แครกเกอร์ผัก

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=526 align=left border=0><TBODY><TR><TD align=left width=526 colSpan=3>แครกเกอร์ผัก
</TD><TR><TD align=left width=426 colSpan=3>

แครกเกอร์เป็นได้ทั้งอาหารว่าง ของหวานที่ใช้ล้างปาก หลังจากอิ่มอาหารคาว ผักช่วยแต่งสีสันให้แครกเกอร์น่าทาน ขณะเดียวกันก็ให้ไฟเบอร์ พยายามเลือกใช้ผักที่สีสันสดใส และตัดกัน จะทำให้แครกเกอร์น่าทานมากขึ้นค่ะ

ส่วนผสม
</TD><TD align=middle width=100></TD><TR><TD align=left width=326> แป้งสาลีเอนกประสงค์
</TD><TD align=middle width=100>500
</TD><TD align=middle width=100>กรัม
</TD><TR><TD align=left width=326> เนยสด
</TD><TD align=middle width=100>275
</TD><TD align=middle width=100>กรัม
</TD><TR><TD align=left width=326> น้ำตาลไอซิ่ง
</TD><TD align=middle width=100>125
</TD><TD align=middle width=100>กรัม
</TD><TR><TD align=left width=326> ไข่ขาว
</TD><TD align=middle width=100>2
</TD><TD align=middle width=100>ฟอง
</TD><TR><TD align=left width=326> เกลือ
</TD><TD align=middle width=100>1/2
</TD><TD align=middle width=100>ช้อนชา
</TD><TR><TD align=left width=326> แครอท บวบ ฟักทอง หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก
</TD><TD align=middle width=100>
</TD><TD align=middle width=100>
</TD><TR><TD align=left width=326>
ส่วนผสมสำหรับทาหน้า
</TD><TD align=middle width=100>
</TD><TD align=middle width=100>
</TD><TR><TD align=left width=326> เกลือ
</TD><TD align=middle width=100>นิดหน่อย
</TD><TD align=middle width=100>
</TD><TR><TD align=left width=326> น้ำตาลทราย
</TD><TD align=middle width=100>100
</TD><TD align=middle width=100>กรัม
</TD><TR><TD align=left width=326> พริกไทย
</TD><TD align=middle width=100>1/4
</TD><TD align=middle width=100>ช้อนชา
</TD><TR><TD align=left width=526 colSpan=3>
วิธีทำ
</TD><TR><TD vAlign=top colSpan=3>

1. ร่อนแป้ง 2 รอบ พักไว้
2. ตีเนยกับน้ำตาลไอซิ่ง จนกระทั่งขึ้นฟูขาว เติมไข่ขาว ผสมให้เข้ากันอีกครั้ง เติมแป้ง ผสมพอเข้ากัน พักไว้ครึ่งชั่วโมง
3. ผสมส่วนผสมสำหรับทาหน้าทั้งหมดเข้าด้วยกัน ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน เคี่ยวพอเหนียว ยกลง
4. คลึงแป้งในข้อ 2 เป็นแผ่นบางๆ ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทาหน้าขนมด้วยส่วนผสมของน้ำตาลในข้อ 3 วางผักให้สวยงาม
5. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส จนเหลือง

<TR><TD vAlign=bottom colSpan=3>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=20 cellPadding=0 width=701 align=left border=0><TBODY><TR><TD width=175>ที่มา มะลิลา.คอม</TD></TR></TBODY></TABLE>