เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 22 มิถุนายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,370
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,921
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,370
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,921
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ต้องบอกว่า "เดินทางข้ามเส้นเวลา" ตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังจากที่เก็บข้าวของจากโรงแรม หรือว่ารีสอร์ตที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ก็คือ Mayfair Hotels & Resorts ที่เมืองกาลิมปง รัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย ต้องนั่งรถยนต์ย้อนกลับมาที่เมืองบักโดกรา เพื่อไปขึ้นเครื่องบิน

    คราวนี้ในเรื่องขำ ๆ ที่บางทีหัวเราะไม่ออก ก็คือการทำงานของคนอินเดีย เขาไม่กลัวว่าจะช้า ทำไปก็คุยกับเพื่อนไป ส่วนคุณจะตกเครื่องหรือเปล่าไม่ใช่เรื่องของผม..! ก็เลยทำให้แต่ละคนกว่าที่ผ่านเข้าไปได้ บางคนโดนไปเกือบ ๓๐ นาที..!

    เมื่อขึ้นเครื่องบินจากเมืองบักโดกราก็มาลงที่เมืองโกลกาตา หรือที่โบราณเขาเรียกว่าเมืองกัลกัตตา ซึ่งก็คือเมืองเดียวกัน เป็นเมืองศูนย์กลางที่มีความเจริญมาก ๆ ของอินเดีย พวกเราก็ลุ้นกันขาดใจ เพราะว่าตอนขาไปเกือบจะต่อเครื่องไปเมืองบักโดกราไม่ทัน แต่ปรากฏว่าขากลับ แม้ว่าจะเจอระบบการทำงานแบบแขก ที่ทำให้ได้วัน อย่างที่กระผม/อาตมภาพว่าเอาไว้ ก็ไม่มีปัญหา แล้วเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงก็คือ พอผู้โดยสารมาครบ เขาไม่ได้สนใจว่าเวลายังเหลือ กัปตันนำเครื่องขึ้นเลย..! ทำให้มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิตอนประมาณตี ๒ กว่า ๆ ของเมืองไทย

    ตรงนี้ต้องเจริญพรขอบคุณเทวดาฟ้าดิน..ดีไหม..? ที่ช่วยให้อุปสรรคทุกอย่างเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกในบ้านของเรา ส่วนที่เหลือก็อยู่รอดปลอดภัย เป็นไปโดยสะดวกทุกที่

    ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ในเรื่องของเทวานุภาพนั้น จะว่าไปแล้ว ต่อให้ยิ่งใหญ่ปานไหนก็ตาม ถ้าท่านที่ติดตามในเฟซบุ๊ก ก็จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพเอาพระนำหน้าเสมอ ก็คือต้องมีการอาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ แล้วค่อยต่อด้วยพรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ ให้ท่านช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์คุ้มครองให้

    โดยเฉพาะถ้านั่งเครื่องบินนี่จะใจร้ายไม่ได้ ก็คือต้องคุ้มครองทั้งคณะ ขยายภาพพระครอบเครื่องบินไปทั้งลำเลย ให้บินอยู่ในฐานพระแทน เพราะว่าถ้าหากว่าเราเอาแต่ตัวเรารอด เกิดอะไรขึ้นมา คณะที่ไปด้วยก็ไม่รอด..! ถ้าเราเอาแต่ตัวเรากับคณะ เพื่อนร่วมโดยสารมาเป็นร้อยก็ไม่รอด..! ต้องถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกกันไป
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,370
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,921
    ดังนั้น..ตรงนี้ท่านจะเห็นว่า แม้ว่า "เจ้าแม่หลักเมืองนภิสราเทวี" นั้น จะมีอานุภาพขนาดสั่งได้ในเรื่องของธรรมชาติในแต่ละแห่งก็ตาม แต่เราต้องไม่ลืมว่า ท่านเองยังเป็นแค่เทวดาในกามาวจรสวรรค์เท่านั้น สูงกว่านั้นขึ้นไปก็ยังมีสวรรค์ชั้นอื่น ๆ มีพรหม มีอรูปพรหม แล้วก็ไปถึงพระนิพพาน ดังนั้น...จุดที่ปลอดภัยที่สุดก็คือเราต้องเกาะพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานเอาไว้ ถือว่าเป็นการประกันความเสี่ยง

    แม้แต่กระผม/อาตมภาพเองบางทีก็ลืม เนื่องจากว่าเวลาเร่งรัด กลัวว่าจะเข้าไปต่อเครื่องไม่ทัน ลืมเอา "แล็บท็อป" หรือที่บ้านเรานิยมเรียกว่า "โน้ตบุ๊ก" ออกจากกระเป๋า ซึ่งโดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่เขาไม่เคยยอม แต่ปรากฏว่าก่อนที่จะเข้าเครื่องเอ๊กซเรย์ไป ในส่วนของพระเครื่องซึ่งญาติโยมเลี่ยมทองมาให้ กระผม/อาตมภาพก็ถอดใส่กระเป๋าเข้าไปด้วย ในเมื่อมีพระอยู่ นึกขึ้นมาได้ว่าลืมเอาโน้ตบุ๊กออก ก็อาราธนาบารมีพระสงเคราะห์ ทำให้ผ่านได้ทุกครั้ง แม้กระทั่ง "พาวเวอร์แบงค์" ก็เหมือนกัน แต่ว่าของคนอื่น พอเห็นพาวเวอร์แบงค์เท่านั้น เขาเรียกกลับมาให้เอาออกกันหมด..!

    ถึงเวลาก่อนที่จะเดินทาง กระผม/อาตมภาพก็ต้องจับภาพพระ คลุมตัวเองจนมั่นใจ แล้วก็ขยายไปเผื่อคนอื่น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายจะต้องไปเป็นผู้นำหมู่คณะ ก็จำเป็นที่จะต้องซักซ้อมให้คล่องตัว เพราะว่ากำลังใจของคนเรานั้น
    แบ่งกันอย่างหยาบ ๆ เลยมีอยู่ ๓ ระดับ ก็คือ

    ระดับแรก เอาตัวไม่รอด พึ่งคนอื่นอย่างเดียวเลย

    ระดับที่สอง เอาตัวรอดได้ ช่วยเหลือคนอื่นไม่ได้

    ระดับที่สาม เอาตัวรอดได้ ช่วยเหลือหมู่คณะได้


    เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องฝึกฝน อบรม จนกระทั่งกำลังใจของเราเข้มแข็งเพียงพอ

    โดยเฉพาะท่านที่เป็นพระภิกษุสามเณร เพราะว่าพอท่านบวชเข้ามาแล้ว จะมากจะน้อยก็ต้องมีญาติโยมที่เลื่อมใสศรัทธา อาศัยท่านเป็นผู้นำ ก็เหมือนกับว่าท่านต้องเป็นผู้ฉุดต้องลากเขาไป ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้ากำลังของเราไม่พอก็เป็นอันว่าพังทั้งขบวน ยิ่งมีคนมาอาศัยมากเท่าไร ก็เหมือนอย่างกับหัวรถจักรที่พ่วงตู้ไปเรื่อย ถ้ากำลังไม่ดีจริง ก็จะลากตู้ไปไม่ไหว..!

    อีกส่วนหนึ่งก็คือ ขอเจริญพรขอบคุณแม่ชีชื่น ศรีสองแควและบรรดาเจ้าภาพทั้งหลาย ที่ช่วยจัดงานวันเกิดให้กระผม/อาตมภาพ ซึ่งนั่งกระเด้งกระดอนอยู่ในรถ อนุโมทนาด้วย แต่สงสัยว่าทำไมพระ ๓ รูปที่นั่งอยู่ข้างล่างไม่ขึ้นไปนั่งอยู่ข้างบนอาสนะ ? ไม่ใช่ว่าอยู่ที่โน่นแล้ว
    กระผม/อาตมภาพจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,370
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,921
    ในเรื่องของวันเกิดนั้น กระผม/อาตมภาพไม่เคยให้ความสำคัญกับตัวเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในสมัยที่เป็นฆราวาส วันเกิดคือวันที่พาแม่ไปไหว้พระ ไปทำบุญ ไปเลี้ยงอาหาร ท่านอยากจะกินอะไรก็พาไป เพราะว่าวันที่พวกเราเกิดมา เป็นวันที่แม่เกือบจะตาย..! กระผม/อาตมภาพจึงไม่เคยให้ความสำคัญกับตัวเองเลย

    ในชีวิตนี้
    กระผม/อาตมภาพก็เพิ่งจัดงานวันเกิดครั้งเดียว ก็คือตอนอายุ ๖๐ ปี ตั้งใจเอาไว้ว่าจะจัดครั้งต่อไปคือตอน ๗๒ ปี แล้วถ้าหากว่ากัดฟันอยู่ถึง ๘๔ ปี ก็จะจัดอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่าถ้าตามที่เคยดูเอาไว้ อายุขัยไม่ถึงแน่นอน เพียงแต่ไม่กล้าดูต่อ เพราะว่าครั้งแรกที่ดู อายุเท่านี้ พอครั้งที่ ๒ ดู ดันอายุมากขึ้น ครั้งที่ ๓ ขืนดูแล้วมากขึ้น ตูก็เป็นลมตายดีกว่า..! ก็เลยเลิกดู เป็นอันว่าไม่รู้ไม่ชี้ อยู่ไปวัน ๆ ก็แล้วกัน

    แต่ว่าในเมื่อท่านทั้งหลายมีน้ำใจ ช่วยกันบำเพ็ญกุศล เป็นการทำตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าในเรื่องของทาน ของศีล ของภาวนาก็ตาม จึงขออนุโมทนาด้วย

    ส่วนอีกประการหนึ่งก็คือ ที่ท่านทั้งหลายช่วยกันบริหารวัดวาอารามของเรา โดยเฉพาะเน้นในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งท่านทั้งหลายจัดเวรยามกันเองตามความสมัครใจ แล้วก็เรื่องของการช่วยกันดูแลทำความสะอาด วัดของเราจะใหญ่จะเล็กก็ตาม ถ้าหากว่าสะอาด ญาติโยมก็จะอยากเข้าวัด แต่ถ้าเข้าไปแล้วขยะเพียบเลย ก็ไม่มีใครอยากเข้าอย่างแน่นอน..!

    มีอยู่วัดหนึ่งใกล้ ๆ นี้เอง ตอนที่หมดสภาพแล้ว พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ.๔) ตอนนั้นยังเป็นพระราชธรรมโสภณ รักษาการเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ส่งกระผม/อาตมภาพเข้าไปช่วยจัดการวัดให้เป็นวัดหน่อย เชื่อหรือไม่ว่าแค่ขยะอย่างเดียว ต้องขนไป ๒๐ กว่าคันรถ..! ขยะหมกอยู่แม้กระทั่งข้างโบสถ์ แล้วอย่างนั้นจะให้ญาติโยมเขาเลื่อมใสได้อย่างไร ? เป็นการอยู่อาศัยวัดอย่างเดียว ไม่เคยอยู่ให้วัดได้อาศัยเลย..!

    เมื่อท่านทั้งหลายช่วยกันดูช่วยกันแล ระหว่างที่กระผม/อาตมภาพไม่อยู่ ก็ต้องขอขอบคุณเอาไว้ ณ ที่นี้เช่นกัน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    16,370
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,225
    ค่าพลัง:
    +25,921
    อีกเรื่องหนึ่งก็คือบรรดาพระภิกษุสามเณรของเราที่ลาไปตามรอบ ท่านจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพกลับมา ก็เหมือนเดิมทุกประการ นอกจากน้ำหนักที่หายไป ๒ กิโลกรัม..! ขอบอกว่าอาหารทุกอย่างอร่อยมาก แล้วกินล้นกินเกินทุกมื้อ แต่ว่าหนทางโหดสุด ๆ เท่ากับว่าไปเข้าเครื่องเขย่าสลายไขมันดี ๆ นี่เอง น้ำหนักจึงหายไป ๒ กิโลกรัม

    แต่ว่าท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่ากลับมาแล้ว ให้สังเกตกำลังใจตัวเองว่าเราอยากไปอีกไหม ? ถ้าหากว่าอยากไปอีก ให้รู้เลยว่ากำลังใจของเราแย่มาก ไม่รักสงบแล้ว..!


    อยากจะให้ท่านทั้งหลายดูตัวอย่างน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ก่อนผ่าตัดสายตา ก็ทำหน้าที่พลขับและเลขานุการส่วนตัว บวกกับช่างภาพและอีกสารพัดหน้าที่ เหมือนอย่างกับตัวติดกันกับกระผม/อาตมภาพ ไปไหนก็ไปด้วยกัน

    แต่พอกระผม/อาตมภาพไปต่างประเทศ ๘ วัน น้องเล็กไม่ได้ไปด้วย ประการแรกก็คือ เพิ่งจะผ่าตัดสายตามาไม่ถึงเดือน ประการที่สอง สำคัญที่สุด ก็คือ อยู่เงียบ ๆ ได้ อยู่นิ่ง ๆ ได้ อยู่กับตัวเองได้ บุคคลที่กำลังใจฟุ้งซ่าน อยู่กับตัวเองไม่ได้จะลำบาก เพราะว่าความฟุ้งซ่านทั้งหลายเหล่านี้จะทำให้ท่านหงุดหงิดกลัดกลุ้ม บางทีก็เครียดไปเลย..!


    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายจำได้ จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพบวชมา ๘ เดือน ถึงได้ลากลับบ้านครั้งเดียว แล้วก็อยู่บ้านได้แค่ไม่ถึง ๑๕ นาที ต้องหนีไปนอนที่กุฏิหลวงปู่มหาอำพัน ที่วัดเทพศิรินทราวาสแทน หลังจากนั้นมากระผม/อาตมภาพไม่เคยกลับบ้านอีกเลย เพราะว่ากลับไปแล้วร้อน ทางบ้านจะเอาสารพัดเรื่องของตัวเองมาหมกให้ แล้วหลายต่อหลายท่าน เมื่อได้ทราบความลำบากของพ่อแม่ญาติพี่น้อง รับมามาก ๆ เข้าก็สึกหาลาเพศกันไปเสียมาก..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าลาแล้วกลับมา ให้สังเกตกำลังใจของตัวเองให้ดี จะรู้ว่าการไปครั้งนี้ของเรากำไรหรือว่าขาดทุน ถ้าหากว่าสังเกตตรงนี้ไม่เป็น ก็เสียแรงที่ท่านทั้งหลายลาแล้วลาอีก


    แล้วก็ขอบคุณท่านทั้งหลายที่อุตส่าห์เข้าไปคอมเมนต์ในเฟซบุ๊กว่า "ดีใจที่หลวงพ่อได้ไปพักผ่อน" ขอบอกเลยว่าไม่ได้พักเลย เพราะว่าสภาพทุกอย่างไม่อำนวยให้กับการพัก ไม่ว่าจะผีจะคนก็ตาม ไปก็คือไปทำหน้าที่ กลับมาผอมลงตั้งเยอะ ใครไปพักแล้วผอมลงบ้าง ? ขอถามหน่อยเถอะ..!

    วันนี้จึงขอเจริญพรขอบคุณ ขอบใจ พระภิกษุสงฆ์สามเณรของเราทุกรูป ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลายที่ฟังอยู่แต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...