แก้กรรมได้ด้วยวิปัสสนา ทดลองแล้วคุณจะรู้

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ongpa11, 26 มิถุนายน 2010.

  1. ongpa11

    ongpa11 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +42
    กรรมฐานแก้กรรม
    ก่อนอื่นเราก็ต้องมารู้เบื้องต้นก่อนว่า กฏแห่งกรรมตอบสนองเราได้อย่างไร

    ถ้าพูดถึงกฏแห่งกรรมหลายคนคงจะนึกถึงอะไรก็ตามที่เข้ามาทำ ให้ชีวิตเป็นนั้นเป็นนี้ สุข ทุกข์ สามารถบรรดาให้ชีวิตเราเป็นอะไรก็ได้ ซึ่งถ้าจะว่าไปก็ไม่ผิดนัก แต่ด้วยการที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์เรามีเครื่องมือวิเศษที่ธรรมชาติสร้างมา พร้อมกับการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นคือสติสัมปชัญญะ ระบบการทำงานของกลไก กฎแห่งกรรม ซึ่งเริ่มมาจากระบบรับสัมผัสของมนุษย์ที่มีทั้งหมด 6 ทาง ได้แก่ หู ตา จมูก ลิ้น กายและใจ ทั้ง6ทางนี้ ภาษาธรรมะเขาเรียกว่าอาตยนะภายในเปรียบเสมือนประตูที่เปิดต้อนรับอาตยะนะภาย นอกได้แก่ เสียง ภาพ กลิ่น รส สัมผัส การรับรู้ทางใจเป็นต้น ได้นำพาเจ้ากรรมนายเวรให้เข้ามาเยี่ยมเยือนชีวิตของเรา ซึ่งการรับสัมผัสทั้งหกทางนี้จะมีตัวรู้เกิดขึ้นให้เกิดเสียง กลิ่น รส ร้อน หนาว ฯลฯ เมื่อรับสัมผัสแล้วจะมีตัวปรุงแต่ง เรียกว่าเจตสิกให้เกิดความรู้สึก ต่างๆนานาไม่ว่าจะเป็นชอบไม่ชอบ เกียจ โกรธ อิจฉา ฯลฯ ไอตัวเจตสิกนี้เองที่เรียกได้ว่าเป็นตัวกฏแห่งกรรมที่แท้จริง คุณลองคิดดูสิ ให้ตัวกระตุ้นจากภายนอกอย่างเดียวกัน แต่คนแต่ละคนจะตอบสนองต่างกัน เช่น บางคนชื่นชอบการดื่นเหล้าเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ดื่มจะรู้สึกเหมือนปะหนึ่งร่ายกายหมดเรี่ยวหมดแรงเหมือนกับคนหลายที่ ที่ผมได้พบเจอมา ในยามว่างเขาจะต้องหาเหล้าขาวมาดื่มสักแก้ว แต่กลับบางคนรสชาติเหล้าไม่เป็นที่น่ารื่นรมณ์ของเขาแม้แต่น้อย หรืออีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด เสียงท่อไอเสียงรถจักรยานยนตร์ วัยรุ่นบางคนจะรู้สึกภาคภูมิใจมากที่เสียงท่อของเขาดังแผดแก้วหู แต่ชาวบ้านทั่วไปเมื่อได้ยินก็จะมีแต่ความรำคาญคำสาปแช่ง
    เมื่อเรารู้การทำงานของกฏแห่งกรรมที่ตอบสนองเราได้ที่ ความ รู้สึกแล้ว เราก็มาพูดกันถึงเรื่องที่ว่าเราจะสามารถยับยั้งกฏแห่ง กรรม แก้กรรมได้อย่างไร หลายคนคงเชื่อว่าถ้าชีวิตเราไม่ดีต้องมีเจ้ากรรมนายเวรมาดลบรรดาทำให้เรา เป็นไปต่างๆ เรามาลองนึดดูสิเจ้ากรรมนายเวรเขาจะสามารถมาจองเวรเราได้อย่างไรในเมื่อ เมื่อเขาสิ้นอายุไขเขาก็ต้องไปเกิดในภพภูมิต่างๆตามจิตดวงสุดท้ายเป็นตัวนำ พาเขาไป ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่มีสิทธิเลยที่จะเลือกที่จะออกจากร่ายกายนี้แล้วจะไปอยู่ ในที่แห่งใดเขาไม่มัวมานั่งรอให้เราเกิดแล้วมาทำนั้นทำนี้กับเราอย่างแน่นอน แต่ตัวกฏนี้เองที่เป็นตัวตอบสนองเรา เราไม่ต้องไปรู้มันหลอกเพราะอะไรเราถึงเกิดมาเป็นแบบนั้นแบบนี้เพราะกรรมมัน ยอกย้อนเกิดกว่าที่เราจะรู้มันได้ และนอกจากกรรมที่เกิดขึ้นในอดีตที่ส่งผลกับเราแล้วยังมีกรรมในปัจจุบันที่ ก่อเกิดขึ้นส่งผลกับเราอีกด้วย
    หลักการแก้กรรม ก็ไม่ยากอะไรเลยง่ายนิดเดียวแต่ทำได้ยากเหลือเกิน นั้นคือเพียวแค่เราห้ามความรู้สึกเราก็สามารถแก้กรรมลดกรรมไป ได้เยอะแล้ว ยกตัวอย่างเช่น นาย เอ มีกรรมแห่งกรรมติดตัวมา ต้องเกิดมาเป็นมะเร็งปอด เขาเกิดมามีตัวส่งเสริมเป็นยีนต์มะเร็งที่มาจากบรรพบุรุธ ซึ่งทางการแพทย์สมัยใหม่เชื่อว่า เชื้อมะเร็งถ่ายทองทางพันธุกรรม (ภาษาธรรมเขาบอกว่า กรรมะพันธุ เรามีกรรมเป็นเผาพันธ์พวกพ้อง) เมื่อนาย เอ เกิดมานอกจากจะมียีนต์ส่งเสริมให้เกิดมะเร็งแล้ว เขายังได้มีเจตสิก หรือตัวความรู้สึกที่พิสมัยต่อการสูบบุหรี่ ทั้งสองเหตุเป็นปัจจัยอันนำไปสู่การเป็นมะเร็งปอดในที่สุด ถ้าเราจะแก้กรรมไม่ให้เกิดมะเร็ง เราไม่สามารถแก้ตัวส่งเสริมที่ถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมได้ แต่เราสามารถที่จะยับยั้งชั้งใจที่จะไม่สูบบหรี่ได้ ตัว ยับยั้งชั่งใจธรรมชาติได้สร้างมาให้กับมนุษย์ ที่ทำให้เรามีความแตกต่างไปจากสัตว์ ที่อยากกิน อยากนอน อยากผสมพันธ์ ตลอดจนกระทำการใดๆไปตามสันชาติญาณของตัวเอง แต่ในธรรมชาติตัวยับยั้งชั่งใจโดยปกติของมนุษย์จะมีอยู่ในระดับที่ต่ำจนไม่ สามารถที่จะไปต้านความรู้สึกยั่วยุของเจตสิกได้ พระพุทธเจ้าได้ทรงแนะหนทางในการฝึกสติสัมปชัญญะ ด้วยการฝึกสติปัฎฐาน4 เพื่อที่จะฝึกให้สติกล้าแข็ง ต่อสู้กับกิเลสที่เข้าทางอาตยนะทั้งหกของเรา คอยดูแลควบคุมมิให้กิเลสที่ผ่านเข้าไปทางอาตยนะทั้งหก ส่งผลของมันออกมาทางการกระทำได้ ถ้าเราได้รับสัมผัส เกิดความรู้สึกและยับยั้งชั้งใจได้ เราก็ชนะกรรมได้ แต่ถ้าเราไม่สามารถทนแรงยั่วยุของความรู้สึกได้ เราก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อกรรมนั้น เอง ฉนั้นเมื่อมีใครทำให้คุณรู้สึกได้มีโกรธ เกียจ ไม่พอใจ และคุณเก็บอารมณ์นั้นมาใส่ใจนั้นก็หมายถึงคุณได้เปิดบ้านประตูใจต้อนรับเจ้า กรรมนายเวรให้เข้ามาเยี่ยมเยือนคุณด้วยตัวคุณเอง เราไม่สามารถที่จะไปห้ามโลก ห้ามดินฟ้า ห้ามคนอื่นๆได้ แต่เราสามารถที่จะห้ามความรู้สึกตัวเราเองได้มิใช้หรือ
    กฏแห่งกรรม,กรรมฐานแก้กรรม,แก้กรรมกฏแห่งกรรม,แก้กรรม,ลดกรรม,ชนะกรรม, สติปัฎฐาน4,สติปัฎฐาน4 แก้กรรม,แก้กรรมด้วยสติปัฎฐาน4,เจ้ากรรมนายเวร


    ข้อมูลจาก สาระน่ารู้.com
     
  2. jee4

    jee4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +848
    อนุโมทนา สาธุ..ครับ
    แก้ที่ตัวเราที่ใจเรา
     
  3. dangcarry

    dangcarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +4,307
    ถ้าวันที่ทุกท่านเข้าถึงะรรมในเรื่องเจ้ากรรมนายเวรจริงแล้ว วันนั้นคุณจะไม่ปฏิเสธว่าเจ้าของกระทู้นี้ได้นำสิ่งที่ทำให้ใจทุกท่านเป็นอิสระ มาให้ทุกท่านมีความปลอดภัยจากอบายภูมิได้ในส่วนหนึ่ง ขออนุโมทนาค่ะ
     
  4. natspdo

    natspdo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,041
    ค่าพลัง:
    +1,505
    การแก้กรรมไม่มีในพุทธประวัติ.... จากการศึกษาพุทธประวัติหลักการแก้กรรมนั้นยังไม่มี พระอรหันต์หลายองค์ท่านยังต้องรับวิบากกรรม เช่นพระโมคคัลลานะ ต้องชดใช้กรรมที่เคยทุบตีพ่อแม่ครั้งอดีตกาลทั้งที่ท่านมีฤทธิ์มาก การกระทำทางกาย วาจา ใจ ทั้งที่เป็นฝ่ายดีหรือไม่ดีก็ตาม ย่อมตอบสนองแก่ผู้กระทำ ไม่เร็วก็ช้า เวลาใดเวลาหนึ่ง
    1. ทิฏฐธรรมเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลในปัจจุบัน คือในภพนี้
    2. อุปปัชชเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลในภพที่จะไปเกิด คือในภพหน้า
    3. อปราปริเวทนียกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลในภพต่อๆไป
    4. อโหสิกรรม หมายถึง กรรมเลิกให้ผล ไม่มีผลอีก
    ดังนั้น การที่เราจะแก้กรรมทำไม่ได้เลย อาจทำให้ห่างออกไปเท่านั้นด้วยแรงบุญกุศล ที่ทำอย่างต่อเนื่อง การขออโหสิกรรม อาจทำได้ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ด้วยการสำนึกของผลกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ในบางเวลากรรมเกิดปัจจุบันพลันด่วนทำให้พิการไปโดยไม่รู้ตัวก็มี เสียของรัก ลูก สามี ภรรยา ก็เหตุของกรรมทั้งสิ้น ดังนั้นท่านอย่าได้ประมาทว่ากรรมนี้แก้ได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...