เมื่อพระภิกษุท่านหนึ่งที่ได้ฌานสมาบัติ พยายามแก้กรรม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย KK1234, 21 พฤศจิกายน 2009.

  1. KK1234

    KK1234 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    2,401
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,515
    เมื่อพระภิกษุท่านหนึ่งที่ได้ฌานสมาบัติ พยายามแก้กรรม (จบ) <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td> </td> </tr> <tr> <td> คน เราที่เกิดมาใลกนี้ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ใครจักทำกรรมอันใดไว้ ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม ตนจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น นี่คือ "หลักกรรม"ใน พระพุทธศาสนา ที่เป็นสัจธรรมความจริง เป็นคำสอนที่เป็นจริง ทนทานต่อกาลเวลา และพร้อมเสมอ ที่จะกล้าท้าทายคนที่ต้องการพิสูจน์ มานานเกือบ ๒,๖๐๐ ปีเข้านี่แล้ว

    ไม่ว่าท่านจะก่อกรรมไว้นานแค่ไหนเพียงไร กรรมที่ท่านก่อ จะติดตามท่านไปทุกหนทุกแห่ง ทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าท่านจะไปเกิดในภพภูมิใด กรรมนั้นก็จะติดตามไปกับ "ดวงจิตและวิญญาณ" ของท่าน เหมือนเงาตามตัว (เงากรรม) ไม่ว่าท่านจะอยู่ในร่างใด มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์นรก หรือ เทพ พรหม จิตและวิญญาณที่สั่งสมกรรมไว้ ก็จะติดตามไปอยู่ในร่างนั้นด้วย จนกว่ากรรมนั้นจะได้รับการ "ชดใช้" ได้รับการ "อโหสิกรรม"หรือ ดวงจิตผู้นั้นได้รับการขัดเกลาจนหมดสิ้นแห่งกิเลสทั้งปวง คือ บรรลุธรรมชั้นสูง เป็นพระอริยบุคคล สำเร็จมรรคผลนิพพาน เป็น " พระอรหันต์" ไม่ต้องมีการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป

    จากเรื่องราวที่เล่าให้ฟังมาทั้งหมด พอจะสรุปผลแห่งการแก้กรรมในเบื้องต้นได้ ในหลักใหญ่ ๓ ประการ คือ ต้องเลิกทำกรรมชั่วที่ตนก่อเอาไว้อย่างเด็ดขาด คนเป็นโจร ก็ต้องกลับใจเลิกเป็นโจร คนที่คดโกงเขา ก็ต้องเลิกคดโกงเขา นี่เป็นข้อแรก เมื่อละเลิกจากกรรมชั่วแล้ว ต้องแก้กรรมด้วยการทำความดีให้มากไว้ ยิ่งความดีที่ทำนั้นสวนกระแสกับความชั่วที่เคยก่อด้วยแล้ว ยิ่งเป็นผลดีอย่างยิ่ง อย่างโจรที่เบียดเบียนชีวิตผู้คนอย่างกับผักปลา หันหน้าออกบวช ละเลิกการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตทุกชนิด บำเพ็ญเพียรสร้างสมบุญบารมีด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา หรือ คนที่คดโกงเขาไว้ ก็คืนเขาไปให้หมด แล้วหันหน้ากลับมาสร้างคุณงามความดีต่อสาธารณชน อย่างจริงจังและจริงใจ เปี่ยมล้นด้วยศรัทธา แม้จะไม่ได้ปฏิบัติธรรมจนดวงจิตหลุดพ้น เมื่อละจากโลกนี้ไป ก็ต้องไปอุบัติในภพภูมิที่ดีอย่างแน่แท้ นี่เป็นข้อสอง

    ส่วนข้อที่สามนั้น ต้องหมั่นศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม ประพฤติตนไม่ให้ตกอยู่ในความประมาทด้วยประการทั้งปวง ด้วยการดำเนินชีวิตตามหลักสัมมาอริยมรรค ๘ ประการ อันได้แก่ มีความเห็นชอบ (สัมมาทิฎฐิ) , มีความระลึกชอบ (สัมมาสติ) , มีความตั้งใจชอบ (สัมมาสมาธิ) , มีความคิดชอบ (สัมมาสังกัปปะ) , มีความเพียรชอบ (สัมมาวายามะ) , มีการงานชอบ (สัมมากัมมันตะ) , มีวาจาชอบ (สัมมาวาจา) และมีการเลี้ยงชีพชอบ (สัมมาอาชีวะ) รายละเอียดเกี่ยวหลักธรรมข้อนี้ ผมคงจะไม่ขอกล่าวไว้ ณ ที่นี้

    หากท่านใดประพฤติตนตามรอยแห่งอริยมรรคข้างต้นนี้แล้ว ท่านจะได้ชื่อว่า "เป็นผู้ไม่ประมาท" กรรมที่ท่านได้ก่อเอาไว้ หากเป็นกรรมดี กรรมนั้นก็จะส่งผลดีเร็วยิ่งขึ้น หากเป็นกรรมชั่ว กรรมนั้นก็จะชะลอตัว จะไม่มาพันพัวกับท่าน เพราะท่านมุ่งหน้าไปสู่หนทางที่ดี พบแต่คนดี ย่อมพ้นคนชั่ว และกรรมชั่วทั้งปวง หากมีทุกข์ก็จะคลายทุกข์ได้โดยง่าย ท่านจะไม่ตกอบาย หรือภพภูมิที่ต่ำกว่ามนุษย์ อันได้แก่ เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย หรือนรก อย่างแน่แท้ การเดินตามรอยแห่งอริยมรรคนี้ เข้าข่ายคำสอนของโบราณที่ว่า "กันไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วแก้ไม่ทัน" เพราะเราท่านนั้น เกิดมาหลายภพหลายชาติ ย่อมผ่านการทำกรรมดีและกรรมชั่วปะปนกันไป เราไม่รู้ว่าเมื่อไร "กรรมชั่ว" ที่เราทำไว้นั้น จะตามมาทันเรา

    จากเรื่องราวของ "พระอาจารย์ดนัย" ที่นำมาเสนอผ่านพ้นไปนั้น ท่านตั้งอยู่ในความไม่ประมาทในชาตินี้ ท่านเป็นคนไทยเชื้อสายจีน เดิมท่านชื่อ "ตี๋น้อย แซ่จึง"โยมพ่อชื่อ "ฮ้อ" โยมแม่ชื่อ "เฉลียวดี" ต่อมาท่านจึงเปลี่ยนชื่อเป็น "ดนัย" ท่านมีพี่น้อง ๕ คน ตัวท่านเป็นคนสุดท้อง เรียนจบชั้นมัธยมที่โรงเรียนสาคริชวิทยา จังหวัดชัยภูมิ ตอนเป็นเด็กเรียนดีมาก ได้รับทุนจากบริษัท เอสโซ่ ในฐานะเรียนดีแต่ยากจน

    จบการศึกษาระดับมัธยมต้นแล้ว ได้เดินทางมากรุงเทพ ฯ สมัครเข้าเป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ พร้อมกันนั้นก็เข้าทำงานที่โรงแรมเอราวัณ แผนกบัญชี และทำหน้าที่เป็นไกด์ นำชาวต่างประเทศท่องเที่ยวอีกตำแหน่งหนึ่ง ขณะเป็นฆราวาส ท่านได้บริจาคโลหิตให้แก่สภากาชาดไทยติดต่อกันถึง ๖๕ ครั้ง ได้รับพระราชทานเข็มกาชาดจากพระบรมราชินีนาถ มาเป็นเกียรติประวัติแก่ตนเอง

    พระดนัยบวชครั้งแรก ๑๕ วัน ครั้งที่ ๒ บวชได้ ๑ พรรษา ก็ต้องสึกออกมาเพื่อดูแลเลี้ยงดูโยมแม่ ต่อมาพี่ชายคนที่ ๕ คือ นายสุรศักดิ์ (จือ) บวชเป็นพระ โยมมารดาจึงบวชเป็นชีอีกคน พระดนัยจึงตัดสินใจบวชเป็นครั้งที่ ๓ ตั้งใจจะอยู่ในเพศบรรพชิตไปจนชั่วชีวิต ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดหินหมากเป้ง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ศึกษาธรรมะและฝึกวิปัสสนากับ "หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี" ซึ่งเป็นพระเถราจารย์ที่ชาวอีสาน และชาวไทยทั้งประเทศ ให้ความเคารพอย่างสูงท่านหนึ่ง
    พระดนัยเคยธุดงค์เดินเท้าไปถึงพม่า ธุดงค์ไปอินเดียและศรีลังกามาแล้ว ที่อินเดีย ท่านเคยพบกับเหตุการณ์ร้ายครั้งหนึ่ง กล่าวคือ ขณะท่านธุดงค์ไปปักกลดอยู่ชานเมือง มีพวกแขกซึ่งนับถือศาสนาอื่น พาพวกมาทำร้ายท่าน ทั้งเตะและต่อยท่าน แต่พระดนัยคงนิ่งเฉยไม่โต้ตอบหรือปกป้องตัวเอง ปล่อยให้พวกนั้นระบายโมหะจริต จนเลิกราไปเอง
    ท่านมักออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรแต่เพียงผู้เดียว เพื่อแสวงหาความวิเวกตามแนววิปัสสนากรรมฐาน ครั้งหนึ่ง ท่านเคยธุดงค์อยู่กลางป่าลึกของเขาเขียวถึง ๗ วัน โดยฉันแต่เห็ด, ยอดหวาย, ยอดตาล และผลไม้ป่าแทนอาหาร กระทั่งมามรณภาพเพราะ "ไอ้งางอน"ที่เขาใหญ่ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๓๐ อย่างน่าสลดใจดังที่กล่าวมาแล้ว
    อันที่จริงท่าน กับ "ไอ้งางอน"นั้น ไม่ได้รู้จักมักคุ้นหรือพบกันครั้งแรก เนื่องจากสถานที่ที่เกิดเหตุคือ เขาใหญ่ นั้น ท่านได้เคยธุดงค์ผ่านมาปักกลดหลายครั้ง และทุกครั้ง "ไอ้งางอน" ก็จะมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ ๆ กับท่าน เหมือนมีการ "ผูกพัน"กันมาแต่ชาติปางก่อน เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับพระอาจารย์ดนัย ถ้าจะให้ผมวิเคราะห์ตามหลักกรรมแล้วล่ะก็ ผมเชื่อว่า พระอาจารย์ดนัย,เสี่ยวัลลภ และพระสิงโต ทั้งสามที่เอ่ยนามมานี้ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันกับ "ไอ้งางอน" แต่อดีตชาติ
    ทั้งสี่ชีวิตที่พบกันในชาตินี้ อาจจะเคยเกิดเป็น "เพื่อน" กันมาแต่ชาติปางก่อน แล้ว "ไอ้งางอน" ในชาตินั้น คงจะถูกหนึ่งในสามที่เป็นเพื่อน หรือทั้งสามคนเลยก็ได้ "รุมฆ่า"หรือ ไม่ก็ "ใครคนใดคนหนึ่งฆ่าแล้วอีกสองคนรู้เห็นเป็นใจ" หรือมิเช่นนั้น ก็ปล่อยปละละเลย ไม่ไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ด้วยความรักเพื่อน ไหน ๆ ก็ตายไปแล้ว ทำให้ "ไอ้งางอน" สั่งสมความแค้นเอาไว้ด้วยความอาฆาต จากนั้นก็คงจะมีการเวียนว่ายตายเกิดไปอีกหลายภพหลายชาติ สุดแท้แต่เวรกรรมของแต่ละคน จนในที่สุดในชาติปัจจุบันนี้ ทั้งสี่ชีวิตก็ได้มาเกิดร่วมภพร่วมชาติ ในสภาพที่แตกต่างกันไป
    "ไอ้งางอน"เกิด มาในอัตภาพของสัตว์เดรัจฉานในป่าใหญ่ แม้ร่างกายจะเป็นอย่างไร แต่จิตและวิญญาณนั้นเป็นดวงเดียวกัน อาจจะมีความรู้สึกนึกคิดแบบเรา ๆ ท่าน ๆ เพียงแต่พูดออกมาเป็นภาษาคนให้เรารู้ไม่ได้ เมื่อ"ไอ้งางอน" พบพระอาจารย์ดนัย ด้วยจิตและวิญญาณและเวรกรรมที่ผูกพันกันมา จึงได้ชักพาให้มันมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ท่าน แต่แรกมันคงหาโอกาสจะทำร้ายท่านก็ได้ แต่พอได้รับกระแสจิตแห่งความเมตตาจากท่านบ่อยครั้งเข้า หรือบางทีท่านอาจจะพูดกับมันด้วย "ภาษาจิต" ทำให้มันเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ท่านคงขอให้มัน "อโหสิกรรม"ต่อ ท่าน และอีกสองชีวิต ซึ่งดูทีท่าของมันแล้ว มันยอมอโหสิกรรมให้แน่กับตัวท่าน ส่วนอีกสองนั้นมันก็คงจะพยายามทำใจอยู่ ตอนเช้ามืดมันถึงได้มาป้วนเปี้ยนใกล้ป่าไผ่ คงหาจังหวะและโอกาสที่จะทำร้ายเสี่ยวัลลภ และพระสิงโต แต่มีคนจำนวนมากมาพบเข้าเสียก่อน มันจึงหนีลงหุบไป
    เมื่อพระดนัยกลับมาจากปลีกวิเวกทราบเข้า จึงขอตัวลงไปโปรด "ไอ้งางอน" อีกสักครั้งหนึ่ง ซึ่งมันก็ยอมรับการโปรดของท่านอย่างดีทุกครั้ง ดังที่ท่านเห็นในภาพที่เสี่ยวัลลภถ่ายไว้ได้ ก่อนที่จะเสียชีวิต เพราะถูกไอ้งางอนทำร้าย และด้วย "กรรมปัจจุบัน"ที่ไม่มีใครคาดคิด แม้แต่พระอาจารย์ดนัย จากการถ่ายรูปนี่เอง ทำให้ทุกอย่างต้องดำเนินไปตามกฎแห่งกรรม อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
    ในส่วนของพระอาจารย์ดนัย กับ"ไอ้งางอน"นั้น คงหมดเวรกรรมต่อกันด้วยการ "อโหสิกรรม" ของทั้งสองฝ่ายแล้ว แต่ในส่วนของ "เสี่ยวัลลภ" ไม่รู้ว่าเสี่ยเขาจะอโหสิกรรมให้กับไอ้งางอนหรือเปล่า ถ้าเสี่ยเขา "อโหสิกรรม" ให้ เวรกรรมของเสี่ยกับไอ้งางอนก็คงหมดไปในภพนี้ สำหรับพระสิงโตกับไอ้งางอนนั้น ในชาตินี้แม้เกิดร่วมชาติ แต่ก็ยังไม่พบกัน ยังสรุปไม่ได้ว่า จะพบกันเมื่อไร และจะได้มีการอโหสิกรรมต่อกันหรือไม่ ?
    ทั้งหมดเป็นบทสรุปและความเห็นของผมแต่เพียงผู้เดียว ท่านผู้อ่านก็ลองใช้วิจารณญาณกันเอาเองนะครับ ท่านอาจจะวิเคราะห์ได้ดีกว่าผม ก็แง้ม ๆ มาให้ฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ้าง ก็จะเป็นการดี ขออานิสงส์แห่งการเผยแผ่เรื่องราวทั้งหมดนี้ จงดลบันดาลให้เสี่ยวัลลภไปสู่ภพภูมิที่ดี และพระอาจารย์ดนัย ได้ไปสู่ดินแดนแห่งมรรคผลนิพพานตามที่ท่านมุ่งหวังโดยไว และขอให้ "ไอ้งางอน"ซึ่ง ขณะนี้ผมก็ไม่ทราบว่า ยังมีชีวิตอยู่ในสภาพของสัตว์ป่าหรือไม่ หากมีชีวิตอยู่ ก็ขอให้พ้นจากสภาพของเดรัจฉานโดยไว ตายไปก็ขอให้ไปสู่ภพภูมิใหม่ที่ดีกว่า และขอให้มีการอโหสิกรรมต่อกันทั่วทุกท่านเทอญ ฯ


    ----------------------------------------------------------
    ขอขอบคุณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...