เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 ธันวาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนอ้าย ถ้านับทางจันทรคติถือว่าเข้าปีใหม่มาครึ่งเดือนแล้ว

    ตั้งแต่เช้าหลังจากที่กระผม/อาตมภาพบิณฑบาตและฉันเช้าเสร็จ ก็ไปยังหอประชุมโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา เพื่อร่วมการประเมินนักเรียนรางวัลพระราชทานระดับมัธยมศึกษาของโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดกลาง ซึ่งเด็กที่เข้ารับการประเมินในปีนี้ก็คือ น้องบัว (นางสาวอัจฉรานันท์ วงศรีรัตนชัย) นักเรียนชั้นมัธยมปีที่ ๖/๓ ซึ่งเป็นเด็กที่ช่วยงานวัดท่าขนุนมาตั้งแต่สมัยยังเรียนชั้นประถมอยู่

    ความจริงแล้วในช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพต้องไปซ้อมรับปริญญาบัตร ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อรอรับจริงในวันที่ ๑๐ แต่ว่าในเมื่อเด็กนักเรียนของเรา ซึ่งปีที่แล้วมีบทเรียนที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เด็กของเรานั้นมีความรู้ความสามารถใกล้เคียงกับของโรงเรียนอื่น แต่ที่ชนะเลิศได้รับรางวัลนักเรียนพระราชทานอันทรงเกียรติยิ่งนั้น เกิดจากทางด้านทองผาภูมิของเรา ผู้นำท้องถิ่นไปกันครบถ้วนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นท่านนายอำเภอ ท่านนายกเทศมนตรี หรือแม้แต่ตัวกระผม/อาตมภาพเอง ซึ่งทางคณะกรรมการประกาศผลตัดสินออกมา บอกว่าที่ได้รางวัลเพราะเห็นความพร้อมเพรียงของผู้นำท้องถิ่นที่มีต่อเด็ก แสดงว่าเด็กของเราต้องดีจริง ผู้นำทั้งหมดถึงได้พร้อมใจกันมาสนับสนุน

    โดยเฉพาะเด็ก ๆ ชุดนี้ ซึ่งได้รับการเสริมสร้างมา ทั้งในส่วนของนาฏศิลป์และการละคร ตลอดจนกระทั่งโครงการมัคคุเทศก์น้อยนานาชาติพันธุ์ ต้องบอกว่าเห็นหลวงพ่อไป ดีใจยิ่งกว่าพ่อแม่ตัวเองไปอีก กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องสละงานการซ้อมรับปริญญาบัตร ซึ่งอาจจะทำให้เขาสับสนวุ่นวายในวันจริงได้ เพราะว่าอยู่ ๆ ก็จะมีคนเพิ่มขึ้นมา แต่ก็ต้องยอมเพื่อที่จะมาเป็นกำลังใจให้กับเด็กของเรา

    เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยในการแสดงความสามารถช่วงเช้า ทางโรงเรียนถวายภัตตาหาร ฉันเพลเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็วิ่งไปประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกหลังจากการตั้งสภาวัฒนธรรมชุดนี้มา
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ต้องบอกว่าในบรรดาสภาวัฒนธรรมอำเภอทั้งหมด สภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิของเรามีความพร้อมมากที่สุด ทำทุกอย่างตามกรอบเวลาที่ทางราชการกำหนดให้ จึงเป็นสภาวัฒนธรรมแห่งเดียวที่จัดตั้งเสร็จเรียบร้อยก่อนอีก ๑๒ อำเภอ

    พวกเราทำงานกันเป็นปีแล้ว กว่าที่อำเภออื่น ๆ จะจัดตั้งคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอสำเร็จ เมื่อครบถ้วน ๑๓ อำเภอแล้ว จึงสามารถที่จะจัดตั้งสภาวัฒนธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีได้ จึงทำให้การประชุมล่าช้ามาจนเกือบจะสิ้นปี โดยเฉพาะในส่วนของการร่างระเบียบข้อบังคับของสภา ซึ่งยังไม่สามารถที่จะคุยให้จบลงไปในครั้งนี้ได้

    แม้ว่าทางดร.ธีรชัย ชุติมันต์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีคนใหม่ยังไม่คุ้นเคยกับงานด้านนี้ แต่ว่ามีความสุขุมรอบคอบ อะไรที่ไม่เข้าใจก็สอบถาม อะไรที่ช้าได้ก็ช้าลง ดังนั้น..ในเรื่องของการร่างระเบียบข้อบังคับสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี จึงต้องรอทีมงานที่ท่านจัดตั้งขึ้น ร่างมาให้เรียบร้อย แล้วนำลงกลุ่มไลน์ เพื่อที่จะให้พิจารณากันก่อนว่าตรงไหนควรลด ตรงไหนควรเพิ่ม แม้ว่ากระผม/อาตมภาพจะขอออกมาก่อนเวลา เพราะว่าการประชุมยังไม่เสร็จ แต่ก็มาถึงเอาตอนที่ท่านทั้งหลายได้เห็น ยังดีว่าทันเวลาในการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน

    ในเรื่องของการทำงาน ดังที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกพวกเราหลายครั้งแล้วว่า ถ้าเราจัดลำดับความก่อนหลังเร็วช้าของงานได้ เราก็จะไม่เครียด งานไหนมาถึงก่อนก็ทำก่อน เราจะมีงานอยู่เฉพาะหน้างานเดียว ซึ่งไม่หนักเกินกำลัง แต่คนส่วนใหญ่แล้วมักจะเอางานหลาย ๆ ส่วนมาหมกรวมกัน กลายเป็นปัญหาก้อนใหญ่ จนกระทั่งเครียด หาทางออกไม่เจอ กลายเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าขาดสติ สติที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมของพวกเรานี่แหละสำคัญที่สุด ถ้าเรามีสติ รู้จักพินิจพิจารณา ก็จะเห็นความก่อนหลังเร็วช้า สำคัญมากสำคัญน้อยของปัญหา แล้วก็จะจัดลำดับได้ทันท่วงที ทำให้สามารถที่จะทำงานแต่ละอย่างไปได้ โดยที่ไม่สับสนวุ่นวาย ไม่เอาหลาย ๆ งานมาสุมรวมกันจนรู้สึกว่าเกินกำลัง

    แต่ก่อนที่ท่านจะมาถึงระดับนี้ได้ สำคัญที่สุดก็คืออานาปานสติ การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกของเรา ซึ่งบางคนก็คิดว่าเป็น "หญ้าปากคอก"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    สำนวน "หญ้าปากคอก" นี่เกิดจากคนโบราณเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย พอถึงเวลาตอนเช้า เปิดคอกให้วัวควายออกไปหากิน ด้วยความที่หิวมาทั้งคืน เมื่อเปิดคอกก็ชิงกันเบียด ชิงกันออก ในเมื่อตัวหลังดันมา ต่อให้หญ้าตรงปากคอกงามขนาดไหนก็ตาม วัวควายนั้นก็ไม่มีเวลากิน จะโดนตัวหลังเบียดกระแทกจนกระทั่งขึ้นหน้าไป แล้วด้วยนิสัยของวัวควายก็คือจะรีบเดินตามตัวหน้า

    ในเมื่อตัวหน้ามุ่งตรงไป ตัวเองก็ตามไปด้วย ทำให้มองข้ามสิ่งที่อยู่ใกล้แค่ปากคอก หรือว่าเรื่องสำคัญที่อยู่ใกล้ตัวไป จนกระทั่งกลายเป็นสำนวนว่า "หญ้าปากคอก" ก็คืออยู่ใกล้แค่นั้น แต่ไม่มีโอกาสได้กินได้ใช้เสียที

    พวกเรานักปฏิบัติส่วนหนึ่งก็มักจะมองข้ามอานาปานสติไป ทั้ง ๆ ที่อานาปานสติหรือว่าลมหายใจเข้าออก เป็นพื้นฐานใหญ่ของกองกรรมฐานทั้งปวง ถ้าไม่มีอานาปานสติ กรรมฐานทุกกองไม่สามารถที่จะทรงตัวได้ อย่างเก่งเต็มที่ก็แค่ปฐมฌาน แล้วเป็นปฐมฌานหยาบด้วย หลังจากนั้นถ้าไม่มีสมาธิมาค้ำจุนก็จะพังไปได้ง่าย ๆ

    อานาปานสติจะสนับสนุนให้กรรมฐานทุกกอง สามารถที่จะทรงฌาน ๔ หรือว่าสมาบัติ ๘ ได้ จึงไม่ใช่ "หญ้าปากคอก" ที่พวกเราจะมองข้าม แต่เป็นสิ่งที่พวกเราต้องยึดอยู่ในลักษณะของเส้นเชือกช่วยชีวิตเลย เหมือนกับคนตกเหวแล้วคว้าเถาวัลย์เอาไว้ได้ ต้องเกาะแน่นสุดชีวิตขนาดไหนก็ประมาณนั้น..!

    เนื่องเพราะว่าถ้าเราไม่มีกำลังของอัปปนาสมาธิระดับปฐมฌานละเอียดเป็นต้นไป เราก็จะไม่มีกำลังสู้กับกิเลส ก็แปลว่าอย่างน้อย ๆ พวกเราจะต้องภาวนาจนทรงปฐมฌานละเอียดเป็นอย่างต่ำ สูงกว่านั้นต้องแล้วแต่วาสนาบารมีและความพากเพียรพยายามของแต่ละคน

    เพียงแต่ว่าในส่วนที่เราทำได้แล้วนั้น ผลข้างเคียงที่ดีอย่างหนึ่งก็คือเรามีสติมั่นคงขึ้น สมาธิยิ่งหนักแน่นเท่าไร สติยิ่งแหลมคมว่องไว จนถึงขนาดสามารถรู้เท่าทันกิเลสที่เข้ามาในใจของเรา ซึ่งเร็วพอ ๆ กับสายฟ้าแลบ เพราะว่าถ้าสติสมาธิของเราไม่เพียงพอ ไม่สามารถที่จะกันกิเลสเอาไว้ได้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ในเมื่อในส่วนของกิเลสที่เกิดขึ้นเร็วจนบางทีเราก็ไม่รู้ตัว สติของเรายังเท่าทันและระมัดระวังป้องกันได้ เรื่องการที่เราจะมาใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวันจึงเป็นของง่าย สามารถที่จะพิจารณาเห็นความก่อนหลังเร็วช้า ลำดับความสำคัญของเรื่องได้ในทันทีทันใด แล้วเราก็จะได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุด และเหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ตอนนั้นได้

    เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้วกระผม/อาตมภาพก็ทำให้พวกท่านทั้งหลายได้เห็นอยู่ทุกวัน เพียงแต่ว่าพวกท่านอาจจะดูไม่ออก มองไม่เป็น รู้อยู่อย่างเดียวว่าหลวงพ่อทำงานเยอะมาก แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำได้ แล้วยกให้เป็นความพิเศษของท่านไป ความจริงแล้วพวกเราทุกคนทำได้ทั้งหมด เพียงแต่ว่าต้องมีความอดทนและพากเพียรอย่างแท้จริง

    การปฏิบัติธรรมทุกประเภท ถ้าความอดทนไม่เพียงพอ ก็เลิกเสียกลางคัน ถ้าความพากเพียรไม่เพียงพอ ก็ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางของตน ดังนั้น..เรื่องของขันติบารมีและวิริยบารมี เป็นสิ่งหนุนเสริมการปฏิบัติธรรมของเราอย่างดีที่สุด แต่พวกเรามักจะขาด โดยเฉพาะขาดปัญญาบารมี ไม่รู้ว่าอะไรก่อน อะไรหลัง อะไรควรเร่งทำเพื่อให้เกิดแก่ตัวแล้วจะนำสิ่งดี ๆ เพิ่มเข้ามาในชีวิตของเรา อะไรที่ควรทำทีหลัง เราจะได้ชะลอไว้ก่อน แต่บางทีเราก็ไปทำสับสนปนเปกันไปหมด เรื่องทีหลังเอามาทำก่อน เรื่องก่อนเอาไปทำทีหลัง ความสำเร็จจึงไม่เกิดขึ้นสักที เพราะว่าปัญญาไม่พอ

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...