แต่ละศาสนามี นรก สวรรค์ เหมือนกันหรือไม่ ?

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 17 ตุลาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172
    ถาม: คือสงสัยว่า แต่ละศาสนาต่างมีคำสอนของตนเองใช่ไหมคะ ...(ไม่ได้ยิน)........?

    ตอบ: นรก สวรรค์ พรหม นิพพาน ที่เดียวกันหมดไม่ว่าจะศาสนาไหนก็ตาม หลักการของแต่ละศาสนาที่สอนถูกก็มี สอนผิดบ้างถูกบ้างก็มี ผิดไปเลยก็มี แต่ว่าทั้งหมดขึ้นอยู่กับกรรมคือการกระทำ ถ้าทำดี เรียกว่า กุศลกรรม ทำชั่ว เรียกว่า อกุศลกรรม กรรมคือการกระทำนั้นส่งผลให้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าคุณจะต้องการ ไม่ต้องการก็ตาม ถึงเวลาผลนั้นจะเกิด ถ้าเราทำกรรมชั่ว ส่วนของสัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เหล่านี้ก็รอรับเราอยู่ เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับความชั่วของเรา ถ้าเราทำความดี เทวดา พรหม พระนิพพาน ก็รอเราอยู่ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จริงๆ แล้ว ไม่มีเลยก็ว่าได้ แต่ที่มีขึ้นมา ก็เพราะว่าเราทำให้มีเอง เหมือนกับบ้าน ถ้าเราไม่สร้างบ้านจะมีไหม มันเกิดจากกระการทำของเรา

    ถาม: .......................

    ตอบ: สิ่งที่เราทำ จะเรียกว่ากรรมก็ได้ สิ่งที่เราทำที่ไม่เท่ากันก็เลยให้มีการแบ่งออก เช่นว่า ทำกรรมหนักเอาไว้ก็จะมีนรกแต่ละชั้นแต่ละขุมที่ต่างกันไป ทำความดีเอาไว้ ก็จะมีสวรรค์แต่ละชั้น แต่ละเขตแตกต่างกันไป ถามว่าอะไรมาแบ่ง ? ก็คือ สภาพหยาบ ละเอียด ของจิตของเราเป็นเครื่องแบ่ง อย่างเช่นว่า พรหมมีรูปพรหม ๑๖ ชั้น ก็เกิดจากความหยาบ ละเอียดของจิตของเรา ถ้าหากว่ากำลังจิตของเราเข้าถึงปฐมฌานหยาบ ก็เป็นพรหมชั้นที่ ๑ เป็นปฐมฌานอย่างกลางเป็นพรหมชั้นที่ ๒ ปฐมฌานอย่างละเอียด เป็นพรหมชั้นที่ ๓ ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ

    ถาม: ก็แสดงว่าเมื่อก่อนที่ไม่มีเลย เพราะว่าไม่มีความแตกต่างกันเหรอคะ ?

    ตอบ: ก่อนที่จะกำเนิดเป็นมนุษย์ขึ้นมา ส่วนอันนั้นเขาว่า สภาพจิตของเขาเทียบเท่า อาภัสราพรหม คือ ชั้นที่ ๖ จะมีความสว่างไสวมีความมั่นคง แน่วแน่ ลักษณะนั้น คราวนี้โลกของเรา ต้องใช้คำว่ากำเนิดโลกนะ ถือว่าเล่านิทานให้ฟังแล้วกัน กำเนิดโลก โลกจะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก ซึ่งทฤษฎีนี้ ฝรั่งว่าเป็น บิ๊กแบงก์ (Big Bang) ถึงเวลาแล้วดวงอาทิตย์จะขยายตัวระเบิดออกมากลืนเอาดาวเคราะห์ทั้งหมดไป

    คราวนี้...ลักษณะนี้ของทางพระ เรียกว่า ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก เมื่อถึงเวลาแล้วเกิดฝนตกลงมา ดินที่โดนเผาพอโดนฝน โดนน้ำใหม่ๆ กลิ่นมันหอม มันก็ลอยสูงขึ้นไป อาภัสราพรหม คือพรหมที่อยู่ข้างบนได้กลิ่นก็อยากรู้อยากเห็น เลยลงมา ลองมาชิมมากินดู เมื่อตัวเองอยู่ด้วยความเป็นทิพย์ กินของหยาบเข้าไปเลยทำให้ร่างกายหยาบ ไม่สามารถเหาะกลับได้ จากแสงสว่างที่เคยมีอยู่ แสงก็หมดไป กลายเป็นต้นกำเนิดมนุษย์ขึ้นมา เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็จะต้องมีการทำมาหากินเพื่อเลี้ยงชีพตัวเอง เกิดอาการทำในสิ่งที่ถูกต้องตามศีลธรรมก็มี ผิดพลาดไม่เป็นไปตามศีลธรรมก็มี สิ่งเหล่านี้ก็เลยจำเป็นต้องเกิดขึ้นเพื่อรองรับเขาจริงๆ แล้วมันเกิดจากการกระทำตัวเองแท้ๆ เลย

    ถาม: .........................

    ตอบ: ถ้าหากว่าไปหาจุดกำเนิด ต้องกล่าวถึงแรกเริ่มที่จิตเกิดมาอันนี้ ถ้าว่าไปแล้วพระพุทธเจ้าท่านบอกว่า เป็น อจินไตย ไม่ควรไปคิดผู้ใดคิดพึงมีส่วนของความบ้า คือมันเสียเวลาคิด แต่ว่าบอกง่ายๆ ว่าการเกิดของจิตก็ลักษณะเดียวกับแร่ธาตุต่างๆ คือว่าพอถึงเวลาภายในจักรวาลของเราที่ประกอบไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ เป็นจำนวนมากด้วยกัน ถึงเวลาสิ่งต่างๆ หมุนวนเข้ามา แล้วก็ผสมรวมกันไปรวมกันมา ถึงวาระหนึ่ง ธาตุหนึ่งที่เกิดขึ้นมาจากการผสมรวมที่สมบูรณ์แล้ว จะกลายเป็นธาตุเฉพาะๆ ของแต่ละอย่างไป ลักษณะของจิตก็เหมือนกัน แต่ว่าจิตนี้แปลกตรงที่ว่ามันเป็นธาตุรู้ ถ้าตราบใดที่ยังไม่เป็นธาตุรู้อยู่ อย่างโลหะธาตุบางอย่าง อย่างเช่น ปรอท ก็สามารถที่จะมาได้ ไปได้ หนีได้ ลักษณะอีกอย่าง อย่าง เหล็กไหล สามารถกินอาหารได้ สามารถมาได้ หนีไปได้ นี่เขายังไม่มีธาตุรู้นะ เขายังสามารถที่ทำได้ขนาดนั้น

    แต่สภาพจิตขนาดอาภัสราพรหมนี่เป็นธาตุรู้ด้วย ที่เรียกว่าเกิดยากเกิดเย็นแสนเข็ญนักหนา ประเภทมองไม่เห็นต้นไม่เห็นปลายกันเลยว่าเกิดมาจากไหน จะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหนลองดูไหม ? ไปค่อยๆ เสาะหาดู ถ้าเกิดเป็นพระพุทธเจ้าจะรู้ครบทุกอย่างตั้งหน้าตั้งตาเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ อีกไม่เกินสี่อสงไขยกับแสนกัปก็ได้เป็น

    ถาม: เคยมีคนบอกว่า จริงๆ แล้วไม่ได้มีแต่โลกของเรา มีโลกอื่นๆ ?

    ตอบ: มีเยอะแยะไป สุริยจักรวาลของเราที่มีมนุษย์ก็มีดาวตั้งหลายดวง จัการวาลอื่นๆ ทีมีมนุษย์อีกก็เยอะแยะ ในภาษาบาลีเขาใช้ว่า ทสสหัสสีโลกธาตุ (ทะ-สะ-สะ-หัส-สี-โล-กะ-ธา-ตุ)มีตั้งหมื่นโลกธาตุ

    เพราะฉะนั้นสารพัดกาแลคซี่ คงประกอบไปด้วยดวงดาวสิ่งที่มีชีวิตเยอะแยะไปหมด ตราบใดที่ยังมีการกระทำอยู่ ตราบนั้นก็ยังไม่มีที่สิ้นสุด ยกเว้นถ้าสามารถหลุดพ้นเข้าพระนิพพานได้ก็เป็นอันว่าจบ ถ้ายังไม่เข้าก็เวียนตายเวียนเกิดไปเรื่อย สุขบ้าง ทุกข์บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้ว มันสุขน้อย ทุกข์มาก



    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺปญฺโญ
    เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๕
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ




    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ตุลาคม 2008
  2. บุตรสา

    บุตรสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +793
    นุโมนาครั
     
  3. paiwai

    paiwai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +311
    โมทนาสาธุครับ

    แม้นไม่ควรคิดถึงเรื่องนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอจินไตย แต่การได้รับทราบเรื่องราวที่เล่าจากหลวงพี่เล็ก ก็เป็นการสร้างปัญญาให้รู้แจ้งเห็นจริง (ผมเพิ่งเข้าใจคำว่า "รู้แจ้งเห็นจริง" ขึ้นมาบ้างก็ไม่นานนี้แหละครับ)

    ขอโมทนาสาธุจากใจจริงครับ
     
  4. pong10500

    pong10500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +399
    สาธุครับ
    ความรู้ดีๆหายากครับ แต่หาได้ที่นี่ ติดตามอ่านเสมอครับ
     
  5. Khundeaw

    Khundeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    339
    ค่าพลัง:
    +706
    สาธุบุญ กับหลวงพี่เล็ก และ เจ้าของกระทู้ครับ
     
  6. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ผมก็เคยสงสัยเหมือนกัน... สงสัยมาเป็นสิบ ๆ ปี จนได้คำตอบจากความฝัน ที่มีคนมาบอก ไม่รู้ว่าเป็นใครหรือเทวดาองค์ไหน.. ท่านบอกว่า ที่เราอยู่นี้เป็นแดนกลาง มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก แต่ละที่ก็จะมีทางเดินไปหากไปทางขาวก็จะพบดินแดนทางขาวที่ต่างกันไป เป็นทางซ้าย เดินหน้าหันหลังก็เหมือนกัน (เปรียบได้กับศาสนาต่าง ๆ ) โดยแต่ละดินแดนจะมีทางแยกอีก คือเลือกที่จะทำความดีหรือความชั่ว ดินแดนที่ผมอยู่นี้คือพุทธภูมิ มีทั้งนรกสวรรค์ เหมือนกับดินแดนอื่น ผมพึ่งเริ่มเข้าใจและคำว่านิพพาน ผมก็เข้าใจโดยปริยาย ว่าเราไม่ต้องมาวุ่นวายกับดินแดนเหล่านี้หลงทางวังวนอยู่กับ นรก สวรรค์ โลกมนุษย์(ภพกลาง)
     
  7. จิตเอกภพ

    จิตเอกภพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +48
    ขอแสดงความเห็น
    ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง กับข้อความข้างต้น สิ่งสำคัญต้องเข้าใจว่าพุทธนิมิตรที่ปรากฎ เป็นเพียงคติพุทธเท่านั้น คติศาสนาอื่นๆ เขาก็มีหนทางแห่งการหลุดพ้นเช่นกัน มีภพภูมิที่แตกต่างกัน อย่าได้นำไปปะปน เพียงเพื่อจะบอกว่าของตนดีสุด
    ประเสริฐสุด เพราะอคติอยู่เลย

    เป็นเพราะเรานำสิ่งนี้เป็นเกณฑ์พิจารณาว่า ทำให้เข้าใจว่า พระเยซู เป็นเพียงแค่พระโพธิสัตว์ พระนารายณ์เป็นเพียงเทพที่เฝ้าประตูจุฬามณี มีแต่พระพุทธเจ้านั่นสูงสุดกว่าทุกๆ ศาสนา ท่านทำไปเพื่ออะไร

    การยึดมั่นในคติไตรภูมิพระร่วง ทำให้เป็นสิ่งที่กัดกร่อนและทำลายศาสนาอื่นๆ อย่างหม่นหมองใจยิ่งนัก แล้วจะทำไปเพื่ออะไร

    ต้องทำความเข้าใจว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่กำเนิดที่เดียว หากเรามีใจไม่เป็นกลาง ปมปัญหาต่างๆ ย่อมจะปรากฎไม่รู้จักจบจักสิ้น

    ศาสนาทุกศาสนาย่อมมีความดีงาม มีไว้เพื่อจรรโลจิตใจมนุษย์ให้ใฝ่คุณธรรม
    มิได้มีไว้ข่มหรือเบียดเบียนกัน
    หากมองย้อนกลับไป ศาสนาใดมีภพภูมิที่มากชั้น แสดงให้เห็นถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์นั่นมีแต่กิเลสตัณหาที่มัวหมอง หรือมีจิตใจต่ำทรามก็เท่านั้น

    ก็ขอสะกิดใจเตือน ในฐานะชาวพุทธด้วยกัน หากทำให้ขัดเคืองใจ ก็ขออโหสิกรรม
     
  8. suthamma

    suthamma ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +36,934

    [​IMG] ชั้นที่ ครับ [​IMG]
     
  9. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,172


    แก้ไขตามที่แจ้งมาเรียบร้อยแล้ว ขอบพระคุณมากครับ



    .
     
  10. kling

    kling เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +147
    แล้วเราจะอยู่ไปเพื่ออะไร
     
  11. เวลานาที

    เวลานาที เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2010
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +1,349
    ก็มีแต่ศาสนาพุทธจริงๆ ที่สอนให้พ้นทุกข์จริงๆ ศาสนาอื่นก็สอน แต่ไม่ถึง
     
  12. econcu38

    econcu38 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +1,649
    กาลเวลาจะพิสูจน์ครับ
    แต่กระผมไม่ขอพิสูจน์
    ขอเชื่อมั่น ศรัทธาในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยกาย วาจา ใจ ตลอดจนเข้าสู่กระแสพระนิพพาน
     
  13. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ....ที่เดียวกัน เห็น/หรือเรียกไม่เหมือนกัน....เกลือ ที่ไหนก็เค็ม..บางที่เรียกเกลือ บางที่ไม่..บางที่เป็นก้อน บางที่ไม่....

    ...ถึงที่(......)เมื่อไร เข้าใจเหมือนกันหมด......สุข ก็ สุข /ทุกข์ ก็ ทุกข์....
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...