เรื่องราว

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย รสมน, 15 พฤษภาคม 2011.

  1. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    วิบากคืออะำไร วิบากเป็นนามธรรม คือจิต และเจตสิก ที่เกิดขึ้น
    เพราะกรรมเป็นปัจจัย จริง ๆ แล้ววิบากจิตเกิดได้ทั้ง 6 ทวาร และเกิดโดยไม่ต้อง
    อาศัยทวารก็ได้ เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส เป็นวิบากทั้ง 5 ที่เกิด
    ทางตา ทางหู เป็นต้น ส่วนวิบากทางใจคือ ตทาลัมพนะ 2 ขณะ ส่วนวิบากที่ไม่
    ต้องอาศัยทวารคือ ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และ จุติจิต
    ตราบใดที่ยังมีตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ นั่นหมายความว่าต้องมีสภาพธรรม
    เกิดขึ้นเป็นไป มีจิตเกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางทวารทั้ง ๖ ดังกล่าวนี้ ตามประเภทของจิต
    นั้น ๆ กล่าวคือ เกิดขึ้นเป็นกุศล เป็นเหตุที่ดี, เกิดขึ้นเป็นอกุศล เป็นเหตุที่ไม่ีดี,
    เกิดขึ้นเป็นวิบาก คือ เป็นผลของกรรม และ เกิดขึ้นเป็นกิริยา ไม่เป็นเหตุให้เกิดผล
    ต่อไปข้างหน้า ทั้งหมดนี้ เป็นชาติของจิต จะไม่พ้นไปจากนี้เลย ซึ่งเมื่อกล่าวถึง
    จิตแล้ว ก็ต้องหมายรวมถึงเจตสิก ด้วย เพราะจิตทุกขณะต้องมีเจตสิกเกิดร่วมด้วย
    สำหรับวิบากจิตแล้ว เป็นจิตที่เกิดขึ้นรับผลของกรรมโดยมีกรรมเป็นเหตุ ถ้ากรรมดีให้
    ผล ก็ทำให้รับผลที่ดี ถ้าอกุศลกรรมให้ผล ก็ทำให้ได้รับผลที่ไม่ดี วิบากจิตนี้เกิดได้
    ทั้ง ๖ ทวาร และ บางประเภทเกิดได้โดยไม่ต้องอาศัยทวารด้วย (ตามความคิดเห็นที่
    ๓) ซึ่งเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
    ทั้งสิ้น แต่ที่สามารถรู้ได้ในชีวิตประจำวัน คือ วิบากจิตที่เกิดขึ้นรับผลของกรรม
    ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น และทางกาย ซึ่งเป็นผลของกุศลกรรมและเป็นผล
    ของอกุศลกรรม ตามสมควรแก่เหตุคือกรรมที่แต่ละุบุคคลได้กระทำแล้ว
    วันวิสาขะ เป็นวันพิเศษวันอันประเสริฐที่สุด เพราะเป็นวันที่
    พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ได้ตรัสรู้ และย้อนกลับไปเมื่อสี่อสงไขย
    แสนกัปป์ ในวันวิสาขะ ท่านสุเมธดาบสได้รับคำพยากรณ์จาก
    พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกร ว่าอนาคตจะได้เป็นพระพุทธเจ้า
    พระโพธิสัตว์ปฏิสนธิในครรภ์มารดา
    ในวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 8(อาสาฬหบูชา)พระโพธิสัตว์จุติจากสวรรค์ชั้นดุสิต ปฏิสนธิ
    ในพระครรภ์พระนางมหามายาเทวี พร้อมๆกับแผ่นดินไหว (ขณะที่ปฏิสนธิในพระครรภ์
    มารดา ไม่ใช่ขณะประสูติ) เทวดาต่างอารักขาพระโพธิสัตว์และพระมารดา พระมารดา
    ไม่มีความลำบากในการทรงพระครรภ์ พระมารดาย่อมได้ยศ ได้ลาภอันเลิศ ไม่มีความ
    พอใจในบุรุษ
    พระโพธิสัตว์ทรงประสูติ
    ตามธรรมเนียมของสมัยนั้น สตรีเมื่อจะคลอดย่อมคลอดที่สกุลเดิมหรือบ้านของบิดา
    มารดาของตน พระนางมหามายาเทวีจึงมีพระประสงค์จะไปที่กรุงเทวทหะอันเป็นเมือง
    ของพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์
    เมื่อเสด็จถึงป่าสาลวันชื่อลุมพินีวัน ขณะนั้นต้นสาละออกดอกบานสะพรั่ง พระเทวีมี
    ประสงค์จะเล่นในสวนสาลวัน พระนางมีประสงค์จะจับกิ่งใด กิ่งนั้นก็น้อมมาที่พระหัตถ์
    และลมกัมมัชวาตก็เกิดขึ้น มหาชนจึงล้อมม่านแล้วถอยออกไป พระนางได้ยืนจับกิ่ง
    สาละนั่นแล ได้ประสูติแล้ว


    ขณะนั้นนั่นเองท้าวมหาพรหมผู้มีจิตบริสุทธิ์ ๔ องค์ ก็มาถึงพร้อมกับถือข่ายทอง
    มาด้วย เอาข่ายทองนั้นรับพระโพธิสัตว์ วางไว้ตรงพระพักตร์ของพระราชมารดา
    พลางทูลว่า ข้าแต่พระเทวี ขอพระองค์จงดีพระทัยเถิด พระราชบุตรของพระองค์
    มีศักดาใหญ่อุบัติขึ้นแล้ว.......... พระโพธิสัตว์ก็ประทับยืนบนแผ่นดินทอดพระเนตรดู
    ทิศตะวันออก จักรวาลนับได้หลายพันได้เป็นที่โล่งเป็นอันเดียวกัน พวกเทวดาและ
    มนุษย์ในที่นั้นต่างพากัน บูชาด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น กราบทูลว่าข้าแต่ท่าน
    บุรุษคนอื่นในที่นี้เช่นกับท่านไม่มี คนที่ยิ่งกว่าท่านจักมีแต่ที่ไหน
    พระโพธิสัตว์มองตรวจดูตลอดทิศให้ทิศเล็กแม้ทั้ง ๑๐ คือทิศใหญ่ ๔ ทิศเล็ก ๔
    เบื้องล่าง เบื้องบน ก็มิได้ทรงมองเห็นใครที่เช่นกับตน ...... ต่อจากนั้นประทับยืนที่
    พระบาทที่ ๗ ทรงเปล่งอาสภิวาจา [วาจาแสดงความยิ่งใหญ่] ว่า
    เราเป็นผู้เลิศในโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุด
    ในโลก การเกิดครั้งนี้เป็นการเกิดครั้งสุดท้าย บัดนี้ ภพใหม่ไม่มีต่อไป
    ในเวลาเช้าของวันเพ็ญ เดือน 6 วันวิสาขบูชา ขณะนั้นมีพระชนมายุ 35 พระชันษา
    ขณะนั้นทรงประทับที่ต้นไทร นางสุชาดานำข้าวมธุปายาสที่ใส่ถาดทองมาถวายพระ-
    โพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทรงรับและเสวยข้าวมธุปายาสแล้วได้เสด็จไปที่ท่าน้ำเนรัญชรา
    พระองค์ทรงอธิษฐานว่าหากเราได้เป็นพระพุทธเจ้าก็ขอให้ถาดลอยทวนน้ำไป เมื่อ
    พระองค์ทรงปล่อยถาดลงในกระแสน้ำ ถาดนั้นก็ลอยทวนกระแสน้ำและได้จมลงไปใน
    ที่อยู่ของนาคราช เมื่อถึงเวลาเย็น นายโสตถิยะก็ถวายหญ้า 8 กำ กับพระโพธิสัตว์
    พระโพธิสัตว์ทรงวางหญ้าที่โพธิบัลลังก์ที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทรงประทับนั่งแล้ว
    อธิษฐานว่าหากเรายังไม่บรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว แม้เนื้อและเลือด จะเหือดแห้ง
    ไปก็จะไม่ลุกไปเด็ดขาด พระองค์ทรงกำจัดมารในเวลาเย็น ในเวลาปฐมยามทรง
    ระลึกชาติได้แต่ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้า เวลามัจฌิมยาม พระองค์ทรงเห็นสัตว์เกิดสัตว์
    ตาย ด้วยพระญาณแต่ไม่เป็นพระพุทธเจ้า เวลาปัจฉิมยามทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท
    ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในเวลาใกล้รุ่งของวันวิสาขบูชา

    เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้ได้เปล่งพระอุทานที่พระพุทธเจ้าทั้งปวงมิได้ทรงละว่า

    เราเมื่อแสวงหานายช่าง (คือตัณหา) ผู้กระทำ

    เรือน เมื่อไม่ประสบ ได้ท่องเที่ยวไปยังสงสารมิใช่

    น้อย ความเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ ดูก่อนนายช่างผู้

    กระทำเรือน เราเห็นท่านแล้ว ท่านจักทำเรือนไม่ได้

    อีกต่อไป ซี่โครงทั้งปวงของท่าน เราหักแล้ว ยอด

    เรือนเรากำจัดแล้ว จิต (ของเรา) ถึงวิสังขาร ( นิพพาน)

    แล้ว เราได้ถึงความสิ้นตัณหาแล้ว.
    สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คืออะไร
    ในปัจฉิมยามพระองค์ทรงพิจารณาปฏิจจสมุปบาท นั่นก็คือพระองค์ทรงตรัสรู้สัจจะ
    ความจริงที่เป้นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ทรงตรัสรู้ ความจริงที่เป็นเพียง จิต เจตสิก
    รูป นิพพาน ไม่ใชสัตว์ บุคคล อาศัยเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น เพราะมีความไม่รู้ จึงมีสภาพ
    ธรรมอื่น ๆ เกิดวนเวียนเป็นสังสารวัฏฏ์ ไม่มีที่สิ้นสุด แต่เมื่อวิชชา คือปัญญาเกิดก็
    สามารถดับสังสารวัฏฏ์ได้ พระองค์ตรัสรู้ความจริงที่เป็นเพียงสภาพธรรมด้วยปัญญา
    ของพระองค์ ตามความเป็นจริง การจะรู้ความจริงจึงรู้ขณะนี้ด้วยการฟัง การศึกษาให้
    เข้าใจ สภาพธรรมทำหน้าที่เองให้ปัญญาเจริญขึ้น จนประจักษ์แจ้งสภาพธรรมที่มี
    ในขณะนี้
    ในวันมาฆบูชา พระพุทธองค์ทรงปลงมายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ จากนี้ไปอีก 3 เดือน
    เราจะปรินิพพาน พระองค์ทรงตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่า
    ชนเหล่าใด ทั้งเด็กผู้ใหญ่ ทั้งพาล ทั้งบัณฑิต ทั้งมั่งมีทั้งขัดสน ล้วนมีความตาย
    เป็นเบื้องหน้า ภาชนะดิน ที่ช่างหม้อทำ ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ทั้งสุกทั้งดิบทุกชนิดมีความ
    แตกเป็นที่สุดฉันใด ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย ก็ฉันนั้น…..ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวก
    เธอจงไม่ประมาทมีสติ มีศีลด้วยดีเถิด จงเป็นผู้มีความดำริตั้งมั่นด้วยดี จงตามรักษา
    จิตของตนเถิด. ผู้ใดจักเป็นผู้ไม่ประมาทอยู่ในธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักละชาติสงสารแล้ว
    จะกระทำที่สุดทุกข์ได้.
    พระพุทธองค์ทรงแสดงเรื่องสังเวชนียสถานว่าเป็นที่ที่ควรระลึกถึง ควรเห็นของผู้มี
    ศรัทธาเมื่อพระศาสดาล่วงไปแล้ว
    พระอานนท์ร้องไห้ที่ประตูวิหาร พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรียกพระอานนท์และเตือนว่า
    ทุกสิ่งมีความแตกสลายไปธรรมดา เธออย่าประมาทจงทำที่สุดทุกข์และตรัสสรรเสริญ
    พระอานนท์มากมาย
    พระพุทธเจ้าทรงโปรดสุภัททะปริพพาชกจนสุดท้ายได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า เธออย่าสำคัญว่าศาสดาล่วงไปแล้ว จะหาพระศาสดาไม่ได้
    พระธรรมของเราจะเป็นศาสดาของพวกเธอ
    เมื่อพระภิกษุสงฆ์ประชุมพร้อมกันแล้ว พระองค์ได้ตรัสพระปัจฉิมโอวาทว่า

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า
    สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความ
    ไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด.นี้เป็นพระปัจฉิมวาจาของพระตถาคต.
    พระพุทธเจ้าทรงเข้าฌานและออกจากฌานและทรงออกจากจตุตถฌานแล้ว
    พระพุทธเจ้าก็ปรินิพพาน ดับรอบซึ่งสังขารธรรมและขันธ์ทั้งหลายในคืนวันวิสาขบูชา
    พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วไปไหน ?
    นิพพานไม่ใช่สถานที่ ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง เมื่อจุติจิตของพระพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์
    เกิดขึ้น ก็ไม่มีเหตุปัจจัยให้ปฏิสนธิจิตเกิดจึงไม่เป็นเหตุให้มีขันธ์ 5 เกิดขึ้นอีก จึงไม่
    สามารถกล่าวได้ว่าไปที่ไหน เหมือนเปลวเทียนเมื่อดับไป เปลวเทียนไปไหน ช่างตี
    เหล็กใช้ฆ้อนเหล็ก เมื่อตีเหล็กติดไฟ แล้วไฟก็ดับไป ไฟไปไหน พระอรหันต์ผู้ดับ
    กิเลสแล้วเมื่อปรินิพพานจึงหาคติที่ไปไม่ได้อีก
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่มที่ ๔๓ - หน้าที่ ๒๑๒-๒๑๔
    ๖. เรื่องหญิงขี้หึง
    ข้อความเบื้องต้น
    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภหญิงขี้หึง
    คนใดคนหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " อกต " เป็นต้น.
    หญิงขี้หึงทำกรรมชั่วแล้วคิดปกปิด
    ได้ยินว่า สามีของหญิงนั้น ได้ทำความเชยชิดกับหญิงรับใช้ในเรือน
    คนหนึ่ง. หญิงขี้หึงนั้น มัดมือมัดเท้าหญิงรับใช้คนนั้นไว้ แล้วตัดหูตัดจมูก
    ของเขา ขังไว้ในห้องว่างห้องหนึ่ง ปิดประตูแล้ว เพื่อจะปกปิดความที่
    กรรมนั้นอันตนทำแล้ว (ชวนสามี) ว่า " มาเถิดนาย, เราจักไปวัดฟัง
    ธรรม " พาสามีไปวัดนั่งฟังธรรมอยู่. ขณะนั้น พวกญาติผู้เป็นแขกของ
    นางมายังเรือน (ของนาง) แล้ว เปิดประตูเห็นประการอันแปลกนั้นแล้ว
    แก้หญิงรับใช้ออก. หญิงรับใช้นั้นไปวัด กราบทูลเนื้อความนั้น แด่พระ-
    ทศพล ในท่ามกลางบริษัท ๔.
    กรรมชั่วย่อมเผาผลาญในภายหลัง
    พระศาสดา ทรงสดับคำของหญิงรับใช้นั้นแล้ว ตรัสว่า " ขึ้นชื่อว่า
    ทุจริต แม้เพียงเล็กน้อยบุคคลไม่ควรทำ ด้วยความสำคัญว่า 'ชนพวก
    อื่นย่อมไม่รู้กรรมนี้ของเรา ' (ส่วน) สุจริตนั่นแหละ เมื่อคนอื่นแม้ไม่รู้
    ก็ควรทำ, เพราะว่าขึ้นชื่อว่าทุจริต แม้บุคคลปกปิดทำ ย่อมทำการเผา
    ผลาญในภายหลัง, (ส่วน) สุจริตย่อมยังความปราโมทย์อย่างเดียวให้เกิดขึ้น
    ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-
    อกต ทุกฺกต เสยฺโย ปจฺฉา ตปฺปติ ทุกฺกต
    กตญฺจ สุกต เสยฺโย ย กตฺวา นานุตปฺปติ.
    คำแปล
    "กรรมชั่ว ไม่ทำเสียเลยดีกว่า, (เพราะ) กรรมชั่ว
    ย่อมเผาผลาญในภายหลัง, ส่วนบุคคล ทำกรรมใดแล้ว
    ไม่ตามเดือดร้อน, กรรมนั้น เป็นกรรมดี อันบุคคล-
    ทำแล้วดีกว่า."

    แก้อรรถ
    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทุกฺกต ความว่า กรรมอันมีโทษยัง
    สัตว์ให้เป็นไปในอบาย ไม่ทำเสียเลยดีกว่า คือ ประเสริฐ ได้แก่ยอดเยี่ยม.
    สองบทว่า ปจฺฉา ตปฺปติ ความว่า เพราะกรรมนั้น ย่อมเผาผลาญ
    ในกาลที่ตนตามระลึกถึงแล้ว ๆ ร่ำไป.
    บทว่า สุกต ความว่า ส่วนกรรมอันไม่มีโทษ มีสุขเป็นกำไร
    ยังสัตว์ให้เป็นไปในสุคติอย่างเดียว บุคคลทำแล้วดีกว่า.
    สองบทว่า ย กตฺวา ความว่า บุคคลทำกรรมใดแล้ว ย่อมไม่
    เดือดร้อนในภายหลัง คือ ในกาลเป็นที่ระลึกถึง ชื่อว่า ย่อมไม่ตามเดือดร้อน
    คือเป็นผู้มีโสมนัสอย่างเดียว, กรรมนั้นอันบุคคลทำแล้ว ประเสริฐ.
    ในกาลจบเทศนา อุบาสกและหญิงนั้น ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว,
    ก็แลชนทั้งหลายทำหญิงรับใช้นั้นให้เป็นไท ในที่นั้นนั่นแล แล้วทำให้
    เป็นหญิงมีปกติประพฤติธรรม ดังนี้แล.
    เรื่องหญิงขี้หึง จบ.
    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน
    เมื่อวานนี้ได้ไปสักการะพระธาตุ ปิดทอง กราบสังขารอดีตเจ้าอาวาสที่ไม่เนื่เปื่อยที่ วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น
    สักการะพระธาตุ ปิดทอง กราบสังขารอดีตเจ้าอาวาสที่ไม่เนื่เปื่อยที่ วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ
     
  2. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    เรือน คือ อัตภาพนี้ ที่เป็นเพียงจิต เจตสิก และรูป ที่ยังคงต้องเกิดดับสืบต่อไป
    เพราะว่ายังไม่ได้ดับโลก ยังมีกิเลสยังมีตัณหา ยังมีนายช่างผู้สร้างอัตภาพสร้างเรือน
    อยู่ต่อไปในแต่ละภพแต่ละชาติ สุดแล้วแต่ว่าจะเป็นผลของกุศลกรรมหรืออกุศลกรรม
    เพราะฉะนั้น เรือนในแต่ละภพแต่ละชาติก็ไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมย่อม
    ได้เรือนที่ไม่ดี เกิดเป็นสัตว์นรก สัตว์ดิรัจฉาน เปรต...​
    ราคะ โหสะ โมหะ ความไม่ยินดี ความยินดี
    ความเป็นผู้ขนลุกขนพอง มีอัตภาพนี้เป็นเหตุ เกิดแต่
    อัตภาพนี้ ความตรึกในใจตั้งขึ้นแต่อัตภาพนี้ ย่อมผูก
    สัตว์ไว้ เหมือนพวกเด็ก ๆ ผูกกาไว้ฉะนั้น.
    พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๕๙๗

    ว่าด้วยธรรม ๓ อย่างหลายนัย

    [๕๙๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ

    ต้องตกนรก เหมือนกับถูกนำเอาไปฝังไว้ ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน ? คือ

    ฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์ ๑ พอใจในการฆ่าสัตว์ ๑

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ต้องตกนรก

    เหมือนกับถูกนำเอาไปฝังไว้

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ขึ้นสวรรค์

    เหมือนกับเชิญเอาไปสถิตย์ไว้ ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน ? คือ เว้นขาดจาก

    การฆ่าสัตว์ด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑ พอใจ

    ในการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑ ...ฯลฯ....




    เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน
    วันนี้ได้ไปสักการะพระธาตุ ปิดทอง กราบสังขารอดีตเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อยที่ วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น
    สักการะพระธาตุ ปิดทอง กราบสังขารอดีตเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อยที่ วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ
     
  3. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ขณะนี้กำลังมีสภาพธรรม โลกปรากฎได้ มีสิ่งต่างๆมากมาย มีสีต่างๆ มีเสียงต่างๆ

    มากมาย โลกปรากฎให่รู้ว่ามีสิ่งต่างๆมากมายเพราะมีสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมคือจิต

    และเจตสิกทีเกิดขึ้นรู้อารมณ์ รู้สภาพธรรมที่เกิดขึ้น รู้สีทำให้เห็นเป็นสิ่งต่างๆเพราะมี

    จิตเห็น รู้ว่าเป็นเสียง รู้ว่าเป็นเสียงของใครเพราะมีจิตได้ยินและมีการคิดนึกซึ่งก็เป็น

    จิตอีกประเภทหนึ่งเกิดต่อรู้ความหมายว่าหมายถึงอะไรและเป็นสียงของใคร มีจิตที่

    ได้กลิ่น มีจิตลิ้มรส เป็นต้นและมีจิตที่คิดนึกหลังจากที่ได้กลิ่น ลิ้มรสแล้ว โลกนี้จึง

    ปรากฎมากมายเพราะอาศัยสภาพธรรมที่เป็นนามธรรมคือ จิตแลเจตสิกทีเกิดขึ้น ซึ่ง

    นามธรรมที่เป็นจิตก็มีมากมายหลากหลายประเภท ตามสภาพธรรมที่ปรุงแต่งให้จิต

    เกิดขึ้นคือเจตสิก จิต เจตสิกทั้งหมดเป็นสภาพรู้ รู้อะไร รู้ในสิ่งที่ปรากฎ สิ่งที่จิตรู้

    เรียกว่าอารมณ์นั่นเองครับ
    เราย่อมสรรเสริญสหายผู้ถึงพร้อมด้วยศีลขันธ์เป็นต้น

    พึงคบสหายผู้ประเสริฐสุด ผู้เสมอกัน

    กุลบุตรไม่ได้สหายผู้ประเสริฐสุดและผู้เสมอกันเหล่านี้แล้ว

    พึงเป็นผู้บริโภคโภชนะไม่มีโทษ

    เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด ฉะนั้น.


    เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย ฟังธรรม
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ
     
  4. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    วันวิสาขบูชานี้เป็นวันที่พระมหาสัตว์ทรงถึงที่สุดแห่งการบำเพ็ญพระบารมี คือ ทรง
    แทงตลอดพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ อันเกิดได้ยากที่สุดในสังสารวัฏฏ์ เหตุสำคัญ
    ที่ทำให้พระองค์ บรรลุเป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะทรงบำเพ็ญบารมี
    10 มหาบริจาค 5 และ จริยา 3 ซึ่งในวันนี้เองเมื่อสี่อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัปป์ที่แล้ว นาง
    สุมิตตาได้ตั้งจิตอธิฏฐานขออุทิศขันธสันดานของตนเป็นวัตถุทานเฉพาะพระพักตร์พระ
    ผู้มีพระภาคเจ้าทีปังกรและสุเมธดาบส เพื่อให้ทารทานอันเป็นส่วนสำคัญในมหา-
    บริจาค 5 ของพระมหาสัตว์นั้นบริบูรณ์ สมจริงดังพระบาลีในยโสธราเถรีอปทานที่กล่าว
    ว่า....ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันงดเว้นอนาจารในสถานที่ไม่ควร แม้ชีวิตก็ยอมสละ
    เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ได้ ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทานหม่อมฉันให้เป็นภรรยา
    ผู้อื่นหลายพันโกฏิกัปป์ ก็เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันไม่เคยเสียใจในเรื่องนั้น
    เลย .....(พึงศึกษาเพิ่มเติมในคัมภีร์อปทาน) พระนางยโสธราเถรีจึงเป็นบุคคลที่พุทธ-
    ศาสนิกชนทั้งหลายพึงระลึกถึงพระคุณอันล้นพ้นของพระนาง หากไม่ได้จิตใจที่เด็ด-
    เดี่ยวของนางสุมิตตาเมื่อสี่อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัปป์ที่แล้ว ใครหนอจะเป็นยอมสละตน
    เองเพื่อเป็นอุปกรณ์แห่งทานบารมีของพระมหาสัตว์ พระนางจึงเป็นผู้มีพระคุณมากจริง
    ๆ เพราะมีพระนางเป็นปัจจัย มหาบริจาค 5 ของพระมหาสัตว์จึงบริบูรณ์ อันเป็นเหตุให้
    ทรงบรรลุพุทธภาวะใต้ต้นพระศรีมหาโพธิได้ ดังนั้น วันนี้นอกจากเราทั้งหลายจะพึง
    ระลึกถึงพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงอยู่เหนือความอาลัยในโลกีย-
    ธรรมทั้งปวงแล้ว เราทั้งหลายพึงระลึกถึงหญิงผู้มีจิตใจเด็ดเดี่ยวที่มีนามว่า สุมิตตา หรือ
    พระนางยโสธราเถรีนั่นเอง ช่างน่าอัศจรรย์จริงหนอที่โลกใบนี้มีพระพุทธศาสนาอันมี
    ความงดงาม หามลทินมิได้ มีแต่ความบริสุทธิ์ดุจแก้วที่ช่างเจียระนัยไว้ีดีแล้ว คงจะไม่มี
    ใครปฏิเสธได้เลยว่า เมื่อเราระลึกถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า มีแต่ความสุขใจ ปราศจาก
    ความกังวลทั้งปวง เมื่อระลึกถึงพระสัทธรรมนิกายใดนิกายหนึ่งในห้านิกาย พบแต่ความ
    งดงามอันสะท้อนให้เห็นถึงพระปัญญาอันหาประมาณมิได้ แสดงให้เห็นให้เห็นว่าจิตของ
    พระสุคตเจ้าอยู่เหนือสังขารโลกจริง ๆ และเมื่อระลึกถึงพระสงฆ์สาวก อันประกอบด้วยคู่
    แห่งบุรุษ 4 นำมาซึ่งสัทธินทรีย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้จะ
    ทรงมีพระชนมายุสั้น มีพระรัศมีปกติแผ่ซ่านโดยรอบเพียงวาเดียว หรือจะทรงมีสาวก
    สันนิบาตเพียงครั้งเดียวก็ตาม แต่ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้ศึกษาและทรงจำพระธรรมคำสอน
    ของพระองค์ไว้ได้ รู้สึกดีใจมากจริง ๆ ที่ไม่เสียชาติเกิด ช่างน่าประทับใจจริง ๆ
    พระไตรปิฎกก็ซาบซึ้งขึ้นครับ ซึ่งในวันวิสาขบูชา นางสุมิตตาอันเป็นอดีตชาติของ
    พระนางยโสธรา ท่านได้เกิดเป็นพราหมณี ได้ถือดอกบัวมาต้้งใจจะถวายพระพุทธเจ้า
    ทีปังกร แต่เมื่อได้เห็นสุเมธดาบสได้รับการพยากรณ์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า เกิดจิตคิด
    บูชาท่านสุเมธดาบสด้วยดอกบัวของตน 8 ดอก ส่วนสุเมธดาบสเมื่อได้ดอกบัวแล้วก็
    นำไปบูชาพระพุทธเจ้าทีปังกร วันนี้ช่างเป็นวันพิเศษอัศจรรย์จริงๆครับ
    เมื่อพระยโสธราเถรีจะปรินิพพานก่อนพระพุทธเจ้าท่านก็ไปกราบทูลลาและท่าน
    ก็ได้เล่าเหตุการณ์ในอดีตชาติ รวมทั้งในวันวิสาขบูชาที่ท่านถวายดอกบัว 8 กำ กับ
    สุเมธดาบส และท่านก็ได้กล่าวว่าท่านสละชีวิต สละตัวเองและเครื่องประดับเพื่อ
    ประโยชน์คือให้พระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น ย่อมสละความสุขของ
    ตนเองเพื่อประโยชน์คือให้พระโพธิสัตว์ได้บรรลุ เป็นการสละที่ยากยิ่งและอนุโมทนา
    ครับ ซึ่งเมื่อผมได้อ่านแล้วประทับใจข้อความหนึ่งที่ท่านพระยโสธราเถรีได้กล่าวถึง
    อดีตชาติของท่านว่าที่ท่านย่อมสละสุข ทนทุกข์เพื่อประโยชน์คือให้มีการบรรลุ มี
    ความบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า ข้อความที่ว่า
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้าที่ 646

    ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันได้รับสุข
    ย่อมอนุโมทนา และในคราวที่ได้รับทุกข์ ก็ไม่
    เสียใจ เป็นผู้ยินดีแล้วในที่ทุกแห่งเพื่อประโยชน์
    แก่พระองค์

    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้าที่ 644
    ข้าแต่พระมุนีมหาวีรเจ้า ขอพระองค์พึง
    ทรงระลึกถึงกุศลกรรมเก่าของหม่อมฉันเถิด ข้า
    แต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันสั่งสมบุญไว้เพื่อ
    ประโยชน์แก่พระองค์
    ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันงดเว้น
    อนาจารในสถานที่ไม่ควร แม้ชีวิตก็ยอมสละเพื่อ
    ประโยชน์แก่พระองค์ได้
    ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน
    หม่อมฉันเพื่อให้เป็นภรรยาผู้อื่นหลายพันโกฏิกัป
    ก็เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันมิได้เสียใจ
    ในเรื่องนั้นเลย
    ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน
    หม่อมฉันเพื่ออุปการะหลายพันโกฏิกัป เพื่อประ-
    โยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันมิได้เสียใจในเรื่อง
    นั้นเลย
    ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน
    หม่อมฉันเพื่อประโยชน์ เป็นอาหารพันโกฏิ

    กัป หม่อมฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย หม่อม
    ฉันบริจาคชีวิตหลายพันโกฏิกัป
    ประชุมชนจักทำการให้พ้นจากภัย ก็ย่อม
    สละชีวิตของหม่อมฉันให้ ข้าแต่พระมหามุนี
    หม่อมฉันย่อมไม่เคยหวงเครื่องประดับและผ้า
    นานาชนิดซึ่งอยู่ที่ตัว และภัณฑะคือตัวหญิง เพื่อ
    ประโยชน์แก่พระองค์
    ข้าแต่พระมหามุนีมหาวีรเจ้า ทรัพย์
    ข้าวเปลือก ปัจจัย เครื่องบริจาค บ้าน นิคม
    ไร่นา บุตร ธิดา ช้าง ม้า โค ทาสี ภรรยา
    มากมายนับไม่ถ้วน พระองค์ทรงบริจาคแล้วเพื่อ
    ประโยชน์แก่พระองค์
    (พระองค์ตรัสบอกหม่อมฉันว่า) เราย่อม
    ให้ทานกะพวกยาจก เมื่อเราให้ทานอันอุดม เรา
    ย่อมไม่เห็นหม่อมฉันเสียใจ
    ข้าแต่พระมหาวีระ หม่อมฉันยอมรับ
    ทุกข์มากมายหลายอย่างจนนับไม่ถ้วน ในสงสาร
    เป็นอเนก เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
    ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันได้รับสุข
    ย่อมอนุโมทนา และในคราวที่ได้รับทุกข์ก็ไม่
    เสียใจ เป็นผู้ยินดีแล้วในที่ทุกแห่งเพื่อประโยชน์
    แก่พระองค์
    ข้าแต่พระมหามุนี พระสัมพุทธเจ้าทรง
    แสดงธรรมโดยบรรดาอันสมควร เสวยสุขและ
    ทุกข์แล้ว ได้บรรลุซึ่งพระโพธิญาณ
    หม่อมฉันได้ร่วมมาเป็นมาก กับพระ
    สัมพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ผู้เป็นนายกของโลก
    เป็นเทพผู้ประเสริฐ พระองค์ก็ได้ร่วมมาเป็นอัน
    มาก กับพระสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ ผู้เป็น
    นาถะของโลก
    ข้าแต่พระมหามุนี อธิการของหม่อมฉัน
    มีมากเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อนฉันเมื่อ
    แสวงหาพุทธธรรมอยู่ก็ได้เป็นบริจาริกาผู้รับใช้
    ของพระองค์
    ในสี่อสงไขยแสนกัป พระมหาวีรเจ้า
    พระนามว่าทีปังกร ผู้เป็นนายกของโลก เสด็จ
    อุบัติขึ้นแล้ว ประชาชนในปัจจันตประเทศ มีใจ
    ยินดีนิมนต์พระตถาคตเจ้าแล้ว ช่วยกันแผ้วถาง
    หนทางสำหรับเป็นที่เสด็จพระพุทธดำเนิน
    ณ กาลครั้งนั้น พระองค์เป็นพราหมณ์
    นามว่าสุเมธ ตกแต่งหนทางยาว เพื่อพระสุคต
    เจ้าผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวง
    หม่อมฉันมีสมภพในสกุลพราหมณ์ เป็น
    หญิงสาวมีนามว่าสุมิตตา เข้าไปสู่สมาคม ถือ
    ดอกบัวไป ๘ กำ เพื่อบูชาพระศาสดา แต่ได้
    ถวายพระองค์ผู้เป็นฤาษีอุดม ในท่ามกลางประ-
    ชุมชน
    ครั้งนั้น หม่อมฉันได้เห็นพระองค์ประ-
    กอบสุภกิจอยู่นาน มีความกรุณา เมื่อฤาษีนั้น
    เดินเลยไปแล้ว ยังดึงใจหม่อมฉันให้นิยม จึงได้
    สำคัญว่า ชีวิตของเรามีผล
    ครั้งนั้น หม่อนฉันเห็นความพยายามของ
    พระองค์นั้นมีผล จึงได้ถวายดอกบัวแก่พระองค์

    ผู้เป็นฤาษี ด้วยบุญที่ทำมาก่อน แม้จิตของ
    หม่อมฉันเลื่อมใสในพระสัมพุทธเจ้า
    หม่อมฉันยังมีจิตเลื่อมใสในพระองค์ผู้
    เป็นฤาษีมีมนัสสูง มิได้เห็นสิ่งอื่นที่ควรถวาย
    จึงได้ถวายดอกบัวแก่พระองค์ผู้เป็นฤาษีพร้อมด้วย
    กล่าวว่า
    ข้าแต่พระฤาษี ดอกบัว ๕ กำ จงมีแก่
    ท่าน ดอกบัว ๓ กำจงมีแก่ดิฉัน ข้าแต่ท่าน
    พระฤาษี ดอกบัวเหล่านั้น จงมีเสมอกับด้วยท่าน
    นั้น เพื่อประโยชน์แก่โพธิญาณของท่าน.
    จบภาณวารที่ ๔
    สุเมธฤาษีรับดอกบัว แล้วบูชาพระพุทธ-
    ทีปังกร ผู้แสวงหาคุณธรรมใหญ่ มีบริวารยศมาก
    เสด็จดำเนินมาในท่ามกลางประชุมชน เพื่อประ-
    โยชน์แก่โพธิญาณ
    พระมหามุนี มหาวีรเจ้าทีปังกรทอดพระ-
    เนตรเห็นสุเมธฤาษีผู้มีมนัสสูงแล้ว ทรงพยากรณ์
    ในท่ามกลางประชุมชน ข้าแต่พระมหามุนี ในกัป
    อันประมาณมิได้แต่กัปนี้ พระมหามุนีทีปังกรทรง
    พยากรณ์กรรมของหม่อมฉันอันเป็นธรรมตรงว่า
    ดูก่อนฤาษีผู้ใหญ่ อุบาสิกาผู้นี้ จักเป็น
    ผู้มีจิตเสมอกัน มีกุศลกรรมเสมอกัน ทำกุศล
    ร่วมกัน เป็นที่รักเพราะบุญกรรม เพื่อประโยชน์
    แก่ท่าน น่าดูน่าชม น่ารักยิ่ง น่าชอบใจ มีวาจา
    อ่อนหวาน จักเป็นธรรมทายาทผู้มีฤทธิ์ของท่าน
    อุบาสิกานี้จักรักษากุศลธรรมทั้งหลาย
    เหมือนพวกเจ้าของทรัพย์ รักษาทรัพย์ที่เก็บไว้เอง
    ในคลัง ฉะนั้น ประชาชนจะอนุเคราะห์อุบาสิกา
    ผู้ที่เป็นที่รักของท่านนั้น อุบาสิกานี้จักมีบารมี
    เต็ม จักละกิเลสได้ดังราชสีห์ละกรง แล้วจักบรรลุ
    โพธิญาณ.
    ในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้ พระ
    พุทธเจ้าทรงพยากรณ์หม่อมฉันด้วยพระวาจาใด
    หม่อมฉันเมื่ออนุโมทนาพระวาจานั้น เป็นผู้ทำ
    กรณียกิจอย่างนี้
    หม่อมฉันยังจิตให้เลื่อมใสในกุศลกรรม
    ที่ได้ทำไว้แล้วนั้น ได้เสวยผลในกำเนิดเทวดา
    และมนุษย์มากมาย ได้เสวยสุขและทุกข์ในเทวดา
    และมนุษย์ทั้งหลาย
    ในภพนี้ซึ่งเป็นภพหลัง หม่อมฉันเกิดใน
    ศากยสกุล มีรูปสมบัติ มีโภคสมบัติ มียศ มีศีล
    สมบูรณ์ด้วยองคสมบัติทั้งปวง ได้รับสักการะ
    อย่างยิ่งในสกุลทั้งหลาย มีลาภ สรรเสริญและ
    สักการะ พรั่งพร้อมไปด้วยโลกธรรม มีจิตไม่
    ประกอบด้วยทุกข์ ไม่มีภัยแต่ที่ไหน ๆ
    สมจริงตามพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาค-
    เจ้าตรัสว่า ในกาลนั้นยโสธรานารีผู้มีเพียง แสดง
    อุปการะทั้งภายในพระราชฐานและแก่พวกเจ้าใน
    พระนคร มีอุปการะทั้งในยามสุขและยามทุกข์
    เป็นผู้บอกประโยชน์ให้และทำความอนุเคราะห์
    หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแล้วแก่
    พระพุทธเจ้าห้าร้อยโกฏิ และพระพุทธเจ้าเก้าร้อย
    โกฏิ ข้าแต่พระมหาราช ขอพระองค์ทรงสดับ
    อธิการเป็นอันมากของหม่อมฉัน


    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย ฟังธรรม
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ
     
  5. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ในกรณีที่ได้กล่าวมานั้น ไม่ได้มีเจตนาฆ่า แต่เป็นเจตนที่จะป้องกันปลวก เจตนาฆ่า
    กับเจตนาที่ป้องกันจึงเป็นเจตนที่ต่างกันครับ ไม่เป็นปาณาติบาตแน่นอน ถึงแม้ว่า
    ปลวกนั้นจะตายหลังจากที่เราฉีดป้องกัน แต่เจตนาไม่ได้เป็นเจตนาฆ่าตั้งแต่ทีแรก
    ครับ เป็นเจตนาป้องกัน ส่วนสัตว์ตายก็เพราะกรรมของสัตว์เองครับ แต่ถ้าฉีดไว้ก่อน
    แต่เจตนาเพื่อจะให้สัตว์ มีปลวก เป็นต้น ได้ตายหลังจากฉีด นี่ก็เป็นเจตนาฆ่า มี
    เจตนาที่จะฆ่าสัตว์ เมื่อไหร่ที่สัตว์ตายจากการที่ฉีดยา นั่นเท่ากับว่าครบองค์กรรมบถ
    เป็นปาณาติบาตครับ เมื่อกรรมนี้ให้ผลย่อมทำให้เกิดในอบาย เศษกรรมที่ยังเหลือเมื่อ
    ไปเกิดเป็นมนุษย์ทำให้มีอายุสั้นครับ
    ดังนั้นจะเป็นปาณาติบาตหรือไม่สำคัญที่เจตนาของผู้นั้นเป็นสำคัญครับ ถ้ามีเจตนา
    ฆ่าและสัตว์นั้นตายก็เป็นปาณาติบาต ถ้ามีเจตนาฆ่าแต่สัตว์นั้นไม่ตายก็ยังไม่ครบองค์
    ยังไม่เป็นปาณาติบาต แต่ถ้าไม่มีเจตนาฆ่า ดังกรณ๊นี้ เป็นเจตนาป้องกัน แต่สัตว์นั้น
    ตายลง ไม่เป็นปาณาติบาต เพราะไม่มีเจตนาฆ่า แม้สัตว์นั้นต้องตายครับ
    “ถ้าสัตว์ทั้งหลาย พึงรู้อย่างนี้ว่า ชาติสมภพ(การเกิด)นี้เป็นทุกข์
    สัตว์ก็ไม่ควรฆ่าสัตว์ เพราะว่าผู้มีปกติฆ่าสัตว์ ย่อมเศร้าโศก”
    (จาก .... พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก มตกภัตตชาดก)
    เมื่อพระอาทิตย์จะขึ้น สิ่งที่จะขึ้นก่อน
    สิ่งที่เป็นนิมิตมาก่อน คือ แสงเงินแสงทอง ฉันใด สิ่งที่เป็นเบื้องต้น
    เป็นนิมิตมาก่อนแห่งการตรัสรู้อริยสัจ ตามความเป็นจริง คือ สัมมาทิฏฐิ
    ฉะนั้นเหมือนกัน อันภิกษุผู้มีความเห็นชอบ พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักรู้ตาม
    ความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
    เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริง
    ว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.

    ชื่อว่า รส ในคำว่า ไม่พึงติดใจในรส ได้แก่รสที่ราก
    รสที่ลำต้น รสที่เปลือก รสที่ใบ รสที่ดอก รสที่ผล รสเปรี้ยว รส
    หวาน รสขม รสเผ็ดร้อน รสเค็ม รสปร่า รสเฝื่อน รสฝาด รสอร่อย
    รสไม่อร่อย รสเย็น รสร้อน มีสมณพราหมณ์บางพวก ติดใจในรส
    เที่ยวแสวงหารสอันเลิศด้วยปลายลิ้น ได้รสเปรี้ยวแล้วก็แสวงหารสไม่
    เปรี้ยว ได้รสไม่เปรี้ยวแล้วก็แสงหารสเปรี้ยว ฯลฯ ได้รสเย็นแล้วก็
    แสวงหารสร้อน ได้รสร้อนแล้วก็แสวงหารสเย็น สมณพราหมณ์เหล่านั้น
    ได้รสใด ๆ แล้ว ย่อมไม่พอใจด้วยรสนั้น ๆ ย่อมเที่ยวแสวงหารสอื่น ๆ
    เป็นผู้กำหนัด ปรารถนา ยินดี ติดใจ หลงใหล เกี่ยวข้อง พัวพัน
    ในรสที่ชอบใจ ความอยากในรสนั้น อันภิกษุใดละ ตัดขาด ฯลฯ เผา
    เสียแล้วด้วยไฟคือญาณ ภิกษุนั้นพิจารณาด้วยปัญญาแล้ว ย่อมฉันอาหาร
    ไม่ฉันเพื่อเล่น ไม่ฉันเพื่อเมา ไม่ฉันเพื่อตบแต่ง ไม่ฉันเพื่อประดับ
    ฉันเพื่อดำรงอยู่แห่งกายนี้ เพื่อให้กายนี้เป็นไป เพื่อกำจัดความลำบาก
    เพื่อความอนุเคราะห์แก่พรหมจรรย์ อย่างเดียวเท่านั้น ฯลฯ ความอยู่
    สบายของเราจักมีด้วยอุบายดังนี้ บุคคลทาแผลเพื่อให้แผลหาย หยอด
    น้ำมันเพลาเกวียนเพื่อจะขนภาระ กินเนื้อบุตรเพื่อจะออกจากทางกันดาร
    อย่างเดียวเท่านั้น ฉันใด ภิกษุพิจารณาด้วยปัญญาแล้ว จึงฉันอาหาร
    ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ไม่ฉันเพื่อเล่น ฯลฯ ความไม่มีโทษและความอยู่
    สบายจักมีด้วยอุบายดังนี้ ภิกษุพึงละ บรรเทา ทำให้สิ้นไป ให้ถึงความ
    ไม่มี ซึ่งความอยากในรส คือเป็นผู้งด เว้น เว้นขาด ออก สละ
    พ้นไป ไม่เกี่ยวข้อง ด้วยความอยากในรส พึงเป็นผู้มีจิตปราศจากแดน
    กิเลสอยู่ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ไม่พึงติดใจในรส.

    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทานกับเพื่อนๆ เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย ฟังธรรม
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน
    ได้ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ว อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ว อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ
     
  6. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ตถาคตเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม ธาตุความตั้งอยู่แห่งธรรม ทำนองแห่งธรรม อันนั้น

    ก็ตั้งอยู่แล้ว คือ สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงไม่ใช่ตัวตน

    ตถาคต ตรัสรู้ เข้าใจชัด ทำนองธรรมนั้น ครั้นตรัสรู้แล้ว ก็บอก แสดง บัญญัติ ตั้งไว้ เปิด

    เผย แจกแจง ทำให้ง่าย จากติกนิบาท ในพระไตรปิฏก

    พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย ติกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 574

    ๔. อุปปาทสูตร

    ว่าด้วยธรรมนิยาย
    [๕๗๖] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะพระตถาคตทั้งหลาย เกิดขึ้น

    หรือไม่เกิดขึ้นก็ตาม ธาตุ คือสิ่งที่ทรงตัวเองอยู่ได้อันนั้น (ธัมมฐิตตา)

    ความตั้งอยู่โดยธรรมดาอันนั้น (ธัมมนิยามตา) ความแน่นอนโดยธรรมดา

    อันนั้น ตถาคตตรัสรู้บรรลุธาตุนั้นว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวง

    เป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ครั้นได้ตรัสรู้แล้ว ได้หยั่งรู้แล้วจึงบอก

    แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก ทำให้ตื้น ว่า สังขารทั้งปวง

    ไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา.

    จบอุปปาทสูตรที่ ๔

    ความโลภนี้ยังความพินาศให้เกิด

    ความโลภยังจิตให้กำเริบ

    ภัยเกิดแต่ภายใน ชนย่อมไม่รู้สึกถึงภัยนั้น

    คนโลภย่อมไม่รู้อรรถ

    คนโลภย่อมไม่เห็นธรรม

    ความมืดตื้อย่อมมีในกาลที่ความโลภครองงำคน.


    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย ฟังธรรม
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ว อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ

    บุญหาทำได้ยาก ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพถวาย "ใบเสมาธรรมจักร" อันละ ๙๙ บาท
    ขอเจริญพร
    พระครูปลัดอัครพล กนฺตธมฺโม
    เจ้าสำนักสงฆ์ฉลองราชศรัทธาราม
    โทรศัพท์ ๐๘-๕๐๓๗-๐๓๗๐ อีเมล์ maemoh1@hotmail.com
    ร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพถวาย "ใบเสมาธรรมจักร" ได้ที่
    ธนาคารกรุงไทย สาขาแม่เมาะ
    ชื่อบัญชี
    สำนักสงฆ์ฉลองราชศรัทธาราม (บัญชีหลัก)
    เลขที่บัญชี
    ๕๐๐-๐-๑๙๔๓๐-๖

    ขอเชิญร่วมเป็นสะพานบุญเชื่อมต่อประตูสู่พระนิพพาน
    (ช่วยบอกบุญแจกซองผ้าป่าสามัคคี)
    กำหนดการทอดผ้าป่าสามัคคี
    เพื่อสร้างศาลาเอนกประสงค์ สำนักสงฆ์หน้าเขื่อน จ.ชัยภูมิ
    วันเสาร์ ที่ 9 กรกฏาคม 2554 ตลอดทั้งวัน
    ท่านสามารถร่วมเป็นเจ้าภาพ
    หรือเดินทางมาทอดผ้าป่าสามัคคีด้วยตนเองที่วัด
    หรือ
    ร่วมลงชื่อเพื่อขอรับซองผ้าป่าสามัคคี ระบุจำนวนซอง
    พร้อมแจ้งสถานที่จัดส่งซองให้ทางวัดทราบด้วย
    ติดต่อสอบถาม 082-8672501
    อีเมลล์ angkrathoked@yahoo.com



    ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างผอบแก้วเจดีย์เงินบริสุทธิ์เพื่ิอบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ๓ผอบ
    --------------------------------------------------------------------------------
    โทร. 053023260- 089-9555-870 และร่วมทำบุญได้ที่ ธาคารนครหลวงไทย สาขาหางดง เลขที่บัญชี 577-2-11771-4 ชื่อบัญชี วัดทุ่งอ้อหลวง สร้างผอบเงินบรรจุพระธาตุ



    หล่อพระพุทธนาคาบดีศรีสุทโธ4ศอกบรรจุดวงองค์ละ5500บ
    --------------------------------------------------------------------------------
    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ประธานฝ่ายดำเนินการที่คุณเก๋ณัฐา โทร 080-772-1000 (ระหว่างเวลา 18.00-22.00 น.)
    หรือ email: nattha999@gmail.com


    ถนนเข้าวัดสร้างแล้วต้องการเจ้าภาพคันกั้นน้ำหินลูกรังคันละ1000บ100คันรถ
    13 หมู่13 หมู่บ้านโพนเมือง ต.โพนเมือง อ.เหล่าเสือโก๊ก จ.อุบลราชธานี 34000 โทร.080-167-5445
    ติดต่อผู้ประธานดำเนินการฝ่ายฆารวาส คุณเก๋ณัฐา nattha999@gmail.com หรือ โทร.080-772-1000 (ระหว่าง 18.00-22.00 น.)

    ต้องการเจ้าภาพสร้างห้องน้ำห้องสุขาจำนวน 3 ห้อง ถวายที่พักสงฆ์ห้วยตาจู 29 นี้
    --------------------------------------------------------------------------------
    บริจาคหรือรับเป็นเจ้าภาพได้ที่พระสุพิน อัตตสันโต
    ธนาคารกรุงไทย สาขา ขุนหาญ
    หมายเลข 326-0-16077-9
    โทรสอบถามเพิ่มเติม 085.657.8676
    pra_attasanto@hotmail.com


    เรียนเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพเททองหล่อพระประธานปางจักรพรรดิองค์ใหญ่ ขนาดหน้าตัก 19 เมตร
    ผู้มีจิตศรัทธาจะร่วมเป็นเจ้าภาพเททองหล่อพระองค์ใหญ่ กรุณาติดต่อได้ที่ วัดหน้าวัว
    โทร. 089-116-9487, 089-087-1605, 081-7777-081

    พยาครุฑรุ่นแรก หลวงปู่ผาดวัดไร่ สมทบทุนซ่อมแซมศาลา ปฎิบัติธรรม วัดแจ้งนอก (ป่าช้าจีน) อ.เกาะสมุย
    ผมเลยนำพยาครุฑรุ่นแรก หลวงปู่ผาดวัดไร่ สุดยอดประสบการณ์ มาบอกบุญกันครับ หลายๆที่บูชากัน ทะลุ หลักหมื่นไปแล้ว นำมาบอกบุญกัน แบบเบาๆ
    โทรสอบถาม 087 388 9629


    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้าง พระพุทธวิสุทธิมงคล(หลวงพ่อทันใจ) วัดชุมพลมณีรัตน์ บ้านสุขสำราญ ตำบลกระสัง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ หน้าตัก ๕.๙๙ เมตร สูง ๗.๘๙ เมตร ท่ามกลางระหว่างสระน้ำ ๘๔,๐๐๐ ตารางเมตร
    จะเริ่มหล่อพระ วันที่ ๑-๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔
    ร่วมบริจาคได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากระสัง
    ชื่อบัญชี วัดชุมพลมณีรัตน์
    เลขที่บัญชี 324 – 0 – 06962 – 8
    สอบถามรายละเอียดได้ที่
    พระครูบวรมณีรัตน์ (หลวงพ่อเลิศ ) พระอุปัชฌาย์ เจ้าคณะตำบลกระสัง
    โทร 081-8767-881



    ขอเชิญร่วมทำบุญกระเบื้องหลังคาศาลาการเปรียญฯ

    ณ.วัดละว้า ต.ศรีกะอาง อ.บ้านนา จ.นครนายก

    วันเสาร์ที่ 16 กรกฏาคม พ.ศ.2554 (วันเข้าพรรษา)
    ขอเชิญร่วมทำบุญกระเบื้องมุงหลังคาศาลาการเปรียญฯ ที่กำลังก่อสร้าง ณ.วัดละว้า ต.ศรีกะอาง อ.บ้านนา จ.นครนายก จำนวน 5,500 แผ่น ๆ ละ 11 บาท รวมเป็นเงิน 60,500 บาท
    เนื่องด้วยขณะนี้ ทางวัดละว้า กำลังก่อสร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ ทดแทนหลังเก่า ที่ก่อสร้างด้วยไม้ ที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา จึงได้ทำการสร้าง เพื่อรองรับพิธีงานบุญต่างๆ เช่น ผ้าป่า กฐิน งานมงคล ต่างๆ นับได้ว่า ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาย หากแล้วเสร็จ
    แต่ศาลาการเปรียญนั้นจะสมบูรณ์กันแดด กันฝน ไม่ได้ หากขาดหลังคาที่มุงด้วยกระเบื้อง เพื่ออำนวยความสะดวก อีกทั้งศาลาการเปรียญ จะประดิษฐานองค์พระพุทธรูป รูปเหมือนพระอริยสงฆ์ ต่างๆ ด้วย

    หากท่านใดมีจิตศรัทธา ร่วมทำบุญได้ แผ่นละ 11 บาท

    บริจาคทรัพย์ได้ที่

    บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา
    ประเภทออมทรัพย์ สาขาศาลาแดง (ธนิยะพลาซ่า)
    ชื่อบัญชี นางสาวสุวรรณ เกตุชาติ
    เลขที่บัญชี 103-1-38088-7
    หรือส่งปัจจัย มาที่
    นายวุฒิชัย ศรีสุข (เจ้าหน้าที่การเงิน)
    บ.เอฟบี ฟู้ดเซอร์วิส จก. 37 ม.1 ซ.สุขสวัสดิ์ 43 ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130
    สอบถามเพิ่มเติม
    เบิร์ด (กลุ่มบัวผลิหน่อ) 085-361-4989


    เจริญพร ญาติโยมทุกท่าน อาตมาภาพพระใบฎีกาณัฏฐนันท์ คุณวีโร รักษาการเจ้าอาวาสวัดหนองเรือ ได้รับคำร้องขอจาก ท่านพระครูประภัศร์ศีลาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดบ้านขว้าง รองเจ้าคณะตำบลหนองหนาม ซึ่งเป็นวัดเดิมที่อาตมาเคยอยู่ ท่านมีความประสงค์ต้องการพระประธาน หล่อด้วยปูน จำนวน ๒ องค์ หน้าตัก ๑ เมตร เพื่อนำประดิษฐานในศาลาบำเพ็ญบุญ หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้าง และจะทำบุญถวายทานในวันที่ ๙ มิถุนายนนี้ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่อาตมาภาพจะต้องหาเจ้าภาพ พระหล่อด้วยปูน หน้าตัก ๑ เมตร จำนวน ๒ องค์ ให้ทันก่อนวันที่ ๕ มิถุนายนนี้ สำหรับญาติโยมท่านใดจะร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพถวาย พระประธานในครั้งนี้ องค์ละ ๗,๐๐๐ บาท จำนวน ๒ องค์เท่านั้น โดยแจ้งความประสงค์มาได้ที่อาตมาภาพ ทาง pm หรืออีเมล nutthanun_neung@hotmail.com โทร ๐๘๓-๑๑๔๓๖๘๑ โดยทางวัดบ้านขว้างพร้อมที่จะออกใบอนุโมทนาบัตรให้ท่านเจ้าภาพด้วย โดยโอนเงินการร่วมทำบุญมาได้ที่บัญชีของอาตมาภาพ
    ธนาคารกรุงไทย สาขาลำพูน
    เลขบัญชี ๕๑๑-๐-๓๘๕๔๖-๗
    ชื่อบัญชี พระณัฏฐนันท์ ปันสุพฤกษ์


    สร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ วัดหลวงพ่อสด (สร้างไปแล้วมากกว่า 50%)
    โอนเงินผ่านธนาคาร
    บมจ. ธนาคารกรุงเทพ สาขาดำเนินสะดวก บัญชีสะสมทรัพย์ เลขที่ 422-0-25469-4
    ชื่อบัญชี “วัดหลวงพ่อสดฯ เพื่อการก่อสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ”
    บมจ. ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาดำเนินสะดวก บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 540–2–18485–8
    ชื่อบัญชี “วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เพื่อสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ”
    ธนาคารกรุงไทย สาขาดำเนินสะดวก บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 707–0–12333–7
    ชื่อบัญชี “วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เพื่อการก่อสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ”
    สั่งจ่ายเช็คขีดคร่อม ระบุชื่อผู้รับบริจาค “วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม”
    ส่งธนาณัติ สั่งจ่าย ปทฝ.ดำเนินสะดวก ในนาม “เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม”
    แล้วโปรดส่ง “ใบบริจาคสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ” พร้อมใบโอนเงินผ่านธนาคาร เช็ค หรือ ธนาณัติ นั้นๆ มายัง

    โครงการสร้างพระมหาเจดีย์สมเด็จฯ
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก
    จ.ราชบุรี 70130
     
  7. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ชื่อว่ารูป ในคำว่า ไม่พึงทำความเสน่หาในรูป คือ
    มหาภูตรูป และอุปาทายรูปแห่งมหาภูตรูป ๔.
    คำว่า ไม่พึงทำความเสน่หาในรูป
    ความว่า ไม่ควรทำความเสน่หา
    ไม่ควรทำความพอใจ
    ไม่ควรทำความรัก
    ไม่ควรทำความกำหนัดในรูป
    คือ
    ไม่ให้เกิด
    ไม่ให้เกิดพร้อม
    ไม่ให้บังเกิด
    ไม่ให้บังเกิดเฉพาะ
    เพราะฉะนั้น ชื่อว่า
    ไม่พึงทำความเสน่หาในรูป.

    ความโลภนี้ยังความพินาศให้เกิด
    ความโลภยังจิตให้กำเริบ
    ภัยเกิดแต่ภายใน ชนย่อมไม่รู้สึกถึงภัยนั้น
    คนโลภย่อมไม่รู้อรรถ
    คนโลภย่อมไม่เห็นธรรม
    ความมืดตื้อย่อมมีในกาลที่ความโลภครองงำคน.


    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย ฟังธรรม
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ว อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ
     
  8. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    คนที่เกิดมาในโลกนี้ จะมีบุญวาสนาบารมีแบบไหนก็ตาม ต้องถูกกฎของกรรมเดิมลงโทษ ท่านจงอย่าคิดว่าเราเจริญกรรมฐานแล้ว เราให้ทานแล้ว จะเกิดมาใหม่ มีแต่ความสุข อันนี้ขอยืนยันว่า คนที่ถวายสังฆทานแล้วมาเกิดใหม่เป็นมหาเศรษฐีทุกคน ถ้าไม่เชื่อให้มาต่อว่าฉัน จะเอาสัญญา จะปรับไหม ยังไงก็ยอม แต่แกต้องตายไปก่อนเถอะ ตายไปแล้วไปเป็นเทวดาเป็นนางฟ้าที่ไหนก็ไปเถอะ แล้วกลับมาเป็นคนใหม่ ถ้าไม่เป็นมหาเศรษฐีแล้ว จะชำระหนี้ให้<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    จะยกตัวอย่างให้ฟัง ถึงแม้จะเป็นพระอริยเจ้าก็ไม่พ้นกฎของกรรม เอาเรื่องย่อ ๆ เวลามีนิดเดียว เรื่องของพระนางสามาวดี มีหญิงคนใช้คนหนึ่งเป็นหญิงหลังค่อม รูปร่างหน้าตาดี ๆ ใช้ออกจากวังไม่ได้ ก็ได้แต่หญิงค่อมคนเดียวใช้ไปซื้อดอกไม้ หญิงหลังค่อมคนนี้ชือว่า ขุตฉุตตรา แกก็เป็นคนฉลาด วันหนึ่งพระเจ้าอุเทนให้ค่าดอกไม้พระนางสามาวดีวันละ 8 ตำลึง แต่ว่าแม่ค่อมนี่ก็บอกแล้วว่าฉลาด ไม่ใช่คนโง่ แกก็เก็บไว้ 4 ตำลึง ซื้อ 4 ตำลึง ต่อมาวันสุดท้ายพระพุทธเจ้าเสด็จเมืองนั้น ก็พอดีนายมาลาการคนประจำสวนดอกไม้ของมหาเศรษฐี ได้นิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยสาวก ว่าพรุ่งนี้ขอเลี้ยงพระ ขอถวายทานกับพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน พระพุทธเจ้าก็ทรงรับ นางขุตฉุตตราก็เอาเงิน 8 ตำลึงไป อีก 4 ตำลึงยังไม่ได้เก็บ ไว้เก็บทีหลัง ไปถึงนายมาลาการก็บอกว่า เรื่องดอกไม้ไม่ใช่ของแปลก เตรียมไว้แล้ว แต่ว่าการถวายทานมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน มีพระอรหันต์สาวกหาไม่ได้ หายาก ช่วยกันถวายทานก่อน เสร็จแล้วจะจัดดอกไม้ให้ เธอก็ช่วย เมื่อพระพุทธเจ้าฉันเสร็จท่านก็เทศน์ คำว่าโมทนาก็คือเทศน์ โมทนาบอกถึงอานิสงส์ความดีที่ทำ ขุตฉุตตราฟังจบเดียวเป็นพระโสดาบัน ทำยังไง พระโสดาบันศีล 5 ต้องครบ วันนั้นเลยซื้อดอกไม้ 8 ตำลึง<o:p></o:p>
    พอมาถึงพระนางสามาวดีก็แปลกใจ ถามว่า ทำไมพระราชาให้ค่าดอกไม้มากกว่าวันก่อนรึ เธอก็บอกว่าให้เท่ากัน แต่ทว่าวันก่อนฉันแบ่งให้ 4 ตำลึง บอกตรงไปตรงมา พระโสดาบันนี่ไม่คดแล้ว คนที่พอจะเชื่อได้ทางคณะสงฆ์เขาถือว่าต้องเป็นพระโสดาบันที่จะเป็นพยานนะ พระนางสามาวดีก็เลยบอกว่าอีก 4 ตำลึงที่เธอเก็บแล้ว ให้เก็บไว้ได้ อนุญาต แค่ 4 ตำลึงก็พอ บอกไม่ได้ พระพุทธเจ้าเทศน์แล้ว บอกบาป ที่เอาไว้ก่อนคืนหรือเปล่าไม่ทราบ บาลีไม่ได้บอกนะ ก็เป็นอันว่าถามว่าทำไมจึงไม่เอา ก็บอกว่าวันนี้ไปซื้อของ ไปพบพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระอรหันต์ เลี้ยงพระ พอเลี้ยงเสร็จเทศน์จบ ฉันเป็นพระโสดาบัน<o:p></o:p>
    หญิงทั้ง 500 มีพระนางสามาวดีเป็นประธาน ก็ขออยากจะฟังเทศน์บ้าง เธอก็บอกว่าฟังเทศน์น่ะฟังได้ แต่ต้องมีอาสนะสูงกว่า เวลาพระพุทธเจ้าเทศน์ต้องมีอาสนะสูงกว่าคนธรรมดา ประการที่ 2 ต้องแต่งตัวสวย ประการที่ 3 ต้องอาบน้ำก่อน เธอก็เอาน้ำหอมอาบ 16 หม้อ แต่งตัวสวย จัดธรรมาสน์ให้ เธอก็เทศน์ ความจริงเทศน์ดีมาก พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญภายหลัง ทรงยกย่องว่า เป็นผู้เลิศในการแสดงธรรมฝ่ายสตรี เธอก็เทศน์ในลีลาเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เล่า ในใจความพระพุทธเจ้าพูดแบบไหนจำหมดทุกคำ ว่าเรื่อย ลีลาเหมือนกัน ผู้หญิงทุกคนฟังก็จับใจ พอเทศน์จบ อีก 500 คน เป็นพระโสดาบัน<o:p></o:p>
    เมื่อฟังเทศน์จบ ต่างคนต่างเป็นพระโสดาบัน ต่างคนต่างตั้งใจเคารพพระพุทธเจ้า เป็นอันว่าการเคารพของหญิง 500 กับ 1 คน คือหญิงเป็นบริวาร 500 คน แล้วพระนางสามาวดี 1 เป็น 500 กับ 1 คน เคารพในพระพุทธเจ้ามาก ทีนี้มีเมียมากอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่เมียน้อย พระเจ้าอุเทน มีเมีย 3 คน มีพระนางวาสุนทัตรา เป็นคนแรก 2 ก็พระนางสามาวดี 3 พระนางมาคันธินยา เมียคนแรกไม่มีเรื่องยุ่ง<o:p></o:p>
    ขอเล่าเรื่องลัด ๆ พระนางสามาวดีกับหญิง 500 ถูกพระนางมาคันธิยาให้น้าชายไปเผาปราสาท เอาน้ำมันไปบอกว่า เอาน้ำมันไปทาเสาทำให้มั่นคง เกรงปลวกจะกิน ปราสาทเป็นไม้ ขอบรรดาพระแม่เจ้าทั้งหลายจงอยู่ข้างใน เขาอยู่ข้างหน้าก็เอาตะปูตีหน้าต่างก็ไม่มี ประตูก็ออกไม่ได้ เขาก็เอาไฟจุด พอจุดไฟเสร็จ พระนางสามาวดีพอเห็นแสงไฟก็ประกาศว่า<o:p></o:p>
    “พวกเราจงอย่าโกรธในพระนางมาคันธิยา อย่าโกรธในน้าชายของพระนางมาคันธิยา พวกเราที่ถูกไฟไหม้ครั้งนี้ เพราะอาศัยมีกรรมเป็นเหตุ”<o:p></o:p>
    แต่ความจริงท่านเป็นพระอริยเจ้าหมดแล้ว คือ เป็นพระโสดาบัน อาศัยที่ไฟที่จะไหม้เข้ามา จิตก็นึกถึงความตายเป็นอารมณ์ นึกถึงพระพุทธเจ้า นึกว่าความตายจะเข้ามาถึง เราจะไม่มีชีวิตต่อไป จิตใจก็ละเอียด บางท่านก็เป็นสกิทาคามี บางท่านก็เป็นอนาคามี รวมความว่าเขาเผาพระอริยเจ้า 500 กับ 1 คน<o:p></o:p>
    ต่อมา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ บรรดาพระสงฆ์ก็เข้าไปถามองค์สมเด็จพระบรมครู ถามว่า <o:p></o:p>
    “ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญพระพุทธเจ้าข้า เพราะเหตุใด หญิง 500 มีพระนางสามาวดีเป็นประธาน เป็นพระอริยเจ้าด้วย เป็นคนดีมาก และมีความเลื่อมใสในองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ามาก ทำไมถูกไฟเผา”<o:p></o:p>
    พระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า “ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หญิง 500 นี้ สมัยชาติก่อน เป็นบริวารของพระราชาองค์หนึ่ง” ฟังแล้วก็นึกไปด้วยเป็นวิปัสสนาญาณ วิปัสสนาญาณ คือตัวปัญญา ให้รู้ว่าถ้ากลับมาเกิดอีกมันมีความทุกข์อย่างนี้ กฎของกรรมมันมีความทุกข์อย่างนี้ กฎของกรรมมันตามทัน ถ้าเราไม่มาเกิดมันตามไม่ทันหรอก เป็นเทวดาอยู่ก็ดี เป็นพรหมอยู่ก็ดี มันตามไม่ทัน ถ้าไปนิพพานเสียเลยยิ่งไม่ทันใหญ่<o:p></o:p>
    ท่านบอกว่า “ในสมัยนั้นพระราชมีความเคารพในพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง แต่บังเอิญพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์นั้นหลังค่อม วันหนึ่งพระราชาจะไปสรงน้ำที่ชายทะเล ชายทะเลมันก็เป็นป่า เผอิญพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์นั้นท่านเข้านิโรธสมาบัติ อยู่ที่ชายทะเลในพุ่มไม้มองไม่เห็นตัว เมื่ออาบน้ำเสร็จบรรดาชาววังทั้งหลายก็สุมไฟ เอาฟืนมากอง ๆ แล้วก็สุมไฟ เอาไปกองทับพระปัจเจกพุทธเจ้าเข้า มองไม่เห็นหรอก พอไฟไหม้มอดลงไปแล้ว ก็เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้านั่งดำอยู่ นึกในใจว่านี่เป็นพระผู้เป็นเจ้าที่พระราชาเรามีความเคารพ ถ้าพระราชาทรงทราบว่าเราเผาพระปัจเจกพุทธเจ้า เราต้องถูกประหารชีวิตแน่ อีตอนก่อนไม่ได้ตั้งใจ ท่านบอกว่าไม่บาป ไหน ๆ ท่านก็ตายแล้ว เผาให้หมดซากไปเลย เอาฟืนมาทับให้มาก เผาอีก คราวนี้บาปแน่ พอหลังจากนั้น 7 วัน พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านก็ลุกเดินไปตามสบาย นิโรธสมาบัตินี่ทำอะไรไม่ได้นะ ขนก็ไม่ไหม้นะ ผมก็ไม่ไหม้ อาศัยที่หญิงทั้ง 500 ในตอนหลังมีเจตนาเผาพระปัจเจกพุทธเจ้า จึงถูกเผาในชาตินี้” นี่ถ้าเรากลับมาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นอย่างนี้นะ<o:p></o:p>
    พระก็ถามต่อไปว่า ยังมีสาวใช้อยู่คนหนึ่งชื่อ ขุตฉุตตรา ทำไมจึงเป็นคนมีปัญญามาก <o:p></o:p>
    พระพุทธเจ้าก็บอกว่า “ในฐานะที่พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระราชามีความเคารพ วันหนึ่งเมื่อเข้าไปในเมืองใหม่ ๆ มีคนเขาใส่ข้าวต้มร้อน ๆ ท่านก็เอามือซ้ายถือบ้าง มือขวาถือบ้าง ผลัดกันไปผลัดกันมา ขุตฉุตตราออกไปจากวังเห็นเข้า ก็ถอดกำไลมือถวายท่านเพื่อรองไม่ให้มือร้อน เมื่อถอดกำไลมือถวายท่าน ท่านก็มองหน้าเธอ ก็บอกว่าถวายเลยเจ้าค่ะ แล้วก็ขอพรว่า “ธรรมใดที่พระผู้เป็นเจ้าบรรลุแล้ว...อย่าลืมนะ คำนี้สำคัญมากนะ ธรรมใดที่พระผู้เป็นเจ้าบรรลุแล้ว ขอฉันบรรลุธรรมนั้นด้วยเถิดเจ้าค่ะ” พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ให้พรว่า เอวัง โหตุ ซึ่งแปลว่า เจ้าปรารถนาสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนา อันนี้เป็นปัจจัยให้นางขุตฉุตตราเกิดในชาติหลังเป็นหญิงที่มีปัญญามาก หญิงทั้ง 500 คน มีพระนางสามาวดีเป็นประธานต้องอาศัยคนนี้<o:p></o:p>
    พระก็ถามว่า “ในเมื่อขุตฉุตตราเป็นอย่างนั้นแล้ว ทำไมขุตฉุตตราจึงได้เป็นคนหลังค่อม”<o:p></o:p>
    เอาอีกแล้วพระก็แน่เหมือนกัน ไม่แน่เราก็ไม่รู้ ท่านสงสัย มีบุญมากนี่นะ พระพุทธเจ้าก็บอกว่า วันหนึ่งบรรดาสาวใช้ทั้งหลาย เวลาที่พระปัจเจกพุทธเจ้ามา ขุตฉุตตรานี่เป็นคนคล่องตัวมาก แต่หญิงสาวใช้คนอื่น ๆ ไม่เคยเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็อยากจะทราบว่า พระปัจเจกพุทธเจ้ารูปร่างเป็นยังไง เธอก็ไม่พูดเฉย ๆ ไปหยิบผ้ามาสไบเฉียงเข้า เอาขันมาอุ้มเข้า ทำเดินหลังค่อม ๆ นี่พระผู้เป็นเจ้าที่พระราชาเคารพมีลักษณะเป็นอย่างนี้ เลยเกิดเป็นหญิงค่อม 500 ชาติ<o:p></o:p>
    ท่านก็ถามต่อไปอีกว่า ทำไมเป็นคนรับใช้ของพระราชา พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ในสมัยหนึ่ง ขุตฉุตตราเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐี จำให้ดีนะ กรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ นี่ เวลานั้น มีพระพุทเจ้าเกิดขึ้นมาในโลก ก็มีนางภิกษุณีองค์หนึ่ง เพื่อนของนางขุตฉุตตราเป็นสาวรุ่นเดียวกัน เป็นพระอรหันต์ ตอนเย็นก็มาเยี่ยมที่บ้าน พอดีกระเช้าเครื่องแต่งตัวมันวางอยู่ นางภิกษุณีก็มานั่งคั่นกลางพอดี เธอก็ยกมือไหว้บอกว่า ขอประทานอภัยพระแม่เจ้า ช่วยหยิบกระเช้าเครื่องแต่งตัวทีเถอะ แค่นี้เองนะ ขออภัยแล้วนะ พระอริยเจ้านี่อย่าลืมนะ ทำบุญนิดหนึ่งก็บุญมหาศาล มันมีค่าเท่ากัน ในเมื่อเธอพูดแบบนั้น นางภิกษุณีก็คิดว่าเราจะหยิบให้เธอดีหรือไม่หยิบดี ถ้าเราหยิบให้เธอ เธอตายจากความเป็นคนแล้วต้องเป็นทาสเขา 500 ชาติ ขนาดขออภัยแล้วนะ ถ้าเราไม่หยิบให้เธอ เธอโกรธในเรา เธอต้องลงนรก ฉะนั้น การเกิดเป็นคน เป็นทาสเขา ดีกว่าลงนรก จึงหยิบให้ เรียกว่าด้วยความเมตตา<o:p></o:p>
    ก็สรุปว่า ถ้าเรายังกลับมาเกิดเป็นบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ท่านทุกคนที่นั่งที่นี่ คิดว่าถวายสังฆทานกันแล้วทุกคน หรือว่าสตางค์ทุกบาทที่ญาติโยมเอามาถวาย ไม่ได้ถวายสังฆทานก็เป็นสังฆทาน อาตมาถือว่าเป็นสังฆทานหมด เป็นสังฆทานด้วย เป็นวิหารทานด้วย ก็ถือว่าทุกคนมีสังฆทานแล้ว มีวิหารทานแล้ว มีบุญมหาศาลแล้ว ถ้าเกิดมาใหม่ ยังไงก็ตามต้องเป็นมหาเศรษฐี ถ้ามาเกิดใหม่ก็ต้องถูกกฎของกรรม เพราะอะไรรู้ไหม เพราะทุกคนมีบาป ฉะนั้น เมื่อเราทำบุญ บุญพาไปสวรรค์ บุญพาไปพรหมโลก บุญพาไปนิพพาน ถ้าพาไปนิพพานไม่เป็นไร ถ้าไปอยู่แค่สวรรค์ก็ดี พรหมโลกก็ดี ถ้าหมดบุญวาสนาบารมี ก็ต้องมาโดนกรรมประเภทนั้นอีก<o:p></o:p>
    อย่างปาณาติบาต เป็นเหตุให้คนมีอายุสั้น ตายบ้าง มีโรคภัยไข้เจ็บบ้าง อทินนาทาน ไฟไหม้บ้านบ้าง ขโมยลักของหายบ้าง ลมพัดให้บ้านพัง น้ำท่วมบ้านบ้าง กาเมสุมิจฉาจาร คนในปกครองดื้อด้านว่ายากสอนยาก มุสาวาท จะพูดดีแสนจะดีเขาก็ไม่ยอมจะเชื่อ สุราเมรัย อย่างเบาเป็นคนปวดหัว ปวดหัวมาก ปวดหัวบ่อย ๆ อย่างกลางเป็นโรคเส้นประสาท อย่างด็อกเตอร์เป็นบ้า<o:p></o:p>
    รวมความว่า กรรมทุกอย่างมันติดตาม เมื่อเรามาเกิดเป็นมนุษย์ ฉะนั้น ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกคน ตัดสินใจเสียเวลานี้ จนกว่าจะถึงวันตาย เวลาทำความดีทุกอย่าง ไอ้มือ 10 นิ้วนี่มันไม่สึกเวลาไหว้พระ เวลาตื่นขึ้นมาตอนเช้ายังไม่มีเรื่องอะไร กราบพระที่หมอนก็ได้ ไม่ต้องลุกไปที่ห้องพระก็ได้ ใจนึกถึงพระที่ไหน พระถึงเราที่นั่น เคารพพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ ด้วยความจริงใจ แล้วตั้งใจอธิษฐานว่า “เวลานี้ พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน ข้าพระพุทธเจ้าขอไปที่นั่น เวลาตายแล้ว” เอากันแค่นี้ เวลาใส่บาตร เวลาทำบุญ ทำทุกอย่าง ทำหวังนิพพานทั้งหมด ไม่ต้องการหวังผลตอบแทน ให้ข้าวกับคน จะทำงานตอบแทนหรือไม่ก็ช่างหัวมัน เราต้องการนิพพาน อะไรก็ตาม เราต้องการนิพพาน เมื่อเป็นอย่างนี้ทุกคนตายแล้ว อย่างต่ำต้องเป็นเทวดาเป็นนางฟ้า ต้องเป็น เว้นไว้แต่คนดื้อ คนฉลาด เป็นคนฉลาดก็อย่างคนที่เอาพระห้อยคอแล้วอย่าโง่ อย่าห้อยแบบโง่ ห้อยแบบฉลาด ๆ พระห้อยคอตอนเช้าก่อนออกจากบ้านก็ยกมือ สาธุ ตั้งนโม 3 จบ แล้วก็นึกด้วยความเคารพว่าต้องการผลอะไรวันนี้ ตั้งใจยังไงก็ตามใจ ค้าขายหรือมีเมตตามหานิยมอะไรก็ว่ากันไปเถอะ ทุกอย่างบารมีพระพุทธเจ้าย่อมช่วยได้ถ้าไม่เกินวิสัย ถ้าทำอย่างนี้ทุกวันทุกคนมีพุทธานุสสติประจำใจเสมอ ถ้าเวลาจะตายลงไปปั๊บ ภาพพระจะปรากฎเบื้องหน้า อันดับแรก แหงนหน้าอยู่ไม่มองเห็น จะเห็นพระที่คอ ต่อไปพระก็จะกลายเป็นพระสงฆ์ หรือเป็นพระพุทธรูปก่อนก็ได้ แล้วกลายเป็นพระสงฆ์ ไม่ช้าถ้าเราตายในขณะนั้น อารมณ์เราอย่างต่ำเราก็ไปสวรรค์ เอากันแค่อย่างต่ำก่อน<o:p></o:p>
    ณ โอกาสบัดนี้ อาตมภาพจะแสดงพระสัทธรรมเทศนาในกฎของกรรมคาถา เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองคศรัทธาบารมี ที่บรรดาท่านนริศราทานบดีทั้งหลายได้พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศลประจำปักษ์ในวันนี้ การที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายตั้งใจมาบำเพ็ญกุศลบุญราศี เพราะว่ามีความดีที่จะพึงปฏิบัติ เพราะทุกคนได้มีความเคารพในองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์เป็นเหตุ จึงได้พากันปฏิบัติตนตามคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ ก็คือ<o:p></o:p>
    1. ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน เพราะการให้ทานเป็นปัจจัยการตัดโลภะ ความโลภ เป็นบันไดขั้นหนึ่งที่จะไปนิพพาน<o:p></o:p>
    ประการที่ 2 สีลมัย ทุกคนตั้งใจสดับรับรสพุทธพจน์เทศนาในคำแนะนำ คำว่าศีลเสียก่อน คือรับศีลก่อน เพราะว่าศีลองค์สมเด็จพระชินวรทรงกล่าวว่า เป็นปัจจัยทำลายโทสะ ความโกรธ เป็นบันไดขั้นที่สองเข้าถึงนิพพาน<o:p></o:p>
    ประการที่ 3 บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ตั้งใจสดับรับรสพุทธพจน์เทศนาเป็นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นเหตุการสดับรับรสพุทธพจน์เทศนานี้ องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์กล่าวว่า เป็นปัจจัยให้เกิดปัญญา เป็นการตัดโมหะ ความหลงโดยที่สุด ความตรงที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายตั้งใจปฏิบัติวันนี้ ก็คือหวังนิพพานเป็นเหตุ ว่าหนึ่ง ทานเป็นการตัดโลภะ ความโลภ สอง ศีลตัดโทสะ ความโกรธ สามฟังเทศน์ ตัดโมหะ ความหลง เป็นการปฏิบัติตรงต่อพระนิพพาน ตามที่สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อุปตตกเศรษฐี<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สำหรับการเทศน์วันนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัทอากาศมันก็หนาวมากไปหน่อย คนเทศน์ก็หนาว พระเทศน์ก็หนาว คนฟังเทศน์ก็หนาว เป็นอันว่าถ้าเทศน์เวลาหนาว ๆ และถ้าเทศน์ธรรมะมากไปคนฟังก็หลับ รวมความว่าวันนี้ขอเทศน์พระสูตรเป็นเรื่องใหญ่ ขอนำพระสูตรเรื่องนี้ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรตรัสไว้ คือเรื่อง อปุตตกเศรษฐี อปุตตกเศรษฐีแปลว่า เศรษฐีไม่มีบุตร เนื้อความก็มีอยู่ว่า<o:p></o:p>
    เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ เวลานั้นองค์สมเด็จพระบรมครูปรารถเศรษฐีคนหนึ่ง ที่มีนามว่าอปุตตกเศรษฐี ในการนั้น องค์สมเด็จพระมหามุนีประทับอยู่ในพระมหาวิหาร ปรากฎว่าตอนกลางวันเวลายังไม่เย็นยังไม่ค่ำ เป็นเวลาแปลกกว่าวันอื่นตามธรรมดา พระเจ้าปเสนทิโกศลบรมกษัตริย์ พระบาทท้าวเธอจะทรงเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเฉพาะเวลาใกล้ค่ำหรือเวลาค่ำ บรรดาพระสงฆ์เสร็จภารกิจแล้ว แต่ทว่าวันนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลได้เข้าเฝ้าองค์สมเด็จพระประทีปแก้วเป็นเวลากลางวัน คือบ่ายเพียงเล็กน้อยเมื่อตะวันคล้อยไปไม่มาก เสร็จภารกิจก็เข้าไปแวะหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าเห็นพระเจ้าปเสนทิโกศลมาเวลาแปลก คือมาผิดเวลากว่าวันอื่น จึงมีพระพุทธฎีกาว่า มหาราชะ ขอถวายพระพรพระมหาบพิตรพระราชสมภาร วันนี้มีเวลาว่างจากกิจการงานหรือไรจึงมาแต่วัน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สมบัติเป็นของหลวงผ่านมา 6 ชาติแล้ว<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระเจ้าปเสนทิโกศลก็กราบทูลองค์สมเด็จพระภควันต์ว่า ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญพระพุทธเจ้าข้า วันนี้ข้าพระพุทธเจ้าไปจัดการให้เจ้าหน้าที่ขนทรัพย์สมบัติของอปุตตกเศรษฐี คือว่าเศรษฐี มหาเศรษฐีที่ไม่มีบุตร ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้จักดี เวลานี้เธอตายจากความเป็นคนไปแล้ว ครั้นเมื่อเธอตายจากความเป็นคนแล้ว ก็ประกาศหาญาติเป็นผู้รับมรดก แต่ปรากฎว่าไม่มีใครเป็นญาติของเธอ เธอไม่มีลูก เธอไม่มีหลาน เธอไม่มีใครทั้งหมด ฉะนั้น เมื่อทรัพย์ทั้งหลายของบุคคลใดก็ตาม ไม่ปรากฎทายาทเป็นผู้รับมรดก จึงจะให้บรรดาข้าทาสชายหญิงทั้งหลายเป็นอัสระ แล้วก็ขนทรัพย์ของมหาเศรษฐีนั้น ต้องขนทั้งสิ้นเวลา 7 วันจึงจะหมด เมื่อทรัพย์หมดวันนี้ ข้าพระพุทธเจ้าจึงได้แวะมาหาองค์สมเด็จพระชินสีห์<o:p></o:p>
    แล้วพระพุทธเจ้าก็กล่าวว่า มหาราชะ ขอถวายพระพรพระมหาบพิตรพระราชสมภาร แต่ความจริงเศรษฐีคนนี้เมื่อเป็นมหาเศรษฐีแล้ว ตายแล้วก็ต้องนำทรัพย์เข้าเป็นของหลวงนั้นถึง 7 ชาติด้วยกัน คือชาติก่อน ๆ ผ่านมาแล้ว 6 ชาติ ก็มีสภาพแบบนี้ เมื่อเธอเป็นมหาเศรษฐีแล้วตายก็ไม่มีใครรับมรดก คือไม่มีลูกรับมรดก ถ้าไม่มีลูกเขาก็ถือว่า หลานที่ใกล้ชิดมีไหม หลานที่ใกล้ชิดก็มี แต่ว่าหลานนี้ต้องเป็นลูกของลูก ในเมื่อไม่มีลูกก็ต้องไม่มีหลาน เมื่อลูกไม่มีจะรับมรดก หลานไม่มีรับมรดก ก็ต้องตกเป็นของหลวง พระพุทธเจ้าบอกว่า อาการอย่างนี้เป็นมาแล้ว เป็นชาติที่ 7 แล้ว สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า มหาราชะ ขอถวายพระพรพระมหาบพิตรพระราชสมภาร เหตุความเป็นมาของมหาเศรษฐีมีดังนี้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กรรมที่ทำให้ไม่มีลูก<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คือว่าในกาลนานมาแล้ว ในสมัยองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว คือพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ เศรษฐีคนนี้เกิดขึ้นมาเป็นคนแบบนี้ เป็นคนร่ำรวยแบบนี้ แต่ทว่าเขามีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง ต่อมาพี่ชายก็มีลูกเล็ก ๆ คนหนึ่ง ในเมื่อพี่ชายมีลูกเล็ก ๆ พี่ชายก็ตายหมดอายุขัย หลังจากนั้นเขาจะไปทางไหนเขาก็นำลูกชายของพี่ชายไปด้วย สำหรับลูกชายของพี่ชายนั้นก็เป็นเด็กพูดเก่ง เป็นเด็กที่มีความฉลาด เมื่อไปถึงทิศไหนพบใครก็บอกว่า<o:p></o:p>
    “นี่คุณอาของผมครับ รถที่ขี่มานี่เป็นรถของพ่อของผม บ้านที่ผมอยู่ก็เป็นบ้านของพ่อผม ทรัพยฺ์สินต่าง ๆ ก็เป็นทรัพย์สินของพ่อผม”<o:p></o:p>
    เธอก็พูดอย่างนี้ตลอดเวลา ปรากฎว่าต่อมามหาเศรษฐีคนนี้ซึ่งเป็นอาต้องเลี้ยงเด็กคนนั้น ก็มาคิดในใจว่า เจ้าหลานชายคนนี้ ในเมื่ออายุมันแค่เล็ก ๆ แค่ 3-4 ปี ขณะนี้ มันยังพูดอย่างนี้ว่า โน่นก็ทรัพย์ของพ่อผม นี่ก็ของพ่อของผม ทุกสิ่งทุกอย่างของพ่อมันทั้งหมด ขนาดที่เป็นเด็กมันพูดอย่างนี้ แล้วถ้าโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่เป็นหนุ่มเป็นสาว ทรัพย์สมบัติทั้งหลายเหล่านี้ทั้งหมดเราก็ไม่มีสิทธิ์จะครอง เพราะเจ้าเด็กคนนี้มันก็ต้องครองทรัพย์สินแทนพ่อของมัน แต่ความจริงเราเป็นน้องเราก็มีสิทธิ์รับมรดก แต่ว่าอาการอย่างนี้ที่จะปรากฎถึงความเดือดร้อนจะมีกับเรา จึงหาทางตัดไฟแต่ต้นลม วันหนึ่งก็นำเด็กคนนี้ นำหลานชายเข้าไปเที่ยวในป่าหลังบ้าน พอไปที่ลับหูลับตาของคนแล้ว ก็จัดการบีบคอเด็ก บีบคอเสียจนตายก็ซุกไว้ เอาใบไม้ทับแล้วกลับบ้าน<o:p></o:p>
    องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า กฎของกรรมอย่างนี้ติดตามเขามานาน แต่องค์สมเด็จพระพิชิตมารยังไม่กล่าวถึงกฎของกรรมชั่วหรือบาปในตอนนี้ องค์สมเด็จพระมหามุนีก็กล่าวว่า การที่เขาจะเป็นมหาเศรษฐีได้เพราะมีบุญเก่าอย่างนี้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    บุญที่ทำให้เป็นมหาเศรษฐี<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ท่านกล่าวว่า ในสมัยครั้งหนึ่ง มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ท่านมาบิณฑบาตรใกล้บ้านของเขา เข้ามาในเขตของบ้าน เจ้าของบ้านคนนี้ปรากฎว่าไม่เคยให้ทานมาในกาลก่อน ขึ้นชื่อว่าต้องควรจะให้อย่างนั้นกับคนนั้น ควรจะให้อย่างนี้กับคนนี้ก็ดี ควรจะนำของถวายพระก็ดี ไม่เคยออกปากมาก่อน คือไม่เคยให้ทาน แต่ทว่าวันนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านเสด็จมา เขาก็เกิดความรำคาญว่า สมณะโล้นคนนี้พยายามรบกวนเราอยู่เสมอ แต่ความจริงท่านไม่เคยมา เขาจึงกล่าววาจาด้วยความไม่ตั้งใจว่า เอ้า..ใครอยากจะให้อะไรก็ให้ไปก็แล้วกันนะ แล้วเขาก็ลุกหนีไปด้วยความรำคาญ<o:p></o:p>
    เป็นอันว่าแม่บ้านคือภรรยาของเขา ได้ฟังคำว่าใครจะให้อะไรกับพระก็ให้เถิดอย่างนี้ เธอคิดว่าถ้อยคำนี้ไม่เคยมีแก่บุคคลคนนี้ แต่ทว่าวันนี้คนนี้ใจดี แนะบอกให้เราให้อะไรก็ให้ได้ จึงนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าเข้ามาในบ้าน นิมนต์ท่านนั่งแล้วก็รับบาตร เมื่อรับบาตรแล้วก็จัดอาหารอย่างดีที่สุดที่ตนเองก็ไม่ค่อยจะได้กินนัก เป็นธรรมดาของชาวบ้านที่เวลาที่จะทำบุญ บางทีตนเองก็ไม่มีอะไรจะกิน มีเล็ก ๆ น้อย ๆ มีผักบ้าง มีพริกบ้าง มีปลาทูบ้าง บางทีปลาทูก็ไม่มีบ้าง กินกันไปแค่อิ่ม ๆ แต่ทว่าเวลาจะทำบุญนี้จริง ๆ จัดอาหารที่มีรสเลิศที่ดีที่สุดที่คิดว่าจะพึงมีได้ บางทีตนเองก็ไม่ได้กินอย่างนั้น นี่เป็นเวลาของคนที่ทำบุญด้วยศรัทธาแท้ เมื่อแม่บ้านจัดอาหารอย่างดีเสร็จ ก็บรรจุลงในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อใส่ของเต็มเป็นที่พอใจแล้ว ก็ประเคนพระปัจเจกพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าก็รับบาตรไป ก็เดินออกไปจากบ้าน ก็พอดีนายบ้านคือพ่อบ้านเดินสวนทางมาพอดี<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทานที่ให้ขาดเจตนาแต่ก็มีอานิสงส์<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เขาก็คิดในใจว่า สมณะโล้นคนนี้ได้อะไรบ้างนี่ เขาไม่เต็มใจ จึงถามท่านว่า ท่านได้อะไรมาบ้าง พระปัจเจกพุทธเจ้าก็บอกว่า ได้ตามที่เขาให้มา เขาจึงขอดูบาตร พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ให้ดูบาตร เขามีความรู้สึกว่าอาหารที่มีรสเลิศ อาหารชั้นเลิศดี ๆ ทั้งหมดที่คนในบ้านให้พระปัจเจกพุทธเจ้าไป รู้สึกเสียดายในอาหาร ขาดเจตนาหลัง แล้วก็มีความรู้สึกในใจว่า อาหารอย่างดีอย่างนี้ไม่ควรจะมีแก่สมณะโล้น เพราะว่าสมณะโล้นนี่กินแล้วก็นอน ไม่มีการมีงาน ไม่เป็นประโยชน์กับเรา ถ้าหากอาหารทั้งหลายเหล่านี้ทำให้แก่ทาสกรรมกรของเราจึงจะมีประโยชน์กว่า เพราะว่าเธอกินแล้วเธอก็ทำงานให้กับเรา เขาคิดอย่างนี้นะ แค่คิดแต่ว่าเขาไม่ได้ทำ คือไม่ได้แย่งข้าวมา หลังจากนั้นแล้วก็ส่งบาตรให้พระปัจเจกพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าก็หลีกไป เขาก็กลับเข้ามาบ้าน<o:p></o:p>
    องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า มหาราชะ ขอถวายพระพรพระมหาบพิตรพระราชสมภาร เพราะอาศัยบุญที่เขาบำเพ็ญกับพระปัจเจกพุทธเจ้าโดยไม่มีการเต็มใจ นั่นคือเขาไม่ได้ให้กับมือของเขา ที่เขาพูดไปก็กล่าววาจาลอย ๆ ว่า ใครจะให้อะไรก็จงให้ แต่เขาพูดด้วยความไม่เต็มใจ ด้วยความไม่อยากจะให้ หลังจากที่พระปัจเจกพุทธเจ้ารับทานแล้ว เขาก็ยังมีความเสียดายว่า ให้กับสมณะโล้นไม่มีประโยชน์ ไม่ทำงานให้กับเรา ถ้าให้กับทาสกรรมกรของเราจะมีประโยชน์กว่า เธอกินอิ่มแล้วก็ทำงานให้กับเรา นี่ความจริงอาการอย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกคนอาจจะคิดว่า บุญนี้ไม่มีอานิสงส์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า บุญนี้ก็มีอานิสงส์<o:p></o:p>
    1. เขาไม่ตั้งใจ (จำให้ดีนะ)<o:p></o:p>
    2. พูดสั่งลอย ๆ ว่า ใครจะให้อะไรก็ให้ โดยไม่มีความเต็มใจ<o:p></o:p>
    3. มีความรู้สึกเสียดาย เวลาที่พระปัจเจกพุทธเจ้ารับไปเห็นว่าเป็นของดี<o:p></o:p>
    อันนี้ ถ้าเราจะถามกันระหว่างนักเทศน์ ก็ตอบว่าไม่มีอานิสงส์ แต่ความจริงตอบอย่างนี้ผิด<o:p></o:p>
    พระพุทธเจ้ากล่าวว่า พระมหาบพิตรพระราชสมภาร บุญอย่างนี้ก็มีอานิสงส์ เป็นเหตุให้บุคคลคนนี้พร้อมด้วยครอบครัวที่บำเพ็ญกุศลแล้ว ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลกถึง 7 ครั้ง เห็นไหม แต่ว่าการเป็นเทวดาของบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การบำเพ็ญกุศลโดยไม่เต็มใจ สภาพความเป็นทิพย์ก็เศร้าหมองเล็กน้อย แต่ว่าถึงอย่างไรเขาก็เป็นเทวดา ผัวก็เป็นเทวดา เมียก็เป็นนางฟ้า ลูกเต้าก็เป็นเทวดาบ้าง นางฟ้าบ้างร่วมกัน ตลอดจนกระทั่งคนรับใช้ที่เขาช่วยจัดการงาน จัดอาหารให้พระปัจเจกพุทธเจ้า ช่วยกันบรรจุในบาตร ทุกคนก็เป็นนางฟ้าเป็นเทวดาร่วมกัน พระพุทธเจ้ากล่าวว่า บุญประเภทแค่เล็กน้อยเท่านี้ ถึงเขาไม่เต็มใจ ก็บันดาลให้เขาเกิดเป็นเทวดาเป็นถึงนางฟ้า
    7 ครั้ง แล้วก็ลงมาเป็นมหาเศรษฐีในเมืองมนุษย์ ในกรุงสาวัตถีนี้จริง ๆ โดยเฉพาะเมืองนี้ 7 ครั้งเหมือนกัน
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผลของทาน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ละคราวที่เขาเป็นมหาเศรษฐี องค์สมเด็จพระมหามุนีตรัสอย่างนี้ บุคคลคนนี้ใช้ของดีไม่ได้ กินของดีที่มีรสเลิศไม่ได้ กินข้าวปกติไม่ได้ กินข้าวมีเม็ด ๆ เต็มเม็ดไม่ได้ กินข้าวหักก็ไม่ได้ ต้องกินปลายข้าวละเอียด อาหารที่เขากินประจำนั้นก็คือ ปลายข้างต้มกับน้ำผักดองเป็นกับ เขากินได้เท่านี้ เอร็ดอร่อยมากเป็นที่พอใจ ครั้นเวลาคนทั้งหลายนำถาดทองคำใส่อาหารมาให้ เขาก็หาว่าประชดประชันเขา เขาก็ไล่ขว้าง ไล่ตีบ้าง ถ้านำผ้าใหม่ ๆ มาให้ เขาก็หาว่าประชดประชันเขา เขาไล่ขว้าง ไล่ตีบ้าง ก็โยนทิ้งไป ต้องนุ่งผ้าเก่า ๆ ที่ชาวบ้านใช้ซ้ำแล้วซ้ำอีกนั่นแหละ เขานุ่งได้ ร่มธรรมดาที่คนใช้จะกางร่มให้เวลาร้อน เขาก็ไม่ต้องการ ไล่ทุบไล่ตี หาว่าประชดประชัน แต่ว่าเขานั้นจะใช้แค่กิ่งไม้ที่มีใบไม้บ้างบังแดดเท่านั้น เป็นที่พอใจ<o:p></o:p>
    องค์สมเด็จพระจอมไตรกล่าวว่า ความเป็นมหาเศรษฐีที่มีขึ้นมาได้ เพราะอานิสงส์ที่มีคำสั่งให้ทุกคนใครก็ได้ ใส่บาตรแก่พระปัจเจกพุทธเจ้า แต่ว่าเขาสั่งด้วยความไม่เต็มใจ แต่ว่านั่นเป็นคำสั่ง ผลทานเกิดแก่เขา อันนี้ บันดาลให้เขาเป็นมหาเศรษฐี แต่ว่าการเกิดเป็นมหาเศรษฐีแต่ละครั้งก็ใช้ของดีไม่ได้ เพราะการไม่เต็มใจถวายพระ ความไม่เต็มใจนี่ แทนที่จะกินอาหาร มีมธุปายาส เป็นต้น นี่กินไม่ได้ อาหารที่ข้าวที่เป็นเม็ดเต็มก็กินไม่ได้ เม็ดหักก็กินไม่ได้ ต้องกินปลายข้าวกับน้ำผักดอง นี่การถวายภัตตาหารแก่บรรดาพระสงฆ์ พระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นประธาน อันนี้เพราะความไม่เต็มใจ<o:p></o:p>
    ต่อมา พระพุทธเจ้าก็ทรงบอกว่า เขาไม่มีบุตร เกิดทุกชาติ 7 ชาติ นี่เขาไม่มีบุตร เพราะโทษฆ่าลูกของพี่ชาย การฆ่าลูกชายของพี่ชายนี่เป็นปัจจัยให้เขาเองไม่มีบุตร ไม่มีใครรับมรดก ฉะนั้น การเป็นมหาเศรษฐีในเมืองสาวัตถีของเขา 7 ครั้ง ลงจากความเป็นเทวดามาบุญหย่อนหน่อยหนึ่งก็มาเกิดเป็นมหาเศรษฐี ตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดเป็นเทวดา ลงจากเทวดาก็เป็นมหาเศรษฐี สลับกันไปสลับกันมาอย่างนี้เป็นครั้งที่ 7 เพราะกำลังบุญที่ถวายกับพระปัจเจกพุทธเจ้าครั้งเดียว โดยความไม่เต็มใจ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กรรมเก่าส่งผล<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่องค์สมเด็จพระจอมไตรก็บอกว่า เขาเป็นมหาเศรษฐีอย่างนี้เพราะอาศัยการไม่มีบุตร เมื่อเขาตายแล้วต้องขนทรัพย์เป็นของหลวง 7 ชาติ ที่ผ่านมาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวว่า การที่เขาเป็นเทวดาเกิดบนสวรรค์ได้ถึง 7 ครั้ง แล้วเกิดเป็นมนุษย์ 7 ครั้ง สลับกันไปสลับกันมาอย่างนี้ กฎของกรรมที่เป็นอกุศลยังไม่ให้ผล นั่นคือเป็นผลของความดีที่ถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้ง ๆ ที่ไม่เต็มใจ ต่อมาชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย นั่นคือ เขาลงมาจากความเป็นเทวดาแล้วก็เกิดเป็นคน เป็นมหาเศรษฐี ต้องใช้ของเลว ๆ กินของเลว ๆ แบบนี้ เพราะไม่เต็มใจถวายทาน<o:p></o:p>
    เมื่อเขาตายชาตินี้แล้ว องค์สมเด็จพระพิชิตมารก็กล่าวกับพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า มหาราชะ ขอถวายพระพรพระมหาบพิตรพระราชสมภาร ต่อแต่นี้ไปที่เขาตายแล้วนั้น เขาไม่กลับไปเป็นเทวดาอีก เพราะบุญบารมีที่ถวายแก่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้นหมดแล้ว ครั้งที่ 7 หมดกัน เกิดเป็นเทวดา 7 ครั้ง เกิดเป็นคน 7 ครั้ง ถวายทานครั้งเดียวหมดกัน บุญหมดไป ต่อนี้เขารับผลกฎของกรรมใหญ่ คือฆ่าลูกของพี่ชาย เวลานี้มหาเศรษฐีคนนี้คืออปุตตกเศรษฐี ไปเกิดในนรกชื่อว่า มหาโรรุวนรก เป็นนรกขุมที่ 7 มีอายุเสวยกฎของกรรมอยู่ที่นรกขุมนั้นสิ้นเวลาครึ่งกัป เมื่อพ้นจากกฎของกรรมในนรกขุมที่ 7 แล้ว ก็ต้องผ่านนรกบริวาร 4 ขุม เวลานับไม่ได้ ก็เรียงลำดับมากว่าจะเกิดเป็นคนก็นาน<o:p></o:p>
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน วันนี้นำพระสูตรเรื่องสั้น ๆ มาคุยสู่กันฟัง เพราะว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะได้พึงทราบกฎของกรรมว่า กรรมที่เราทำความดีคือ ทำบุญ บุญ ก็แปลว่า ดี หรือกรรมที่กระทำความชั่ว คือ บาป มันไม่ทิ้งจากเราไป ขณะใดที่กรรมที่เป็นกุศลให้ผลอยู่ เวลานั้นเราก็มีความสุข ถ้าตายจากความเป็นคนก็ไปเสวยความสุขในสุคติ มีสวรรค์บ้าง พรหมบ้าง เป็นต้น ทั้งนี้ ถ้ากำลังใจยังไม่ถึงที่สุด แต่ถ้าหากว่าบุญนั้นยังไม่ส่งผลที่สุดเพียงใด ถ้าบุญคลายตัวลงมาเป็นเทวดาหรือเป็นนางฟ้าไม่ได้ อ่อนไป บุญอ่อนไปก็มาเกิดเป็นคน หลังจากเกิดเป็นคน ประกอบความดีบ้างเล็กน้อยพอสมควร อาศัยบุญเก่ายังไม่สิ้นไป ตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดเป็นเทวดาเกิดเป็นนางฟ้า อย่างนี้ย่อมมีอยู่ อาการอย่างนี้เป็นปัจจัยให้บุคคลตกอยู่ในความประมาท คิดว่าการเป็นเทวดา การเป็นนางฟ้าของเราจะยืนนาน จะทรงตัวนานตลอดกาลตลอดสมัย แต่ก็ลืมไปว่ากฎของกรรมเก่าของเรามีที่เป็นอกุศล คือ<o:p></o:p>
    1. การฆ่าสัตว์ เรามี<o:p></o:p>
    2. การลักทรัพย์ ขโมยทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ อาจจะมีก็ได้<o:p></o:p>
    3. กาเมสุมิจฉาจาร เราอาจจะมีอยู่บ้าง<o:p></o:p>
    4. การพูดมุสาวาท เราอาจจะมีอยู่บ้าง <o:p></o:p>
    5. การดื่มสุราเมรัย เรายังมีอยู่<o:p></o:p>
    ว่าเฉพาะ ปัญจเวร 5 ประการนี้ยังหยาบเกินไป กฎของกรรมที่ทำให้เราตกนรกยิ่งกว่านี้มีอยู่อีกฝ่ายธรรมะ แต่ก็จะยังไม่พูดในวันนี้ เพราะเวลามันเหลือนิดหน่อย ฉะนั้น ในเมื่อความดีที่เราทำอยู่ แต่กฎของกรรมความชั่วยังไม่ให้ผล เราก็หลงระเริงคิดว่าเรามีความสุข ต่อไป ถ้าเราเผลอเมื่อไร หรือว่ามีความประมาท คิดว่าความดีมีมากพอแล้ว ไม่ส่งเสริมต่อ ถ้ากฎของความดีนั้นหมดไปเมื่อไหร่ ก็เหมือนกับอปุตตกเศรษฐีต้องลงนรก ใกล้อเวจี เหลืออีกขุมเดียวก็ถึงอเวจี การทำบาปที่เป็นอาจิณกรรม ที่เป็นปาณาติบาต เป็นต้น สามารถดลบันดาลให้คนลงอเวจีได้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คุณพระรัตนตรัย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งของสงฆ์หรือของวัด ไม่ว่าวัตถุใด ๆ แม้จะเป็นกระเบื้องแตก ๆ เล็ก ๆ ชิ้นเล็ก ๆ ก็ถือว่าเป็นของสงฆ์ ถ้าบุคคลนำไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสงฆ์ คำว่าสงฆ์นี่ ต้องสงฆ์หรือว่าพระเห็นชอบพร้อมกัน ไม่ใช่พระองค์ใดองค์หนึ่ง หรือไม่ใช่เจ้าอาวาสนำของสงฆ์ไปโดยที่สงฆ์ไม่เห็นชอบด้วย ท่านทั้งหลายลงอเวจีมหานรกเลย กฎของกรรมอย่างนี้อาจจะมีอยู่กับบรรดาท่านพุทธบริษัท ฉะนั้น ขอให้ทุกคนจงอย่างประมาท หาทางหนีกฎของกรรมของอกุศลกรรม คือความชั่ว ว่าคนทุกคนย่อมมีความชั่ว ตั้งใจคิดว่า ถ้าตายคราวนี้ ผลของความชั่วต้องไม่มีกับเรา คือความชั่วน่ะมีอยู่ แต่ผลไม่ได้เกิดกับเรา เราทำอย่างไร อันดับแรกก็ตั้งใจนึกถึงคุณพระรัตนตรัย คือคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง<o:p></o:p>
    ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงแนะนำว่า ทุกคนพยายามทำบุญบ่อย ๆ คำว่าทำบุญนี้ ท่านพุทธบริษัทก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเงินสิ้นทองเสมอไป เรามีอาหารเราก็ถวายอาหาร เรามีข้าวเราก็ถวายข้าว มีผักเราก็ถวายผัก มีพริกถวายพริก ถ้าเผอิญมันไม่มีจริง ๆ ข้าวทัพพีเดียวก็ไม่ยอมจะมี มีบ้างพอกินบ้างเล็กน้อยก็ไม่สมบูรณ์บริบูรณ์ ทำยังไงจะเป็นบุญ ก็ใจกำลังใจของเรา บรรดาท่านพุทธบริษัท น้อมใจเคารพในองค์สมเด็จพระจอมไตร คือพระพุทธเจ้า พอตื่นขึ้นเช้าปั๊บ กว่าจะผ่านจากที่นอนไป ก็เข้าห้องพระหรือว่าพระมีอยู่ที่หัวนอน ตั้งใจกราบพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ จะว่า นะโม ตัสสะ หรือไม่ว่าก็ตามใจ ให้ใจเคารพก็แล้วกัน ทุก ๆ ครั้ง ที่เราจะจากที่นอนไป ตั้งใจไหว้พระด้วยความเคารพ ด้วยความจริงใจ เพียงเท่านี้ทุกวัน ต่อไปจิตของท่านจะชิน พอจิตนึกถึงพระพุทธรูปเป็นการชินแล้ว คำว่าชิน นั้นหมายถึงฌาน<o:p></o:p>
    ฌาน คืออารมณ์ชิน มันนึกจนชิน ถึงเวลาคิดว่าเวลานี้เป็นเวลากราบพระของเรา เราก็กราบ ต่อไปถ้าไปอยู่ในสถานที่ใดที่อื่นจากบ้านของเรา ถึงเวลานั้นเราก็คิดว่า เวลานี้เป็นเวลาจะกราบพระ ถึงแม้ไม่มีพระพุทธรูปอยู่ เราก็ตั้งใจกราบด้วยความเต็มใจ ถ้าเป็นอย่างนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ถือว่าทุกท่านมีฌานในพุทธานุสสติกรรมฐาน <o:p></o:p>

    วันนี้ก็จะเล่าเรื่องกฎของกรรม กรรมที่น่าคิดก็คือเรื่องโกตุหลิกะ โกตุหลิกะนี่เป็นตอนหนึ่งของเรื่อง “สามาวดี” กรรมติดตามกันทั้งบุญและบาป อันนี้น่าฟังนะ เรื่องมีอยู่ว่า ท่านโกตุหลิกะนี้ท่านเป็นคนจน ทั้งสองตายายก็จนกันทั้งคู่ เขายังหนุ่มอยู่ มีลูกอยู่คนหนึ่งยังคลานไม่ได้ เวลานั้นเขาอยู่เมืองอารัพภกะ เขาอยู่แคว้นอารัพภกะ เป็นอันว่า เวลานั้นปรากฎว่าข้าวยากหมากแพง ฝนแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล ความจนเกิดขึ้น และก็ประกอบกับโรคอหิวาต์เกิดขึ้น ทั้งสองคนตายายและลูกน้อยคนหนึ่ง ก็ต่างคนต่างหนีจากเมืองนั้นมา เมืองโกสัมพี ก็เป็นอันว่าคนจนนี่ก็มีอะไรไม่มาก ก็มีข้าวสุกติดมาเล็กน้อย กินน้อย ๆ อยู่ได้แค่สามวันแล้วก็ผ่านป่ามา ยังไม่ทันจะพ้นป่า ข้าวหมด ต้องเดินอดมาอีกสามวัน อดอาหารสามวันนี่ต้องคิด<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทิ้งลูก<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ต่อมาท่านสามีคือ โกตุหลิกะ แกคิดว่าลูกเล็ก ๆ อุ้มไม่ไหว ทิ้งไว้นอนตายกลางป่าดีกว่า ต่อมา เมื่อท่านพ่อคิดว่าลูกนี้อุ้มไม่ไหว เพราะอดข้าวมาสามวัน ก็ต้องคิด ปรึกษาภรรยาบอกว่าทิ้งซะดีไหม เราก็ยังหนุ่มยังสาว อยู่ไม่ช้าก็มีลูกใหม่ได้ สำหรับภรรยามีความรักลูก บอกว่าไม่ได้ ทิ้งไม่ได้ ต่อมาวันที่สี่เธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ปล่อยภรรยาเดินออกหน้า ไปไกลหน่อยในป่า เธออยู่ข้างหลังเห็นภรรยาไปไกล ก็เข้าไปโคนต้นไม้ เอาใบไม้มารอง เอาลูกวางไว้ ทำเดินช้า ๆ กว่าจะทันภรรยาก็ไกล ภรรยาไม่เห็นลูก ก็ถามว่า ลูกไปไหน เธอก็บอกว่า เอาไปวางไว้ที่โคนต้นไม้โน้น ภรรยาบอกว่า ถ้าไม่มีลูกฉันไปไม่ไหว ก็กลับมาดูลูก พอดีลูกตายไปเสียแล้ว ไอ้นั่นเจตนาจริง ๆ เพราะฆ่าลูก แต่ความโกรธของเขาไม่มี มันไม่ไหวจริง ๆ ดูกฎของกรรมต่อไปนะ เรื่องนี้มีกฎของกรรมตลอด จะได้ทราบเรื่องกฎของกรรม<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    บ้านนายโคบาล<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หลังจากนั้นเดินออกจากป่าก็เข้าถึงเขตเมืองโกสัมพี เมื่อเข้าเขตโกสัมพี เขาก็เข้าไปถึงบ้านนายโคบาล คำว่าโคบาลนี่คนเลี้ยงวัวขาย เลี้ยงโคนม เขามีวัวมาก วันนั้นบังเอิญบ้านนายโคบาลเขามีงานประจำปี เป็นการฉลองทำบุญประจำปี แต่การทำบุญประจำปีคราวนั้น ก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งที่เขานิมนต์ไว้ สองคนตายายออกจากเขตป่าแล้วหิวโซเซ ก็เดินเข้าไปในบ้านเขา เขาก็ถามว่าคุณสองคนมาจากไหน สองคนตอบว่า มาจากแคว้นอารัพภกะ เขาถามว่า จะมาทำไม บอกว่า อยากจะมาทำงาน รับจ้างทำงาน นายโคบาลเห็นคนท่าทางทรุดโทรมมาก จึงคิดว่าเรื่องทำงานเป็นของไม่ยาก ทีนี้บ้านนี้มีงานให้ทำ แต่ขอให้สองคนรับประทานอาหารเสียก่อน คงจะหิวมาก<o:p></o:p>
    เขาก็จัดข้าวมธุปายาส เขามีงานประจำปีของเขา ทำบุญประจำปี มีข้าวมธุปายาสมาก เลี้ยงคนจำนวนมาก เขานำข้าวมธุปายาสสองชามใหญ่ ๆ มาให้สองสามีภรรยา นี่ความจริงข้าวมธุปายาสนี่คนจนกินไม่ได้ เห็นข้าวมธุปายาสก็หม่ำไม่ยั้งตัว กินนะ ไม่เรียกว่ากินนะคุณนะ ต้องหม่ำนะ ว่าไม่ยั้งตัว สำหรับท่านภรรยา กินน้อย ๆ ค่อย ๆ กิน ประเดี๋ยวเดียว โกตุหลิกะกินหมดชาม ภรรยาก็ห่วงสามี ถามว่า พอไหม แกบอกว่ายังไม่พอ ภรรยาก็ส่งส่วนของเธอให้ เธอก็กิตต่ออีก ไม่ยั้งเหมือนกัน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สามีตายแล้วเกิดเป็นสุนัข<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ขณะที่กินข้าวมธุปายาส เวลานั้นนายโคบาลก็กินข้าวเหมือนกัน เขามีสุนัขตัวหนึ่ง เป็นพันธุ์พื้นเมือง เป็นตัวเมีย เป็นหมาที่เขาเลี้ยง ในเวลาที่เขากินข้าวเขาก็แบ่งอาหารที่เขากิน เป็นกับข้าวดี ๆ ให้สุนัขกิน เอาจานมาวางเข้าแบ่งอาหารให้กิน เป็นอาหารที่เขากินนะ โกตุหลิกะก็มีความรู้สึกว่า เราเป็นคนยังไม่มีอาหารดี ๆ อย่างนี้กิน สุนัขตัวนี้มันดีกว่าเรา กำลังชมเชยสุนัขอยู่แบบนั้น ไอ้โรคลมก็ดันขึ้นมาอืดตาย ตายปัจจุบัน อาศัยที่ใจเกาะสุนัขอยู่ก่อน จิตออกจากร่างก็เข้าท้องสุนัขทันที อาศัยที่เขาตายจากคน เป็นคนแล้วก็เป็นสุนัข จึงรู้ภาษามนุษย์มาก เกิดมาก็เป็นสุนัขแสนรู้<o:p></o:p>
    ในระหว่างนั้น ตามปกตินายโคบาลก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ที่เขามีความเคารพ เวลาพ้นจากฤดูฝนคือเดือนสิบสองมาแล้ว เขานิมนต์ท่านจากภูเขาคันธมาศน์ มาอยู่ประจำที่ภูเขาข้างบ้าน เช้าท่านก็ไปนิมนต์ท่านมาฉันภัตตาหาร พอเจ้าสุนัขตัวนี้โต เวลาเขาไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าเขาก็พาไปด้วย ไปถึงที่ตรงเป็นสุมทุมพุ่มไม้รกมาก นายโคบาลก็เกรงว่าสัตว์ร้ายจะอาศัยอยู่ เวลาที่พระปัจเจกพุทธเจ้าเดินมา อาจจะทำร้ายพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ แกจึงเอาไม้ตีพุ่มไม้และก็ส่งเสียงดังเพื่อไล่สัตว์ ไอ้เจ้าสุนัขตัวนั้นก็จำ พอไปถึงปากถ้ำพระปัจเจกพุทธเจ้า นายโคบาลก็หมอบคลานเข้าไปหาพระปัจเจกพุทธเจ้า แสดงความรักแสดงความเคารพ<o:p></o:p>
    ต่อมาบางวันที่นายโคบาลไปนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าไม่ได้ ก็สั่งเจ้าสุนัขตัวนี้บอกเจ้าจงไปนิมนต์พระมาฉันเช้า เจ้าสุนัขตัวนั้นมันก็ไป ถึงที่พุ่มไม้ที่นายโคบาลเคยตี มันก็เห่าบ้างกระโชกบ้างเพื่อไล่สัตว์ พอไปถึงหน้าถ้ำพระปัจเจกพุทธเจ้าก็เห่าบ้าง หอนบ้าง เป็นการแสดงว่า เขามานิมนต์ พระปัจเจกพุทธเจ้าห่มจีวร แล้วก็ตามเจ้าสุนัขมาเข้าบ้าน บางวันพระปัจเจกพุทธเจ้าท่านก็ลอง คิดว่าเจ้าสุนัขนี้จะรู้แน่หรือไม่รู้แน่ พอถึงทางเลี้ยวท่านทดลอง พอเจ้าสุนัขเลี้ยวท่านไม่เลี้ยวตาม เลี้ยวจะเข้าบ้าน ท่านเดินเลยไป เจ้าสุนัขก็วิ่งไปกั้นหน้า ในเมื่อท่านไม่หยุดมันก็เลยคาบสบงดึงมา ถ้าคาบจีวรดึงไม่มาได้นะคุณนะ ถ้าสบงไม่มาสบงหลุดนะ ต้องมา มันฉลาด ฉลาดพอ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ตายจากสุนัขเกิดเป็นเทวดา<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ต่อมาเมื่อถึงฤดูฝน พระปัจเจกพุทธเจ้าต้องไปจำพรรษาที่ภูเขาคันธมาศน์ อาศัยเจ้าสุนัขรักพระปัจเจกพุทธเจ้ามาก ท่านก็ลานายโคบาลไป เมื่อลาเสร็จ ท่านก็ลาสุนัข แล้วท่านก็เหาะไป เหาะไปช้า ๆ สุนัขตัวนี้ก็มองตามพระปัจเจกพุทธเจ้า เห่าบ้าง หอนบ้าง แสดงถึงความอาลัย พอพระปัจเจกพุทธเจ้าสุดสายตา สุนัขก็ขาดใจตาย ทีนี้การนึกถึงพระปัจเจกพุทธเจ้า ถ้าเป็นอย่างที่เราทำกันเขาเรียกว่า พุทธานุสสติกรรมฐาน เป็นการนึกถึงพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านก็เป็นพระพุทธเจ้าประเภทหนึ่งเหมือนกัน บรรลุเองเหมือนกัน มีบุญมาก อาศัยที่มีความเคารพรักในพระปัจเจกพุทธเจ้า บุญอันนี้เป็นปัจจัยให้สุนัขตัวนั้นตายจากความเป็นสุนัขไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก มีวิมานทองคำเป็นที่อยู่ มีนางฟ้า 1,000 เป็นบริวาร อันนี้จากกฎของกรรมที่เก็นกุศล จำไว้นะว่าสุนัขก็ทำบุญ เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ทำบุญได้<o:p></o:p>
    ต่อมาตามบาลีท่านบอกว่า อาศัยที่เห่าที่หอน แสดงความเคารพ และป้องกันพระปัจเจกพุทธเจ้า เทวดาองค์นี้จึงมีนามว่า โฆษกเทพบุตร โฆษก เขาแปลว่า กึกก้อง เสียงดังมาก แค่กระซิบ ๆ เสียงดังไป 16 โยชน์ กระซิบนะ แย่มั้ง นี่ไม่ต้องใช้สถานีวิทยุ ถ้าหากหัวเราะเต็มที่ดังก้องทั่วดาวดึงส์ แต่ว่าอาศัยที่สัตว์นี้บำเพ็ญกุศลในกำลังสูง คือมีพุทธา
    นุสสติกรรมฐาน นึกถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ กำลังบุญใหญ่ แต่ว่าปริมาณบุญน้อย มีเวลาทำน้อย กำลังใจน้อย ไปเป็นเทวดาไม่ช้าไม่นานนัก ก็จุติจากความเป็นเทวดา ญาติโยมฟังตรงนี้จงคิดว่า เวลาที่เขาเป็นเทวดาอาศัยบุญที่เป็นกุศลนะ กรรมที่เป็นกุศลที่เรียกว่ากุศลกรรม คือเคารพในพระปัจเจกพุทธเจ้า บันดาลให้เขาเป็นเทวดา แล้วไอ้กรรมที่ทิ้งลูกให้ตายยังมาไม่ถึง ตอนนี้ถึงละ
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กลับมาเกิดใหม่เป็นลูกโสเภณี<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ต่อมาเขาจุติมาแล้ว มาเกิดในท้องหญิงโสเภณี สมัยนั้นเขาเป็นตระกูล ๆ หนึ่งที่มีความสำคัญเหมือนกัน ไม่เหมือนสมัยนี้ สมัยนี้เราเหยียดหยามว่าโสเภณีเป็นคนชั้นต่ำ แต่เวลานั้นเขาไม่เหยียดหยาม เขาถือว่าตระกูลนี้มีความสำคัญตระกูลหนึ่ง คราวนี้ตระกูลโสเภณีเขาไม่ต้องการลูกผู้ชาย เขาสืบตระกูลไม่ได้ เขาต้องการแต่ลูกผู้หญิง เธอมาเกิดแล้วก็มาเกิดเป็นลูกผู้ชาย พอคลอดจากครรภ์มารดา คุณแม่ก็ถามคนรับใช้ว่า ลูกฉันน่ะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย คนรับใช้ก็บอกว่าเป็นผู้ชาย ตอนนี้กรรมทิ้งลูกเข้ามาสนองเป็นครั้งที่หนึ่ง เธอก็บอกว่า คำว่าลูกผู้ชายฉันไม่ต้องการ เอามันใส่กระด้งเอาไปทิ้งที่กองหยากเยื่อ นี่ครั้งหนึ่งละนะ กรรมที่ทิ้งลูกมา<o:p></o:p>
    ขณะที่เขาใส่กระด้งไปทิ้งที่กองหยากเยื่อ มีสุนัขกับกาล้อมรอบ แต่ว่ากรรมที่มีความเคารพในพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นกุศลกรรมช่วย อันนี้บาปกับบุญเข้าสนองพร้อมกัน คำว่าช่วย หมายความว่า สุนัขก็ดี กาก็ดี จะเข้าใกล้เด็กคนนี้ไม่ได้เลย ทุกตัวเข้าใกล้ไม่ได้ ตอนสายวันนั้น ก็มีชายคนหนึ่งออกมาจากบ้านจะไปธุระ เห็นเด็กเข้า เห็นกากับสุนัขล้อมอยู่ก็มีความสงสัย จึงเข้าไปดู ไปเห็นเด็กเข้าจึงเกิดความรัก มีความรู้สึกว่าต่อนี้ไปเราได้ลูกชายแล้ว ก็นำเด็กไปบ้าน ท่านก็บอกว่าเป็นกฎของกรรมที่เป็นกุศล ที่มีความเคารพมีความรักเห่าหอนป้องกันพระปัจเจกพุทธเจ้า ตอนนี้กรรมของการทิ้งเด็กยังตามมาอีก คนนี้ยังถูกเขาทอดทิ้งจริง ๆ เพื่อฆ่านี่ 7 ครั้ง แต่ว่ากรรมที่มีความเคารพในพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ช่วย 7 ครั้งเหมือนกัน ช่วยครั้งหลังเป็นมหาเศรษฐี<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ปุโรหิตทำนาย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ต่อมาวันนั้นปรากฎว่า ท่านมหาเศรษฐีในเมืองนั้น ตอนเช้าธรรมดามหาเศรษฐีต้องไปเฝ้าพระมหากษัตริย์เหมือนกับขุนนางต่าง ๆ ตอนเช้า ก่อนที่จะถึงวังพระมหากษัตริย์ก็พบปุโรหิตของพระมหากษัตริย์ก่อน มหาเศรษฐีถามว่า ท่านอาจารย์ เมื่อคืนนี้ดูดวงดาวหรือเปล่าว่าวันนี้จะมีอะไรบ้าง มีอะไรพิเศษบ้าง ท่านปุโรหิตก็บอกว่า ดูแล้ว วันนี้ไม่มีอะไรเป็นกรณีพิเศษ เว้นไว้แต่ว่าเด็กเกิดวันนี้ ต่อไปจะเป็นมหาเศรษฐีที่มีชื่อเสียงมากในวันหน้า พอดีก็เป็นการบังเอิญภรรยามหาเศรษฐีกำลังตั้งครรภ์แก่ ท่านมหาเศรษฐีก็บอกคนรับใช้ว่า กลับไปบ้านซิ ดูว่าเมียฉันออกลูกหรือยัง คนรับใช้ก็กลับมาบอกว่า ยังไม่ออกขอรับ<o:p></o:p>
    ท่านมหาเศรษฐีกลับจากเฝ้าพระราชาแล้วก็มานั่งคอยวันเวลา วันนั้นทั้งวันปรากฎว่าตั้งแต่เช้ายันเย็นภรรยายังไม่คลอดบุตร จึงเรียกสาวใช้มีนามว่ากาฬี เอ้า กาฬีเอาตังค์ไปพันกหาปนะ เท่ากับพันตำลึง ดูว่าเด็กคนไหนที่ปรากฎว่าเกิดวันนี้ที่มีอยู่ จงซื้อเขามาหนึ่งพันกหาปณะ พอดีกาฬีสาวใช้ไปที่บ้านนั้นก็ทราบ ไปสืบแล้ว เห็นว่ามีเด็กอยู่บ้านเดียว ก็ไปถามว่าเด็กคนนี้เกิดเมื่อไร แม่บ้านก็บอกเกิดวันนั้น เธอก็ต่อรองซื้อตั้งแต่ 1 ตำลึงไปถึง 1,000 ตำลึง เขาก็ให้ ให้แล้วมหาเศรษฐีก็นำมา มาทิ้งไว้อยู่หลายวัน มหาเศรษฐีก็เลี้ยงไว้ ประมาณเวลาล่วงเลยมาประมาณ 3-4 วันข้างหน้า ก็ปรากฎว่าลูกของแกออกมาเป็นผู้ชาย ทีแรกตอนที่นำมาเลี้ยงก็มีความรู้สึกว่า ลูกของเราเป็นผู้หญิง จะให้แต่งงานกัน ถ้าลูกเราเป็นผู้ชาย ไอ้เด็กคนนี้ต้องฆ่า เพราะมันจะแย่งตำแหน่งมหาเศรษฐีของลูกเรา ในเมื่อลูกของแกเกิดมาเป็นผู้ชาย อารมณ์คิดฆ่าก็เกิดขึ้น นี่กรรมที่ทิ้งเด็ก<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    มหาเศรษฐีให้นำทารกไปให้โคเหยียบ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ต่อมาวันหนึ่ง คืนวันหนึ่งเธอก็เรียกนางกาฬีเข้ามาบอกว่า ตอนเช้าตรู่ก่อนที่เขาจะปล่อยวัว วัวของแกมีหลายร้อยตัว มหาเศรษฐีนะ เอ็งจงเอาไอ้เด็กคนนี้ไปวางที่ปากคอกวัว แล้วเอาอะไรหมกไว้ เอาอะไรบังไว้ อย่าให้นายโคบาลเห็น อย่าให้คนเลี้ยงวัวเห็น เวลาเช้ามืด เขาปล่อยวัว วัวจะเหยียบเด็กคนนี้ตาย บอกว่า เจ้าจงดูด้วยว่าเด็กมันจะตายหรือยังไม่ตาย แล้วแจ้งให้ฉันทราบ นางกาฬีก็ไปทำแบบนั้น ไอ้นี่ถือว่าเป็นกรรมทิ้งลูก เมื่อเขาไปวางแล้ว ทีนี้กรรมที่มีความเคารพในพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ช่วย ฟังให้ดีนะ จำด้วยนะ เอาสองกรรมมาประสานกันเข้าเลยนะคุณนะ คือว่ากรรมที่ช่วยสงเคราะห์พระปัจเจกพุทธเจ้าก็มา เกิดเป็นว่าวัวนายฝูงตามปกติมันออกทีหลังเพื่อน แต่วันนั้นพอเขาเอาเด็กไปวางไว้ มันออกก่อนตัวอื่น ออกมาแล้วก็ยืนคร่อมเด็ก ไม่ยอมให้วัวต่าง ๆ เหยียบ วัวอื่นก็ต้องหลีกไป เมื่อวัวตัวอื่นไปแล้วมันก็ยังไม่ไป ยังคร่อมอยู่ พอดีนายโคบาลนายเลี้ยงวัวทราบเข้า เห็นแปลกใจจึงเข้าไปดู ไปเห็นเด็กเกิดความรักจึงคิดว่า เด็กคนนี้น่ารัก เราได้ลูกผู้ชายแล้ว นี่กรรมที่เคารพพระปัจเจกพุทธเจ้า<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ให้เกวียนทับ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ต่อมา มหาเศรษฐีก็มีความรู้สึกว่า เด็กคนนี้ปล่อยไม่ได้ต้องฆ่า มันเป็นหนามยอกอก จะแย่งตำแหน่งมหาเศรษฐีของลูกเรา วันหนึ่งก็คิดว่า วันนี้เกวียนห้าร้อยเล่มจะออกจากเมืองโกสัมพี และทางออกก็มีอยู่ทางเดียว จะไว้ใต้ท้องเกวียนหรือไม่ก็ให้วัวที่มันลากเกวียนมาเหยียบตาย จึงเรียกนางกาฬี เธอจงนำเด็กคนนี้แต่เช้าตรู่ เช้ามืดยังมืด ๆ อยู่ เกวียนเขาออกเช้าตรู่ เอาไปวางไว้ที่รอยเกวียน วัวอาจจะเหยียบตายก็ได้ ล้ออาจจะทับตายก็๋ได้ แล้วเจ้าจงสังเกตุดูด้วย ก็เป็นอันว่าเช้าตรู่ก่อนหน้าเกวียนจะออกมา นางกาฬีไปวางไว้ตามนั้น ทีนี้เวลาเช้าตรู่เกวียนออก ไอ้เกวียนขบวนหน้าพอไปถึงเด็ก วัวไม่ยอมเดิน เจ้าของจะตีอย่างไรก็ตาม บังคับอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ยอมเดิน เจ้าของเกวียนก็แปลกใจ ลงไปข้างล่างเห็นเด็กเข้า เกิดความรักในเด็ก เอาไปเป็นลูกอีก กรรมสองอย่างเข้ามาประสาน ที่เขาทิ้ง เป็นกรรมที่ทิ้งลูก ที่เจ้าของเกวียนเกิดความรัก เป็นกรรมที่เคารัพในพระปัจเจก
    พุทธเจ้า
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทิ้งที่ป่าช้า<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ต่อมามหาเศรษฐีก็คิดว่า เด็กคนนี้จะทำอย่างไรดี คิดว่าป่าช้าผีดิบมีอยู่ เราควรจะเอาเด็กไปทิ้งที่ป่าช้าผีดิบ ตามธรรมดาป่าช้าผีดิบไม่มีคนเข้าไป จึงบอกนางกาฬีที่เป็นหญิงรับใช้บอก วันพรุ่งนี้แต่เช้าตรู่ เธอจงเอาเด็กไปทิ้งที่ป่าช้าผีดิบ เอาไปทิ้งเข้าไป
    ลึก ๆ หน่อย คนจะได้มองไม่เห็น ปกติคนไม่เข้าไปอยู่แล้ว นางกาฬีก็นำไปวางไว้ตามนั้น แต่ว่าเป็นการบังเอิญ ตอนเช้าวันนั้นคนเลี้ยงแพะนำฝูงแพะมาเลี้ยงใกล้ ๆ ป่าช้า เมื่อฝูงแพะเข้ามาใกล้ป่าช้าผีดิบ แพะตัวอื่นไม่ได้สนใจ แต่บังเอิญมีแพะลูกอ่อนตัวหนึ่งเข้าไปในป่าช้าผีดิบ ตรงเข้าไปย่อตัวเองเอานมให้เด็กกิน เห็นไหม ขนาดพุทธานุสสตินะ อย่าลืมนะทุกคนนะ ว่าบุญกับบาปมันเคียงกันเลย เรื่องนี้ดีมาก ๆ
    <o:p></o:p>
    คราวนี้เวลาตอนเย็น คนเลี้ยงแพะเห็นแพะหายไปตัวหนึ่งก็สงสัย เข้าไปดูในป่า เห็นแม่แพะตัวนั้นยืนย่อลง ก็เห็นเด็กอยู่ข้างล่าง กำลังกินนม เมื่อไปเห็นเด็กก็เกิดความรักว่า เวลานี้คิดว่าเราได้ลูกผู้ชายแล้ว อานิสงส์นะ เป็นเป็นอันว่า เอาเด็กคนนั้นไปเลี้ยง นางกาฬีสังเกตแล้วก็บอกท่านมหาเศรษฐีทราบว่าเด็กคนนี้ไม่ตาย คนเลี้ยงแพะเอาไปเลี้ยงอีกแล้ว ท่านมหาเศรษฐีก็มีหน้าที่จ่ายสตางค์ จ่ายอีกพันกหาปณะ ีกหนึ่งพันตำลึง เอ็งไปซื้อกลับมาหนึ่งพันตำลึง กาฬีก็ไปซื้อมา<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทิ้งเหว<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ต่อมาก็ต้องใช้เวลา ไม่ใช่วันต่อวันนะ ใช้เวลานาน ท่านมหาเศรษฐีก็คิดไว้ว่าเหวลึกประมาณสองร้อยเมตรมีอยู่ ถ้าเอาเด็กคนนี้ไปทิ้งที่เหว ข้างล่างมีหินมันต้องตายกันแน่ ถ้าไม่กระทบหินตายก็ต้องอดตาย เพราะไม่มีใครเข้าไป ก็สั่งนางกาฬี บอกว่า วันพรุ่งนี้ก็เอาเด็กไปทิ้งที่เหวมันต้องตายแน่ นางกาฬีก็ไปทำแบบนั้น เป็นอันว่าบุญที่ป้องกันพระปัจเจกพุทธเจ้า และเคารพพระปัจเจกพุทธเจ้าก็บังเกิดขึ้นอีก คือว่าในเหวนั้นมีกอไผ่แต่ในหลังกอไผ่มีเถาวัลย์หนามากทับอยู่ พอเขาโยนเด็กลงไป เด็กตกลงในเถาวัลย์ เด็กไม่ตายอีก วันนั้นก็ปรากฎว่า มีคนสองคนพ่อลูกเป็นช่างจักสาน เผอิญตอกขาดมือจะต้องตัดไผ่เอาตอก จะเข้าไปในเหวนั้น ปรากฎว่าได้ยินเสียงเด็กก็สงสัย เอาไม้พาดขึ้นไปพบเด็ก ก็เกิดความรักคิดว่าเราได้ลูกผู้ชายอีกแล้ว นี่บุญช่วยนะ นางกาฬีเรียนให้เจ้านายทราบว่า ช่างจักสานไปนำมา ก็เป็นอันว่าท่านเศรษฐีต้องจ่ายอีกพันกหาปณะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ไปซื้อมาแล้ว ทีนี้ปล่อยไว้นาน คิดไม่ออกว่าจะฆ่าแบบไหนดี เด็กคนนี้ชื่อโฆษก ชื่อตามเดิมเหมือนกับชื่อที่เป็นเทวดา เขาให้นามว่าโฆษก ต่อมาก็มีความรู้สึกว่า เรามีเพื่อนเป็นช่างหม้ออยู่คนหนึ่ง ก็จึงได้เข้าไปติดต่อนายช่างหม้อ ในเมื่อไปหาช่างหม้อแล้วเอาเงินไปพันกหาปณะ คุยไปคุยมาก็ให้สตางค์หนึ่งพันกหาปณะ นายช่างหม้อถามว่าให้เงินเพื่ออะไร เธอก็บอกว่าไม่ใช่เพื่อเรา คิดถึงกันเป็นเพื่อนกัน ฉันมีสตางค์มากฉันก็แบ่งให้ใช้ ก็เกิดความรักความชอบใจเกิดขึ้น<o:p></o:p>
    ต่อมาท่านมหาเศรษฐีก็บอกความต้องการว่า ฉันมีลูกชั่วอยู่คนหนึ่งมันเลวแสนเลว ดื้อด้านพาลเกเรทุกอย่าง ว่านอนสอนยาก หมายความว่ามันไม่เชื่อฟัง ต้องการจะฆ่าให้มันตาย แต่ว่าฉันจะฆ่าเองในฐานะที่เป็นพ่อก็เสียศักดิ์ศรีเสียชื่อ ใครเขารู้ก็แย่ ต้องวานมือนายช่างหม้อฆ่า นายช่างหม้อถามว่าจะให้ทำอย่างไร เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน วันพรุ่งนี้ฉันจะให้เด็กคนนั้นมา พอเด็กมาถึงเธอก็นำเข้าไปในห้องปิดให้มิดชิด ลับมีดให้คม ตัดเป็นท่อน ๆ เป็นท่อนเล็กท่อนใหญ่ใส่ตุ่มแล้วก็เผาไปกับหม้อเลย นายช่างหม้อก็รับคำ บอกว่าผมพร้อมรับปฏิบัติตามครับ เพราะได้สตางค์ไปพันกหาปณะ ท่านมหาเศรษฐีบอกว่าถ้าเธอทำได้ฉันจะให้รางวัลมากไปกว่านี้ ช่างหม้อตกลงตามนั้น<o:p></o:p>
    วันรุ่งขึ้นมหาเศรษฐีก็เรียกโฆษกลูกเลี้ยงมา แต่ความจริงโฆษกไม่ทราบว่าเป็นลูกเลี้ยงเขาคิดว่าเป็นลูกตัว เพราะไม่รู้ไม่มีใครบอกเขา บอกว่าวันนี้พ่อมีธุระกับนายช่างหม้อ สั่งงานเขาไว้ แต่สงสัยว่านายช่างหม้อจะทำหรือไม่ทำก็ไม่ทราบ แต่งานนั้นเป็นงานมีธุระด่วน เธอจงไปบ้านนายช่างหม้อว่างานที่พ่อสั่งไว้ทำแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ทำพ่อสั่งให้รีบทำด่วนทำไว ๆ เธอก็ไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไรกัน ก็ไปตามคำสั่งพ่อ แต่อาศัยที่บุญบารมีมีอยู่ คือบุญเคารพพระปัจเจกพุทธเจ้ามีอยู่ ลงไปจากบ้านก็เจอะลูกชายจริง ๆ ของมหาเศรษฐี ลูกชายแท้ ๆ กำลังเล่นตีคลีกับเพื่อน แพ้เพื่อน แต่ตามปกติเขาบอกว่าโฆษกเก่งในการตีคลี แต่น้องชายก็บอกว่าพี่โฆษกมาช่วยฉันตี ฉันแพ้เขา โฆษกก็บอกว่าไม่ได้หรอก พ่อสั่งให้พี่ไปบ้านนายช่างหม้อ ลูกชายจริง ๆ ของมหาเศรษฐีก็บอกว่าไม่เป็นไร งานอะไรที่พ่อสั่งบอกฉัน ฉันจะไปแทน ฉันจะทำแทน พี่ตีคลีแก้ตัวฉันทีเถอะ ก็เป็นอันว่าลูกชายมหาเศรษฐีก็ไปแทนโฆษก โฆษกก็เล่นตีคลีแทนน้องชาย ถึงเวลาเย็นขึ้นมาเห็นว่าน้องชายยังไม่กลับก็ขึ้นบ้านก่อน<o:p></o:p>
    ท่านมหาเศรษฐีเห็นเข้าถามว่า เธอไม่ได้ไปบ้านนายช่างหม้อหรือ โฆษกก็บอกว่าไม่ได้ไป น้องชายไปแทนครับ เท่านั้นแหละท่านมหาเศรษฐีจะตายให้ได้ วิ่งแจ้นไปเลย ออกวิ่งแจ้นไปร้องตะโกนไป บอกว่าช้าก่อน ๆ ช่างหม้อ อย่าเพิ่งทำ อย่าเพิ่งทำ แกร้องจากบ้านแก พอถึงบ้านนายช่างหม้อ ช่างหม้อก็ดีจริง ๆ พอถึงแล้วปั๊บ ท่านมหาเศรษฐีร้องไปนั้น นายช่างก็บอกว่าเรื่องอื่นทิ้งไว้ก่อนครับท่านมหาเศรษฐี งานที่ท่านสั่งทำเรียบร้อยแล้วครับ เรียบร้อยไปนานแล้ว เผาไปเรียบร้อยไปนานแล้ว อีตานั่นจะบ้าตาย แกก็กลับบ้าน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ถือจดหมายมรณะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ต่อมาไอ้การคิดฆ่ายังไม่หมด เห็นไหม บาปทิ้งเด็กน่ะ แต่ว่าที่พ้นไปเพราะพุทธานุสสติกรรมฐาน ใช่ไหม เคารพพระปัจเจกพุทธเจ้า ต่อมาก็เป็นครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายนี่คิดรวมตั้งแต่แม่ทิ้ง เป็นครั้งที่ 7 นะ ครั้งสุดท้ายนี่ด้วยนะ ครั้งสุดท้ายท่านมหาเศรษฐีก็คิดว่า เรามีบ้านส่วยอยู่สิบหลัง ต้องการให้คนเก็บส่วยฆ่านายโฆษกคนนี้ ก็เขียนจดหมาย โฆษกนั้นไม่รู้หนังสือ ก็คิดฆ่าอย่างเดียว ไม่ได้เรียนหนังสือ เขียนจดหมายบอกว่า บอกคนเก็บส่วยบอกว่า ลูกชายคนนี้ของเรามันเกเรมาก มีความประพฤติเลวมาก เมื่อมาถึงที่นี้แล้วให้ฆ่าทันที ฆ่าแล้วเอาศพทิ้งในส้วม ในหลุมส้วม<o:p></o:p>
    เขียนแล้วก็ห่อผ้าให้โฆษกถือไป เอาผ้าขาวม้าคาดพุงไป บอกว่านำจดหมายนี้ไปให้นายเสมียนเก็บส่วย โฆษกก็บอกว่าอาหารระหว่างเดินทางผมไม่มีครับ บ้านมันไกล ท่านมหาเศรษฐีก็บอกว่า ในเมืองชนบทจากนี้ไปพอดีวัน มีอนุเศรษฐีเพื่อนของฉันอยู่ที่นั่น ให้ไปแวะที่นั่น แล้วบอกว่าเป็นลูกชายฉัน เขาจะให้อาหารเอง โฆษกก็ไปด้วยความเชื่อในบาปที่ทิ้งเด็ก<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    บุพเพสันนิวาส<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พอไปถึงบ้านนั้น บังเอิญอยู่แต่ภรรยามหาเศรษฐี ภรรยามหาเศรษฐีเห็นเข้าก็เกิดความรักคิดว่าเหมือนกับเป็นลูก นี่บุญช่วยนะ จำให้ดีนะ ฟังไปคิดตามไปด้วยนะ และบังเอิญท่นมหาเศรษฐีมีลูกสาวอยู่คน อายุตามบาลีบอกว่าสิบห้าหรือสิบหก ในเมื่อเป็นสาว พ่อและแม่ให้อยู่บนปราสาทเจ็ดชั้น บ้านชั้นที่เจ็ด และมีสาวใช้ประจำอยู่คนหนึ่ง ขณะที่โฆษกเข้าไปที่นั่น เมียท่านอนุเศรษฐีก็ตั้งใจจะเลี้ยงอาหาร ก็พอดีสาวใช้ของลูกสาว ลูกสาวกำลังใช้ให้ไปตลาดลงมาพอดี เธอก็เรียกให้ช่วยจัดอาหารเลี้ยงโฆษกด้วย จัดที่พักให้ด้วย เธอทำเสร็จก็ไปตลาด เมื่อไปตลาดกลับมาแล้วนายอยู่ชั้นบน เห็นว่าสาวใช้ไปช้าเกินไปก็เริ่มโกรธ พอเริ่มจะด่าสาวใช้ก็บอกว่าอย่าเพิ่งด่า ที่ช้าเกินไปไม่ใช่ไปเที่ยว ไม่ใช่แวะเที่ยว เห็นว่ามีแขกเข้ามาที่บ้าน แม่ใหญ่ใช้รับแขกก่อน<o:p></o:p>
    ลูกสาวเศรษฐีก็ถามว่าคนที่มาน่ะชื่ออะไร เธอก็ตอบว่า ชื่อโฆษก พอได้ยินว่าโฆษก ความรักก็เกิดทันที ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าลูกสาวอนุเศรษฐีคนนี้ คือภรรยาเดิมของเขาสมัยที่เป็นโกตุหลิกะ เมื่อโกตุหลิกะตายแล้ว ตามบาลีท่านบอกว่าเธอไม่ได้ไปจากบ้านนั้น เธอคิดว่าถ้าเราอยู่บ้านนี้ที่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าเพื่อถวายทาน เธอก็ถวายทานด้วยข้าวหนึ่งทะนาน ต่อมาก็แสดงความเคารพ วันหลังเธอคิดว่าเราไม่มีของถวาย เราไหว้ท่านก็ดีแล้ว อาศัยที่ถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยข้าวหนึ่งทะนาน มาเกิดเป็นลูกสาวท่านอนุเศรษฐี เป็นอันว่าเป็นคู่ครองเก่าที่เรียกว่าบุพเพสันนิวาส เพียงว่าได้ยินชื่อก็เกิดความรัก<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ลูกสาวเศรษฐีแปลงสาส์น<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อคนเผลอก็ย่องมาดูห้องของโฆษก เห็นโฆษกหลับ เห็นห่อผ้าก็มาแก้ดู อ่านจดหมายก็ตกใจคิดว่าคนเขลาอะไรแบบนั้น จดหมายคิดฆ่าตัวเองก็หอบมาด้วย จึงแปลงสาส์นเสียใหม่ เขียนถึงนายเสมียนบอกว่า ผู้ชายคนนี้เป็นที่รักสุดยอดของเรา เราต้องการให้แต่งงานกับลูกสาวอนุเศรษฐี คือว่า พอมาถึงให้จัดการปลูกบ้านให้อยู่อย่างมิดชิด ให้ปลอดภัย ตั้งแต่งรั้วรอบขอบชิดให้ดี ตั้งคนรักษาความปลอดภัยไม่น้อยกว่าเวรละสิบคน หลังจากนั้น ให้เอาเครื่องบรรณาการจากบ้านส่วยร้อยหลังมาเป็นทุนสำรองขอลูกสาวอนุเศรษฐีแต่งงาน แล้วพยายามรักษาให้ดี อย่าให้มีอันตราย เขียนเรียบร้อย สาวแปลงสาส์นนะ ไม่ใช่ฤาษีแปลงสาส์นนะ พอตื่นขึ้นเช้า โฆษกไม่ได้แก้หนังสือดูเพราะอ่านไม่ออก ไม่ได้สงสัย ก็เดินทางต่อไป<o:p></o:p>
    พอไปถึงปลายทาง นายเสมียนแก้จดหมายอ่าน ตกใจคิดว่า เจ้านายไว้วางใจเราขนาดนี้เชียวหรือ ขนาดให้จัดที่ให้ลูกชายอยู่ เป็นเถ้าแก่ขอลูกสาวอนุเศรษฐีให้ ใช่ไหม ก็ประกาศให้บรรดาเจ้าส่วยต่าง ๆ มาพร้อมกัน ต่างคนต่างก็ช่วยปลูกบ้านให้สองชั้น ทำรั้วรอบขอบชิดเป็นอย่างดี ตั้งเวรยามรักษาเวรละสิบกว่าคน ต่อมาก็นำเครื่องบรรณาการนายบ้านส่วยร้อยหลังไปขอลูกสาวอนุเศรษฐีแต่งงานเรียบร้อย นี่ลูกสาวอนุเศรษฐีท่านทราบความเป็นมาของโฆษกเป็นอย่างไร เมื่อแต่งงานอยู่บ้านใหม่ก็สั่งคนใช้ทั้งหมด คนรักษาทั้งหมดว่า คนที่มาหาท่านเศรษฐีคือสามีน่ะ จงอย่าให้พบสามีก่อน ให้พบฉันก่อน เพราะเขารู้เรื่องดี<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    มหาเศรษฐีส่งคนมาฟังข่าว<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ต่อมาไม่ช้าท่านมหาเศรษฐีก็ให้คนมาถามข่าวว่า โฆษกเวลานี้ตายแล้วหรือยัง ให้ถามว่าโฆษกมีความเป็นอยู่อย่างไร ถามนายเสมียน อีตาคนเก็บส่วยก็บอกตามความเป็นจริงว่า เรียบร้อยดีครับ ปลูกบ้านสองชั้นให้อยู่ ตั้งเวรยามรักษาเป็นอย่างดี อีตาเศรษฐีฟังแล้วป่วยเลย ขนาดป่วยนี่ แต่ว่าต่อมาก็ส่งคนที่สองมาอีก คนที่สองมาก็สังเกตการณ์ เพราะว่าคนที่สองมา ภรรยาโฆษกก็ถามว่า ท่านมหาเศรษฐีสบายดีอยู่หรือ คนที่มาบอกว่า ท่านเริ่มป่วยหลายวันมาแล้ว เขาถามว่าป่วยมากไหม ก็บอกว่าป่วยน้อย ก็เลยบอกว่าเธอยังกลับไม่ได้นะ จะกลับได้ต่อเมื่อฉันสั่งให้กลับ<o:p></o:p>
    คนที่หนึ่งไม่กลับ ก็สั่งคนที่สองมาอีก ก็คนที่สองมาเธอก็ถามว่าป่วยมกาหรือยัง เขาก็บอกว่าป่วยมากกว่าเก่า แต่พอพูดรู้เรื่อง เขาก็สั่งเก็บไว้อีก สั่งให้พักยังไปไม่ได้ ต่อมาเมื่อมหาเศรษฐีป่วยหนักจริง ๆ พูดไม่รู้เรื่อง ส่งคนที่สามมา เมียโฆษกก็ถามว่าป่วยมากไหม ก็บอกว่าไม่ได้เรื่องแล้วครับ เธอก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นพักอยู่ก่อน ฉันจะเตรียมตัวไปเยี่ยม ตอนนี้ก็บอกกับโฆษกว่า บิดาของคุณกำลังป่วยหนัก ตอนที่จะไปเยี่ยมบิดาทั้งทีต้องมีเครื่องบรรณาการไปด้วย มีของไปฝาก นำของมีอะไรบ้างทุกอย่างกว่าจะเต็มเกวียนก็ใช้เวลาหลายวัน คนไข้ก็ป่วยหนักขึ้น<o:p></o:p>
    ขณะที่เดินทางไปครึ่งทางเธอก็บอกว่า มีของมาหนักอย่างนี้เกวียนเดินช้า พ่อก็ป่วยหนักเอาของไปเก็บก่อนเถอะ เกวียนจะได้เบา กลับไปซะอีก ใช่ไหม แล้วก็เดินทางกลับมา ก่อนจะถึงให้สัญญาณกับท่านโฆษกบอกว่า ถ้าไปถึงพ่อของคุณ คุณยืนที่ปลายเท้านะ ฉันจะนั่งข้าง ๆ กลางตัว ทำตามนั้นก็แล้วกัน พอเข้าไปถึงก็ทำตามนั้น ท่านมหาเศรษฐีเมื่อโฆษกเข้าไปถึง ก็ถามท่านทนายประจำบ้านว่า เจ้าโฆษกมันมาแล้วหรือยัง เขาก็ตอบว่ามาแล้ว ท่านถามว่าเวลานี้อยู่ที่ไหน เขาก็บอกว่ายืนอยู่ด้านปลายเท้า ท่านมหาเศรษฐีก็อยากจะพูดว่า ทรัพย์สมบัติทั้งหมดกูไม่ให้มึง ใช่ไหม แต่กลับพูดว่า ทรัพย์สมบัติกูให้ คราวนี้เจ๊งเลย ยายนั่นแกแสดงความเสียใจ เอาหัวกระแทกอกตายไปเลย แกแกล้งร้องไห้ใช่ไหม ร้องไห้หัวกระแทกอกมหาเศรษฐีตายเลย ก็เป็นอันว่าได้ทรัพย์สมบัติเป็นมหาเศรษฐี<o:p></o:p>
    เห็นไหม นี่กรรมที่เคารพพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็สรุปแล้วเป็นอันว่า โฆษกเทพบุตรลงมาเป็นลูกนางหญิงแพศยา แต่ในที่สุดก็เป็นมหาเศรษฐีตามนี้นะ ที่เอาเรื่องนี้มาคุยให้ฟังให้ทราบว่าเป็นกฎของกรรม กรรมดีจะมาช่วย กรรมชั่วจะทำลาย ให้ดูตัวอย่างโฆษกเทพบุตร สวัสดี.

    <o:p> ท่านกล่าวว่า สมัยหนึ่งบรรดาภิกษุทั้งหลาย คำว่าสมัยหนึ่งก็คือเวลาต่อมานั่นเอง คือไม่ใช่เวลาเดี๋ยวนั้น หลังจากฉันข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว บรรดาภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันว่า ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เพราะเหตุอะไรหนอแล พระสีวลีเถระจึงเป็นผู้อยู่ในท้องมารดาถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน แล้วก็เป็นเพราะกรรมอะไร พระสีวลีจึงได้ไหม้ในนรก เพราะกรรมอะไร จึงได้ถึงความเป็นผู้เลิศในลาภ และมียศเลิศอย่างนั้น<o:p></o:p>
    หมายความว่าพระสีวลีนี้ เวลาแม่ตั้งท้อง อยู่ในท้อง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน และก่อนที่พระสีวลีจะมาเกิด ท่านก็นอนในนรกสิ้นกาลนาน เมื่อเกิดแล้วมาเป็นพระ คราวไปป่า คราวนี้มีลาภมาก เทวดาปรารภพระสีวลีแต่ผู้เดียวว่า การทำบุญคราวนี้เราต้องการถวายหลวงปู่สีวลี หลวงพ่อสีวลีของเราเท่านั้น แม้แต่องค์สมเด็จพระทรงธรรม์ คือพระพุทธเจ้าไปด้วย เทวดาก็ไม่ได้ปรารภ พระพุทธเจ้านี้ถ้าเป็นคนที่มีกิเลส เห็นใครเขามาบูชาลูกน้องมากกว่า น่ากลัวว่าลูกน้องจะลำบาก ทั้งนี้ เพราะอะไร เพราะว่าลูกพี่แกจะอิจฉาเอา แต่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่อย่างนั้น พระองค์ทรงยกย่อง ถ้าลูกศิษย์องค์ไหนดี ก็ยกย่องว่าเป็นพระดี เป็นพระควรแก่การบูชา<o:p></o:p>
    ในลำดับนั้น เวลาที่บรรดาภิกษุทั้งหลายโดยทั่วหน้ากำลังปรารภกันว่า พระสีวลีนี้เป็นเพราะกรรมอะไร จึงได้อยู่ในท้องแม่ 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เป็นเพราะกรรมอะไรจึงได้ลงไปในนรกสิ้นกาลนาน เป็นเพราะกรรมอะไร เวลาที่เกิดมานี้จึงมีลาภมาก จึงมียศใหญ่ เป็นที่เคารพของเทวดาทั้งหลาย <o:p></o:p>
    ในขณะที่บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายคุยกันอยู่นั้น องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จพระทับอยู่ในพระคันธกุฎี สมเด็จพระพิชิตมารฟังเสียงของบรรดาพระสงฆ์ด้วยทิพโสตญาณ คือหูทิพย์ คุยอยู่ที่ไหนพระพุทธเจ้าก็ได้ยิน องค์สมเด็จพระมหามุนีใคร่จะเปลื้องความสงสัยของบรรดาภิกษุทั้งหลาย สมเด็จพระจอมไตรจึงได้เสด็จมา<o:p></o:p>
    เมื่อเสด็จมาถึงแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็เสด็จประทับอยู่ในที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว จึงถามบรรดาภิกษุทั้งหลายว่า ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอกล่าวอะไรกัน พวกเธอพูดอะไรกัน<o:p></o:p>
    บรรดาภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นจึงกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้ากำลังปรารภเรื่องบุพกรรมของพระสีวลีพระพุทธเจ้าข้า พวกข้าพระพุทธเจ้ามีความสงสัยว่า ในสมัยที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาเสด็จไปเยี่ยมพระเรวัตตะคราวนี้ ปรากฎว่าพระสีวลีแสดงบุญญาธิการเป็นที่เลื่อมใสของบรรดาเทวดาทั้งหลาย ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายเกิดสงสัยว่า ทำไมพระสีวลีมีบุญญาธิการขนาดนี้ จึงได้ต้องอยู่ในท้องมารดาถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน และก่อนจะมาเกิดก็ได้ตกนรกเสียก่อน เมื่อมาเป็นคนแล้ว ก็มีบุญใหญ่ มีลาภมาก มียศศักดิ์มาก ข้าพระพุทธเจ้าสงสัยอย่างนี้พระพุทธเจ้าข้า<o:p></o:p>
    เป็นอันว่า เมื่อบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายกราบทูลดังนี้แล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็ทรงพยากรณ์บุพกรรมของพระสีวลีว่า เหตุที่พระสีวลีต้องไปอยู่ในท้องแม่ถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เป็นต้น มาจากกรรมที่เป็นอกุศลอะไร<o:p></o:p>
    บรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับเรื่องราวบุพกรรมของพระสีวลีก็ของดไว้ก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนพงคลสมบูรณ์พูนผล และจงเจริญไปด้วยจตุรพิธพรชัยทั้ง 4 ประการ จงมีแก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี.<o:p></o:p>
    *****************<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับตอนที่แล้ว ได้มาจบลงตรงที่บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายพากันมาประชุมกัน หลังจากที่กลับมาจากที่อยู่ของพระเรวัตตะแล้ว ต่างพากันมารำพึงว่า เหตุใดพระสีวลีจึงต้องอยู่ในท้องมารดาถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน เป็นเพราะกรรมอะไร พระสีวลีจึงต้องตกนรก หลังจากนั้นก็เป็นผู้มีลาภมาก มียศใหญ่<o:p></o:p>
    หลังจากบรรดาภิกษุทั้งหลายได้พากันประชุมหารือกัน ขณะเดียวกันนั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จมา แล้วถามบรรดาภิกษุทั้งหลายว่า เธอพูดปรึกษาหารือกันด้วยเรื่องอะไร บรรดาภิกษุทั้งหลายกราบทูลองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตามที่กล่าวมาแล้ว หลังจากนั้น องค์สมเด็จพระประทีปแก้วจึงได้นำเอาบุพกรรมของพระสีวลีมาแสดงแก่บรรดาภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ซึ่งเรื่องจะได้เริ่มขึ้นในตอนนี้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระราชากับประชาชนแข่งกันทำบุญ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ความตามพระบาลีมีอยู่ว่า ในขณะนั้นองค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดา ได้ทรงมีพระพุทธฎีการตรัสว่า ภิกขเว ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ในกัปที่ 91 กับ นับถอยหลังไปจากนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี ทรงอุบัติขึ้นแล้วในโลก สมัยหนึ่งเสด็จจาริกไปในชนบท กลับมาสู่พระนครของพระราชบิดาแล้ว สมเด็จพระวิปัสสีท่านก็เป็นลูกของพระเจ้าแผ่นดินเหมือนกัน พระราชาทรงเตรียมอาคันตุกะทาน<o:p></o:p>
    อาคันตุกะทานคือ ทานแก่พระผู้มา หรือแขกผู้มา อาคันตุกะ แปลว่า แขกผู้มา พระท่านมาจากที่ไกล ไม่ได้ประจำอยู่เฉพาะ ถือว่าเป็นอาคันตุกะ ทานังแปลว่า การให้ หมายความว่า ตั้งใจถวายทานแก่พระอาคันตุกะทั้งหมด มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข เพื่อบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข<o:p></o:p>
    แล้วก็ส่งข่าวให้แก่ชาวเมืองทั้งหลายว่า ชนทั้งหลายจงมาเป็นสหายในทานของเรา หมายความว่า พระองค์ให้ส่งข่าวให้ชาวบ้านมาร่วมกันบำเพ็ญทาน บรรดาชนทั้งหลายเหล่านั้นทำอย่างนั้นแล้ว คิดว่าเราก็จะต้องถวายทานแด่บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลาย มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขเหมือนกัน แต่ชาวบ้านเขาคิดกันว่า พวกเราจักถวายทานนี้ให้ยิ่งกว่าทานที่พระราชาถวายแล้ว เขาเรียกว่าแข่งกันดี หรืออวดดี ไม่ใช่อวดเลว เมื่อพระราชาถวายทานแบบไหน เราจะทำไม่ให้แพ้พระราชา อย่างนี้เขาเรียกว่าอวดดี ควรอวด<o:p></o:p>
    จึงนิมนต์องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าในวันรุ่งขึ้น แล้วก็แต่งทานถวาย แล้วก็ส่งข่าวไปทูลแด่พระราชา พระราชาเสด็จมาทอดพระเนตรทานของประชาชนเหล่านั้นแล้วดำริว่า เราจักถวายทานให้ยิ่งกว่าทานนี้ คือดีกว่า ประเสริฐกว่าที่บรรดาประชาชนถวายแล้ว<o:p></o:p>
    ในวันรุ่งขึ้น จึงนิมนต์องค์สมเด็จพระประทีปแก้ว พร้อมไปด้วยบรรดาพระสงฆ์ทั้งหลาย พระราชาไม่ทรงสามารถจะให้ชาวเมืองแพ้ได้ เป็นอันว่าต่างคนต่างถวายแข่งกัน พระราชาถวายแบบนี้ได้ ชาวเมืองก็ถวายได้ ทำให้ดีกว่าพระราชา พระราชาก็ทำให้ยิ่งไปกว่าชาวเมือง ชาวเมืองก็ทำให้ยิ่งกว่าพระราชา ว่ากันอย่างนี้เป็นลำดับ<o:p></o:p>
    แล้วท่านกล่าวว่า ถึงชาวเมืองก็ไม่สามารถให้พระราชาท่านแพ้ได้ ต่างคนต่างไม่มีใครแพ้ใคร วันนี้เราถวายเพียงนี้ วันรุ่งขึ้นเขาถวายยิ่งไปกว่า วันรุ่งขึ้นอีกเราก็ถวายยิ่งไปกว่านั้น ฉะนั้น ในครั้งที่ 6 ชาวเมืองจึงมาคิดว่า บัดนี้ พวกเราจักถวายทานในวันพรุ่งนี้ จะทำเรื่องของทานที่เราทำทั้งหมด โดยที่ใคร ๆ ก็ไม่อาจจะพูดได้ว่า วัตถุชื่อนี้ไม่มีในทานของเรานี้<o:p></o:p>
    เป็นอันว่าการแข่งการให้ทาน ยิ่งประเสริฐเท่าไร มากเท่าไร เกิดการไม่แพ้กันขึ้นมาแล้ว ชาวเมืองคิดใหม่ว่า ขึ้นชื่อว่าทานทั้งหมดที่เราจะถวายในวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าอะไรทั้งหมดจะไม่มีใครมาติได้เลยว่า สิ่งทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งมันไม่มีในที่นั้น จะต้องมีทุกอย่าง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขาดน้ำผึ้งดิบ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เมื่อต่างคนต่างคิดแล้ว วันรุ่งขึ้นได้จัดแจงของถวาย เสร็จแล้วตรวจดูว่า มีอะไรหนอแลที่ยังไม่มีอยู่ในที่นี้อีก มองไปมองมาก็มองไม่เห็นน้ำผึ้งดิบ จะมีก็แต่น้ำผึ้งสุก น้ำผึ้งดิบไม่มี ส่วนน้ำผึ้งสุกมีมาก บรรดาชนทั้งหลายเหล่านั้น จึงใช้ให้คน ๆ พวก นำทรัพย์ไปพวกละหนึ่งพันกหาปณะ คือหนึ่งพันตำลึง ไปยืนอยู่ที่ประตูพระนคร 4 ประตู เพราะประตูเมืองมันมีอยู่ 4 ประตู เพื่อต้องการน้ำผึ้งดิบ หมายความว่า ถ้ามีคนเขาเอามา เราก็ไปซื้อ<o:p></o:p>
    ครั้งนั้น คนบ้านนอกคนหนึ่ง มาเพื่อจะเยี่ยมพวกชาวบ้านในเมือง ก็ไม่เห็นจะมีอะไรติดมือมาได้ เพราะแกอยู่ป่า ก็ถือรวงผึ้งมา 1 รวง ไล่ตัวผึ้งออกให้หนีไปหมดแล้ว จึงตัดกิ่งไม้แล้วก็ถือรวงผึ้งนั้นมา พร้อมทั้งไม้คอนเสร็จ จึงเข้ามาสู่เมือง ด้วยคิดตั้งใจว่า เราจะไปให้กับเพื่อนของเราในเมือง สำหรับคนที่ไปยืนอยู่หน้าประตูเมือง เห็นบุรุษคนนี้ถือรวงผึ้งมา เป็นคนบ้านนอก จึงถามว่า ท่านผู้เจริญ น้ำผึ้งนี้ท่านขายไหม คนบ้านนอกคนนั้นบอกว่า น้ำผึ้งฉันไม่ขาย ฉันจะไปให้เพื่อนของฉัน คนทั้งหลายเหล่านั้นก็บอกว่า ท่านผู้เจริญ ท่านรับเอากหาปณะเท่านี้ คือท่านขายน้ำผึ้งให้เรา เราจะให้ 4 บาท หรือ 1 ตำลึง คนบ้านนอกก็คิดว่า รวงผึ้งนี้ราคาไม่ถึงบาท แต่ว่าเจ้านี่จะให้สตางค์ถึง 4 บาท น่ากลัวเจ้าคนนี้มันจะสติไม่ดี ให้มากเกินไป เรายังไม่ให้ ต้องขึ้นราคาก่อน แกก็เป็นนักฉวยโอกาสเหมือนกัน<o:p></o:p>
    แกจึงกล่าวว่า เราไม่ให้ เราให้ไม่ได้ ราคา 1 ตำลึง น้ำผึ้งรวงนี้ให้ไม่ได้ ราคามันแพง พวกนั้นก็ขึ้นราคาเป็น 2 ตำลึง 3 ตำลึง 4 ตำลึง ก็ว่ากันดะไป ผลที่สุดก็ขึ้นราคาถึง 1,000 ตำลึง สำหรับบุรุษผู้นั้นจึงคิดว่า คนพวกนี้น่ากลัวจะสติไม่ดี น้ำผึ้งรวงเดียวราคาไม่ถึงบาท มันดันให้ตั้งพัน และก็บอกด้วยว่า ฉันมีอยู่แค่ 1,000 ตำลึงเท่านั้นนะ หมด ขอท่านจงให้น้ำผึ้งแก่เรา<o:p></o:p>
    แต่ทว่าบุรุษผู้มาจากป่าแกก็เป็นคนมีปัญญา คิดว่าต้องมีอะไรพิเศษสักเรื่องหนึ่ง จึงได้ถามว่า ผู้เจริญ ข้าพเจ้ารู้ว่ากรรมที่ข้าพเจ้าจะทำในน้ำผึ้งนั้นมีอยู่ เพราะเหตุใดท่านจึงมาขึ้นราคาอย่างนี้ พวกนั้นก็ถามว่า น้ำผึ้งท่านจะไปทำอะไร แกก็บอกว่า ฉันจะไปให้เพื่อนของฉัน ฉันเป็นคนอยู่ป่า มาคราวหนึ่งไม่มีอะไรติดมือมามันก็ไม่ดี พวกนั้นก็บอกว่า ฉันเองก็มีความจำเป็นด้วยเรื่องน้ำผึ้งดิบ อย่างอื่นมีครบ จึงให้ราคาถึง 1,000 ตำลึง ความจริงฉันรู้ว่า น้ำผึ้งนี้ราคามันไม่ถึงบาท แต่ด้วยความจำเป็นจึงให้<o:p></o:p>
    คนบ้านนอกจึงถามว่า เรื่องอะไรจึงได้ให้ราคาแพง บอกมาสิ อยากจะรู้ ถ้าควรจะให้ก็ให้ บรรดาคนพวกนั้นบอกว่า พวกข้าพเจ้าเตรียมการถวายทานเป็นการใหญ่ เพื่อสมเด็ยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระวิปัสสีทศพล ผู้มีสมณะ คือพระ รวมด้วยกันทั้งหมด พระที่เป็นบริวาร 6,800,000 องค์ และก็มีพระพุทธเจ้าอีก 1 ในมหาทานครั้งนี้ อะไร ๆ ของเราก็มีหมด ไม่มีอยู่อย่างเดียวคือน้ำผึ้งดิบเท่านั้น<o:p></o:p>
    เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงขอซื้อรวงผึ้งของท่านด้วยราคาแพง เพราะว่าต้องการจะเอาบุญ เพราะทานคราวนี้มีความประสงค์ว่าจะให้มีทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าอะไรในทานนั้นไม่มี เราไม่ต้องการ ต้องการให้มันครบ ฉะนั้นจึงยอมซื้อของแพง ขอให้ขายเถิด<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทำบุญปิดท้าย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    คนบ้านนอกแกก็บอกว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นเพื่อนข้าพเจ้าก็จักไม่ให้ ด้วยราคาเรื่องการซื้อไม่ยอมขาย แต่ถ้าท่านทั้งหลายจะยอมให้เราร่วมบุญร่วมกุศลด้วยจะให้ บรรดาคนพวกนั้นจึงได้ส่งข่าวไปหาหัวหน้าในเมือง บอกว่าเวลานี้เจอะคนนำน้ำผึ้งดิบมาแล้ว แต่ว่าเขาไม่ยอมขาย แต่ให้เขาร่วมบุญด้วยละก็เขาจะให้<o:p></o:p>
    เมื่อชาวเมืองทราบที่ศรัทธาของเขามี จึงได้ยกมือสาธุ ดีแล้ว ๆ พ่อคุณเอ๋ย มาร่วมบุญร่วมกุศลด้วยกันเถิด เรื่องบุญนั้นไม่หวง ที่ต้องการน้ำผึ้งที่ต้องซื้อเพราะเกรงว่าจะไม่ยอมทำบุญด้วย จึงกล่าวว่า ขอเขาจงเป็นผู้มีส่วนได้บุญ มาร่วมบุญกัน บรรดาพวกชาวเมืองทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อได้น้ำผึ้งแล้ว ก็ได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ให้มาเสวยอาหาร ถวายข้าวต้ม ถวายของเคี้ยว<o:p></o:p>
    ทีนี้เขาบอกว่า ให้คนนำเอาถาดทองคำใบใหญ่มาแล้ว แล้วก็บีบรวงผึ้งลงไป เอาน้ำหวานออก แม้กระบอกนมส้มอันมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้นนำมาเพื่อต้องการจะเป็นของกำนัลมีอยู่ เขาก็เทนมส้มเหล่านั้นลงไปในถาดทองคำ เคล้ากับน้ำผึ้งนั้น ได้ถวายแก่บรรดาพระภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข น้ำผึ้งนั้นก็ทั่วถึงแก่บรรดาพระภิกษุ
    ทุกรูป
    <o:p></o:p>
    อย่าลืมว่ามีพระพุทธเจ้าองค์เดียว มีพระสงฆ์ถึง 6,800,000 องค์ น้ำผึ้งรวงเดียวกับนมสัมหน่อยหนึ่งที่เขาผสมกันพอดิบพอดี คือเหลือจากพระเสียอีก ท่านกล่าวว่า ผู้รับเอาจนพอความต้องการ หมายความว่า บรรดาพระสงฆ์ทั้งหลายพอหมดแล้ว แถมเหลือเสียด้วยซ้ำ<o:p></o:p>
    ตอนนี้พระบาลีท่านกล่าวว่า ใคร ๆ ก็คิดไม่ได้ว่า น้ำผึ้งน้อยอย่างนั้นจะเพียงพอกับภิกษุ 6,800,000 องค์ได้อย่างไร ท่านกล่าวต่อไปตามพระสูตรว่า จริงอยู่ น้ำผึ้งนั้นถึงได้ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้า น้ำผึ้งนั้นมีมากมายด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้า แล้วท่านกล่าวต่อไปว่า ขึ้นชื่อว่าพุทธวิสัย ใคร ๆ ก็ไม่ควรคิด<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    อจินไตย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ท่านบอกว่า จริงอยู่ เหตุ 4 อย่างที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ไม่ควรคิด ใคร ๆ เมื่อคิดถึงเหตุเหล่านั้นเข้า ก็ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งความเป็นคนบ้าเอาละสิ ท่านบอกว่า สิ่งที่เป็นอจินไตยไม่ควรคิด ถ้าคิดแล้วก็บ้าเปล่า ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราว เหตุ 4 อย่างที่ไม่ควรคิด ที่พระพุทธเจ้ากล่าวก็คือ<o:p></o:p>
    1. พุทธวิสัย วิสัยขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราคิดไม่ได้ ขืนคิดอยากจะรู้เท่าทันพระพุทธเจ้า เราก็บ้า เพราะว่าเรารู้ไม่ได้<o:p></o:p>
    2. ฌานวิสัย วิสัยของบุคคลผู้ทรงฌาน ถ้าเราไม่สามารถได้ฌานสมาบัติ เราอย่าไปคิดเรื่องฌานสมาบัติ ยิ่งคนสมัยปัจจุบันย่อมอยากจะพูดกันถึงเรื่องพระนิพพานบ้าง เรื่องวิสัยของอรหันต์บ้าง แต่ความจริงแค่ฌานโลกีย์เท่านี้ พระพุทธเจ้ากล่าวว่า ถ้าเรายังเข้าไม่ถึงก็ไม่ควรจะคิด คิดเท่าไรมันก็ผิด<o:p></o:p>
    3. กรรมวิสัย คือกฎของกรรม เรื่องกฎของกรรมนี้ก็เหมือนกัน อย่าไปคิดมันคิดไม่ออกหรอก นอกจากว่าเราจะได้วิชชาสาม อภิญญาหก แล้วก็เป็นพระอริยเจ้าขั้นอรหันต์ จึงจะพอคิดถึงเรื่องกรรมได้ ถ้ายังไม่ถึงอย่าไปคิด คิดแล้วมันก็จบลงไม่ได้<o:p></o:p>
    4. โลกจินไตย เรื่องของโลก เรื่องของโลกนี้ เราจะคิดว่ามันจะไปจบลงตรงไหน อย่าไปคิด มันไม่มีทางจบ คือโลกหาที่สุดไม่ได้<o:p></o:p>
    จำไว้ให้ดีว่า เหตุ 4 อย่างที่พระพุทธเจ้าบอกว่า ไม่ควรคิด ถ้าคิดแล้วก็บ้าเปล่า ๆ นั่นก็คือ หนึ่งพุทธวิสัย สอง ฌานวิสัย สามกรรมวิสัย สี่ โลกจินไตย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กลับมาเกิดใหม่เป็นพระราชากรุงพาราณสี<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สำหรับบุรุษนั้น เมื่อทำทานประมาณเท่านั้นแล้ว ท่านกล่าวว่า ในกาลเป็นที่สุดแห่งอายุ ก็บังเกิดในเทวโลกเป็นเทวดาท่องเที่ยวไป สิ้นกัปมีประมาณเท่านี้ คือ 91 กัป เป็นเทวดาเกะกะ ๆ อยู่ 91 กัป<o:p></o:p>
    ในสมัยหนึ่งจุติจากเทวโลกแล้ว ก็มาบังเกิดในกรุงพาราณสี โดยกาลที่พระชนกทิวงคตแล้ว เขามาเกิดเป็นลูกพระราชาในตระกูลพาราณสี เมื่อพระราชบิดาตาย ทิวงคต เขาแปลว่า ตาย สวรรคต จึงได้เสวยราชสมบัติแทนพระราชบิดา<o:p></o:p>
    มาในครึ่งหนึ่งท้าวเธอคิดว่า เราจะยึดเอาพระนครนครหนึ่ง ซึ่งมีกำลังน้อยกว่าให้ได้ จึงได้เสด็จไปแล้วก็ล้อมพระนครนั้นไว้ แล้วก็ส่งสาส์นกับชาวเมืองว่า ท่านจะให้ราชสมบัติคือสมบัติแก่เรา หรือจะให้เรารบ บรรดาชาวเมืองทั้งหลายเหล่านั้นตอบว่า เราจะไม่ให้ราชสมบัติ และเราก็จะไม่ให้ทั้งการรบ เราจะปิดประตูเมืองไม่ให้ท่านเข้า ดังนี้<o:p></o:p>
    พระราชาองค์นั้นก็ล้อมไว้ แล้วก็ปิดประตูเมือง ประตูใหญ่ แต่ว่าชาวเมืองก็อาศัยประตูเล็กออกไปหาฟืน หาน้ำ มาทางประตูเล็ก ทำธุรกิจทุกอย่าง การล้อมของพระราชาจึงไม่มีผล ต่อมาเมื่อพระราชาปิดประตูเมืองของเขา ล้อมไม่ให้เขาออกไว้สิ้นเวลา 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ล้อมไว้ ต้องการให้คนในเมืองเขาอดตาย จะได้ยอมแพ้ เขาก็ไม่ยอมแพ้ เพราะเขาออกทางประตูเล็กมาหากินกันได้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    กรรมที่ล้อมเมือง<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ในกาลต่อมา พระราชชนนีคือมารดาพระราชาองค์นั้น ตรัสถามบรรดาอำมาตย์ข้าราชบริพารว่า ลูกชายของเราเขาทำอะไร บรรดาอำมาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า ไปล้อมเมืองไว้พระเจ้าข้า ล้อมประตูใหญ่หมด ท่านจึงตรัสว่า พุทโธ่เอ๋ย...ลูกชายของฉันนี้ มันไม่น่าจะโง่อย่างนี้เลย ก็ไปล้อมประตูใหญ่แล้วก็ไม่ล้อมประตูเล็ก คนเขาก็ออกมาหากินกันได้ จงล้อมประตูเล็ก ๆ เสีย ประตูช่องเล็ก ๆ ปิดมันเสีย ชาวเมืองออกมาไม่ได้ ประเดี๋ยวมันก็ยอมแพ้<o:p></o:p>
    อำมาตย์จึงได้ไปส่งข่าวพระราชา ท้าวเธอทรงสดับคำของพระราชชนนีแล้ว ก็มีคำสั่งให้ปิดประตูเล็ก คือกันคนออกทางด้านประตูเล็กเสียอีก ฝ่ายชาวเมืองเมื่อออกไปหากินภายนอกไม่ได้ ก็เริ่มอด อดแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร ในวันที่ 7 จึงพากันปลงพระชนม์พระราชาของตนเสีย แล้วก็ได้เปิดประตูเมืองรับพระราชาองค์นั้น ถวายพระราชสมบัติแก่พระองค์<o:p></o:p>
    ท้าวเธอทรงทำกรรมแบบนี้ ในกาลเป็นที่สุดแห่งอายุ หมายความว่าเวลาที่ตาย แล้วก็ไปเกิดในอเวจีมหานรก ไหม้อยู่แล้วในอเวจีมหานรกนั้น ตราบเท่ามหาปฐพี คือผืนแผ่นดินนี้หนาขึ้นประมาณ 1 โยชน์ โทษของการล้อมเมืองเขา ทำให้เขาฆ่าพระราชาของเขา ลงนรกอเวจีด้วย แล้วให้แผ่นดินหนา 1 โยชน์ ไม่รู้เวลาเท่าไร<o:p></o:p>
    ครั้งจุติจากอัตภาพ คือพ้นจากนรกนั้น แล้วก็มาปฏิสนธิในท้องของมารดานั่นแหละ หมายความว่า มารดาในสมัยนั้นก็มาเป็นแม่สมัยนี้ เข้าไปอยู่ในท้องแม่สิ้น 7 ปี 7 เดือน 7 วัน แม่ต้องถูกทรมานด้วย ก็เพราะอาศัยที่ให้คำแนะนำกับลูก แต่บังเอิญแม่ไม่ได้ตกนรกด้วย จึงได้คลอด เพราะโทษที่แม่ต้องรับโทษด้วย เพราะว่าสั่งให้ปิดประตูเล็ก 4 ประตู นี่เป็นกรรมของพระสีวลีที่ต้องตกนรก และก็อยู่ในท้องแม่<o:p></o:p>
    องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ภิกขเว ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย พระสีวลีไหม้แล้วในนรกสิ้นกาลนานประมาณเท่านี้ เพราะกรรมที่เธอล้อมพระนคร และยึดไว้ในกาลนั้น และถือปฏิสนธิของมารดานั้นนั่นแหละ อยู่ในท้องสิ้นกาลประมาณเท่านั้น 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ก็เพราะว่าความที่เธอปิดประตูเล็กทั้ง 4 ต่อมา เป็นผู้ถึงความเป็นผู้มีลาภมากและมียศเลิศ ก็เพราะว่าการที่เธอถวายน้ำผึ้ง ด้วยประการฉะนี้<o:p></o:p>
    ในวันรุ่งขึ้น ภิกษุทั้งหลายสนทนากันว่า แม้สามเณรผู้เดียว ทำเรือน 500 หลัง เพื่อภิกษุ 500 รูป มีลาภมีบุญน่าชมจริง ๆ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมา แล้วถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เธอนั่งประชุมกันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นรับถ้อยคำเช่นนั้นแล้ว จึงตรัสว่า<o:p></o:p>
    “ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุตรของเราไม่มีบุญ ไม่มีบาป ก็เพราะว่าบุญบาปทั้งสองของเธอละเสียแล้ว”<o:p></o:p>
    จึงตรัสพระธรรมเทศนาว่า<o:p></o:p>
    “บุคคลใดในโลกนี้ พ้นเครื่องข้องทั้งสองอย่าง คือบุญและบาป เราเรียกบุคคลนั้นว่า เป็นผู้ไม่โศก ปราศจากกิเลสเพียงดังธุลี ผู้หมดจดว่าเป็นพราห์ม”<o:p></o:p>
    เป็นอันว่าท่านทั้งหลาย เรื่องราวของบุคคลตัวอย่าง จงจำไว้ด้วยว่า กฎของกรรมของพระสีวลีท่านมีลาภมาก มียศยิ่งใหญ่มาก การที่มีลาภก็เพราะว่าถวายรวงผึ้ง แต่ว่าต้องลงในนรก เพราะอาศัยที่ไปปิดล้อมเมืองเขาไว้ และมารดาผู้เป็นต้นคิดก็มีปัจจัยร่วมเช่นเดียวกัน<o:p></o:p>
    เอาละ สำหรับเรื่องราวของบุพกรรมของพระสีวลี ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผล จงมีแก่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี. <o:p></o:p>
    </o:p>

    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย ฟังธรรม
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ
     
  9. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ท่านสาธุชนทั้งหลาย วันนี้ขอพบกับบรรดาท่านพุทธบริษัทในเรื่องของกรรมเก่า ที่ตามภาษาบาลีท่านเรียกว่าบุพกรรม คือ กรรมของกัณหา – ชาลี

    ในเรื่องนี้ปรากฎว่า บรรดาประชาชนในสมัยปัจจุบันพากันโจมตีองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เนือง ๆ ความจริงการโจมตีพระพุทธเจ้านี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับบรรดาผู้พูด เพราะเรื่องราวต่าง ๆ มันผ่านพ้นไปนานแล้ว แต่เห็นทางมีอยู่ทางเดียว คือจะประณามองค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เสื่อมทราม แต่ทว่า การจะทำอย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้าจะเสื่อมทรามหรือเสียหายไม่ได้

    ทั้งนี้เพราะว่า องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเข้าสู่พระปรินิพพานไปแล้ว เราจะนั่งนินทาว่าร้ายพระพุทธเจ้าสักเพียงใดก็ตาม ความชั่วมันก็ตกอยู่กับตัวของบุคคลผู้พูดแต่ฝ่ายเดียว ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่า นินฺทา ปสํสา คำว่านินทาและสรรเสริญ เป็นความชั่วของบุคคลที่เกิดมา ผลที่เขาจะพึงได้รับในปัจจุบันนั่นคือความเสียหาย เขาเสียหายกันตรงไหน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะพูดให้ฟัง คือเสียหายเพราะเสียเวลาประกอบกิจการงานของเขา ถ้าเขาจะเอาเวลาที่เขามานั่งนินทาพระพุทธเจ้าไปประกอบการงานให้เป็นประโยชน์ เขาก็จะมีประโยน์ มีทุนทรัพย์ขึ้นมามาก

    สมมุติว่า เขานั่งนินทาวันละ 1 นาที ถ้า 10 วัน ก็ 10 นาที 100 วัน 100 นาที ปีหนึ่ง 365 วัน สิ้นเวลาการงานไป 365 นาที ถ้าลองคิดว่า เวลา 365 นาทีนี้ ถ้าเขาจะถอนหญ้าหน้าบ้านเขานาทีละ 1 ต้น หญ้าที่มันรกอยู่มันก็จะเตียนไป 365 ต้น เห็นไหม บรรดาท่านพุทธศาสนิกชน ท่านผู้ถูกนินทาไม่มีความเสียหาย แต่ว่าบุคคลที่นินทาเท่านั้นมีแต่ความเสียหาย เมื่อการนินทาไม่ได้อะไร แล้วก็เสียหายผลประโยชน์ของตน

    ต่อแต่นี้ไป เรามาพูดถึงอุปนิสัยคือ จริยาขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงให้ทานกัณหาและชาลี นี่เป็นประเพณีของบุคคลที่จะเป็นพระพุทธเจ้าทุกท่าน เพราะมีกฎเกณฑ์บังคับว่า ท่านที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ต้องเสียสละใหญ่ คือเสียของที่รักที่สุดของตัว นั่นก็คือ บุตรธิดาและภรรยา เป็นต้น เพราะสิ่งทั้งสองประการนี้ บรรดาประชาชนทั้งหลายมีความรักกันมาก คนที่จะเป็นองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าต้องเป็นนักเสียสละเพราะอะไร เพราะว่าพระพุทธเจ้าไม่มีค่าจ้างรางวัลใด ๆ แม้แต่เทศน์ให้ชาวบ้านฟัง ก็ไม่มีค่าจ้างเหมือนกับพระสมัยปัจจุบัน สิ่งที่จะตอบสนองคุณท่านนั้นก็คือความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัท พระองค์มีความพอใจอยู่เพียงนั้น ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทผู้รับฟังมีผลตามความประสงค์ คือ
    1. ไม่ทำความชั่วทั้งหมด
    2. ทำแต่ความดี
    3. รักษาชำระจิตใจของตนเองให้สะอาดบริสุทธิ์จากกรรมที่เป็นอกุศล

    องค์สมเด็จพระทศพลต้องการผลตอบสนองเพียงเท่านี้ นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์ที่ทรงบำเพ็ญบารมีมาถึง 4 อสงไขย กำไรแสนกัปป์ ต้องการผลเพียงเท่านี้ ไม่ใช่ค่าจ้างรางวัล ใครเขาจะนินทาว่าร้ายนั้น องค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้คำนึงถึง เพราะพระองค์ทรงทราบอยู่แล้วว่า เขาจะนินทาแบบไหนก็ตาม ถ้าพระองค์ทำดี พระองค์ก็ไม่ทรงเลวไปตามเขาว่า แต่ถ้าพระองค์เลวแล้ว ใครจะชมสักเท่าไรก็ตามที พระองค์ก็ไม่ดีตามคำชม

    ทีนี้กฎเกณฑ์แห่งการเป็นพระพุทธเจ้า จะต้องเสียสละลูกและเมียเป็นทาน ถ้ายังไม่สละลูก ไม่สละเมียเป็นทานเพียงใด ท่านผู้นั้นจะถือว่าเป็นพระพุทธเจ้ายังไม่ได้ จะไม่มีโอกาสได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ และโดยปกติ ลูกและเมียทั้งสองฝ่ายนี้ ถ้าหากสร้างกรรมดีเข้าไว้ ก็จะไม่ต้องทุกข์ทรมานอะไร ดูตัวอย่างเช่นพระนางมัทรี

    เมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร หน่อพระบรมพงศ์โพธิสัตว์ เมื่อให้ลูกเป็นทานไปแล้ว ต่อมาองค์สมเด็จพระประทีปแก้วก็ให้นางมัทรีเป็นทาน สละเมียเป็นทานไปอีก ตอนสละเมียเป็นทานนี้ ความจริงพระนางมัทรีไม่มีกรรมใหญ่ที่จะเข้าสนองผล ก็เป็นเหตุให้ทิพยอาสน์ของพระอินทร์บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ที่เคยอ่อนประดุจสำลีแข็งกระด้างขึ้นมา

    ท้าวเธอมีความสงสัยว่า เหตุอะไรจะเกิดแก่บุคคลผู้มีบุญ ก็ทรงทราบอุปนิสัยความนึกคิดขององค์สมเด็จพระจอมไตร ในสมัยที่เป็นพระเวสสันดรว่า หน่อพระทินกรจะต้องสละพระนางมัทรีให้เป็นของคนอื่น และพระนางมัทรีนี้ก็เป็นคนคู่บารมีขององค์สมเด็จพระชินสีห์มานาน เป็นกษัตริย์และเป็นคนดี ถ้าให้ไปกับคนอื่นที่มีนิสัยหรือมีสัญชาติเป็นทาส ทาสี ก็ไม่เหมาะ สมควรที่พระองค์เองจะต้องเสด็จไปรับเสียเอง

    ฉะนั้น พระอินทร์มีความกรุณาในพระนางมัทรี เพราะอาศัยความดีที่สั่งสมบารมีมามาก เป็นคู่บารมีขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระอินทร์จึงได้แปลงเป็นพราหมณ์ลงมาขอพระนางมัทรี องค์สมเด็จพระชินสีห์ก็ทรงประทานให้ ก่อนที่จะประทานให้ก็แจ้งกับพระนางมัทรีว่า อันนี้เป็นจริยาของบุคคลที่จะได้บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องให้ลูกและภรรยาเป็นทาน ขอนงคราญจงอย่าขัดข้องเลย จงโมทนาด้วย

    เมื่อพระนางมัทรีทรงทราบเจตนาองค์สมเด็จพระชินสีห์ก็ไม่ว่าอะไร ตามใจทุกอย่าง ยอมไปตกอยู่ในอำนาจของพราหมณ์ แล้วองค์สมเด็จพระพิชิตมารเวลาที่เป็นพระเวสสันดรก็นำพระนางมัทรีมา แล้วนั่งใกล้ท่านพราหมณ์ เขาเรียกกันว่าอินทพราหมณ์ คือ พระอินทร์แปลงตัวเป็นพราหมณ์ เมื่อเข้ามาใกล้แล้วจึงได้หลั่งทักษิโณทกให้ตกบนฝ่ามือ แสดงถึงการให้

    เมื่อพระอินทร์ได้รับพระราชทานพระนางมัทรีแล้ว จึงได้กล่าวถวายองค์สมเด็จพระประทีปแก้วว่า เวลานี้พระนางมัทรีเป็นสิทธิของข้าพระพุทธเจ้า แต่ว่าข้าพระพุทธเจ้าขอถวายคืนเข้าไว้ แต่ขอพรว่า ถ้าจะให้พระนางมัทรีกับใครแล้ว ต้องขออนุญาตข้าพระพุทธเจ้าก่อน เพราะข้าพระพุทธเจ้าเป็นเจ้าของ แต่การมอบไว้นี้ก็ให้เป็นสิทธิ์ในการใช้สอย อยู่ร่วมในฐานะสามีภรรยาก็ได้ หรือจะรับไว้เป็นคนใช้ก็ได้ ห้ามบุคคลอื่นทั้งหลายที่จะมาขอต่อ ถ้าใครจะมาขอต่อก็ต้องขออนุญาตก่อน เมื่อข้าพระพุทธเจ้าไม่อนุญาต องค์สมเด็จพระบรมโลกนาถจะให้ไม่ได้ องค์สมเด็จพระจอมไตรในสมัยนั้นที่เป็นพระเวสสันดรก็ทรงรับ

    นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท มาดูพระนางมัทรีที่ถูกให้ แต่กฎของกรรมเดิมที่นางทำไว้ กรรมชั่วมันไม่มี ก็เป็นเหตุให้ทิพยอาสน์ของท้าวโกสีย์สักกเทวราชแข็งกระด้างเป็นเครื่องเตือนใจ เป็นเหตุให้พระนางมัทรีไม่ต้องไปอยู่กับพราหมณ์ แต่ความจริงไปอยู่ก็ไม่เป็นประโยชน์ เพราะพราหมณ์นั้นเป็นพระอินทร์ เมื่อพระองค์พระราชทานพระนางมัทรีให้เป็นชายาของพราหมณ์ พราหมณ์ถวายแล้ว พราหมณ์จึงได้แสดงความจริงกับองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว แปลงกายจากพราหมณ์กลับมาเป็นพระอินทร์ตามเดิม แล้วก็ประกาศให้ทรงทราบว่า ข้าพเจ้าคือพระอินทร์ พระนางมัทรีเป็นของข้าพเจ้า พระองค์จะให้ใครไม่ได้เด็ดขาด

    เมื่อองค์สมเด็จพระบรมโลกนาถทรงรับรองแล้ว จึงได้ขอพรกับพระอินทร์ 8 ประการ พร 8 ประการนี้คือ
    1. ขอให้ได้เข้าครองพระราชฐานตามเดิม
    2. ให้ได้รับความกรุณาเมตตาจากพระราชบิดาพระราชมารดา และประชาชนทั้งหลาย เป็นต้น
    เป็นอันว่าพร 8 ประการ ไม่ต้องกล่วกัน เราไม่ได้มาเทศน์อัฏฐพรกัน อัฏฐพร คือ พร 8 ประการที่ขอจากพระอินทร์ ไม่ได้เทศน์เรื่องนี้

    เรามาคุยกันถึงเรื่องบุพกรรมของกัณหา และชาลี ที่ชาวบ้านชอบโจมตีว่า พระเวสสันดรเห็นแก่ตัวมาก ไม่เห็นแก่ความลำบากของลูกและเมีย แต่ว่าคนที่พูดนั้นไม่ทราบความจริงก็ไม่น่าตำหนิท่าน ถ้าคนเราลองโง่เสียอย่างเดียว ตำหนิกันไม่ได้ แต่คนที่จะตำหนิได้นั้นก็ต้องเป็นคนที่ไม่โง่ แต่ว่าคนโง่แล้วไม่รู้ตัว่าโง่ อวดฉลาด อย่างนี้เขาเรียกกันว่า โง่แกมหยิ่ง ไม่ว่าชายหรือหญิง ใช้อะไรไม่ได้ทั้งหมด แต่องค์สมเด็จพระบรมสุคตท่านได้ตำหนิ อาตมาก็ไม่ได้ตำหนิ แต่พูดให้ฟังว่าโง่จริง ๆ นี่น่าสงสาร ถ้าโง่แกมหยิ่ง ไม่น่าสงสารเลย

    เรามาพูดถึงเรื่องกัณหาและชาลี เมื่อพระราชบิดามอบหมายตนเองให้เป็นสิทธิของตาชูชก เมื่อตาชูชกแกได้กัณหาและชาลีเป็นสิทธิแล้ว ตาแก่ผู้ใจแกล้วแทนที่จะปลอบโยนกัณหาและชาลีเป็นการเอาอกเอาใจ กลับมีความคิดเสียใหม่ว่า เด็กทั้งสองคนนี้เป็นลูกของกษัตริย์ ถ้าเราจะเอาใจเธอทั้งสองคน พ่อหน้ามนก็จะทะนงตัว เมื่อไปอยู่กับเราก็จะถือตนว่าเป็นลูกกษัตริย์ จะเป็นนายของเราเข้าไป จึงตั้งอารมณ์เสียใหม่ว่า เราต้องข่มขู่เสียตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ฉะนั้น ตาชูชกจึงได้นำเถาวัลย์มาผูกมือทั้งสองของกุมารากุมารีแล้วก็เฆี่ยนตี ฉุดกระชาก ใช้อำนาจให้เด็กทั้งสองกลัว

    นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ตอนนี้เองที่บรรดาท่านทั้งหลาย หลายท่านด้วยกันโจมตีองค์สมเด็จพระทรงธรรมบรมศาสดาว่า เป็นคนเห็นแก่ตัว สร้างความชั่วให้แก่บุคคลอื่นเพื่อความดีของตน ความจริงถ้าเขารู้จักองค์สมเด็จพระทศพลเขาก็คงไม่พูดแบบนั้น แต่ว่าเราจะเอาขนมอะไรไปป้อนให้ควายกินเล่า บรรดาท่านพุทธบริษัท ควายที่จะมาชอบทองหยิบฝอยทองนั้นมันไม่มี หรือว่าจะหาขนมเค้กอย่างดี ขนมอะไรก็ตามมาป้อนให้กิน ควายมันก็ไม่ชอบ เพราะควายมันชอบกินหญ้า ข้อนี้มีอุปมาฉันใด คนที่โง่แกมหยิ่งมันก็เหมือนกัน บรรดาท่านพุทธบริษัท ชอบคิดแต่สิ่งที่ชั่วร้าย ส่วนที่เป็นความดีที่เป็นเหตุแห่งความสบายใจเขาไม่ชอบคิดกัน

    ทีนี้ก็จะกล่วถึงบุพกรรมของกัณหาและชาลี เรื่องนี้เคยมีพระถามพระพุทธเจ้าในกาลที่เล่าเรื่องเรียบร้อยแล้ว บรรดาพระสงฆ์จึงได้กราบทูลองค์สมเด็จพระประทีปแก้วว่า กัณหาและชาลี ทั้งสองศรีนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นขัตติยราช เป็นบุตรกษัตริย์ เป็นคนมีจริยาดี แสดงความเคารพนบนอบ อ่อนโยนกับตาชูชกด้วยดี แต่ว่าเมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์พระราชทานแล้ว ทำไมตาชูชกจึงได้ทำอย่างนั้น

    องค์สมเด็จพระภควันต์จึงได้ทรงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ภิกขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหตุที่จะเกิดขึ้นเช่นนั้นก็เพราะอาศัยกรรมเก่าของกัณหาและชาลี เดิมทีกัณหาและชาลีเป็นลูกของชาวบ้าน คือชาวนาธรรมดา ตาชูชกตัวแก่เฒ่าชราคนนี้แกเป็นควายแก่ เมื่อต้นข้าวขึ้นมาใหม่ ๆ บิดาและมารดาให้สองศรีนี้ไปเฝ้าต้นข้าว เพื่อกันควายไม่ให้เข้ามากิน พอเด็กสองคนนี้เผลอเมื่อไร เจ้าควายแก่ก็ย่องเข้ามากินเมื่อนั้น บิดาและมารดาก็ดุว่าเด็กทั้งสองนี้บ้าง เฆี่ยนตีบ้าง หาว่าละเลยหน้าที่ เมื่อจะไล่จะปาสักเท่าไรก็ตามที เจ้าควายแก่ตัวนี้มันไปไม่ไกล ทำทีเหมือนว่าหันหน้าหนีไปแล้ว กินหญ้าอยู่ พอโฉมตรูทั้งสองกุมารเผลอเมื่อไร มันก็ย่องเข้ามากินต้นข้าวอ่อนเมื่อนั้น เป็นเหตุให้สองกุมารมีความโกรธ จึงได้พากันจับควายเฒ่าตัวนั้นไปผูกไว้กับต้นไม้ คือเอาเชือกผูกที่ตะพายแล้วก็ผูกติดกับต้นไม้ สองคนพี่น้อยช่วยกันหาไม้เรียวหนามมาตีควายแก่ตัวนี้เสียจนหนำใจ เรียกว่าจนพอใจ แล้วจึงปล่อยควายแก่นี้ไป

    องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า เพราะกรรมในอดีตที่กัณหาและชาลีตีควายแก่ กรรมนั้นมันมาสนองเธอทั้งสอง เจ้าควายแก่ตัวนั้นมันมาเกิดเป็นชูชก ทีนี้เมื่อมอบหมายให้ชูชกแล้ว กรรมเก่ามันเข้าสนองใจ ทำให้ชูชกเห็นผิด คิดในใจว่า เราต้องปราบปรามให้เด็กพวกนี้เข็ดเสียก่อน กลัวเรา ไม่เช่นนั้นแล้ว ไปอยู่กับเราก็จะทำตัวเป็นนาย เพราะจะถือตัวว่าเป็นลูกเจ้าใหญ่นายโต

    นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ความสงสัยของบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายในเรื่องนี้ก็คงจะหมดไป หรือไม่หมดก็ตามใจ เพราะบุคคลที่สอนได้นั้นก็มีอยู่ 3 ขั้นด้วยกันคือ
    อุคฆฏิตัญญู มีปัญญาดีมาก แนะนำแต่เพียงหัวข้อก็มีความเข้าใจ
    คนระดับที่สองรองลงมานั้นไซร้ ก็คือ วิปจิตัญญู คนประเภทนี้ องค์สมเด็จพระบรมครูบอกว่า แนะนำหัวข้อเขาไม่เข้าใจ จะต้องอธิบายนิดหน่อย จึงจะเข้าใจ
    คนประเภทที่สามเรียกว่า เนยยะ คนประเภทนี้จะสั่งสอนเท่าไรก็ไม่สามารถจะเป็นพระอริยเจ้าได้ แต่ก็มีความดี เข้าถึงไตรสรณาคมน์ มีศีล 5 บริสุทธิ์ ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี จัดเป็นกัลยาณชน คือคนดี หรือคนงาม
    คนประเภทที่สี่ คือ ปทปรมะ ท่านแปลว่า มีบทบาทอย่างยิ่ง บุคคลประเภทนี้จะเป็นชายจะเป็นหญิง จะศึกษาวิชาการสูงขนาดไหนก็ตาม ก็มีความโง่เป็นปกติ เรื่องความดี เรื่องบุญ เรื่องกุศล ทำตอน และบุคคลอื่นให้มีความสุข บุคคลประเภทนี้ไม่เคยคิด และก็เป็นคนไร้เหตุไร้ผล ไม่ยอมรับทราบ ผลของบุคคลผู้ใด เหตุผลจะเป็นประการใดฉันไม่ฟัง ฉันต้องการอย่างเดียว คิอคัดค้านให้มันพินาศไป

    แม้แต่ประเทศชาติของตนที่กำลังเป็นไท ไม่ใช่ทาส บุคคลประเภทนี้ก็พยายามทำลายชาติให้พินาศ ด้วยการขายชาติให้แก่ศัตรู ความจริงตัวของเขาเองไม่รู้หรอก บรรดาท่านพุทธบริษัท ว่าการขายชาติของเขามันมีผลร้ายสักเพียงใด ญาติพี่น้องของเขาทั้งหลายที่เกิดอยู่ในประเทศไทยก็จะพากันลำบาก ตัวเขาเองที่ถูกป้อยอว่า ถ้ายึดประเทศไทยได้เมื่อไร เขาจะให้เป็นใหญ่

    แล้วใครที่ไหนเล่า บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เขาจะให้คนจัญไรประเภทนี้ปกครองประเทศ แม้แต่บ้านพ่อบ้านแม่ บ้านปู่ย่าตายายของเขา เขายังทรยศได้ แล้วเจ้านายผู้จ้างเขามา เป็นอะไรที่เขาจะไว้วางใจ เรื่องการไว้วางใจย่อมไม่มีในที่สุด คนอัปรีย์พวกนี้ก็จะต้องตายโหงไปตาม ๆ กัน

    นี่เราพูดกันเรื่องกรรมนะ กรรมของกัณหาชาลีเป็นเช่นใด คนที่สร้างกรรมชั่วไว้ ผลกรรมก็จะต้องรับเหมือนกัน ที่นำผลของกรรมมากล่าวกับบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน เพื่อให้มีความเข้าใจในกฎของกรรม ที่เป็นความดีหรือความชั่ว ขอท่านทั้งหลายจงระมัดระวังตัว จงอย่าคิดว่ากรรมชั่วนิดหน่อยมันจะไม่ให้ผล

    ตามที่องค์สมเด็จพระทศพลกล่าวถึงกฎของกรรม ของกัณหาและชาลี ความจริงถ้าจะคิดกันไปดูอีกที เจ้าควายตัวนี้มันมาลักข้าวเขากิน การลงโทษประเภทนั้นควรจะมีผลเสมอกัน กล่วคือหายกันไป แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น มันไม่หายสิ มันติดตามมาเล่นกัณหาและชาลีเข้าในชาติสุดท้าย ตอนที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาเป็นพระเวสสันดรหน่อพระบรมพงศ์โพธิ์สัตว์

    ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทจำไว้ให้ดี จงอย่าคิดว่า ยุงตัวเล็ก ๆ มันเป็นเด็ก ฆ่าแล้วไม่บาป หรือที่เขากล่าวกันบอกว่า สัตว์ทั้งหลายเกิดมาเป็นอาหารของมนุษย์ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาฆ่ากินกัน แล้วกรรมทั้งหลายเหล่านี้นั้นมันก็ไม่ให้อภัยกับบุคคลผู้ฆ่าเหมือนกัน ต่อไปในชาติเบื้องหน้า ถ้าเกิดใหม่ก็ต้องฆ่ากันไปฆ่ากันมา ผลัดกันฆ่าอยู่แบบนั้น เช่นเจ๊กกับหมู เจ๊กกับไก่ เป็นต้น

    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท ก็ดูในกาลต่อไป เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของเทวดา การที่ชูชกจะรู้ว่ากัณหาและชาลีอยู่ที่ไหน ก็เป็นเรื่องของเทวดาช่วย นางอมิตตดาที่เป็นเมียชูชก อยู่ ๆ เธอก็โกรธชูชกขึ้นมา หาว่าชาวบ้านด่าเธอ เธอปฏิบัติความดีกับชูชกมาก ดีเกินหน้าไป เป็นเหตุให้บรรดาสาวสรรกำนัลใน คือหญิงชาวบ้านแถวนั้นถูกผัวไปต่อว่า ว่านางอมิตตดาเขามีผัวแก่ เขายังมีความดี สร้างความดีให้แก่สามีมีความสุข ส่วนตนเองเป็นสามีภรรยาอายุไล่เรี่ยกัน แต่ไม่ปฏิบัติตามนั้น ทำให้มีความทุกข์

    เมื่อบรรดาหญิงทั้งหลายเหล่านั้น ได้รับการกระทบกระเทือนถูกด่าว่าจากสามี จึงได้มาโกรธนางอมิตตดา นี่เป็นนิสัยพาล มาด่ามาว่า มาพูดประชดประชัน อยากจะให้นางอมิตตดาไปเสียจากที่นั้น ตัวจะได้มีความสุข สามีจะได้ไม่ว่าไม่ด่า ไม่ทุบ ไม่ตี

    นางอมิตตดาเมื่อถูกหญิงทั้งหลายเหล่านั้นว่าประชดประชัน ใจก็นึกขึ้นมาว่า เวลานี้องค์สมเด็จพระทรงธรรมพระเวสสันดร หน่อพระบรมพงศ์โพธิ์สัตว์ออกสู่ภิเนษกรมณ์ จะต้องให้บุตรและภรรยาเป็นทาน ความจริงนางไม่รู้เรื่องเพราะบ้านเมืองสมัยนั้นไม่มีวิทยุ ไม่มีหนังสือพิมพ์ แต่ที่นางรู้ขึ้นมาได้ก็เพราะเทวดาเขาแนะนำกัน ถ้าหากพระเวสสันดรไม่มีโอกาสให้สองกุมารเป็นทาน พระเวสสันดรก็ไม่มีโอกาสที่จะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณได้

    เมื่อกัณหาชาลีทั้งสองศรีนี้ไซร้ ถูกชูชกทรมานไประหว่างทาง ก็ปรากฎว่าเทวดาก็เข้ามายุ่งอีก คือเมื่อเวลากลางคืน ก็แปลงเป็นพระเวสสันดรองค์หนึ่ง แปลงเป็นพระนางมัทรีองค์หนึ่ง มาให้สองกุมารนอนบนตัก ปฐมพยาบาลจนหลับไป พอตื่นขึ้นเช้า ทั้งสองเทวดาก็หายไป ชูชกลากไป

    คราวนี้เทวดาผู้เป็นเจ้ากี้เจ้าการก็เลยพาให้ชูชกหลงทาง พอไปหาพระเจ้าปู่ เมื่อไปหาพระเจ้าปู่ ไปใกล้พระเจ้าปู่เห็นเข้า พระเจ้าปู่จึงได้ให้อำมาตย์ทั้งหลายไปตามเข้ามา เพราะจำได้ว่าเป็นหลาน ว่าใครหนอไปลักหลานของเรามา ไปจับมันเข้ามา เมื่อพระเจ้าปู่พบพระเจ้าหลานแล้ว จึงได้เรียกหลานแก้วทั้งสองให้ขึ้นมานั่งบนตัก

    ตอนนี้เทวดาก็มีสร้างความเมตตาขึ้นมาอีก ก่อนที่พระเวสสันดรจะไป เทวดาก็ดลใจให้ถูกไล่ ตอนนี้เทวดาก็ดลใจให้พระเจ้าปู่ พระเจ้าย่า คือพระเจ้ากรุงสญชัยกับพระนางผุสดีคิดถึงพระเวสสันดร บรรดาพสกนิกรทั้งหลายที่เคยโกรธก็ไม่โกรธ ที่ชาวบ้านเขาโกรธเพราะเทวดาแกล้งดลใจให้โกรธ นี่มันเรื่องของเทวดาปรารถนาจะให้พระองค์เป็นพระพุทธเจ้าให้ได้ ให้บำเพ็ญบารมีให้เต็ม

    เมื่อเด็กทั้งสองพบพระเจ้าปู่ พระเจ้าย่าแล้ว จึงได้บอกว่า พ่อตีราคามา ถ้ายังไม่ชำระหนี้ก็ยังไม่เป็นไท ยังเป็นทาสของชูชกอยู่ สมเด็จพระเจ้าปู่จึงได้มีพระมหากรุณาธิคุณ อนุญาตให้นำเงินนำทองมาไถ่หลาน แล้วก็เลี้ยงดูชูชกจนอิ่มหนำสำราญ เมื่อแกกินมากเข้าไป ธาตุย่อยไม่ไหว เพราะเป็นขอทานมานาน ไม่เคยกินของดี ๆ ในที่สุด ตา
    ชูชกนี้แกก็ตายเพราะธาตุไม่ย่อย

    พระเจ้ากรุงสญชัยจึงได้บอกให้คนทั้งหลาย ประกาศหาญาติของตาชูชก ก็หาญาติไม่ได้ เป็นอันว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่ยกให้ชูชกก็ตกเป็นของหลวงไป แล้วก็ถามสองกุมารว่า บิดามารดามีความสุขหรือประการใด เด็กทั้งสองก็บอกว่า บิดามารดามีความทุกข์มาก ลำบากด้วยความเป็นอยู่และการบริโภค

    ฉะนั้น พระเจ้ากรุงสญชัยบรมกษัตริย์ พระบาทท้าวเธอจึงสั่งจตุรงคเสนา ยกกองทัพไปรับพระเวสสันดรกลับเข้าเมือง เรื่องมันแค่นี้แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ที่คนเขาโจมตีพระเวสสันดรอย่าเห็นกับเขาด้วยเลย จงพากันรับทราบกฎของกรรมว่า กรรมเพียงเล็กน้อย มันย่อมให้ผลใหญ่

    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย สำหรับบุพกรรมของกัณหา ชาลี ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน สวัสดี

    (จากหนังสือธรรมสัญจร เล่ม 4)
    บุพกรรมขององคุลีมาล

    “หลวงพ่อคะ หนูเคยอ่านเรื่องกฎของกรรมเรื่องหนึ่ง คือ นายแดงเป็นคนเนรคุณพ่อแม่และเคยทุบตีพ่อแม่ พอแกมีลูกออกมาลูกก็มีอาการเหมือนกับพ่อค่ะ คงจะเป็นกฎของกรรมของนายแดง แต่หนูคิดว่าลูกของนายแดงจะต้องมีบาปเหมือนกันใช่ไหมคะ....”
    ก็ไม่ใช่บาป
    “แล้วกฎของกรรมจะบันดาลให้เป็นอย่างไรคะ...”
    นายแดงเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณพ่อแม่ ตีพ่อตีแม่ นายแดงก็เป็นคนมีจิตเลว ฉะนั้นเด็กที่จะต้องมาเกิดด้วยก็ต้องเป็นเด็กเลว ๆ มาเกิด คือว่าเด็กที่จะมาเกิดร่วมกันส่วนใหญ่จะต้องมีศรัทธาเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน เสมอกับพ่อแม่ จึงจะเข้าสู่ครรภ์ตระกูลนั้นได้
    แต่ว่าไอ้กรรมที่เป็นอกุศลย่อมให้ผลต่างวาระ บางทีตอนเป็นเด็ก ๆ แกดี ตอนโตอาจเลวไปชั่วขณะหนึ่งก็ได้
    หมายความว่า กรรมที่เป็นอกุศลเดิมเข้ามาสิงจิตในช่วงกลางนะ และในช่วงหนึ่งของชีวิต เขาอาจจะมีดีในตอนปลายมือก็ได้ เพราะว่าตอนต้น ๆ พ่อเลวแม่เลว แต่เขาอาจมีดีอยู่ เป็นเพราะช่วงของกรรมเขาเกิดมาในช่วงนั้น กรรมที่เป็นอกุศลมันให้ผลไปก่อน แต่ว่ากรรมที่เป็นกุศลคือความดีมันอาจจะมาทีหลัง

    องคุลีมาล
    “อย่างนั้น พระองคุลีมาลที่ต้องเป็นโจรฆ่าคนเอานิ้วมือ ก็คงเป็นกฎของกรรมใช่ไหมคะ......”
    อันนี้ก็เป็นกฎของกรรม คือถอยหลังจากชาตินี้ไปหนึ่งชาติ ก่อนที่จะเกิดมาเป็นคน ท่านเกิดเป็นควายป่า เป็นควายแต่ว่ามีความสามารถมาก มีความเก่งกล้ามาก สัตว์ในป่าทุกประเภทไม่มีใครสู้ได้เลย มีความว่องไว เขาก็แหลมคม มีกำลังดีมาก ปะทะกันก็แพ้หมดทุกประเภท สัตว์ในป่าทุกประเภทเห็นท่านเดินไปก็ยอมซูฮก
    ทีนี้แกก็นึกในใจว่า อ้ายสัตว์ที่อยู่ในป่าทั้งหมดเป็นลูกน้องของเราทั้งหมด แต่อ้ายสัตว์ชาวบ้านเขาเลี้ยงมันจะเก่งแค่ไหน เลยออกมาก็ไล่ขวิดวัวควายช้างม้าเตลิดเปิดเปิงหมด ออกมาทีไรก็ทำแบบนั้นทุกคราว ชาวบ้านเขาก็รำคาญ เขาก็โกรธอ้ายควายป่าตัวนี้ ออกมาทีไรทำควายเราตายเสียบ้าง ทำให้ทุพพลภาพไปบ้าง บางทีก็เพลียไปบ้าง ใช้งานไม่ได้ตั้งหลายวัน เพราะวิ่งหนี
    วันหนึ่งคนหมู่บ้านแถวนั้นก็มาคิดกันว่า อ้ายควายตัวนี้ในไม่ช้ามันก็มาอีก ถ้ามาทีนี้จะต้องฆ่าให้ตาย คนทั้งหมดมันมีพันคนเศษ ก็ทำคอกให้แน่นหนาไว้ แล้วก็ทำเป็นซองคล้าย ๆ โป๊ะ รู้จักโป๊ะไหม
    “ไม่รู้จักค่ะ”
    เหมือนอย่งกับโป๊ะปลาทำปากกว้าง ๆ ซองแคบ ข้างในเขาทำแน่นหนา ถ้าวิ่งเข้ามา พอถึงซองแคบตัวก็จะติด เข้าถึงคอกไม่ได้ เขาก็เอาควายไปไว้ในนั้น
    ทีนี้ควายป่าตัวนั้นก็ออกเบิ่งหน้าเบิ่งหลังซิ ควายอื่นเห็นก็วิ่งหนีหมด อ้ายควายคอกไม่หนี หนีไปไหนล่ะ ใช่ไหม แกก็โมโห อ้ายนี่มันหยิ่งนี่ ไม่กลัว กูต้องจัดการ วิ่งไปวิ่งมา มองหาทางเข้า อ้อ..ไอ้ทางปากช่องเข้าได้ พอถึงที่แคบ ตัววิ่งมาแรง กระแทกเข้าไปก็ติด ขยับตัวไม่ได้ เขาก็เสียบไม้ กันออก
    ทีนี้ก็เอาซิ เข่าเข้าไป ศอกเข้าไป แต่วาคนพันคน ไม่ได้ทุบทั้งพันคนนะ พวกผู้หญิงพวกผู้ชายไม่ได้ลงมือตีทั้งหมด แต่ว่าพร้อมใจตีให้ตาย พอตีลงไปแล้ว ก่อนจะสิ้นใจตายแกก็ลืมตาดู ไอ้พวกนี้มันมาก กูคนเดียว มึงรุมฆ่ากู ถ้าชาติหน้ามีจริงก็ขอฆ่ามึงบ้าง นี่เป็นเวรที่จองกันไว้
    พอเกิดมาอีกชาติหนึ่ง พ่อตั้งชื่อให้ว่า อหิงสกกุมาร แปลว่ากุมารผู้ไม่เบียดเบียน พอเกิดมาแล้ว สติปัญญาดี จริยามรรยาทก็ดี ความจริงท่านเป็นคนดีมาก พอโตขึ้นมาหน่อย พ่อก็พามาเฝ้าประเจ้าปเสนทิโกศล

    กรรมเก่าเข้ามาสนอง
    ทีนี้เวลาไปเรียนศิลปวิทยา เพราะความดีของท่าน เขาเรียนกัน 4 ปี ท่านเรียน 2 ปี จบหลักสูตรทั้งหมด ทั้งฝ่ายบู๊ ฝ่ายบุ๋น ทั้งเพลงอาวุธด้วย เมื่อลูกศิษย์คนอื่น ๆ สู้ไม่ได้ อาจารย์ก็ให้เป็นครูสอนแทน ทีนี้ไอ้เพื่อนที่ไปด้วยกันมันอิจฉา มาด้วยกันเสือกมาเป็นครู ตอนนี้กรรมเก่าเข้ามาสนอง ก็หาทางจะฆ่า เลยไปยุอาจารย์ บอกว่าอหิงสกกุมารมันคิดจะตั้งตัวเป็นอาจารย์เสียเอง มันจะฆ่าท่านอาจารย์
    ไอ้ลมพายุมันพัดแล้วก็ไป แต่ไอ้ลมปากคนมันพัดบ่อย ๆ ก็ชักไหวเหมือนกัน ตอนหลังท่านอาจารย์ก็เชื่อ ก็คิดในใจว่า ถ้าเราจะฆ่าเสียเองมันจะเสียชื่อ ทางที่ดีให้คนอื่นเขาฆ่าดีกว่า
    วันหนึ่งจึงเรียกอหิงสกกุมารเข้าไปถามว่า เวลานี้เจ้าเก่งมากทั้งวิชาฝ่ายบู๊ และฝ่ายบุ๋นทั้งหมด แม้ในการรบก็เก่ง แต่ทว่าวิชาของอาจารย์ยังมีอีกหน่อย เขาเรียกว่า วิษณุมนต์ ถ้าหากใครเรียนได้จะปราบได้ทั่วไตรภพ มนุษย์ก็ปราบได้ เทวดาก็ปราบได้ พรหมก็ปราบได้ ทีนี้คนเป็นวัยรุ่นและก็เก่งอยู่แล้วก็อยากเก่งต่อไป ก็อยากเรียน อาจารย์ก็เลยบอกว่า
    คนอื่นเรียนไม่ได้แต่อย่างเธอนี่เรียนได้แน่ จะให้ได้คนเดียว แต่ก่อนที่จะเรียนต้องยกครูเสียก่อน แต่ว่าการยกครูนี่ไม่ใช้ของ แต่ต้องฆ่าคนให้ได้หนึ่งพันคน ถ้าฆ่าคนได้หนี่งพันคนละก็ เธอจึงจะเรียนได้ ท่านก็เลยตกลงยกครูโดยการไล่ฆ่าคน ทีนี้คนที่แกจะฆ่าได้ง่าย ๆ ก็แค่ 2-3 คนแรกเท่านั้นแหละ ตอนหลังเขารู้ข่าวว่าอีตาคนนี้ไล่ฆ่าคน ใครเขาฟังข่าวก็ไม่อยากจะเห็นแก เห็นเข้าเขาจำรูปร่างได้เขาก็หนี กว่าจะไล่ฆ่าได้ก็แย่
    ทีนี้ฆ่าไปฆ่าไป ลืมนับจำนวน หนัก ๆ เข้าก็ลืม ไม่รู้เท่าไร ทีหลังก็เริ่มต้นใหม่ ฆ่าได้หนึ่งคนตัดเอานิ้วไว้หนึ่งนิ้ว ตอนนี้จึงมีนามว่า องคุลีมาลโจร แปลว่า โจรผู้ฆ่าคนเอานิ้วมือ ฆ่าไปจนได้ 999 นิ้ว นี่ถ้านับจริง ๆ มันเกิน 1,000 แล้วนะ ใช่ไหม อีตอนที่ไม่ได้เอานิ้วไว้ไม่รู้เท่าไร แต่ว่าคู่ปรับยังมีอีกคนเดียว ถ้าได้อีกนิ้วเดียวก็ครบคู่ปรับพอดี และคู่ปรับที่จะต้องฆ่าก็คือแม่ แต่ความจริงท่านไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าแม่ แต่ว่ามันเหลืออีกนิ้วเดียว แต่ละนิ้วก็หาได้ยาก วันพรุ่งนี้จะเข้าไปกรุงพาราณสี จะเป็นใครก็ตามที ถ้าเห็นต้องฆ่า
    ทีนี้คืนนั้น แม่ได้ยินข่าวว่าลูกชายจะมาอยู่ใกล้ ก็ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปเยี่ยมลูก จะไปห้าม ถ้าแม่ไปก็ถูกฆ่า เพราะว่าเป็นคู่ปรับเดิม สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรวจอุปนิสัยของสัตว์ตอนเช้ามืด ทรงทราบว่า ถ้าอหิงสกกุมารฆ่าแม่ จัดเป็นอนันตริยกรรม มรรคผลจะไม่ได้เลย ท่านทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ต้องการให้คนที่จะดีก็ขอให้ดีต่อไป ไม่ให้ความชั่วเข้ามาทับถม ท่านจึงเสด็จไปก่อน ไปก่อนแม่
    อหิงสกกุมารเห็นพระพุทธเจ้านึกว่าหวานแล้ว อีตานี่เดินนวยนาด สวย หล่อ ลีลาดีหม่ำสบายละ แกก็วิ่งกวดเลย พระพุทธเจ้าทรงเดินเฉย ๆ ท่านทำให้แผ่นดินสูง ๆ ต่ำ ๆ สูง ๆ แกก็วิ่งไม่ถนัด แกเห็นแกก็กวดไม่ทัน แกก็ร้องบอก เอ้า...สมณะหยุดก่อน พระพุทธเจ้าบอกตถาคตหยุดแล้ว แล้วท่านก็เดินต่อไป แกก็วิ่งไม่ทัน พอเหนื่อยเข้าก็ร้องบอก ไง...สมณะทำไมพูดมุสาวาท ท่านบอกว่าท่านหยุดแต่ท่านยังเดินอยู่
    พระพุทธเจ้าก็ทรงหยุดหันมาบอกอหิงสกกุมาร ตถาคตหยุดจากบาปกรรมธรรมอันลามกมานานแล้วนะ เธอน่ะยังไม่หยุดอีกรึ เพราะกรรมที่เป็นกุศลเดิมให้ผลก็รู้สึกตัวทันที วางดาบ วางพวงนิ้วมือแล้วก็นุ่งผ้าให้เรียบร้อย ทำผมให้เรียบ วิ่งเข้าไปกราบพระพุทธเจ้า ท่านก็ทรงให้โอวาทนิดหนึ่ง ท่านก็ขอบวช ท่านก็ให้บวช บวชแล้วก็ได้เป็นอรหันต์
    นี่เรื่องนี้บางคนสงสัยว่า ทำไมองคุลีมาลฆ่าคนเหยง ๆ แต่ไปเป็นพระอรหันต์ ก็ท่านทำบุญไว้ดีน่ะซิ แต่ไอ้บุญประเภทนี้เราก็ไม่อยากทำนะ

    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม


    “ดูก่อนท่านทั้งหลาย ท่านที่มาประชุมทั้งหมด จะเป็นเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย นั่นหมายถึงว่า การจุติ ลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไป อย่ามีความสุขเกินไป และมันจะทุกข์ทีหลัง จงดูภาพมนุษย์ว่า มนุษย์เมืองไหนบ้างที่น่าเกิด ดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงาน เราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์ เมืองมนุษย์มีแต่ความทุกข์ ต้องประกอบกิจการงานทุกอย่าง ต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์ มีความปรารถนาไม่ค่อยจะสมหวังทุกอย่างต้องใช้แรงงาน

    แต่ว่ามาเป็นเทวดา มาเป็นนางฟ้า ทุกอย่างหมดสิ้น นั่นหมายความว่าไม่ต้องทำอะไรทั้งหมด ร่างกายอิ่มเป็นปกติ ร่างกายเยือกเย็นอบอุ่น ไม่ต้องห่มผ้า และมีความปรารถนาสมหวัง ก็หมายความถ้าจะไปทางไหน ก็สามารถลอยไปถึงที่นั่นได้ทันทีทันใด ความป่วยไม่มี ความแก่ไม่มี ร่างกายไม่มีการเปลี่ยนแปลง ความเป็นทิพย์อย่างนี้ ท่านทั้งหลายจงอย่ามัวเมา จงอย่ามีความเข้าใจผิดว่า เราจะอยู่ที่นี่ตลอดกาล ตลอดสมัย

    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะอายุเทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดี อายุจำกัดตามบุญวาสนาบารมี ถ้าหมดบุญวาสนาบารมีก็ต้องจุติคือตาย แต่ว่าท่านทั้งหลายจงอย่าลืมว่า เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมทั้งหมด ที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมด แม้แต่จะเป็นพระอริยะเจ้า ที่ท่านเป็นพระอริยเจ้าก็มาก อย่าลืมว่าทุกท่านยังมีบาปติดตัวอยู่ และการสะสมบาปมาเป็นชาติ ๆ ยังมีมากมาย” (พอพระพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้ บรรดาท่านทั้งหลาย อาตมาก็ใช้กำลังใจดูร่างกายเทวดา นางฟ้ากับพรหม เห็นเงาบาปอยู่ในหน้ามาก เป็นอันว่าทุกองค์ ต่างองค์ต่างมีบาป แต่ก็มาเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ แล้วก็ดูตัวเองเวลานั้น ร่างกายของตัวเองก็เป็นทิพย์ บาปมันก็ท่วมท้นเหมือนกัน) ต่อไปองค์สมเด็จพระภควันต์ทรงตรัสว่า

    “ภิกขเว......ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย (เวลานั้นมีพระมาด้วยหลายองค์) และท่านทั้งหลายที่นั่งอยู่ที่นี่ทั้งหมด จงอย่าลืมว่าทุกท่านมีบาปติดตัวมามากมาย อาศัยบุญเล็กน้อยก่อนจะตาย จิตใจนึกถึงบุญก่อน จึงได้มาเกิดบนสวรรค์บ้าง มาเกิดบนพรหมบ้าง ถ้าหากว่าท่านจุติเมื่อไร โน่น..... นรก (ท่านชี้มือลง เห็นนรกไฟสว่างจ้า แดงฉานไปหมด) ท่านทั้งหลายจะต้องพุ่งหลาวลงนรก เพราะใช้กฎของกรรม คือบาป ชำระหนี้บาป กว่าจะมาเกิดเป็นคนก็นานหนักหนา และมาเป็นคนแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะได้กลับมาเป็นเทวดา นางฟ้า หรือพรหมใหม่

    ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าเป็นคนอาจจะทำบาปใหม่ อาจลงนรกไปใหม่ก็ได้ ฉะนั้น เมื่อท่านทั้งหลายมาถึงที่นี่ มาอยู่สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี เป็นทางครึ่งหนึ่งของนิพพาน ระหว่างมนุษย์กับนิพพาน เป็นอันว่าท่านทั้งหลายได้ครึ่งทาง การมาได้ครึ่งทางของท่าน ท่านทั้งหลายจงดูนั่น....นิพพาน” (ท่านยกมือชี้ขึ้นให้ดูพระนิพพาน เวลานั้นเทวดานางฟ้ากับพรหมทั้งหมด อาตมาก็เหมือนกัน เห็นพระนิพพานไสวสว่างจ้า มีวิมานสีเดียวกันคือ สีแก้ว แพรวพราวเป็นระยับ เป็นแก้วสีขาว พระอรหันต์ทั้งหลายที่อยู่ที่นั่น มีความสุขขนาดไหน มีความเข้าใจหมด รู้หมด เห็นหมด แล้วองค์สมเด็จพระบรมสุคตก็ทรงกลับมาพูดกับเทวดากับนางฟ้าใหม่ว่า)

    “ท่านทั้งหลายจงหวังตั้งใจคิดว่า ถ้าการจุติมีคราวนี้ ถ้าบุญวาสนาบารมีของเรานี้สิ้นสุดลง เราจะไม่ไปเกิดเป็นมนุษย์ เราจะไม่เกิดเป็นเทวดา เราจะไม่เกิดเป็นนางฟ้า เราจะไม่ไปเกิดเป็นพรหม เราต้องการไปพระนิพพานจุดเดียว และการไปนิพพานนี่ ท่านทั้งหลายต้องยึด อารมณ์พระนิพพาน เป็นสำคัญ สำหรับพรหมก็ดี เทวดานางฟ้าเก่า ๆ ก็ดี อาตมาไม่หนักใจ ทั้งนี้เพราะมีความเข้าใจแล้ว (ก็แสดงว่าพรหม เทวดา นางฟ้าเก่า ๆ เป็นพระอริยเจ้ามาก)

    ที่มีความเป็นห่วงก็เป็นห่วงเทวดานางฟ้าใหม่ ๆ ที่มาเกิดใหม่ ๆ จะหลงความเป็นทิพย์ นั่นหมายความจะมีความเพลิดเพลินในความเป็นทิพย์ ยังมีความรู้สึกว่าเราจะเกิดอยู่ที่นี่ตลอดไป จะไม่มีการจุติ จะไม่มีการเคลื่อน อันนี้เป็นความเห็นที่ผิด จงคิดตามนี้เพื่อพระนิพพาน นั่นคือ จงมีความรู้สึกว่าเราจะต้องจุติวันนี้ไว้เสมอ และอาการของชีวิตนี่เป็นของที่ไม่แน่นอน เราจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ ความตายเป็นของเที่ยง ความเป็นอยู่เป็นของไม่เที่ยง

    เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ทุกท่านจงอย่าประมาท จงใช้ปัญญาพิจารณาความดีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ว่าท่านทั้งหลายควรจะเคารพไหม ถ้าจิตใจของท่านมีความศรัทธา มีความเคารพในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระอริยสงฆ์ ก็เป็นอาการขั้นที่สองที่ท่านจะไปนิพพานได้ หลังจากนั้นขอท่านทั้งหลายจงทรงศีลให้บริสุทธิ์ จะเป็นศีล 5 ก็ตาม ศีล 8 ก็ตาม กรรมบถ 10 ก็ตาม ศีล 10 ก็ตาม ศีล 227 ก็ตาม (พอท่านพูดถึงศีล 227 ก็คิดในใจว่า เทวดาจะไปบวชที่ไหน องค์สมเด็จพระจอมไตรก็หันหน้ามาตรัสว่า)

    “ฤาษี.....เทวดาเขาไม่ต้องบวช อย่างเทวดาชั้นยามาก็ดี ชั้นดุสิตก็ดี อย่างนี้เขามีศีลครบถ้วนบริบูรณ์ ทั้ง 227 เหมือนกับความเป็นพระ พรหมก็ตาม ก็เช่นเดียวกัน ทุกท่านอยู่ด้วยธรรมปีติ ทุกท่านอยู่ด้วยความสุข เขาไม่อาบัติ สิ่งที่จะเป็นอาบัติไม่มี สิ่งที่จะเป็นบาปไม่มี” (แล้วท่านก็กลับหันหน้าไปหาเทวดานางฟ้า กับพรหมว่า)

    “ขอทุกท่านจงอย่าลืมคิดว่า เราจะเป็นผู้มีศีล ให้ตั้งเฉพาะศีล 5 ก็ดี ศีล 8 ก็ได้ ศีล 10 ก็ได้ กรรมบถ 10 ก็ได้ ศีล 227 ก็ได้ ตั้งใจว่า เราจะไม่ละเมิดศีล หลังจากนั้นจึงมีจิตใช้ปัญญาคิดว่า การเกิดเป็นเทวดาก็ดี เป็นนางฟ้าก็ดี เป็นพรหมก็ดี มีสภาพไม่เที่ยง จะต้องมีการจุติเป็นเวาระสุดท้าย ในเมื่อการจุติจะเกิดขึ้น อารมณ์จะทุกข์ จงคิดไว้เสมอว่าเราจะต้องจุติ ในเมื่อเราจะต้องจุติ เราจะไม่ยอมลงอบายภูมิ เราจะไม่เกิดเป็นมนุษย์

    ท่านทั้งหลาย จงดูภาพของมนุษย์ (แล้วพระองค์ก็ชี้มาที่เมืองมนุษย์) มนุษย์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย มนุษย์เต็มไปด้วยความโสโครก มนุษย์เต็มไปด้วยความทุกข์ มนุษย์เต็มไปด้วยการงานต่าง ๆ มนุษย์มีความหิว มีความกระหาย มีความอยาก มีความต้องการไม่สิ้นสุด สิ่งทั้งหลายที่ก่อสร้างขึ้นมาแล้ว จะเป็นทรัพย์สินยังไงก็ตาม ในเมื่อเราตายจากความเป็นมนุษย์เราก็หมดสิทธิ์ อย่างบางท่านเป็นพระมหากษัตริย์ อยู่ในพระราชฐานดี ๆ สร้างไว้เป็นที่หวงแหน คนภายนอกเข้าไม่ได้ เข้าได้แต่คนภายใน

    แต่ว่าท่านทั้งหลาย เมื่อตายมาแล้วกลับไปเกิดเป็นคน หากว่าท่านไม่ได้เกิดในตระกูลกษัตริย์ตามเดิม ท่านเป็นประชาชนคนภายนอก ท่านจะไม่มีสิทธิ์เข้าเขตนั้นเลย ทั้ง ๆ ที่เป็นของที่ท่านสร้างเอาไว้ ท่านทำเอาไว้ทุกอย่าง แล้วท่านจะไม่มีสิทธิ์ นี่ความไม่แน่นอนของความเป็นมนุษย์มันเป็นทุกข์อย่างนี้ ถ้าเกิดเป็นคนก็ต้องหยุด ต้องเดินไปเดินมา ทำกิจการงานทั้งวัน เพื่อผลประโยชน์หน่อยเดียว คือเงิน ถ้าไม่มีเงินก็ไม่สามารถจะมีชีวิตทรงตัวอยู่ได้ เพราะมีความจำเป็นต้องหาเงิน (ในเมื่อท่านตรัสอย่างนี้แล้วก็บอกว่า)

    จงอย่าคิดเป็นมนุษย์ต่อไป ตัดความเป็นมนุษย์เสีย เลิกความหมายความเป็นมนุษย์ เห็นว่าโลกมนุษย์เป็นทุกข์ มนุษย์มีสภาพไม่เที่ยง ไม่มีการทรงตัว มีความเกิดขึ้นและมีความเปลี่ยนแปลง มีความแก่ มีความป่วย มีการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ มีความตายในที่สุด และจงอย่าอยากเป็นเทวดา อยากเป็นนางฟ้า เป็นพรหมต่อไป เพราะเทวดา นางฟ้ากับพรหม ก็มีสภาพไม่เที่ยงเหมือนกัน

    เมื่อมีความเกิดในเบื้องต้น ก็มีความเปลี่ยนแปลงไปธรรมดา ก็มีความจุติไปในที่สุด ทุกคนหวังนิพพานเป็นที่ไป ตั้งใจไว้เสมอว่า เราจะเป็นผู้มีศีล เราจะนับถือพระไตรสรณคมน์คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ แล้วก็เราจะต้องจุติในวันข้างหน้า ตถาคตมีความรู้สึกว่าท่านทั้งหลายที่เป็นเทวดา นางฟ้า พรหมก่า ๆ มีความเข้าใจดีแล้ว (คำว่า “เข้าใจ” บรรดาท่านพุทธบริษัท หมายถึงว่าเขาปฏิบัติได้ นี่คืออารมณ์พระโสดาบัน กับอารมณ์พระอรหันต์)

    สำหรับเทวดา นางฟ้า และพรหมใหม่ ๆ จงตั้งใจไว้เสมอว่า จงลืมความเป็นทิพย์เสีย อย่าเพลิดเพลินเกินไป อย่ามีความสุขเกินไป และมันจะทุกข์ทีหลัง ตั้งใจคิดว่าความสุขที่ได้มานี่ เราได้มาจากบุญเล็กน้อยเท่านั้น และบาปใหญ่ที่ขังอยู่ที่ตัวเรายังมีอยู่ ถ้าเราเผลไม่สร้างความดี ในเมื่อจุติความเป็นเทวดาหรือพรหมในภพนี้แล้ว ทุกคนจะต้องลงอบายภูมิ

    จงดูภาพนรกว่าขุมไหนบ้างที่น่าอยู่น่ารัก มันไม่น่าอยู่ ไม่น่าเกิด ดินแดนไหนที่มีความสุขไม่มีการงาน เราจะมองไม่เห็นความสุขของมนุษย์ และก็ดูเทวดา นางฟ้า กับพรหม มนุษย์ที่เดินเกลื่อนกล่นทุกคน อยู่ในเมืองมนุษย์ เคยเป็นเทวดาเคยเป็นนางฟ้า เคยเป็นพรหมมาแล้ว แต่ว่าท่านทั้งหลายจงตั้งใจไว้เฉพาะนิพพาน จงดูภาพพระนิพพานให้ชัดเจนแจ่มใสว่า ดินแดนพระนิพพานไม่มีที่สิ้นสุด.....” (เมื่อพระองค์ตรัสเพียงเท่านี้ พระองค์ก็จบ)

    (คัดย่อมาจากหนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 139 เดือนกันยายน 2535 เรื่อง ชวนเทวดา นางฟ้า พรหม ไปนิพพาน)

    (หลวงพ่อได้สรุปใจความสั้น ๆ ตามที่ท่านเทศน์ไว้ดังนี้)

    “ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของไม่ยาก

    1. ขอทุกท่านลงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตายอาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอ ๆ
    2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัพธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
    3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
    4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพานแล้วตั้งใจไปพระนิพพานโดยเฉพาะ เท่านี้ ทุกท่านจะหนีอบายภูมิพ้น และไปพระนิพพานได้ในที่สุด”

    หมายเหตุ เทศน์ที่ “เทวสภา” วันที่ 8 สิงหาคม 2535 เวลา 8.00 น. พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชมรหมยาน เมตตาเล่าให้ลูกหลานฟัง เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2535 เวลา 21.00 น

    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย ฟังธรรม
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐมเดือนละ ๑ องค์ ณ.ที่พักสงฆ์ทับทิมสยาม07
    ทุกท่านสามารถร่วมได้ตามกำลังทรัพย์กำลังศรัทธา หรือ จะรับเป็นทั้งองค์ก็ได้องค์ละ ๑๕,๔๖๐ ( หนึ่งหมืนห้าพันสี่ร้อยหกสิบบาท )
    ได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาขุนหาญ
    ชื่อบัญชีพระสุพิน อัตตสันโต
    หมายเลขบัญชี ๓๒๖-๐-๑๖๐๗๗-๙
    หรือจะโทรสอบถามที่ ๐๘๕.๖๕๗.๘๖๗๖

    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพมหากฐินสร้างซุ้มประตูบรมศาสดาบูรพาจารย์
    ทางเข้าพุทธอุทยานปฏิบัติธรรมองค์ปฐมบรมศาสดา
    เพื่อประดิษฐาน
    มหาเจดีย์ยอดซุ้มประตูโขงบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุองค์ปฐม พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ธาตุ
    +
    พระประธานองค์ปฐมปางเปิดโลก&ปางจักรพรรดิ

    พระพุทธรูปหล่อเหมือนบรูพาจารย์ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ชา

    พระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าอยู่หัว
    เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง บูรพกษัตริย์ไทยและพระสยามเทวธิราช
    ในวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 เวลา 8.00 น
    ณ วัดป่าโนนจ่าหอม 13 หมู่ 13 หมู่บ้านโพนเมือง ต.โพนเมือง อ.เหล่าเสือโก้ก จ. อุบลราชธานี34000

    วัด (พระผู้ช่วยเจ้าอาวาสครูบาจ่อย) : 080-167-5445/ ประธานฝ่ายฆารวาส (คุณเก๋ณัฐา) ตั้งแต่หกโมงเย็น-สี่ทุ่ม : 080-772-1000

    เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่าสามัคคีถวายใบระกา จำนวน 16ใบ (เจ้าภาพใบละ 20000 บาท)
    รอบหลังคาชั้นที่ 2 และ 3 พระวิหารพระบรมศรีศากยมุณีสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดา
    ในวันอาสาฬหบูชา (ศุกร์) ที่ 15 กรกฏาคม พ.ศ. 2554เวลา 8.00 น.

    ณ วัดป่าโนนจ่าหอม 13 หมู่ 13 หมู่บ้านโพนเมือง ต.โพนเมือง อ.เหล่าเสือโก้ก จ. อุบลราชธานี 34000
    วัด (พระผู้ช่วยเจ้าอาวาสครูบาจ่อย): 080-167-5445/ ประธานฝ่ายฆารวาส (คุณเก๋ณัฐา) ตั้งแต่หกโมงเย็น-สี่ทุ่ม : 080-772-1000



    ขอรับศรัทธาเจ้าภาพเพื่อจัดสร้างพระแก้วมรกต (จำลอง) หน้าตัก 30 นิ้ว
    วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร [วัดใหญ่]
    ๙๒/๓ ถนนพุทธบูชา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000


    ร่วมสร้างศาลาคลุมสมเด็จองค์ปฐมปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๔ เมตร สูง ๕ เมตร
    ร่วมบุญได้ที่
    ชื่อบัญชี พระมณี ช้างคล้าย
    บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์
    สาขาถนนพระราม 2 ก.ม.13
    เลขที่บัญชี 401779907-6
    โอนแล้วกรุณาโทรแจ้งท่านพระมณี มานิโต
    084-019-4956



    ขอเชิญท่านสาธุชนร่วมสร้างกุศลบุญบารมี

    เป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี จำนวน ๘๔,๐๐๐ กอง ๆ ละ ๑๐๙ บาท

    ในงาน ผูกพัทธสีมา ปิดทอง ฝังลูกนิมิต

    ณ วัดบ้านนา ตำบลกำปัง อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา

    ในวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๕


    ท่านที่จะร่วมทำบุญ สามารถโอนเงินเข้าบัญชี


    ธนาคารกรุงเทพ สาขา โนนไทย

    บัญชีเลขที่ ๔๘๓-๐-๕๔๒๓๑-๔

    ชื่อบัญชี วัดบ้านนา

    โทร. ๐๘๑ ๙๖๗ ๕๐๓๘



    พายุฝนตกหนักธรณีสงฆ์ยุบทรุดโปรดช่วยบูรณะซ่อมแซมวัดกันดินถล่มรอบ2
    วัดป่าโนนจ่าหอม 13 หมู่ 13 หมู่บ้านโพนเมือง ต.โพนเมือง อ.เหล่าเสือโก้ก จ. อุบลราชธานี 34000
    วัด (พระผู้ช่วยเจ้าอาวาสครูบาจ่อย) : 080-167-5445/ ประธานฝ่ายฆารวาส (คุณเก๋ณัฐา) ตั้งแต่หกโมงเย็น-สี่ทุ่ม : 080-772-1000




    เนื่องจากข้าพเจ้าได้ไปร่วมทำบุญหล่อพระ
    และสร้างพระเจดีย์อยู่เป็นประจำ
    ขออาสาเป็นสะพานบุญให้ท่านและกัลยาณมิตรทั้งหลาย
    ที่ต้องการส่งแผ่นทองเหลืองไปร่วมหล่อพระพุทธรูปไว้ตามสถานที่ต่างๆ
    เป็นพุทธานุสติ
    โดยท่านสามารถส่งแผ่นทองเหลืองมาก่อนงานวันหล่อได้ที่
    สุทธิมา อภิสิงห์
    5 ชอยแยกศิริพจน์ 81
    ถ.สุขุมวิท แขวง สวนหลวง
    เขต สวนหลวง
    กรุงเทพ 10250
    หากจดหมายของท่านส่งมาช้ากว่าวันหล่อพระ
    ขออนุญาตินำไปใช้หล่อพระวัดอื่นตามที่เห็นสมควร
    โดยคำนึงถึงอานิสงส์ที่ท่านจะได้รับเป็นหลัก



    ขอเชิญร่วมงานเททองหล่อ
    "สมเด็จองค์ปฐมปางมหาจักรพรรดิ์"
    หล่อด้วย ทองคำบริสุทธิ์ หน้าตัก 9.9 นิ้ว
    เพื่อประดิษฐาน ณ วิหารหลวงพ่อมงคลนิมิตร
    วัดเจริญราษฎรบำรุง(หนองพงนก) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
    กำหนดงาน
    วันเสาร์ ที่ 9 กรกฏาคม 2554
    เวลา 10.00 น. ภวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ 150 วัด 1500 รูป
    เวลา 12.45 น. เททองหล่อพระทองคำ
    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 081-9869534 - จ๋า
    หรือ 080-0225577-ตุ้ม



    บุญด่วนครับขอเชิญญาติธรรมร่วมสร้างแท่นพระศพจำลองหลวงพ่อพระราชพรหมยานวัดวีระโชติ
    เว็บไซด์วัดวีระโชติธรรมารามครับ
    www.watvirachotedhammaram.com




    ขอเชิญร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมปางพระนอนวัดหลุบเลา



    บุญด่วนครับขอเชิญญาติธรรมทุกๆท่านร่วมสร้างกุฏิพระที่สำนักสงฆ์ศรีษะนาลัย(วัดเขาอีกวน) ต.เขาหินซ้อน
    อ .พนมสารคาม จ ฉะเชิงเทรา ๒๔๑๖๐ เนื่องด้วยกุฏิพระไม่เพียงพอสำหรับพระสงฆ์และสามเณรที่จะจำวัด ในช่วง
    เข้าพรรษานี้ครับ มีพระจำวัดรวมเณรมีท้งหมด ๖-๗รูปครับ
    แต่มีกุฏิแค่ ๔ หลังเท่านั้น ญาติธรรมท่านใดสนใจเป็นเจ้าภาพ หรือร่วมบุญ ติดต่อได้ที่
    วัดศรีษะนาลัย บัญชีชื่อ พระประดิษฐ์ เตชะวีโร(เจ้าสำนัก) เบอร์ติดต่อ ๐๘๖-๐๒๙๐๖๓๗
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา พนมสารคาม หมายเลขบัญชี ๖๙๖-๒๓๔-๘๕๕-๘
    พระมหาจอหน์ ติสโร เบอร์ติดต่อ ๐๘๖-๑๒๒๐๐๗๗ ราคากุฏิหลังละ ๓๐๐๐๐ บาท ครับ
    หลังจากโอนแล้วกรุณาแจ้งด้วยครับผม


    ขอเชิญเป็นเจ้าภาพโรงทานและร่วมหล่อพระประธานในอุโบสถวัดธรรมยาน


    กุศลอันยิ่งใหญ่หนึ่งปีมีครั้งกฐินสามัคคีสมทบทุนการสร้างอุโบสถวัดสว่างคำน้อย
    ขอเจริญพร
    พระครูใบฎีกาดนัย กนฺตสีโล
    รก.เจ้าอาวาสวัดสว่างคำน้อย
    โทรศัพท์ ๐๘๗-๒๒๙๙๒๙๖ - ๐๘๖-๙๓๔๙๙๘๖


    บัญชีทองคำ ร่วมบุญหล่อพระประธานพระสมเด็จองค์ปฐม ณ วัดธรรมยาน
    คุณโยมที่มีจิตศรัทธา จะร่วมบุญกับอาตมา สามารถโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อร่วมบุญนี้ได้...

    ชื่อบัญชี พระมหาวิชัย แสนภูมิ
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยขวาง
    บัญชีออมทรัพย์
    เลขที่บัญชี 084-2-98572-2


    ต้องการเจ้าภาพสร้างกุฏิถวายสงฆ์ที่พักสงฆ์ห้วยตาจู จำนวน 7 หลังด่วนฝนตกหนัก
    สามารถสอบถามเพิ่มเติ่มได้ที่พระสุพิน อัตตสันโต โทร 085.657.8676
    หรือบริจาคได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขา ขุนหาญ
    หมายเลข 326-0-00987-6


    ร่วมบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐมปางจักรพรรดิ ๔ ศอก ณ. วัดพระบรมธาตุแก่งสร้อย
    สามารถร่วมบริจาคสมทบทุนได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
    ชื่อบัญชี น.ส. วิภาภรณ์ อำภา
    บัญชีเลขที่ 343 – 1 – 40279 – 5
    ประเภทบัญชี ออมทรัพย์

    สอบถามหรือแจ้งความจำนงค์
    เบอร์โทร. 089-5387317


    ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างผอบแก้วเจดีย์เงินบริสุทธิ์และสร้างบุษบกตู้สรงน้ำพระธาตุ๓หลัง
    โทร. 053023260- 089-9555-870 และร่วมทำบุญได้ที่ ธาคารนครหลวงไทย สาขาหางดง เลขที่บัญชี 577-2-11771-4 ชื่อบัญชี วัดทุ่งอ้อหลวง สร้างผอบเงินบรรจุพระธาตุ


    ขอเชิญร่วมบุญสร้างสมเด็จองค์พระปฐมฯ ณ วัดถ้ำมงคลนิมิตร จ.ลพบุรี
    คุณกชพร อนุฤทธิ์ โทร. 085-906-6290

    ขอเชิญร่วมทำบุญถวายพระอัครสาวก “พระโมคคัลลานะ และ พระสารีบุตร
    ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
    คุณวุฒิชัย ศรีสุข(คุณเบิร์ด) เบอร์โทร.085-361-4989


    สร้างซุ้มประตู 84 พรรษามหาบารมีถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    084-1759890


    ขอเชิญร่วมทำบุญในพิธีเททองหล่อพระอัครสาวกซ้าย-ขวา
    เบอร์ 085-6189289

    บุญด่วนที่สุดขอช่วยสร้างที่เผาศพด้วยครับ
    ติดต่อสอบถามร่วมบริจาคที่โทร089-2378988


    ขอเชิญร่วมเททองหล่อพระอุปคุต และพระประจำวันเกิด ๑๐ องค์
    ณ วัดมาบตอง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง
    วันที่ ๑ ก.ค. ๕๔ เวลา ๒๑.๓๙ น.
    เริ่มพิธีเททอง หล่อพระ



    หาเจ้าภาพถวายพระพุทธโสธร หน้าตัก ๓๐ นิ้ว ประดิษฐานไว้ในศาลาปฏิบัติธรรม
    โทร.๐๘๙-๘๕๒๓๔๙๘

    วัดชัยชนะ อ.เมืองลำพูน ต้องการเจ้าภาพสร้างสมเด็จองค์ปฐมทันใจ
    ติดต่อสอบถาม สาเหตุการสร้างได้ที่
    เบอร์ พระปฏิภาณ ภูริปณฺโญ วัดประตูป่า ๐๘๗ ๑๗๗๘๙๓๑
    หรือเบอร์เจ้าอาวาส วัดชัยชนะ เบอร์ ๐๘๙ ๙๕๐๕๙๕๗


    งานบุญด่วนๆ ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพเทพื้นปรับภูมิทัศน์รอบอุโบสถ์วัดประทุมวัน
    086-2602702


    ขอเชิญร่วมทำบุญหล่อพระประธาน วัดทรัพย์จันทร์ จันทบุรี 19 มิถุนายน 2554 นี้
    โทร 0892173133

    ขอเชิญทำบุญสร้างพระประธาน หน้าตัก 99 นิ้ว วัดมงคลเทพ ฉะเชิงเทรา บุญใหญ่ครับ
    086 - 9024888 , 083-5986877 , 086-3782093 , 081 - 4528289

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบริจาค ทำบุญสร้างกำแพงโรงเรียนบ้านถ้ำ จ.เชียงใหม่
    โทร..๐๘๐-๑๓๐๓๖๘๓


    บุญหนักศักดิ์ใหญ่บารมีสูงส่งหาเจ้าภาพสร้างฉัตรแก้วมณีนพรัตน์ ๓ ชั้น ๓ ยอดฉัตร
    พระอธิการธรณ์ กนฺตวีโร
    เจ้าอาวาสวัดทุ่งอ้อหลวง
    ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่
    โทร. 053-023260 , 089-9555-870


    ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี สร้างพระมหาธาตุเจดีย์คูณคำ วัดหลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต
    โทรศัพท์มือถือ 085-4519060


    ขอเชิญร่วมทำบุญซื้อโลงศพ(โลงเย็น)ถวายวัดผาประทุม จังหวัดอุดรธานี
    โทร 081-258-0021


    เชิญเข้าปฏิบัติธรรม วันที่ 25-26 มิ.ย. 54 วัดราชสิทธาราม(วัดพลับ) (ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ)
    โทร. 084-651-7023,02-465-2552

    ขอเชิญร่วมทำบุญ ทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างกำแพง และถวายสลากพัตร์
    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ที่
    พระมหาจรุญ(ชาลี) 089-2303340
    อบต.ชาตรี(ออด) 089-5173820



    กฐินสร้างพระพุทธโพธิ์ศรีมหาเจดีย์ วัดป่าโพธิ์ศรีธาตุ ต.เกาะแก้ว จ.สุรินทร์


    ขอเชิญร่วมบุญทอดผ้าป่าสร้างอ่างเก็บน้ำ สำนักสงฆ์สิริธโรภาวนา จ.สระบุรี 25 มิ.ย. 54
    ผู้มีจิตศรัทธาสามารถโอนเงินทำบุญเข้าบัญชีออมทรัพย์
    ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตบางกรวย
    ชื่อบัญชี : สร้างอ่างเก็บน้ำ ณ สำนักสงฆ์สิริธโร
    เลขบัญชี : 143-0-10482-1


    ขอเชิญร่วมฟังธรรม

    ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร กรุงเทพฯ

    วันพุธที่ 29 มิถุนายน 2554 เวลา 08.00 – 16.30 น.
    ติดต่อสำรองที่นั่งได้ที่ คุณธนิตา, คุณพะเยาว์ 02-6495478 ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ หรือคุณอู๊ด 080-2627588


    ขอเชิญฟังธรรมหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก วันอาทิตย์ที่ 12มิ.ย.นี้
    ณ ห้องประชุมสโมสร รพ.ทหารเรือ
    โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ( โรงพยาบาลทหารเรือ ) ฝั่งธนบุรี กรุงเทพ ฯ

    ในวันอาทิตย์ ที่ 12 มิถุนายน 2554
    เวลา 12.00 - 16.00 น.
    เริ่มลงทะเบียน เวลา 11.00 น

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายปัจจัยค่าพาหนะรับส่งสามเณรสามเณรไปโรงเรียน
    โทร 054-755546

    โครงการ “ธรรมะ 2 in 1 เปิดบ้านรับธรรม นำสุข”
    สอบถามรายละเอียด
    โกตวง 0819055775 นิมิตร 0818536754 เปี๊ยก 0851878715
    จุลี 0897439297 โหน่ง 0845682946

    ร่วมเป็นเจ้าภาพอุปสมบทนาคหมู่ ประจำปี 2554 ณ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
    สำนักงานพุทธสมาคมจังหวัดนครปฐม
    โทร.0-3425-3793, 08-5406-8996, 08-1294-8998


    เชิญร่วมบวงสรวงพิทักษ์พระพุทธศาสนาโบราณสถานและทรัยากรธรรมชาติวัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์)
    ขอเชิญร่วมกันจัดทำบายศรีเพื่อบรวงสรวงได้ที่
    นางสาวฉัตติพา กาญจนโสภา
    เลขที่บัญชี 021-2-622-400
    ธนาคารกสิกรไทย
    สาขา สะพานกรุงธน
    ท่านที่มาร่วมอธิษฐานจิต ขอให้มาพร้อมกันก่อน ๗.๔๕ น. ของวัดเสาร์ที่ ๑๒ มิถุนายน (อาทิตย์หน้าที่จะถึงนี้) นะครับ กำหนดการบวงสรวจหลวงตา

    กองบุญบริจาคโลงศพเพื่อผู้อนาถาและไม่มีญาติ
    โทร.089-8523498

    “โครงการผ่าตัดเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”
    ผู้ที่มีจิตศรัทธาสามารถร่วมสร้างโอกาสและให้ชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยเหล่านี้ ด้วยการบริจาคเงิน ได้ที่ ......
    ชื่อบัญชี "ผู้ป่วยพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ จุฬาลงกรณ์" ได้แก่
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ประเภทออมทรัพย์ เลขที่ 045-503329-2
    Siam Commercial Bank - Account no. 045-503329-2, Swift code = SICOTHBK
    ธนาคารกรุงไทย สาขาปทุมวัน ประเภทออมทรัพย์ เลขที่ 008-0-07821-4
    Krung Thai Bank - Account no. 008-0-07821-4, Swift code = KRTHTHBK
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาพัฒน์พงศ์ ประเภทออมทรัพย์ เลขที่ 018-2-94741-5
    Kasikorn Bank - Account no. 018-2-94741-5, Swift code = KASITHBK
    ธนาคารกรุงเทพ สาขาสุรวงศ์ ประเภทออมทรัพย์ เลขที่ 147-4-71940-6
    Bangkok Bank - Account no. 147-4-71940-6, Swift code = BKKBTHBK
    และ ธนาคารยูโอบี สาขาสำนักงานใหญ่ ประเภทออมทรัพย์ เลขที่ 299-2-90085-8 ชื่อบัญชี “รพ.จุฬาลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์มูลนิธิ
    สำหรับท่านผู้มีจิตศรัทธาต้องการบริจาคสิ่งของ เช่น นม ผ้าอ้อม ของเล่นสำหรับผู้ป่วยสามารถติดต่อบริจาคสิ่งของได้ที่ ศูนย์สมเด็จพระเทพรัตนฯ [1]แก้ไขความพิการบนใบหน้าและกะโหลกศีรษะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โทร. 02 256 4330 และ 1664 หรือ อีเมล์ info [at] craniofacial.or.th
     
  10. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ศัพท์ว่า สุท ในบทว่า อุทโก สุท นี้ เป็นเพียงนิบาต. บทว่า อุทโก เป็น
    ชื่อของสูตรนั้น. บทว่า อิท ในบทว่า อิท ชาตุ เวทคู นี้เป็นเพียงนิบาต. อีกอย่าง
    หนึ่ง เมื่อทรงแสดงว่า ท่านจงฟังคำของเรานี้ จึงได้ตรัสอย่างนั้น. บทว่า ชาตุ
    เวทคู ความว่า เราจบเวทโดยส่วนเดียว อธิบายว่า ไปในเวไนยสัตว์ ด้วยญาณกล่าว
    คือ เวท หรือถึง คือ บรรลุเวท เป็นบัณฑิต. ด้วยบทว่า ปพฺพชิ ตรัสว่า เรารู้ ครอบ
    งำวัฏฏะทั้งปวงแล้วชนะโดยส่วนเดียว. บทว่า อปลิขต คณฺฑมูล ได้แก่ รากทุกข์ยัง
    ไม่ได้ขุด. ด้วยบทว่า ปริขณึ ทรงแสดงว่า เราขุดรากทุกข์ที่ขุดแล้วตั้งอยู่.
    บทว่า มาตาเปตฺติกสมฺภวสฺส ได้แก่ เกิดด้วยเลือดสุกกะ (ขาว)ซึ่งแบ่งจาก
    มารดาและบิดา คือ ของมารดาบิดา. บทว่า โอทนกุมฺมาสูปจยสฺส ได้แก่ ก่อสร้าง
    ด้วยข้าวสุกและขนมสด. ในบทว่า อนิจฺจุจฺฉาทนปริมทฺทนเภทนวิทฺธสนธมฺมสฺส นี้ มี
    วินิจฉัยดังต่อไปนี้.-
    กายนี้ ชื่อว่า มีความไม่เที่ยงเป็นธรรมดา เพราะมีแล้วกลับไม่มีชื่อว่า อบ
    เป็นธรรมดา เพราะลูบไล้ด้วยของหอม เพื่อประโยชน์แก่การกำจัดกลิ่นเหม็น, ชื่อ
    ว่า มีการอาบนวดเป็นธรรมดา เพราะใช้น้ำและนวดเพื่อประโยชน์จะบรรเทาความเจ็บ
    ปวดอวัยวะน้อยใหญ่. อีกอย่างหนึ่งชื่อว่า มีการประคบประหงมเป็นธรรมดา โดยหยอด
    ยาตา การดัดเป็นต้น เพื่อความสมบูรณ์แก่ทรวดทรงแห่งอวัยวะนั้น ๆ ที่ทรวดทรงไม่
    ดี เพราะอยู่ในครรภ์ คลอดแล้ว เวลาเป็นทารก ก็ให้นอนอยู่บนตัก.
    กาย แม้เขาบริหารอย่างนี้ ก็แตกกายกระจัดกระจายเป็นธรรมดา เพราะเหตุ
    นั้น กายจึงต้องแตกและเรี่ยรายไป อธิบายว่า มีสภาวะเป็นอย่างนั้น. ในพระสูตร
    นั้น ตรัสถึงความเจริญด้วยบทว่า กายเกิดแต่มารดาบิดา การเติบโตด้วยข้าวสุกและ
    ขนมสด และการประคบประหงม. ตรัสถึงความเสื่อม ด้วยบทว่า ไม่เที่ยง แตก
    และการกระจัดกระจาย อีกอย่างหนึ่ง ตรัสการเกิดขึ้นด้วยบทก่อนๆ และการดับไปด้วย
    บทหลัง ๆ. ทรงแสดงความต่างแห่งการเจริญ การเสื่อมและการบังเกิดแห่งกาย ซึ่ง
    ประชุมด้วยมหาภูตรูป ๔ ด้วยประการฉะนี้. คำที่เหลือ มีอรรถง่ายทั้งนั้นดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า อุททกดาบส รามบุตร ย่อมกล่าววาจา
    อย่างนี้ว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะ
    ทุกอย่างโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดเสียแล้วซึ่งมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้
    โดยส่วนเดียว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุททกดาบส รามบุตร ยังเป็นผู้ไม่จบเวท
    ก็กล่าวว่าเราเป็นผู้จบเวท ยังเป็นผู้ไม่ชนะทุกอย่าง ก็กล่าวว่าเราเป็นผู้ชนะทุกอย่าง
    ยังไม่ได้ขุดมูลรากแห่งทุกข์ ก็กล่าวว่าเราขุดมูลรากแห่งทุกข์ได้แล้ว
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เมื่อจะกล่าวข้อนั้นโดยชอบ ควรกล่าว
    ว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะทุกอย่าง
    โดยส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้โดยส่วนเดียว

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้จบเวท อย่างไร? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
    ย่อมรู้ตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก
    แห่งผัสสายตนะ ๖ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้จบเวท อย่างนี้แล

    ภิกษุย่อมเป็นผู้ชนะทุกอย่าง อย่างไร? ภิกษุ ย่อมรู้ตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด
    ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออกแห่ง ผัสสายตนะ ๖ เป็นผู้
    หลุดพ้นแล้วเพราะไม่ถือมั่น ภิกษุย่อมเป็นผู้ชนะทุกอย่าง อย่างนี้แล
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้ อันภิกษุขุดได้แล้ว อย่างไร?
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คำว่า " คัณฑะ" นี้ เป็นชื่อของกายนี้ อันเป็นที่ประชุมแห่งมหา-
    ภูตรูป ๔ ซึ่งมีมารดาบิดาเป็นแดนเกิด เติบโตขึ้นเพราะข้าวสุกและขนมสด มีความ
    ไม่เที่ยง ต้องขัดสี นวดฟั้น แตกสลายกระจัดกระจายเป็นธรรมดา, คำว่า "คัณฑมูล"
    นี้ เป็นชื่อของตัณหา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตัณหา อันภิกษุละเสียแล้ว ให้มีราก
    ขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำให้ไม่มีไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มูลรากแห่งทุกข์ที่ใคร ๆ ขุดไม่ได้ อันภิกษุขุดเสียแล้ว
    อย่างนี้แล
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า อุททกดาบส รามบุตร ย่อมกล่าววาจาอย่างนี้
    ว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราชนะทุกอย่างโดย
    ส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดเสียแล้วซึ่งมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้ โดยส่วน
    เดียว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุททกดาบส รามบุตร ยังเป็นผู้ไม่จบเวท ก็กล่าวว่า
    เราเป็นผู้จบเวท ยังไม่เป็นผู้ชนะทุกอย่าง ก็กล่าวว่าเราชนะทุกอย่าง ยังขุดมูลราก
    แห่งทุกข์ไม่ได้ ก็กล่าวว่าเราขุดมูลรากแห่งทุกข์เสียแล้ว
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ เมื่อจะกล่าวข้อนี้โดยชอบ ควรกล่าว
    ว่าเราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะทุกอย่าง
    โดยส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้โดยส่วนเดียว.

    พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสพระคาถานี้ว่า

    "ความเร่าร้อน ย่อมไม่มีแก่ท่านผู้มีทางไกล-
    อันถึงแล้ว หาความเศร้าโศกมิได้ หลุดพ้นแล้วใน-
    ธรรมทั้งปวง ผู้ละกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งปวงได้แล้ว"
    แก้อรรถ

    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า คตทฺธิโน ได้แก่ ผู้มีทางไกลอันถึงแล้ว. ชื่อว่า
    ทางไกลมี ๒ อย่าง คือ ทางไกลคือกันดาร ทางไกลคือวัฏฏะ, บรรดาทางไกล ๒
    อย่างนั้น ผู้เดินทางกันดาร ยังไม่ถึงที่ที่ตนปรารถนาเพียงใด ก็ชื่อว่าผู้เดิน
    ทางไกลเรื่อยไปเพียงนั้น, แต่เมื่อทางไกลนั้นอันเขาถึงแล้ว ย่อมเป็นผู้ชื่อว่ามีทาง
    ไกลอันถึงแล้ว, ฝ่ายสัตว์ทั้งหลายแม้ผู้อาศัยวัฏฏะ ยังอยู่ในวัฏฏะเพียงใด; ก็ชื่อ
    ว่าผู้เดินทางไกลเรื่อยไปเพียงนั้น. มีคำถามสอดเข้ามาว่า เพราะเหตุไร ? แก้ว่า
    เพราะความที่วัฏฏะอันตนยังให้สิ้นไปไม่ได้. แม้พระอริยบุคคลทั้งหลายมีพระโสดาบัน
    เป็นต้น ก็ชื่อว่าผู้เดินทางไกลเหมือนกัน. ส่วนพระขีณาสพ(ผู้สิ้นอาสวะ,พระอรหันต์)
    ยังวัฏฏะให้สิ้นไปได้แล้วดำรงอยู่ ย่อมเป็นผู้ชื่อว่ามีทางไกลอันถึงแล้ว.
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก่อนแต่ตรัสรู้ เราเป็นโพธิสัตว์ยัง
    ไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความคิดดังนี้ว่า อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ อะไร
    เป็นความสลัดออกแห่งตา หู จมูก ลิ้น กาย อะไรเป็นคุณ อะไรเป็น
    โทษ อะไรเป็นความสลัดออกแห่งใจ.
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความคิด ดังนี้ว่า สุข-
    โสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยจักษุ นี้เป็นคุณแห่งจักษุ
    จักษุเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน
    เป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งจักษุ
    การกำจัด การละฉันทราคะในจักษุ นี้เป็นความสลัด
    ออกแห่งจักษุ ฯลฯ
    ... สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยใจ นี้เป็นคุณแห่งใจ
    ใจเป็นสภาพไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็น
    ธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งใจ
    การกำจัด การละฉันทราคะในใจ นี้เป็นความสลัดออก
    แห่งใจ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่รู้ตามความเป็นจริง ซึ่ง
    คุณแห่งอายตนะภายใน ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความ
    เป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความสลัดออก อย่างนี้เพียง
    ใด เราก็ยังไม่ปฏิญาณว่าได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณใน
    โลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้ง
    สมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เพียงนั้น. เมื่อใด เราได้รู้ตามความ
    เป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายใน ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษ
    โดยความเป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความสลัดออก
    อย่างนี้ เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิ-
    ญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อม
    ทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ก็ญาณทัสสนะเกิดขึ้นแล้วแก่
    เราว่าความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้ภพใหม่
    ไม่มี.
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก่อนแต่ตรัสรู้ เราเป็นโพธิสัตว์
    ยังไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความคิดดังนี้ว่า อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ
    อะไรเป็นความสลัดออกแห่งรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อะไร
    เป็นคุณ อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นความสลัดออกแห่งธัมมายตนะ.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า
    สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยรูป นี้เป็นคุณแห่งรูป
    รูปเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวน
    เป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งรูป
    การกำจัด การละฉันทราคะในรูป นี้เป็นความสลัด
    ออกแห่งรูป ฯลฯ
    ...สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยธัมมายตนะ นี้เป็น
    คุณแห่งธัมมายตนะ
    ธัมมายตนะเป็นสภาพไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความ
    แปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งธัมมายตนะ
    การกำจัด การละฉันทราคะในธัมมายตนะ นี้เป็น
    ความสลัดออกแห่งธัมมายตนะ
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรายังไม่รู้ตามความเป็นจริง ซึ่ง
    คุณแห่งอายตนะภายนอก ๖ เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความ
    เป็นโทษและซึ่งความสลัดออก โดยเป็นความสลัดออก อย่างนี้ เพียง
    ใด เราก็ยังไม่ปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณใน
    โลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์ พร้อมทั้ง
    สมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ เพียงนั้น. เมื่อใด เราได้รู้ตาม
    ความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายนอก ๖ เหล่านี้ โดยเป็น
    คุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความ
    สลัดออกอย่างนี้ เมื่อนั้น เราจึงปฏิญาณว่า ได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมา
    สัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่
    สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ก็ญาณทัสสนะเกิด
    ขึ้นแล้วแก่เราว่า ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นที่สุด บัดนี้
    ภพใหม่ไม่มี.
    ก็อย่างไร ภิกษุจึงชื่อว่าเวทคู ? เหล่าอกุศลธรรมอันลามก อันให้เศร้าหมอง
    นำให้เกิดในภพใหม่ ให้มีความกระวนกระวาย มีวิบากเป็นทุกข์ ให้มีชาติ ชรา มรณะ
    ต่อไป อันภิกษุนั้นรู้แจ้งแล้ว อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าเวทคู.
    ชื่อว่า เวทคู เพราะอกุศลธรรมทั้งหลาย ไปแล้ว(สิ้นไปแล้ว) ด้วยเวททั้งหลาย
    คือ มรรคญาณ ๔ [อริยมรรคญาณ ได้แก่ ปัญญาที่เกิดร่วมกับมัคคจิต ๔ ทำกิจ
    ประหารกิเลส ตามกำลังแห่งมรรค แต่ละขั้น ๆ ]
    พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 138
    บทว่า เวทคู ได้แก่ถึงที่สุดทุกข์ด้วยเวทคือมรรค ๔.
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓- หน้าที่ ๑๙๖
    บุคคลผู้ชื่อว่า เวทคู เพราะถึง คือบรรลุเวท กล่าวคืออริยมรรคญาณ หรือ ถึง
    คือบรรลุพระนิพพานด้วยเวทนั้น.
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ หน้าที่ ๔๐๕
    บทว่า เวทคู ความว่า ผู้ถึงเวท (จบเวท) เพราะถึงฝั่งแห่งอริยสัจจ์ ๔ ที่จะพึงรู้.
    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน เมื่อวานนี้ได้ให้อาหารปลา สักการะพระธาตุ ปิดทอง กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ

    ขอเชิญร่วมทำบุญหล่อ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ (องค์ที่ 4)
    พระพุทธเจ้าโคตมะ
    พระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 แห่งภัทรกัปนี้

    เพื่อประดิษฐาน ณ.วัดป่าทุ่งกุลาเฉลิมราช จ.ร้อยเอ็ด
    เททอง วันเสาร์ที่ 9 กรกฏาคม 2554 เวลา 13:00 น.ที่วัดสว่างอารมณ์ นครปฐม

    ขนาดความสูงองค์พระ 108 นิ้ว

    ท่านที่สนใจ สามารถเข้าไปดูโครงการซ่อมพระพุทธรูปได้ ตามลิงค์
    Buddharestoration.com

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ งานผ้าป่าเพื่อทำการซื้อที่ดินขยายขนาด วัดไทยธรรมประทีป
    อต่อสอบถาม เพิ่มเติม
    1. ชมรมนักเรียนไทยแห่งมหาวิทยาลัยซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ
    -นายกนก นนท์นิรัตศัย ผู้ประสานงานในประเทศอังกฤษ โทร (44)7921822465 , email: podnong_30@hotmail.com
    -น.ส.อมรรัตน์ กอกุลจันทร์ ผู้ประสานงานในประเทศไทย(ตัวแทนศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยซันเดอร์แลนด์) โทร 0891726324, email: avang_2000@hotmail.com
    referrelative="t" o:spt="75">ath o:connecttye="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f">ath>fficeffice" />ath o:connecttype="custom" o:connectangles="270,180,90,0" o:connectlocs="@9,0;@10,10800;@11,21600;@12,10800" textpathok="t">ath>
    2. . วัดธรรมปทีป กรุงเอดินเบอระ ประเทศสก๊อตแลนด์
    -พระครูปลัดสุทัศน์ อมรสุทฺธิ โทร. 0131 442 1010 เวบไซต์: www.dpadipa.orgโทร+44 (0) 131 443 1010

    ขอเชิญร่วมงานเททองหล่อ
    "สมเด็จองค์ปฐมปางมหาจักรพรรดิ์"
    หล่อด้วย ทองคำบริสุทธิ์ หน้าตัก 9.9 นิ้ว
    เพื่อประดิษฐาน ณ วิหารหลวงพ่อมงคลนิมิตร
    วัดเจริญราษฎรบำรุง(หนองพงนก) อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
    กำหนดงาน
    วันเสาร์ ที่ 9 กรกฏาคม 2554
    เวลา 10.00 น. ภวายภัตตาหารเพลพระสงฆ์ 150 วัด 1500 รูป
    เวลา 12.45 น. เททองหล่อพระทองคำ

    สร้างยอดเจดีย์และฉัตรพระเจดีย์สุทธิธรรมานุสรณ์ วัดบึงพลาราม วันศุกร์ ๑๕ กค ๒๕๕๔

    บุญใหญ่แห่งเดียวในภาคเหนือสร้างฐานพระประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธร น้ำหนักกว่า 2 ตัน
    ร่วมบุญผ่านบัญชีธนาคาร ไทยพาณิชย์

    ชื่อบัญชี พระธวัชชัย ธมฺมวโร (วรรณตระกูล)
    สาขาทุ่งเสี้ยว (สันป่าตอง)เลขที่บัญชี 661-2 22946-0

    หรือโทร ฯ 084- 1759890
    อานิสงส์ใหญ่ร่วมบุญสร้างซุ้ม ๘๔ พรรษามหาบารมี สร้างถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    084-1759890

    ร่วมบริจาคสร้างเสนาสนะ ของสถานปฏิบัติธรรมพระธาตุดอยหน้อย
    ติดต่อ ครูบาอินสม จารุธฺโม
    โทรศัพท์ 08-9430-6907

    ร่วมสร้างพระประธานวัดสันติคีรี ตำบลแม่เปา
    บริจาคโดยส่งธนาณัติในนาม
    เจ้าอาวาสวัดสันติคีรี ตำบลแม่เปา อำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย 57290
    วันอาทิตย์นี้ อย่าพลาดร่วมงานหล่อพระพุทธเมตตาโพธิญาณ ที่วัดพระปฐมเจดีย์
    084-0935817

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีสมทบทุนสร้างอุโบสถ
    ณ วัดสว่างคำน้อย บ้านดงน้อย หมู่ที่ ๕>>
    ตำบลหนองอิเฒ่า อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์>>
    โทรศัพท์ ๐๘๗-๒๒๙๙๒๙๖ - ๐๘๖-๙๓๔๙๙๘๖

    เชิญร่วมทำบุญ สร้างวิหาร และผอบใส่พระธาตุโบราณ
    ติดต่อสอบถามได้โดยตรง
    พระอธิการนพรัตน์ เขมาภินนฺโท
    เจ้าอวาสวัดหนองซิว ต.ป่าสัก อ.เมือง จ.ลำพูน 51000
    089 8538761

    ร่วมบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐมปางจักรพรรดิ ๔ ศอก ณ. วัดพระบรมธาตุแก่งสร้อย

    ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างอุโบสถทรงล้านนา วัดทุ่งหมื่นน้อย เชียงใหม่
    โดยสามารถติดต่อร่วมทำบุญได้ที่
    พระใบฎีกาชาญณรงค์ จนฺทสโร เจ้าอาวาสวัดทุ่งหมื่นน้อย
    โทรศัพท์ ๐๘๑- ๗๘๓ ๕๖๘๖ ,,๐๕๓-๘๖๙๕๑๖

    ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมสร้างเจดีย์พระมหาธาตุกับหลวงพ่อพูลทรัพย์ วัดอ่างศิลา ชลบุรี
    ท่านสามารถบริจาคทรัพย์ไปยังบัญชี
    บัญชี พระครูวิมลสีลาภรณ์ (หลวงพ่อพูลทรัพย์)
    ธนาคารกสิกรไทย ออมทรัพย์ สาขาบ่อทอง
    เลขที่ 287-2-32830-3

    เชิญหล่อสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐมทองคำ ณ วัดสระพัง วันอาทิตย์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๔

    สร้างพระประธานพระพุทธชินราช วัดป่าศรีวิไล อุดรธานี วันเสาร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๔

    สร้างบุษบก โคมไฟระย้า สถูป ฉัตรพัดยศ พัดโบก เครื่องทองน้อย ในพระมหาเจดีย์พุทธบูชา
    0860595612

    ขอเชิญร่วมสร้างป้ายคาถาบูชาต่างๆ ถวายวัดทองสะอาด ปทุมธานี
    สนใจร่วมเป็นเจ้าภาพโอนปัจจัยได้ที่
    ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา สาขาย่อยสวนอุตสาหกรรมโรจนะ
    ชื่อบัญชี น.ส. ลภัสรดา ชมเกษร
    เลขที่บัญชี 250-9-08934-7
    ปิดรับ 30 มิถุนายน 2554
    หรือเมื่อครบ

    ร่วมสร้างพระพุทธรูปเฉลิมพระเกียรติ หน้าตัก 39.99 เมตร
    ธนาคารกรุงไทย สาขามุกดาหาร ประเภทออมทรัพย์
    ชื่อบัญชีเงินบริจาคเพื่อสร้างพระพุทธรูป
    เลขที่บัญชี 420- 0266 -296


    บุญด่วนที่สุดขอช่วยสร้างที่เผาศพด้วยครับ
    ติดต่อสอบถามร่วมบริจาคที่โทร089-2378988

    ร่วมทําบุญสร้างพระมหาเจดีย์ ณ วัดศรีอภัยวัน จ.เลย(หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)

    ศูนย์รับบริจาคหนังสือห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข
    ศูนย์กลางรับบริจาคหนังสือ ของคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    เพื่อช่วยเหลือโรงเรียน และสถาบันการศึกษาที่ขาดแคลนทั่วประเทศ
    ติดต่อสอบถามรายละเอียด บริจาค และขอรับบริจาคได้ที่
    ศูนย์รับบริจาคหนังสือห้องสมุดสตางค์ มงคลสุข ห้อง P102 ชั้น 1 ตึกฟิสิกส์
    คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โทร. 02-201-5717

    ด่วนขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบรรพชาอุปสมบทพระภิกษุสามเณรรุ่นจำพรรษา/๒๕๕๔ จำนวน๑๘รูป
    โทร ๐๘๕-๖๐๔๔๘๔๙ วัดสองเปย

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพอุปสมบทหมู่
    สอบถามได้ที่ 081-7448189
     
  11. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ในวันอาสาฬหบูชา
    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
    ธรรมจักกัปปวัตตนสูตร
    แก่ท่านพระปัญจวัคคีย์ อันมีท่านพระโกณฑัญญะ เป็นหัวหน้า

    เรื่องที่ทรงแสดง คือ มัชฌิมาปฏิปทา
    คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ กับ อริยสัจจ์ ๔
    ทรงแสดงทาง ๒ สายที่ไม่ควรเดิน คือ

    กามสุขัลลิกานุโยค คือ
    การประกอบตนให้พัวพันอยู่ในกาม

    อัตตกิลมถานุโยค คือ
    การประกอบตนให้เหน็ดเหนื่อยลำบากโดยเปล่าประโยชน์.

    มัชฌิมาปฏิปทา คือ
    อริยมรรคมีองค์ ๘ อันได้แก่ทางสายกลาง
    ทางสายกลาง ที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้แล้ว
    ด้วยปัญญาของพระองค์เอง

    ทางสายกลางนี้
    เป็นไปเพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง
    เพื่อตรัสรู้ และ เพื่อนิพพาน.

    ต่อจากนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า
    ทรงแสดงอริยสัจจ์ ๔

    อริยสัจจ์ ๔ นี้ พระองค์ไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อนเลย
    บัดนี้พระองค์ทรงรู้แล้ว ด้วยญาณปัญญาของพระองค์เองว่า

    ทุกขอริยสัจจ์..................ควรกำหนดรู้
    ทุกขสมุทัยอริยสัจจ์...................ควรละ
    ทุกขนิโรธอริยสัจจ์..........ควรทำให้แจ้ง
    ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา......ควรเจริญ.
    วันอาสาฬหบูชา
    (อ่านตามภาษาบาลี เป็น อา-สาน-หะ-บู-ชา)
    อาสาฬหะ หมายถึง เดือนแปด, บูชา หมายถึงการบูชา
    ดังนั้น วันอาสาฬหบูชา จึงเป็นการบูชาในวันเพ็ญเดือนแปด
    วันอาสาฬหบูชา มีเหตุการณ์ที่สำคัญดังนี้ คือ .-
    ๑. เป็นวันที่พระมหาบุรุษทรงถือกำเนิด (ปฏิสนธิ) ในพระครรภ์ของพระนางสิริมหา
    มายาผู้ทรงเป็นพระชนนี
    (พระมหาสัตว์นั้นอันเทวดาเหล่านั้นผู้ให้ระลึกถึงกุศล แวดล้อมแล้ว ก็เที่ยวไปใน
    นันทวันนั้น ก็จุติไปถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางมหามายาเทวี โดยดาว
    นักษัตรอุตตราสาฬหะ ... จาก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๗๓ หน้า ๖๙๕)
    ๒. เป็นวันที่พระมหาบุรุษ เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ คือ เสด็จออกผนวช แสวงหา
    หนทางแห่งความหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
    (เวลาที่พระชนมายุ ๒๙ พรรษา พระมหาสัตว์ทรงทิ้งจักรวรรดิราชย์ที่ตกอยู่ใน
    พระหัตถ์ ไม่ทรงเยื่อใยเหมือนก้อนเขฬะ เสด็จออกจากพระราชย์นิเวศน์อันเป็นสิรินิวาส
    แห่งจักรพรรดิ เมื่อดาวนักษัตรอุตตราสาฬหะ เพ็ญเดือนอาสาฬหะ เสด็จออกจาก
    พระนคร... จาก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๗๓ หน้า ๗๑๒ - ๗๑๓)
    ๓. เป็นวันที่พระผู้มีพระภาค ทรงประกาศพระธรรมจักร คือ แสดงพระธรรมเทศนา
    เป็นครั้งแรก พระธรรมเทศนาที่พระองค์ทรงแสดงเป็นครั้งแรกนั้น มีชื่อว่า ธัมมจัก-
    กัปปวัตตนสูตร โดยที่พระองค์ทรงแสดงแก่ท่านปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ (ท่านโกณฑัญญะ,
    วัปปะ, ภัททิยะ, มหานามะ และอัสสชิ) ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมื่อพระองค์ทรง
    แสดงจบลง ท่านอัญญาโกณฑัญญะ ได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุถึงความเป็นพระ
    โสดาบัน เป็นพระอริยสงฆ์องค์แรกในโลก วันนี้จึงเป็นวันที่มีพระรัตนตรัยครบทั้งสาม
    คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์)
    (พระผู้มีพระภาค ทรงดำริว่า เรา ไปที่ป่าอิสิปตนะ มฤคทายวันนั้น จักประกาศ
    ธรรมจักร ให้เป็นไป ดังนี้แล้ว จึงเสด็จเที่ยวบิณฑบาต ประทับอยู่ใกล้โพธิมัณฑสถาน
    นั่นแหละ สิ้น ๒ - ๓ วัน พอถึงวันอาสาฬหบูรณมี ทรงมีพระดำริที่จะเสด็จไปกรุง
    พาราณสี จึงทรงถือบาตรจีวร เสด็จดำเนินไปตลอดระยะทางได้ ๑๘ โยชน์ ใน
    ระหว่างทาง ทรงพบอาชีวกชื่ออุปกะเดินสวนทางมา ทรงบอกอาชีวกนั้นว่าพระองค์
    เป็นพระพุทธเจ้า เวลาเย็นเสด็จถึงอิสิปตนะ มิคทายวัน กรุงพาราณสี ในวันนั้น
    นั่นเอง ... จาก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ เล่ม ๗๓ หน้า ๗๒๘)
    ๔. พระผู้มีพระภาคทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงแสดงยมก-
    ปาฏิหาริย์แล้ว ก็เสด็จไปจำพรรษา ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ แสดงพระอภิธรรม โปรดพระ
    พุทธมารดา
    (ในปีที่เจ็ดจากการตรัสรู้ ทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์ ในท่ามกลางแห่งบริษัท
    ประมาณสิบสองโยชน์ ในวันเพ็ญเดือนอาสาฬหะ ใกล้กรุงสาวัตถี เสด็จลงประทับ
    นั่ง ณ พุทธาสนะที่ปูไว้แล้วใกล้โคนต้นคัณฑามพะ ทรงถอนมหาชนออกจากทุกข์
    ใหญ่ ด้วยพระธรรมเทศนา เพราะธรรมดาพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ครั้นทรงทำปาฏิหาริย์
    แล้ว จะไม่ประทับอยู่ในถิ่นมนุษย์ เพราะฉะนั้น เมื่อมหาชนมองเห็นอยู่นั่นเอง
    พระองค์จึงทรงก้าวพระบาท เสด็จไปจำพระพรรษา ณ ปัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ ใกล้ต้น
    ปาริฉัตร ในภพดาวดึงส์ ประทับอยู่ในสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อประทับอยู่
    ณ ภพดาวดึงส์นั้น อันเทวดาหมื่นจักรวาลโดยมาก มาประชุมแวดล้อมแล้ว ทรงแสดง
    พระอภิธรรมปิฎกแก่พระมารดา.. จากอรรถกาโลมสกังคิยภัทเทกรัตตสูตร มัชฌิมนิกาย

    อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๒๓ หน้า ๒๔๙ - ๒๕๐)
    ย้อนรำลึกเหตุการณ์วันอาสาฬหบูชา
    เหตุการณ์สำคัญในวันอาสาฬหบูชา
    1.ประกาศพระธรรมจักร แสดงปฐมเทศนา
    2.การปฏิสนธิลงในพระครรภ์ของพระโพธิสัตว์
    3. ออกมหาภิเนษกรมณ์(การออกบวช)
    4. ทำยมกปาฏิหารย์ ปราบอัญญเดียรถีย์
    วันอาสาฬบูชาทรงแสดงปฐมเทศนา มีพระรัตนตรัยเกิดขึ้น
    เมื่อครั้งวันวิสาขบูชา คือวันเพ็ญ เดือน 6 พระพุทธเจ้าทรงตรัสู้ชอบได้ด้วยพระองค์
    เอง กิเลสเหล่าใดที่มีในอดีตจนถึงปัจจุบันกิเลสเหล่านั้น พระองค์ทรงละกิเลสได้แล้ว
    ที่ควงต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา เวลานั้นได้มีพระพุทธเจ้า พระธรรม แต่พระสงฆ์
    คือผู้รู้ตามพระองค์ยังไม่เกิดขึ้นในโลก เมื่อพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ พระองค์ทรงประทับ
    อยู่บริเวณนั้นเป็นเวลา 7 สัปดาห์ ครั้นครบ 7 สัปดาห์ พระอินทร์ได้น้อมถวาย ไม้สีฟัน
    และลูกสมอแด่พระพุทธเจ้า ตปุสสะและภัลลิกะผู้เป็นพ่อค้าได้การดลใจจากเทวดาผู้
    เป็นญาติให้ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าได้ถวายพระเกศา 8 เส้นเป็นสิ่งที่ท่าน
    ทั้งสองนำไปบูชา และได้ขอถึงพระพุทธ พระธรรมเป็นที่พึ่ง แต่ยังไม่มีพระสงฆ์เกิดขึ้น
    ในโลก
    เวลาต่อมาพะพุทธเจ้าทรงมีพระดำริว่าสัตว์มากไปด้วยกิเลส ไม่สามารถจะเข้าใจพระ
    ธรรมที่พระองค์ทรงแสดงได้ เพราะพระธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ลึกซึ้ง ยากที่จะรู้ได้
    จึงน้อมพระทัยที่จะไม่แสดงพระธรรมกับสัตว์โลก ท้าวมหาพรหมทราบพระปริวิตกของ
    พระพุทธเจ้า คิดว่าโลกจะพินาศหากพระพุทธเจ้าไม่แสดงธรรม จึงทูลอาราธนา
    ให้พระพุทธเจ้าแสดงธรรม ด้วยให้เหตุผลว่า สัตว์ที่มีปัญญาสะสมมาที่จะตรัสรู้มีอยู่
    ขอพระองค์ทรงแสดงธรรมแก่เขา พระพุทธเจ้าจึงรับอาราธนาและได้ตรัสว่า ขอผู้มี
    ศรัทธาจงเปิดประตูรับพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงเถิด
    พระพุทธองค์ทรงตรวจดูว่าเราควรแสดงธรรมแก่ใครก่อน ทรงระลึกถึงอาฬารดาบส
    และอุทกดาบส ซึ่งท่านทั้งสองก็ได้สิ้นชีวิตไปแล้ว ได้ไปเกิดในอรูปพรหมซึ่งไม่
    สามารถที่จะบรรลุธรรมได้ในภพภูมินั้น พระพุทธองค์ทรงระลึกถึงปัญจวัคคีย์ผู้มีอุปการะ
    เมื่อครั้งบำเพ็ญทุกกรกิริยา จึงมีพระดำริที่จะไปโปรดพระปัญจวัคคีย์
    ในเวลาเช้า วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 คือวันอาสาฬหบูชา พระพุทธองค์ทรงเสด็จจาก
    พุทธคยาไปที่เมืองพาราณสี ระยะทาง 18 โยชน์ ระหว่างทางพบอุปกาชีวก ทรง
    แสดงธรรมให้รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระพุทธเจ้า แต่ว่าอุปกาชีวกไม่ได้บรรลุธรรมแต่
    พระองค์ทรงแสดงธรรมเพื่อเป็นอุปนิสัยให้อุปกาชีวก บรรลุในอนาคต ทรงเสด็จถึง
    เมืองพาราณสีที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันในเวลาเย็นและได้พบพระปัญจวัคคีย์

    ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ย่อมแสดงปฐมเทศนา
    ให้หมู่สัตว์บรรลุเป็นครั้งแรก ทุกๆพระองค์และที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมื่อคราวว่าง
    พระศาสนา เป็นสถานที่ที่พระปัจเจกพุทธเจ้าจะมาพบกัน

    เมื่อพระพุทธองค์ทรงเสด็จถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พระปัญจวัคคีย์ได้เห็นพระ
    พุทธเจ้าแล้ว ได้มีความคิดกันว่า พระสมณโคดมมักมากเมื่อก่อนทรมานตนเดี๋ยวนี้
    บริโภคอาหาร เราทั้งหลายไม่ควรต้อนรับทำอัญชลี เพียงแค่จัดเสนาสนะที่นั่งไว้ให้
    เท่านั้น พระพุทธองค์ทรงทราบความคิดของท่านเหล่านั้นจึงแผ่เมตตาไปยังท่าน
    เหล่านั้น เมื่อพระพุทธองค์มาถึง ต่างก็ลืมความคิดเหล่านั้น ต่างก็ไหว้ ลุกรับ ทำกิจที่
    ควรทำต่างๆ และในคืนของวันอาสาฬหบูชานั้นเอง พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมคือ
    ธรรมจักรกัปปวตนสูตร เมื่อจบเทศนา ท่านพระอัญญาโกณทัญญะ พร้อมกับพรหม
    จำนวน 180 ล้าน บรรลุเป็นพระโสดาบัน ครั้งนั้นพระรัตนตรัยคือพระพุทธ พระธรรม
    และพระสงฆ์เกิดขึ้นแล้วในโลก ความอัศจรรย์ต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ธรรมจักรอันพระ
    พุทธเจ้าให้เป็นไปแล้ว มีผู้ตรัสรู้ตามแล้ว เหล่าเทวดาทั้งหลายต่างก็ยินดี

    พระพุทธองค์ทรงแสดงสูตรนี้เป็นปฐมเทศนาให้พระอัญญาโกณทัญญะ บรรลุเป็น
    พระอริยบุคคลรูปแรก ข้อความในพระสูตรแสดงใจความดังนี้
    บุคคลควรเว้นทางสุดโต่งสองอย่างที่ไม่ใช่หนทางคือ ประการแรก ทางที่ประกอบ
    พัวพันไปด้วยกาม เช่น บุคคลที่เพลิดเพลินยินดีไม่สนใจในการอบรมปัญญา หรือ
    บุคคลที่คิดว่าการยินดีพอใจในสิ่งต่างๆให้มากที่สุดเป็นทางพ้นทุกข์ นี่ไม่ใช่หนทาง
    ไม่ใช่ทางสายกลาง เป็นทางสุดโต่งประการที่หนึ่ง
    ประการที่สอง การประกอบความลำบากแก่ตน ทำให้ตนเองเป็นทุกข์ แต่ไมได้ทำให้
    ปัญญาเจริญ มีการทรมานตน เป็นต้น ที่เห็นอย่างหยาบ
    วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่พระโพธิสัตว์ปฏิสนธิลงในพระครรภ์
    พระโพธิสัตว์เมื่ออยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต เมื่อทรงเห็นว่าเป็นเวลาเหมาะสมแล้วที่เราจะ
    เกิดในโลกมนุษย์และตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า จึงทรงไปยังสวนนันทวันจุติจากภพดุสิต
    ไปเกิดในพระครรภ์ของพระนางมหามายาเทวีในวันอาสาฬหบูชา
    ในวันนั้นเอง พระนางมหามายาเทวี ทรงรักษาอุโบสถศีลและบรรทมหลับไป ได้พระ
    สุบินว่าเทวดาผู้เป็นท้าวมหาราชทั้ง 4 ได้ยกพระนางมหามายาเทวีพร้อมกับที่บรรทม
    ไปที่ป่าหิมพานต์ แล้วให้สรงสนานที่สระอโนดาตให้นุ่งห่มผ้าทิพย์ แล้วให้พระนาง
    บรรทมที่ภูเขาเงินลูกหนึ่ง พระโพธิสัตว์เป็นช้างสีขาวอยู่ที่ภูเขาทอง ได้เดินมาจาก
    ภูเขาทองมาที่ภูเขาเงิน ได้ถือดอกบัวขาวด้วยงวงเข้าไปที่ภูเขาเงิน ทำการเวียนขวา
    ที่บรรทมของพระนางมหามายาเทวี 3 รอบ แล้วก็หายเข้าไปในพระอุทรของพระนาง
    เพราะเหตุนั้น พระโพธิสัตว์ได้ปฏิสนธิแล้วในวันเพ็ญ เดือน 8 คือวันอาสาฬหบูชา
    เวลาที่พระชนมายุ ๒๙ พรรษา พระมหาสัตว์ทรงทิ้งจักรวรรดิราชย์
    ที่ตกอยู่ในพระหัตถ์ ไม่ทรงเยื่อใยเหมือนก้อนเขฬะ เสด็จออกจากพระราชย์-
    นิเวศน์อันเป็นสิรินิวาสแห่งจักรพรรดิ เมื่อดาวนักษัตรอุตตราสาฬหะเพ็ญเดือน
    อาสาฬหะ เสด็จออกจากพระนคร ได้มีพระประสงค์จะทรงแลดูพระนคร ใน
    ลำดับแห่งความตรึกนั่นเอง ภูมิประเทศนั้น ก็แปรเปลี่ยนไปเหมือนจักรแป้น
    หมุนทำภาชนะดิน แก่พระองค์ พระมหาสัตว์ทรงยืนอยู่อย่างเดิม ทอดพระเนตร
    กรุงกบิลพัสดุ์ ทรงกระตุ้นม้ากัณฐกะให้บ่ายหน้าไปตามทางที่พึงไป แสดงเจดีย-
    สถาน ชื่อ กัณฐกนิวัตตนะ ที่ม้ากัณฐกะหันหน้ากลับ ณ ภูมิประเทศนั้น
    เสด็จไปด้วยสักการะยิ่งใหญ่ ด้วยเหตุให้เกิดสิริอันโอฬาร.
    พระศาสดาทรงกระทำยมกปาฏิหาริย์กำราบเหล่าเดียรถีย์ มิใช่เป็น
    เรื่องทั่วไปกับสาวก ทรงทราบความที่ชนเป็นอันมากพากันเลื่อมใส เสด็จลง
    ประทับนั่งเหนือพระพุทธอาสน์ ทรงแสดงธรรม ฝูงปาณชาติ ๒๐ โกฏิพากันดื่ม
    น้ำอมฤต. ต่อจากนั้นทรงพระดำริว่า ก็พระพุทธเจ้าแต่ปางก่อน ทรงกระทำ
    ปาฏิหาริย์แล้วเสด็จไป ณ ที่ไหน ทรงทราบว่า เสด็จไปสู่ดาวดึงส์พิภพจึงเสด็จ
    ลุกจากพระพุทธอาสน์ ย่างพระบาทเบื้องขวาเหยียบเขายุคนธร พระบาทซ้าย
    เหยียบยอดเขาสิเนรุ แล้วเสด็จเข้าจำพรรษาเหนือบัณฑุกัมพลศิลา โคนปาริ-
    ฉัตตกพฤกษ์ ภายในระยะกาล ๓ เดือน ทรงแสดงพระอภิธรรมกถาแก่เทวดา

    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน สักการะพระธาตุ ปิดทอง กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ

    ด่วน ขอเชิญร่วมทำบุญถวาย"คันทวย"รับน้ำหนักชายคาโบสถ์ ๑๘ ตัว ๆ ละ ๑,๙๙๙ บาท
    จึงเจริญพรมาเพื่อโปรดพิจารณาร่วมทำบุญ ตามกำลังศรัทธา
    ขอเจริญพร
    พระอัครพล กนฺตธมฺโม
    เจ้าสำนักสงฆ์ฉลองราชศรัทธาราม
    โทรศัทพ์ ๐๘-๕๐๓๗-๓๐๗๐ อีเมล์ maemoh1@hotmail.com

    ด่วน ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพปั้นพญานาคประดับราวบันไดโบสถ์ (โบสถ์ก่อสร้างใหม่)
    ขอเจริญพร
    พระอัครพล กนฺตธมฺโม
    เจ้าสำนักสงฆ์ฉลองราชศรัทธาราม
    โทรศัทพ์ ๐๘-๕๐๓๗-๓๐๗๐ อีเมล์ maemoh1@hotmail.com

    ด่วน ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพปั้น"ซุ้มเรือนแก้ว"ประดับประตูหน้าต่างโบสถ์
    จึงเจริญพรมาเพื่อโปรดพิจารณาร่วมทำบุญ ตามกำลังศรัทธา
    ขอเจริญพร
    พระอัครพล กนฺตธมฺโม
    เจ้าสำนักสงฆ์ฉลองราชศรัทธาราม
    โทรศัทพ์ ๐๘-๕๐๓๗-๓๐๗๐ อีเมล์ maemoh1@hotmail.com


    ขอเชิญชวน ร่วมทอดผ้าป่ามหากุศล เพื่อจัดสร้าง วัดสวนป่าบุญฤทธิ์ ครั้งที่๒ วันอาทิตย์ที่ ๑๐ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ ณ วัดป่าเชิงเลน

    ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสร้างเสนาสนะ ของสถานปฏิบัติธรรมพระธาตุดอยหน้อย เลขที่ 188 ตำบลบ้านหลวง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ 50280
    ติดต่อ ครูบาอินสม จารุธฺโม
    โทรศัพท์ 08-9430-6907
    บริจาคได้โดย โอนเงินผ่านบัญชี
    ชื่อบัญชี ครูบาอินสม จารุธฺมโม
    ธนาคารกรุงเทพ สาขาฝาง
    เลขบัญชี 374-0-84007-3

    ในวันเสาร์ที่ 9 กรกฏาคม 2554 เวลา 12.00 น โดยประมาณ
    จะมีการหล่อพระพุทธรุป เนื้อทองคำแท้ นำหนัก 11 กิโลกรัม หน้าตัก 9 นิ้ว
    สถานที่ วัดหนองพงนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
    เส้นทาง นครปฐม ไป กำแพงแสน ขึ้นต่อมาอีกประมาณ 6 ก.ม.
    มีป้ายประชาสัมพันธ์งาน ตามทาง เป็นงานใหญ่ นิมนตร์พระมามากมาย
    ทางวัดมีแผ่นทองคำ ใช้แผ่นทองคำทางวัด แผ่นละ 1000 บาท
    หรือ ร่วมบริจาคทรัพย์ตามกำลังทรัพย์ ตามกำลังศรัธรา
    เชิญมาร่วมสร้างพระทองคำร่วมกัน นานๆ จะมีโอกาสแบบนี้

    ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างอุโบสถทรงล้านนา วัดทุ่งหมื่นน้อย เชียงใหม่
    โทรศัพท์ ๐๘๑- ๗๘๓ ๕๖๘๖ ,,๐๕๓-๘๖๙๕๑๖


    เชิญร่วมบุญเป็นเจ้าภาพแผ่นทองหล่อพระเกศโมลี สมเด็จพระพุทธชินราช-สมเด็จองค์ปฐม
    มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญ สามารถโอนเงินเข้าบัญชี :
    1. ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บัญชีออมทรัพย์
    ชื่อบัญชี : โครงการสร้างพุทธอุทยานพระพุทธชินราชเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ ๙ โดยมูลนิธิเพื่อแผ่นดิน
    เลขบัญชี : 566-4-58568-8
    2. ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนสุเทพ บัญชีออมทรัพย์
    ชื่อบัญชี : มูลนิธิเพื่อแผ่นดิน
    เลขบัญชี : 521-0-14153-5

    *** ผู้มีจิตศรัทธา สามารถส่งแผ่นทองหล่อพระเกศโมลีโดยจารึกชื่อ-นามสกุล แล้วส่งแผ่นทองไปที่ ***
    - มูลนิธิเพื่อแผ่นดิน เลขที่ 10 ถนนนันทาราม (ตรงข้าม รพ.รวมแพทย์) ต.หายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
    - หรือ ร้านอาหารบ้านคุณหมอ (ตรงข้ามร้านเภสัชชุมชน) 151 ถ.สุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200
    - หรือ นำมาหล่อด้วยตัวเองที่งาน

    เชิญร่วมเป็นเจ้าผ้าป่าปั้นใบระกาวิหารองค์ปฐมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง
    080-167-5445
    เจริญพรร่วมลงชื่อประธาน/รองประธาน/กรรมการเจ้าภาพทอดผ้าป่าซื้อที่ดินถวายวัด
    โทร.๐๘๕-๑๙๘-๒๙๑๑, ๐๘๐-๓๗๐-๓๕๕๖

    ทอดผ้าป่าสามัคคี สมทบมูลนิธิหออภิบาลสงฆ์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    โทร. 043-202-606 และ 043-366-335

    ขอเชิญร่วมลงชื่อประธาน/รองประธาน/กรรมการ ทอดผ้าป่าสร้างศาลา ร่วมกับกลุ่มบัวผลิหน่อ
    สอบถามเพิ่มเติม : เบอร์โทรศัพท์ 085-361-4989

    อุปสมบทหมู่ 99 รูป ฟรี
    โทร.02-244-2193 หรือร่วมสมัครร่วมอุปสมบท โทร.02-244-2542


    ร่วมเป็นเจ้าภาพอุปสมบทนาคหมู่ ประจำปี 2554 ณ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
    โทร.0-3425-3793, 08-5406-8996, 08-1294-8998
    โทรสาร 0-3425-3793

    (วัดปงใต้ ม.7 ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง) ขอบอกบุญเชิญร่วมทำบุญ..ซื้อที่ดินถวายวัด
    เบอร์ โทร.0871769579

    ขอเรียนเชิญคณะศิษยานุศิษย์ ของหลวงพ่อมหาโพธิ์ ญาณสํวโร วัดคลองมอญ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ทุกท่าน ด้วยในวันเสาร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ นี้ เป็นวาระครบรอบ ๕ ปี วันมรณภาพ ของหลวงพ่อมหาโพธิ์ จึงขอเรียนเชิญทุกๆท่านร่วมงานบำเพ็ญบุญถวายหลวงพ่อมหาโพธิ์ ณ วัดคลองมอญ ในวันดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน...........

    ขอรับบริจาคนม-อาหารสำหรับช่วยลูกแมวกำพร้า2คลอก
    0814931427

    ขอเชิญร่วมบุญไถ่ชีวิตกระบือ ๑๐ กองบุญๆละ ๒,๑๙๙บาทจำนวนกระบือ ๒ ด่วนมีเวลาอีก ๙ วัน
    โทร 0856044849

    ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมบริจาคทรัพย์ช่วยเหลือคนพิการครับ
    โทรศัพท์ 0-2462-5232, 0-2818-5161 โทรสาร 0-2463-3525
     
  12. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภอภัยราชกุมาร
    ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ " เป็นต้น.
    พระกุมารได้รับพระราชทานราชสมบัติ
    ได้ยินว่า เมื่ออภัยราชกุมารนั้น ทรงปราบปรามปัจจันตชนบทให้
    สงบมาแล้ว พระเจ้าพิมพิสารผู้พระบิดา ทรงพอพระทัยแล้ว พระราชทาน
    หญิงฟ้อนคนหนึ่ง ผู้ฉลาดในการฟ้อนและการขับแล้ว ได้พระราชทาน
    ราชสมบัติสิ้น ๗ วัน. อภัยราชกุมารนั้น ไม่เสด็จออกภายนอกพระราช-
    มนเฑียรเลย. เสวยสิริแห่งความเป็นพระราชาสิ้น ๗ วัน เสด็จไปสู่ท่า
    แม่น้ำในวันที่ ๘ ทรงสรงสนานแล้ว เสด็จเข้าไปสู่พระอุทยาน ประทับ
    นั่งทอดพระเนตรการฟ้อนและการขับของหญิงนั้น ดุจสันตติมหาอำมาตย์.
    ในขณะนั้นเอง แม้นางนั้นได้ทำกาละ ด้วยอำนาจกองลมกล้าดุจศัสตรา
    ดุจหญิงฟ้อนของสันตติมหาอำมาตย์ พระกุมารมีความโศกเกิดขึ้นแล้ว
    เพราะกาลกิริยาของหญิงฟ้อนนั้น ทรงดำริว่า " ผู้อื่น เว้นพระศาสดาเสีย
    จักไม่อาจเพื่อให้ความโศกนี้ของเราดับได้ " ดังนี้แล้ว จึงเข้าไปเฝ้าพระ-
    ศาสดากราบทูลว่า " พระเจ้าข้า ขอพระองค์จงให้ความโศกของข้าพระองค์
    ดับเถิด. "
    อุบายระงับความโศก
    พระศาสดา ทรงปลอบพระกุมารนั้นแล้วตรัสว่า " กุมาร ก็ประมาณ
    แห่งน้ำตาทั้งหลาย ที่เธอร้องไห้อยู่ในกาลแห่งหญิงนี้ตายแล้ว อย่างนี้
    นี่แลให้เป็นไปแล้ว ย่อมไม่มีในสงสาร ซึ่งมีที่สุดอันใคร ๆ รู้ไม่ได้ "
    ทรงทราบความที่ความโศกเป็นภาพเบาบาง เพราะเทศนานั้นแล้วจึง
    ตรัสว่า " กุมาร เธออย่าโศกเลย, ข้อนั้นเป็นฐานะเป็นที่จมลงของชน
    พาลทั้งหลาย ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
    ๔. เอถ ปสฺสถิมํ โลกํ จิตฺตํ ราชรถูปมํ
    ยตฺถ พาลา วิสีทนฺติ นตฺถิ สงฺโค วิชานตํ
    " ท่านทั้งหลายจงมาดูโลกนี้๑ อันตระการ ดุจราชรถ
    ที่พวกคนเขลาหมกอยู่
    (แต่) พวกผู้รู้หาข้องอยู่ไม่."

    บรรดาบทเหล่านั้น สองบทว่า เอถ ปสฺสถ พระศาสดาตรัสหมาย
    เอาพระราชกุมารนั่นเอง, สองบทว่า อิมํ โลกํ ได้แก่ อัตภาพ กล่าวคือ
    ขันธโลกเป็นต้นนี้. บทว่า จิตฺตํ ความว่า อันวิจิตรด้วยเครื่องประดับ
    มีเครื่องประดับคือผ้าเป็นต้น ดุจราชรถอันวิจิตรด้วยเครื่องประดับมีเเก้ว
    ๗ ประการเป็นอาทิ. สองบทว่า ยตฺถ พาลา ความว่า พวกคนเขลา
    เท่านั้นหมกอยู่ในอัตภาพใด. บทว่า วิชานตํ ความว่า แต่สำหรับพวก
    ผู้รู้คือบัณฑิตทั้งหลาย หามีความข้องในกิเลสเครื่องข้อง คือราคะเป็นต้น
    แม้อย่างหนึ่งในอัตภาพนั้นไม่.
    ในเวลาจบเทศนา พระราชกุมารตั้งอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว, พระ-
    ธรรมเทศนาได้มีประโยชน์แม้เเก่ผู้ประชุมกัน

    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน สักการะพระธาตุ ปิดทอง กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ฟังธรรม
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ




    ร่วมสร้างกฏิกรรมฐาน ณ ธดงค์สถานป่าสิริสมบูรณ์ 2 หลัง
    เบอร์โทร พระเมธชนัน อเนชากุล 0844118852
    ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทองคำ ปางมหาจักรพรรดิ วัดเจริญราษฎร์บำรุง เสาร์ ​
    9 กรกฎาคม 2554


    (
    ด่วน)บริจาคสร้างฐานองค์พระพุทธรูป หน้าตัก 2 เมตร
    ทุกท่านสามารถร่วมบริจาคได้ที่
    ผ่านบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาราษฎร์บูรณะ<O
    ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี นางสาวสุวรรณ เกตุชาติ<O
    เลขที่บัญชี 186-4-12959-6
    ตั้งแต่วันนี้ จนถึง ​
    15 กรกฏาคม <Oติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
    <O
    คุณวุฒิชัย ศรีสุข(คุณเบิร์ด) เบอร์โทร.085-361-4989<O


    ขอความเมตตาช่วยร่วมปิดกองบุญซื้อดินถมฐานศาลาหอธรรม๙มงคลและเทปูนสำเร็จรูป​
    (พีพีเอส)


    โทร.053-023260 , 087-6599995 , 089-9555870

    ขอเชิญนมัสการองค์พระพุทธรูป และหลวงพ่อพันปีศรีตะเคียนทอง ซึ่งตอนนี้ได้ประดิษฐาน ณ วัดป่าเขาล้อม จ.ฉะเชิงเทรา ครบทุกองค์แล้ว

    ทอดผ้าป่าช่วยวัดไทย(บอสตัน)ที่กำลังจะถูกปิด
    โอนเข้าร่วมทำบุญได้ที่ ชื่อบัญชี พระนิโรจน์ หมั่นปอแก ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา โชคชัย
    4 เลขที่บัญชี 127-2-35289-9


    ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีผูกพัทธสีมาปิดทองฝังลูกนิมิต ณ วัดบ้านนา
    ท่านที่สนใจร่วมทำบุญ สามารถโอนเงินเข้าบัญชี

    ธนาคารกรุงเทพ สาขา โนนไทย
    บัญชีเลขที่ ๔๘๓--๕๔๒๓๑-
    ชื่อบัญชี วัดบ้านนา

    ติดต่อสอบถามโดยตรงได้ที่
    โทร. ๐๘๑ ๙๖๗ ๕๐๓๘
    พระครูบุญเขตสิริคุณ
    เจ้าอาวาส


    ชมรมกัลยาณธรรมขอเชิญลงทะเบียนฟังธรรมล่วงหน้า

    ข้าวสารช่วยส่งเสริมพระและผู้ปฏิบัติธรรมวัดพิชโสการาม​
    อุบลฯ

    เมื่อวานผมได้เรียนสายกับพระภูชิต
    สิริปัญโญ ใจความคือ พระภูชิตให้ผมตั้งกระทู้ช่วยวัดพิชโสการาม . แจ้งเหนือ . เขมราฐ . อุบล เพราะทุก ช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน จะมีพระภิกษุประมาณ 200 - 250 รูปมาจำพรรษาที่วัด และจะมีอุบาสก อุบาสิกา เวียนมาปฏิบัติธรรมไม่เคยขาด แทบทุกวันจะมีอุบาสก อุบาสิกาไม่ต่ำกว่า 70 - 80 คน ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ อาหารไม่เพียงพอ ที่ขาดมากคือ ข้าวสาร อาหารแห้ง ดังนั้นผมจึงขอเรียนเชิญท่านที่มีความต้องการช่วยเหลือบริจาคข้าวสาร อาหารแห้งทุกชนิด โดยการส่งทางไปรษณีย์ไปยังวัดพิชโสการามโดยตรงได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพราะใกล้เข้าพรรษามากแล้ว ผมขอเรียนเชิญนะครับ ในกรณีที่ไม่สามารถส่งทางไปรษณีย์ได้


    ท่านเจ้าอาวาส
    วัดพิชโสการาม
    . แจ้งเหนือ
    . เขมราฐ
    . อุบลราชธานี



    เชิญร่วมบุญซื้อที่ดินเพื่อสร้างสวนธรรม​
    โทร. 089-8523498

    เชิญร่วมบริจาคปัจจัยซื้อเทียนเข้าพรรษาถวายวัดป่าที่ขาดแคลนธูปเทียนและยารักษาโรค
    โทร.053-023260 , 087-6599995 , 089-9555870



    บุญด่วนๆๆ ปั๊มสูบน้ำตัวเก่าชำรุด วอนผู้ใจบุญช่วยทางวัดจัดซื้อตัวใหม่ ราคา ๓,๘๐๐ บาท
    โทร ๐๘๒-๘๖๗๒๕๐๑


    วัดปงใต้​
    .7 .ปงยางคก .ห้างฉัตร .ลำปาง) ขอบอกบุญเชิญร่วมทำบุญ..ซื้อที่ดินถวายวัด


    เบอร์ โทร.0871769579





    ขอเชิญเป็นเจ้าภาพซื้อหม้อหุงข้าวไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อใช้ในโรงครัววัดสองเปย
     
  13. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    มิจฺฉาปณิหิต แปลว่า จิตที่เขาตั้งไว้ผิด. บทว่า อธมฺมจริยา วิสมจริยา
    ความว่า พึงทราบวิสมจริยา ความประพฤติไม่เรียบร้อย กล่าวคือ อธรรมจริยา ความ
    ประพฤติอธรรมได้ ก็ด้วยอำนาจอกุศลกรรมบถ พึงทราบ จริยานอกนี้ ก็ด้วย
    อำนาจกุศลกรรมบถ

    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน
    ใกล้นครเวสาลี ครั้นนั้นแล กษัตริย์ลิจฉวีพระนามว่ามหาลี ได้เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้
    มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควร
    ส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไร
    หนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย แห่งการทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาปกรรม?
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนมหาลี โลภะแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย แห่ง
    การทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาปกรรม, ดูก่อนมหาลี โทสะ แล เป็นเหตุ
    เป็นปัจจัย แห่งการทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาบกรรม, ดูก่อนมหาลี โมหะ
    แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาบกรรม,
    อโยนิโสมนสิการ แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำบาปกรรม แห่งความเป็นไป
    แห่งบาบกรรม, ดูก่อนมหาลี จิตอันบุคคลตั้งไว้ผิด แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการ
    ทำบาปกรรม แห่งความเป็นไปแห่งบาปกรรม
    ดูก่อนมหาลี กิเลส มีโลภะเป็นต้น นี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำบาปกรรม
    แห่งความเป็นไปแห่งบาปกรรม.
    กษัตริย์ลิจฉวีพระนามว่ามหาลี กราบทูลถามต่อไปว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
    ก็อะไร เป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำกัลยาณกัลยาณกรรม แห่งความเป็นไปแห่ง
    กัลยาณกรรม?
    พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า ดูก่อนมหาลี อโลภะ แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย
    แห่งการทำกัลยาณกรรม แห่งความเป็นไปแห่งกัลยาณกรรม, ดูก่อนมหาลี อโทสะ แล
    ป็นเหตุ เป็นปัจจัยแห่งการทำกัลยาณกรรม แห่งความเป็นไปแห่งกัลยาณกรรม ,
    อโมหะ แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย แห่งการทำกัลยาณกรรม แห่งความเป็นไปแห่งกัลยาณ-
    กรรม, โยนิโสมนสิการ แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย แห่งการทำกัลยาณกรรม แห่งความเป็น
    ไปแห่งกัลยาณกรรม, ดูก่อนมหาลี จิตอันบุคคลตั้งไว้ชอบ แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่ง
    การทำกัลยาณกรรม แห่งความเป็นไปแห่งกัลยาณกรรม
    ดูก่อนมหาลี ธรรม มีอโลภะเป็นต้นนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งการทำกัลยาณ-
    กรรม แห่งความเป็นไปกัลยาณกรรม
    ดูก่อนมหาลี ถ้าธรรม ๑๐ ประการนี้แล ไม่พึงมี ในโลก ชื่อว่า ความ
    ประพฤติไม่สม่ำเสมอ คือ ความประพฤติอธรรม หรือ ความประพฤติสม่ำเสมอ
    คือ ความประพฤติธรรม ก็จะไม่พึงปรากฏในโลกนี้ ดูก่อนมหาลี ก็เพราะธรรม ๑๐
    ประการนี้ มีพร้อมอยู่ในโลก ฉะนั้น ชื่อว่า ความประพฤติไม่สม่ำเสมอ คือ
    ความประพฤติอธรรม หรือความประพฤติสม่ำเสมอ คือ ความประพฤติธรรม จึง
    ปรากฏ ในโลกนี้.
    มารหมายถึงเครื่องกั้นความดี มารมี 5 อย่างคือ
    1. กิเลสมาร เช่น โลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น
    2. ขันธมาร คือ ขันธ์ 5 ที่เป็นภาระอย่างยิ่ง ต้องดูแล และได้รับความเดือดร้อนเพราะขันธ์ 5
    3. อภิสังขารมาร คือ เจตนาเจตสิกที่เป็นไปในกุศลกรรมและอกุศลกรรม
    4. มัจจุมาร คือ ความตาย
    5. เทวบุตรมาร หมายถึง เทวดาที่ขัดขวางไม่ให้ทำความดี
    ท้าวมฆวานเทพกุญชร ผู้เป็นอธิบดีในสวรรค์ ชั้นไตรทศ
    ได้ตรัสคำนี้กะมาตลีเทพสารภีว่า
    ดูก่อนมาตลี ท่านจงดูผลแห่งกรรมอันวิจิตรน่าอัศจรรย์นี้
    ไทยธรรม(ของที่ให้)ที่เทพธิดานี้กระทำแล้ว
    ถึงจะน้อย บุญก็มีผลมาก
    เมื่อจิตเลื่อมใสในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า
    หรือในสาวกของพระองค์ก็ตาม ทักษิณาไม่ชื่อว่าน้อยเลย
    มาเถิด มาตลี แม้ชาวเราทั้งหลาย
    ก็ควรจะพากันบูชาพระบรมธาตุของพระตถาคต
    ให้ยิ่งยวดขึ้นไป เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้
    เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พระเจ้าอชาตศัตรูก็แบ่งพะบรมสารีริกธาตุไปในที่
    ต่างๆเพื่อให้มหาชน บูชาพระบรมสารีริกธาตุ มีหญิงผู้หนึ่งคิดจะบูชาพระสถูปของ
    พระพุทธเจ้า จึงนำดอกบวบขม 4 ดอกที่ได้มา เกิดศรัทธา มุ่งบูชาพระพุทธเจ้าที่
    พระสถูป โดยไม่ได้ระวังอันตรายใดๆ ขณะนั้นโคแม่ลูกอ่อนขวิดนาง นางก็สิ้นชีสิตไป
    เกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ขณะนั้นท้าวสักกะและเทพธิดทั้งหลายก็กำลังเล่นกันอยู่
    นางนั้นจุติเป็นเทพธิดา ด้วยผลบุญนั้น รัศมีของนางก็ข่มเทพธิดาทั้งหมด ท้าวสักกะ
    เกิดจิตอัศจรรย์ใจ จึงถามว่าเธอทำบุญอะไรมาจึงมีวรรณะงดดงาม มีบุญมากเช่นนี้
    นางจึงทูลท้าวสักกะว่า เมื่อก่อนข้าพระองค์เกิดจิตคิดบูชาพระสถูปพระพุทธเจ้าด้วย
    ดอกบวบขม แต่ยังไม่ทันบูชาก็ถูกแม่โคขวิดสิ้นชีวิตครับ
    ท้าวสักกะ จึงบอกกับมาตาลีเทพบุตร ตามคาถาที่ผู้ตั้งกระทู้ได้กล่าวไว้ในตอนต้น
    สรุปได้ว่า จงดูผลบุญที่ที่บูชา แม้ของจะน้อย แต่ผลของบุญไม่น้อยเลยเพราะ บูชา
    วัตถุอันเลิศคือพระพุทธเจ้า เป็นต้น ดังนั้นเรามาบูชาพระพุทธเจ้ากันเถิด เพราะบุญ
    นำสุขมาให้ บุคคลบูชาพระพุทธเจ้าที่ปรินิพพานแล้ว หรือมีพระชนม์อยู่ ผลบุญก็ย่อม
    เท่ากัน หากจิตเสมอกัน เมื่อท้าวสักกะตรัสเรื่องนี้จบ ท่านก็ให้หมู่เทวดาเลิกการละเล่น
    และให้บูชา พระจุฬามณีย์ อันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เป็นเวลา 7 วัน
    ดูก่อนอานนท์ เราตถาคตหมอบอยู่แทบบาท
    มูลของพระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกร ประชุมธรรม ๘ ประการ เมื่อจะ
    กระทำอภินิหาร มิใช่กระทำอภินิหาร เพื่อประโยชน์แก่พวงมาลัยของหอม
    และดุริยางค์สังคีต มิใช่บำเพ็ญบารมีทั้งหลาย เพื่อประโยชน์แก่สิ่งเหล่านั้น
    เพราะฉะนั้น เราตถาคตไม่ชื่อว่า เขาบูชาแล้วด้วยการบูชาอันนี้เลย
    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน สักการะพระธาตุ ปิดทอง กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ

    ร่วมสร้างเจดีย์หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย
    กำหนดวางศิลาฤกษ์ 14 ตุลาคม 2554
    โอนเงินผ่านธนาคาร ไทยพาณิชย์
    ชื่อบัญชี "พระราชญาณวิสุทธิโสภณ; เพื่อสร้างเจดีย์"
    ไทยพาณิชย์ สาขา เมืองใหม่บางพลี บัญชีออมทรัพย์
    เลขบัญชี 320-4-95366-3

    ขอเชิญพิธีร่วมเททอง
    หลวงปู่ทวด ปางพระผู้ทรงชนะมาร หน้าตัก 21 นิ้ว จำนวน 32 องค์
    เททองวันเสาร์ ที่ 9 กรกฏาคม 2554 ขึ้น 9 ค่ำเดือน 8
    โรงหล่อพระที่นครปฐม
    กำหนดการ
    เวลา 10.39 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
    เวลา 11.00 น. ถวายเพลพระ / ญาติธรรมร่วมรับประทานอาหาร
    เวลา 12.39 น. พิธีบวงสรวง และร่วมกันกล่าวคำอธิษฐาน
    เวลา 13.09 น. ประกอบพิธีเททองรูปหล่อพระพุทธเจ้าแสนสุข (มหายาน) หน้าตัก 29 นิ้ว จำนวน 1 องค์ และหลวงปู่ทวด หน้าตัก 21 นิ้ว จำนวน 32 องค์
    ถวายไทยธรรมแด่พระสงฆ์ / กรวดน้ำรับพร / กราบลาพระ / รับมอบวัตถุมงคล

    ร่วมทำบุญได้ที่.. 1.นายศรัณย์ธร ยกเชื้อ เลขบัญชี 385-0-06751-3 ออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยกระทรวงพาณิชย์ หรือ ส่งธนาณัติที่ นายศรัณย์ธร ยกเชื้อ 5/154 (ตะวันนา 7) ม.5 ถ.สนามบินน้ำ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 (สั่งจ่าย ปณ.กระทรวงพาณิชย์ รหัส 11005) โทร.มือถือ 081-875-4903
    2.นายโยธิน รังสีเลิศ โทรมือถือ 081-573-7469

    ให้บูชาวัตุมงคล สมทบทุนซ่อมแซมศาลา ปฎิบัติธรรม วัดแจ้งนอก
    โทรสอบถาม 087 388 9629

    ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสร้างเสนาสนะ ของสถานปฏิบัติธรรมพระธาตุดอยหน้อย เลขที่ 188 ตำบลบ้านหลวง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ 50280
    ติดต่อ ครูบาอินสม จารุธฺโม
    โทรศัพท์ 08-9430-6907
    บริจาคได้โดย โอนเงินผ่านบัญชี
    ชื่อบัญชี ครูบาอินสม จารุธฺมโม
    ธนาคารกรุงเทพ สาขาฝาง
    เลขบัญชี 374-0-84007-3


    ขอเชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างอ่างเก็บน้ำ สำนักสงฆ์สิริธโร ภาวนา
    ดังนั้นจึงขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านได้ร่วมทำบุญ ทอดผ้าป่าสามัคคี
    สร้างอ่างเก็บน้ำ
    ณ สำนักสงฆ์สิริธโรภาวนา ต.ซับสนุ่น อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
    ในวันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2554 เพื่อความสงบร่มเย็น เป็นสุข
    ของแผ่นดิน และสรรพสัตว์ทั้งปวง
    ถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ และพระบรมวงศ์ ทุกๆพระองค์
    ให้ทรงมีพระพลานามัย สมบูรณ์ แข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุ ยิ่งยืนนาน

    ผู้มีจิตศรัทธาสามารถโอนเงินทำบุญเข้าบัญชีออมทรัพย์
    ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาย่อย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตบางกรวย
    ชื่อบัญชี : สร้างอ่างเก็บน้ำ ณ สำนักสงฆ์สิริธโร
    เลขบัญชี : 143-0-10482-1

    เชิญร่วมบุญกฐินต่ออายุครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า ประจำปี 2554
    โทรแจ้งที่ 081-822-2500

    ขอเชิญร่วมพิมพ์หนังสือ "สวดมนต์ทำกรรมฐานตามแบบหลวงพ่อจรัญ" ในโอกาสเข้าพรรษา
    การร่วมทำบุญ
    1. แจ้งความจำนง ผ่านเวบบอร์ดนี้ หรือ อีเมลล์ของผม และ เบอร์โทรของผม ดังนี้
    Email : whitemusic1@gmail.com
    Tel : 081-869-1816
    2. โอนเงินเข้าบัญชี ตามรายละเอียด ดังนี้
    การโอนเงิน :
    ธนาคารกสิกรไทย สาขา โลตัส ทาวน์ อิน ทาวน์
    ชื่อบัญชี : เอกชัย สถาพรธนพัฒน์ (ออมทรัพย์)
    เลขที่บัญชี : 644-2-07588-1
    (เป็นบัญชีที่เพิ่งเปิดใหม่เมื่อวานนี้ เพื่อการนี้โดยเฉพาะ สามารถตรวจสอบได้เพื่อความบริสุทธิ์ใจ และสามารถตรวจสอบยอดเงินกับทางโรงพิมพ์ได้ครับ )
    3. ท่านใดต้องการให้พิมพ์ชื่อ นามสกุลที่หน้าปก รบกวนแจ้งให้ทราบด้วย
    4. ท่านใดที่ต้องการรับหนังสือไปแจกจ่ายต่อ รบกวนแจ้งจำนวนให้ทราบด้วย (อาจจะได้รับไม่ครบนะครับ เป็นไปตามเหตุปัจจัย)
    5. จำนวนที่ตั้งใจพิมพ์ คือ 2,000 เล่ม แต่โดยทุกครั้ง จำนวนเงินที่ทำบุญเข้ามาจะมากกว่าเสมอ ก็จะเพิ่มจำนวนเล่มตามสัดส่วนที่เหมาะสมไป
    ท่านใดที่โอนเงินแล้ว รบกวนแจ้งทางอีเมลล์ , SMS หรือ โทรแจ้งให้ทราบด้วยนะครับ


    ซ่อมแซมลงลักษณ์ปิดทองธรรมาสน์ขาดปัจจัย
    โทร ฯ 084- 1759890

    ขอเชิญร่วมบุญถวายเทียนพรรษา ๙ วัด
    1.วัดเขาวง จ.สระบุรี
    2.วัดกลางชุศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรี
    3. วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ จ.สมุทรสาคร
    4.วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    5.วัดสุขุมาราม จ.พิจิตร ,
    6.วัดโขงขาว จ.เชียงใหม่
    7.วัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย
    8.วัดบางนมโค จ.อยุธยา ,
    9.วัดสะแก จ.อยุทธยา
    จึงแจ้งให้ทุกท่านได้ร่วมทำบุญและโมทนาร่วมกันครับ
    เทียนแกะลาย ดอกบัว ขนาด 12*100 ซม. และฐานบัวทองเหลือง
    ,ผ้าไตร ๑ ผืน และ ผ้าอาบน้ำฝน, หลอดไฟฟ้า
    ทั้งชุดประมาณ ๔,๕๐๐ บาท ครับ
    หากทำบุญเทียนพรรษา ๑ คู่ ประมาณ ๒,๒๐๐ บาท ครับ
    มือถือ 081-8052466


    โครงการ พระพุทธะเจดีย์ เกศแก้วจุฬามณี ภัทรภูมิพลัง และ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์
    สนใจร่วมบุญ ติดต่อ
    สิทธิชัย (เม้ง) เบอร์ 084-752-2720, 080-992-4039

    โครงการปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ ๘๔,๐๐๐ ต้น
    ท่านสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและส่งไปร่วมบุญได้ที่

    พระอธิการอานนท์วัฒน์ วานิจฺจธมฺโม
    เจ้าอาวาสวัดป่าโพธิญาณ จ.บึงกาฬ
    83 ม.16 บ้านโชคอำนวย ต.ท่ากกแดง อ.เซกา จ.บึงกาฬ 43150
    โทรศัพท์ 084-7936851


    ข้าวสารช่วยส่งเสริมพระและผู้ปฏิบัติธรรมวัดพิชโสการาม อุบลฯ
    พระอาจารย์มหาชอบ พุทธสโร
    วัดพิชโสภาราม
    ต. แจ้งเหนือ
    อ. เขมราฐ
    จ. อุบลราชธานี

    ข้าวสารช่วยส่งเสริมพระและผู้ปฏิบัติธรรมวัดสนมหมากหญ้า อุบลฯ
    พระอาจารย์ฤทธิ์เดช สุเมธี
    วัดสนมหมากหญ้า
    ต. แจ้งเหนือ
    อ. เขมราฐ
    จ. อุบลราชธานี


    ขอเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ร่วมสวดมนต์ปฏิบัติธรรมที่วัดประดู่ฉิมพลี
    ที่นี่มีการสวดมนต์ทุกวันอาทิตย์ เวลา 13.00 น. - 16.00 น. ค่ะ

    วัดตั้งอยู่ที่ ซอยเพชรเกษม 15 ถนนเพชรเกษม แขวงวัดท่าพระ, เขตบางกอกใหญ่ กทม. 10600


    ขอเชิญร่วมบวงสรวงพิทักษ์ ฯ วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) เวลา 7.45 น. อา.12 มิ.ย.54
    ทอดผ้าป่าสามัคคีวันที่ 21 ส.ค. 2554 ที่บ้านจรัลสนิทวงศ์ 57 โดยพร้อมเพรียงกัน
    โครงการไถ่ชีวิตโค-กระบือถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติจำนวน 150 ตัว ทำบุญใส่บาตรพระกรรมฐาน 15 รูป ทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อซื้อเครื่องมือแพทย์และสร้างอาคารผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ให้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร งบประมาณ 9.5 ล้านบาท ณ บ้านเลขที่ 1805/11 ซอยจรัลสนิทวงศ์ 57 กทม. นำโดยพระอาจารย์ทองปาน จารุวัณโณ วัดป่าสันตินิมิตร ต. เป๊าะ อ. บึงบูรพ์ จ. ศรีสะเกษ
    ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
    089-8164343, 089-8978008 อาจารย์ยุวดี ชาติไทย

    ช่วยพระสงฆ์และชาวบ้านเวียงแหงให้ได้น้ำสะอาดดื่ม
    พระอาจารย์บรรเจิด กิตติสาโร
    โทรมือถือ 082-3905252
    080-4988379

    ขอรับบริจาคแผ่นซีดีใช้แล้ว เพื่อปกป้องช้างป่า
    สถานที่รับบริจาค สามารถส่งมาได้ที่
    บริษัท เวโลฟ ไทย จำกัด
    29 อาคาร BBC ชั้น 14 ยูนิต 1404 ซอยเอกมัย ถนน สุขุมวิท 63
    แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพ 10110
    โทร. 02-726-9000
    หรือหากสะดวกสามารถส่งไปโดยตรง
    ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
    ตู้ ปณ. 10 ปณจ.กุยบุรี อ. กุยบุรี จ. ประจวบคีรีขันธ์ 77150
    โทร. 032-646-292


    เด็กชายกตัญญู แม่ป่วยเป็นวัณโรคระยะสุดท้าย
    โทร 074-257131 (จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันเสาร์ที่ 11 มิ.ย 54 หน้าที่ 10)

    ขอเชิญทำบุญ
    รายละเอียดการทำบุญทุกอย่าง ประกอบด้วย
    1. สังฆทาน
    2. กฐินวัดท่าขนุน
    3. กองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุ สามเณร
    4. บวชพระ
    5. อาหารเพล
    6. สร้างพระชำระหนี้สงฆ์
    7. อื่น ๆ
    (ทั้งหมดนี้แล้วแต่ทางวัดจะจัดสรร)
    1. บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ (อาคาร B) ชื่อบัญชี นายชยา
    คมน์ ธรรมปรีชา เลขที่บัญชี 402-155453-1

    2. บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ (อาคาร B)ชื่อบัญชี นายชยาคมน์ ธรรมปรีชา เลขที่บัญชี 955-0-05395-4

    3. บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกสิกรไทย สาขาศูนย์ราชการฯ (อาคาร B)ชื่อบัญชีนายชยาคมน์ ธรรมปรีชา เลขที่บัญชี 641-2-03265-7

    4. บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ สาขาศูนย์ราชการฯ (อาคาร B)ชื่อบัญชีนายชยาคมน์ ธรรมปรีชา เลขที่บัญชี 942-0-02697-4
    ร่วมบุญได้ถึงวันที่ 19 มิถุนายน 2554
     
  14. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    บริษัท มี 4 คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกและอุบาสิก สำหรับเพศภิกษุ คือ ผู้ที่บวช
    บรรพชาในพระธรรมวินัยนี้ นั่นคือการสมมติบัญญัติ แต่งตั้งขึ้นด้วยการบรรพชา นี่คือ
    เพศภิกษุ ส่วนความเป็นภิกษุโดยปรมัติ คือ ที่คุณธรรมนั่นก็คือความหมายของภิกษุ
    อีกนัยหนึ่งครับ ดังนั้น ผู้ที่เป็นภิกษุ ที่กล่าวโดยคุณธรรม โดยสภาพธรรมจึงไม่ใช่เพียง
    เป็นผู้ขอ หรือผู้ที่บวชเท่านั้น แต่ผู้ใดดับกิเลสหมดแล้วด้วยปัญญา อันรู้ความจริงของ
    สภาพธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม หรือ ขันธ์ 5 ตามความเป็นจริงด้วยปัญญาและ
    สามารถดับกิเลสได้ ผู้นั้นจึงชื่อว่าเป็นภิกษุ นี่คือความเป็นภิกษุที่แท้จริงครับ ไม่ว่าเพศ
    ใด บุคคใด แต่ถ้ามีคุณธรรมตามที่กล่าวมาก็ชื่อว่าเป็นภิกษุเช่นกันครับ
    ดังในตัวอย่างในพระไตรปิฎกที่พราหมณ์ผู้หนึ่งเห็นพระพุทะเจ้าเรียกสาวกของตน
    ที่เดินบิณฑบาตว่าภิกษุ ก็เลยอยากให้พระพุทธเจ้าเรียกตนเองว่าภิกษุเช่นกัน พระ
    พุทธเจ้าตรัสว่า เราไม่เรียกบุคคลที่ประพฤติผิดและอาศัยเพียงการขอเที่ยวไปว่าเป็น
    ภิกษุ แต่บุคคลใดดับกิเลสแล้วด้วยปัญญา ผู้นั้นชื่อว่าเป็นภิกษุ นั่นคือ เป็นภิกษุจริงๆ
    ด้วยคุณธรรมครับ พระพุทธเจ้าจึงตรัวพระคาถาที่ว่า
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หน้าที่ 84
    ลักษณะภิกษุและผู้มิใช่ภิกษุ
    ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสกะพราหมณ์นั้นว่า "พราหมณ์ เราหาเรียกว่า ' ภิกษุ '
    เพราะอาการเพียงขอ (เขาไม่), เพราะผู้สมาทานธรรมอันเป็นพิษแล้วประพฤติอยู่
    ย่อมเป็นผู้ชื่อว่าภิกษุหามิได้, ส่วนผู้ใดเที่ยวไปด้วยพิจารณาสังขารทั้งปวง, ผู้นั้น
    ชื่อว่าเป็นภิกษุ" ดังนี้แล้ว ได้ตรัส
    พระคาถาเหล่านี้ว่า :-
    "บุคคลชื่อว่าเป็นภิกษุ เพราะเหตุที่ขอกะคนพวกอื่นหามิได้, บุคคลสมาทาน
    ธรรมอันเป็นพิษ ไม่ชื่อว่าเป็นภิกษุ ด้วยเหตุเพียงเท่านั้น; ผู้ใดในศาสนานี้
    ลอยบุญและบาปแล้ว ประพฤติพรหมจรรย์ (รู้ธรรม)ในโลก ด้วยการพิจารณา
    เที่ยวไป ผู้นั้นแลเราเรียกว่า 'ภิกษุ.'
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ -หน้าที่ 119
    " แม้ถ้าบุคคลประดับแล้ว พึงประพฤติสม่ำเสมอ
    เป็นผู้สงบ ฝึกแล้ว เที่ยงธรรม มีปกติประพฤติ
    ประเสริฐ วางเสียซึ่งอาชญาในสัตว์ทุกจำพวก,
    บุคคลนั้น เป็นพราหมณ์ เป็นสมณะ เป็นภิกษุ. "
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 291
    บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ภิกฺขุ ความว่า ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เห็นภัยใน
    สังสารวัฏ

    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน สักการะพระธาตุ ปิดทอง กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย เมื่อวานนี้ได้ปล่อยหอยหลายตัวประมาณ ร้อยกว่าตัว
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปล่อยหอยช่วยชีวิตสัตว์
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ

    ร่วมทำบุญบริจาค ยารักษาโรค ปัจจัย 4 ฯลฯ ให้กับวัดป่าแสงทอง นครสวรรค์
    สุนันท์ เร้าปิติวงษ์กุล ติดต่อที่ 081-6851817

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายพระบรมสารีริกธาตุ
    ส่งอีเมลมาที่ willy_wee5@hotmail.com หรือโอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทยสาขาย่อยอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เลขที่ 744-2-54021-1 ชื่อบัญชี weera s.

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบรรพชาอุปสมบทหมู่ชาวเขา 2554
    --------------------------------------------------------------------------------
    ร่วมบริจาคด้วยตนเองได้ที่
    สำนักบริการสวัสดิการสังคม กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สะพานขาว กทม.๑๐๑๐๐
    โทร.0-2659-6139 ,0-2282-3896 โทรสาร 0-2281-4190


    ขอเชิญร่วมบุญถวายเทียนพรรษา ๙ วัด
    มือถือ 081-8052466

    กำหนดวันพิธี ไหว้ครูพุทธคุณคุ้มเกล้าสำนักกุญแจไสยศาสตร์ ประจำปี ๒๕๕๔
    ปีนี้ตรงกับ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๔
    ขอเรียนเชิญศิษย์ร่วมสำนัก รวมถึงทุกท่านที่ศรัทธาใน อ.ณัฏฐเดช ประทีปพิชัย
    ซึ่งท่านเป็นศิษย์สายเขาอ้อ โดยมีท่าน อ.ชุม ไชยคีรี (สำนักกุญแจไสยศาสตร์)
    เป็นอาจารย์ และครอบมือให้
    ร่วมกันแสดงความเคารพและระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์สายเขาอ้อ โดยพร้อมเพรียงกัน
     
  15. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    แต่ความจริงเวลาของ
    เทวดาย่อมแตกต่างจากภพภูมิมนุษย์ เช่น 1 วันของชั้นดาวดึงส์เท่ากับ 100 ปีมนุษย์
    การเกิดเป็นเทวดาย่อมเกิดจากกุศลที่ประณีตกว่าภพภูมิมนุษย์ ดังนั้นการเสวยสุขก็
    ย่อมนานกว่ามนุษย์ เพราะเป็นผลของกุศลทีประณีต จึงมีภพภูมิที่เหมาะสมในการ
    ดำรงอายุอยู่ยาวนานของเหล่าเทวดา มีสวรรค์ เป็นต้น ดังนั้นวันเวลาของเทวดาจึง
    ยาวนานครับ ซึ่งในพระไตรปิฎกก็มีตัวอย่างเรื่องของวันเวลาของเทวดากับมนุษย์
    อย่างเรื่อง นางปติปูชิกา นางเป็นเทพธิดา กำลังเก็บดอกไม้อยู่ นางก็จุติไปเกิดเป็น
    มนุษย์ และก็โตเป็นสาว มีครอบครัว มีบุตร 4 คน ก็ทำบุญปรารถนากับไปเกิดใน
    สำนักสามีที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์อีก และนางก็สิ้นชีวิตกับไปเกิดในสำนักสามีเดิมที่
    สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทพบุตรก็ถามนางว่าไปไหนมาสักครู่นี้ นางปติปูชิกา เทพธิดาจึง
    เหล่าเรื่องให้ฟังว่าไปเกิดเป็นมนุษย์ เป็นต้นครับ
    จะเห็นได้ว่า เวลาของภพภูมิมนุษย์กับของเทวดาต่างกัน อันเกิดจากความประณีต
    ของกุศลที่ทำให้เกิดในภพภูมิที่สมควรจะไดรับ ผลของกุศลกรรมเป็นระยะเวลาที่แตก
    ต่างกันนั่นเองครับ อีกเรื่องหนึ่ง เทวดาผู้มีอายุยืนยาว ต้องการจะร้อยพวงมาลัยถวาย
    พระพุทธเจ้า เมื่อคราวประสูติ ร้อยพวงมาลัยยังไม่เสร็จก็ตรัสรู้ ยังไม่ทันจะเสร็จก็จะ
    ปรินิพพานแล้ว แสดงให้เห็นว่าเวลาของภพภูมิก็แตกต่างกันไปครับ
    พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 154
    บทว่า สคฺคกถ ความว่า กถาปฏิสังยุต ด้วยสวรรค์มีอาทิอย่าง
    นี้ว่า ชื่อว่า สวรรค์นี้ น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ กีฬาอันเป็นทิพย์-
    สมบัติ ย่อมได้ในสวรรค์นี้เป็นนิจ เหล่าเทวดาชั้นจาตุมมหาราชิกา ย่อมได้
    ทิพยสุขและทิพยสมบัติตลอดเก้าล้านปี เหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ ย่อมได้ทิพย
    สุขและทิพยสมบัติตลอดสามโกฏิปี และหกล้านปี.

    พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงบุคคล ๗ จำพวก เปรียบเทียบกับอาการของบุคคลผู้
    อยู่ในน้ำ (มีการดำลง เป็นต้น) ดังนี้ คือ
    ๑. จมลงแล้วคราวเดียว ก็เป็นอันจม (บุคคลผู้ประกอบด้วยอกุศลธรรมเพียงอย่าง
    เดียว โดยเฉพาะความเห็นผิดที่ดิ่ง)
    ๒. โผล่ขึ้นมาแล้ว กลับจมลงไป (บุคคล มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และ
    ปัญญาในกุศลธรรม แต่ธรรมเหล่านี้ ไม่คงที่ และไม่เจริญขึ้น มีแต่เสื่อมไปอย่างเดียว)
    ๓. โผล่ขึ้นมาแล้ว ทรงตัวอยู่ (บุคคล มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และปัญญา
    ในกุศลธรรม แต่ธรรมเหล่านี้ ไม่เสื่อม และไม่เจริญขึ้น แต่คงที่อยู่)
    ๔. โผล่ขึ้นมาแล้ว เหลียวไปมา (บุคคล มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และ
    ปัญญาในกุศลธรรม ละ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสะได้ เป็นพระโสดาบัน)
    ๕. โผล่ขึ้นมาแล้ว เตรียมตัวจะข้าม (บุคคล มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และ
    ปัญญาในกุศลธรรม ละสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสะได้แล้วทำราคะ โทสะ
    โมหะ ให้เบาบาง เป็นพระสกทาคามีบุคคล)
    ๖. โผล่ขึ้นมาแล้ว ได้ที่พึ่ง (บุคคล มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ และปัญญาใน
    กุศลธรรม ละ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาสะ กามราคะ และ ปฏิฆะ ได้
    เป็นพระอนาคามีบุคคล จะไปเกิดที่สุทธาวาสภูมิ หรือรูปพรหมภูมิหรืออรูปพรหมภูมิ
    และปรินิพพานที่นั่น)
    *หมายเหตุ สุทธาวาสภูมิ เป็นภูมิของพระอนาคามีบุคคล ผู้ได้รูปปัญจมฌาน*
    ๗. โผล่ขึ้นมาแล้ว เป็นพราหมณ์ข้ามถึงฝั่งอยู่บนบก (บุคคลมีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ
    วิริยะ และปัญญาในกุศลธรรม เป็นพระอรหันต์ สิ้นอาสวะทั้งปวง).
    รูปขันธ์ ได้แก่ รูปทุกรูป รูปทุกชนิด ทุกประเภท
    เวทนาขันธ์ ได้แก่ เวทนาเจตสิก (ความรู้สึกสุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ เฉยๆ) ๑ ดวง
    สัญญาขันธ์ ได้แก่ สัญญาเจตสิก (ความจำหมายรู้อารมณ์) ๑ ดวง
    สังขารขันธ์ ได้แก่ เจตสิก ๕๐ ดวง (เว้นเวทนาเจตสิก และสัญญาเจตสิก)
    วิญญาณขันธ์ ได้แก่ จิตทุกดวง

    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ

    ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ขอเชิญร่วมหล่อสมเด็จองค์ปฐม ณ พระธาตุปูหลง จังหวัดเชียงราย
    ติดต่อสอบถาม ๐๘-๖๐๐๘๖๐๐๙


    ขอเชิญร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อสมทบทุนสร้างซุ้มประตู วัดป่าภูวังงาม อุดรธานี
    สอบถามรายละเอียดได้ที่
    081-739-9404 , 081-768-1557 ทุกวัน


    ขอเชิญร่วมซื้อดินสร้างทางเข้าวัด และปรับถมฐานศาลาเอนกประสงค์ คันรถละ 220 บาท
    โดยสามารถร่วมบริจาคปัจจัยซื้อดินถวายวัดได้ที่
    ธนาคารกรุงไทย สาขาบำเหน็จณรงค์
    ชื่อบัญชี พระธนนท์ ธฺมมสาโร เลขที่บัญชี 318-0-22031-7
    โทร 082-8672501


    ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดปัจจันตคาม จ.พังงา ครับ
    ติดต่อได้ที่ พระครูสมุห์สุเมธ ปริสุทโธ (โทร : 089-292-2499)
    หรือผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาพังงา เลขที่บัญชี 089-0-234-755


    ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมบุญสร้างพระพุทธทันใจ จำนวน ๙ องค์ หน้าตัก ๓๐ นิ้ว เพื่อความเป็นศิริมงคลแก่หน้าที่การงานและชีวิตให้ได้ประสบความสำเร็จได้รวดเร็วทันใจ โดยพระพุทธทันใจทั้ง ๙ องค์ จะถวายประดิษฐานเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนในวัด จำนวน ๙ วัด โดยสามารถร่วมเป็นเจ้าภาพได้องค์ละ ๑๓,๐๐๐ บาท หรือจะร่วมบุญสมทบในการสร้างพระพุทธทันใจตามกำลังทรัพย์ได้
    โดยท่านผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมบุญผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขาไชยปราการ ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี "กองทุนเพื่อการเผยแผ่ศีลธรรมวัดสันทราย" เลขบัญชี 545-0-14343-5 ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่.. พระครูวรสุตเขต โทร. 089-8523498

    ขอเชิญเป็นเจ้าภาพโรงทานและร่วมหล่อพระประธานในอุโบสถวัดธรรมยาน
    กำหนดพิธีเททอง
    วันเสาร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ เริ่มพิธีเวลา ๙.๐๐ หน้า มหาวิหารหลวงพ่อยิ้ม
    ประธานฝ่ายสงฆ์
    พระครูปลัดสุวัฒนสมาธิคุณ (อนันต์ พทฺธญาโณ)เจ้าอาวาสวัดท่าซุง
    ได้เมตตามาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์
    ประธานฝ่ายฆราวาส
    คุณ พิชิต ไม้พุ่ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท SCG ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างจำกัด
    และกลุ่มบริษัท SCG


    ขออนุญาตแนะนำแหล่งดาวโหลด VDO ธรรมะ และรวมลิ้งค์แจกซีดีธรรมะ
    เรียนเชิญได้ทีนี้ครับ
    YouTube - ‪ช่องของ siamglassa‬‏
    ท่านสามารถรับสมัครข้อมูลข่าวสารได้ตามลิ้งค์นี้ครับ
    YouTube - Broadcast Yourself

    ขอเชิญทำบุญร่วมทำบุญซื้อพระไตรปิฎกและอรรถกถาฉบับมหามกุฎถวายวัดก้อ จ.น่าน
    กรุณาติดต่อสอบถามรายละเอียดและบริจาคได้โดยตรงที่วัดก้อตำบลหนองแดง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่านหรือบริจาคโดยโอนผ่านธนาคารกรุงไทย สาขาน่านในชื่อบัญชี “วัดก้อ อ.แม่จริม” บัญชีเลขที่ 507-0-46851-0 ธนาคารกรุงไทยโทร.0861943286

    เชิญ บริจาคสมทบทุนพิมพ์หนังสือส่งเสริมความดี เรื่อง "แม่"
    หรือติดต่อสอบถามได้ที่โทร.0871377434>>

    ขอเชิญบริจาค เพื่อสมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ให้ รพ. ชายแดนไทย กัมพูชา


    เบอร์บัญชีพระอาพาธทั่วไทย
    smsทุกเครือข่าย พิมพ์ Rama ส่ง 4839000 ครั้งละ 3.- บาท ร่วมบุญซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้ตึกอาคารสมเด็จพระเทพรัตราชสุดา ร.พ. รามาธิบดี ยังขาดเงินซื้ออุปกรณ์การแพทย์อีกมาก
    จากมูลนิธิรามาธิบดี
    หรือโอนเข้าบัญชี
    ธ. กรุงเทพ
    เลขบัญชี 113-4-82999-1
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิรามาธิบดี "
    และที่
    ธ. ไทยพาณิชย์
    เลขบัญชี 026-4-26671-5
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิรามาธิบดี "
    ......................................................................
    1 ร.พ. สงฆ์ กรุงเทพ
    โทร02-2471825-6, 023544310
    ธ. กรุงไทย สาขาถนนศรีอยุธยา
    เลขบัญชี 013-1-85026-1
    ชื่อบัญชี " เงินบริจาคบำรุง ร.พ. สงฆ์ "
    ( หากต้องการใบอนุโมทนาแฟกซ์ใบโอนที่เบอร์ 02-3544273 )
    หลังแฟกซ์ใบโอนแล้วประมาณ 1 เดือนจะได้รับใบอนุโมทนาบัตร
    หมายเหตุ สามารถระบุหรือไม่ระบุก็ได้ 4 วัตถุประสงค์
    ค่าภัตตาหารและเลือด, ค่ายา, ค่าเวชภัณฑ์ และบำรุงทั่ว ๆ ไป
    เงินที่เข้าบัญชีนี้ ใช้นำไปรักษาพระสงฆ์อาพาธทันที
    ...................................................................................................
    2 มูลนิธิ ร.พ. สงฆ์ กรุงเทพ
    โทร 02-3544288 02-3544278
    02-6409537 02-3544293 ต่อ 4111 5125
    ธ. ทหารไทย สำนักพหลโยธิน
    เลขบัญชี 001-2-46180-2
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิ ร.พ. สงฆ์ "
    ( หากต้องการใบอนุโมทนาแฟกซ์ใบโอนทีเบอร์ 02-6449779 )
    หลังแฟกซ์ใบโอนแล้วประมาณ 2 สัปดาห์จะได้ใบอนุโมทนาบัตร
    [ 1,000.- บาทขึ้นไปตั้งชื่อกองทุนได้ จะได้รับใบเสร็จรับเงินและสะสมไป เมื่อไรถึง 5,000.- บาทจะได้รับใบอนุโมทนาบัตรอย่างแข็ง ]
    หมายเหตุ สามารถระบุหรือไม่ระบุก็ได้ มีหลายวัตถุประสงค์
    ค่าภัตตาหารและเลือด, ค่ายา, ค่ารักษา, ค่าเครื่องมือแพทย์และเวชภัณฑ์และบำรุงทั่ว ๆ ไป
    เงินที่เข้าบัญชีนี้ ใช้เฉพาะดอกผลเท่านั้น
    ...................................................................................................
    3 ร.พ. จุฬาฯ
    ตึกวชิรญาณวงศ์ ( หอสงฆ์อาพาธจุฬา )
    โทร 02-2564505, 02-2564382
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย
    เลขบัญชี 045-2-88000-6
    ชื่อบัญชี " สภากาชาดไทย "
    เมื่อโอนแล้วต้องแฟกซ์ทุกครั้งเพื่อแจ้งวัตถุประสงค์
    1.ระบุ 430-0321 " กองทุน 90 ปีเพื่อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และค่ายาสำหรับพระภิกษุอาพาธ และ ผู้ป่วยอนาถา "
    2.ระบุ 422-0075 " ค่ายา-เวชภัณฑ์-อุปกรณ์การให้โลหิตพระภิกษุอาพาธ "
    ร.พ. จุฬาฯ แฟกซ์ 02-2517901
    หลังแฟกซ์ใบโอนประมาณ 1 สัปดาห์จะได้รับใบเสร็จรับเงิน
    1,000.- บาทขึ้นไปรับใบอนุโมทนาใบใหญ่อย่างแข็ง
    20,000.- บาทขึ้นไปเมื่อแจ้งชื่อ-นามสกุลพร้อมรูปมีสิทธิ์สมัครเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์สภากาชาดไทย ได้รับสิทธิมากมายทั้งจาก ร.พ. จุฬาและ ร.พ. สมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา เช่น การลดราคาค่าห้องพักเมื่อเป็นผู้ป่วยในเป็นต้น
    ...................................................................................................
    4 ร.พ. ศิริราช
    โทร 02-4198514-7 ศิริราชมูลนิธิ
    ธ. กรุงศรีอยุธยา สาขาอรุณอัมรินทร์
    ประเภทบัญชีออมทรัพย์
    เลขบัญชี 157-1-08108-3
    ชื่อบัญชี " ศิริราชมูลนิธิ "
    4.1
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช
    ประเภทบัญชีกระแสรายวัน
    เลขบัญชี 016-3-00049-4
    ชื่อบัญชี " ศิริราชมูลนิธิ "
    .
    4.2
    ธ. ทหารไทย สาขาราชดำเนิน
    เลขบัญชี 002-2-60700-6
    ชื่อบัญชี " ศิริราชมูลนิธิ "
    .
    4.3
    ธ. กรุงเทพ สาขาตลิ่งชัน
    เลขบัญชี 211-0-15555-9
    ชื่อบัญชี " ศิริราชมูลนิธิ "
    .
    4.4
    ธ. กรุงไทย สาขาปิ่นเกล้า
    เลขบัญชี 031-004905-9
    ชื่อบัญชี " ศิริราชมูลนิธิ "
    เมื่อโอนแล้วต้องแฟกซ์ทุกครั้งเพื่อแจ้งวัตถุประสงค์ว่า
    เพื่อพระอาพาธศิริราช
    ที่เบอร์แฟกซ์ โทร 02-4112423
    ...................................................................................................
    5 ร.พ. วิชัยยุทธ
    โทร 02-6186200
    ธ. กรุงศรีอยุธยา สาขาคลองประปา
    ประเภทบัญชีฝากประจำ 12 เดือน
    เลขบัญชี 053-2-07758-2
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิเพื่อรักษาพยาบาลพระภิกษุอาพาธ ร.พ. วิชัยยุทธ "
    " MOONLANITHIPHUEPRAPISU... "
    แฟกซ์ 02-2781017
    ...................................................................................................
    6 ที่พักสงฆ์ ก.ม. 27
    เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อพระผู้ดูผมยังไม่ได้รับอนุญาตให้โพสต์ได้
    ธ. กรุงเทพฯ สาขาประชาชื่น
    เลขบัญชี 193-0-10107-4
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิจันทสาโร ( หลุยส์ ) "
    หากต้องการใบอนุโมทนากรุณาโทรศัพท์กราบเรียนถามพระว่าจะให้ทำอย่างไร หรือเขียนจดหมายถามพระ ที่อยู่ 75/15 ซอยแข็งขัน 3 ถนนพหลโยธิน ซอย 64 กทม
    ...................................................................................................
    7 ร.พ. ทุ่งเสลี่ยม จ. สุโขทัย
    โทร 055-659072
    ธ. กรุงเทพฯ สาขาทุ่งเสลี่ยม
    เลขบัญชี 460-0-02275-2
    ชื่อบัญชี " วัดพิพัฒน์มงคล "
    หากต้องการใบอนุโมทนากรุณาสอบถามก่อน
    จุดเด่นของหอสงฆ์อาพาธ ร.พ. ทุ่งเสลี่ยมคือการใช้แพทย์แผนไทยเข้าร่วมการรักษาด้วย เบอร์บัญชีนี้เป็นการสร้างอาคารหอสงฆ์อาพาธแบบชั้นเดียว จำนวน 30 เตียง งบประมาณ 9 ล้านบาท ( หากเงินเกินค่าก่อสร้างจะนำไปใช้ในการรักษาพระภิกษุสงฆ์และประชาชนต่อไป )
    จุดเด่นอีกประการหนึ่งคือ ท่านที่ร่วมทำบุญตั้งแต่ 1,000.- บาทขึ้นไปทางวัดพิพัฒน์มงคลจะมอบพระที่สะสมให้เป็นของที่ระลึก
    ขณะนี้ตึกสงฆ์อาพาธใกล้เสร็จแล้ว หากแต่ยังขาดปัจจัยค่าอาคารอยู่
    กำหนดการเปิดใช้อาคารสงฆ์อาพาธของ ร.พ. ทุ่งเสลี่ยม จะทำการเปิดให้บริการประมาณต้นปี 2553
    เมื่อโอนแล้วแฟกซ์ใบโอนที่แฟกซ์เบอร์ 055-659198
    หลังแฟกซ์ใบโอนประมาณ 1 สัปดาห์จะได้รับใบอนุโมทนาบัตร
    ...................................................................................................
    8 ร.พ. เลย
    อาคารสงฆ์อาพาธและผู้ป่วยใน 6 ชั้น 126 เตียง
    พื้นที่ใช้สอย 6,277.5 เมตร จำนวน 1หลัง
    ใช้ระยะเวลาดำเนินการก่อสร้าง 2 ปี (ปีงบประมาณ 2552-2553)
    งบประมาณการก่อสร้าง 70 ล้านบาท
    โดย พระราชญาณวิสุทธิโสภณ (หลวงปู่ท่อน ญาณธโร)
    ประธานที่ปรึกษาโครงการ
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขาภูเรือ ( จ. เลย )
    เลขบัญชี 758-2-00777-4
    ชื่อบัญชี " วัดป่าม่วงไข่ "
    ดำเนินการโดย หลวงพ่อขันตี ญาณวโร
    8.1
    ธ. กรุงไทย สาขาเลย
    เลขบัญชี 403-1-06404-7
    ชื่อบัญชี โรงพยาบาลเลย
    ในการโอนเงินเข้าบัญชีนี้ ต้องแจ้งทุกครั้งว่าเป็นการทำบุญสร้างหอสงฆ์อาพาธ
    ท่านที่ต้องการใบอนุโมทนาบัตรหรือใบตอบรับสามารถแฟกซ์แจ้งที่หมายเลข FAX : 042-862147 ทางโรงพยาบาลจะจัดส่งให้ตามชื่อที่อยู่และใบนำฝากที่ท่านแจ้ง
    ...................................................................................................
    9 งดรับบริจาครายการนี้ เพราะครบตามจำนวนและได้มอบตึกเรียบร้อยแล้ว
    ตึกพิเศษสงฆ์ 94 ปีหลวงปู่ศรี มหาวีโร ( 2 ) ร.พ. ศรีสมเด็จ ร้อยเอ็ด
    ...................................................................................................
    10 ร.พ. ศรีนครินทร์ ม. ขอนแก่น
    ธ. ทหารไทย สาขาบ้านผือ
    เลขบัญชี 362-2-36452-3
    ชื่อบัญชี " กองทุนหออภิบาลสงฆ์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ร.พ. ศรีนครินทร์ ในอุปถัมภ์วัดป่านาคำน้อย "
    บัญชีนี้อยู่ในการดูแลของหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก วัดป่านาคำน้อย
    .
    10.1 ร.พ. ศรีนครินทร์ ม. ขอนแก่น
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขา มหาวิทยาลัยขอนแก่น
    เลขที่บัญชี 551-408797-6
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิหออภิบาลสงฆ์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต "
    " LUANGPOOMUN P... "
    ทุกเดือนจะเบิกจ่ายค่ายา ค่ารักษาพระอาพาธจากบัญชีนี้ก่อน
    .
    10.2 ร.พ. ศรีนครินทร์ ม. ขอนแก่น
    โทร 043-366331
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขา ม. ขอนแก่น
    เลขบัญชี 551-2-99665-8
    ชื่อบัญชี " หอสงฆ์ตึก 19 ชั้น "
    บัญชีนี้หากไม่แจ้งวัตถุประสงค์จะใช้ในการซ่อมแซมบำรุงอุปกรณ์การแพทย์สำหรับหอสงฆ์
    ( หรือแจ้งเพื่อต้องการให้ใช้ในวัตถุประสงค์อื่นใดเกี่ยวกับสงฆ์อาพาธ )
    .
    10.3 ร.พ. ศรีนครินทร์ ม. ขอนแก่น
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขา ม. ขอนแก่น
    เลขบัญชี 551-2-450767
    ชื่อบัญชี " กองทุนหลวงปู่เทสก์ เทสรังสีเพื่อหอสงฆ์อาพาธ "
    กองทุนนี้จะถูกใช้เมื่อกองทุนอื่นเหลือน้อย
    หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
    นายนิโรจน์ ประจุดทะสี โทรศัพท์ 043-202-606 และ 043-366-335
    โอนแล้วขอสัญญาณแฟกซ์เบอร์ 043-202606 และ 043-366335
    หลังแฟกซ์ใบโอนประมาณ 1 สัปดาห์จะได้รับใบอนุโมทนาบัตร
    ...................................................................................................
    11 ร.พ. ๕๐ พรรษามหาวชิราลงกรณ จ. อุบลราชธานี
    โทร 045-319300-98
    ธ. กรุงเทพฯ สาขาบางรัก
    เลขบัญชี 242-0-14567-0
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิ ร.พ. ๕๐ พรรษามหาวชิราลงกรณ์ "
    11.1
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขารามาธิบดี
    เลขบัญชี 026-411418-8
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิ ร.พ. ๕๐ พรรษามหาวชิราลงกรณ์ "
    11.2
    ธ. ออมสิน สาขาสาทร
    เลขบัญชี 00-0017-20-051732-5
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิ ร.พ. ๕๐ พรรษามหาวชิราลงกรณ์ "
    11.3
    ธ. กรุงไทย สาขาการปิโตรเลียม
    เลขบัญชี 071-1-22388-2
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิ ร.พ. ๕๐ พรรษามหาวชิราลงกรณ์ "
    11.4
    ธ. กสิกรไทย สาขายานนาวา
    เลขบัญชี 013-2-64636-8
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิ ร.พ. ๕๐ พรรษามหาวชิราลงกรณ์ "
    11.5
    ธ. กรุงไทย สาขาสี่แยกกิโลศูนย์ จ. อุบลราชธานี
    เลขบัญชี 287-1-09806-9
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิ ร.พ. ๕๐ พรรษามหาวชิราลงกรณ์ "
    โอนแล้วแฟกซ์ 02-6739940-1
    หลังรับแฟกซ์ใบโอนประมาณ 1 สัปดาห์จะได้รับใบอนุโมทนาบัตร
    โทรศัพท์ 045-319399, 02-6739940-3
    ( รายการนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้างอาคารส่วนสุดท้ายและสวนสมุนไพรไทยที่ต่อไปภายภาคหน้าอาจเป็นแพทย์ทางเลือกอีกแผนหนึ่ง )
    สำนักงานมูลนิธิ ร.พ. 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ เลขที่ 1648 อาคารมหาเจษฏาบดินทร์ วัดยานนาวา แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
    เช็ค/ดร๊าฟ สั่งจ่ายในนาม
    " มูลนิธิ ร.พ. 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ "
    ธนาณัติ ปณ. กลาง 10501 สั่งจ่ายในนาม
    " มูลนิธิ ร.พ. 50 พรรษา มหาวชิราลงกรณ "
    ...................................................................................................
    12 ตึกสงฆ์อาพาธ ร.พ. อุดร ( ตึกสงฆ์อาพาธ ร.พ. อุดร ได้ครบ 500 ล้านบาทแล้ว )
    10 ชั้น 200 ล้านบาท
    ขณะนี้ทราบว่าได้เงินทำบุญ 335 ล้านบาทแล้วเมื่อ 30 มี.ค. 2553
    ค่าอุปกรณ์การแพทย์อีกประมาณ 300 ล้านบาท
    รวมเป็นประมาณ 500 ล้านบาท
    ขณะนี้มีผู้ร่วมบุญแล้ว 415 ล้านบาท
    ( เมื่อเดือน พ.ย. 2553 )
    โทร 042-348890 042-282258
    12.1
    ธ. กสิกรไทย สาขาเอกมัย
    เลขบัญชี 059-2-50100-9
    ชื่อบัญชี " ผ้าป่า 84,000 กอง ร.พ. อุดรธานีโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน "
    " PHAPA 84,000 UNIT UDONTANEE HOSPITAL ... "
    หรือ 12.2
    ธ. กสิกรไทย สาขาอุดรธานี
    เลขบัญชี 110-2-20733-3
    ชื่อบัญชี " ผ้าป่า 84,000 กอง ร.พ. อุดรธานีโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน "
    หรือ 12.3
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขาอุดร
    เลขบัญชี 510-4-18734-8
    ชื่อบัญชี " ผ้าป่า 84,000 กอง ร.พ. อุดรธานีโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน "
    ( โอนต่างสาขาไม่เสียค่าบริการ ถามได้ที่เคาน์เตอร์ธนาคาร )
    แฟกซ์ 042-244249
    ข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐวันที่ 19 ก.พ. 2554 อยู่ด้านล่างความคิดเห็นนี้ สรุปว่า ได้รับเงินบริจาคสร้างตึกสงฆ์อาพาธ รพ. อุดรธานีครบ 500 ล้านบาทแล้ว และยังมีเงินเกินอีก 29 ล้านบาทเศษจะได้ตั้งเป็นกองทุนมูลนิธิเพื่อสงฆ์อาพาธและประชาชนต่อไป
    รายละเอียดของข่าวไทยรัฐวันที่ 19 ก.พ. 54
    ข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐฉบับวันที่ 19 ก.พ. 2554
    พาดหัวข่าวว่า " ศรัทธาหลวงตามหาบัว สร้างตึกสงฆ์อาพาธสำเร็จ "
    สาธุชน ร่วมยินดี บริจาคเงินสมทบทุนสร้างตึกสงฆ์อาพาธได้ครบตามจำนวนตามเจตนารมณ์หลวงตามหาบัวได้สำเร็จ หลังยอดบริจาคเงินครบ 500 ล้านบาท..........
    เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ ( 19 ก.พ. 54 ) ที่วัดป่าเกสรศีลคุณ หรือ วัดป่าบ้านตาด ต. บ้านตาด อ. เมือง จ. อุดรธานี พุทธศาสนิกชนจำนวนมากยังหลั่งไหลมากราบสรีระสังขารหลวงตามหาบัวอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนเมรุชั่วคราวเจ้าหน้าที่ได้ประกาศขอแรงผู้มีจิตศรัทธา ช่วยหิ้วถุงดินสำเร็จไปเทบริเวณชั้นฐานของเมรุเพื่อปลูกหญ้า นอกจากนี้ยังมีรถรางของบริษัทรถรางชมเมืองสุโขทัยจำกัด จำนวน 3 คัน มาให้บริการรับส่งประชาชน จากสามแยกสุขสมบูรณ์ถึงประตูหน้าวัดระยะทาง 2 ก.ม. ซึ่งมีประชาชนสนใจใช้บริการจำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. เมือง อุดรธานีเป็นผู้ขับ
    ต่อมาเวลา 15.00 น. พระครูอรรถกิจนนทะคุณ หรือ พระอาจารย์นพดล นนทะโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ. กำแพงเพชร แถลงข่าวประจำวันว่า วันนี้มีข่าวดีมาแจ้ง โดยก่อนหน้านี้เมื่อปี 2552 หลวงตามหาบัวได้เปิดโครงการตึกสงฆ์อาพาธหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน 10 ชั้น ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ราคา 500 ล้านบาท แยกเป็นอาคาร 200 ล้านบาท อุปรกณ์การแพทย์ 300 ล้านบาท ผู้มีจิตศรัทธาต้องการทำบุญกับหลวงตาสามารถโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ชื่อบัญชี " ผ้าป่า 84,000 กอง รพ. อุดรธานีโดยหลวงตามหาบัว " ธ. กสิกรไทย สามาถเอกมัย เลขที่ 059-250-1009 ธ. กสิกรไทย สาขาอุดรธานี เลขที่ 110-220-7333 และ ธ. ไทยพาณิชย์ สาขาอุดรธานี เลขที่ 510-418-7348 หรือนำเงินสดมาถวายเข้าโครงการที่วัดป่าบ้านตาด
    และเมื่อหลวงตาละสังขารเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2554 ปรากฏว่าตึกสงฆ์อาพาธยังขาดเงิน 56 ล้านบาท ต่อมาหลวงปู่ลี กุสลธโร เจ้าอาวาสวัดภูผาแดง อ. หนองวัวซอ จ. อุดรธานี ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงตา ได้รับโครงการดังกล่าวไปสานต่อ โดยมีญาติโยมนำเงินและทองคำมาถวาย และยังมีศรัทธาญาติโยมโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารทั้ง 3 บัญชีกันอย่างต่อเนื่อง เพราะศิษยานุศิษย์และศรัทธาญาติโยม ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ต้องการให้หลวงตาเป็นหนี้ ต้องการปลดหนี้ให้หลวงตาโดยเร็วที่สุด
    จนกระทั่งวันที่ 19 ก.พ. 54 สามารถสรุปยอดเงินโครงการตึกสงฆ์อาพาธได้ที่ 529,119,697.- บาท นั้นก็หมายความว่า หลวงตาหมดหนี้แล้ว ไม่มีหนี้สินผูกพันกับใครสมปราถนาที่เคยกล่าววาจาสัตย์ เราสามารถปิดโครงการตึกสงฆ์อาพาธได้แล้ว และยังมีเงินเกินงบอีก 29,119,697.- บาท ซึ่งหลวงตาเคยพูดไว้ว่า ถ้าเงินเหลือจะตั้งมูลนิธิตึกสงฆ์อาพาธ เพื่อประชาชนทั่วไปทั้งหมด ซึ่งคณะสงฆ์และคณะกรรมการพินัยกรรม จะได้ประชุมปรึกษาหารือกันต่อไป หลังจบการแถลงข่าวศิษยานุศิษย์ที่นั่งอยู่ในศาลาการเปรียญและศาลานอก ต่างยกมือสาธุด้วยความยินดี ส่วนยอดเงินทำบุญหลวงตาตามพินัยกรรม เงินสด เงินโอน เช็ค รวม 3 บัญชีวันที่ 19 ก.พ.54 รวมเป็นเงิน 172,821,333.95 บาท
    ...................................................................................................
    13 มูลนิธิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    โทร 02-4122752
    ธ. กรุงเทพฯ สาขาบางกอกน้อย
    เลขบัญชี 119-0-20013-7
    ชื่อบัญชี " น.ส. มานี ตั้งตรงจิต "
    โอนแล้วต้องแฟกซ์ทุกครั้งเพื่อแจ้งวัตถุประสงค์ที่แน่ชัด หากไม่ชัดบัญชีนี้จะเป็นค่ารถ ค่าเดินทางแก่พระ หรือค่าฟอกเลือด หรืออื่น ๆ
    .
    13.1 มูลนิธิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    ธ. กสิกรไทย สาขาพรานนก
    เลขบัญชี 019-2-27502-4
    ชื่อบัญชี " มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต "
    โอนแล้วต้องแฟกซ์ทุกครั้งเพื่อแจ้งวัตถุประสงค์ที่แน่ชัด หากไม่ชัดบัญชีนี้จะเป็นค่าจัดถวายภัตตาหารเลี้ยงพระที่มาพักหรือค่าอื่น ๆ
    .
    13.2 มูลนิธิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    ธ. นครหลวงไทย สาขาจรัลสนิทวงศ์ 35
    เลขบัญชี 048-2-31975-9
    ชื่อบัญชี " น.ส. มานี ตั้งตรงจิต "
    บัญชีนี้หากโอนแล้วไม่แฟกซ์แจ้ง เงินบริจาคในบัญชีนี้จะถูกนำไปใช้เกี่ยวกับพระสงฆ์อาพาธโดยตรง เช่น ค่าฟอกไต ( พระภิกษุที่ล้างไตสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ) ค่ารถค่าเดินทาง ค่ายานพาหนะที่มูลนิธิใช้รับส่งพระอาพาธฉุกเฉินไป ร.พ. ศิริราชพยาบาล เมื่อค่อยยังชั่วก็ย้ายไปอยู่ ร.พ. สงฆ์
    .
    13.3 มูลนิธิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
    ทางมูลนิธิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้วางมัดจำที่ดินไว้ 341 ตรว. เป็นเงิน 500,000.- บาท ถึงวันที่ 24 ก.ย. 2552 ได้รับเงินบริจาคเพื่อการนี้แล้ว 1 ล้านบาทเศษ ยังขาดปัจจัยอีกประมาณ 14 ล้านบาท จะถึงกำหนดโอนเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2553 จึงหวังในความศรัทธาที่ทุกท่านได้มอบให้แก่มูลนิธิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตที่ได้รับใช้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั่วไป โดยเฉพาะสายหลวงปู่มั่นและสายวัดป่า
    จึงขอเรียนเชิญท่านที่มีกำลังศรัทธา กำลังทรัพย์ร่วมทำบุญเพื่อซื้อที่ดินเพิ่ม โดยโอนเงินเข้าบัญชี
    ธ. กรุงเทพ สาขาแม็คโครจรัลสนิทวงศ์ 37
    เลขบัญชี 086-0-18034-8
    ชื่อบัญชี " น.ส. มานี ตั้งตรงจิต "
    หรือ
    .
    13.4
    ธ. กรุงไทย สาขาแม็คโครจรัลสนิทวงศ์ 37
    เลขบัญชี 864-0-03399-4
    ชื่อบัญชี " น.ส. มานี ตั้งตรงจิต "
    บัญชีทั้ง 2 เลขด้านบนนี้ใช้เฉพาะการซื้อที่ดินเพิ่มให้แก่มูลนิธิเท่านั้น
    ...................................................................................................
    14 ร.พ. ไทยนครินทร์ ถนนบางนา-ตราด ก.ม. 3.5
    โทร 02-3612727 ต่อ 3316
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขาบางนา-ตราด ก.ม. 3.5
    เลขบัญชี 117-2-06999-4
    ชื่อบัญชี " กองทุนหลวงพ่อพุธ ฐานิโยเพื่อพระอาพาธ "
    " BUDDHA FOUNDATION ... "
    โอนแล้วต้องแฟกซ์แจ้ง 02-3612777
    ...................................................................................................
    15 กองทุนโลกทิพย์
    โทร 02-2483291-3
    ธ. กสิกรไทย สาขาอโศกดินแดง
    เลขบัญชี 049-2-08708-6
    ชื่อบัญชี " มงคล เนินอุไร "
    โอนแล้วต้องแฟกซ์เพื่อแจ้งวัตถุประสงค์ทุกครั้งว่า เพื่อพระอาพาธ
    แฟกซ์เบอร์ 02-2466463
    ( รายการนี้หากมีพระอาพาธไม่มีค่าเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อการรักษาหรือค่าอื่นใด รวมทั้งค่ารักษาสามารถโทรไปแจ้งและขอได้โดยผู้ขอไม่จำเป็นต้องเป็นพระที่ป่วย เพียงแต่ทำตามกติกาของโลกทิพย์เท่านั้น )
    ...................................................................................................
    16 ร.พ. รามาธิบดี
    ตึกใหม่ตึกศูนย์การแพทย์สิริกิตต์
    โทร 02-2011205 02-2012522 02-2011655
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขารามาธิบดี
    เลขบัญชี 026-2-58200-0
    ชื่อบัญชี " ศูนย์การแพทย์สิริกิตต์ "
    โอนแล้วแฟกซ์เบอร์ 02-2011481
    ( รายการนี้ไม่สามารถระบุว่า เพื่อพระอาพาธได้ เพราะเป็นรายการสร้างตึกใหม่ ตึกศูนย์การแพทย์สิริกิตต์ ตึกนี้สร้างเพื่อสาธารณโดยพระภิกษุสงฆ์สามารถมาใช้ได้ด้วย แต่ไม่สามารถว่าจะระบุให้เฉพาะพระสงฆ์ได้ )
    ...................................................................................................
    17 ร.พ. บ้านม่วง อ. บ้านม่วง จ. สกลนคร
    สร้างตึกสงฆ์อาพาธ 2 ชั้น 60 เตียง
    ธ. กรุงเทพฯ สาขาบ้านม่วง
    เลขบัญชี 636-0-19053-9
    ชื่อบัญชี " หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท "
    หลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท วัดบ้านดงหวาย อ. บ้านม่วง จ. สกลนคร
    ...................................................................................................
    18 ร.พ. พิจิตร
    ตึกสงฆ์อาพาธและหออายุกรรม
    โทร 056-611230 ต่อ 1311
    ขณะนี้ตึกสงฆ์อาพาธได้สร้างเสร็จแล้ว 90% เศษ
    และปิดรับเงินบริจาคร่วมทำบุญสร้างตึกสงฆ์อาพาธแล้ว
    หากแต่ทางโรงพยาบาลยังขาดเงินในการจัดหาซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อตึกสงฆ์อาพาธหลังนี้อยู่ ดังนั้นทางโรงพยาบาลจึงได้เปิดบัญชีเพื่อเปิดรับเงินบริจาคร่วมทำบุญจัดหาซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ และหวังในจิตศรัทธาของทุก ๆ ท่าน โดยท่านสามารถโอนเงินเข้าบัญชี
    ธ. กรุงไทย สาขาพิจิตร
    เลขบัญชี 610-0-22081-4
    ชื่อบัญชี " กองทุนซื้อคุรุภัณฑ์ทั่วไปและอุปกรณ์การแพทย์ "
    โอนแล้วแฟกซ์ใบโอนที่แฟกซ์เบอร์ 056-611311
    1,000.- บาทขึ้นไปได้รับใบตอบขอบคุณและใบอนุโมทนา
    ...................................................................................................
    19 หลวงพ่อทอง จันทสิริ ( เจ้าอาวาสวัดอโศการาม )
    หลังการผ่าตัดเนื้องอกในกระเพาะอาหาร ท่านต้องฉันยา Glivec 1 เม็ดทุกวัน เม็ดละ 3,891.- บาท
    ธ. กรุงไทย สาขาศรีนครินทร์ ก.ม. 14
    เลขบัญชี 253-0-11039-5
    ชื่อบัญชี " พระทอง นารีวงษ์ "
    ( รายการนี้ไม่ออกใบอนุโมทนานะครับ )
    ...................................................................................................
    20 หลวงปู่ถนอม ฐิติธัมโมผู้ผจญวิบากขันติบารมี
    ชื่อบัญชีคุณอาภา ก้องสนาม
    ธ. กสิกรไทย
    เลขที่ 523-2-06789-8
    ...................................................................................................
    21 สร้างตึกสงฆ์อาพาธ ร.พ. แม่ทา จ. ลำพูน
    22 เตียง งบ 6 ล้านบาท
    ค่าอาคาร 5 ล้านบาท ค่าอุปกรณ์ 1 ล้านบาท
    ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ และ
    ครูบาคำตั๋น ปัญโญ วัดหม่อนปู่อิ่น อ.ดอยหล่อ
    ได้เมตตาเป็นประธาน
    .
    21.1
    ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ สาขาแม่ทา จ.ลำพูน
    ชื่อบัญชี : กองทุนสร้างตึกสงฆ์อาพาธ รพ.แม่ทา
    เลขที่บัญชี : ออมทรัพย์ เลขที่ 447-2-66049-1
    ตอนนี้โรงพยาบาลได้เปิดบัญชีเงินฝากอีกบัญชี ดังนี้
    .
    21.2
    ธนาคารกรุงไทย สาขาแม่ทา จ. ลำพูน
    เลขที่ 531-0-09861-5
    ชื่อบัญชี "กองทุนตึกสงฆ์อาพาธโรงพยาบาลแม่ทา"
    โรงพยาบาลแม่ทา โทร. 053-976-000
    ถึงวันที่ 23 ก.ย. 2552 ได้รับเงินบริจาคแล้วประมาณ 2 แสนบาทเศษ
    โอนแล้วแฟกซ์ใบโอนที่แฟกซ์เบอร์ 053-976019
    ...................................................................................................
    22 ตึกผู้ป่วยโรคเรื้อรังและเครื่องมือแพทย์ ร.พ. สมเด็จพระยุพราชสว่างแดนดิน
    โครงการตลอดปี 2554 ถึง 2555 งบประมาณรวม 8.5 ล้านบาท
    ร่วมทำบุญสร้างตึกอุบัติเหตุถวายเป็นสังฆทาน เมื่อสร้างเสร็จแล้วพระสงฆ์จึงบริจาคให้กับโรงพยาบาลต่อไป ทำให้ได้บุญหลายต่อ
    และถ้าท่านต้องการรับใบอนุโมทนาบัตรเพื่อไปลดหย่อนภาษี โปรดส่งสลิปการโอนเงินพร้อมชื่อที่อยู่ของท่านกลับมาที่หมายเลขแฟกซ์ 02-528-5840
    ติดต่อสอบถามได้ที่
    พระอาจารย์ทองปาน จารุวณฺโณ 081-290-0519
    ผศ. ยุวดี ชาติไทย ( ร.พ.ศิริราช ) 089-816-4343
    คุณเกรียงไกร โสมนิล โทร 089-897-8008
    ร่วมทำบุญได้โดยโอนเงินเข้า
    บัญชีออมทรัพย์
    ธนาคารไทยพาณิชย์
    สาขาศิริราช
    ชื่อบัญชี " กองทุนทำบุญถวายพระกรรมฐาน "
    เลขที่ 016-4-1-07801-8
    ...................................................................................................
    23 รพ. แม่สอด
    175/16 ถ. ศรีพานิช อ. แม่สอด จ. ตาก
    หอสงฆ์ของ ร.พ. แม่สอดมีห้องพิเศษสำหรับพระภิกษุ 10 ห้องและมีเตียงสำหรับพระภิกษุอาพาธธรรมดาอีก 5 เตียง
    ฝ่ายการเงินและพัสดุ
    โทร 055-542736
    ธ. กรุงไทย สาขาแม่สอด
    เลขบัญชี 604-1-52689-4
    ชื่อบัญชี " เงินบริจาคเพื่อ ร.พ. แม่สอด "
    ต้องระบุวัตถุประสงค์ว่า เพื่อพระอาพาธ ร.พ. แม่สอด หรือจะแบ่งย่อยวัตถุประสงค์ดังนี้
    บริจาคเพื่อค่ายาม ภัตตาหาร, เวชภัณฑ์หรือรวม ๆ กันเพื่อพระอาพาธ ร.พ. แม่สอด
    โทรสาร 055-542735
    หลังแฟกซ์ใบโอนประมาณ 1 สัปดาห์จะได้รับใบอนุโมทนาบัตร
    ...................................................................................................
    24 รพ. มหาราชนครเชียงใหม่
    110 ถ. อินทวโรรส อ. เมือง จ. เชียงใหม่
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขาคณะแพทยศาสตร์จังหวัดเชียงใหม่
    เลขบัญชี 566-2-02332-1
    ชื่อบัญชี " ทุนนิธิสงฆ์ รพ. มหาราชนครเชียงใหม่ "
    รศ.นพ.วัฒนา นาวาเจริญ
    ผู้อำนวยการ รพ. มหาราชนครเชียงใหม่
    งานประชาสัมพันธ์
    โทร 053-945672
    โอนแล้วแฟกซ์ใบโอนที่แฟกซ์เบอร์ 053-947888 ( งานคลัง )
    500.- บาทขึ้นไปได้รับใบตอบรับ
    1,000.- บาทขึ้นไปได้รับใบอนุโมทนาบัตร
    หลังแฟกซ์ใบโอนแล้วประมาณ 20 วันจะได้รับใบเสร็จรับเงิน
    ...................................................................................................
    25 ร.พ. สมเด็จพระยุพราชปัว
    70 ม.6 ต. วรนคร อ. ปัว จ. น่าน 55120
    กองทุนรักษาสงฆ์
    ฝ่ายบริหารทั่วไป
    โทร 054-791104, 756407 ต่อ 203
    โทรสาร 054-791225
    ...................................................................................................
    26 ร.พ. สงขลา
    666 หมู่ที่ 2 ต. พะวง อ. เมือง จ. สงขลา 90100
    ธ. กรุงเทพ สาขาห้าแยกจังหวัดสงขลาสะพานติณลสูลานนท์
    เลขบัญชี 499-0-45563-8
    ชื่อบัญชี " กองทุนตึกสงฆ์อาพาธ ร.พ. สงขลา "
    ฝ่ายบริหารทั่วไป
    โทร 074-338100 ต่อ 1939, 1049
    โทรสาร 074-480058
    หลังแฟกซ์ใบโอนประมาณ 1-2 สัปดาห์จะได้รับใบอนุโมทนาบัตร
    มูลนิธิตึกพยาบาลสงฆ์โรงพยาบาลสงขลา ใคร่ขอให้พระภิกษุ สามเณร อุบาสิกา ( แม่ชี ) ที่เข้ารับการรักษาที่ ร.พ. สงขลา เตรียมบัตรทอง และ ใบสุทธิ หรือใบบวชของแม่ชี มาแสดงเพื่อใช้สิทธิ ในกรณีที่ทางโรงพยาบาลสามารถใช้สิทธิบัตรทองได้ ก็จะเลือกใช้สิทธิบัตรทองก่อน ส่วนค่ายาหรือค่าอุปกรณ์ที่บัญชีบัตรทองไม่ครอบคลุม ทางกองทุนตึกสงฆ์อาพาธจะออกในส่วนเกินนั้นให้ ในกรณีใช้บัตรทองไม่ได้ก็จะใช้ใบสุทธิหรือใบบวช โดยกองทุนตึกสงฆ์อาพาธ ร.พ. สงขลาจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้เช่นกัน
    ...................................................................................................
    27 ร.พ. คลองสาน อ. คลองสาน จ. ชัยภูมิ
    หลวงพ่อสายทอง ลูกศิษย์หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    เมตตาเป็นประธานที่ปรึกษาฝ่ายสงฆ์
    ดำริสร้างโรงพยาบาลคลองสานขึ้นที่อำเภอคลองสานจังหวัดชัยภูมิ
    งบประมาณ 40 ล้านบาท ขณะนี้มีผู้ร่วมบุญไปแล้วประมาณ 38 ล้านบาท ยังขาดปัจจัยอีกประมาณ 2 ล้านบาท
    กล่องตู้รับบริจาคตั้งอยู่ที่มูลนิธิหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จรัลสนิทวงศ์ 37
    ( ผมยังไม่ทราบเบอร์บัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้อง )
    ...................................................................................................
    28 "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์ สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร"
    (pratom foundation)
    ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส)
    บัญชีออมทรัพย์ หมายเลข 348-1-23245-9
    ...................................................................................................
    29 โครงการ:สังฆทานยาสามัญเพื่อวัด/สถานปฏิบัติธรรมที่กันดารทาง EMS
    วัตถุประสงค์ : เพื่อจัดหายาสามัญประจำบ้านคุณภาพสูงถวายแด่วัด สำนักสงฆ์ สำนักปฏิบัติธรรมที่กันดารทมายังสถานพยาบาลได้ลำบาก
    ผู้รับผิดชอบโครงการ : นพ. ศุภชัย โรจน์ขจรนภาลัย
    e-mail ติดต่อ :rojkajorn@hotmail.com
    งบประมาณ: สังฆทาน 1 ชุด รวมค่าจัดส่งและกล่องโดยประมาณ 1,000บาท x100 วัด = 100,000 บาท ( มี waiting list อีก 145 วัด =145,000 บาท ขึ้นกับงบประมาณว่ามีเพียงพอหรือไม่) จัดส่งแล้ว 200 กว่าวัด/สำนัก
    ชื่อบัญชี
    นายศุภชัย โรจน์ขจรนภาลัย เพื่องานพระพุทธศาสนา
    ธ. ไทยพาณิชย์ สาขา เทสโก้ โลตัส รัตนาธิเบศร์
    บัญชี ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 401-930333-4
    ( ขณะนี้กำลังรวบรวมปัจจัยเพื่อวัด 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 200 กว่าวัด )
    ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2553 จนกว่าจะได้ครบ 200,000.- บาทเศษ ขณะนี้ได้แล้ว 100,000.- บาท
    ...................................................................................................
    30 โรงพยาบาลนครพนม
    โทร.0-4252-0868 ต่อ 1111, 2222, 3333, 4444
    ธ. กรุงไทย (สาขานครพนม)
    ชื่อบัญชี "กองทุนปรับปรุงห้องพิเศษสงฆ์"
    เลขที่บัญชี 408-035531-9
    ***********************************************************************
    31 รพ. สมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย
    อ. ด่านซ้าย จ. เลย
    โทร 042-891314 และ 042-891276
    ศูนย์ประกันสุขภาพ รพ. สมเด็จพระบยุพราชด่านซ้าย โทร 042-891276 ต่อ 555
    ธ. กรุงไทย สาขาด่านซ้าย
    เลขบัญชี 433-1-20727-7
    ชื่อบัญชี " กองทุนพระราชทานเพื่อสงเคราะห์คนยากจนในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี "
    **********************************************************************
    32 เชิญร่วมทำบุญซื้อที่ดินเพื่อขยายที่พักสงฆ์สุจิตรา พุทธมณฑล สาย 2 กรุงเทพฯ
    ที่พักสงฆ์สุจิตราสร้างขึ้นตามดำริหลวงปู่หลุยส์ จันทสาโร วัดถ้ำผาบึ้ง จ. เลย ต้องการขยายพื้นที่เพื่อให้เพียงพอต่อคณะสงฆ์และญาติโยม จำนวน 1 ไร่ 300 ตารางวา ตรว.ละ 15,000.- บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10 ล้าน 5 แสนบาท โอนเข้าบัญชี
    ธ. กรุงเทพ สาขาวังสะพุง จ. เลย
    บัญชีเลขที่ 416-0-68760-6
    ชื่อบัญชี พระอาจารย์ไสว งามศิริ
    ****************************************************************
    33 วัดปันเสา เชียงใหม่ เป็นวัดที่ได้รับพระเมตตาจากสมเด็จพระสังฆราชฯ โปรดประทานผ้ากฐินหลวงมาทอดถวายเมื่อตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา วัดนี้ทราบว่าเมื่อมีพระอาพาธจากโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จะถูกส่งตัวมาพำนักรักษาตัวที่นี่
    ปัจจัยที่ทุกท่านได้ร่วมทำบุญ จะถูกนำมาสร้างอาคารเอนกประสงค์ เพื่อรองรับพระสงฆ์ที่มารอรับการรักษา พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุ บุคคลใดได้ดูแลพระภิกษุอาพาธ บุคคลนั้นดุจเป็นผู้ดูแลเราตถาคต" นั่น หมายความว่า เราได้สร้างบุญที่ยิ่งใหญ่เปรียบประหนึ่ง ว่า ได้อุปัฐฐากพระพุทธเจ้าด้วยตัวของเราเอง
    ร่วมทำบุญได้ด้วยตนเองที่
    ศุนย์ปฏิบัติธรรมวัดปันเสา(พันเส่า) ภายในศูนย์มาลาเรีย เขต 2 จ.เชียงใหม่ ถนนบุญเรืองฤิทธิ์ ตำบลสุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ โทร 053-289155
    หรือ ผ่านทางธนาคาร
    ชื่อบัญชี ศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดปันเสา โดยพระมหาอาวรณ์ ภูริปญโญ
    ธนาคารกรุงไทย สาขาพระสิงห์ บัญชีออมทรัพย์
    เลขที่ 540-0-155766

    หลังจากโอนแล้ว กรุณาแจ้งชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และจำนวนปัจจัยบุญที่ร่วมทำบุญ เพื่อทางวัดจักได้จัดทำใบอนุโมทนาบัตร พร้อมส่งของที่ระลึกให้แก่ท่านตามลำดับต่อไป
    เบอร์โทรวัด โทรศัพท์ 053-289155, 08-9756-6219

    ขอประชาสัมพันธ์อีกนิด เนื่องจากมีพระที่อาพาธหลายองค์ ปัจจัยเรื่องสบงจีวร ยารักษาโรค ก็ขาดแคลน จัดส่งทางไปรษณีย์ก็ได้

    เทศกาลปีใหม่ตรุษจีนไม่ได้ไปไหน ก็เรียนเชิญ ร่วมทำบุญกันที่นี่ได้ ปัจจัยที่ได้ สร้างอาคารให้พระอาพาธ
    ***********************************************************************
    34 ซื้อเครื่องล้างไตให้แก่คนป่วยโรคไตเรื้อรัง ที่มูลนิธิศรีรัตนโกสินทร์
    (ในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี)
    วัดสุทธาราม สำเหร่ ซอยตากสิน 19 เขตคลองสาน ในโอกาสครบ 28 ปี
    ในวันพุธที่ 14 กรกฎาคม 2553 (เข้าซอยประมาณ 700 เมตร)
    เปิดเป็นคลีนิครักษาโรคทั่วไปฟรีแก่คนยากไร้
    และฟอกเลือดด้วยเครื่องฟอกไตให้แก่คนป่วยและพระสงฆ์ที่เป็นโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย
    มูลนิธิมีเครื่องจำนวน 25 เครื่อง ช่วยเหลือคนยากไร้ได้ประมาณ 75 คนต่อวัน
    (ฟอกไตวันละ 3 รอบ ตั้งแต่ 6.00-19.00 น.)
    สนใจสอบถามขอมูลเพิ่มเติม โทร 02 438 4575 วัดสุทธาราม
    ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบ/ช มูลนิธิศรีรัตนโกสินทร์
    ประเภท ออมทรัพย์ เลขที่บ/ช 113-116081-3
    สำหรับท่านที่ต้องการใบอนุโมทนาบัตรให้สำเนาใบโอนเงิน Fax ไปที่ 02-4379678
    บ/ชนี้เป็นบ/ช สำหรับซื้อเครื่องล้างไตโดยเฉพาะ ไม่ปนกับรายจ่ายด้านอื่น
    บัญชีนี้ขณะนี้ซื้อเครื่องล้างไตเพิ่มได้แล้ว 8 เครื่องยังขาดอีก 8 เครื่อง
    ( เมื่อครบ 16 เครื่องแล้วจะปิดบัญชีเองอัตโนมัติ )
    ***********************************************************************
    35 มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย ตึกธนาคารไทยพาณิชย์ โรงพยาบาลศิริราช
    โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์
    35.1 ธ.ไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 016-2-72555-4 สาขาศิริราช
    ชื่อบัญชี มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย
    35.2 ธ.ทหารไทย เลขที่บัญชี 085-2-15222-2 สาขาศิริราช
    ชื่อบัญชี มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย
    เมื่อโอนเงิน ขอความกรุณาส่งสำเนาใบฝากไปที่โทรสาร 02-412-9717
    ***********************************************************************
    36 ตั้งแต่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๓ เป็นต้นมา พระอาจารย์ ดร.ปพนพัชร์ ภิบาลพักตร์นิธี เจ้าอาวาสวัดคำประมง ผู้ก่อตั้งอโรคยศาล ได้จัดตั้งมูลนิธิอภิญญาณอโรคยศาลขึ้น ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง โดยไม่เน้นเชื้อชาติ ศาสนา หรือลัทธิทางการเมือง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ในการก่อตั้งมูลนิธิอภิญญาณอโรคยศาล ทางมูลนิธิฯ ต้องเปิดบัญชี เพื่อเป็นหลักทรัพย์และค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งต่อไป
    ด้วยเหตุนี้จึงต้องรบกวนทุกท่านที่ประสงค์จะบริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยผ่านทางมูลนิธิอภิญญาณอโรคยศาล โดยโอนผ่านบัญชี
    ธนาคารกรุงไทย สาขาสกลนคร
    ชื่อบัญชีมูลนิธิอภิญญาณอโรคยศาล
    บัญชีเลขที่ 412-0-49694-5
    ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ หลังจากที่ท่านได้โอนเงินบริจาคเข้าบัญชีมูลนิธิฯ เรียบร้อยแล้วโปรดกรุณา แฟกซ์ใบโอนเงิน หรือ กรุณาช่วยแจ้ง ชื่อ – นามสกุล ของท่าน ผ่านทาง แฟกซ์ หมายเลข 042 -779 -276,
    อีเมล indyzoey@gmail.com, โทรศัพท์ หรือ sms มายังหมายเลข 08- 5119- 2775
    และหากท่านต้องการใบอนุโมทนาบัตรจากมูลนิธิฯ เพื่อลดหย่อนภาษี
    หรือ เก็บไว้เป็นหลักฐาน ในระหว่างนี้ทางมูลนิธิอภิญญาณอโรคยศาล ต้องรบกวนใช้ใบอนุโมทนาบัตรของอโรคยศาล วัดคำประมง ซึ่งใช้ได้เหมือนกัน
    สำหรับท่านผู้บริจาคที่ไม่ประสงค์จะออกนาม หรือไม่สะดวกในการแจ้งกลับ แต่ต้องการช่วยเหลือทางมูลนิธิฯ ต้องกราบขออภัยอย่างยิ่งที่รบกวนประชาสัมพันธ์ข่าวมา ณ โอกาสนี้ และขออนุโมทนาบุญมายังทุกท่านที่เมตตาขอให้มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปราศจากโรคภัย อันตรายใดๆ เจริญยิ่งๆ ขึ้นทุกประการเทอญ
    ด้วยจิตคารวะยิ่ง
    น.ส.มณี วรรธนเจริญกิจ
    กรรมการเลขานุการมูลนิธิอภิญญาณอโรคยศาล
    และปฏิบัติการแทนเหรัญญิก
    วัดคำประมง
    ***********************************************************************
    37
    ธนาคารกสิกรไทย สาขาเกาะสีชัง
    ชื่อบัญชี : กองทุนบริจาคเครื่องตรวจตาโรงพยาบาลเกาะสีชัง
    เลขที่บัญชี : 334-2-14411-9
    เครื่องตรวจจอประสาทตา (FUNDUS CAMERA) ราคา 1,200,000 บาท
    เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 53 ยังขาดอีก 1 ล้านบาท
    รบกวนส่งรายชื่อ พร้อมที่อยู่ของผู้บริจาคมาทาง e-mail : j-delight@hotmail.com
    ทางโรงพยาบาลเกาะสีชังจะจัดส่งใบอนุโมทนาและจารึกรายชื่อผู้บริจาคไว้ผนังที่ห้องตรวจของโรงพยาบาลเกาะสีชัง
    นพ.เจตพัฒน์ ทวีโภคา
    089-4005352
    โรงพยาบาลเกาะสีชัง อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี
    ***********************************************************************
    38 ร่วมบุญกองทุน"กรุณาธรรม"
    เพื่อดูแลรักษาพระภิกษุสามเณรผู้อาพาธ
    ณ สำนักปฏิบัติธรรมบ้านบึงตาจันทร์ ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ปัจจุบันที่สำนักปฏิบัติธรรมบ้านบึงตาจันทร์มี พระภิกษุกำลังอาพาธอยู่ ต้องไปโรงพยาบาลเกือบทุกวัน จึงทำให้พิจารณาเห็นความจำเป็นในเรื่องตั้งกองทุน เพื่อดูแลรักษาพระภิกษุ สามเณร ผู้อาพาธ "เป็นเรื่องรีบด่วนที่่สุด"
    -ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขา พนมสารคาม
    -ชื่อบัญชี พระปราโมทย์ ศรีบุญเลิศ และโกศล เกษร (กองทุนกรุณาธรรม)
    -เลขบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เลขที่ 494-2-10308-8
    -ติดต่อ.โทร 081-073-103-6 พระอาจารย์ ปราโมทย์ อนาวิโล (ประธานสงฆ์)
    สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมบ้านบึงตาจันทร์ 43/4ม.1. ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ. ฉะเชิงเทรา 24120
    mail pra-phaisit@hotmail.com
    **************************************************************
    40 ร่วมกุศลสร้างตึกอาพาธโรงพยาบาลเชียรใหญ่
    งบประมาณก่อสร้าง 1,850,621.86 บาท
    ยอดบริจาค ณ ปัจจุบัน (12 มกราคม 2554 )1,221,760.73 บาท
    ท่านสามารถบริจาคโดยช่องทางดังต่อไปนี้
    1.โอนเงินเข้าบัญชี
    ชื่อบัญชี “กองทุนตึกสงฆ์ อาพาธ โรงพยาบาลเชียรใหญ่”
    เลขที่ 05-3300-55-237-8
    ธนาคาร ออมสิน สาขาเชียรใหญ่
    กรุณาส่งเอกสารใบโอนเงินมาที่เบอร์โทรสาร 0-7538-6123
    ดาวน์โหลดแบบฟอร์มการบริจาค
    2. บริจาคด้วยตนเอง
    ที่ ห้องบริหาร โรงพยาบาลเชียรใหญ่



    เชิญร่วมบุญซื้อที่ดินเพื่อสร้างสวนธรรม
    พระครูวรสุตเขต โทร. 089-8523498 e-mail..dhamsan4@gmail.com

    เชิญทุกท่านร่วมรับฟังการแสดงธรรม จากครูบาอาจารย์ ณ มูลนิธิบ้านอารีย์
    วันอังคารที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๔
    เชิญร่วมฟังการแสดงธรรม โดย
    หลวงพ่อสมบูรณ์ ฉตฺตสุวณฺโณ
    สำนักปฏิบัติธรรมวัดถ้ำเขาพระ กระบี่
    ณ ศาลาปันมี บ้านอารีย์
    เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น.

    วันพฤหัสบดีที่ ๑๖มิถุนายน ๒๕๕๔
    เชิญร่วมฟังการแสดงธรรม โดย
    พระอาจารย์พรพล ปสันโน
    วัดพระรามเก้ากาญจนาภิเษก กทม.
    ณ ศาลาปันมี บ้านอารีย์
    เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น.

    วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๔
    เชิญร่วมฟังการแสดงธรรม โดย
    พระครูฌานวิรัติ (หลวงพ่อ
    พระมหาประเสริฐ กตติเสฎโฐ)
    วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กทม.
    ณ ศาลาปันมี บ้านอารีย์
    เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น.
    *สวดมนต์แปล นำสวดโดย
    พระอาจารย์โสภณ ฉนฺทธมฺโม
    กิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สามของเดือน
    เวลา ๐๙.๓๐-๑๑.๐๐ น.
    *ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหาร
    เพื่อสืบสานวิถีพุทธไว้ในสังคมเมือง
    กิจกรรมทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน
    เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น.

    *ธรรมะเพื่อเด็กและเยาวชน โดย
    พระราชญาณกวี (ปิยโสภณ)
    กิจกรรมทุกวันอาทิตย์ที่สองของเดือน
    เวลา ๐๙.๓๐-๑๑.๐๐ น.
    *อาทิตย์สุขสันต์ ณ บ้านอารีย์
    ฟังธรรมเบื้องต้น ประเคนภัตตาหาร
    แด่หลวงพ่อวิวัฒน์ ธมฺมวฑฺโฒ
    กิจกรรมทุกวันอาทิตย์ที่สี่ของเดือน
    เวลา ๐๙.๓๐-๑๑.๐๐ น.
    หรือขอรับสือ่ธรรมะหนังสือและซีดีแจกเป็นธรรมทานได้ที่มูลนิธิบ้านอารีย์
    ทุกกิจกรรมไม่มีค่าใช้จ่าย ดุรายละเอียด Baanaree
    หรือโทร 02-279-7838 02-619-7474
     
  16. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสประทานสำหรับอ้าง ๔ ข้อ ดังต่อไปนี้.
    ๑. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร หาก
    สิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย.
    ๒. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้ห้ามไว้ว่า สิ่งนี้ไม่ควร
    หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย.
    ๓. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควร
    หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ไม่ควร ขัดกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควรแก่เธอทั้งหลาย.
    ๔. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดที่เราไม่ได้อนุญาตไว้ว่า สิ่งนี้ควร
    หากสิ่งนั้นเข้ากับสิ่งที่ควร ขัดกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควรแก่เธอทั้งหลาย.
    ข้อความอธิบายจากอรรถกถา
    มหาปเทส ๔
    เพื่อประโยชน์ที่ภิกษุทั้งหลายจะได้ถือไว้เป็นแบบ พระผู้มีพระภาคเจ้า
    จึงตรัสมหาปเทส (คือ หลักสำหรับอ้างใหญ่) ๔ ข้อเหล่านั้น ว่า ยํ ภิกฺขเว
    มยา อิทํ น กปฺปติ เป็นต้น.
    พระธรรมสังคาหกเถระทั้งหลาย เมื่อถือเอาสูตรสอบสวนดูในมหา-
    ปเทสนั้น ได้เห็นความข้อนี้ว่า.
    ด้วยพระบาลีว่า ฐเปตฺวา ธญฺญผลรสํ นี้ ธัญญชาติ ๗ ชนิด
    เป็นอันห้ามแล้วว่า ไม่ควรในปัจฉาภัต. มหาผล ๙ อย่าง คือ ผลตาล ผล
    มะพร้าว ผลขนุน ผลสาเก น้ำเต้า ฟักเขียว แตงไท แตงโม ฟักทอง
    เป็นอันทรงห้าม และอปรัณณชาติทุกชนิด มีคติอย่างธัญญชาติเหมือนกัน.
    มหาผลและอปรัณณชาตินั้น ไม่ได้ทรงห้ามไว้ก็จริง ถึงกระนั้น ย่อมเข้ากับ
    สิ่งที่เป็นอกัปปิยะ; เพราะเหตุนั้น จึงไม่ควรในปัจฉาภัต.
    น้ำปานะ ๘ อย่าง ทรงอนุญาตไว้ น้ำปานะแห่งผลไม้เล็กมี หวาย
    มะชาม มะงั่ว มะขวิด สะคร้อ และเล็บเหยี่ยว เป็นต้น มีคติอย่างอฏัฐบาน
    แท้ น้ำปานะแห่งผลไม้เหล่านั้น ไม่ได้ทรงอนุญาตไว้ก็จริง. ถึงกระนั้น ย่อม
    เข้ากับสิ่งที่เป็นกัปปิยะ; เพราะฉะนั้น จึงควร.
    ในกุรุนทีแก้ว่า จริงอยู่ เว้นรสแห่งเมล็ดข้าวกับทั้งสิ่งที่อนุโลมเสีย
    แล้ว ขึ้นชื่อว่าน้ำผลไม้อื่น ที่ไม่ควร ย่อมไม่มี น้ำผลไม้ทุกชนิดเป็นยาม
    กาลิกแท้.
    จีวรพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตไว้ ๖ ชนิด. จีวรอื่นอีก ๖ ชนิดที่
    อนุโลมจีวรเหล่านั้น คือ ผ้าทุกุละ ผ้าแคว้นปัตตุนนะ ผ้าเมืองจีน ผ้าเมือง
    แขก ผ้าสำเร็จด้วยฤทธิ์ ผ้าเทวดาให้ พระธรรมสังคาหกเถระทั้งหลายอนุญาต
    แล้ว.
    พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 431
    ๑๐. มหาปเทสสูตร ว่าด้วยมหาประเทศ ๔
    [๑๘๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ อานันทเจดีย์
    ใกล้โภคนคร ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อน
    ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า
    ได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงมหาประเทศ ๔ นี้ เธอทั้งหลาย
    จงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
    พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็มหาประเทศ ๔ เป็น
    ไฉน ? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนอาวุโส ข้อนี้ข้าพเจ้าได้
    สดับมาได้รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย
    นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายไม่พึง
    ยินดี ไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของภิกษุนั้น ครั้นแล้วพึงเรียนบทและพยัญชนะ
    เหล่านั้นให้ดี แล้วพึงเทียบเคียงในพระสูตร พึงสอบสวนในพระวินัย ถ้าเมื่อ
    เทียบเคียงในพระสูตร สอบสวนในพระวินัย บทและพยัญชนะเหล่านั้น เทียบ
    เคียงกันไม่ได้ในพระสูตร สอบสวนกันไม่ได้ในพระวินัย ในข้อนี้พึงลง
    สันนิษฐานได้ว่า นี้มิใช่คำของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่แท้
    ภิกษุนี้รับมาผิดแล้ว เธอทั้งหลายพึงทิ้งคำนี้เสียทีเดียว
    อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนอาวุโส ข้อนี้ข้าพเจ้า
    ได้สดับมา ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็น
    วินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายไม่พึง
    ยินดี ไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของภิกษุนั้น ครั้นแล้วพึงเรียนบทและพยัญชนะ
    เหล่านั้น ให้ดีแล้วเทียบเคียงในพระสูตร สอบสวนในพระวินัย ถ้าเมื่อเทียบ
    เคียงในพระสูตร สอบสวนในพระวินัย บทและพยัญชนะเหล่านั้น เทียบเคียง
    กันได้ในพระสูตร สอบสวนกันได้ในพระวินัย ในข้อนี้พึงลงสันนิษฐานได้ว่า
    นี้เป็นคำของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่แท้ และภิกษุนี้รับมา
    ดีแล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นมหาประเทศข้อที่ ๑ เธอทั้งหลายพึงทรง
    จำไว้.

    อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า สงฆ์อยู่ในอาวาส
    ชื่อโน้น พร้อมทั้งพระเถระ พร้อมทั้งท่านที่เป็นประธาน ข้าพเจ้าได้สดับมา
    ได้รับมาเฉพาะหน้าสงฆ์นั้นว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของ
    พระศาสดา ฯลฯ

    อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ภิกษุผู้เป็นพระเถระ
    มากด้วยกันอยู่ในอาวาสชื่อโน้น เป็นพหูสูต ชำนาญในนิกาย ทรงธรรม
    ทรงวินัย ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้สดับมา รับมาเฉพาะหน้าพระเถระเหล่านั้น
    ... ข้าพเจ้าได้สดับมารับมาเฉพาะหน้าพระเถระเหล่านั้นว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็น
    วินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ฯลฯ

    อนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ภิกษุผู้เป็นเถระรูปหนึ่ง
    อยู่ในอาวาสชื่อโน้น เป็นพหูสูต ชำนาญในนิกาย ทรงธรรม ทรงวินัย
    ทรงมาติกา ข้าพเจ้าได้สดับมา ได้รับมาเฉพาะหน้าพระเถระรูปนั้น... ข้าพเจ้า
    ได้สดับมา ได้รับมาเฉพาะหน้าพระเถระรูปนั้นว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย
    นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ฯลฯ

    บทว่า มหาปเทเส แปลว่า โอกาสใหญ่หรือข้ออ้างใหญ่ อธิบายว่า
    เหตุใหญ่ที่กล่าวอ้างคนใหญ่ ๆ มีพระพุทธเจ้าเป็นต้น

    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ

    เชิญร่วมบุญสร้างองค์พระประธาน “พระพุทธเมตตา” หน้าตัก 80 นิ้ว
    และรูปเหมือนพระอริยสงฆ์เจ้า ๔ องค์ เพื่อประดิษฐาน
    ณ พระเจดีย์พุทธเมตตามหามงคล วัดหนองไคร้ จ.ยโสธร
    โดยสามารถโอนเงินทำบุญเข้าบัญชี
    ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยกระทรวงสาธารณสุข รหัสสาขา 142
    ชื่อบัญชี : กองบุญพระพุทธเมตตา
    เลขบัญชี : 142-0-10312-1
    ส่งสำเนาเอกสารการโอนเงินและที่อยู่ Fax : 02-840-1930
    หรือติดต่อ
    คุณวรวิชญ์ สิงหนาท 085-1122-422 E-mail : voravitchs@gmail.com
    คุณรัตนพล เอี่ยมพริ้ง 084-9363-132 E-mail : poo_338@hotmail.com

    เรียนเชิญศรัทธาร่วมบุญสมทบปัจจัยเพื่อซื้อหนังสือพระไตรปิฎกพร้อมตู้ถวายวัด
    กำหนดการ ถวายวันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม 2554 ที่วัดลาดกระทิง เวลา 13.30น.
    ถวาย ณ วัดลาดกระทิง ตำบลลาดกระทิง อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา


    บุญด่วน!! ถวายกระติกน้ำร้อนและอาหารแห้งแต่พระภิกษุสงฆ์
    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่...
    พระอาจารย์จาตุรงค์ รักขิตตธัมโม 089-8469598
    คุณจุฑาภัทร 081-284-1337
    คุณเนตรนที 087-975-6462


    เป็นข่าวดีสำหรับลูกศิษย์ลูกหาและท่านผู้เคารพศรัทธาในพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม แห่งวัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี

    เนื่องในโอกาสที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม)
    เจริญอายุวัฒนะมงคล 7 รอบ 84 ปีได้อนุญาตให้ พระวิมลสุตาภรณ์ ดำเนินการ
    สร้างวัตถุมงคลรุ่น "ฉลองอายุวัฒนะมงคล 84 ปี"
    ปลุกเสกเดี่ยวโดยหลวงพ่อจรัญ

    โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำรายได้ดำเนินการดังต่อไปนี้
    1. ตั้งมูลนิธิค่าไฟฟ้า ของ วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
    2. ตั้งมูลนิธิทุนเล่าเรียนของพระภิกษุ สามเณร มจร. ณ วัดพิกุลทอง
    ท่านผู้สนใจสามารถสั่งจองบูชาที่วัดอัมพวันแห่งเดียวเท่านั้น
    สำนักงานกลางวัดอัมพวัน โทร. 03-659-9381
    พระครูสัฆรักษ์ธเนศ โทร. 086-798-7464
    พระครูธรรมธรนิลพจน์ โทร. 086-798-2017
    เปิดจอง(เฉพาะเนื้อทองคำและเงิน)ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2554
    เนื้ออื่นๆ ไม่จำเป็นต้องสั่งจอง สามารถไปบูชาได้โดยตรงที่วัด ในวันที่ 10 สิงหาคม 2554 เป็นต้นไป
     
  17. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมอันบุคคลพึงละด้วยกายไม่ได้ ละด้วย
    วาจาไม่ได้ พึงเห็นชัดด้วยปัญญาแล้วจึงละได้ เป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้ง
    หลาย โลภะอันบุคคลพึงละด้วยกายไม่ได้ ด้วยวาจาไม่ได้ พึงเห็นชัด
    ด้วยปัญญาแล้วจึงละได้ โทสะ... โมหะ... โกธะ... อุปนาหะ...
    มักขะ... ปฬาสะ... มัจฉริยะ... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความริษยา
    อันชั่วช้า อันบุคคลพึงละด้วยกายไม่ได้ ด้วยวาจาไม่ได้ พึงเห็นชัด
    ด้วยปัญญาแล้วจึงละได้.

    ปาตผุลฺลโกกนทสูริยาโลเกน ตชฺชียเต
    เอว มนุสฺสตฺตคตา สตฺตา ชราภิเวเคน มิลายนฺติ
    ดอกบัวบานในเวลาเช้า
    ถูกแสงอาทิตย์แผดเผาย่อมเหี่ยวแห้ง
    สัตว์ทั้งหลายผู้ถึงความเป็นมนุษย์ก็เหมือนอย่างนั้น
    ย่อมเหี่ยวแห้งไปด้วยอำนาจของชรา

    อานิสงส์ของการสร้างพระพุทธรูป
    การสร้างพระพุทธรูปนั้นมีอานิสงส์ยิ่งกว่าทานใดๆ แม้แต่การสร้างวิหารทานก็ยังมีอานิสงส์ไม่เท่า เพราะการสร้างพระพุทธรูปองค์หนึ่งแม้จะองค์เล็กเท่าต้นหญ้าก็ดี มีอานิสงส์มากถึงสำเร็จมรรคผลพระนิพพาน หากแม้นปรารถนาสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ สวรรค์สมบัติ หรือนิพพานสมบัติก็ย่อมได้ เพราะนอกจากเทพ พรหม เทวดาทั้งหลายจะร่วมอนุโมทนาแล้ว พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ก็ทรงร่วมอนุโมทนาด้วย หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ได้กล่าวถึงอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปไว้ว่า เหมือนเป็นการสร้างธนาคารบุญ บุคคลทั้งหลายที่ได้สร้างรูปพระพุทธเจ้าจะได้เสวยสมบัติสิ้นกาลนานนัก จักได้อานิสงส์ 5 กัปป์ คือถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้พบพระพุทธเจ้าตลอด 5 กัปป์ หรือจะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในภายหน้าก็จะได้สมตามปรารถนาและเมื่อใดที่มีคนมาไหว้พระพุทธรูปที่เราสร้างนั้นเราก็จะได้อานิสงส์นั้นทุกครั้ง
    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนาบุญกับผู้อื่นและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างเสา ศาลาวิปัสสนาธุระ ๔๔ ต้น
    พระครูบวรมณีรัตน์ (หลวงพ่อเลิศ ) พระอุปัชฌาย์ , เจ้าคณะตำบลกระสัง
    โทร 081-8767-881

    ขอเรียนเชิญร่วมสร้างพระพุทธรูปหน้าตักสี่ศอกถวายแด่องค์พระพี่นางสุพรรณกัลยา
    บัญชีบริจาค ธนาคารกรุงเทพ สาขาสยามสแควร์
    นายบุญชัย ทรัพย์อุดมกุล 152 0398 460 ออมทรัพย์


    สืบเนื่องมาจากตัวข้าพเจ้าเองและทีมงานทำงานเกี่ยวกับงานก่อสร้างโดยตรงและมีปณิธานเดียวกันว่าจะสร้างและทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างเต็มกำลังทั้งกายและใจทีมงานของเรามีทั้งสถาปนิกและวิศวกรหากท่านใดที่อยากจะปรึกษาในด้านงานออกแบบทีมงานของเรายินดีให้คำปรึกษาและออกแบบให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดใดทั้ง ติดต่อ บุญญานุช บุญอยู่ 081-349-2411 ติดต่อได้ ตลอดเวลา


    ขอเชิญร่วมทำบุญบริจาค ปัจจัย 4 วัดป่าแสงทอง นครสวรรค์
    สุนันท์ เร้าปิติวงษ์กุล ติดต่อที่ 081-6851817

    เรียนเชิญร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูปเเละอาคารปฏิบัติธรรม วัดป่าภูผาสูงครับ
    วัดป่าภูผาสูง

    ขอเชิญร่วมสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์ หลวงปู่มี ปมุตฺโต วัดดอยเทพนิมิต อุดรธานี

    ขอเชิญร่วมทำบุญสมทบทุนสร้างกุฏิสงฆ์ ณ วัดศรีนวรัฐ จ.เชียงใหม่ครับ
    ร่วมบริจาคสมทบทุน สร้างกุฏิสงฆ์
    ผ่านบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาทุ่งเสี้ยว (สันป่าตอง)
    เลขที่บัญชี 661 – 2 20659 – 3
    วัดศรีนวรัฐ ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
    โทร. ๐๕๓ - ๘๒๙๒๗๗ ๐๕๓ - ๔๘๑๖๒๐ ๐๘๑ - ๘๘๓๒๘๖๒


    ทอดผ้าป่าสามัคคี ธุดงคสถานพระวิหาร
    จึงขอเรียนเชิญท่านสาธุชนคนดีผู้มีจิตสรัทธา ร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสร้างอาคาร และห้องน้ำ อันเป้นประโยชน์ต่อพุทธศาสนิกชน ตามกำลังศรัทธา
    กำหนดการ
    วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2554
    เวลา 09.00 น.ตั้งองค์ผ้าป่า ณ ธุดงคสานพระวิหารเพชร
    เวลา 20.00 น.ทำวัตรเย็น พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ณ ธุดงคสานพระวิหารเพชร
    วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2554
    วลา 08.00 น.ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์
    เวลา 09.00 น. ร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี พระสงฆ์ ร่วมอนุโมทนา เป็นอันเสร็จพิธี
    หรือท่านที่ไม่สะดวกสามรถร่วมทำบุญ โดยโอนเงินเข้าเลขที่ บัญชี
    351-077-4684 ธ.กรุงเทพ สาขา กันทรลักษ์
    ชื่อบัญชี พระ สุขสันต์ สุวีโร
    ธุดงคสถานพระวิหาร บ.ภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ


    มูลนิธิบ้านอารีย์ เชิญท่านร่วมกันบริจาคนมเพื่อน้อง (นมนั้นไม่ควรผ่านการแช่มาก่อน)
    โดยนำบริจาคได้ที่ มูลนิธิบ้านอารีย์ ในวันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน 2554
    (หากท่านไม่สะดวก สามารถนำมาฝากไว้ที่ห้องสมุดธรรมะบ้านอารีย์ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ยกเว้นเงินสดที่ท่านต้องนำมาถวายเองในวันนั้น)
    และในวันนั้น
    พระอุดมประชากร (ท่านเจ้าคุณอลงกต) เมตตามาแสดงธรรม และรับสิ่งของบริจาค
    ณ ศาลาปันมี เวลา 18.00-20.00 น.
    ขอเชิญทุกท่านมาร่วมช่วยน้องกัน...อนุโมทนา
    นมถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาร่างกายและสมองของเด็ก
    วันนี้ลูกหลานคุณดื่มนมแล้ว เด็กๆเหล่านี้ล่ะ...
    เขาได้ดื่มนมกันหรือยัง ?
    มูลนิธิ บ้านอารีย์
    บริจาคนมเพื่อน้อง “นมเพียง ๑ กล่อง คุณก็ช่วยน้องได้”
    เพื่อให้สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลกที่ กำหนดให้
    วันที่ ๑ มิถุนายน ที่ผ่านมาเป็น"วันดื่มนมโลก" (World Milk Day)
    มูลนิธิบ้านอารีย์ จึงขอเชิญชวนช่วยกันส่งสายใจแห่งความห่วงใย
    สู่ น้องๆ ณ บ้านธรรมรักษ์ “บ้านหลังเล็ก ๆสำหรับเด็กด้อยโอกาส”
    ทึ่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี
    โดยท่านเจ้าคุณอลงกต เมตตาช่วยเหยีวยารักษาบาดแผลทั้งกายและใจ เป็นจำนวนมาก
    และยังขาดแคลนนม ที่ช่วยเสริมสร้างโภชนาการตามวัยของเด็ก

    ชีวิตของเด็กและผู้ป่วยของวัดพระบาทน้ำพุยังคงต้องการเงินบริจาคอยู่มาก ซึ่งก็แล้วแต่จิตศรัทธาของทุกท่าน.
    ท่านที่มีความประสงค์ที่จะช่วยเหลือในการบริจาคสิ่งของจำเป็นต่างๆได้ มีดังนี้
    - ข้าวสารอาหารแห้ง สบู่ แชมพู ยาสีฟัน หรือของใช้ประจำวัน สำหรับเด็กและผู้ป่วย
    - ยารักษาโรค และเวชภัณฑ์ต่างๆ
    - ผ้าอ้อมสำเร็จรูป
    เนื่องจากน้อง ๆ เป็นเด็กติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันทางร่างกายที่ค่อนข้างต่ำ จึงขอความกรุณาบริจาคสิ่งของที่เป็น "ของใหม่" เท่านั้น ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
    สอบถามรายละเอียด โทรฯ02 279 7838 / 02 619 7474
     
  18. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    บัณฑิตผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ย่อมรุ่งเรืองส่อง
    สว่างเพียงดังไฟ เมื่อบุคคลสะสมโภคสมบัติ
    อยู่เหมือนแมลงผึ้งสร้างรัง โภคสมบัติย่อมถึง
    ความเพิ่มพูน ดุจจอมปลวกอันตัวปลวกก่อขึ้น
    ฉะนั้น
    คฤหัสถ์ในตระกูลผู้สามารถ ครั้นสะสม
    โภคสมบัติได้อย่างนี้ พึงแบ่งโภคสมบัติ
    ออกเป็น ๔ ส่วน เขาย่อมผูกมิตรไว้ได้ พึงใช้
    สอยโภคทรัพย์ด้วยส่วนหนึ่ง พึงประกอบการ
    งานด้วยสองส่วน พึงเก็บส่วนที่สี่ไว้ด้วย
    หมายจักมีไว้ในยามมีอันตราย ดังนี้.

    อภิญญา ๖
    ฉฬภิญญา = ฉฬ ( หก ) + อภิ ( ยิ่ง ) + ญา ( ความรู้ )
    ความรู้ยิ่ง ๖ อย่าง หมายถึง ความรู้อย่างยิ่งยวด ซึ่งเป็นผลพวงจากการอบรมสมถ-
    ภาวนา และวิปัสสนาภาวนา ได้แก่ ...
    ๑. อิทธิวิธญาณ ความรู้ที่ทำให้แสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ได้ เช่น ดำไปในดิน
    เดินไปบนน้ำ หรือเหาะไปกลางอากาศ เป็นต้น
    ๒. ทิพยโสตญาณ ความรู้ที่ทำให้ได้ยินเสียงตามที่ต้องการได้ยิน ไม่ว่าจะ
    เป็นในที่ไกล ในที่ลับ หรือเสียงของเทวดาและอมนุษย์ทั้งหลาย
    ๓. เจโตปริยญาณ ความรู้ที่สามารถกำหนดรู้ใจของผู้อื่น ไม่ว่าจะคิดดีคิดชั่ว
    คิดเป็นกุศลหรืออกุศลก็ตาม
    ๔. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ความรู้ที่ทำให้สามารถย้อนระลึกชาติได้ว่าเคย
    เกิดเป็นใครในชาติไหน แต่ละชาตินั้นได้ทำอะไรมาบ้าง มีญาติ พี่น้อง ตระกูล
    อาชีพเป็นอย่างไรบ้าง
    ๕. ทิพยจักษุญาณ ความรู้ที่ทำให้สามารถเห็นในสิ่งที่ต้องการเห็น ไม่ว่ารูป
    ในที่กำบัง รูปหลังกำแพง รูปในภูเขา หรือรูปอันเป็นทิพย์ของเทวดา เป็นต้น
    ๖. อาสวักขยญาณ ความรู้ที่ทำให้อาสวกิเลสถึงความสิ้นไป

    อภิญญา ๕ เบื้องต้น เกิดจากการอบรมสมถภาวนา และเป็นโลกียธรรม
    ส่วนอภิญญาที่ ๖ เกิดจากการอบรมวิปัสสนาภาวนา และเป็นโลกุตรธรรม

    คำว่า ปจฺจุปฺปนฺนานํ ธมฺมานํ วิปริณามานุปสฺสเน ปญฺญา
    ความว่า ปัญญาในการเห็นความแปรไป คือความดับไปแห่งธรรมคือ
    เบญจขันธ์ ในภายในที่เป็นปัจจุบันด้วยอำนาจสันตติ. จิตแม้กำหนด
    ความเกิดขึ้นว่า ธรรมทั้งหลายเหล่านี้ ครั้นเกิดขึ้นแล้วก็ย่อมดับไป
    ดังนี้ ก็ชื่อว่าตั้งอยู่ในความแตกดับไปเหมือนกัน, เพราะฉะนั้น พึง
    ทราบว่า การเกิดขึ้นแม้ไม่ได้กล่าวไว้แล้ว ก็เป็นอันกล่าวไว้เหมือนกัน.
    อีกอย่างหนึ่ง การเกิดขึ้นแห่งปัจจุบันธรรมทั้งหลาย ย่อมเป็นอันกล่าว
    แล้วด้วยทัสนะ เพราะสำเร็จการเห็นความเกิดขึ้น.
    จริงอยู่ เว้นอุทยะคือ การเกิดขึ้นเสีย ความเกิดขึ้นแห่งธรรม
    ทั้งหลาย ก็ย่อมไม่สำเร็จ, เพราะฉะนั้น แม้เมื่อไม่กล่าวว่า ปัญญา
    ในการตามเห็นความเกิดขึ้น และความแปรไปแห่งปัจจุบันธรรมทั้งหลาย
    ก็พึงทราบว่า เป็นอันกล่าวแล้วเหมือนกัน.
    อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ย่อมเกิดแก่พระโยคีบุคคลผู้บรรลุ
    สัมมสนญาณ ตามที่กล่าวแล้วในลำดับว่า ก็การเห็นความเกิดขึ้น
    ย่อมสำเร็จ เพราะคำนั้นกำหนดตามพระบาลีว่า อุทยพฺพยานุปสฺสเน
    ญาณํ แปลว่า ปัญญาในการตามเห็นการเกิดและความดับไป ดังนี้
    แล้ว ก็กำหนดการเกิดขึ้นและความดับไปในสังขารธรรมที่กำลังปรากฏ
    ในสัมมสนญาณนั่นเอง แล้วปรารภอุทยัพพยานุปัสสนาเพื่อทำการ
    กำหนดสังขารธรรมทั้งหลาย. เพราะว่าญาณนั้น ท่านเรียกว่า อุทยัพ-
    พยานุปัสสนา เพราะตามเห็นความเกิดและความดับ.
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 309
    ปราภวสูตรที่ ๖
    ว่าด้วยความเสื่อม ๑๒ อย่าง
    [๓๐๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
    ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยาม
    สิ้นไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีรัศมีอันงดงามยิ่ง ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้
    สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มี
    พระภาคเจ้าแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มี
    พระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า
    [๓๐๔] ข้าพระองค์มา เพื่อจะทูลถาม
    ถึงผู้เสื่อม และคนผู้เจริญกะท่านพระโคดม
    จึงขอทูลถามว่า อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
    ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม
    ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ ผู้เกลียดธรรมเป็นผู้
    เสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้
    เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑.
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าขอพระองค์
    จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๒ อะไรเป็นทางของ
    คนเสื่อม.
    คนมีอสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่กระทำ
    สัตบุรุษให้เป็นที่รัก ชอบใจธรรมของอสัต-
    บุรุษ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะ
    เหตุนั้นแล เราจงทราบข้อนี้เถิดว่า ความ
    เสื่อมนั้นเป็นที่ ๒.
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์
    จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๓ อะไรเป็นทางของ
    คนเสื่อม.
    คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น
    เกียจคร้าน โกรธง่าย ข้อนั้นเป็นทางของ
    คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด
    ข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๓.
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์
    จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๔ อะไรเป็นทางของ
    คนเสื่อม.
    คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือ
    บิดาผู้แก่เฒ่า ผ่านวัยหนุ่มสาวไปแล้ว ข้อ
    นั้นเป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล
    เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้น
    เป็นที่ ๔.
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
    องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๕ อะไรเป็นทาง
    ของคนเสื่อม.
    คนใดลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้
    วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท ข้อนั้นเป็นทางของ
    คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด
    ข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๕.
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
    องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๖ อะไรเป็นทาง
    ของคนเสื่อม.
    คนมีทรัพย์มาก มีเงินทองของกิน
    กินของอร่อยแต่ผู้เดียว ข้อนั้นเป็นทางของ
    คนเสื่อม เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัด
    ข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๖.
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
    องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๗ อะไรเป็นทาง
    ของคนเสื่อม.
    คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะ
    ทรัพย์ และหยิ่งเพราะโคตร ย่อมดูหมิ่น
    ญาติของตน ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
    เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า
    ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๗.
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
    องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๘ อะไรเป็นทาง
    ของคนเสื่อม.
    คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลง
    สุรา และเป็นนักเลงการพนันผลาญทรัพย์
    ที่ตนหามาได้ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
    เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า
    ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๘.
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
    องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๙ อะไรเป็นทาง
    ของคนเสื่อม.
    คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตนประ-
    ทุษร้ายในภริยาของคนอื่นเหมือนประทุษร้าย
    ในหญิงแพศยา ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
    เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า
    ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๙.
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
    องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๐ อะไรเป็นทาง
    ของคนเสื่อม.
    ชายแก่ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา
    ย่อมนอนไม่หลับ เพราะความหึงหวงหญิง
    รุ่นสาวนั้น ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม
    เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า
    ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๐.
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
    องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่๑๑ อะไรเป็นทาง
    ของคนเสื่อม.
    คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย หรือ
    แม้ชายเช่นนั้นไว้ในความเป็นใหญ่ ข้อนั้น
    เป็นทางของคนเสื่อม เพราะเหตุนั่น เราจง
    ทราบชัดข้อนี้เถิดว่า ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๑.
    ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระ-
    องค์จงตรัสบอกคนเสื่อมที่ ๑๒ อะไรเป็น
    ทางของคนเสื่อม.
    ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภค-
    ทรัพย์น้อย มีความมักใหญ่ ปรารถนา
    ราชสมบัติ ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม.
    บัณฑิตผู้ถึงพร้อมด้วยความเห็นอัน
    ประเสริฐ พิจารณาเห็นคนเหล่านี้ เป็นผู้
    เสื่อมในโลก ท่านย่อมคบโลกที่เกษม (คน
    ผู้เจริญ).


    เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ

    ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระพุทธทันใจ หน้าตัก 6.18 ม. สูง 7.89 ม.
    วันที่ 27 มิ.ย.-1 ก.ค. 2554
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างและเทมวลสารหล่อพระพุทธทันใจ หน้าตัก 6.18 เมตร สูง 7.89 เมตร
    ณ.ลานประรำพิธีวัดโพธิญาณรังสี บ.ปรือเกียน อ.เมือง จ.สุรินทร์
    กำหนดงาน
    วันที่ 27-30 มิ.ย. 2554
    เวลา 08.09 น. พิธีบวงสรวงเทพเทวามหาพรหม โดยหลวงพ่อทันใจ เป็นเจ้าพิธีเอง
    เวลา 08.34 น. เทมวลสารหล่อพระพุทธทันใจ หน้าตัก 6.18 เมตร 7.89 เมตร
    เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพล แด่พระภิกษุสงฆ์
    เวลา 16.09 น. พิธีบวชชีพารหมณ์โดยพระครูโสภณธรรมรังสี เจ้าคณะอำเภอเมืองสุรินทร์(ธ)
    เวลา 19.00 น. สวดมนต์ทำวัตรเย็นเจริญภาวนา ฟังธรรม
    เวลา 21.21 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์สวดพุทธคุณพุทธาภิเษภ
    วันที่ 1 ก.ค. 2554
    เวลา 07.21 น. ตักบาตรพระสงฆ์ 58 รูป ถวายภัตตาหาร
    เวลา 08.21 น. พิธีถวายผ้าป่า/ฉลององค์พระพุทธทันใจพระสงฆ์ทั้งนั้นอนุโมทนาสมโภชบุญ
    ทางวัดจึงขอเชิญชวนสาธุชนคนใจบุญที่มีจิตศรัทธา เข้าร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างและเทมวลสารหล่อพระพุทธทันใจ ในวันที่ 27 มิถุนายน 2554 เวลา 08.34 น.
    ขอบุญกุศลที่ทำ กรรมดีที่สร้างจงส่งผลให้ท่านที่มาร่วมบุญ จงสำเร็จผลในสิ่งที่หวัง เทอญ
    ติดต่อเป็นเจ้าภาพพระพุทธทันใจและเจ้าภาพโรงทานได้ที่ 081-997-9093


    ร่วมทอดผ้าป่าสร้างพระพุทธรูปหน้าตัก 35 นิ้ว
    สามารถติดต่อไดที่ คุณพรบุณญา ศิริพรหมสมบัติ โทร ๐๘๑-๙๙๕-๒๖๕๓>>
    หมายเหตุ พระพุทธรูปหน้าตัก 35 นิ้วพร้อมพระโมคัลลานะและพระสารีบุตร>>
    นี้แกะสลักจากเนื้อหินหยกเขียวแล้วเสร็จได้ 70% แล้วจึงขอเชิญผู้ที่มีจิตรศรัทธา>>
    ร่วมทำบุญในครั้งนี้เพื่อให้การสร้างมหากุศลครั้งนี้สำเร็จจึงบอกบุญมา ณ ที่นี้ด้วย

    ขอเชิญร่วมสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์ หลวงปู่มี ปมุตฺโต วัดดอยเทพนิมิต อุดรธานี

    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกองบุญบูรณะวิหารทาน ณ วัดทุ่งสว่าง พร้อมรับวัตถุมงคล

    ขอเชิญร่วมซื้อที่ดินถวายวัดปงใต้ จ.ลำปาง เนื่องจากวัดคับแคบพื้นที่ใช้งานจำกัด
    เชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพ..สมทบทุนซื้อที่ดินถวาย..วัดปงใต้ ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง
    ได้ที่..ท่านพระคุณเจ้าอาวาส พระครูพิมลพิพัฒนกิจ
    เบอร์ โทร.0871769579
    บัญชี ร่วมบุญ..ซื้อที่ดินถวายวัดปงใต้
    ธนาคารกรุงเทพฯ สาขา..สบตุ๋ย ลำปาง
    ประเภทบัญชี สะสมออมทรัพย์
    ชื่อบัญชี : พระครูพิมลพิพัฒนกิจ
    หมายเลขบัญชี : 255-0-95219-2

    บุญด่วน!!ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างเสา ศาลาวิปัสสนาธุระ ๔๔ ต้น
    พระครูบวรมณีรัตน์ (หลวงพ่อเลิศ ) พระอุปัชฌาย์ , เจ้าคณะตำบลกระสัง
    โทร 081-8767-881

    ขอเชิญเป็นเจ้าภาพโรงทานและร่วมหล่อพระประธานในอุโบสถวัดธรรมยาน
    กำหนดพิธีเททอง
    วันเสาร์ที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๔ เริ่มพิธีเวลา ๙.๐๐ หน้า

    ขอเชิญร่วมทำบุญบริจาค ปัจจัย 4 วัดป่าแสงทอง นครสวรรค์

    ขอเชิญร่วมทำบุญสมทบทุนสร้างกุฏิสงฆ์ ณ วัดศรีนวรัฐ จ.เชียงใหม่ครับ
    ร่วมบริจาคสมทบทุน สร้างกุฏิสงฆ์
    ผ่านบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาทุ่งเสี้ยว (สันป่าตอง)
    เลขที่บัญชี 661 – 2 20659 – 3
    วัดศรีนวรัฐ ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
    โทร. ๐๕๓ - ๘๒๙๒๗๗ ๐๕๓ - ๔๘๑๖๒๐ ๐๘๑ - ๘๘๓๒๘๖๒


    ขอเชิญผู้ใจบุญทั้งได้ร่วมกันสร้างพระธาตุ วัดแม่สุขนอก จ.ลำปาง ทางวัดได้จัดกองผ้าป่าสามัคคี จะได้ทำทอดถวาย วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๔
    หรือติดต่อทางวัดด้ครับ
    พระสุรัตน์ พุทฺธวิริโย
    โทร ๐๘-๖๑๘๗-๖๔๗๙


    ช่วยเหลือช้างเร่ร่อนในเมือง ให้ได้กลับคืนสู่ผืนป่า
    โทรศัพท์ 02-952-5828
     
  19. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลาย พึงละฉันทะในสิ่งนั้น

    เสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุไม่เที่ยง

    เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในจักษุนั้นเสีย หูไม่เที่ยง จมูกไม่เที่ยง ลิ้นไม่เที่ยง กาย

    ไม่เที่ยง ใจไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในใจนั้นเสียดู ก่อนภิกษุทั้งหลายสิ่งใด

    ไม่เที่ยง เธอพึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อน

    ภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง. ดูก่อนภิกษุทั้งหลายจักษุไม่เที่ยง เธอทั้งหลาย

    พึงละราคะในจักษุนั้นเสีย หูไม่เที่ยง จมูกไม่เที่ยง ลิ้นไม่เที่ยง กายไม่เที่ยง ใจ ไม่

    เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอ

    ทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้นเสีย.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลาย พึงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุไม่เที่ยง เธอ

    ทั้งหลายพึงละฉันทราคะในจักษุนั้นเสีย หูไม่เที่ยงจมูกไม่เที่ยง ลิ้นไม่เที่ยง กาย

    ไม่เที่ยง ใจไม่เที่ยง เธอทั้งหลาย พึงละฉันทราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุ

    ทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย.

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอ

    ทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นทุกข์ ดูก่อนภิกษุ

    ทั้งหลาย จักษุเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในจักษุนั้น หูเป็นทุกข์ จมูก

    เป็นทุกข์ ลิ้นเป็นทุกข์ กายเป็นทุกข์ ใจเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในใจนั้น

    เสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อน

    ภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นทุกข์. ดูก่อนภิกษุทั้งหลายจักษุเป็นทุกข์ เธอ

    ทั้งหลายพึงละราคะในจักษุนั้นเสีย หูเป็นทุกข์ จมูกเป็นทุกข์ ลิ้นเป็นทุกข์ กาย

    เป็นทุกข์ ใจเป็นทุกข์ เธอทั้งหลาย พึงละราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

    สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้นเสีย.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์ เธอทั้งหลาย พึงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นทุกข์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายจักษุเป็นทุกข์ เธอ

    ทั้งหลายพึงละฉันทราคะในจักษุนั้นเสีย หูเป็นทุกข์ จมูกเป็นทุกข์ ลิ้นเป็นทุกข์

    กายเป็นทุกข์ ใจเป็นทุกข์ เธอทั้งหลาย พึงละฉันทราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุ

    ทั้งหลาย สิ่งใดเป็นทุกข์เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย พึงละฉันทะใน

    สิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

    จักษุเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในจักษุนั้นเสีย หูเป็นอนัตตา จมูกเป็น

    อนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา ใจเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะ

    ในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลายสิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย พึงละฉันทะในสิ่ง

    นั้นเสีย.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย พึงละราคะในสิ่งนั้นเสีย

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุ เป็น

    อนัตตา เธอทั้งหลาย พึงละราคะโนจักษุนั้นเสีย หูเป็นอนัตตา จมูกเป็นอนัตตา

    ลิ้นเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา ใจเป็นอนัตตาเธอทั้งหลายพึงละราคะในใจนั้นเสีย

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตาเธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้นเสีย.

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะ ในสิ่งนั้นเสีย

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่า เป็นอนัตตา. ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย จักษุ

    เป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย พึงละฉันทราคะในจักษุนั้นเสีย หูเป็นอนัตตา จมูก

    เป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา ใจเป็น อนัตตา เธอทั้งหลายพึงละ

    ฉันทราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลายสิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย พึงละ

    ฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย.


    บทว่า อนิจฺจ ได้แก่ชื่อว่าไม่เที่ยง โดยอาการที่มีแล้วก็ไม่มี.
    อีกนัยหนึ่ง ชื่อว่าไม่เที่ยง ด้วยเหตุแม้เหล่านี้ คือ
    เพราะมีความเกิดขึ้นและความเสื่อมไป.

    เพราะเป็นของเป็นไปอยู่ชั่วคราว

    เพราะมีความแปรปรวนเป็นที่สุด

    เพราะปฏิเสธความเที่ยง.
    บทว่า ทุกฺข ได้แก่ ชื่อว่าทุกข์ด้วยเหตุ ๔ ประการ คือ
    ด้วยอรรถว่า ทนได้ยาก

    ด้วยอรรถว่า เป็นวัตถุที่ตั้งแห่งความทนได้ยาก.

    ด้วยอรรถว่า บีบคั้นสัตว์ ด้วยการปฏิเสธความสุข.

    เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทานกับคุณแม่และเพื่อนๆที่ผ่านมาได้ไปทำบุญไหว้พระถวายสังฆทานกับเพื่อนๆ เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น

    และวันนี้จะฟังธรรม เมื่อวานนี้ได้ทำบุญไหว้พระในกรุงเทพ 9 วัด พร้อมกับไหว้ศาลหลักเมืองศาลเจ้าพ่อเสือและได้บริจาคเงินตามตู้เกือบจะทุกตู้ของทุกวัดมือ เช่น บูรณวิหาร ซื้อที่ดิน ไถ่ชีวิตโคกระบือ
    และร่วมงานบุญงานบุญที่หน้าวัดสุทัศน์บริจาคเงินตามตู้มีจนถึงวันที่ 19 มิ.ย.54และอนุโมทนาบุญกับผู้ที่ไปทำบุที่วัด
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม ฟังธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา

    ขอเชิญทำบุญไหว้พระในกรุงเทพ 9 วัด พร้อมกับไหว้ศาลหลักเมืองศาลเจ้าพ่อเสือและได้บริจาคเงินตามตู้เกือบจะทุกตู้ของทุกวัดมือ เช่น บูรณวิหาร ซื้อที่ดิน ไถ่ชีวิตโคกระบือ
    และร่วมงานบุญงานบุญที่หน้าวัดสุทัศน์บริจาคเงินตามตู้มีจนถึงวันที่ 19 มิ.ย.54 อนุโมทนาบุญกับผู้มาทำบุญที่วัด
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ


    เชิญร่วมสร้างพระพุทธรูปหยกเขียว 35 นิ้ว พร้อมพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร
    <!-- google_ad_section_end -->ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลาดหลุมแก้ว
    บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ชื่อบัญชีนางพรบุณญา ศิริพรหมสมบัติ <O<?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:preferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"> <v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></v:path><?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=Picture_x0020_49 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1028"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape></O<v:shape id=Picture_x0020_50 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1027"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>
    เลขที่บัญชี ๓๕๐-๒๔๒๗๕๘-๖<O<v:shape id=Picture_x0020_51 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1026"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape></O<v:shape id=Picture_x0020_52 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1025"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>
    สามารถติดต่อไดที่ คุณพรบุณญา ศิริพรหมสมบัติ โทร ๐๘๑-๙๙๕-๒๖๕๓<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผ้าป่าปฏิสังขรณ์พระวิหาร และสำนักวิปัสสนา บนพุทธบาทสี่รอย (แม่ริม เชียงใหม่)
    <!-- google_ad_section_end -->วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
    http://www.kammatan.com

    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสบทบทุนในการก่อสร้างองค์พระบรมธาตุ องค์ปฐมโพธิสัตว์ (พระธาตุเจดีย์ศรีจอมใจ)
    ณ.สำนักสงฆ์สายศรีวิเลิศ เลขที่ ๑๐ หมู่ ๑๒ บ้านท่าจำบอน ต.ท่าวังทอง อ.เมือง จ.พะเยา

    วันอาทิตย์ ที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๓๙ น.
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    บัญชีธนาคาร ธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาโลตัส พะเยา
    เลขที่บัญชี 698-005-6987
    ชื่อบัญชี นางแสงดาว นกอยู่ และน.ส.ฐิติชญา ขุนเทียน สำนักสงฆ์สายศรีวิเลิศ สำหรับร่วมบุญสร้างพระธาตุ
    แจ้งการโอนเงินที่ sangdaww@yahoo.com
    <o:p> </o:p>
    อยู่สำหรับฝากพระบรรจุกรุ

    คุณแสงดาว นกอยู่
    162
    ม. 9 ต.ต๋อม อ.เมือง
    จ.พะเยา 56000
    หรือส่งพัสดุมาทางขนส่งสยามเฟิรส์
    หรือส่งรถเมล์เขียว

    คุณสุวรรณชัย ศิริโอวัฒนะ
    74
    ถนนมณีนพรัตน์ ต.ศรีภูมิ
    อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 52000
    089-631-3595

    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอเชิญคณะศรัทธาร่วมสร้าง พระมหาเจดีย์พิพิธภัณฑ์ องค์หลวงตาแตงอ่อน กัลป์ยาณธัมโม
    สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

    ฝ่ายคณะสงฆ์ผู้ดำเนินการประชาสัมพันธ์
    พระครูบาชิษณุพงศ์ สัณตจิตโต (ครูบาโอ)
    โทร:0883224141 Email:c_srisuwan@hotmail.com
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทอดผ้าป่าสามัคคีวันแม่ 12/8/2554 เพื่อสมทบทุนซื้อที่ดิน ณ วัดสิริกมลาวาส
    สำหรับท่านที่ต้องการร่วมทำบุญแต่ไม่สามารถร่วมงานได้ สามารถโอนเงินผ่านบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยโลตัส วังหิน เลขที่บัญชี 401-2-01781-9 หรือติดต่อที่สำนักงานวัด 02-942-3258<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผ้าไตรจีวร ๙ ชุด และเทียนพรรษา วัดคีรีสุวรรณ จังหวัดเชียงราย<o:p></o:p>
    <!-- google_ad_section_end -->หรือติดต่อผมได้ที่
    matikarn@gmail.com
    ๐๘๖-๕๖๗-๗๒๐๙
    ธนาคารกรุงเทพสขา เซียร์รังสิต 028-0-138-652
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาแหลมฉบัง 653-2-447-821
    ชื่อบัญชี ATIKARN M<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอเชิญร่วมงานบุญเทศน์มหาชาติเฉลิมพระเกียรติ โรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย 22 - 23 มิ.ย.2554<o:p></o:p>
    ร่วม<O:p></O:p>ส่งปัจจัยร่วมเป็นเจ้าภาพได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขายานนาวา <O:p></O:p>เลขที่บัญชี ๐๑๐-๑-๔๕๗๑๕-๔ ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี พิเศษประจำปีการศึกษา ๒๕๔๔

    <O:p></O:p>สอบถามรายละเอียด โทร. ๐-๒๒๑๑-๐๓๘๓, ๐-๒๒๑๑-๙๘๕๐<O:p></O:p>โทรสาร ๐-๒๖๗๕-๙๑๓๔, -๒๒๑๑-๙๙๓๗ ต่อ ๑๐๙ <O:p></O:p>http://www.suriyothai.ac.th<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอเชิญร่วมทำบุญโครงการทอดผ้าป่าสามัคคีกองทุนสงฆ์อาพาธ<o:p></o:p>
    <!-- google_ad_section_end -->กำหนดการทำบุญ
    วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ.2554เวลา 9.30 น. ณ. ศาลาการเปรียญ วัดพุทธบูชา ถนนพุทธบูชา ซอย30 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร
    ผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคได้ที่กุฏิเจ้าอาวาสวัดพุทธบูชา หรือบริจาคโอนเงินผ่าน ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนประชาอุทิศราษฎร์บูรณะ ชื่อบัญชีกองทุนสงฆ์(หลวงพ่อสนธิ์ อนาลโย)บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 235-0729-444<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ร่วมทำบุญกับมูลนิธิ/กองทุนเสียงธรรมเพื่อประชาชน ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน<o:p></o:p>
    ชื่อบัญชีกองทุนวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนวัดป่าบ้านตาด

    ธนาคารกรุงไทย สาขาอุดรธานี

    บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 401-0-66484-3

    บัญชีฝากประจำ เลขที่ 401-2-15988-7


    (
    หากท่านผู้มีจิตศรัทธาประสงค์จะโอนเงินเข้ากองทุนฯหนึ่งแสนบาทขึ้นไป ควรโอนเข้าในบัญชีฝากประจำ)และมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน

    ชื่อบัญชี มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนธนาคารกรุงไทย

    สาขาอุดรธานี เลขที่บัญชี 401-0-77610-2<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ร่วมถวายเทียนพรรษา ตะเกียงเจ้าพายุ กับวัดปฏิบัติธรรม และวัดไม่มีไฟฟ้าใช้ ๗ จังหวัด<o:p></o:p>
    ท่านใดปรารถนาร่วมบุญนี้ ก็ขอเชิญชวนร่วมกันเป็นเจ้าภาพได้ที่

    พระเฉลิมชาติ อิทธะรงค์
    ธนาคารกรุงเทพ สาขา ห้าแยกปากเกร็ด บัญชีออมทรัพย์ หมายเลขบัญชี 207-413085-3
    โทรศัพท์ 083-706-4188

    หรือสามารถนำเทียนมาถวายด้วยตนเองที่วัด

    ถ้าท่านใดโอนร่วมบุญแล้วกรุณาโทรแจ้งหรือแจ้งไว้ในหน้ากระทู้นี้เพื่อให้ทราบความเคลื่อนไหวและให้ผู้ปรารถนาความดีท่านอื่นได้อนุโมทนาด้วย ก็จะขอขอบคุณมาก

    ขอเปิดการร่วมบุญ ภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ นี้<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ชมรมรักษ์เต่า<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ท่านที่มีจิตเมตตา สามารถบริจาคทุนทรัพย์เพื่อช่วยเหลือชมรมได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเภทออมทรัพย์ สาขาถนนรัชดาภิเษก 3 ชื่อบัญชี "คุณขจร เจียรวนนท์ และคุณนันทริกา ชันซื่อ เพื่อโครงการคืนชีวิตเต่าและตะพาบน้ำคืนสู่ธรรมชาติ" เลขที่ 106-2-18477-3

    รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่ ชมรมรักษ์เต่า โทร. 02-699 3110-1 หรือ โทรสาร. 02- 643 2174<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  20. รสมน

    รสมน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,451
    ค่าพลัง:
    +2,047
    อานิสงส์สร้างศาลา
    ......
    นันทิยะได้ถวายศาลาแก่พระบรมศาสดา ความว่านันทิยะเป็นมหาทานบดี
    สร้าง วิหารที่ป่าอิสิปตนะพร้อมด้วยเครื่องเสนาสนะ แล้วทำมหกรรมการฉลองอย่างมโหฬาร ถวายแก่ พระภิกษุสงฆ์ มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธานได้หลั่งน้ำทักขิโณทก ตกลงเหนือฝ่าพระหัตถ์พระบรมศาสดาในขณะนั้น ปราสาทอันเป็นทิพย์สำเร็จแล้วด้วยแก้ว ๗ ประการ ใหญ่ ๑๒ โยชน์ สูง ๑๗ โยชน์ เพรียบพร้อมไปด้วยนางเทพธิดา ก็อุบัติขึ้นในเทวโลกรอคอยนันทิยะอยู่ กาลํ กตฺวาครั้นนันทิยะสิ้นชีพทำลายขันธ์แล้ว ก็ได้ไปเสวยสมบัติในเทวโลกอันรอคอยอยู่นั้น มีนามปรากฏว่า นันทิยะเทพบุตรบริโภคทิพย์สมบัติ อันมีนางฟ้าเป็นบาทบริจาริกา แวดล้อมบำเรออยู่ทุกทิพราตรีกาล สุขเกษมสำราญอยู่ในทิพย์วิมานนั้น อย่างไม่มีเวลาสร่างซา<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    อานิสงส์สร้างศาลาโรงธรรม

    ...อนาถปิณฑิกเศรษฐี ได้สร้างอารามเชตวันมหาวิหารถวายแก่ พระศาสดา และสาวกทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่งพระสาวกก็ปรารภกันว่าอนาถปิณฑิกเศรษฐี มีจิตศรัทธาสร้างวัดวาอารามทั้งหลายถวายเป็นทานแก่พระพุทธเจ้า กับทั้งเป็นผู้เลี้ยงคุ้มครองรักษาพระศาสดาจะเป็นประโยชน์อย่างไรหนอ สมเด็จพระพุทธเจ้าได้ทรงทราบโดยพระญาณของพระองค์แล้วเสด็จมา ในที่พระสงฆ์ประชุมนั้น แล้วทรงถามดูกรภิกษุทั้งหลายได้ประชุมกันด้วยเรื่องอะไร ภิกษุมีพระอานนท์เป็นต้น ก็กราบทูลว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ได้ปรึกษากันด้วยเรื่องอนาถปิณฑิกเศรษฐี ได้ก่อสร้างอารามถวายพระพุทธเจ้าจะเป็นประโยชน์ จะได้อานิสงส์แก่ท่านอย่างไรพระพุทธเจ้าข้า

    องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าได้ตรัสพระธรรมเทศนาว่า ในกาลครั้งหนึ่งมีพระเจ้าสุทัสน์ได้เสวยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ในเมืองสุทัสน์นคร ในครั้งศาสนาของพระพุทธเจ้าปิยทัสสีได้สร้างอารามเป็นทานแก่พระพุทธเจ้าปิยทัสสี แล้วตั้งปณิธาน ความปรารถนาว่า ขอให้ข้าพเจ้าได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งเถิด เมื่อสิ้นชีพตามอายุขัยแล้วก็ได้บังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต เสวยสมบัติทิพย์มีนางฟ้าเทพอัปสรแสนหนึ่งเป็นบริวาร มีวิมานทองสูง ๔๕ โยชน์ มีอายุยืนนานได้พันปีทิพย์ ครั้นจุติก็มาเกิดเป็นบุตรพยากาวิตะกษัตริย์ ในเมืองเสถะนคร ชื่อว่ารามวัตติกุมาร ครั้นเจริญวัยแล้วได้ดาบกายสิทธิ์ มีวชิราเพชรช้างแก้ว ม้าแก้ว วัวแก้ว ปราสาทแก้ว เกิดขึ้นด้วยบุญกุศลราศี ที่ได้ก่อสร้างอารามศาลาให้เป็นทาน ครั้นได้ละ
    จากอัตตภาพนั้น ก็ได้เสริมสร้างบารมีจนมาเกิดเป็นองค์พระตถาคตในกาลบัดนี้เมื่อพระบรมศาสดาได้แสดงพระธรรมเทศนาจบลงแล้วเหล่าภิกษุทั้งหลายก็ได้สำเร็จพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระ
    อนาคามีและพระอรหันตปฏิสัมภิทาญาณ<O<?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" o:preferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"> <v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><v:path o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></v:path><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape id=Picture_x0020_304 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1046"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>></O<v:shape id=Picture_x0020_305 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1045"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>>
    <O<v:shape id=Picture_x0020_306 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1044"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>></O<v:shape id=Picture_x0020_307 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1043"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>>
    อานิสงส์สร้างเวจกุฏี (ห้องน้ำ)
    .....ใจความว่า พระศาสดาได้เสด็จประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร แห่งกรุงสาวัตถี มีมาณพคนหนึ่งเป็นช่างทองทำการขายทองรูปพรรณอยู่ในกรุงสาวัตถีนั้น จนมั่งมีโภคทรัพย์สมบัติมากอยู่มาวันหนึ่งมาณพนั้นมาคิดว่า เราค้าขายทองก็มีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ ทรัพย์ที่หามาได้โดยยาก ก็ไม่อยากจะให้สูญหายไปโดยเร็ว ตริตรองหาวิธีที่จะเก็บทรัพย์ให้ได้อยู่นาน ก็ไม่พบวิธีที่จะป้องกันความเสื่อมเสียของทรัพย์ได้ เพราะว่าทรัพย์เป็นของกลางเป็นเครื่องอาศัยของคนทุกคน สุดแล้วแต่ใครจะขยันหมั่นเพียรหามาได้เท่านั้น ถึงแม้จะหามาได้มากก็ดี ถ้าขาดปัญญาเป็นเครื่องรักษาทรัพย์แล้วทรัพย์นั้นก็ไม่คงทนอยู่ได้ แม้จะอยู่ได้ตลอดไปตนเองก็มีชีวิตยืนนานที่จะบริโภคต่อไปไม่ได้เพราะความตายย่อมมาพรากตนให้หนีไปเสียจากทรัพย์เมื่อสิ้นชีพแล้วทรัพย์เหล่านั้น ก็ไม่ติดตามตนไปปล่อยไว้ให้คนอื่นเขาใช้สอยอย่างสบาย เห็นมีอยู่แต่อย่างเดียวเท่านั้น ที่จะติดตามตัวไปในอนาคต คือฝังทรัพย์ไว้ในพุทธศาสนาเมื่อคิดเช่นนี้แล้วก็คิดดูว่าจะทำอะไร สิ่งอื่น ๆ ก็มีผู้ทำไว้หมดแล้ว ก็เห็นแต่เวจกุฎีเท่านั้นที่ยังไม่มีใครทำเลย<O<v:shape id=Picture_x0020_308 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1042"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>></O<v:shape id=Picture_x0020_309 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1041"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>>
    เมื่อคิดเช่นนี้แล้วจึงได้สร้างขึ้นเมื่อสำเร็จแล้วยังได้สร้างโรงไฟ แลที่สำหรับอาบน้ำอีกด้วยเมื่อเสร็จสรรพดีแล้ว ก็ทำการฉลองอย่างมโหฬารและมอบถวายแก่ ภิกษุสงฆ์มีพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเป็นประธานแล้วตั้งปฏิธานความปรารถนาว่าข้าแต่ท่านผู้
    เจริญ เมื่อข้าพเจ้ายังไม่ถึงพระนิพพานตราบใด ขึ้นชื่อว่าความทุกข์อันเกิดแต่โรคต่าง ๆ อย่าได้มาแผ้วพานต่อข้าพเจ้าเลย อิมินาทาเนน ด้วยอำนาจผลทานนี้พระสารีบุตรก็อนุโมทนาว่า ขอให้ความ
    ปรารถนาจงเป็นผลสำเร็จเถิดมาณพนั้นเป็นผู้ไม่ประมาทผลทาน ให้สมาทานศีลครั้นทำกาลกิริยาตายไปแล้วไปเกิดบนสวรรค์เทวโลก มีสมบัติวิมานทอง มีเทพอัปสรเป็นยศบริวาร อยู่มาวันหนึ่งภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนา ถึงมาณพผู้นั้นอยู่พระศาสดาเสด็จมาถึงในที่นั้นแล้วตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลายเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร ภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบ พระองค์ทรงแสดงธรรมเทศนา แก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นว่าดูกรภิกษุทั้งหลาย
    นรชนทั้งหลายเกิดมาได้พบพระพุทธเจ้าและในขณะที่พุทธศาสนายังประดิษฐานอยู่จะเป็นผู้เศร้าโศกในอบายภูมิ เป็นจำนวนมากมาณพที่เป็นช่างทองนี้ได้พบทั้งสองประการแล้วไม่เป็นผู้ประมาท ได้สร้างเวจกุฎีถวายบูชาพระรัตนตรัยด้วยศรัทธาเลื่อมใส ได้เสวย
    สุขในสุคติโกลสวรรค์ และเป็นปัจจัยให้ถึงซึ่งพระนิพพาน แม้ในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าตัณหังกร เราตถาคตก็เคยสร้างเวจกุฎี และที่สำหรับอาบแก่พระภิกษุสามเณรได้ตั้ง
    สัตยธิษฐานว่า ขอให้ข้าพระองค์ได้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง ในอนาคตกาล ด้วยผลแห่งอานิงส์ที่ข้าพระองค์ได้สร้างเวจกุฎีให้เป็นสาธารณะทานนี้ ตถาคตครั้นทำลายขันธ์แล้วก็ไปบังเกิดสวรรค์เสวยทิพย์สมบัติอยู่ชั้นดุสิตครั้นจุติจากชาตินั้นแล้ว ได้ท่องเที่ยงอยู่สังสารวัฎฎ์จนบารมีเต็มเปี่ยมแล้วจึงตรัสเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือตถาคตนี้เอง ก็สมดังคำปรารถนาในครากาลครั้งโน้นทุกประการ เมื่อจบพระธรรมเทศนาจบลงแล้วชนทั้งหลายเป็นอันมากได้ดวงตาเห็นธรรม ต่างก็รื่นเริงบันเทิงใจในเวจกุฎีเป็นยิ่งนัก<O<v:shape id=Picture_x0020_310 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1040"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>></O<v:shape id=Picture_x0020_311 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1039"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>><o:p></o:p>
    <!-- google_ad_section_end --><o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทานกับคุณแม่ เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น
    และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


    ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
    รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
    สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม ฟังธรรม
    ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
    และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ด่วนขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบานประตูห้องสวดมนต์,และบรรจุพระบรมฯ
    <!-- google_ad_section_end -->โทรศัพท์ (พระยิ้ม)08-2225-5904,08-7786-6764
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอเชิญร่วมสร้างพระประธาน(หลวงพ่อหยกขาว)และพระอัครสาวก ณ วัดป่าท่าไทจ.สุราษฎ์ธานี
    <!-- google_ad_section_end -->
    สามารถร่วมทำบุญโดยตรงได้ที่... <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ชื่อบัญชี พระประพันธ์ ผลปุญโญ
    ธนาคารกรุงไทย สาขาปากน้ำ
    บัญชีเลขที่ 219-0-30836-4 <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ภายหลังจากโอนเงินแล้ว..
    กรุณาแจ้งชื่อ- นามสกุลและยอดเงินร่วมทำบุญ
    ได้ที่ E-mail : o_nong@hotmail.com

    ผู้ประสานงาน / สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
    คุณหน่อง ติดต่อ : 089-112-5223<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    หมดเขตร่วมทำบุญองค์หลวงพ่อหยกขาว
    ภายในวันที่ 16 ส.ค. 2554<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ลูกเณรขอเมตตาคุณโยมบรณะหอระฆังวัดลูกเณรด้วยนะคับ<o:p></o:p>
    ลูกเณรภานุพงศ์ สมศรี วัดกิ่วแก้ว ตำบลห้วยข้าวก่ำ อำเภอจุน จังหวัดพะเยา 56150 เบอร์โทรหลวงพี่คับ 089-9544470<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    (ด่วน)ซื้อทองคำไปหล่อรูปเหมือนหลวงตามหาบัว และ ครูบาอาจารย์<o:p></o:p>
    ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม<O<v:shape id=Picture_x0020_4 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1038"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape></O<v:shape id=Picture_x0020_5 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1037"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>
    คุณวุฒิชัย ศรีสุข(คุณเบิร์ด) เบอร์โทร.085-361-4989<O<v:shape id=Picture_x0020_6 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1036"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape></O<v:shape id=Picture_x0020_7 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1035"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>
    ใครจะฝากแผ่นทองเหลือง ไปหล่อก็ให้ส่งมาที่<O<v:shape id=Picture_x0020_8 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1034"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape></O<v:shape id=Picture_x0020_9 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1033"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>
    คุณวุฒิชัย ศรีสุข (เบิร์ด) เจ้าหน้าที่การเงิน<O<v:shape id=Picture_x0020_10 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1032"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape></O<v:shape id=Picture_x0020_11 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1031"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>
    บ.เอฟบี ฟู้ดเซอร์วิส จก. 37 หมู่ 1 ซ.สุขสวัสดิ์ 43 ต.บางครุ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ 10130<O<v:shape id=Picture_x0020_12 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1030"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape></O<v:shape id=Picture_x0020_13 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1029"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>
    <O<v:shape id=Picture_x0020_14 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1028"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape></O<v:shape id=Picture_x0020_15 style="VISIBILITY: visible; WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt; mso-wrap-style: square" alt="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" type="#_x0000_t75" o:spid="_x0000_i1027"> <v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\ADMINI~1\LOCALS~1\Temp\msohtmlclip1\01\clip_image001.gif" o:title="tongue-smile"></v:imagedata></v:shape>
    โดยจะมีพิธีเททองหล่อรูปเหมือนพ่อแม่ครูอาจารย์พระป่ากรรมฐาน ครั้งที่ 6
    วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2554
    ณ สวนแสงธรรม ถนนพุทธมณฑลสาย 3 แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    เรียนเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธา ร่วมสร้างวัดใหม่ อานิสงส์เช่นท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี<o:p></o:p>
    086-3445726, 02-5561641-2<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    เชิญร่วมบุญปรับปรุงพระตำหนักท่านพ่อกรมหลวง<o:p></o:p>
    08-69489919<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ หล่อหลวงพ่อพระพุทธโสนันทชัยมงคล<o:p></o:p>
    <HR style="COLOR: white" align=center width="100%" noShade SIZE=1>
    ติดต่อได้ที่เจ้าอาวาสทุกวัน
    088-4530620,087-7933098,081-7263454,086-0962375
    หรือโอนเงินเข้าบัญชี ธ.กรุงไทย สาขาสุพรรณบุรี 710-0-19138-6
    ***
    ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2554 นี้เป็นต้นไป ***<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    สร้างพระสมปรารถนา และพระวิหารพุทธภาวนา วัดป่าสถานีใหม่จันทึก ปากช่อง นครราชสีมา<o:p></o:p>
    <!-- google_ad_section_end -->ทำบุญได้ที่ :
    ธนาคารกสิกรไทย ออมทรัพย์
    สาขาปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
    เลขที่บัญชี 188-2-58280-5
    ชื่อบัญชี พระครูสมุห์อุบล สนฺตมโน

    ติดต่อสอบถาม :
    เกรียงไกร โสมนิล
    มือถือ 089 897 8008

    พระอาจารย์อุบล เจ้าอาวาสวัดป่าสถานีใหม่จันทึก ตำบลจันทึก อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
    มือถือ 081 265 1198<o:p></o:p>
    <!-- google_ad_section_end --><o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผ้าป่าปฏิสังขรณ์พระวิหาร และสำนักวิปัสสนา บนพุทธบาทสี่รอย (แม่ริม เชียงใหม่)
    <!-- google_ad_section_end -->วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
    http://www.kammatan.com

    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอเชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี 10 วัด ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ กม.10 กทม.
    วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554


    ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี 10 วัด ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ถ.รามอินทรา กม.10
    เขตคันนายาว กทม. ในวันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 06.30-10.00 น.

    ในโอกาสทำบุญฉลองครบรอบ 16 ปี พ.ศ. 2554 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ได้กราบนิมนต์พระกรรมฐานมาฉันเช้าและรับผ้าป่าสามัคคี 10 วัด เพื่อที่ท่านจะนำปัจจัยไป สร้างโบสถ์ สร้างเจดีย์ ศาลาอเนกประสงค์ กุฏิสงฆ์ และซื้อที่ดินขยายวัด เป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความมั่นคงสืบต่อไป

    เพื่อให้ผู้มีบุญและมีจิตศรัทธาได้มีโอกาสทำบุญสร้างบารมีกับพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ(พระผู้เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ) ยังผลให้เกิดพลานิสงส์มากมายเป็นอเนกอนันต์หลายประการ เป็นอริยทรัพย์ติดตามท่านไปตราบจนบรรลุพระนิพพาน

    การทอดผ้าป่าสามัคคี 10 วัด มีดังต่อไปนี้
    1.
    หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร วัดป่าวิเวกพัฒนาราม อ.พรเจริญ จ.หนองคาย (ผ้าป่าสร้างเจดีย์)
    2.
    หลวงปู่เจริญ ราหุโล วัดพระธาตุเขาน้อย อ.บ้านคา จ.ราชบุรี (ผ้าป่าสร้างโรงพยาบาล)
    3.
    หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปัญโญ วัดใหม่บ้านตาล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร (ผ้าป่าซ่อมแซมกุฏิ)
    4.
    หลวงพ่อสมหมาย จิตตปาโล วัดป่าอนาลโย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม (ผ้าป่าสร้างศาลาอเนกประสงค์)
    5.
    หลวงพ่อวิชัย เขมิโย วัดถ้ำผาจม อ.แม่สาย จ.เชียงราย (ผ้าป่าสร้างโบสถ์จตุรมุข)
    6.
    หลวงพ่อคูณ สุเมโธ วัดป่าภูทอง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี (ผ้าป่าสร้างที่พักปฏิบัติธรรม)
    7.
    หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ (ผ้าป่าสร้างพระพุทธรูป)
    8.
    หลวงพ่อฉลวย อชิโต วัดป่าโนนหินเสื่อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย (ผ้าป่าสร้างกุฏิ)
    9.
    หลวงพ่อไชยา อภิชโย วัดป่าบ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี (ผ้าป่าบำรุงวัด)
    10.
    หลวงพ่อสุภาพ ฉันทชาโต วัดเหวลึก อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร (ผ้าป่าสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ลี)


    ผู้มีจิตศรัทธาจะร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญทอดผ้าป่า หรือร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธาได้ที่
    ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์
    หรือ โอนเงินบริจาคไปที่ ชื่อบัญชี ผ้าป่าแฟชั่นฯ 23 กรกฎา 54”
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ บัญชีออมทรัพย์
    เลขที่บัญชี : 171-250497-2


    ผู้ประสานงาน
    1.
    คุณกิตติ วิเศษศักดากร โทร. 081-4415223
    2.
    รศ.มานพ ตันตระบัณฑิตย์ โทร. 089-0633863
    3.
    คุณสิริภา ลิขิตศรัณย์ โทร. 02-9475000
    4.
    คุณสรศักดิ์ บุณยพุกกณะ โทร. 081-8432416<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ผ้าไตรจีวร ๙ ชุด และเทียนพรรษา วัดคีรีสุวรรณ จังหวัดเชียงราย
    <!-- google_ad_section_end -->พระอาจารย์เจ้าอาวาส วัดคีรีสุวรรณ จังหวัดเชียงราย ได้กรุณาบอกบุญ
    ทางวัดยังขาดผ้าไตรจีวร ๙ ชุด และเทียนพรรษา สำหรับพระที่จะจำพรรษานี้อยู่
    โดยผ้าไตรจีวรชุดละ ๓,๘๐๐ บาท

    หรือติดต่อผมได้ที่
    matikarn@gmail.com
    ๐๘๖-๕๖๗-๗๒๐๙
    ธนาคารกรุงเทพสขา เซียร์รังสิต 028-0-138-652
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาแหลมฉบัง 653-2-447-821
    ชื่อบัญชี ATIKARN M<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอเชิญร่วมบริจาคพิมพ์หนังสือธรรมะ "พุทธฤทธิ์ชินบัญชรและคำสอนสมเด็จโต"<o:p></o:p>
    <!-- google_ad_section_end -->087-679-6601
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระอาจารย์ปิยะรัตนะ ขอเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ร่วมแสวงบุญ ณ ประเทศศรีลังกา ระหว่างวันที่ 11-16 สิงหาคม 2554 ชมขบวนแห่พระธาตุเขี้ยวแก้ว พระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งจัดให้มีปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
    ด่วนรับจำนวนจำกัดเพียง 10 เท่านั้น
    สนใจติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่...
    คุณ ยุพาวดี ชูศิริ
    0813684895
    email : ychusiri@yahoo.co.th<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    เปิดรับสมัครหลักสูตรครูสมาธิ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
    <!-- google_ad_section_end -->
    หรือเบอร์ 081-910-5996
    รับจำกัดจำนวน 200 ท่านเท่านั้น
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ขอรับบริจาคเตียงผู้ป่วยปรับระดับได้ และที่นอนลม<o:p></o:p>
    <HR style="COLOR: white" align=center width="100%" noShade SIZE=1>
    สนใจบริจาค ติดต่อได้ที่ 085-9559581<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    มูลนิธิบ้านอารีย์ เชิญท่านร่วมกันบริจาคนมเพื่อน้อง (นมนั้นไม่ควรผ่านการแช่มาก่อน)
    โดยนำบริจาคได้ที่ มูลนิธิบ้านอารีย์ ในวันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน 2554
    (หากท่านไม่สะดวก สามารถนำมาฝากไว้ที่ห้องสมุดธรรมะบ้านอารีย์ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ยกเว้นเงินสดที่ท่านต้องนำมาถวายเองในวันนั้น)
    และในวันนั้น
    พระอุดมประชากร (ท่านเจ้าคุณอลงกต) เมตตามาแสดงธรรม และรับสิ่งของบริจาค
    ศาลาปันมี เวลา 18.00-20.00 น.
    ขอเชิญทุกท่านมาร่วมช่วยน้องกัน...อนุโมทนา

    นมถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาร่างกายและสมองของเด็ก
    วันนี้ลูกหลานคุณดื่มนมแล้ว เด็กๆเหล่านี้ล่ะ...
    เขาได้ดื่มนมกันหรือยัง ?

    มูลนิธิ บ้านอารีย์
    บริจาคนมเพื่อน้อง นมเพียง ๑ กล่อง คุณก็ช่วยน้องได้
    เพื่อให้สอดคล้องกับองค์การอนามัยโลกที่ กำหนดให้
    วันที่ ๑ มิถุนายน ที่ผ่านมาเป็น"วันดื่มนมโลก" (World Milk Day)
    มูลนิธิบ้านอารีย์ จึงขอเชิญชวนช่วยกันส่งสายใจแห่งความห่วงใย
    สู่ น้องๆ ณ บ้านธรรมรักษ์ บ้านหลังเล็ก ๆสำหรับเด็กด้อยโอกาส
    ทึ่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี
    โดยท่านเจ้าคุณอลงกต เมตตาช่วยเหยีวยารักษาบาดแผลทั้งกายและใจ เป็นจำนวนมาก
    และยังขาดแคลนนม ที่ช่วยเสริมสร้างโภชนาการตามวัยของเด็ก


    ชีวิตของเด็กและผู้ป่วยของวัดพระบาทน้ำพุยังคงต้องการเงินบริจาคอยู่มาก ซึ่งก็แล้วแต่จิตศรัทธาของทุกท่าน.
    ท่านที่มีความประสงค์ที่จะช่วยเหลือในการบริจาคสิ่งของจำเป็นต่างๆได้ มีดังนี้
    - ข้าวสารอาหารแห้ง สบู่ แชมพู ยาสีฟัน หรือของใช้ประจำวัน สำหรับเด็กและผู้ป่วย
    - ยารักษาโรค และเวชภัณฑ์ต่างๆ
    - ผ้าอ้อมสำเร็จรูป
    เนื่องจากน้อง ๆ เป็นเด็กติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันทางร่างกายที่ค่อนข้างต่ำ จึงขอความกรุณาบริจาคสิ่งของที่เป็น "ของใหม่" เท่านั้น ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง

    สอบถามรายละเอียด โทรฯ02 279 7838 / 02 619 7474 <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...