เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 30 ธันวาคม 2021.

  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ที่หายหน้าหายตาไปเป็นอาทิตย์ ก็เพราะว่ามีงานต่อเนื่องกัน โดยเฉพาะงานที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ แล้วก็งานพุทธาภิเษกตามวัดต่าง ๆ อีกหลายแห่ง

    งานที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เป็นงานที่เลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าโดยหน้าที่แล้วก็คือรักษาการรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ซึ่งถ้าหากว่ารักษาการผู้อำนวยการเห็นสมควร ท่านก็ให้ไปแทนแทบทุกงาน

    คราวนี้งานที่ผ่านมาของทางวิทยาลัยสงฆ์ก็มีงานทำบุญถวายพระเดชพระคุณพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ.๘) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ผู้เป็นต้นคิดในการสร้างวิทยาลัยสงฆ์ โดยที่ปณิธานแน่วแน่ของท่านก็คือ "ให้ลูกหลานชาวกาญจนบุรีได้มีที่เรียนใกล้บ้านตัวเอง และลูกหลานคนเมืองกาญจน์ทุกคนควรที่จะจบปริญญาตรี" หลวงพ่อท่านเป็นคนพนมทวน วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีก็เลยไปสร้างที่บ้านเกิดของท่าน

    งานต่อไปก็คือการเปิดป้ายวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์อย่างเป็นทางการ เพราะว่าป้ายที่ช่างเขาทำมาให้นั้น เขาคิดว่าใหญ่แล้ว พอขึ้นไปข้างบนก็เหลือแค่ขี้ตายุง..! อาตมาทนดูไม่ได้ก็เลยต้องสั่งทำใหม่ โดยเฉพาะรูปหลวงปู่เปลี่ยน อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี กับรูปหลวงพ่อไพบูลย์ ความสูง ๒.๒๐ เมตร ขึ้นไปข้างบนเหลืออยู่หน่อยเดียว แล้วลองคิดดูว่าความสูงแค่ ๕๐ เซนติเมตรจะเหลือเท่าไร ?

    พิธีเปิดป้ายโดยพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานหน่วยอบรมประชาชนกลาง เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ถัดจากนั้นก็เป็นการหล่อรูปเหมือนของพระเดชพระคุณพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ) แค่ ๓ งานนี้ ถ้าเป็นโยมก็เพี้ยนแล้ว เพราะว่าอาตมาต้องวิ่งทุกที่เลย ทั้งต้อนรับแขก ทั้งถวายไทยธรรม ทั้งเตรียมการเปิดป้าย พอหล่อพระก็วิ่งไปนั่งปรก เสร็จแล้วก็ลงมาจัดการถ่ายรูปหมู่ ตูจะบ้า..!

    แค่นี้ยังไม่พอ งานยังน้อยไป รุ่งขึ้นก็เลยมีการประชุมพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส โดยพระเดชพระคุณพระเทพศาสนาภิบาล เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) สี่งานนี้หมดไป ๒ วัน ยังรู้สึกน้อยไปอีก รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง ก็เลยมีการปฐมนิเทศครูพระสอนศีลธรรม ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีต่อเข้ามาอีกงาน

    งานของครูพระ เดิมเป็นงานของมหาวิทยาลัยแม่ คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย คราวนี้ไป ๆ มา ๆ เพื่อความโปร่งใส ก็เลยแบ่งงบประมาณให้แต่ละพื้นที่ไปดำเนินการเอง โดยเฉพาะจังหวัดที่มีวิทยาลัยสงฆ์ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เลยกลายเป็นงานของวิทยาลัยสงฆ์โดยตรงอีก สรุปก็คือ ๓ วัน โดนไป ๕ งาน เป็นงานที่ต้องรับผิดชอบ หนีไม่ได้ทั้งนั้น
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    หลังจากนั้นก็ไปปลุกเสกวัตถุมงคลอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นที่วัดสามง่าม (วัดอรัญญิการาม) หลวงปู่เต๋ พวกเราเกิดกันไม่ค่อยจะทันนะ วัดสามง่ามสมัยอาตมภาพยังเด็ก ๆ อยู่ หลวงปู่เต๋ท่านนามสกุลคงทอง ฉายาพระก็คือ คงฺคสุวณฺโณ คังคะก็คือน้ำ กลายเป็นน้ำทอง ไม่ใช่คงทอง แต่คราวนี้เขาอาศัยเสียงใกล้เคียงกัน คำว่าคงทอง คงก็เลยกลายเป็นคังคะ

    หลวงปู่เต๋ท่านดังที่สุดเรื่องกุมารทอง ต้องบอกว่าถัดจากขุนแผนแล้วก็มีหลวงปู่เต๋นี่แหละ ดังเรื่องกุมารทองมากที่สุด ขุนแผนปิ้งกุมารทองได้ตัวเดียวใช่ไหม ? หลวงปู่เต๋เอาดิน ๗ ป่าช้ามาปั้นกุมารทอง คนก็ขนหัวลุกกันหมด หลวงปู่ท่านบอกว่า "ข้าเสกจนเป็นเทวดาหมดแล้ว..!"

    สมัยก่อนกระผม/อาตมภาพฟังก็สงสัย เสกผีเป็นเทวดาได้ด้วยหรือ ? พอมามีประสบการณ์เข้าเอง อ๋อ...ง่ายนิดเดียว อย่างของอาตมาก็อุทิศส่วนกุศลให้เลย ขออย่างเดียวก็คือมาช่วยงานนี้ให้หน่อย สมมติว่าสร้างวัตถุมงคลก็คือช่วยดูแลด้วย เพราะฉะนั้น...วิธีเสกผีให้เป็นเทวดา พอมารู้เข้าก็ไม่ยาก คราวนี้เมื่อไปถึงที่ของต้นตำรับ หลวงปู่ก็ทำเองก็แล้วกัน..!

    เจ้าอาวาสถัดจากหลวงปู่เต๋มาก็หลวงปู่แย้ม สรุปว่าวัดสามง่ามอายุเป็นร้อยปี มีเจ้าอาวาส ๓ รูป จากหลวงพ่อแดง รูปที่ ๑ หลวงปู่เต๋ รูปที่ ๒ หลวงปู่แย้ม รูปที่ ๓ โดยเฉพาะหลวงปู่แย้มเป็นนานที่สุด เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิหลวงปู่เต๋ด้วย อยู่มาอายุเกือบร้อยถึงจะมรณภาพ รูปที่ ๔ ยังไม่มี มีท่านเจ้าคุณอาจารย์พระศรีธีรวงศ์ที่พวกลูกศิษย์เรียกกันง่าย ๆ ว่า ท่านเจ้าคุณสมัย เจ้าคณะอำเภอดอนตูม รักษาการเจ้าอาวาสอยู่

    ท่านเจ้าคุณอาจารย์นั้นสนิทสนมคุ้นเคยกันตั้งแต่สมัยเรียน ป.บส. เรียนปริญญาตรี ท่านก็เลยนิมนต์ไปเสกของให้ท่าน บอกว่า "นิมนต์ท่านอาจารย์พระครูรูปเดียวนั่นแหละ" ไม่ต้องนิมนต์คนอื่นหรอก เออ...ดีเหมือนกัน หากินง่ายดี เสกเดี่ยวนี่ยากนะ ขนาดมีเพื่อนพระสังฆาธิการหลายรูปบอกว่า "อาจารย์..อายุจะสั้นนะ" ถามว่าทำไม ? "ใช้พลังจิตมากไป ไม่เหลือไว้ค้ำจุนร่างกายตัวเอง" เออ..เรื่องของมันเถอะ..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    ถัดจากนั้นก็ยังมี วัดโพธิ์ผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดประดู่ทรงธรรม อยุธยาด้วยกันร วัดดังทั้งคู่ วัดโพธิ์ผักไห่ หลวงปู่ปาน วัดบางนมโคไปสร้างเจดีย์ให้ แถมยังบรรจุพระไว้ ๔ ปีบ ตอนนี้ชาวบ้านรอแล้วรออีกว่าเมื่อไรเจดีย์จะพัง..! แต่พระครูปลัดพิจารย์ วิจารโณ ซ่อมเสียอย่างดี ถ้าจะรอพังก็อีกหลายสิบปี หลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอกสร้างโบสถ์ให้หลังหนึ่ง เห็นครูบาอาจารย์ไปสงเคราะห์ เราก็ควรที่จะรู้ว่าวัดมีความสำคัญ

    แล้วเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่นี่ก็คือตอนทำน้ำมนต์ ไอ้ที่เทียนไหลลงเป็นไฟแล้วก็ระเบิดกันสนุกสนานนั่นแหละ ไม่ได้เป็นแบบนี้มาเป็น ๑๐ งานแล้วนะ พยายามอย่างไรก็ไม่เป็น แต่พอท่านจะให้ ก็เป็นเอาง่าย ๆ เลย เพราะว่าที่นี่เขาทำพิธีการทุกอย่างตามแบบโบราณ

    งานปลุกเสกจริง ๆ เป็นงานรอง งานหลักก็คือสมโภชน์พระดวงพิชัยสงครามที่สร้างจากไม้โพธิ์นิพพาน ไม้โพธิ์นิพพานก็คือกิ่งโพธิ์ด้านทิศตะวันออกที่หักลงมาเอง ต้องทิศตะวันออกเท่านั้น หักลงมาก็มักจะสด ๆ จึงต้องเอามาตากแห้ง แล้วค่อยแกะสลักเป็นองค์พระ บรรจุดวงพิชัยสงครามที่ฐานพระ ก็คือดวงเจ้าของพระ สร้างของใครของมัน องค์ที่เห็นอยู่บนมณฑปพระพุทธรูปทองคำนั่นแหละ องค์นั้นก็พระดวงพิชัยสงคราม เขาทำถวายกระผม/อาตมภาพ ในเมื่อทำทุกอย่างตามแบบโบราณ พระท่านก็เลยสงเคราะห์มาก

    ส่วนวัดต่อไปวัดประดู่ทรงธรรม...สบาย เขานิมนต์พระเกจิอาจารย์ ๒ ครั้ง รวม ๑๐๘ รูป จ่ายค่านิมนต์อย่างเดียวก็หน้ามืดแล้ว แต่ถ้าเราเห็นประธานฝ่ายฆราวาสอย่างชื่อ พยัพ คำพันธุ์, พิศาล เตชะวิภาค คงไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก นั่นระดับนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย และรองนายกฯ อย่างนี้อย่างไรเขาก็ขายได้หมดอยู่แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยกลายเป็นว่าไม่มีอะไรน่าห่วง

    แต่ส่วนหนึ่งต้องบอกว่าประสบการณ์ของน้องเล็ก โชเฟอร์นี่ต้องมีประสบการณ์ ถึงจะสามารถทำอะไรได้คล่องตัว เขาเตรียมที่จอดรถเอาไว้ให้พระเกจิอาจารย์ทางด้านใน น้องเล็กไม่เข้า จอดข้างนอกนี่แหละ สรุปว่าเลิกงานแล้วคนอื่นออกไม่ได้เลย มีรถของเราออกมาได้คันเดียว เพราะทางเข้าวัดแคบเท่ากับรถคันเดียว ถ้าคันหน้าไม่ขยับ คันหลังก็ออกไม่ได้

    ตรงนี้ต้องเข้าใจว่าประสบการณ์นี่สำคัญมาก หลายท่านเกรงใจ เออ...หลวงปู่หลวงพ่ออายุมาก เดี๋ยวจะเดินไกล อาตมาไม่กลัว เดินแค่สี่ห้าร้อยเมตร แต่ขากลับไปได้เลย กับการที่เอารถไปจอดข้างในใกล้ ๆ มณฑลพิธี ถึงเวลาแล้วก็ออกไม่ได้ จนกว่าคันอื่นจะออกหมด แบบนี้กระผม/อาตมภาพไม่เอาด้วย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,663
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,551
    ค่าพลัง:
    +26,390
    แต่ว่ามีเรื่องสนุกที่งานวัดอรุณราชวราราม ที่หลวงปู่สมเกียรติท่านนิมนต์ไว้ ไปเรียกหลวงปู่สมเกียรติเสียจนหมดราคาเลย พระพรหมวัชรเมธี รองสมเด็จพระราชาคณะ เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะภาค ๙ ท่านนิมนต์ไปปลุกเสกพระพุทธรูป และร่วมหล่อพญายักษ์วัดแจ้ง พวกเราเคยได้ยินกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ ใช่ไหม ? ยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ตีกันจนกระทั่งราบเป็นหน้ากลอง เขาจึงเรียกว่าท่าเตียน ปรากฏว่ามีเรื่องอยู่ ๒ เรื่องที่ควรพูดถึง

    อันดับแรกเลยก็คือในเมื่อเป็นเรื่องของยักษ์ หลังจากที่กราบพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านบอกว่าเป็นหน้าที่ของท้าวเวสสุวรรณ ก็วิ่งไปหาท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณ สงสัยมาก ถามท่านปู่ว่า "เอาจริง ๆ นะครับ สมมติวัตถุมงคลชิ้นหนึ่ง ถ้าให้เต็มบารมีของท่านปู่เลย คุ้มครองได้ไกลเท่าไร ?" มีใครสงสัยเหมือนอาตมาบ้างไหม ?

    ท่านบอกว่า "๑๐๐ โยชน์" โอ้พระเจ้า...ประเทศไทยหัวถึงท้ายเพิ่ง ๑,๔๐๐ กว่ากิโลเมตร ไอ้ ๑๐๐ โยชน์นี่ ๑,๖๐๐ กิโลเมตร แต่ส่วนใหญ่ท่านไม่ให้ขนาดนั้นหรอกนะ ให้มาหน่อยหนึ่ง คือสงสัยจริง ๆ ว่าฝีมือระดับท้าวมหาราช แล้วเป็นหัวหน้าท้าวมหาราชด้วย ถ้าหากว่าตั้งใจช่วยจริง ๆ ได้สักกี่กิโลเมตร ปรากฏว่า ๑,๖๐๐ กิโลเมตร ถ้าขีดจากศูนย์กลางออกไปรอบ ๆ นี่ ได้หลายประเทศเลยนะ..!

    แต่ที่สนุกกว่านั้นก็คือมียักษ์ผู้หญิง ทะมัดทะแมงแข็งขันมาก ชุดที่ใส่นี่น่าเอาไปจำนำมาก..! เพชรล้วน ๆ เลย ยืนเยื้อง ๆ ไปทางขวาด้านหลัง ถามว่าเป็นใคร ? เธอบอกว่า "นี่ยักษ์วัดแจ้ง" หา..! เพิ่งจะรู้ว่ายักษ์วัดแจ้งเป็นผู้หญิง เธอบอกว่าเธอเป็นเทวดาชั้นวชิระ ในสังกัดของท้าวเวสสุวรรณ ดูแลเขตนี้อยู่ ก็เลยต้องใช้ชื่อยักษ์วัดแจ้ง

    ในชีวิตของกระผม/อาตมภาพ ต้องบอกว่าถ้าหากว่าเจอเทวดาชั้นจาตุมหาราชเป็นผู้หญิงนี่ ขอให้รับรู้ไว้ว่าแต่ละคนนี่สุดยอดทั้งนั้นเลย อย่างที่ไปเนปาล เจอเจ้าแม่หลักเมือง นภิสราเทวี อันนั้นก็สุดแสบเลย หลอกพระหัวทิ่มหัวตำ คือถ้าหากว่าจากของท่านนี่ เลื่อนอีกชั้นหนึ่งก็เป็นระดับอินทกะ แล้วจากอินทกะทั้ง ๑,๐๐๐ องค์เลือกกันขึ้นไป ถึงจะเป็นท้าวมหาราช

    ถ้าหากว่านับท้าวมหาราชเป็น ผบ.เหล่าทัพ ท่านท้าวเวสสุวรรณก็เท่ากับเป็น ผบ.ทบ. ท่านท้าวธตรฐก็เป็น ผบ.ทอ. เหล่าทัพอากาศ ท่านท้าววิรูปักษ์ก็เป็น ผบ.ทร. ทัพเรือ พญานาคอยู่กับน้ำ ก็เหลือตำรวจก็คือท่านท้าววิรุฬหก กุมภัณฑ์

    ถ้าหากว่าท้าวมหาราชเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ ระดับอินทกะนี่ก็ต้องอยู่ในระดับแม่ทัพภาค ชั้นวชิระลงมาก็บรรดาผู้บัญชาการกองพล ใหญ่โตมโหฬาร แต่ละท่านนี่คุมพื้นที่หลายร้อย ๑๐๐ ตารางกิโลเมตรกระมัง ?

    งานนี้นั่งปลุกเสกช่วงกลางคืน เผลอหลับก็เลยฝันไป เล่าให้พวกเราฟัง แล้วไม่ต้องไปยืนยันกับใครนะว่ายักษ์วัดแจ้งเป็นผู้หญิง เดี๋ยวแม่เจ้าประคุณโมโห จะเอากระบองอุดปาก..! ที่เล่าให้พวกเราฟังก็ฟังกันเอาไว้ ถึงเวลาไปจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร ตั้งใจบูชาได้ถูกที่ถูกทาง ท่านจะได้สงเคราะห์ให้เต็มที่

    แต่ว่าของหลวงปู่สมเกียรตินี่ท่านหล่อพญายักษ์วัดแจ้งมาดูท่าจะไม่มาก คาดว่าถ้าหากเรื่องนี้ลือกันออกไป เดี๋ยวก็หมดเกลี้ยง จริง ๆ หลวงปู่ท่านไม่ได้ให้พูดหรอก แต่ว่าพูดไปทีไร ไอ้พวกตาวิทย์ วัดอรุณ พวกเซียนพระ จะเอาไปโพสต์ลงทันที ก็เลยกลายเป็นช่วยหลวงปู่ขายของก็แล้วกัน

    เอ้า..ไม่ได้เจอกันหลายวัน คุยเรื่องอะไรบ้างก็ไม่รู้ เอาเท่านี้ก่อนก็แล้วกัน

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     

แชร์หน้านี้

Loading...