เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 สิงหาคม 2024 at 21:18.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,321
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,423
    ค่าพลัง:
    +26,249
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,321
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,423
    ค่าพลัง:
    +26,249
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ การบิณฑบาตตามโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ในวันนี้ถือว่ามีความคึกคักมาก เนื่องเพราะว่าทั้งเจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเขื่อนวชิราลงกรณ ตลอดจนกระทั่งผู้ที่เข้าร่วมทำประชาพิจารณ์ ต่างก็ร่วมกันมาใส่บาตรก่อน

    การทำประชาพิจารณ์นั้นในปัจจุบันนี้ โครงการใด ๆ ของทางราชการถ้ามีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ก็จะโดนบังคับให้ทำประชาพิจารณ์ตามกฎหมาย น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งว่ากระผม/อาตมภาพต้องไปงานอายุวัฒนมงคล ๗๓ ปี หลวงพ่อขวัญชัย (พระครูวิจิตรธรรมรัตน์) เจ้าอาวาสวัดนามะตูม จังหวัดชลบุรี จึงไม่ได้อยู่ร่วมการทำประชาพิจารณ์ด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะมีคำถามชนิดที่ผู้ทำประชาพิจารณ์ก็คงจะตอบได้ยาก

    เนื่องเพราะว่าโครงการนี้ก็คือโครงการผลิตไฟฟ้าด้วยแผงพลังงานแสงอาทิตย์ในพื้นที่น้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งจะต้องใช้พื้นที่หลายไร่ด้วยกัน โดยที่กล่าวว่าชาวบ้านจะได้ประโยชน์ ก็คือมีพลังงานสะอาดเอาไว้ใช้ กระผม/อาตมภาพเองพอเห็นเอกสารก็ยังคิดว่า "จะใช่ตามนี้หรือ ?" เพราะว่าเขื่อนวชิราลงกรณนั้นผลิตไฟฟ้าด้วยพลังน้ำ ซึ่งก็เป็นพลังงานสะอาด แล้วในขณะเดียวกัน พลังงานอื่น ๆ อย่างเช่นว่าพลังงานลม พลังงานนิวเคลียร์ก็เป็นพลังงานสะอาด การที่บอกว่าประชาชนจะได้ประโยชน์จากการใช้พลังงานสะอาดนั้นจึงไม่น่าจะใช่ ประโยชน์ของประชาชนที่แท้จริงก็คือ ควรที่จะได้รับการลดค่าไฟฟ้าลงต่างหาก ถึงจะเป็นประโยชน์ที่พวกเราสนใจใคร่รู้..!

    แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพเคยพาเด็ก ๆ เข้าไป เพื่อดูงานผลิตไฟฟ้าในเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ได้ให้ข้อมูลว่า การสร้างเขื่อนวชิราลงกรณขึ้นมานั้นเพื่อประโยชน์ในการทำการเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลองประมาณ ๒,๕๐๐,๐๐๐ ไร่ ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตจึงได้กู้เงินดอกเบี้ยต่ำจากประเทศญี่ปุ่น จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อที่จะมาสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ

    กระผม/อาตมภาพได้ยกมือถามว่า "ตกลงว่าการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ โดยมีประโยชน์ต่อพื้นที่การเกษตร ๒,๕๐๐,๐๐๐ ไร่นั้น น่าจะเป็นแค่ผลพลอยได้ใช่หรือไม่ ? ผลประโยชน์หลักก็คือการที่ท่านได้จำหน่ายไฟฟ้าให้กับประชาชน..! เพราะว่าถ้าหากว่าการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับประชาชนไม่ใช่ผลประโยชน์หลัก ก็คงไม่มีหน่วยงานไหน
    ที่บ้ายอมเป็นหนี้ถึง ๔,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อที่จะมาก่อสร้างเขื่อนให้เป็นประโยชน์แก่การเกษตรของชาวบ้านอย่างเดียว" ทำเอาหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ทำสีหน้าในลักษณะ "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,321
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,423
    ค่าพลัง:
    +26,249
    กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า คนไทยเรานั้นได้รับการอบรมมาให้เคารพผู้ใหญ่ หรือว่าเคารพบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ดังนั้น..อะไรที่เขาว่ามาก็มักจะเชื่อเลย โดยปราศจากความยั้งคิด ถ้าเป็นในด้านพระพุทธศาสนาแล้วก็คือความเชื่อที่เป็นอธิโมกขสัทธา น้อมใจเชื่อโดยไม่มีปัญญากำกับ ถ้าอยู่ในลักษณะนี้เราก็จะโดนหลอกลวงได้ง่าย

    แต่ด้วยความที่กระผม/อาตมภาพปฏิบัติธรรมมา จนกระทั่งพยายามที่จะหาข้อบกพร่องของตนเองเพื่อแก้ไขให้ดีขึ้น ในเมื่อเห็นข้อบกพร่องของตนเองก็เลยพลอยเห็นข้อบกพร่องของคนอื่นไปด้วย เมื่อเห็นข้อบกพร่องของคนอื่น ดังนั้น..ในเรื่องอื่น ๆ จึงกลายเป็นว่าเห็นข้อบกพร่องไปเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่ผู้คนพยายามจะเบี่ยงประเด็นไปนั้น ไม่สามารถที่จะหลอกลวงกระผม/อาตมภาพให้หลงประเด็นตามไปด้วยได้

    เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่านานไปแล้ว ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติธรรมไปถึงระดับหนึ่ง ท่านก็จะอยู่ในอาการเดียวกัน ก็คือสามารถที่จะรู้เท่าทันเรื่องทางโลก ๆ ได้ เพราะว่าเรื่องทางธรรมนั้นละเอียดกว่ามาก ในเมื่อเจอเรื่องที่ละเอียดกว่ามาแล้ว ในส่วนที่จะหยาบกว่าก็สามารถที่จะรู้ได้เองโดยอัตโนมัติ

    หลังจากบิณฑบาตเสร็จและฉันเช้า
    เรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพได้ขอสัตตาหะฯ ท่ามกลางสงฆ์ เพื่อไปปฏิบัติภารกิจของตน ซึ่งวันนี้ต้องนั่งรถยนต์เป็นเวลา ๖ ชั่วโมงไปยังวัดนามะตูม หมู่ที่ ๖ ตำบลนามะตูม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เพื่อไปร่วมงานอายุวัฒนมงคล ๗๓ ปี หลวงพ่อขวัญชัย (พระครูวิจิตรธรรมรัตน์) เจ้าอาวาส

    เมื่อเดินทางไปถึงประมาณบ่าย ๒ โมง ทางด้านเจ้าหน้าที่จัดให้ไปพักอยู่ภายในที่พักพระเถระ แต่ว่าไม่มีการห้ามปรามไม่ให้ญาติโยมเข้าไปรบกวน จึงมีญาติโยมไหลมาเทมาที่จะร่วมทำบุญด้วย กระผม/อาตมภาพจึงต้องร้องขอกาละมังสัก ๑ ใบ เพื่อเอามาใส่ปัจจัยถวายให้กับหลวงพ่อขวัญชัยท่าน โดยที่บอกกล่าวกับญาติโยมทุกคนว่า "เงินทำบุญตรงนี้ ขออนุญาตร่วมบุญทุกอย่างกับหลวงพ่อขวัญชัยในวันนี้ด้วย"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,321
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,423
    ค่าพลัง:
    +26,249
    บรรดาญาติโยมต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่ก็ต่อว่า "ไปถึงวัดท่าขนุนแล้ว แต่ไม่มีโอกาสที่ได้เจอหลวงพ่อเล็ก ต้องมาดักเจอกันตามงานต่าง ๆ เท่าที่พอจะหาข้อมูลได้" กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร เนื่องเพราะว่าถืองานคณะสงฆ์เป็นใหญ่ แต่ว่าหลายต่อหลายวัดถือการต้อนรับญาติโยมเป็นใหญ่ โดยที่ใช้คำว่า "อยู่เพื่อฉลองศรัทธา" แต่กระผม/อาตมภาพเห็นว่า การทำงานของตนเพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนานั้น สำคัญกว่าการฉลองศรัทธาญาติโยมซึ่งกำลังใจไม่เท่ากัน

    บางท่านมาเพื่อให้ได้ชื่อว่ามาเท่านั้น บางท่านก็โทรศัพท์บอกว่า อยากจะมาถวายสังฆทานกับหลวงพ่อเล็ก กระผม/อาตมภาพบอกว่าสังฆทานถวายกับใครก็ได้ แต่โยมก็ยังย้ำว่าต้องถวายกับหลวงพ่อเล็กเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นก็คงจะไม่ใช่สังฆทานแล้ว หากแต่ว่าเป็นปาฏิปุคคลิกทานต่างหาก..!

    เมื่อต้อนรับญาติโยมไปได้พักใหญ่ หลวงพ่อขวัญชัยก็เมตตาเข้ามาหาเอง กระผม/อาตมภาพจึงได้ถวายไทยธรรมต่าง ๆ เพื่อร่วมงานวันเกิดของท่าน พร้อมกับปัจจัยทั้งหมดที่รับตอนนี้ แล้วหลวงพ่อขวัญชัยก็ชวนไปยังศาลาเอนกประสงค์ของท่าน

    เมื่อนั่งลงแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขออนุญาตกราบในฐานะที่ท่านอายุกาลพรรษามากกว่า โดยมีหลวงพ่อเจ้าคุณสุริยันต์ (พระวชิรญาณวิศิษฏ์ วิ. - สุริยันต์ โฆสปญฺโญ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดป่ามหาชัย (พระอารามหลวง) ประธานที่พักสงฆ์พุทธวนาราม (วัดป่าวังน้ำเย็น) ท่านก็มาขอกราบกระผม/อาตมภาพอีกทอดหนึ่ง โดยที่บอกว่าได้กราบหลวงพ่อขวัญชัยไปแล้ว

    กระผม/อาตมภาพจะขออนุญาตลากลับเลย เนื่องเพราะว่าต้องไปเตรียมตัวเพื่อตรวจประเมินยกหมู่บ้านศีล ๕ ต้นแบบที่จังหวัดสิงห์บุรี แต่ว่าหลวงพ่อขวัญชัยท่านบอกว่าให้รอสักครู่ เพราะว่าให้ลูกศิษย์ไปนำเอาไทยธรรมมาถวาย แต่ว่าสักครู่ของหลวงพ่อนั้นค่อนข้างจะนาน..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ลูกศิษย์วิ่งไปตามหาเจ้าของไทยธรรม ว่าให้มาถวายกับหลวงพ่อเล็กด้วยมือของตนเอง ซึ่งการถวายไทยธรรมนั้น ความจริงกำหนดเอาไว้ตอนทุ่มครึ่ง แต่กระผม/อาตมภาพนั้นมารับไทยธรรมเอาตอนบ่าย ๒ ครึ่ง จึงทำให้ต้องรอบรรดาเจ้าภาพเป็นเวลาที่ค่อนข้างนาน

    เมื่อรับไทยธรรมและร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางฝ่ารถติดกลับเข้าสู่ที่พัก โดยที่ติดตามข่าวน้ำท่วมทางภาคเหนือเป็นระยะไป ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังมีแต่ข่าวคณะสงฆ์ ทหาร ตลอดจนกระทั่งถุงยังชีพพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ไปถึง

    ส่วนนายกฯ หญิงของเรา คือนางสาวแพทองธาร ชินวัตรนั้น ได้ไปเยี่ยมบุคคลผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดน่านแห่งเดียวเท่านั้น คาดว่าด้วยความที่ต้องเร่งรีบในการตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่ เพื่อรอโปรดเกล้าฯ จึงทำให้ไม่มีเวลาไปดูความเดือดร้อนของชาวบ้าน ครั้นจะสั่งการลงไป คาดว่าทางหน่วยราชการต่าง ๆ ก็คงจะ "เข้าเกียร์ว่าง" ไปก่อน เนื่องเพราะว่ายังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือว่าออกก้อย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ชาวบ้านของเราจึงต้องมีพระเป็นที่พึ่งต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...