เอารูป นิพพานมาไห้ดูกัน . . .

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุรีย์บุตร, 17 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    :)





































































































































































































































    ห้ามด่านะเพราะว่ามันบาป





































































    หมดละมีแค่นี้ ห้ามด่านะ บาปจริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2008
  2. GenerationXXX

    GenerationXXX เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +2,163
    สวยงามมากเลยครับ
     
  3. joezaaaa

    joezaaaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +1,124
    ไย ภาพม่ะขึ้นอาคับ พี่น้อง - -*
     
  4. Starpegasus

    Starpegasus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +826
    นิพพาน คือ ความว่าง

    (จะหมายถึงอย่างนี้ใช่ไหม?)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2008
  5. banpong

    banpong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,434
    ค่าพลัง:
    +1,770
    นี่ไงนิพาน ถ้าไม่เขียนไรเลยยิ่งเหมือน
     
  6. GROLY

    GROLY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    2,019
    ค่าพลัง:
    +8,001
    ไม่สมควรนำมาล้อเล่นครับ
     
  7. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    เหมือนจะว่าง แต่ก็ไม่ว่าง
     
  8. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    บางคนไม่เข้าใจ
    บางคนเข้าใจ
    บางคนไม่แน่ใจ
    ผมก็ยังไม่แน่ใจ ไม่ได้อ่านมา แต่รู้สึก แต่ยังไม่แน่ใจ
     
  9. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ปลูกข้าว (เหตุ) ย่อมได้ข้าวเปลือก เป็น ผล จากเหตุ....

    ...................................................................................

    เมื่อคุณธรรม (เหตุ) อันจะสามารถ ก้าวล่วงเข้าสู่....
    สวรรค์ พรหม นิพพา มันสูญ.. สลายไป....

    ย่อมไม่มี (ผล) อันจะเนื่องจากเหตุ ได้เลย.

    (อย่าว่ากล่าว แก่กันเลย.. พึงมุทิตา แก่กันเถิด....)

    ..................................................................................
     
  10. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ผมนิยมคุณมหาหินนะ แต่ผมไม่เข้าใจว่าหมายความว่ายังไง
    ถ้าอย่างไรเสีย ช่วยแนะนำไห้ชัดเจนด้วยนะครับ
    หมายถึง อะไร เพราะผมยังโง่อยู่เสมอ
     
  11. หลวงพี่เหว

    หลวงพี่เหว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +17
    ไม่ใช่
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** มองไม่เห็น ****

    นิสัยที่ติดตัวมาแต่เกิด...คือเครื่องขวางกั้น

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    <CENTER>
    </CENTER><CENTER>
     
  14. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ไม่เห็นมีอะไรเลย...
    [​IMG]
     
  15. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    *** มองไม่เห็น ****
    นิสัยที่ติดตัวมาแต่เกิด...คือเครื่องขวางกั้น

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "

    -------------------------------------------------------------------
    มันก็แปลได้ว่าอย่างนั้นจริงๆคือ ผมยังมองไม่เห็น แต่

    <!-- / message -->มีอีกความรู้สึกหนึ่งว่า นิพพานนี้ แม้ยังเป็นก็เหมือนจะไปได้ หรือได้นิพพานได้

    แต่ที่ยังไม่ได้เพราะยังมีร่างกายให้รับทุกข์ แม้นใจจะไม่ทุกข์ก็ตาม

    แต่ที่แน่ๆเขาว่าคิดเรื่องนิพพานมากๆจะบ้า จะบ้าใหมหนอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2008
  16. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    [​IMG]

    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><CENTER>อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset"><CENTER>[​IMG]
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    "องค์สมเด็จพระบรมครูตรัสว่า ...โมกขราช เรากล่าวว่า นิพพานนั้นหมายถึงกิเลสดับ และขันธ์ ๕ ดับ... พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า จิตดับ"</CENTER>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    </CENTER><CENTER>อ้างอิง:

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset"><CENTER></CENTER><CENTER>ผู้ถาม : ที่นิพพานไม่มีการเกิดใช่ไหมครับ จึงไม่มีการตาย…?
    หลวงพ่อ : อันนี้เคยมีพระหรือพราหมณ์ถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่า นิพพานจะไม่มีการเกิดก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าเกิดก็ต้องเกิด ถ้าจะว่าไม่เกิด แต่สภาวะมันมีอยู่ ตอนแรกฉันอ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็เลยย่องไปถามท่าน ฉะนั้นนิพพานควรเรียกว่าอะไร ท่านบอกว่าควรจะเรียก "ทิพย์พิเศษ" ที่ไม่มีการเคลื่อน เทวดาหรือพรหมยังมีการเคลื่อน ที่เรียกว่า "จุติ" จุติ แปลว่า เคลื่อน ไอ้ศัพท์ที่ว่าตายนี่ พระพุทธเจ้าท่านไม่เรียก ท่านเรียก กาลัง กัตวา ถึงวาระแล้ว ถึงกาลเวลาแล้ว ท่านไม่เรียกว่าตาย ตาย นี่ มรณะ ตามศัพท์ของบาลีไม่มีคำว่ามรณะ ท่านเรียกว่า กาลัง กัตวา แปลว่าถึงวาระที่จะต้องไปจากร่างกายนี้ ร่างกายนี้มันพังมันไม่ยอมทำงาน
    ผู้ถาม : ขอหลวงพ่อโปรดอธิบายเรื่องนิพพาน ให้ผมเข้าใจด้วยครับ
    หลวงพ่อ : คำว่า นิพพาน เหรอ…คุณต้องการรู้เรื่องนิพพานไปทำไม…?
    ผู้ถาม : (หัวเราะ) เอาไว้ประดับความรู้ครับ
    หลวงพ่อ : เอาไว้ประดับความรู้….ดี คำว่า นิพพานเป็นของง่ายเป็นของไม่ยาก นิพพานนี่เขาแปลว่า ดับ นะคุณนะ ถ้าจะถามว่าดับอะไร ก็ขอตอบว่า ดับความชั่ว คนที่จะถึงนิพพานได้ต้องไม่มีความชั่ว ๓ อย่าง คือ
    ๑. ไม่ชั่วทางกาย
    ๒. ไม่ชั่วทางวาจา
    ๓. ไม่ชั่วทางใจ
    ถ้าทุกคนดับความชั่วได้หมด บุคคลนั้นก็ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน
    ผู้ถาม : แต่ผมเคยได้ยินมาว่า นิพพาน แปลว่า ดับไปเลย ไม่เหลืออะไรเลยนี่ครับ
    หลวงพ่อ : ความจริงคุณจะต้องรู้ว่าอะไรดับ คำว่านิพพานแปลว่าดับ ดับทีแรกคือดับกิเลส ดับที่สองคือดับขันธ์ ๕ แต่ว่าตามพระบาลีไม่ได้บอกว่า จิตดับ
    ปัญหาของคุณที่ถามนี่ เหมือนกับปัญหาของพระที่ถามพระพุทธเจ้าเคยถามมาแล้ว คือ ท่านผู้นี้มีนามว่า พระโมกขราช ท่านถามพระพุทธเจ้าว่า"นิพพานมีสภาพสูญ ใช่ไหม…พระพุทธเจ้าข้า" หมายความว่า เมื่อถึงนิพพานแล้วก็ดับสูญ มีสภาพคล้ายกับควันไฟที่ลอยไปในอากาศ ไม่มีที่เกาะ ไม่มีที่อยู่ อย่างนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูตรัสว่า "โมกขราช เรากล่าวว่า นิพพานนั้นหมายถึงกิเลสดับ และขันธ์ ๕ ดับ"พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า จิตดับทีนี้ถ้าหากว่าคุณจะศึกษาเรื่องนิพพาน ถ้าเราจะพูดกันไปกี่ร้อยปี มันก็ไม่จบ ฉะนั้น ถ้าต้องการจะรู้เรื่องพระนิพพานจริงๆ คุณจะต้อง
    - เป็นคนมีศีลบริสุทธิ์ เป็นอันดับแรก
    - เป็นผู้ทรงฌานสมาบัติ
    - ในขณะที่ทรงฌานสมาบัติได้แล้ว คุณจะต้องทำจิตของตนให้เข้าถึงวิปัสสนาญาณ ที่เรียกกันว่าสังขารุเปกขาญาณ
    เมื่อจิตเข้าถึงสังขารุเปกขาญาณแล้ว ก็ต้องชำระกิเลสด้วยการตัดสังโยชน์ ๓ เบื้องต้น คือ
    ๑. ทำลายสักกายทิฏฐิ
    ๒. ทำลายวิจิกิจฉา คือ ความสงสัยให้หมดไป
    ๓. สีลัพพตปรามาส ทรงศีลให้บริสุทธิ์
    ๔. มีอารมณ์จิตรักพระนิพพานเป็นอารมณ์ ที่เราเรียกกันว่า โครตภูญาณ
    ถ้ากำลังใจของคุณทำได้อย่างนี้ เมื่อจิตเข้าถึงโครตภูญาณ คุณจะทราบว่า คำว่าดับของนิพพานนั้นก็คือ
    ๑. ดับกิเลส ในขณะที่มีชีวิตอยู่
    ๒. ดับขันธ์ ๕ หรือขันธ์ ๕ ดับ
    ๓. อารมณ์จิตที่บริสุทธิ์ไม่ได้ดับไปด้วย
    คำว่าพระนิพพาน ยังมีจุดที่เป็นอยู่อันหนึ่ง ที่เขาเรียกว่าเป็นทิพย์พิเศษ พ้นจากอำนาจของวัฏฏะ


    ดูเพิ่มเติมที่ [ หนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา เล่ม ๓]</CENTER><CENTER></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>

    </CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>ขออนุญาตินำคำอธิบายว่า "นิพพาน" มาประกอบภาพครับ</CENTER><CENTER>---------</CENTER><CENTER>ผมเข้าใจตรงนี้ครับ -/l\-</CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER></CENTER><CENTER>
    </CENTER>
     
  17. สุรีย์บุตร

    สุรีย์บุตร https://youtu.be/8qf8khXqUjU

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +2,122
    ผมเข้าใจที่ เฮียปอ ตำมะลึงชี้แจง แต่สงสัยว่าเมื่อจิตไม่มีกิเลสต่างๆ
    คือไม่มีความอยากแล้ว วางเฉยแล้ว ถ้าจิตแบบนี้ดับลงไป
    ที่ๆจิตแบบนี้จะได้เจอ มันจะเป็นยังไงนะ
    ก็ในเมื่อจิตมันเฉยๆแล้ว ไม่อยากใดๆแล้วมีแต่เฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย
    จิตแบบนี้ถ้ายังเป็นก็เหมือนเห็นนิพพาน แต่ถ้าตายหละ . . .

    ออ ยังมีอีกอย่างหนึ่ง คืออย่างที่รู้ๆกันว่า ทุกสิ่งล้วนอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์
    แล้วนิพพานไม่อยู่ใต้กฏนี้หรอกหรือครับ มันสงสัยๆๆ :)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2008
  18. manny_tong

    manny_tong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    514
    ค่าพลัง:
    +543
    <img src=http://dl9.glitter-graphics.net/pub/168/168369j9n5j93d55.gif width=150 height=107 border=0></a><br><a
     
  19. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    .......................................................................................

    ผมก็ยิ่งโง่ ครับ....
    ที่หลงเวียนว่าย ตายเกิด อยู่อย่างนี้
    ถ้าไม่โง่ในอวิชชา ตัญหา อุปปาทาน.. ก็คงไม่ต้องมาเกิดแล้ว

    แต่ก็ยังมีสติเล็ก ๆ ที่พอจะรู้ได้ว่า สิ่งใดหอมหวล สิ่งใดเหม็น

    ปลูกข้าว (เหตุ) ย่อมได้ข้าวเปลือก เป็น ผล จากเหตุ....

    ปรารถนาสิ่งใด เป็น ผล.. ก็ต้องปฏิบัติ ข้อ เหตุ ที่จะให้เกิดผล ตามปรารถนา

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสแสดง ไว้เลิศ ประเสริฐแล้ว
    หากเราศึกษาพระไตรปิฏก ก็จะพบว่า ไม่มีข้อความใดที่แย้งกันเลย
    ดำเนินไปในทางเดียวกัน ทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์

    และพระองค์ท่านก็สอน ให้พวกเราพิสูจน์ ด้วยการปฏิบัติ
    เพื่อให้เห็นผล แล้วจึงค่อยเชื่อ

    สมเด็จพระประทีปแก้ว ตรัสว่า ให้เราปฏิบัติ
    ปฏิบัติในสิ่งไหน....
    ก็คือปฏิบัติใน ทาน ศีล ภาวนา ให้เห็นผลจริง ว่า....
    ทาน สามารถละ ความโลภ ได้จริง
    ศีล สามารถละ ความโกรธ ได้จริง
    ภาวนา เกิดสมาธิ เกิดฌาน เป็นญาณ ก่อให้เกิดเป็น ปัญญา
    สามารถ ตัดกิเลส หลง ได้โดยแท้จริง

    แล้วจึงค่อยเชื่อว่า หนีวัฏฏะ ได้จริง ตามที่ทรงตรัสไว้

    พระองค์ สอนให้ปฏิบัติ
    ไม่ได้สอนสั่งให้นั่งวิเคราะห์วิจารณ์ หรือพิจารณา พระไตรปิฏก

    ความสำคัญ มันอยู่ที่ตรงนี้ นี่เองครับ

    ทาน ใคร ๆ ก็ทำได้ มอบของรัก ของหวงของเราแก่ผู้อื่น
    ทำบุญ หรือ สาธารณประโยชน์ โดยไม่ได้มุ่งหวังผลการตอบแทน
    ไม่ต้องการเสียงขอบคุณ ไม่ต้องการคำยกย่อง
    ให้ทานทุกอย่าง เพื่อการละ ความโลภ

    ศีล นี่ก็ปฏิบัติได้ไม่ยาก ตามกำลังใจ ศีล นี่ ละความโกรธ
    ผู้ที่ตรวจสอบ ศีล ก็คือตัวของเราเอง

    ภาวนา เพื่อให้เกิด ฌาน สร้าง ญาณ ให้เป็น ปัญญาบริสุทธิ์
    นี่ซิครับ มัน ปฏิบัติตามได้ยากกันหน่อย

    หากปฏิบัติภาวนา ไม่ได้ผล ไม่เกิดฌาน ย่อมไม่มี ญาณ
    ยิ่งย่อมไม่เกิดปัญญา ที่จะตัดกิเลส หลง ได้อย่างเด็ดขาด

    หากใช้ปัญญา ตัดกิเลส ได้จริง ได้สิ้น
    ตามบาลีที่ว่า ตัดกิเลส เป็น สมุทเฉทปหาน

    อย่างนี้ จึงจะสามารถ พบ พระนิพพาน ได้แท้จริง

    ...................................................................................

    ปัญหา มันอยู่ตรงนี้ นี่เอง....
    ท่านที่ปฏิบัติในองค์ภาวนา ไม่สามารถเจริญให้เกิดฌาน
    เมื่อไม่มีฌาน ไม่มีญาณ ปัญญาบริสุทธิ์ ก็ไม่เกิดได้

    หากไม่ได้ฌาน และคัดค้านว่า พระไตรปิฎก ไม่จริง มีการสอดแทรก
    อย่างนี้ ก็มีโอกาสเดินผิดทางไป เกิดอุปทาน ความเห็นผิดได้ง่าย

    ไม่เห็นเชื่อโรค จะบอกว่าโรคร้าย ไม่มี ก็ไม่ได้

    สมัยก่อน ก็เชื่อว่าโลกแบน เดี๋ยวนี้เชื่อกันว่า โลกกลม
    เพราะมีการปฏิบัติการ ให้เห็นได้จริง มีสื่อ มีภาพ จึงเชื่อกัน

    ถ้าเราปฏิบัติ จนเกิดฌานได้แล้ว คำคัดค้าน ก็ย่อมไม่มี

    ...................................................................................

    เมื่อคุณธรรม (เหตุ) อันจะสามารถ ก้าวล่วงเข้าสู่....
    สวรรค์ พรหม นิพพา มันสูญ.. สลายไป....

    ย่อมไม่มี (ผล) อันจะเนื่องจากเหตุ ได้เลย.

    เมื่อไม่เกิดฌาน ไม่มีญาณ จึงไม่สามารถเห็น สวรรค์ นรก
    ก็จะปักใจเชื่อว่า นรก สวรรค์ ไม่มี ได้โดยง่าย

    เหตุของ ทาน มีผลให้เกิดบนสวรรค์
    เหตุของ ศีล มีผล ถึงพรหม
    เหตุของ สมาธิ คือปัญญา ในที่สุด มีผลถึงพระนิพพาน

    ก็จะเสื่อม ไปจากความเชื่อถือ ว่ามีจริง

    เมื่อความเชื่อจึงเสื่อมไป นรก สวรรค์ พระพรหม พระนิพพาน ก็เลยสูญ คือไม่มี
    เมื่อไม่มี ก็จะไม่ปฏิบัติ (เหตุ) เพื่อสวรรค์ พระพรหม พระนิพพาน

    (ผล) สวรรค์ พระพรหม พระนิพพาน ก็จะหายไปจากเขาเหล่านั้น

    ...................................................................................

    (อย่าว่ากล่าว แก่กันเลย.. พึงมุทิตา แก่กันเถิด....)

    ทุกอย่าง ต่างก็เนื่องด้วยกรรม (เหตุ) ที่ปรุงแต่ง จากการสร้างบารมี
    นับตั้งแต่บารมีต้น บารมีกลาง(อุปบารมี) และปรมัตถ์บารมี
    (ผล) เราจะรู้ตัวของเราไหม ว่า อยู่บารมีไหน แล้ว

    เปรียบเหมือน การศึกษา....
    ย่อมต่างระดับกันไป ป.1 ป.3 ม.4 ม.6 ปริญญาตรี โท เอก ศาตราจารย์
    ก็จะทรงภูมิความรู้ ที่แตกต่าง กันมาก

    บารมี ความรู้ของกระผมเอง ก็อยู่ประมาณ ป.2 ป.3
    เท่านั้น เองครับ

    ดังนั้น พวกเราจึงควร เห็นใจ ซึ่งกันและกัน
    พยายาม ช่วยเหลือ ประคับประคองกัน เดินทางร่วมกันด้วยธรรม กันเถิด

    ใครจะสอบตก ซ้ำชั้น อยู่กับที่....
    เขาก็ย่อมที่จะมีโอกาส สอบผ่านได้ ในที่สุด....

    ใช่ไหมครับ.

    ..................................................................................
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2008
  20. tum399

    tum399 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +2,908
    สุญญตา
     

แชร์หน้านี้

Loading...