เล่าเรื่องบ้านสายลม

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย :::เพชร:::, 23 มกราคม 2008.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หากได้มีโอกาสไปฝึกอบรมกรรมฐานที่ห้องญาณ ๘ บนชั้น ๒ ที่ซอยสายลม ครูเปี๊ยกมักจะเอ่ยชื่อ"หลวงตาแสง" อยู่เสมอ จึงอาจจะพาให้หลายๆท่านเกิดความสงสัยว่าท่านคือใคร ซึ่งหากได้อ่าน"เรื่องเล่า"นี้แล้วจะเข้าใจเอง...

    เล่าเรื่องบ้านสายลม
    โดย .... ลูกสาวท่านโกษา

    ได้อ่าน " เล่าเรื่องบ้านสายลม " โดย..ลูกสาวท่านโกษา ในหนังสือธัมมวิโมกข์
    ฉบับที่๒๕๐ ประจำเดือน มกราคม ๒๕๔๕เอ่ยถึงความเป็นมาของบ้านสายลมก็เลยถือโอกาสนำมาลงให้ท่านที่ไปทำบุญหรือปฏิบัติพระกรรมฐานที่บ้านสายลมรุ่นใหม่ (ไม่เกี่ยวกับอายุ ) เช่นเดียวกับข้าพเจ้าที่ยังไม่ทราบความเป็นมาของ ซอยสายลมและบ้านสายลม ว่ามีความเป็นมาอย่างไรเหมือนกันก็จะได้มีโอกาสรับทราบไปพร้อม ๆ กัน

    พุทธบริษัทลูกศิษย์เจ้าประคุณพระราชพรหมยานเถระ ส่วนใหญ่คงจะได้เคยไปกราบนมัสการ และทำบุญกับหลวงพ่อที่ บ้านสายลม บ้างไม่มากก็น้อย บางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ เคยโทรศัพท์มาติดต่อถามไถ่ แต่ยังไม่เคยมาก็มี แต่ทุกคนก็รู้กันเป็นส่วนใหญ่ว่า บ้านเลขที่ ๙ ซอยสายลม ๑ เป็นสำนักในกรุงเทพ ฯ ของหลวงพ่อ จึงจะขอเล่าประวัติของบ้านไว้ ก่อนที่จะหายไปกับสายลมเหมือนชื่อซอย

    บ้านสายลม เป็นบ้านของ พลอากาศโทหม่อมราชวงศ์เสริม ศุขสวัสดิ์ อดีตเจ้ากรมสื่อสารทหารอากาศและเจ้ากรมสื่อสารทหาร กับ คุณเฉิดศรี หรือรู้จักกันทั่วไปในนามของ คุณอ๋อย ผู้เป็นภรรยา คุณอ๋อยซื้อที่นี้ไว้เมื่อกว่า ๕๐ ปีมาแล้ว ด้วยราคา ตารางวาละ ๙ บาท เมื่อที่นี่ยังไม่มีรถเมล์ผ่าน ยังเป็นทุ่งนา บ้านที่สร้างตอนแรกมีลักษณะเป็นกระท่อมมากกว่า และเกือบจะเป็นบ้านหลังเดียวของซอย เล่ากันว่าเปิดวิทยุทีหนึ่งได้ยินเกือบถึงปากซอยความที่เงียบ คุณอ๋อยกับเพื่อนบ้านเป็นผู้ไปปักป้ายหน้าซอยว่า ซอยสายลม เพราะลมแรงจริง ๆ

    เจ้ากรมเสริม อย่างที่หลวงพ่อเรียกและ คุณอ๋อย มีความเคารพหลวงพ่อเป็นอย่างสูงและเริ่มไปทำบุญกับหลวงพ่อที่วัดท่าซุงอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า ๓๐ ปี
    (เจ้ากรมเล่าไว้ในหนังสืองานศพคุณอ๋อย) ถ้าใครไปวัดและข้ามไปด้านที่ติดกับแม่น้ำก็จะเห็นชื่อทั้ง ๒ ท่านปรากฏอยู่ตามถาวรวัตถุอยู่ประปราย คุณอ๋อยเองพื้นเพเป็นชาวอุทัย แต่ก็ติดตามคุณพ่อซึ่งเป็นนายอำเภอและข้าหลวงหลายจังหวัด การได้ไปปฏิบัติธรรมและทำบุญที่วัดท่าซุงนั้นจึงเหมือนกลับไปเยือนบ้านเก่าด้วย

    ความดีที่ทั้ง ๒ ท่าน เป็นผู้มีเพื่อนมาก ไม่ช้าท่านก็ชักชวนเพื่อนในวงการต่าง ๆ เข้ามากราบนมัสการหลวงพ่อมากขึ้น และการที่ท่านเป็นผู้ที่มีความเลื่อมใสศรัทธาปสาทะในปฏิปทาของหลวงพ่อเป็นอย่างสูง จึงได้กราบอาราธนาหลวงพ่อให้เข้ามาสอนพระกรรมฐานและพักที่บ้านสายลมเป็นประจำกว่า ๓๐ ปีมาแล้ว นอกจากหลวงพ่อท่านจะเริ่มเข้ามาสอนพระกรรมฐานแล้วและพักที่บ้านสายลมเป็นประจำทุกเดือนแล้ว
    บ้านสายลมยังเป็นที่วางจำหน่ายวัตถุมงคล หนังสือ และเทปของหลวงพ่อแต่เพียงแห่งเดียวนอกจากวัดท่าซุง

    หลวงพ่อท่านเล่าว่า สถานที่นี้เคยเป็นวัดมาก่อน ท่านเจ้า
    อาวาสสมัยนั้นมีนามว่า หลวงตาแสง และเดี๋ยวนี้ท่านก็ยังคงคุ้มครองดูแลอยู่ บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายจึงมักเรียกบ้านสายลมว่า วัดหลวงตาแสง หลวงตาแสงนั้นตามที่หลวงพ่อเล่า ท่านบรรลุอรหัตผล ณ ทีนี้ และยังมีอีกหลายองค์ที่ได้บรรลุมรรคผลในทีนี้ หลวงพ่อท่านว่า ที่ใดก็ตามที่เคยเป็นวัด เคยมีผู้บรรลุมรรคผลที่นั่นจะทำกรรมฐานได้ผลดี เมื่อสมัยแรก ๆ ที่หลวงพ่อมาโปรดพุทธบริษัทที่นี่ ท่านจะทำบวงสรวงในวันเกิดท่านเจ้ากรมคือ วันที่ ๒ เมษายน ต่อมาการบวงสรวงในเดือนเมษายนของทุกปี หลวงพ่อท่านจึงให้ถือเป็นวันไหว้ครูของบ้านสายลม

    เมื่อสมัยที่หลวงพ่อมาโปรดพุทธบริษัทที่บ้านสายลมใหม่ ๆ นั้น ตัวบ้านยังมีขนาดเล็กห้องที่เป็นห้องพระกรรมฐานนั่งกันได้ประมาณ ๒๐ คน ก็ชักจะแน่น ๆ แล้วเวลานั้นคนเก่า ๆ คงจะจำได้ว่า
    คุณอ๋อยจะเป็นต้นศรัทธาคอยดูแลควบคุมความประพฤติของบรรดาลูกศิษย์ให้ดูงามอยู่เสมอใครที่นั่งขัดสมาธิกับหลวงพ่อจะโดนคุณอ๋อยเอ็ด ใครกิริยาวาจาไม่สุภาพเรียบร้อยจะถูกดุ ใครมีปัญหาหัวใจปรึกษาคุณอ๋อยได้ ลูกศิษย์หลวงพ่อรุ่นแรก ๆ จึงไม่มีใครไม่รู้จักบ้านสายลม และเจ้าของบ้านคือเจ้ากรมเสริมและคุณอ๋อย

    หลวงพ่อท่านจะใช้คุณอ๋อยในการจัดการเรื่องธุรการต่าง ๆ ของวัดที่ต้องเนื่องกับทางโลกคุณอ๋อยก็จะใช้ลูกทั้ง ๕ คน ซึ่งก็มีความศรัทธาและมีความเคารพต่อหลวงพ่อเช่นเดียวกันเป็นมือเป็นไม้ รวมทั้งกลุ่มลูกศิษย์ลูกหาที่รับหน้าที่ไปตามความถนัด เจ้ากรมและคุณอ๋อยตลอดจนผู้ทำงานวัดจะมั่นในหลักที่หลวงพ่อสอนในเรื่องการรักษาสมบัติของสงฆ์ และยึดเป็นสรณะในการทำงานถวายวัด

    งานวัดในสมัยแรก ๆ จะมีคุณอ๋อยเป็นหัวแรง ตั้งแต่งานเล็กงานน้อย จนถึงงานใหญ่ เช่นการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงยกช่อฟ้าพระอุโบสถ พระลูกศิษย์หลวงพ่อจะมีความคุ้นเคยกับ
    " โยมอ๋อย "เป็นอย่างดี ลูกศิษย์หลวงพ่อที่ไม่รู้จักบ้านสายลมและครอบครัวของเจ้ากรมกับคุณอ๋อยแทบจะไม่มี

    โยมอ๋อยติดตามหลวงพ่อไปโปรดพุทธบริษัทในที่ต่าง ๆ เป็นแรงสำคัญในการที่หลวงพ่อไปให้กำลังใจทหารตามชายแดน ทำพิธีทางศาสนาเพื่อบรรเทาเคราะห์ของประเทศชาติ นำพุทธบริษัท
    ออกไปนมัสการพระอริยสงฆ์ (ล่าพระอาจารย์) บ้านสายลมจึงเคยเป็นที่พักของพระอริยสงฆ์ นับตั้งแต่ หลวงปู่คำแสนเล็ก หลวงปู่คำแสนใหญ่ หลวงปู่ธรรมชัย หลวงปู่วงศ์ หลวงปู่ชุ่ม นั้นท่านว่าเจ้ากรมและคุณอ๋อยเคยเป็นโยมท่านมาก่อน ท่านขอให้ถ่ายรูปร่วมกันไว้ และเมื่อท่านมรณภาพก็ยังมาตั้งศพมาตั้งไว้ที่บ้านสายลมอยู่วันหนึ่ง กล่าวได้ว่าการที่หลวงพ่อท่านมาโปรดพุทธบริษัทที่บ้านสายลมนั้น ได้นำมงคลมาสู่บ้านสายลมเป็นเอนกอนันต์ และบ้านสายลมก็ยังรับใช้
    พระพุทธศาสนาโดยยึดปฏิปทาหลวงพ่ออยู่อย่างต่อเนื่องและเหนียวแน่น
    ฝ่ายเจ้ากรมท่านเป็นผู้มีความรักทางวิชาการ ท่านศึกษาพระไตรปิฎก เมื่อมีปัญหาใดทางพุทธศาสนา ท่านก็จะกราบเรียนถามหลวงพ่อ และไม่มีปัญหาใดที่หลวงพ่อตอบให้หายข้องใจไม่ได้เมื่อ
    ฟังท่านเทศน์และเล่าเรื่องเกร็ดทางศาสนาและความรู้พิดศษต่าง ๆ มากเข้าเจ้ากรม ฯ จึง
    อาราธนา
    ให้หลวงพ่อท่านอัดลงเทป และเจ้ากรมก็ลงมือถอดเทปเองจัดพิมพ์เป็นหนังสือ และเพื่อตัดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ หลวงท่านจึงมอบลิขสิทธิ์หนังสือที่จัดพิมพ์ในตอนต้นทั้งหมดให้เจ้ากรม เจ้ากรมก็เอาเงินตัวเองลงทุนพิมพ์หนังสือจำหน่ายเงินที่ได้ก็ใช้เป็นทุนหมุนเวียนพิมพ์ต่อไปและถวายวัดสนับสนุนกิจการของโรงเรียนสุธรรมวิทยาเพื่อเป็นธรรมทานด้วย

    ต่อมาเมื่อ คุณอรอนงค์ อรรถไกวัลวที เพื่อนของคุณอ๋อยขออนุญาตหลวงพ่อนำหนังสือประวัติหลวงพ่อปานไปพิมพ์แจกในงานศพมารดาของเธอ ก็ปรากฏว่าเป็นที่สนใจของพุทธบริษัทในวงกว้าง
    ขึ้นอีกมาก จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตและการขยายตัวของสำนักของหลวงพ่อที่ซอยสายลม

    เจ้ากรมกับคุณอ๋อยต่อเติมบ้านอีกหลายครั้งเพื่อให้พอรับกับศรัทธาที่หลั่งไหลเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ก็แคบเกินไปทุกที เมื่อคุณอ๋อยเจ็บหนักเมื่อปี ๒๕๑๙ ก่อนเสียชีวิต คุณอ๋อยได้กล่าวกับทางหลวงพ่อถวายบ้านสายลมให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เมื่อคุณอ๋อยสิ้นชีวิตไปแล้วเจ้ากรมก็ยังดำเนินตามแนวปฏิบัติแต่ดั้งเดิมมาโดยตลอด จนกระทั่งหลวงพ่อท่านมรณภาพไป

    เจ้ากรมและลูก ๆ ก็ได้กราบอาราธนาให้ท่านเจ้าอาวาส พระครูปลัดอนันต์ พัทญาโณ ไปโปรดพุทธบริษัทเช่นเดียวกับที่หลวงพ่อเคยทำต่อเนื่องกันมาจนปัจจุบันอย่างไรก็ตามความที่มีพุทธบริษัทมาทำบุญปฏิบัติพระกรรมฐานกันมากขึ้น บรรยากาศเก่า ๆ ที่เคยมีคุณอ๋อยเป็นต้นศรัทธาดูแลทุกอย่าง ใครเข้ามาในบ้านสายลมจะต้องพบคุณอ๋อยก่อน ก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา บ้านสายลมเป็นสาธารณะ มากขึ้น ลูกศิษย์ที่เข้ามาทำบุญไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของบ้านระเบียบวินัยถดถอยไปบ้าง เมื่อเจ้ากรมสิ้นชีวิตลงใน ปี ๒๕๔๑ ลูก ๆ ของเจ้ากรมก็พร้อมใจกันกราบยืนยันกับท่านเจ้าอาวาสว่า จะดำเนินตามปณิธานของท่านเจ้ากรมและคุณอ๋อยอยู่ต่อไปโดยให้บ้านเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม

    อย่างไรก็ตาม ทาง มูลนิธิพระมหาวีระ ถาวโร เห็นว่ากิจการบุญของวัดขยายกว้างขวางขึ้นและมีพุทธบริษัทมาทำบุญมากมายขึ้นทุกวัน จึงได้ขอซื้อที่ดินที่ติดกับบ้านสายลม เพื่อสร้างอาคารที่ทำการของมูลนิธิ และขยายที่ปฏิบัติธรรมออกไปให้เป็นสัดส่วน ความจริงส่วนที่ซื้อใหม่นี้ก็เคยเป็นที่ดินของ
    คุณอ๋อยมาก่อน แต่ตัดขายออกไปเมื่อหลายสิบปีมาแล้วเพื่อนำเงินมาปลูกบ้าน และก็เป็นส่วนหนึ่งของวัดหลวงตาแสงเช่นกัน

    ในการออกแบบอาคารนั้น ม.ล.ภาวินี สันติศิริ ลูกสาวคนที่ ๔ ของท่านเจ้ากรม
    ได้จ้างสถาปนิกมาออกแบบ เพื่อที่จะให้เข้ากับอาคารเดิมได้ดี โดยเธอเป็นผู้ออกเงินทำบุญ เมื่อได้แบบมาแล้วก็กราบถวายท่านเจ้าอาวาสเพื่อมอบให้แก่มูลนิธินำไปดำเนินการก่อสร้างต่อไป ในอาคารใหม่นี้จะมีห้องกรรมฐาน ๒ ชั้น และมีพื้นที่จำหน่ายหนังสือและวัตถุมงคลโดยที่อาคารในที่เก่าก็ยังคงเก็บรักษาส่วนที่เป็นกุฏิดั้งเดิมของหลวงพ่อไว้ รวมทั้งห้องพระใหญ่จะยังคงเป็นที่ที่ท่านเจ้าอาวาสใช้
    รับแขก และโปรดพุทธบริษัท ตลอดจนเป็นที่พักของท่านและพระผู้ติดตามเช่นปัจจุบัน


    ในส่วนใช้สอยของเจ้าของบ้าน เนื่องจากอาคารเดิมสร้างมา ๕๐ ปีแล้ว บรรดาลูก ๆ ของท่านเจ้ากรมและคุณอ๋อย จึงเตรียมใช้เงินของตัวเองในการปรับปรุงใหม่เสียก่อนที่จะพังทลายลงมาเพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยได้ดีขึ้น โดยแต่ต้องรอหลังจากที่มูลนิธิสร้างอาคารใหม่เรียบร้อยแล้วเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนการปฏิบัติธรรมของลูกศิษย์หลวงพ่อทั้งหลาย

    ฉะนั้น ในไม่ช้านี้ วัดหลวงตาแสงบ้านสายลม ก็จะขยายออกไปให้บรรดาลูกศิษย์หลวงพ่อมีที่ปฏิบัติพระกรรมฐานที่กว้างขวางสะดวกสบายขึ้น สมดังที่เจ้ากรมเสริมและคุณอ๋อยรวมทั้งลูก ๆ ตั้งใจปฏิบัติมาโดยตลอด....

    http://www.sitluangpor.com/pakinnaka/main.html
     
  2. sutthida

    sutthida เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    624
    ค่าพลัง:
    +3,388
    อนุโมทนากับพี่เพชรด้วยค่ะ เดือนกุมภาไม่ได้ไป ไปที่บ้านอนุเสาวรีย์แทน แต่เดือนมีนาไม่พลาดค่ะ เพราะว่าเป็นเดือนเกิดของเอ๋ค่ะ
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    เจริญกรรมฐานในวันเกิด เดือนเกิด แล้วขยายเป็นทุกวัน ดีมากๆเลยครับ
     
  4. Nemo

    Nemo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2005
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +97
    วัน นั้น ไป มา คับ แต่ปิด ไม่ ทราบ อ่ะ คับ 5 5 5
     

แชร์หน้านี้

Loading...