เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 21 ธันวาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ กระผม/อาตมภาพก็ได้เข้าร่วมอบรมในหัวข้อ "กลยุทธ์กล่องสุ่มกับการคุ้มครองผู้บริโภค" ของมหาวิทยาลัยพะเยา ทางด้านวิทยากรเอาคลิปของพิมรี่พายมาเปิด กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งจะรู้ว่า มีนักขายออนไลน์ที่สามารถทำรายได้เป็นร้อยล้าน..!
    แต่ว่าตรงจุดนี้เห็นแล้วรู้สึกเป็นห่วงเยาวชนของเรา เพราะว่าทางพิมรี่พายนั้น ไม่ว่าจะเก่งในการขายของออนไลน์ขนาดไหนก็ตาม แต่ภาพพจน์ที่เห็นก็คือ "หยาบ เถื่อน กร้าว" ใช้คำพูดที่หยาบคาย ซึ่งถ้าหากว่าเยาวชนเห็นเป็น "ไอดอล" ตรงจุดนี้ก็น่าเป็นห่วงมาก

    เนื่องเพราะว่าสมัยนี้คนเราไม่ค่อยจะสนใจในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม สนใจแค่ว่าหาเงินได้หรือไม่ ? ถ้าหากว่าเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ พื้นฐานความดีก็จะตกต่ำลงไปเรื่อยเช่นกัน

    ทางด้านคุณพิมรี่พายจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ว่าภาพพจน์ของตนเองก็ออกไปในลักษณะอย่างนี้เสียแล้ว ซึ่งต่างจากคลิปที่เพื่อนส่งมาให้ดู ในช่วงที่คุณพิมรี่พายไปช่วยเหลือคนที่ลำบากยากจน ต้องบอกว่าอยู่ในลักษณะของผู้ดีมาก เป็นเศรษฐีใจบุญ เป็นนางฟ้าของผู้ตกยาก ซึ่งตรงกันข้ามกับภาพพจน์ตอนที่ขายของออนไลน์อย่างมาก

    ถ้าใครมีโอกาสได้พบได้เจอตัวตนที่แท้จริง ขอฝากบอกหน่อยว่า หลวงพ่อวัดท่าขนุนสะกิดเตือนมา เพราะว่าเป็นห่วงเยาวชนของเราว่าจะเลียนแบบและทำตาม เดี๋ยวประเทศของเราในฐานะสยามเมืองยิ้ม ก็จะกลายเป็นดินแดนแห่งความถ่อยเถื่อนไปโดยไม่ได้เจตนา..!

    คราวนี้ในเรื่องของกล่องสุ่มนั้น ที่สามารถขายได้เป็นสิบล้าน ร้อยล้าน ทั้ง ๆ ที่ราคากล่องไม่ใช่ถูก มีระดับกล่องละเป็นหมื่น กล่องละเป็นแสน เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าเป็นจิตวิทยาในการเล่นกับ รัก โลภ โกรธ หลง ในใจของคน คือมีความสนุกที่ได้ลุ้นตอนซื้อ แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะหมดสนุกตอนโอนเงินหรือเปล่า ? เรื่องพวกนี้จากการอบรม มีการถามว่าเป็นการพนันหรือไม่ ? ปรากฏว่ายังไม่ใช่การพนัน เป็นแค่การเสี่ยงดวงเพื่อความตื่นเต้นเท่านั้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    คราวนี้ถ้าหากว่าใครลงไปเสี่ยงดวงกับกล่องสุ่ม ต้องมีบุญเก่าที่ทำมาโดยตรง ก็คืออานิสงส์การทำบุญโดยไม่ได้ตั้งเจตนาไว้ก่อน เพราะว่าอานิสงส์ของบุญที่ทำโดยตั้งเจตนาเอาไว้ก่อนนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็ทำให้เป็นบุคคลที่สมบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ อย่างเช่นว่า ตั้งใจถวายสังฆทาน ตั้งใจสร้างศาลา ตั้งใจสร้างโบสถ์ ตั้งใจสร้างพระพุทธรูป

    แต่ว่าในเรื่องของการพนันนั้น เกิดจากการทำบุญโดยไม่ได้ตั้งเจตนามาก่อน ไปพบเห็นกองบุญการกุศลก็ตัดสินใจทำตรงนั้นเลย พวกนี้ถ้าหากว่าในอดีตเคยทำมา ก็จะส่งผลให้ปัจจุบันนี้เป็นบุคคลที่มีลาภลอย ก็คือประเภทที่คนทั่ว ๆ ไปตั้งความหวัง แต่ไม่เคยได้ แต่คนประเภทนี้หวังหรือไม่หวังก็ได้ ต้องบอกว่าเป็นพวกเดียวกับหลวงพ่อพระกุณฑธานเถระ


    หลวงพ่อพระกุณฑธานเถระ เป็นเอตทัคคะ คือผู้ยอดเยี่ยมที่พระพุทธเจ้าตั้งไว้ในด้านการจับสลากเป็นปฐม พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ของดีที่สุดชิ้นไหนก็ตาม ท่านจะจับก่อนจับหลัง หรือกระทั่งปล่อยคนอื่นจับไปจนหมด เหลืออยู่ชิ้นเดียว ของชิ้นนั้นก็ยังตกเป็นของท่านอยู่ดี เพียงแต่ว่าหลวงพ่อพระกุณฑธานเถระนั้น มีกรรมเก่าที่ทำมา ก็เลยทำให้มีคนเห็นผู้หญิงเดินตามท่านตลอดเวลา เพราะว่าในอดีตท่านเคยสร้างกรรมเอาไว้

    สมัยที่ท่านเกิดเป็นรุกขเทวดา เห็นพระภิกษุ ๒ รูปที่เป็นเพื่อนฝูงกัน รักใคร่สามัคคีกัน ไปไหนก็ "ตัวติดกัน" เดินทางผ่านป่าเข้าไปในเขตของตน ก็นึกอยากจะแกล้งพระ เมื่อพระรูปหนึ่งขอตัวไปถ่ายหนักถ่ายเบา ท่านก็ปลอมเป็นผู้หญิง ทำเป็นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ผมยุ่งเหยิงเดินออกมาจากทางด้านนั้น อีกสักครู่เมื่อพระท่านทำธุระเสร็จแล้วก็เดินออกมา ก็ทำให้พระ ๒ รูป เกิดทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะว่ารูปที่เห็นผู้หญิงก็ไปเข้าใจว่า เพื่อนตนเองไปกระทำเรื่องที่เป็นอาบัติปาราชิกไปแล้ว ทำให้ผู้คนทะเลาะเบาะแว้งแตกแยกกัน โดยเฉพาะเป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

    กรรมตรงนี้ก็เลยทำให้ท่านเกิดมาชาตินี้ แม้ว่าบวชเป็นพระ ก็มีคนเห็นว่าผู้หญิงตามอยู่ตลอดเวลา ถึงขนาดเวลาที่ชาวบ้านใส่บาตรยังบอกว่า "ส่วนนี้เป็นของท่าน ส่วนนี้เป็นของสตรีที่ตามท่านมา" คนทำบุญต้องบอกว่าใจบุญมาก ไม่ได้ถวายแต่พระเท่านั้น ยังเผื่อผู้หญิงที่ตามพระมาด้วย..!

    แต่หลวงพ่อพระกุณฑธานเถระมองเท่าไรก็ไม่เห็นผู้หญิงที่เขาว่า คนอื่นเห็นกันหมด จนกระทั่งข่าวคราวไปถึงพระเจ้าปเสนทิโกศล พระองค์ท่านก็ย่องไปดูด้วยพระองค์เอง พอทราบเรื่องราวเข้าแล้ว ก็เลยนิมนต์หลวงพ่อพระกุณฑธานเถระไปอยู่ในราชอุทยาน บอกว่า "นิมนต์พระคุณเจ้าอยู่ปฏิบัติธรรมในนี้เถิด เรื่องของอาหารการกิน หรือว่าที่อยู่ที่อาศัย โยมจะดูแลเอง จะได้ไม่เสียเวลาไปบิณฑบาตให้คนอื่นเข้าใจผิด"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    เมื่อหลวงพ่อพระกุณฑธานเถระได้ที่อยู่ที่อาศัยที่พอเหมาะพอสม ไม่ต้องเดือดร้อนด้วยเรื่องของการบิณฑบาตเลี้ยงชีพแล้วทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ก็ปฏิบัติธรรมได้เต็มที่ กลายเป็นพระอรหันต์ พอท่านบรรลุอรหัตผล กรรมทั้งหลายก็กลายเป็นอโหสิกรรม ภาพผู้หญิงที่ติดตามอยู่ตลอดเวลาก็หายไป

    ตรงส่วนนี้
    กระผม/อาตมภาพไปนึกถึงโยมท่านหนึ่ง เป็น ตชด. อยู่ค่ายนเรศวรที่หัวหิน เวลาขี่มอเตอร์ไซค์ มีคนเห็นผู้หญิงชุดแดงนั่งท้ายไปด้วยทุกครั้ง ลักษณะอย่างนั้นก็คงเป็น "อารักษ์" ก็คือเทวดาหรือนางฟ้าที่ดูแลรักษา แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะทำให้คนเข้าใจผิด ถึงขนาดถ้าจะไปจีบสาวแล้วก็คงจะหาเมียไม่ได้ เพราะสาวอื่นเขาจะคิดว่ามีอยู่แล้ว แม้แต่ปัจจุบันนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้นอยู่ ก็คือถ้าขี่มอเตอร์ไซค์เมื่อไร ก็จะมีผู้หญิงชุดแดงซ้อนท้ายไปด้วยทุกครั้ง..!

    ก็คงเป็นเรื่องของเวรของกรรมที่ทำมา ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับหลวงพ่อกุณฑธานเถระอย่างหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นอารักษ์ เทวดาที่รักษาตัวเองคอยติดตาม แต่ด้วยความที่เป็นผู้หญิง แล้วอยู่ในลักษณะนั้น ก็น่าจะค่อนข้าง "เฮี้ยน" เลยปรากฏตัวให้คนเห็นเป็นปกติ

    เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าเรามีประสบการณ์มาก ๆ ก็จะเชื่อไปเองโดยอัตโนมัติ ถ้ายังไม่มีก็ได้แต่สงสัยอยู่อย่างนั้น อย่างวันนี้ที่ ดร.หนึ่ง (ดร.พระจิตศิลป์ เหมรํสี) เจ้าสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีส่งข้อมูลมาว่า เหรียญหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมยิ้มรับทรัพย์มีประสบการณ์ พอถามว่ามีอย่างไร ? ท่านบอกว่าวันก่อนโยมขับรถมาส่งให้ลงปาฏิโมกข์ ได้บูชาเหรียญสมเด็จองค์ปฐมยิ้มรับทรัพย์เนื้อปีกเครื่องบินเหรียญเล็กไป

    พอไปถึงบ้าน นำเหรียญออกมาดู ก็คิดในใจว่า "เหรียญเล็กมาก" แต่พอเอื้อมมือจะแกะเหรียญออกจากในกล่องมาดูให้ชัดเจน ปรากฏว่าเหมือนกับไฟฟ้าเป็นหมื่นโวลต์ช็อตเสียจนกระทั่งชาไปทั้งแขน ก็เลยเปลี่ยนความคิดว่า "เหรียญเล็กกำลังดี" น่าโดนถีบซ้ำอีกที..!

    เรื่องของประสบการณ์วัตถุมงคลก็เช่นเดียวกัน จะเป็นเรื่องของใครของคนนั้น บุคคลนั้นมีประสบการณ์กับวัตถุมงคลชิ้นไหนก็จะยึดชิ้นนั้นเป็นสรณะ ก็ต้องแล้วแต่บุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์ของแต่ละคน

    วัตถุมงคลบางอย่าง อย่างเช่นว่าเหรียญอาร์มของทางด้านวัดพังตรุ ที่ให้ตัวเล็กไปลงกระทู้ ต้องบอกว่าเป็นของดีที่คนมองข้ามเสียส่วนใหญ่ เพราะว่าเป็นวัตถุมงคลชิ้นเดียวที่ตอนจะไปเสก เห็นท้าวเวสสุวรรณท่านไปยืนรออยู่ก่อนที่ประตูโบสถ์ เพราะว่าเหรียญนั้นเขาทำด้านหลังเป็นรูปของท้าวเวสสุวรรณท่านด้วย คือปกติต้องเชิญก่อนท่านถึงจะมา แต่งานนี้ท่านไปยืนรอเลย ก็น่าจะมีส่วนของบุญสัมพันธ์ กรรมสัมพันธ์กับสถานที่นั้นอยู่ด้วย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,672
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,552
    ค่าพลัง:
    +26,394
    อีกประการหนึ่งก็คือ ในความที่ไม่ได้เล่าให้ญาติโยมฟังว่ามีประสบการณ์อย่างนี้ ก็เลยไม่ค่อยมีใครรู้ว่ามีอะไรดี แต่ทางวัดพังตรุจำหน่ายหมดเกลี้ยงไปแล้ว..! ไม่ต้องไปตามหา แล้วก็ติดใจว่านิมนต์หลวงพ่อวัดท่าขนุนไปเสกแล้วขายดี ก็เลยขอนิมนต์อีกรอบหนึ่ง แต่ไปตรงกับวันที่กระผม/อาตมภาพไม่ว่าง จึงแนะนำให้ท่านนำไปเข้าพิธีพร้อมกันที่วัดบ้านห้วยน้ำขาว ปรากฏว่าท่านขนไปเป็นคันรถเลย..! ก็คงจะขายกันเป็นระยะเวลานานตามที่ตั้งใจไว้ หรือไม่ก็ญาติโยมได้ยินแล้วไปช่วยกันโกยจนหมดวัดในระยะเวลาอันสั้นก็ไม่รู้..!?

    เรื่องของวัตถุมงคลนั้น โดยหลักใหญ่จริง ๆ แล้วก็คือสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสติ เป็นรูปพระพุทธเจ้าก็เป็นพุทธานุสติ เป็นรูปหลวงปู่หลวงพ่อ พระสงฆ์ ก็เป็นสังฆานุสติ แต่คราวนี้ในส่วนหนึ่งก็คือเป็นอุปเท่ห์ที่ครูบาอาจารย์สมัยโบราณตั้งใจให้คนฝึกกรรมฐานในส่วนของอนุสติแบบง่าย ๆ จึงได้ทำขึ้นมา เพื่อให้คนติดตัวไว้จะได้ระลึกถึง


    อีกนัยหนึ่งก็คือ สร้างเพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา อย่างที่หลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดระฆัง สร้างแล้วก็บรรจุกรุ ก็คือระยะเวลาผ่านไปหลายสิบปี หลายร้อยปี เปิดกรุออกมาเห็นเป็นรูปพระ คนก็ยังระลึกถึงว่า นี่เป็นการสร้างเพื่อเป็นพุทธบูชา เป็นต้น


    แต่ว่าในปัจจุบันนี้ไปเน้นในเรื่องของพาณิชย์ คือการค้าขายเสียมาก แล้ววัดท่าขนุนก็เพิ่งจะเปิดตู้จำหน่ายวัตถุมงคลนอกจากวันงานเป็นครั้งแรก และก็คงต้องอาศัยตรงนี้ เพื่อที่จะให้มีเงินจ่ายในส่วนของค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพราะว่าตั้งแต่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ อาละวาดมา

    กระผม/อาตมภาพไม่ได้ไปรับสังฆทาน รายรับหลัก ๆ ส่วนหนึ่ง ก็กลายเป็นกองบุญการกุศลที่มีวัตถุประสงค์แน่นอนแล้วว่าจะต้องเอาไปทำอะไร ทำให้ไม่สามารถเอามาใช้ในส่วนงานทั่วไปได้

    พอดีกับว่าญาติโยมจำนวนมาก มาถึงวัดแล้วถามหาวัตถุมงคล ถามกันจนกระผม/อาตมภาพทนไม่ไหว ก็ต้องให้โยมช่วยเปิดจำหน่าย ต่อไปรายรับหลักเลยก็คงจะมาจากตรงจุดนี้ แต่ไม่ได้กังวลในเรื่องที่ว่าพอใช้จ่ายหรือไม่พอใช้จ่าย เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย เชื่อมั่นในพระคาถาเงินล้านที่ได้ทำมาจนกระทั่งเห็นผลว่า ต่อให้ไม่มีเงินตรงจุดนี้ก็จะมาจากทางด้านอื่นเอง


    ดังนั้น....วันนี้ที่บอกกล่าวกับพวกเราก็คือประสบการณ์ส่วนหนึ่งจากการเข้าอบรมผ่านระบบออนไลน์ อีกส่วนหนึ่งก็คือประสบการณ์จากวัตถุมงคล แล้วก็บอกกล่าวให้ญาติโยมได้ทราบว่า ตอนนี้ทางด้านวัดท่าขนุนเปิดตู้จำหน่ายวัตถุมงคลอย่างเป็นทางการแล้ว ท่านใดที่มาถึงวัดก็จะได้ไม่ต้องลำบากลำบนไปซื้อหาบูชาจากในเว็บอีก สามารถที่จะบูชาตรงจากทางวัดได้เลย


    จึงขอเรียนถวายแด่พระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมที่ฟังอยู่แต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๒๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...