เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 28 กรกฎาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,659
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,974
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,659
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,974
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในนามคณะสงฆ์วัดท่าขนุนและคณะศิษย์ทั้งหลาย ขอถวายพระพร..ขอให้พระองค์ท่านทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    สำหรับพวกเราก็เพิ่งจะจบจากการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ ๖๙ พรรษา

    คราวนี้การปฏิบัติธรรมในช่วง ๕ วัน ๔ คืนที่ผ่านมา ถ้าผู้ใดผู้หนึ่งอยู่จนครบถ้วน ทั้งเช้า สาย บ่าย เย็น ก็คงจะสามารถ "ฟื้นกำลังใจ" ตนเองที่ตกให้กลับคืนมาได้

    ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าหากว่าสำหรับบุคคลทั่วไป ก็จะมีอาการสมาธิตก จิตตก กรรมฐานแตก กำลังใจตกต่ำ จนกระทั่งบางคนหดหู่ กลายเป็นโรคซึมเศร้าไปก็มี ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ สามารถที่จะตีคืนมาได้


    แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะท่านที่กำลังใจตก แล้วปล่อยทิ้งเป็นระยะเวลายาว ๆ ทำให้กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง มีอำนาจมากกว่า ก็จะยิ่งตีคืนได้ยาก เหมือนกับคนที่ว่ายทวนน้ำอยู่ แล้วถึงเวลาปล่อยให้ตนเองโดนกระแสน้ำพัดลอยไป ยิ่งลอยไปไกลเท่าไร ก็ยิ่งย้อนกลับมาได้ยากเท่านั้น

    เรื่องของการปฏิบัติธรรมจึงเป็นเรื่องของคนขยัน พากเพียร อดทน และต้องมีปัญญา ก็คือต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว ถ้าหากว่าช่วงไหน หาความก้าวหน้าไม่ได้ ก็ต้องย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ตรงจุดนั้น เบื่อไม่ได้ หน่ายไม่ได้ จนกว่าที่จะก้าวข้ามไป
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,659
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,974
    แต่คราวนี้บุคคลที่มีกำลังใจหรือบารมีเพียงพอต่อการปฏิบัติธรรมนั้นมีน้อย เราจะเห็นว่าประชากรไทย ๖๐ ล้านคนเศษ มีบุคคลที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้นถึง ๖ ล้านคนหรือไม่ ?

    ถ้าหากว่ามองดูด้วยสายตาอย่างยุติธรรมจริง ๆ แล้ว อาตมภาพว่าถึง ๓๐๐,๐๐๐ คนก็ยากแล้ว นอกนั้นไปวัดก็เพื่อไปเอาหวยบ้าง ไปเพื่อบูชาวัตถุมงคลบ้าง ไปเพื่อสะเดาะเคราะห์บ้าง ไปเพื่อขูดหาตัวเลขจากแม่ตะเคียนในวัดบ้าง ไอ้ที่ไกลกว่านั้นก็ไปไหว้ "ไอ้ไข่" บ้าง

    จะมีสักกี่คนที่เข้าวัดไปหาพระ ไปสมาทานศีล ไปขอศึกษาวิธีทำสมาธิ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ เพื่อยกกำลังใจตนเองให้สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยมีเป้าหมายคือ ต้องการหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ?

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็จะเห็นชัดว่า เรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะว่าต้องได้ชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา อยู่ในครอบครัวตลอดจนตนเองเป็นผู้มีสัมมาทิฐิ ได้มีโอกาสฟังเทศน์ฟังธรรม ฟังแล้วเกิดความเลื่อมใสถึงน้อมนำมาปฏิบัติ


    เป็นเรื่องที่ยากที่สุด ทำให้คนส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะ "เสียชาติเกิด" ที่ว่าเสียชาติเกิดก็คือ ชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์นั้น เป็นช่วงจังหวะที่ดีที่สุด ในการที่จะพัฒนาตนเองให้ก้าวขึ้นไปเป็นเทวดา นางฟ้า พรหม หรือว่าหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพาน เพราะว่าถ้าเป็นเทวดานางฟ้า ท่านทั้งหลายก็อาจจะติดอยู่ในสุขที่เป็นทิพย์ แล้วก็หลงลืมเรื่องการปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นของตนเอง


    ถ้าหากว่าเป็นพรหม นอกจากว่าติดอยู่ในความสุขที่เป็นทิพย์แล้ว ระยะเวลาเมื่อเปรียบกับโลกมนุษย์แล้วยาวนานเหลือเกิน โดยเฉพาะถ้าหลุดไปเป็นอรูปพรหม เพราะว่าอายุเป็นหมื่นมหากัป อรูปพรหมชั้นสุดท้ายอายุ ๘๔,๐๐๐ มหากัป อยู่กันจนลืมโลก พระพุทธเจ้าตรัสรู้ไปเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ?
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,659
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,974
    ในเมื่อเราเกิดในปฏิรูปเทส ได้ชาติกำเนิดเป็นมนุษย์ อยู่ในสถานที่ที่มีสุขมีทุกข์ให้เราเห็นอย่างชัดเจน อยู่ในประเทศที่เป็นพระพุทธศาสนา มีวัดวาอาราม มีครูบาอาจารย์พร้อมที่จะถ่ายทอดความรู้ หรือวิธีการที่จะล่วงพ้นจากกองทุกข์ให้ได้ แต่มีสักกี่คนที่เต็มใจเข้าวัด คือรู้อยู่ว่าสิ่งนี้ดี แต่กำลังใจไม่พอที่จะทำ

    เคยมีลูกศิษย์ปรารภกับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงว่า "หลวงพ่อครับ..ทำไมคนที่ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นจึงมีน้อยเหลือเกิน ?" หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "หลักธรรมของพระพุทธเจ้าเหมือนกับเพชร แกเคยเห็นคนเข้าร้านขายเพชรมากกว่าเข้าร้านชำไหม ?"


    คำว่า "ร้านชำ" ในปัจจุบันนี้ ก็น่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ เมื่อท่านเปรียบอย่างนี้ เราก็จะเห็นชัดเจนว่า บุคคลที่เข้าร้านขายเพชรกับเข้าร้านชำ อย่างไหนที่มีมากกว่ากัน

    แม้กระทั่งบุคคลที่ใช้คำพูดประเภทที่ว่า "บวชพระแล้วสบาย" ก็ไม่เห็นจะมาบวช ลองดูว่าระยะนี้พระวัดท่าขนุนออกบิณฑบาตเปียกโชกหัวถึงเท้า...สบายมาก...! ลองมาพบกับความสบายแบบนี้ดูบ้าง จะได้ไม่สักแต่หลับหูหลับตาพูด...!


    แล้วคราวนี้สิ่งที่ยากลำบาก อย่างที่พระภิกษุสามเณรของเราพบเข้า ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งจริง ๆ ท่านทั้งหลายก็อยู่ไม่ได้ ทนความลำบากไม่ได้ ถ้าเป็นภาษาทหารทางโลก เขาบอกว่า ทหารไม่ใช่ดินเหนียวและไม่ใช่เทียนไข โดนแดดโดนฝนจะได้ละลาย


    ในเรื่องของทางธรรมก็เหมือนกัน พระภิกษุสามเณรของเราเป็นธรรมเสนา เป็นทหารในกองทัพธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน ต้องต่อสู้กับกิเลสต่าง ๆ อย่างชนิดเอาชีวิตเข้าแลก ไม่อย่างนั้นแล้วอับอายขายหน้าไปถึงจอมทัพ ก็คือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือว่าอับอายขายหน้าไปถึงบรรดาแม่ทัพนายกอง คือหลวงปู่ หลวงพ่อ ครูบาอาจาย์ ว่ามีลูกศิษย์ที่กำลังใจห่วยแตก สู้กับกิเลสแค่นี้ก็ไม่ไหว ท้อถอยเสียตั้งแต่ต้น..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,659
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,974
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ต้องไปนึกถึงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเฉพาะโอวาทปาฏิโมกข์ ประโยคแรกเลยก็คือ ขันตี ปรมัง ตะโป ตีติกขา ความอดกลั้นอดทนเป็นตบะอย่างยิ่งของนักปฏิบัติธรรม อดทนไม่พอ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ

    หลวงปู่พระพรหมมงคล วิ. หรือหลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง เป็นพระมหาเถระนักปฏิบัติ ที่กระผม/อาตมภาพให้ความเคารพอย่างยิ่งรูปหนึ่ง ท่านบอกว่า "คนเราต้องอดได้ ทนได้ เย็นได้ รอได้ คอยได้ ถึงจะดีได้"


    คราวนี้ "อดได้ ทนได้" แค่นี้เราก็ผ่านยากแล้ว จะไปพูดถึง "เย็นได้ รอได้" เป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก แล้วกว่าจะ "ดีได้" ต้องดูหลวงปู่ท่าน กว่าจะเป็นพระพรหมมงคล วิ. อายุเกือบ ๑๐๐ ปี ถ้าอายุไม่ถึงจะได้เป็นไหม ? เพราะฉะนั้น..ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องของความอดทน เชื่อมั่น และรอคอย


    การปฏิบัติธรรมเหมือนอย่างกับเราปลูกไม้ผล ต้องรอปีแล้วปีเล่า กว่าจะถึงฤดูกาลที่ต้นไม้นั้นออกดอกและติดผล แล้วยังต้องประคับประคองดูแลรักษา จนกว่าผลนั้นจะสุกงอมพอที่เราจะนำมากินมาใช้ได้ ไม่มีวิธีการไหนที่จะไปดึงยอดให้โตเร็ว ๆ รออย่างเดียว..! มีหน้าที่บำรุงรักษา รดน้ำ พรวนดิน จับหนอน จับแมลง ใส่ปุ๋ย ดูแลไปตามหน้าที่ของเรา เมื่อถึงเวลา..
    ถ้าทุกอย่างพร้อมมูล ความสำเร็จก็จะปรากฏขึ้น ภาษาพระท่านเรียกว่า "เหตุปัจจัยถึงพร้อม"

    ดังนั้น...สิ่งที่พวกเราทำใน ๔ - ๕ วันที่ผ่านมา ถ้าหากว่าท่านใดสามารถฟื้นกำลังใจคืนมาได้ ก็ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังยิ่งไปกว่านั้นก็คือ รักษากำลังใจเอาไว้ให้ได้ และทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,659
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,257
    ค่าพลัง:
    +25,974
    สิ่งที่กระผม/อาตมภาพเรียนรู้มาทั้งหมด ทั้งชาติก่อน ๆ และชาตินี้ จากครูบาอาจารย์ทุกรูปที่มี สรุปรวมกันลงที่กรรมฐานภาคเช้านี้เมื่อตอนตี ๓ ครึ่ง ถ้าหากว่าใครอยากได้แบบนั้นบ้าง ก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป อย่าคิดว่าเป็นแค่การจับลมหายใจ แผ่เมตตา กำหนดภาพพระ ใครก็ทำได้ ขอยืนยันว่าไม่ใช่ใครก็ทำได้ ถ้าไม่ใช่บุคคลที่หวังการหลุดพ้นจริง ๆ พากเพียรพยายามไม่ท้อถอย ยากนักที่จะประสบความสำเร็จ

    กระผม/อาตมภาพฝึกมโนมยิทธิตั้งแต่ก่อนอายุครบ ๒๐ ปี เป็นระยะเวลาที่ยาวนานประมาณ ๒๐ ปีที่ซักซ้อมแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น จนมีอยู่วันหนึ่งวงสมาธิจึงจะสามารถที่จะแยกแยะได้ว่า ต้นไม้ที่เราเห็นในสมาธินั้น ใบอ่อนเป็นอย่างไร ใบแก่เป็นอย่างไร ซึ่งก่อนหน้านั้นแยกไม่ออก เห็นแค่เป็นรูปต้นไม้เท่านั้น

    แล้วหลังจากนั้นมาจนถึงบัดนี้ ตั้งแต่อายุก่อนครบ ๒๐ จนปีนี้อายุย่างเข้า ๖๓ ปี เพิ่งจะสามารถแยกแยะได้ว่า สมเด็จองค์ปฐมที่ลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงให้ความเคารพสุดจิตสุดใจนั้นมีพุทธลักษณะเป็นอย่างไร เครื่องทรงเป็นอย่างไร ก่อนหน้านั้นเหมือนอย่างกับเห็นเป็นกลุ่มพลังงานมหึมาที่น่ากลัวมาก..! มีเค้าแค่ว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้าเท่านั้น หารายละเอียดไม่ได้

    ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานถึงขนาดนั้น ผ่านการซักซ้อมมาทุกวัน โดยไม่เบื่อไม่หน่ายไปเสียก่อน แล้วท่านทั้งหลายคิดว่าจะมีเวลาอยู่ถึง ๔๐ กว่าปีเพื่อทำอย่างอาตมภาพไหม ?

    มีอยู่อย่างเดียวก็คือ อยากเก่งแบบนี้ ก็ต้องซักซ้อม ซักซ้อม และซักซ้อมอยู่ทุกวัน ถ้ากำลังใจก้าวหน้าไม่ได้ ก็ห้ามถอยหลัง บางช่วงบางขณะต้องใช้เวลาถึง ๓ ปี ๔ ปีก่อนที่จะได้อะไรสักอย่าง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนขยัน ทำแบบหัวไม่วางหางไม่เว้น กว่าที่เหตุปัจจัยทุกอย่างจะลงตัวได้ เราอาจจะหมดความอดทนอดกลั้นไปเสียก่อน


    ดังนั้น...ในวันนี้ที่บอกกล่าวให้กับพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งญาติโยม ทั้งที่นี่และที่บ้านได้ทราบก็คือ
    การปฏิบัติธรรมไม่มีอะไรง่าย ต้องการคนที่มีใจรักจริง สู้จริง อดทน เชื่อมั่น รอคอย ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติไป ถึงเวลาถ้าออกดอกออกผลเมื่อไร สิ่งที่ได้รับจะหอมหวานกว่าที่ท่านทั้งหลายจะคาดคิด

    ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณร และเจริญพรให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2021
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...