เรื่องราว

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย รสมน, 28 สิงหาคม 2011.

  1. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ซึ่งสำหรับความคิดเห็นส่วนตัวนั้น ในสมัยพุทธกาล เขานับวัน เดือน โดยใช้พระจันทร์
    และดวงดาวในการนับ เป็นจันทรคติและดาวนักกษัตร คือ ดาวเคราะห์ต่างๆที่โคจร
    เช่น ดาวประจำเมือง ดาวศุกร์ หรือดาวต่างๆที่เสวยฤกษ์ต่างๆ ก็เป็นนักษัตรนั้นครับ ซึ่ง
    ชาวเมือง เวลาจะมีงาน มหรสพ ก็จะมีการเล่นนักกษัตร ตามฤกษ์ หรือ ตามดวงดาวที่มา
    โคจรเวลานี้ ก็เป็นอันว่าถึงประพณีนี้ ก็มีการละเล่นกัน ก็แล้วแต่ประเพณีใด ถือฤกษ์
    นักษัตรใดครับ และแม้พระพุทะองค์ เมื่อจะประกาศพระธรรมจักร เมื่อเวลาจะกล่าวถึง
    เวลานั้นก็กล่าวว่า เป็นฤกษ์เสวยอาสาหะ มีดาวนักกษัตรเดือนอาสาฬหะนั่นเอง ดังนั้น
    ช่วงเดือน 8 ที่เป็นวันอาสาฬหะ ก็จะมีดาวเคราะห์(นักษัตร)ที่มีดวงดาว เรียงตัวอย่าง
    นั้นทำให้รู้ว่าเป็นเดือน 8 และเสวยฤกษ์อาสาฬหะ ดังนั้น นักษัตร ที่เป็นดวงดาวในสมัย
    นั้นจึงเป็นกาีรบอกเวลา ช่วงเวลาที่ผู้คนสมัยนั้นกำหนด ซึ่งใช้พระจันทร์ทีเ่ป็นจันทรคติ
    และดวงดาวที่เป็นนักษัตร กำหนดเวลาในการทำกิจการ การงาน รวมทั้งกำหนดการละ
    เล่น ที่เรียกว่า เล่นนักษัตรด้วยครับ
    ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อมีเหตุคือ โจรทุบตีพระภิกษุ เพราะพระภิกษุที่อยู่ในป่า ไม่รู้เรื่องดวง
    ดาว ไม่ใช่สำหรับพยากรณ์ ดูดวงอย่างที่เราเข้าใจนะครับ คือ ไม่รู้เวลา ดวงดาวว่าเป็น
    อย่างไรตอนนี้ เมื่อไม่ทราบ โจรถาม โจรก็ไม่รู้เวลา ซึ่งโจรก็ต้องปล้นในเวลาเหมาะสม
    อาจจะเป็นในงานเล่นนักษัตรที่ชาวเมืองเล่นกัน เมื่อไม่รู้ก็โกรธได้ และทุบตี เป็นต้น
    เพราะไม่รู้เรื่องเวลา ไม่มีน้ำดื่ม อื่นๆ ดังนั้นการเรียนนักษัตรของพระภิกษุ จึงเป็นการ
    เรียนให้รู้เวลา ที่คนในมัยนั้น ใช้พระจันทร์และดวงดาวในการกำหนดเวลาและทำ
    กิจการงานนั่นเองครับ และเพราะเหตุเกิดเรื่อง พระองค์จึงให้เรียน ดวงดาวเพื่อให้รู้
    เวลา ใครถามจะได้รู้ และไม่ถูกโจรทุบตีอีกครับ
    ส่วนการเรียนดวงดาว ทีเ่ป็นการพยากรณ์นั้น ไม่ใช่กิจของพระแน่นอน และไม่ใช่ให้
    เรียนด้วยจุดประสงค์นั้นครับ และแม้เรียนดวงดาวก็ไม่ใช่ว่าพระทุกรูปจะเรียนได้ ต้อง
    เป็นพระที่อยู่ป่าเป็นวัตรครับ และการเรียนดวงดาวเพื่อรู้เวลา ไม่ใช่จุดประสงค์อื่นครับ
    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 552
    สา. ดูก่อนน้องหญิง ก็สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
    เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาดูพื้นที่ สมณพราหมณ์
    เหล่านี้เรียกว่า ก้มหน้าฉัน ดูก่อนน้องหญิง สมณพราหมณ์เหล่าใด
    เหล่าหนึ่ง เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาดูดาว
    นักษัตร สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า แหงนหน้าฉัน
    ในความเป็นจริง เมื่อพูดถึงคำว่า มิตรและคำว่าเพื่อน คือ ผู้ที่หวังดี ต่อเราทั้งทางกาย
    วาจาและใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลังด้วยความจริง ไม่คิดทำร้ายและนำแต่สิ่งที่ดี
    ประโยชน์สุขมาให้ นี่คือ ควาเมป็นมิตร มิตรที่ดี ส่วนผู้ที่ไม่ใช่มิตร คือ ผู้ที่ไม่หวังดี มีจิต
    ไม่ชอบและหวังที่จะทำร้าย แม้ต่อหน้าจะเป็นผุ้พูดดี แต่ก็คอยหาโอกาส จังหวะที่จะทำ
    ร้าย มีการพูดส่อเสียด เป็นต้น เท่ากับว่า ผู้ที่เป็นศัตรู ย่อมจะหาช่องที่จะนำสิ่งที่ไม่ดีมา
    ให้กับคนนั้นและย่อมมีความไม่ชอบคนนั้นเป็นเหตุนั่นเองครับ นี่คือ มิตรและศัตรูทีเรา
    เข้าใจกันทางโลกครับ

    ก่อนอื่นเราจะต้องแยกระหว่าง บุญที่เป็นการอุทิศส่วนกุศล กับ บุญที่เกิดจากการ
    อนุโมทนาบุญครับ
    ควรเข้าใจครับว่า การอุทิศส่วนกุศล คือ การที่บุคคลนั้นทำบุญและมีจิตปรารถนาดี
    อุทิศส่วนบุญที่ตัวเองได้ทำให้กับผู้อื่นครับ ในฐานะที่สามารถล่วงรู้ได้ครับ ซึ่งสัตว์อื่นที่
    สามารถจะอยู่ในฐานะที่ได้รับ คือ เปรต เทวดา ส่วนภูมิที่เป็น นรก สัตว์เดรัจฉาน ไม่
    อยู่ในฐานะที่จะรู้ในการอุทิศส่วนกุศลและอนุโมทนาได้ครับ ซึ่งในพระไตรปิฎกแสดงว่า
    ฐานะที่สัตว์จะได้รับส่วนกุศล คือ เปรต ครับ
    ซึ่งเราจะต้องเข้าใจการได้รับส่วนบุญ จากผู้อุทิศให้นั้นเป็นอย่างไรคัรบ
    การอุทิศส่วนกุศลและการที่บุคคลจะได้รับกุศลนั้น ไม่เหมือนกับ การที่บุคคลจะให้
    ของ และบุคคลนั้นจะได้รับของ ไม่ใช่ลักษณะนั้นครับ แต่ที่สำคัญเราจะต้องเข้าใจพื้น
    ฐานของธรรมว่า กุศลของใครก็ของคนนั้น ไม่ใช่ว่า กุศลของเรา หรือ ใครจะทำให้คน
    อื่นๆได้รับผลของกุศลได้ครับ ดังนั้นเมื่อเป็นไปตามกฎของกรรม การจะได้รับผลของ
    บุญ ได้รับสิ่งที่ดี จะต้องเป็นกุศล เป็นบุญของบุคคลนั้นเองครับ เรื่องการอุทิศส่วน
    กุศลก็เช่นกันครับ ผู้ที่มีจิตอุทิศ มีเจตนาที่เป็นกุศล เป็นกุศลของบุคคลนั้นที่ตั้งใจบอก
    บุญ อุทิศให้สัตว์ที่สามารถล่วงรู้ อยู่ในฐานะที่จะรับได้ คือ เปรต เทวดา กุศลเป็นของผู้
    อุทิศ แต่หากสัตว์นั้น ไม่อนุโมทนาแม้รู้อยู่ กุศลของสัตว์นั้นไม่เกิด แม้จะหยิบยื่นให้ ก็
    ไม่ได้รับผลของบุญนั้นครับ ดังนั้นการที่เปรต หรือ เทวดา จะได้รับผลของบุญ ก็ต้อง
    เป็นกุศลของเปรต หรือ เทวดาที่เกิดเองครับ จึงจะได้รับผลของกรรมดี ดังนั้นเมื่อเปรต
    ล่วงรู้และอนุโมทนา การอนุโมทนา ยินดีในกุศลที่ญาติทำ กุศลจิตของเปรต หรือ
    เทวดาเกิดแล้วครับ เพราะฉะนั้นเมื่อกุศลของตนเองเกิด จึงทำให้ได้รับผลของกุศลที่
    เกิดจากจิตของตนเองครับ โดยมีการที่ญาติบอกให้รู้ในกุศลที่ทำเป็นปัจจัย กุศลของ
    ตนเองเท่านั้นที่จะทำให้ตนเองได้รับผลของกรรมที่ดีครับ
    ดังนั้นสัตว์จะรับส่วนบุญได้ ก็ต้องเกิดจิตที่เป็นกุศล อนุโมทนาในกุศลที่เราอุทิศให้
    ครับ แต่ถ้าสัตว์นั้นไม่อนุโมทนา แม้ผู้นั้นจะมีบุญมากมายเท่าไหร่ นั่นเป็นบุญของเรา
    ไม่ใช่ของเขา เขาไม่อนุโมทนา ไม่เกิดกุศลจิตของตนเอง ก็ไม่ได้รับผลของบุญครับ
    ส่วนกรณีที่อยู่ใกล้ใครเป็นสุข ร่มเย็น ตามที่กล่าวแล้วครับ บุญของใครก็ของคนนั้น
    ครับ ไม่สามารถให้ต่อกันได้เลย ต้องเป็นกุศลจิตของบุคคลนั้นเองที่เกิดขึ้นครับ ซึ่งแม้
    พระพุทธเจ้าเป็นผู้มีการบำเพ็ญบารมี มีบุญมาสูงสุดกว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า แต่พระองค์
    ก็ไม่สามารถที่จะห้ามอกุศลจิตของใคร และห้ามกุศลจิตของใครได้ครับ แม้พวกอัญ
    เดียรถีย์จะได้อยู่ใกล้พระพุทธเจ้า ก็เกิดความรังเกียจไม่ชอบ ด่าว่าเป็นสมณะศีรษะโล้น
    ไม่มีจิต ร่มเย็น เป็นสุข เป็นต้น หากว่าบุญของอีกคนสามารถจะช่วยอีกคนได้ พระ
    พุทธเองค์ผู้สะสมบุญมามหาศาล ก็คงจะช่วยสัตว์โลกได้มากมาย แม้พวกที่เห็นผิด
    ด้วยครับ ดังนั้นกุศลคือการอุทิศ เกิดจากจิตที่ดีของเราเอง แต่ผู้ใดจะเกิดกุศลหรือไม่นั้น
    เป็นการสะสมมาของบุคคลนั้นเองครับ ว่าจะเป็นกุศลหรือ อกุศลครับ
    ในเรื่อง การแผ่เมตตาในพรหมวิหาร๔ กับอัปปมัญญา๔ เมตตาได้
    ในความเป็นจริง เราจะต้องเข้าใจคำว่าแผ่เมตตาก่อนครับ เช่น เรากล่าวบทสวดว่า ให้
    แผ่เมตตากับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ในความเป็นจริงในเรื่องการที่จะแผ่เมตตาได้ หรือ แผ่
    พรหมวิหาร 4 ได้นั้น ผู้นั้นจะต้องอบรมจนถึงได้ฌานแล้วครับ ถึงจะแผ่กับสรรพสัตว์ทั้ง
    หลายได้จริง คือ มีจิตเมตตากับสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งหมดได้จริงคัรบ ไม่ใช่ว่าจะแผ่กับ
    สรรพสัตว์ทั้งหลายได้เพียงบทสวด หรือสวดคำนั้นครับ เพราะในชีวิตประจำวันก็มีคน
    ที่ชอบ หรือ ไม่ชอบ ก็ยังไม่เมตตา หรือ กรุณา มุทิตา อุเบกขา กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย
    ได้จริง ดังนั้นการจะแผ่ได้ ในอรรถกถาคือต้องมีกำลังถึงฌานครับ คือ มีใจเมตตา กรุณา
    มุทิตาและอุเบกขากับสรรพสัตว์ทั้งหลายได้หมดจริง ซึ่งข้อความก็มีแสดงว่า การจะ
    เจริญเมตตา เป็นต้น ต้องเจริญกับคนในครอบครัว หรือ คนที่เป็นอาจารย์ เป็นเบื้องต้น
    ครับ ถึงจะค่อยๆมีกำลังถึงคนรอบข้างได้ครับ
    ดังนั้น ถ้าเป็นอัปปมัญญา 4 คือ การแผ่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ไปทั่วทุกทิศ
    คือ ทั่วไปทั้งหมดในสรรพสัตว์ทั้งหลาย จึงต้องได้ฌานครับ แม้แต่คำว่า การแผ่เมตตา
    ในพรหมวิหาร ๔ ก็มุ่งหมายถึง ผู้ที่ได้ฌานแล้วในพรหมวิหาร จึงแผ่ได้ ก็มีนัยเดียวกับ
    อัปปมัญญาเช่นกันครับ


    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของมารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานกับเพื่อนๆและให้อหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ

    หาเจ้าภาพใจบุญสร้างซุ้มประตูวัดหนองเต่าคำ ให้เสร็จภายใน ๑ ปี ดำเนินการก่อสร้างแล้ว
    โทร ฯ วัดหนองเต่าคำ 053- 834502 , 084-1759890


    ซ่อมแซมแล้ว60%แต่ฝนตกหนักมาน้ำท่วมขัง!!!ต้องการท่อระบายน้ำ1000ท่อท่อละ500บาท
    080-167-5445

    เชิญร่วมทำบุญสร้างกุฏิสงฆ์
    โทรศัพท์ 081-8829607

    ขอเชิญร่วมงานทอดกฐินสามัคคี สร้างรูปเหมือน สมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี
    โทร.08-67688512

    ขอเชิญร่วมเดินทาง ตามรอยพระศาสดาอินเดีย-เนปาล ( 19-28 พ.ย. 2554 )
    พระมหานิพันธ์ โทร. 082-2432684

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ณ วัดป่าเทพรังสี(เขาหินตั้ง)
    โทร. 081-6639610<O </O

    11-12 ก.ย.54 เชิญปฏิบัติธรรมกับ อจ.ทองทิพย์ โอภาโส
    พระอจ.เสือโคร่ง 089-0420618

    ขอเชิญร่วมบุญใหญ่ทอดกฐิน-ผ้าป่า วัดเกริ่นกฐิน 54 รับของดี

    ** ช่วยด้วย ** วัดท่าเกษมถูกน้ำท่วม - ทอดกฐิน 22-23 ตุลาคมนี้
    พระครูสุขุมธรรมนิเทศก์ 081-474-4560

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีสมทบทุนสร้างศาลาธรรมสังเวช
    โทร.๐๘๕-๑๙๘-๒๙๑๑

    เนื่องด้วยทางวัดตาขันได้จัดงานปฏิบัติธรรมประจำปีมาทุกปี ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๒๒ จนถึงปัจจุบัน ในปีนี้ ได้กำหนดให้มีการปฏิบัติธรรมประจำปี ๒ ครั้ง โดยในครั้งที่สองนี้ เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ ๑๘ จนถึงวันอังคารที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๔ โดยมีพระวิปัสสนาจารย์และอาจารย์สอนกัมมัฏฐานมาให้ความรู้มากมาย ติดตามรายละเอียดและความเคลื่อนไหวได้ที่ www.wattakhan.org และ www.facebook.com/wattakhan หรือโทรศัพท์สอบถามรายละเอียดมาได้ที่ 0-3889-5144 หรือที่ 08-1722-6140

    เชิญร่วมทอดกฐินสร้างโบสถ์ หลวงปุ่ลี วัดหัวตลุกวนาราม

    ขอเชิญร่วมเข้าเฝ้ารับเสด็จ พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ เสด็จมาทรงเป็นประธานประกอบพิธียกฉัตร ขึ้นเหนือเศียรพระพุทธศรีศากยะมุนีอธิฐานบารมี สะหลีเวียงแก้ว (พระเจ้าพันล้าน)
    ณ วัดสันปูเลย (สะหลีเวียงแก้ว) ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
    ในวัน เสาร์ ที่ ๑ เดือน ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ เวลา ๑๔.๐๐ น.

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ณ สำนักสงฆ์อนาลโย ต.สระพัฒนา อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

    เชิญร่วมบุญพิมพ์หนังสือ “จันทร์ศรีผ่องเพ็ญ อนุสรณ์ ๑๐๐ ปี ๘๐ พรรษา” หลวงปู่จันทร์ศรี
    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 042-242-914, 08-9493-9230 แฟกซ์ 042-211-558<O </O
    <O </O

    ผมชื่อภัทร์ อยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ อยากจะบวชมากๆ และตั้งใจเอาไว้ว่าอยากบวชตลอดชีวิต แต่ไม่มีงบประมาณที่จะต้องใช้ในการ บวช อาทิเช่น อัฐบริขาร ผ้าไตร จีวร และอื่นๆ ครับ จึงอยากหาคนที่มีจิตศรัทธาอยากช่วยเหลือเป็นการด่วนครับ สำหรับการติดต่อนั้น ติดต่อได้ที่ jitsuppagun@hotmail.com จะสะดวกที่สุดครับ

    เชิญร่วมรักษาประธานกองทุนพระธรรมจาริกอาพาธ
    สามารถร่วมบุญได้ที่บัญชี
    ธ. กรุงไทย สาขาถนนสุเทพ จ. เชียงใหม่
    เลขบัญชี 521-1-82371-0
    ชื่อบัญชี " พระสุชาติ ชิหมื่อแปร "

    เชิญร่วมบริจาคเงินเพื่อบำรุงค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า ประจำวัดชัยสถิต
    บัญชีของวัดดังนี้ ธนาคารกรุงไทย สาขาบ่อสร้าง เลขที่บัญชี 553-0-02899-3 ประเภทออมทรัพย์
    เชิญร่วมปฏิบัติธรรมแบบเจโตวิมุติ 16-19 ก.ย. 54 ณ รามคำแหง 81
    สนใจติดต่อโทร. 089 – 766 – 2373

    ขอเชิญร่วมงานพิธีไหว้ครู หลวงปู่คง หลวงป่ศุข หลวงปู่อี๋ หลวงพ่อวิจิตร และบรมครู ๑๐๘
    สมทบทุนสร้างอาคาร โรงพยาบาลศูนย์ตรัง รับหลวงปู่ทวดรุ่น 60 ปี
    ให้โทรแจ้งเพื่อจอง 089-730-7051 และส่งใบโอนไปที่โทรสาร 075-581-758
    พระสงฆ์ ต่อสู้เพื่อเด็กยากไร้ขาดที่พึ่ง อุปการะ ด้วยธรรมศึกษา และ เกษตรพอเพียง
    เวปลิงค์ โรงเรียน
    โรงเรียนมัธยมพุทธเกษตรวัดโนนเมือง - YouTube
    โรงเรียนมัธยมพุทธเกษตรวัดโนนเมือง - YouTube
     

แชร์หน้านี้

Loading...