เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 24 พฤศจิกายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เมื่อคืนนี้มาถึงโรงแรมจำปาสักแกรนด์แล้ว มีคณะของท่านติ่ง ซึ่งเป็นพระที่วัดภูเสลานั่นเอง แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าท่านตั้งใจลงมาหากระผม/อาตมภาพที่บริเวณลานจอดรถ แล้วก็ไม่เจอกัน ทั้ง ๆ ที่กระผม/อาตมภาพก็นั่งอยู่ตรงนั้นแหละ..! ท่านจึงได้พาคณะซึ่งเป็น FC วัดท่าขนุน เดินทางมาดักรอที่โรงแรมจำปาสักแกรนด์ เพื่อขอร่วมบุญร่วมกุศลด้วย ต้องขอบพระคุณท่านติ่งที่นำมาญาติโยมมาร่วมบุญกันในครั้งนี้

    สำหรับเช้านี้อากาศที่นี่ ๒๑ องศาเซลเซียส กระผม/อาตมภาพสงสัยว่าทำไมถึงได้หนาวนัก เพราะว่าได้ทำการขยับเครื่องปรับอากาศไปที่ ๒๗ องศาเซลเซียสตามปกติแล้ว ปรากฏว่าเมื่อหาสาเหตุอยู่พักใหญ่ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าตัวเองจับไข้ แต่เป็นเพราะว่าห้องสูทนี้ ในส่วนของห้องทำงานเขาก็เปิดเครื่องปรับอากาศไว้ที่ ๒๐ องศาเซลเซียส กระผม/อาตมภาพเองไม่รู้ว่ามีสวิตช์เครื่องปรับอากาศอยู่สองเครื่อง คิดว่าขยับตัวหนึ่ง ทุกอย่างก็จะเป็นเหมือนกันหมด ก็เลยหนาวเกือบตาย เมื่อพบสาเหตุแล้วจึงแก้ไขได้ไม่ยาก

    ช่วงเช้านั้นเป็นช่วงที่คณะของเรามีความสุขกันมาก เนื่องเพราะว่าห้องอาหารเปิดตั้งแต่ ๖ โมงเช้า กระผม/อาตมภาพเข้าไปจัดการถมท้องตัวเองให้เต็มก่อน โดยที่ "เจ้าลุง" ช่วยชี้ว่าควรที่จะฉันอะไรบ้างเพื่อสุขภาพของตน ดูแล้วก็แปลก ๆ อยู่ เพราะว่ามีทั้งเผือกต้ม มันเทศต้ม ฟักทองต้ม อีกส่วนหนึ่งก็เป็นแค่ไส้กรอก หมูแฮม เล็กน้อย คล้าย ๆ กับฉันเจก็ไม่ปาน แต่ว่าเป็นแค่มื้ออาหารนี้เท่านั้น

    สมัยก่อนพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ พอถึงเวลานั่งลงที่โต๊ะอาหาร "ท่านแม่ศรี" ที่บรรดาลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงต้องทราบดีว่าท่านเป็นใคร ก็จะมาชี้ให้ฉันอาหารชนิดนี้ ชนิดนั้น อาหารอย่างไหนที่ต้องเว้นบ้าง เป็นต้น กระผม/อาตมภาพเองก็ไม่คิดว่า ตัวเองจะมาโดนผู้อื่นชี้ว่าต้องฉันอะไรแบบนี้เช่นกัน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย ลงไปทางด้านหน้าโรงแรม ปรากฏว่าญาติโยมเข้าแถวนั่งกันเป็นระเบียบ รอใส่บาตรพระ ซึ่งปกติพระท่านจะเดินรับบิณฑบาตผ่านที่ถนนหน้าโรงแรม แต่วันนี้ถือว่าพิเศษ ก็คือนิมนต์ให้ท่านเดินเข้ามาด้านในเลย ญาติโยมทุกคนจึงได้ใส่บาตรพระภิกษุสามเณร ๙ รูป กระผม/อาตมภาพถวายปัจจัยให้ท่าน รูปละ ๑๐๐,๐๐๐ กีบ ถามท่านที่เดินนำหน้าว่า "กี่พรรษาแล้ว ?" ท่านบอกว่า "๙ พรรษาครับ" เมื่อทราบว่ากระผม/อาตมภาพ ๓๘ พรรษาแล้ว ท่านจึงยกมือไหว้แทบไม่ทัน..!

    หลังจากนั้นแล้วญาติโยมส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้า ก็เข้าไปรับประทานในห้องอาหาร ส่วนกระผม/อาตมภาพเก็บข้าวของทุกอย่างลงกระเป๋าใบเดียว รวมแล้วน้ำหนัก ๔.๘ กิโลกรัม แล้วหิ้วขึ้นรถไปตามปกติ ประมาณว่าถ้าต้องไปจากโรงแรมนี้เลยโดยไม่ย้อนกลับมา ก็สามารถที่จะไปได้เลยทีเดียว แต่ว่าต้องรอกันอยู่ค่อนข้างนานเหมือนกัน เพราะว่าญาติโยมส่วนหนึ่งเมื่อมาถึงแล้ว แทนที่จะรีบขึ้นรถ กลับกลายเป็นไปยืนคุยกันอยู่ด้านล่างบ้าง ถ่ายรูปบ้าง มองหาดอกจำปาที่มี ๔ กลีบ ๖ กลีบบ้าง จึงทำให้ออกเดินทางค่อนข้างจะสาย

    วันนี้เราต้องตรงไปยังอุทยานน้ำตก
    ตาดคอนพะเพ็ง ซึ่งอยู่ห่างไป ๑๕๐ "หลัก" ก็คือ ๑๕๐ กิโลเมตร ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ ๓ ชั่วโมงเศษ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถนนในประเทศลาวนี้ค่อนข้างจะเล็กและแคบ รถจึงไม่สามารถที่จะทำความเร็วได้

    แม่หญิงปุ๋ย หรือชื่อจริงก็คือสมฮัก ไซยะมูน ก็ยังเล่าถึงเรื่องของรถในประเทศลาวว่า วิธีขับรถในประเทศลาว ครูฝึกเขาสอนไว้ ๓ วิธีด้วยกัน

    วิธีที่ ๑ เจ้าอย่าขับไปตำผู้อื่น วิธีที่ ๒ เจ้าอย่าขับให้ผู้อื่นมาตำเจ้า วิธีที่ ๓ เจ้าและผู้อื่นอย่าขับไปตำกันเอง ก็มีวิธีการเพียงเท่านี้สำหรับคนขับรถในประเทศลาว..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    เมื่อพวกเราไปถึงประมาณกึ่งกลางทาง ก็แวะเข้าห้องน้ำกันเสียก่อน เพราะว่าเดินทางมาเกือบ ๒ ชั่วโมงแล้ว บริเวณนั้นปกติแล้วก็เป็นโรงหัตถกรรม ก็คือประมาณว่ามีงานฝีมือต่าง ๆ แต่น่าจะเพราะสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาด ทำให้โรงหัตถกรรมปิดไป เหลือแต่เพียงของขายเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ถึงจะเล็กน้อย ก็กวาดเงินจากกระเป๋าพวกเราไปมากทีเดียว รวม ๆ แล้ว น่าจะเป็นล้านกีบ..! แม้กระทั่ง "ลูกอ้วน" ของกระผม/อาตมภาพ ก็ยังอุตส่าห์ไปซื้อมะม่วงสดมา ปรากฏว่าเป็นมะม่วงที่รสชาติดีมาก ถ้าเป็นประเทศไทยเขาเก็บไว้ตำน้ำพริกกัน..!

    เมื่อเสร็จจากการเข้าห้องน้ำ พวกเราก็เดินทางต่อไปจนกระทั่งถึงบริเวณอุทยานน้ำตกตาดคอนพะเพ็ง การเดินทางเข้าไปข้างใน ต้องใช้ระยะทางประมาณ ๘๐๐ เมตร ซึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่ ทั้งของเติมเต็มทัวร์ และเอเย่นต์ทางฝั่งลาว จัดการเคลียร์พื้นที่ทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว พวกเราจึงเดินผ่านไปอย่างสะดวกสบาย

    ในสถานที่บริเวณนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ ต้นหมากไม้มณีโคตร ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นต้นไม้ของเมืองลับแล ปกติก็ขึ้นอยู่กลางน้ำตกคอนพะเพ็ง แล้วถ้าหากว่าเป็นวันพระ นกกาที่บินมาจับ คนจะเห็นเป็นสีขาว ถ้าหากว่าเป็นวันธรรมดา นกกาที่มาจับก็จะมีสีดำ หรือสีปกติทั่วไป ไม่ทราบเหมือนกันว่ายืนต้นมากี่หมื่นกี่แสนปี ท้ายที่สุดก็ล้มลงตามกฎของอนิจจัง ความไม่เที่ยง เขาช่วยกันกู้ต้นขึ้นมาด้วยความยากลำบาก เอามาใส่หีบแก้ว หรือถ้าเป็นบ้านเราก็ประมาณว่าโลงแก้ว เอาไว้ให้คนกราบสักการะ ขอศีลขอพรกัน ประมาณนั้น

    หลังจากนั้น พวกเราก็เดินไปชมจุดที่เคยตั้งหมากไม้มณีโคตรอยู่ ซึ่งก็คือบริเวณมหาน้ำตกคอนพะเพ็งนั่นเอง พวกเราถ่ายรูปกัน โดยที่สตาฟฟ์ของเติมเต็มทัวร์ชอบใจมาก เพราะมีการนับถอยหลัง ๑๐-๙-๘-๗-๖-๕-๔-๓-๒-๑ ใครมาไม่ทันก็ถือว่ารับผิดชอบตัวเองที่ไม่ต้องมีรูปกับเขา

    แล้วพวกเราก็เดินไปร้านอาหารที่มองเห็นลิบ ๆ อยู่ เมื่อเข้าไปถึง ข้าวปลาอาหารทุกอย่างได้รับการเตรียมเอาไว้นานแล้ว เหตุที่ใช้คำว่านานแล้ว เพราะว่าทันทีที่ตักผัดผักรวมเข้าปาก กระผม/อาตมภาพก็ทราบว่าทำมาตั้งแต่ช่วงประมาณสัก ๘ โมงเช้า แล้วก็ตั้งรอมาจนกระทั่ง ๑๑ โมงกว่าตอนนี้..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    ถ้าหากว่าญาติโยมสงสัย กระผม/อาตมภาพก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน อย่างเช่นการต้มข้าวต้ม กระผม/อาตมภาพพอตักเข้าปาก ก็สามารถบอกได้ว่าบุคคลนี้ต้มข้าวต้มแบบไหน ? ก็คือเป็นการต้มโดยน้ำเดือดแล้วค่อยเอาข้าวใส่ หรือว่าเป็นการหุงข้าวสวย แล้วเอาน้ำเดือดเทใส่ทีหลัง หรือว่าเป็นการที่ต้มข้าวต้มตั้งแต่แรก ก็คือใส่น้ำและข้าวลงไปพร้อมกันเลย เหล่านี้เป็นต้น ในเมื่อลิ้นสามารถแยกได้ถึงขนาดนั้น ก็เลยทำให้แยกแยะได้ว่าอาหารนั้นทำมาเร็วหรือช้า

    เมื่ออิ่มจากมื้ออาหารแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินไปที่บริเวณจุดชมวิวน้ำตกคอนพะเพ็ง ซึ่งเป็นจุดที่ถ่ายรูปได้สวยที่สุด หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อยแล้ว เห็นมีประตูและบันไดลงไป ปกติแล้วก็มีเทปดำเหลืองกั้นเอาไว้ แต่ตอนนี้เทปโดนถลกขึ้นไปสูงเลยหัว แถมยังเปิดประตูไว้อีกต่างหาก กระผม/อาตมภาพก็ "ตีขลุม" เอาว่าน่าจะอนุญาตให้ลงไปที่บริเวณหน้าน้ำตกได้

    เมื่อถาม "เจ้าลุง" และ "พระยาศรีฯ" ท่านบอกว่า "ลงได้ครับ วันนี้จะผจญภัยอย่างไรก็ไม่มีอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น" กระผม/อาตมภาพจึงเดินลัดเลาะไปตามแก่งหิน ซึ่งค่อนข้างจะคมและสูงชัน ถือว่าอันตรายทีเดียว ลงไปถ่ายน้ำตกถึงหน้าบริเวณน้ำตก ทำให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของมหาน้ำตกพิทักษ์แผ่นดินลาวแห่งนี้ เพราะว่าทำให้ฝรั่งเศสไม่สามารถนำเรือกลไฟบุกเข้าประเทศลาวได้ตรง ๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ทางด้านประเทศจีนสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงไว้หลายแห่ง จึงทำให้น้ำน้อยลงไปมาก ความยิ่งใหญ่ของมหาน้ำตกคอนพะเพ็ง ก็เลยพลอยน้อยลงไปด้วย น้ำตกแห่งนี้ได้รับสมญาว่า "ไนแองการาแห่งเอเซีย" ได้อย่างสมภาคภูมิทีเดียว

    เมื่อพวกเราถ่ายรูปหมู่กันเสร็จเรียบร้อย ก็กลับมาขึ้นรถ วิ่งย้อนกลับมาราว ๆ ๑๒ กิโลเมตร เพื่อที่จะมาจอดรถบริเวณลานรับฝากรถ แล้วก็เดินลงไปยังท่าเรือ โดยสารเรือลงไปยังน้ำตกหลี่ผี ซึ่งเป็นน้ำตกสำคัญอีกแห่งหนึ่ง โดยที่เรือโดยสารแต่ละลำนั้นนั่ง ๓๐ คน กระผม/อาตมภาพลงลำแรก โดยมีแม่หญิงสมฮัก หรือแม่หญิงปุ๋ยตามไปเป็นไกด์ให้

    ระหว่างทางก็เห็นหลักวัดน้ำเป็นระยะไป ก็คือจะมีการทาสีอยู่ อย่างเช่นว่าสีเขียวปลอดภัย สีเหลืองต้องระมัดระวัง สีแดงเป็นสถานที่แก่งอันตราย เป็นต้น แต่ว่าโดนน้ำสาดน้ำเซาะจนกระทั่งเหลือแต่หลักหิน เหมือนอย่างกับตอหม้อสะพานเท่านั้น..!
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    พวกเราไปขึ้นที่ท่าของดอนเดช คำว่า ดอน ในที่นี้ก็คือเกาะนั่นเอง เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ เพราะว่ามีท่าเทียบเรือกลไฟที่ฝรั่งเศสสร้างเอาไว้ แล้วก็ไปนั่งรถห้าแถว ซึ่งบ้านเรามีแค่สองแถว ประเทศลาวมีรถห้าแถว วิ่งผ่านไปท่ามกลางทุ่งนาป่าเขา

    จนกระทั่งข้ามสะพานแม่น้ำโขงไปยังดอนคอน แล้วยังต้องวิ่งต่อไปอีกประมาณ ๒ กิโลเมตรครึ่ง ก็จะไปถึงบริเวณน้ำตกหลี่ผี แต่ว่าไม่ใช่อยู่หน้าน้ำตกทีเดียว ต้องจอดรถเอาไว้บริเวณร้านค้าด้านนอก แล้วค่อยเดินผ่านสะพานข้ามห้วยเล็กห้วยใหญ่ ซึ่งห้วยเหล่านี้ ความจริงก็คือสายน้ำโขงนั่นเอง เพียงแต่ว่าไปเจอดินแกร่ง หรือหินแกร่งเข้า ไม่สามารถที่จะกัดเซาะจนกระทั่งขาดออกเป็นเกาะได้ จึงกลายเป็นลำห้วยอยู่บนเกาะเท่านั้น

    เมื่อเดินผ่านเข้าไป ก็ต้องมี "บ่อนกวดปี้" ก็คือที่ตรวจตั๋ว แต่เนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่เติมเต็มทัวร์จัดการ "เคลียร์" ให้หมดแล้ว พวกเราเข้าไปจนถึงบริเวณปากทางเข้าป่าไผ่ จัดการถ่ายรูปหมู่เป็นจุดแรก เมื่อเดินต่อไปก็เจอเทวาลัยท้าวมหาพรหม แล้วถึงเป็นบริเวณหน้าน้ำตกหลี่ผี

    คำว่า "หลี่" นี้เป็นเครื่องมือดักปลาชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นไม้ไผ่ถักสานเป็นซี่ ๆ แล้วคำว่า "ผี" ก็คือซากศพ บริเวณนี้นั้นเป็นน้ำตกที่ลำน้ำโขงตกแก่งลงมาเป็นช่องเล็กช่องใหญ่มากมาย เหมือนอย่างกับว่าผีมากั้นหลี่เพื่อดักปลา แต่ปรากฏว่าในช่วงศึกช่วงสงคราม สิ่งที่มาติดบริเวณนี้มากที่สุดก็คือซากศพ จึงกลายเป็นว่า คำว่าผีในที่นี้ก็คือศพนั่นเอง กลายเป็นที่ดักศพ..!

    เมื่อพวกเราถ่ายรูปกันเรียบร้อย ก็ย้อนกลับออกมา นั่งรถห้าแถวมาลงเรือ แต่คราวนี้กระผม/อาตมภาพนอกจากไม่ได้รถคันเดิมแล้ว ยังไม่ได้เรือลำเดิมอีกด้วย การลงเรือ ไม่ว่าจะขาไปขากลับ กฎข้อบังคับสำคัญที่สุดก็คือ ทุกคนต้องใส่ "เสื้อซ่อยฟู" คำว่าซ่อยก็คือช่วย ฟูก็คือลอยนั่นเอง บ้านเราเรียกว่าเสื้อชูชีพ ถ้าหากว่าไม่ใส่ เขาไม่ให้ลงเรือด้วย กลับมายังสถานที่เดิม เดินมาขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่ที่ลานจอดรถ ปรากฏว่าทางด้าน "บิ๊กก็อต ช่องเม็ก" ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ประสานงานทางฝั่งลาว มานั่งแจกน้ำแจกขนมอยู่ทางด้านนี้
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,385
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,528
    ค่าพลัง:
    +26,367
    แล้วรอกันอยู่นาน จนกระผม/อาตมภาพยังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่ามีบุคคลในคณะไปลืมโทรศัพท์มือถือไว้ ที่บริเวณเทวาลัยท้าวมหาพรหม หลังจากที่รอแล้วรอเล่า ทางเอเย่นต์ทางด้านนี้จึงรับอาสาว่า หาเจอแล้วจะนำไปส่งให้ พวกเราถึงได้วิ่งย้อนกลับมา เมื่อแวะเข้าห้องน้ำกลางทางแล้ว กว่าที่จะวิ่งมาถึงโรงแรมจำปาสักแกรนด์ ก็เป็นเวลาค่ำแล้ว

    แต่ว่าตลอดสองข้างทางนั้น มีเด็กนักเรียนตั้งโต๊ะ มีสมุดดินสออยู่ด้วย ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็ยังคิดว่าเด็กขยัน มานั่งทำการบ้านกลางแจ้ง เพื่ออาศัยแสงสว่างจากท้องฟ้า เนื่องเพราะว่าแถวนั้นมักจะไม่มีไฟฟ้าใช้กัน แต่แม่หญิงปุ๋ยเฉลยว่า เป็นเด็กที่มาจดหวยลาว หวยลาวนั้นออกอาทิตย์ละ ๓ งวด คือวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ทางราชการกำหนดให้เด็ก ๆ เป็นผู้มาจดหวย เพื่อที่จะได้ส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ไปเป็นทุนการศึกษา ดูแล้วกระผม/อาตมภาพก็ "น้ำตาจิไหล" แต่ว่าในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะแก้ไขอย่างไร

    เมื่อกลับมาถึงโรงแรมแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงรีบบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ขณะที่คนอื่นเขานัดกันไปรับประทานอาหารเย็นและชมการแสดง ซึ่งทางเติมเต็มทัวร์จัดให้ลูกค้าเป็นพิเศษ ความพิเศษเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพไม่ขอรับด้วย เนื่องเพราะว่าเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง หลังจากบันทึกเสียงธรรมเสร็จ ตั้งใจว่าจะสรงน้ำแล้วก็เข้านอนเลย

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...