญด้วยเมตตาแม้เพียงเวลาชั่วสูดของหอมมีผลมากกว่าการมีจิตเลื่อมใสสมาทานศีล (แสนล้าน ล้าน ล้าน เท่า)


    อ่านเพิ่มเติม...http://palungjit.org/forums/การแผ่เมตตาช่างดีอะไรปานนี้-[.4/B]192872.html#post2192360
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 เมษายน 2020
  2. sio191

    sio191 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +601
    ท่านพระที่12ครับ
    ไม่ทราบว่ามีคำแนะนำในการแผ่เมตตาไหมครับ ปกติผมจะแผ่เมตตาในช่วงหลังสวดมนต์ตามปกติเท่านั้น ถ้าอยากเจริญเมตตาจิตบ่อยๆจะทำยังไงดีครับ
    และสัตว์หรือกายทิพย์ที่เราแผ่เมตตาให้จะได้รับอะไรจากการแผ่เมตตาของเราครับ
    ยังไงช่วยยกตัวอย่างเป็นวิทยาทานด้วยครับ เพราะจริงๆการแผ่เมตตาถือว่าเป็น1ในกรรมฐาน40เหมือนกัน ^^
     
  3. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,168
    การแผ่เมตตาให้ได้ผลเร็ว

    [​IMG]เมตตาจะแผ่ออกได้แสดงว่าจิตเป็นสมาธิระดับปฐมฌาณขึ้นไปหากในสมาธิที่ต่ำกว่าฌาณ1 จะแผ่เมตตาไม่ออกเช่นนี่แลหากตายขณะแผ่เมตตาจึงได้เกิดในพรหมโลกทันทีตามความละเอียดของเมตตาฌาน ที่ตรงใหนที่เราแผ่เมตตาที่ตรงนั้นจะเป็นมงคลทันทีศักดิ์สิทธิ์จนสิ้น 5พันปี พระศาสนาเป็นอย่างน้อย

    วิธีแผ่เมตตา
    ให้เข้าใจก่อนว่า เมตตาเป็นอารมณ์ที่แผ่ออกไป ไม่ใช่บทสวดสัพเพสัตตา ฯ หรือคำพูด
    แต่เป็นอารมณ์ เช่น พ่อ-แม่ รักลูกโดยบริสุทธิ์ไม่หวังสิ่งใด รักด้วยใจบริสุทธิ์ เอาอารมณ์นี้แหละแผ่ออกไป โดยคิดสงเคราะห์ไม่หวังลาภ เป็นต้น

    วิธีที่อาตมาเคยใช้ จะนึกขอบารมีพระพุทธเจ้าและพระอริยะทั้งหมดเป็นการน้อมนำมหากุศลมาอยู่ในใจเราแล้วกำหนดจิตแผ่ความรักความปรารถนาดีอย่างแรงกล้าอออกไปจากจิตให้กว้างขวางเท่าที่จะทำได้ ไปยัง....

    [​IMG]ร่างกาย โรคภัย ให้พรให้เขาแข็งแรง[​IMG]บุคคลอันเป็นที่รัก
    [​IMG]ปัญหา,อุปสรรคในชีวิตก็แผ่ได้[​IMG]ผู้ที่เราต้องการให้เขารักและเมตตาช้วยเหลือ
    [​IMG]เทวดา[​IMG]เทพผู้สงเคราะห์ทั้งหมด[​IMG]สรรพสัตว์[​IMG]บริวาร[​IMG]ผู้ตกทุกข์[​IMG]ญาติ[​IMG]ผู้มีพระคุณ

    เมตตาเป็นคุรุกรรม(กรรมหนักฝ่ายบุญ)หากแผ่เมตตาออกจะเจาะจงหรือแผ่ให้กับตนหรือญาติหรือสรรพสัตว์ทั่วไปในแสนจักรวาลก็มีผล
    ในสุตตันตปิฎกพระพุทธเจ้าทรงสอนอานุภาพของการแผ่เมตตาไว้มาก กว่าอานิสงค์ 11 ประการ มีข้อหนึ่งที่เป็นอานิสงค์สำคัญคือจะบันลุอรหันต์เป็นที่สุดได้บันลุอนาคามีเป็นอย่างน้อยในภพประจุบัน

    หลวงปู่มั่น ภูริทฺตโต ซึ่งเป็นอาจารย์กรรมฐาน ซึ่งพวกเรา ทุกคนรู้จักดี ทราบว่าท่านแผ่เมตตาจิตที่เป็นระยะกาลใหญ่นั้น ๓ เวลาในวันหนึ่งคือ
    ๑.
    ก่อนนอน
    ๒.
    ตื่นนอน- จะเป็นตอนไหนก็ได้ ส่วนมากท่านก็ตื่น เวลาปัจฉิมยาม
    ๓.
    ตอนบ่าย- หลังออกจานั่งภาวนาแล้ว

    นี้เป็นการแผ่เมตตาที่เป็นไปในกาลใหญ่ ส่วนเมตตาที่เป็นไป ย่อยๆ นั้น ไม่อาจจะนับกาลได้ว่า ท่านแผ่เวลาใดบ้าง เพราะเมื่อ เหตุเกิดขึ้นเมื่อไร ท่านก็แผ่ไปได้เมื่อนั้น นี้คืออาจารย์กรรมฐาน ซึ่งมีชื่อเสียง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2009
  4. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,168
    ประสบการณ์การแผ่เมตตาที่เคยประสบ

    [​IMG]
    หลวงปู่ธรรมรังษี จันทสุวัณโณ-หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ


    หลวงปู่ธรรมรังษีพ่อแม่ครูอาจารย์ผู้เขียนท่านแผ่เมตตา
    จนบังเกิดผลที่เคยพบอาทิ

    1.วัดเขาพนมดินหุงข้าวเลี้ยงพระ200รูปแม่ชี 100 กว่ารูป วันละ 1 กระสอบปุ๋ย ปรากฏข้าวสารจะหมด หลวงปู่ท่านหลับตาแผ่เมตตาสัก2-3นาทีแล้วลืมตาปรากกวันรุ่งขึ้นมีผู้นำข้าวสารมาถวาย 20 กระสอบและสังฆทานกว่า 40 ชุดขนาดใหญ่

    2.ช่างมาขอเก็บค่าสร้างพระอุโบสถ 6แสน4หมื่น ปรากฎวัดมีเงินเพียง 2แสน 5 หลวงปู่ก็แผ่เมตตาเพียงนิดเดียวในเช้าวันนั้น ปรากฎตกเย็นมีร่างทรงขับรถมาจากกรุงเทพนำเงินมาถวาย 2แสน บอกมาตามนิมิต
    เช้าอีกวันโยมผู้หญิงข้างวัดมาพร้อมสามีฝรั่งพึ่งกลับเมืองไทยมาถวาย 2แสน 4 ปรากฎบ่ายได้เงินชำระค่าโบถร์ครบ

    3.โรงโม่หินสระบุรีติดหนี้นับ20ล้านมากราบลาจะหนีหนี้ หลวงปู่ว่าจะหนีทำไม....ท่านพาอาตมาไปที่โรงโม่สระบุรีให้นำเก้าอี้ไปตั้งที่ลานท่านแผ่เมตตาสัก10 นาทีปรากฎ 2 เดือนให้หลังเจ้าของโรงโม่นำรถเบ็นส์ 500 คันละ 12 ล้านมาถวายเพราะหมดหนี้ แต่หลวงปู่นั่งรถให้ 3 วันก็คืนเขาท่านว่าไม่เหมาะกับวัดเรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กรกฎาคม 2009
  5. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,168
    หลวงปู่แนะวิธีแผ่เมตตาให้บังเกิดผล

    หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ท่านสอนให้ศิษย์ทุกคนได้หัดแผ่เมตตา คือส่งความปรารถนาดีแก่คน สัตว์ ศัตรูหมู่มาร โดยแผ่ไปให้ทั่วจักรวาล ยิ่งแผ่มาก ก็ยิ่งทำให้ในสบาย รักชีวิตและทรัพย์สิน คนอื่นเหมือนกับของตนเอง สังคมก็จะมีความสุขสงบอย่างถ้วนทั่ว

    หลวงปู่แนะวิธีแผ่เมตตาให้บังเกิดผล โดยให้ทำตนและจิตใจเหมือนมารดาที่เลี้ยงลูก ให้ความรัก ความเอ็นดูสงสาร มุ่งหวังจะให้ลูกสุขกายสบายใจ มีอาชีพการงาน มีวิชาเลี้ยงตนเอง ได้ ความรักที่แม่ให้กับลูกเป็นความรักที่บริสุทธิ์ไม่มีพิษภัย และไม่ต้องการผลตอบแทนจากลูก มีแต่ให้อย่างเดียว

    ถ้าเราแผ่เมตตาเหมือนกับพระอาทิตย์ส่องแสง เมตตานั้นจะมีพลังสูงยิ่ง เพราะธรรมชาติของพระอาทิตย์ขณะที่ส่องแสงไม่ได้เลือกชุมชน สรรพสัตว์ยากดีมีจน อยู่ที่สูงหรือที่ต่ำ จะใกล้หรือไกล ก็ได้รับความร้อนเท่ากัน
    เมตตาธรรมก็เช่นกัน ขอให้แผ่ไปให้แก่ชนทุกชั้นทุกระดับ ใครจะรับได้มากน้อย สุดแต่วาสนาบารมีของผู้นั้น

    ผู้เขียน (รศ. ดร.ปฐม นิคมานนท์) เพิ่งประจักษ์ในความวิเศษของพระพุทธศาสนาเมื่อปี ๒๕๒๖ นี้เอง ก่อนหน้านั้นมัวไปลุ่มหลงศึกษาวิทยายุทธจากฝรั่งชาติตะวันตกอยู่นาน และเพิ่งมารับสัมผัสบารมีธรรมของหลวงปู่แหวน ในปี พ.ศ.๒๕๓๓ เมื่อครั้งติดตามหลวงปู่เพ็ง พุทฺธธมฺโม ไปกราบหลวงพ่อเปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ที่วัดอรัญญวิเวก อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
    หลวงปู่แหวน ท่านเคยอยู่ที่วัดป่าบ้านปง (วัดอรัญญวิเวก ในปัจจุบัน) นานถึง ๑๑ ปี ก่อนจะย้ายไปพำนักที่ดอยแม่ปั๋ง และหลวงพ่อเปลี่ยน ก็ได้ตามไปอุปัฎฐากหลวงปู่เสมอมา จนกระทั่งวาระสุดท้ายในชีวิตของท่าน

    หลวงพ่อเปลี่ยน เล่าให้ฟังว่า “ทุกคืน หลวงปู่แหวน ท่านจะแผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล แต่แปลก ที่ประเทศรัสเซีย กับประเทศบริวารรับกระแสเมตตาของท่านได้บ้างเล็กน้อย ส่วนเวียตนามไม่ยอมรับเลย สะท้อนกลับคืนหมด ประเทศเขาจึงวุ่นวายตลอด มาภายหลังก็เริ่มรับได้มากขึ้น และหลวงปู่ บอกให้หลวงพ่อเปลี่ยน ช่วยแผ่เมตตาให้ประเทศเวียตนามมากๆ ให้ทำทุกคืน

    หลวงพ่อเปลี่ยน ท่านว่า “พลังจิตของหลวงปู่เปรียบได้กับแสงพระอาทิตย์ ของอาตมา เป็นแค่แสงหิ่งห้อย เปรียบกันไม่ได้ แต่อาตมาก็ทำตามที่หลวงปู่บอกทุกคืน ตอนนี้เขาเริ่มดีขึ้น และจะดีขึ้นเรื่อยๆ ..."

    หลวงพ่อปรารภว่า ท่านอยากเอาหนังสือธรรมะไปแจก โดยเฉพาะแจกให้ “พวกตัวใหญ่ๆ”ซึ่งท่านรู้ว่าควรจะแจกให้ใคร และที่ใด เป็นการช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง
    จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ผู้เขียนจึงได้มีส่วนร่วม ด้วยการไปหาผู้แปลและจัดพิมพ์หนังสือ "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก" ซึ่งเป็นคำเทศน์ของหลวงพ่อ ออกมาเป็นภาษาเวียตนาม ตามความ ประสงค์ของท่าน
    ณ จุดนั้นเป็นต้นมา ผู้เขียนและครอบครัว จึงได้เริ่มสัมผัสกระแสเมตตา และได้รับรู้เรื่องราว เกี่ยวกับบารมีธรรม ของหลวงปู่แหวนมาโดยลำดับ นับเป็นบุญและเป็นมงคลยิ่งแก่ชีวิต ตลอดมา


    ที่มา..������������ջ���ҳ... ��ǧ�����ǹ - �����͡�����
     
  6. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,168
    เมตตากลายเป็นมหาลาภ

    ในพุทธกาลมีภิกษุรูปหนึ่ง มีนิสัยเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
    ได้ปัจจัยอะไรมาก็แบ่งปันแก่ภิกษุอื่นเสมอๆ ด้วยอานิสงส์นี้
    ท่านกลายเป็นผู้มีโชคดีในเรื่องลาภอย่างประหลาด ในที่บางแห่ง
    ภิกษุอื่นไปบิณฑบาตไม่ได้อาหารอะไรเลย แต่พอภิกษุรูปนั้นไป
    ปรากฏว่ามีคนมีจิตคิดทำบุญใส่บาตรให้ท่านจนเต็ม
    ท่านได้นำอาหารเหล่านั้นมาแบ่งให้ภิกษุอื่นๆ จนหมด คราวหนึ่ง
    พระเจ้าแผ่นดินมีพระประสงค์จะถวายผ้าแก่พระทั้งวัดมีผ้าเนื้อดีที่สุด ๒ ผืน
    (คงจะเป็นผ้านุ่ง คือผ้าสบงผืนหนึ่ง ผ้าห่มคือจีวรผืนหนึ่ง)
    พระรูปนั้นทราบเข้าจึงพูดไว้ล่วงหน้าว่า ผ้าเนื้อดี ๒ ผืนนั้น
    จะต้องตกมาถึงท่านอย่างแน่นอน อำมาตย์ได้ทราบเรื่องนี้
    จึงนำเรื่องไปทูลกระซิบพระราชา พระราชาเป็นผู้ถวายผ้าเอง
    ก็ทรงสังเกตผ้าที่วางซ้อนๆ กันอยู่ พอมาถึงลำดับภิกษุหนุ่มรูปนั้น
    ก็เป็นผ้าเนื้อดีทั้ง ๒ ผืน
    ทั้งอำมาตย์และพระราชาต่างมองหน้ากันเป็นเชิงประหลาดใจ
    เมื่อทำพิธีถวายผ้าเสร็จแล้ว พระราชาเสด็จเข้าไปหาภิกษุหนุ่มรูปนั้น
    ด้วยเข้าพระทัยว่าพระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์มีญาณวิเศษอย่างแน่นอน
    จึงตรัสถามว่าพระคุณเจ้าได้บรรลุโลกุตรธรรมตั้งแต่เมื่อไร
    ภิกษุหนุ่มถวายพระพรว่ายังไม่ได้บรรลุอะไรเลย
    แต่ที่รู้ว่าผ้าเนื้อดีจะต้องตกแก่ตนนั้นก็เพราะท่านเป็นผู้บำเพ็ญสาราณียธรรมคือการเมตตาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อยู่เป็นนิตย์
    ตั้งแต่เริ่มบำเพ็ญมาก็ได้ผลอย่างประหลาดอยู่เสมอ คืออะไรที่ดีที่สุด
    ถ้ามีการแจกกันโดยไม่เจาะจง สิ่งนั้นก็ต้องตกมาถึงท่าน
    พระราชาทรงชื่นชมยินดีและทรงอนุโมทนา

    "สาราณียธรรม 6 " ซึ่งมีความหมายว่า หลักธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกถึง เป็นหลักธรรมที่จะเสริมสร้างความรู้สึกที่ดีให้เกิดขึ้นต่อกันและกันอยู่เสมอในยามที่ระลึกถึงกัน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความสามัคคีมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันให้เกิดขึ้นด้วย

    1. เมตตามโนกรรม
    2. เมตตาวจีกรรม
    3. เมตตากายกรรม
    4. สาธารณโภคี หมายถึง การรู้จักแบ่งปันผลประโยชน์กันด้วยความยุติธรรม ช่วยเหลือกัน
    5. สีลสามัญญตา หมายถึง การปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อบังคับหรือวินัยต่างๆอย่างเดียวกัน เคารพในสิทธิเสรีภาพของบุคคล
    6. ทิฏฐิสามัญญตา หมายถึง มีความคิดเห็นเป็นอย่างเดียวกัน คิดในสิ่งที่ตรงกัน ปรับมุมมองให้ตรงกัน
     
  7. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,168
    การแผ่เมตตากับพระสุปฏิปัณโน



    1g.jpg 1o.jpg 3l.jpg 4.jpg 5.jpg 6.jpg 8.jpg 12.jpg 16.jpg 56.jpg 15.jpg 14.jpg 13.jpg 2010-03-05_112021.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 เมษายน 2020
  8. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขออนุโมทนาครับ ขอยืนยันครับ ตรงที่จิตที่เข้าฌานนี่สุขจริงๆครับ มันสบายใจจริงๆสุขทางโลก แบบแก้วเพชรเงินทอง นี่สู้ไม่ได้ จากสุขจากฌานเลยครับ ขอยืนยัน แล้วผมจะลองทําดูครับ :D
     
  9. na_krub

    na_krub "นโม ธรรมะสุขัง อรหังพุทโธ นโมพุทธายะ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,514
    ค่าพลัง:
    +2,917
    ขอแชร์ด้วยคนนะครับ

    ทฤษฎีผมไม่ค่อยถนัด ผมเน้นที่ปฏิบัติ

    การแผ่เมตตามันจะออกมาจากลึกๆของจิตของตัวเราเอง เรื่องฌาณผมไม่รู้ว่าตัวเองมีหรือเปล่า แต่ที่รู้คือเมื่อแผ่เมตตาแล้วใจจะรู้สึกปลื้มปิติ มีความสุข การแผ่เมตตาสามารถทำได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นกับคน สัตว์ ต้นไม้ สิ่งของ เมื่อเราเห็นและเข้าใจว่าทำไมต้องเป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วจิตเรารู้สึกเบิกบาน เรามองแล้วเรามีความสุข นั่นแหละครับคือการแผ่เมตตาในความคิดของผม เมื่อเราคิดว่าแบบที่เราทำมีความสุขเราก็อยากให้ทุกคนเป็นแบบเรา ไม่คิดว่าสิ่งนั้นต้อยต่ำหรือสูงศักดิ์กว่าเรา ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเท่ากันหมด มี "กรรม" เป็นของ ของตัวเอง การแผ่เมตตาใช้หลักคือมองโลกในแง่ดี มองทุกอย่างดีหมด สิ่งไม่ดีก็มองให้ดีได้ เมื่อทุกอย่างดีหมดแล้ว การแผ่เมตตาจึงไม่ใช่เรื่องยาก พื้นฐานส่วนใหญ่จะมาจากทางด้านครอบครัวเป็นหลัก ถ้าครอบครัวใดปูพื้นฐานมาดีตั้งแต่ต้นก็จะเข้าใจ ไม่ได้อยู่ที่ฐานะหรือการศึกษา


    "ฝึกมองโลกในแง่ดี เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ"


    อนุโมทนาบุญแด่ผู้ที่ใฝ่ในธรรมมะทุกๆท่านนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...