เรื่องดุ เรื่องดี หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย jinny95, 3 สิงหาคม 2012.

  1. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666

    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td><table bgcolor="#222244" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td>[​IMG]</td></tr></tbody></table></td><td rowspan="2" bgcolor="#000000" valign="top"><table bgcolor="#204080" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td width="10">
    </td></tr></tbody></table></td></tr><tr><td colspan="2" align="left" bgcolor="#000000"><table bgcolor="#204080" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td width="10">
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>



    เรื่องดุ เรื่องดี


    เทศน์อบรมฆราวาสวัดป่าบ้านตาด


    เมื่อวันที่๑๐ธันวาคมพุทธศักราช๒๕๒๕



    ขอเผดียงท่านทั้งหลายให้ทราบทั่วกันก่อนว่าส่วนมากเขาร่ำลือเหลือเกินว่าอาจารย์มหาบัวนี้ดุแต่สาเหตุที่มาทำให้อาจารย์มหาบัวดุนั้นเขาไม่พูดมีแต่พูดว่าอาจารย์มหาบัวดุใครก็บอกว่าอาจารย์มหาบัวดุสาเหตุที่อาจารย์มหาบัวดุนั้นเพราะเหตุไรเขาไม่ได้บอกนี่ก็แสดงว่าลำเอียงไม่สม่ำเสมอไม่เป็นธรรมสมเป็นชาวพุทธถ้าเป็นความสม่ำเสมอแล้วต้องซักซ้อมกันว่าเพราะเหตุไรท่านถึงดุนั่นจะได้เรื่องได้ราวอันนี้มีแต่อาจารย์มหาบัวดุๆถ้าพูดแบบโลกเราก็ต้องเสียเปรียบตลอดเวลาใช่ไหมล่ะท่านทั้งหลายมีแต่ได้เปรียบถ่ายเดียวไม่ยอมเสียเปรียบบ้างเลยอาจารย์มหาบัวเสียเปรียบตลอดเพราะไม่ว่าผู้ใหญ่ผู้น้อยที่อยู่นอกกำแพงวัดป่าบ้านตาดเขาเล่าลือกันทั้งนั้นแหละว่าอาจารย์มหาบัวดุๆนอกจากในกำแพงวัดคือพระในวัดนี้อาจไม่รู้เหมือนผู้อยู่นอกกำแพงคนนอกกำแพงนี้รู้กันหมดเสียงแซดเลยว่าอาจารย์มหาบัวดุ


    แต่ในกำแพงวัดนี้คงจะเป็นพระเซ่อพระอยู่นี้ปริญญาตรีก็มีปริญญาโทก็มีปริญญาเอกก็มีพวกฝรั่งมังค่ามาเต็มหมดอยู่ในนี้จนกระทั่งรับไม่ได้ เพราะมากเกินอัตรารับเวลานี้ยังเหลืออยู่ห้าองค์เรารับไม่ได้เกินกว่านี้พระมาจากที่ไหนก็ตามส่วนมากพระอยู่ที่นี่มีพระทางภาคกลางมากกว่าเพื่อนท่านเหล่านี้เวลาอยู่นอกกำแพงท่านก็ฉลาดดีกิเลสท่านก็เบาบางพอก้าวเข้ามาในกำแพงวัดนี้แล้วกลายเป็นพระกิเลสหนาปัญญาหยาบไปตามๆ กันเซ่อๆ ซ่าๆ ไปหมด เพราะอาจารย์มหาบัวพาเซ่อเข้าใจไหมล่ะพระพวกนี้อาจไม่รู้ก็ได้ว่าอาจารย์มหาบัวดุน่ะนอกกำแพงวัดเขารู้กันทั้งนั้นร่ำลือกันพิลึก


    ไปที่ไหนมีแต่อาจารย์มหาบัวดุๆแต่พระที่เข้ามาอยู่นี่ปริญญาตรีปริญญาโทปริญญาเอกมีคงไม่ทราบว่าดุไม่ดุบางองค์อยู่๒๐กว่าปีก็มีส่วนมากมีแต่พระเก่าๆไม่ค่อยหนีไปไหนแหละแต่เราก็ไม่ขับไล่ท่านนะก็ไม่ทราบจะขับไล่ยังไงเพราะไม่มีเหตุผลที่ควรขับไล่นี่จึงมีแต่พระเก่าๆพระใหม่เข้ามาอยู่ไม่ค่อยได้เพราะที่อยู่อาศัยเต็มหมด


    การจะดุหรือไม่ดุตามหลักธรรมชาติหลักธรรมดาของธรรมแล้วควรดุก็ต้องดุควรดีต้องดีควรชมต้องชมควรตำหนิต้องตำหนินี้เป็นหลักธรรมนิคฺคยฺหปคฺคยฺหเป็นธรรมประจำหรือเป็นคู่เคียงของศาสนามาดั้งเดิมแยกกันไม่ออกในธรรมสองประเภทนี้นิคฺคยฺหได้แก่การดุด่าว่ากล่าวหรือตำหนิติเตียนในคนที่ผิดหรือพระที่ผิดปคฺคยฺหชมเชยสรรเสริญผู้ที่ทำถูกให้มีแก่จิตแก่ใจว่าการทำนี้ทำถูกต้องแล้วและส่งเสริมให้ทำดียิ่งขึ้นกว่านี้ไปอีกธรรมทั้งสองบทนี้เป็นหลักธรรมประจำศาสนาแยกกันไม่ออกเพราะพระพุทธเจ้าทรงแต่งตั้งบัญญัติเองใครไม่กล้าอุตริบัญญัติขึ้นมาเองได้


    พระเวลาก้าวเข้ามาในกำแพงนี้ กลายเป็นพระมืดหนาปัญญาหยาบไปหมดไม่ทราบว่าหรือยังไงก็ไม่รู้นะว่าอาจารย์มหาบัวดุเขาร่ำลือกันทั้งโลกพระพอก้าวเข้ามาในกำแพง กำแพงคงปิดหูปิดตาหมดพระวัดนี้จึงไม่อาจทราบได้บางองค์อยู่๒๐กว่าปีก็มี๑๘-๑๙ปี๑๕-๑๖ปีมีแต่พระเก่าๆ เต็มพระใหม่เข้าไม่ได้เข้ามาก็ชั่วคราวแล้วก็ต้องผ่านออกเพราะพระเก่าไม่ยอมหนีเต็มอยู่นี่พระที่มาใหม่ก็อยู่ไม่ได้นี่ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นทั้งโลกเขารู้กันทั้งนั้นว่าอาจารย์มหาบัวดุแต่พระในกำแพงวัดนี้ทำไมถึงไม่รู้ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นให้ท่านทั้งหลายนำไปพิจารณาหน่อยนะเรื่องนี้บางทีอาจได้ข้อคิด


    เรื่องของศาสนามีเหตุมีผลทุกอย่างศาสนาไม่มีเหตุมีผลไม่มีความถูกต้องแม่นยำจะเป็นที่ยึดที่นับถือเป็นที่เคารพเลื่อมใสฝากเป็นฝากตายของโลกไม่ได้เฉพะอย่างยิ่งชาวพุทธจะฝากไปทำไมไม่เกิดประโยชน์ฝากเป็นฝากตายด้วยสิ่งเหลวไหลใช้ไม่ได้ต้องเห็นว่าสิ่งนั้นดีและปลอดภัยเข้าไปพึ่งสิ่งใดสิ่งนั้นต้องปลอดภัยแน่ใจว่าปลอดภัยไปพึ่งผู้ใดย่อมเห็นว่าผู้นั้นปลอดภัยร่มเย็นถึงจะพึ่งได้ทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าไปพึ่งไปแอบอิงต้องแน่ใจว่าสิ่งนั้นให้ความร่มเย็นให้ความปลอดภัยได้นั่น


    นี้ก็เหมือนกันพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ออกมาจากศาสดาองค์เอกคือพระพุทธเจ้าไม่มีใครเสมอเหมือนความรู้ความสามารถทุกสิ่งทุกอย่างสตฺถาเทวมนุสฺสานํเป็นครูของทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายสามไตรโลกธาตุนี้พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาสอนทั้งนั้นเป็นยังไงใครสามารถสอนโลกได้ทั้งสามโลกเราเพียงคนเดียวเท่านั้นยังสอนเราไม่ได้มันยังเถลไถลไปได้ลองพิจารณาดูซิในตัวของเราเองเราสอนเราเองเพียงคนเดียวยังสอนไม่ได้ยังเถลไถลไปจะว่ายังไงนี่พระพุทธเจ้าสอนได้ทั้งสามโลกเก่งขนาดไหน


    ธรรมะเป็นสิ่งที่แน่ใจตายใจได้เราจึงเปล่งวาจาพร้อมทั้งจิตใจน้อมระลึกถึงท่านว่าพุทฺธํสรณํคจฺฉามิขอฝากเป็นฝากตายกับพระพุทธเจ้าธมฺมํสรณํคจฺฉามิขอฝากเป็นฝากตายไว้กับพระธรรมสงฺฆํสรณํคจฺฉามิขอฝากเป็นฝากตายไว้กับพระสงฆ์เพราะท่านเหล่านี้เป็นธรรมดวงเลิศด้วยกันทั้งสามเรียกว่าพระรัตนตรัยรัตนะแปลว่าแก้วตรัยแปลว่าสามรวมเป็นแก้วสามดวงอันประเสริฐนี่แลเราฝากชีวิตจิตใจไว้กับนี้ไม่ใช่ขี้หมูราขี้หมาแห้งก็ สรณํคจฺฉามินี่ท่านทั้งหลายเคยได้ยินไหมขี้หมูราขี้หมาแห้ง สรณํคจฺฉามิน่ะจะไปสรณํคจฺฉามิยังไงขี้หมาธรรมะพระพุทธเจ้าเป็นกฎเป็นเกณฑ์อย่างนั้นฉะนั้นผู้ปฏิบัติตามหลักธรรมให้เป็นหลักเป็นเกณฑ์แก่ตน และเป็นหลักเป็นเกณฑ์แก่คนอื่นอีกด้วยแล้วทำไมจะเอานอกเหตุนอกผลมาสั่งสอนมาดุด่าว่ากล่าวกันมีเหรอให้ท่านทั้งหลายพิจารณาตรงนี้


    การแนะนำสั่งสอนพระพุทธเจ้าก็ทรงเอาสิ่งที่พระองค์ทรงดำเนินมาแล้วทั้งผลที่ได้รับเป็นที่พึงพอพระทัยมาสั่งสอนสัตว์โลกเห็นว่าถูกต้องแม่นยำแล้วเช่นยารักษาโรคหมอต้องค้นคว้าเสียแทบล้มแทบตายได้มาแล้วยังต้องมาทำการทดลองอีกจนเป็นที่แน่ใจแล้วจึงนำเอายานั้นไปรักษาคนไข้ธรรมะของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกัน


    ครูบาอาจารย์ทั้งหลายที่ปรากฏชื่อลือนามเราได้กราบไหว้บูชากันอยู่อย่างสมัยปัจจุบันนี้ล้วนแต่เป็นผู้ฝึกทรมานตนมาแล้วท่านฝึกฝนอบรมฝึกทรมานตนเองเต็มเม็ดเต็มหน่วยทั้งเหตุทั้งผลทดสอบจนเป็นที่แน่ใจแล้วว่าเจ้าของเองผู้ฝึกฝนทรมานเจ้าของก็ไม่มีอะไรเสียหายเพราะการฝึกนั้นนอกจากเป็นประโยชน์โดยถ่ายเดียวจากเหตุและผลของการฝึกฝนอบรมตัวเองที่เห็นว่าถูกต้องแล้วจึงได้นำอุบายเหล่านั้นมาแนะนำสั่งสอนประชาชนควรดุต้องดุควรด่าต้องด่าควรดีต้องดีเพราะท่านแนะนำสั่งสอนท่านฝึกทรมานท่านท่านทำอย่างนั้นมาแล้วยิ่งเวลาท่านฝึกทรมานท่านด้วยวิธีต่างๆยิ่งหนักมากยิ่งกว่าการมาสอนประชาชนเป็นไหนๆสอนประชาชนนี้เพียงปากเท่านั้นแหละลมปากว่าไปเขาจะเอาก็เอาเขาไม่เอาก็เป็นเรื่องของเขา


    แต่ท่านฝึกท่านท่านไม่เป็นอย่างนั้นว่าเอาหนาวันนี้หนาใส่ลงไปขาดสะบั้นลงไปเอ้าวันนี้ต้องนั่งเท่านั้นชั่วโมงนะเอ้าวันนี้เดินจงกรมเท่านั้นชั่วโมงจะหนีไปไหนไม่ได้อย่างน้อยต้องให้ได้ตามเวลาที่กำหนดนั้นถึงจะออกไปได้นั่งก็เอ้าอย่างน้อยต้องให้ได้ตามเวลาที่กำหนดไว้นั้นถึงจะออกได้มากกว่านั้นจะนั่งตามอัธยาศัยขนาดไหนก็ได้เมื่อพ้นเวลาพ้นเขตพ้นแดนพ้นความสัตย์ความจริงที่ตั้งไว้แล้วท่านฝึกท่านท่านฝึกจริงจังอย่างนั้นเอ้าจะกินหรือไม่กินก็ตามข้าวนี่เราเคยกินมาแล้วตั้งแต่วันเกิดระยะนี้เราจะไม่กินเราจะภาวนาอย่างเดียวก็ไม่กินจริงๆนั่นหนักไหมท่านฝึกท่านเดินจงกรมก็เอ้า ฟาดตั้งแต่ฉันจังหันเสร็จแล้ว จนกระทั่งถึงเวลาปัดกวาดตอนบ่ายสามโมงสี่โมงกี่ชั่วโมงที่ไม่ให้ออกจากทางจงกรมนั่น


    ขออภัยถ้าลงท่านได้ตั้งสัจอธิษฐานของท่านแล้วแม้จะปวดหนักปวดเบาก็ตามเถอะนะจะเจ็บจะปวดอะไรก็ให้มันทะลักในที่นั่งสมาธิภาวนานั้นเลยถ้าเราจะมีข้อแม้เว้นแต่ปวดหนักปวดเบาพอนั่งภาวนาเกิดเหนื่อยบ้างนิดหน่อยความขี้เกียจเกิดขึ้นแล้วมันจะหาทางเถลไถลออกไปแล้วโอ๊ยปวดหนักโอ๊ยปวดเบาแล้วไปเงียบเผ่นเลยอย่างนั้นใช้ไม่ได้เอ้านั่งภาวนาเว้นแต่ปวดหนักปวดเบานะถ้าอย่างนี้แล้วเป็นเสร็จให้มันไปไม่รอดนะ


    เอ๊าจะปวดหนักก็หนักเถอะจะปวดเบาก็เบาเถอะเวลาเกิดมาจากท้องแม่ก็อยู่บนตักแม่ขี้รดตักแม่สักเท่าไรเยี่ยวรดตักแม่มาเท่าไรไม่ว่าผ้าว่าสิ่งของเครื่องใช้อะไรๆ ของแม่ไม่เลือกไม้เว้นมันขี้รดใส่หมดแม่ยังเอาไปซักได้ทำไมเราโตแล้วจนได้มาบวชเป็นพระกรรมฐานขนาดนี้มานั่งภาวนาขี้ทะลักออก เยี่ยวทะลักออกใส่สบงจีวรเพราะการนั่งภาวนานานเวลาลุกออกจากที่แล้วจะซักไม่ได้มีเหรอเอาเถอะวันนี้อะไรจะออกก็ให้มันออกไปไม่ห่วงห่วงแต่ภาวนาอย่างเดียวเท่านั้นเราจะนั่งตั้งแต่บัดนี้จนกระทั่งสว่างเป็นวันใหม่ตามเวลาที่ตั้งคำสัตย์ไว้เท่านั้น


    รวมเวลาของการนั่งแบบสละตายแต่ละครั้งๆเป็นเวลา๑๒ชั่วโมงบ้าง๑๓ชั่วโมงบ้างไม่ยอมให้เคลื่อนจากที่นั่งนั้นเลยอะไรจะขาดให้ขาดไปหัวไม่ทนให้ขาดไปแขนไม่ทนให้ขาดไปร่างกายส่วนไหนไม่ทนให้ขาดไปอะไรไม่ทนให้ขาดไปแต่ความสัตย์ที่ตั้งไว้นี้จะขาดไปไม่ได้นั่นฟังซิท่านฝึกท่านๆ เอาอย่างนั้นท่านเอาจริงเอาจังกรุณาคิดดูการที่ท่านทำอย่างนั้นจะทุกข์ขนาดไหนทรมานขนาดไหนหักโหมขนาดไหน


    อุบายวิธีการแนะนำเจ้าของทรมานเจ้าของท่านก็ได้ทำมาแล้วผลเกิดขึ้นจากการฝึกฝนทรมานเป็นยังไงท่านได้รู้ได้เห็นมาแล้วการทำเช่นนั้นเหมือนกับเป็นการทดสอบมาแล้วทั้งเหตุทั้งผลเป็นที่พอใจแล้วเมื่อใครมาเกี่ยวข้องท่านท่านต้องคิดแง่อรรถแง่ธรรมหนักเบามากน้อยที่จะควรแนะนำสั่งสอนดุด่าว่ากล่าวไปตามเหตุการณ์ เป็นเหตุเป็นผลของท่านที่จะนำออกปฏิบัติต่อประชาชนรายนั้นๆตามความเหมาะสม ตามความเห็นควรของท่านต่างหากไม่ใช่บวชมาแล้วก็เพื่อดุโลกดุสงสารดะไปเลยอย่างนั้นดุทำไมดุไม่มีเหตุมีผลธรรมมีเหตุมีผลผู้ปฏิบัติธรรมต้องมีเหตุผลในการปฏิบัติรักษาตัวการสั่งสอนผู้อื่นก็ควรมีเหตุผลจึงจะถูก


    ความดุด้วยอารมณ์โกรธไม่พอใจเป็นเรื่องของกิเลสแต่ดุด้วยธรรมไม่มีอารมณ์โกรธไม่เป็นกิเลสเป็นธรรมและชอบธรรมส่วนมากมักเข้าใจกันว่าท่านโกรธ เวลาแสดงธรรมมีอาการเข้มข้นนั่นท่านเข้มข้นเพื่อปราบกิเลสช่วยคนด้วยพลังของธรรมต่างหากมิใช่ด้วยพลังของกิเลสตัวโมโหโทโสชาวพุทธเราส่วนมากไม่เข้าใจกันทั้งนี้เพราะไม่เคยพบเคยเห็นธรรมและพลังของธรรมภายในใจเคยเห็นแต่กิเลสและพลังของกิเลสภายในใจอย่างเดียวผลที่ได้รับจากการเห็นการได้ยินจึงเป็นว่าท่านดุท่านโกรธความจริงท่านดุเพราะเหตุผลกลไกลอะไร


    เพราะการดุมีสองประเภทดุด้วยพลังของธรรมก็มีดุด้วยพลังของกิเลสก็มีเราควรพิจารณาให้ละเอียดบ้างสมกับเราเป็นชาวพุทธและเป็นนักธรรมะควรพิจารณาทางเหตุทางผลจึงจะเห็นผลเห็นประโยชน์ในศาสนาไม่อย่างนั้นก็จะมีแต่กิเลสเหยียบย่ำทำลายเราอยู่ตลอดเวลาไปไหนก็เอากิเลสออกหน้าออกตาไปอวดพระท่านทางหูทางตาทางจมูกทางลิ้นทางกายความคิดทางใจมีแต่กิเลสออกทำงานอย่างออกหน้าออกตาเสียหมดธรรมทำงานไม่ได้หาทางก้าวออกไม่ได้เหตุผลก็ไม่มีติดตัวสิ่งที่ติดตัวและเต็มหัวใจก็คือกิเลส


    คนเราถ้ามีเหตุผลก็คือมีธรรมนั่นเองอยู่ในใจจะพูดจะคิดจะทำหน้าที่การงานใดเหมาะสมทั้งนั้นเพราะอยู่ในขอบเขตแห่งเหตุแห่งผลบังคับตัวไว้ในทางดีด้วยเหตุผลอรรถธรรมเอ้ากิเลสมันผาดโผนขนาดไหนธรรมะต้องผาดโผนขนาดนั้นฟัดกันลงไปให้กิเลสแตกกระจายกิเลสมันโหดร้าย เราโหดดีจะเป็นไรไปนั่นฟังซินั่นแลวิธีแก้เจ้าของวิธีฝึกทรมานเจ้าของไม่อย่างนั้นไม่ดีนะคนเรา


    อย่างว่าถือศาสนาสักแต่ว่าถือเฉยๆเมื่อถามว่าถือศาสนาอะไรถือศาสนาพุทธใครก็ถือศาสนาพุทธพอเริ่มตกฟากก็ถือศาสนาพุทธแต่ศาสนาพุทธเป็นยังไงปฏิบัติยังไงถึงจะเป็นผลเป็นประโยชน์สมกับชื่อกับนามว่าเป็นชาวพุทธและเป็นศาสนาพุทธไม่สนใจนี่ซิสิ่งที่ทำลงไปส่วนมากจึงมักมีแต่สิ่งที่เป็นข้าศึกต่อพุทธต่อชาวพุทธต่อตัวเองคำว่าถือศาสนาพุทธมันก็คือเทวทัตถือศาสนาพุทธนั่นเองถ้าเราไม่ปฏิบัติตามมิหนำซ้ำยังไปทำสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อศาสนาและตัวเราเองอีกด้วยจะเกิดผลเกิดประโยชน์อะไรนอกจากความเสียหายอย่างเดียวท่านทั้งหลายควรพิจารณาเรื่องเหล่านี้ใจและการกระทำของชาวพุทธเราจะได้มีหลักมีเกณฑ์กว่าที่เป็นอยู่เวลานี้และได้รับประโยชน์จากการนับถือและการปฏิบัติศาสนาเท่าที่ควร


    นี่แหละมาหาหลวงตาบัวท่านทั้งหลายอยากจะฟังนักฟังหนาเรื่องดุดุยังไงวันนี้ฟังเสียฟ้าร้องเปรี้ยงๆอยู่บนฟ้าโน้นก็ไม่เห็นเป็นไรฝนตกมายังเย็นได้ใช่ไหมเวลาเงียบๆ ไม่มีเสียงฟ้าคึกฟ้าคะนองบ้างเสียงฟ้าเปรี้ยงโน้นเปรี้ยงนี้บ้างฝนก็ไม่มีสักหยดสักหยาดพอฟ้ากระหึ่มๆเออนี่ดูเหมือนฝนจะตกแล้วนะหาอะไรมารองน้ำซินี่ใช่ไหมเสียงฟ้ามันดังลั่นแต่ฝนตกลงมามันเย็นนี่เสียงครูบาอาจารย์ดังลั่นแต่น้ำอรรถน้ำธรรมอาจเย็นก็มีให้พิจารณาเอาเองวันนี้ได้เทศน์ต้อนรับท่านทั้งหลายเรื่องดุเรื่องดีนะให้พากันนำไปปฏิบัติได้ให้ธรรมะอย่างนี้แล้วกรุณานำไปปฏิบัติตัวเองหนาที่พูดอย่างนี้เพื่อเป็นคติสำหรับท่านทั้งหลายผู้อุตส่าห์มา


    การฝึกใครก็ไม่ฝึกทรมานยากยิ่งกว่าฝึกคนคำว่าคนท่านทั้งหลายอย่าไปหมายถึงคนนั้นคนนี้อันเป็นการเหยียบย่ำทำลายดูถูกเหยียดหยามกันให้หมายถึงตัวของท่านของเราแต่ละคนๆ นี้การสอนใครก็ไม่สอนยากยิ่งกว่าสอนคนการฝึกทรมานไม่มีฝึกอะไรทรมานอะไรยากยิ่งกว่าฝึกทรมานคนนั่นคนคือใครคนคือเรานั่นแลจะเป็นใครที่ไหนไปให้น้อมเข้ามาหาตัวของเราแต่ละท่านละคนคนก็คือเรานี้ฝึกยากก็คือเรานี้จะเป็นผู้ฝึกให้ได้ให้อยู่ในขอบเขตเหตุผลก็คือเรานี้ย้อนเข้ามาสู่ตัวเรานี่แลฝึกยากคือเราเราจะฝึกให้ได้แม้ยากขนาดไหนก็คือการฝึกเราเพื่อเป็นคนดี นี่ได้ประโยชน์การปฏิบัติตามหลักศาสนาต้องมีหนักมีเบาสับปนกันไปบ้างซิถ้าอยากพบของดีน่ะ


    พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ทุกแง่ทุกมุมเพื่อให้เป็นคนดีทั้งนั้นแต่พวกเราชาวพุทธมักจะไปทำสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อศาสนาและเป็นข้าศึกต่อตัวเองเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เหลือแต่ชื่อน่ะซิว่าถือศาสนาพุทธๆความจริงของพุทธไม่ทราบจะทำยังไงเพราะเราไม่เคยทำตามไม่เคยปฏิบัติก็ไม่ได้เรื่องได้ราวท่านว่าให้ทานได้บุญอย่างนั้นนะรักษาศีลอย่างนั้นนะก็มีแต่ชื่อไม่ได้เรื่องต้องให้จริงจังทุกอย่างภาวนาก็ให้จริงการรักษาตัวก็ให้จริงประพฤติปฏิบัติตัวตามหลักศีลหลักธรรมก็ให้จริงจังแล้วเย็นไปหมดนะคนเรา


    ถ้าไม่มีศีลมีธรรมเสียอย่างเดียวไม่มีโลกไหนจะร้อนยิ่งกว่าโลกมนุษย์เราเพราะโลกมนุษย์เรานี้มีแต่คนฉลาดฉลาดกว่าสัตว์การทำความเสียหายมนุษย์จึงสามารถทำได้ทุกแง่ทุกมุมยิ่งกว่าสัตว์เป็นไหนๆทีนี้เมื่อเวลามนุษย์เราได้รับการอบรมในทางที่ดีด้วยอรรถด้วยธรรมแล้วก็ไม่มีผู้ใดจะทำความร่มเย็นให้แก่กันตลอดถึงสัตว์ทั้งหลายได้ยิ่งกว่ามนุษย์เรา


    มนุษย์เราเป็นเยี่ยมเรื่องความฉลาดถ้าฉลาดทางดีแล้วก็เป็นเยี่ยมในทางให้ความร่มเย็นแก่กันเป็นประโยชน์แก่กันถ้าเป็นทางเสียแล้วก็มนุษย์นี้ตัวพินาศฉิบหายที่สุดเลยยักษ์สู้ไม่ได้เราไม่เคยเห็นยักษ์เห็นแต่มนุษย์เป็นยักษ์ฆ่ากันกัดกันฉีกกันตีชิงวิ่งราวตระบัดยักยอกปล้นจี้รีดไถคดโกงไม่มีใครสู้ได้สัตว์เขาไม่ทำอย่างนั้น มนุษย์แท้ๆ ทำนี่ถึงว่ามนุษย์ก่อความเดือดร้อนให้แก่กันได้มากมายที่เขาลงหนังสือพิมพ์นั้นเพียงเอกเทศๆ นะ


    ที่มันเป็นอยู่ทุกหย่อมหญ้าเขาไม่สามารถจะนำมาลงหนังสือพิมพ์ได้มีมากต่อมากฟังแต่ว่าหย่อมหญ้าเป็นไรมันเต็มไปหมด ก็เพราะมนุษย์เราทั้งนั้นเป็นผู้ไปทำเหตุใดมนุษย์จึงทำได้ลงคอเพราะมนุษย์ไม่มีศีลธรรมก็ไม่มียางอาย ทำได้ทุกกาลสถานที่และทำได้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีกระดากอาย


    เมื่อคนเรามีศีลธรรมย่อมมียางอายการเชื่อพระพุทธเจ้าพระธรรมพระสงฆ์มียางอายกลัวบาปไม่ทำสุ่มสี่สุ่มห้าคนเรานอกจากเชื่อกิเลสเท่านั้นที่ไม่มียางอายถ้าเชื่อพระพุทธเจ้าคนเราย่อมมียางอายและรู้สิ่งที่ควรไม่ควรเราให้เทียบกันว่ากิเลสํสรณํคจฺฉามิเราเคยได้ถึงมันไหมไม่ว่าราคะโทสะโมหะสรณํคจฺฉามิเราขอถือมันเป็นสรณะมีไหมแต่หัวใจนั้นฝังกับมันอยู่แล้วจนธรรมขุดค้นไม่ถึงตัวเพราะมันฝังอยู่ลึกกิเลสฝังใจน่ะ


    พุทฺธํธมฺมํสรณํคจฺฉามิ
    เราเปล่งอย่างออกหน้าออกตาแต่เวลาทำกิเลสเอาไปใช้หมดกินหมดนี่ซิมันจึงไม่เกิดประโยชน์มีแต่ความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่วโลกก็เพราะเราหันหลังให้ธรรมทั้งๆ ที่เราเป็นชาวพุทธแต่หันหลังให้พุทธหันหน้าให้กิเลสกิเลสคือตัวย่ำยีตีแหลกอะไรจะเกินกิเลสไม่มีในโลก


    ความโลภก็ให้มันเกิดขึ้นมาซิมันเป็นของดิบของดีเมื่อไรมันทำใครให้เป็นคุณเป็นประโยชน์บ้างความโลภน่ะเอ้าความโกรธให้มันแสดงขึ้นมาซิเช่นอยู่ในสังคมนี้ก็เหมือนกันมีคนหนึ่งมาแสดงความโลภให้เห็นซิ น่าดูไหมและน่าเกลียดไหมนั่นคนหนึ่งมาแสดงความโกรธโมโหโทโสขึ้นมานี่อย่างหาเหตุหาผลไม่ได้ไล่ตีคนนั้นไล่ฆ่าคนนี้น่าดูไหมนี่เรื่องของกิเลสเป็นอย่างนั้นถ้าธรรมแล้วมีแต่เหตุแต่ผลอันดีงามสั่งสอนให้เป็นไปเพื่อความดิบความดีแก่กันและกันเจอกันเข้าเท่านั้นสนิทเลยๆ ทักทายกันได้เต็มปากสนิทใจไม่ต้องระวังเพราะธรรมไม่มีพิษภัยเหมือนกิเลสถ้าเป็นกิเลสโอ้โหสงวนท่าทียิ่งกว่าราชสีห์จะกัดกันเชียวแหละ


    คนที่เชื่อใจกันได้เพราะเป็นคนมีธรรมคนมีหิริโอตตัปปะย่อมมีเมตตาสงสารซึ่งกันและกันเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันทำกันไม่ลงถ้าเป็นเรื่องของกิเลสแล้วไม่มีขอแต่เราอย่างเดียวให้เราอย่างเดียวไปไหนก็ให้เราๆคนทั้งโลกจะทุกข์ขนาดไหนก็ตามให้เราได้อยู่มีความสุขบนหัวเขานั้นเป็นที่ถูกต้องกับกิเลสเมื่อเป็นอย่างนั้นเราจะสรณํคจฺฉามิที่ตรงไหนน้อมเข้ามาคิดซิให้เกิดผลเกิดประโยชน์แก่เราเองที่เป็นชาวพุทธจะไม่เสียเหลี่ยมเสียเปรียบให้กิเลสตลอดไปดังที่เคยเป็นมา


    ไม่ยกมันขึ้นมาว่ามาประจานบ้างไม่เห็นโทษของมันกิเลสน่ะเราจะเห็นแต่คุณของมันบูชามันตลอดเวลาภายในจิตใจแม้จะไม่หาดอกไม้ธูปเทียนมาบูชากิเลสก็ตามแต่ส่วนใจนั้นบูชามันเต็มที่และพอการอยู่แล้วบูชาพระพุทธเจ้าเอาดอกไม้ธูปเทียนบูชาแต่มันไม่ถึงใจถ้าบูชากิเลสด้วยน้ำใจแล้วมันถึงใจความโลภเกิดขึ้นถึงใจความโกรธเกิดขึ้นถึงใจความรักความชังความเกลียดอะไรเกิดขึ้นมันถึงใจๆ ทุกอย่างมันซึ้งเข้าถึงใจทุกอย่างนี่แหละเราเชื่อมันด้วยเหตุนี้สรณํคจฺฉามิมันด้วยเหตุนี้แลเราจึงเป็นบ๋อยของกิเลสหาเวลาฟื้นไม่ได้เลย


    ธรรมแง่ใดที่ควรจะเป็นประโยชน์แก่เรามันเหมือนกับของแสลงมันแสลงต่อกิเลสมันไม่อยากแตะไม่อยากต้องกิเลสกิเลสไม่อยากให้มายุ่งกับเรื่องอรรถเรื่องธรรมถ้าจะไปวัดไปวาฟังธรรมฟังเทศน์โอ๊ยวันนี้ขาก็จะหักขาก็เจ็บก็ปวดศีรษะก็ปวดท้องเหมือนกับว่ามีสิบท้องปวดไปด้วยกันหมดในอวัยวะทุกส่วนนี้ปวดเจ็บไปหมดเพราะกิเลสมันตีเอาต่อยเอาๆมันไม่ให้ขยับเขยื้อนออกไปจากวงของมันถ้าจะไปเรื่องของกิเลสอยากมีสิบแข้งสิบขาไปด้วยกันหมดอยากมีสักสิบตาดูตาหนึ่งไม่พออยากได้สิบตาไปดูหูสองหูนี้ไม่พออยากได้ตั้งยี่สิบสามสิบหูมันได้สนุกเพลินฟังเงินในกระเป๋าเต็มเอี๊ยดยังว่าเงินนี้มีน้อยไปอยากให้มีเต็มเอี๊ยดอีกสักสิบกระเป๋าจ่ายเรียบวุธในพริบตาเท่านั้นเองไม่ยากเย็นและเนิ่นนานอะไรเลยนั่นเก่งไหมกิเลสน่ะ


    ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสมันอยากเพิ่มเครื่องมือใช้ให้มันสนุกสนานรื่นเริงจะตายไม่รู้แต่ถ้าเรื่องธรรมแล้วปิดหูปิดตาไปหมดไม่อยากได้ยินไม่อยากได้ฟังไม่อยากคิดไม่อยากอ่านขาก็ก้าวไม่ออกนี่ละกิเลสมันมีอำนาจมันเหยียบหัวคนเราอย่างนี้แหละให้พากันพิจารณาถ้าเราอยากทราบก็ปฏิบัติซิพระพุทธเจ้าท่านสอนให้ปฏิบัติ


    ธรรมะเป็นของจริงแท้ๆ ปฏิบัติดูซิเรื่องของกิเลสเป็นยังไงเราจะได้เห็นโทษของมันถ้าลงธรรมะส่องเข้าไปแล้วเห็นละโทษของกิเลสถ้าให้กิเลสส่องกิเลสนี้ไม่มีทางนอกจากต้มเราให้เปื่อยท่าเดียว


    วันนี้ท่านทั้งหลายมาแสวงบุญคำว่าบุญคือความสุขความสุขนี้ไม่ใช่ต้นไม้ไม่ใช่ภูเขาไม่ใช่ดินฟ้าอากาศไม่ใช่น้ำไม่ใช่ลมไม่ใช่ไฟแต่ความสุขคือความสุขใครจะรับสัมผัสความสุขนี้ได้นอกจากใจใจเป็นของสำคัญท่านทั้งหลายจะมานี้ก็เอาใจมาใจมีความเชื่อความเลื่อมใสใจอยากมาก็มาจะสละทำบุญให้ทานรักษาศีลภาวนาแต่ละอย่างๆมีแต่ใจเป็นผู้นำใจเป็นผู้พาทำ


    เพราะฉะนั้นบุญจึงเกิดจากกุศลซึ่งแปลว่าความฉลาดคนฉลาดหาบุญย่อมได้ความสุขบุญๆ คือความสุขเกิดขึ้นที่ใจใจเป็นผู้จะสัมผัสสัมพันธ์รับทราบและเป็นภาชนะอันเหมาะสมอย่างยิ่งกับบุญและกุศลทั้งหลายฉะนั้นขอให้ท่านทั้งหลายรักษาใจให้ดีและพยายามพาใจรีบดำเนินในทางที่ถูกต้องดีงามผลคือความสุขความสบายนั้นใจจะเป็นผู้รับเป็นผู้สัมผัสตาหูจมูกลิ้นกายไม่มีทางที่จะสัมผัสสัมพันธ์ในบุญและบาป สวรรค์นิพพานได้เลยนอกจากใจดวงนี้จึงขอให้รักษาจิตใจของตนให้ดี


    ให้มีกฎมีเกณฑ์มีข้อบังคับคนเราอยากดิบอยากดีต้องบังคับตนไม่บังคับปล่อยให้เถลไถลมันก็เลวไปเรื่อยเหลวไปเรื่อยไหลไปเรื่อยสุดท้ายก็พังทลายตั้งตัวไม่ได้เขาเรียกว่าอกแตกแล้วก็แหวกแนวใช้ไม่ได้คนมีธรรมไม่เป็นอย่างนั้น เย็นสบายมองดูตัวก็ไม่เห็นมีจุดบกพร่องอะไรคุณงามความดีทำเสมอความประพฤติเนื้อประพฤติตัวก็ดีอยู่ในหลักศีลธรรมอยู่ในหลักของชาวพุทธเย็นใจมองเห็นหน้าเห็นตากันทักทายกันด้วยความสนิทสนมใครจะอยู่ทางทิศใดแดนใดบ้านใดเมืองใดบ้านนอกในเมืองก็ตามนั้นเป็นคนเหมือนกันหมดมองเห็นกันสนิทกันเลยด้วยอรรถด้วยธรรม


    ถ้าเป็นเรื่องของกิเลสสนิทไม่ได้นะพอมองเห็นกันมีแต่จะกัดจะฉีกกันนั่นเรื่องของกิเลสเป็นอย่างนั้นถ้าเรื่องของธรรมมองเห็นกันสนิทกลมกลืนกันไปเลยเพราะความเชื่อใจกันเพราะความเห็นอกเห็นใจกันความเมตตาสงสารกันความเกรงอกเกรงใจกันนี้คือเรื่องของธรรมขอให้ท่านทั้งหลายจงจำนี้ไว้และนำไปปฏิบัติตน


    การแสดงธรรมก็เห็นว่าสมควรจึงขอยุติเพียงเท่านี้และขออำนาจแห่งบุญกุศลนี้จงตามคุ้มครองท่านทั้งหลายให้มีความสุขกายสบายใจโดยทั่วกันเทอญ


    คัดลอกจาก http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2356&CatID=2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 สิงหาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...