เมื่อพระพุทธเจ้าทรงแสดงให้เห็นว่าแผ่นดินไหวเกิดได้อย่างไร

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 15 พฤษภาคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    ก่อนจะหวังไปสู่ นิพพาน....


    [​IMG]

    เรื่องที่จะนำมาเล่าต่อไปนี้ คัดและตัดตอนมาจากบทความเผยแพร่ที่พระราชพรหมยาน หรือที่พวกเรารู้จักคุ้นหูว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เกจิอาจารย์ชื่อดังตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อรุ่นปู่ ซึ่งท่านเป็นพระในพระพุทธศาสนาที่กล้าแสดงความรู้ที่ท่านได้มาและเผยแพร่ต่อสาธารณะ อย่างไม่เกรงกลัวว่าจะถูกโจมตีว่าอวดอุตริมนุสธรรม

    ทุกวันนี้ ลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อยังคงดำเนินรอยตามแนวทางที่หลวงพ่อฯสอนไว้ ดังจะเห็นได้ที่วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีการฝึกมโนมยิทธิ อยู่อย่างต่อเนื่อง มีผู้สำเร็จแล้วนับเป็นแสนๆราย ทั้งเด็กเล็กไปจนถึงผู้ใหญ่ ผู้เฒ่าผู้ชรา พ่อค้า แม่ค้า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ต่างก็ไปฝึกกันถ้วนหน้า

    หากใครไม่ได้เรียนรู้ หรือฟังหลวงพ่อฯสอน อาจจะคิดไปอีกทางหนึ่ง แต่ถ้าได้เปิดใจรับแนวทางปฏิบัติของท่าน ก็คงจะได้รู้เอง

    หลวงพ่อฯ ได้ยกคติที่หลวงพ่อสดได้สอนท่านไว้มาดังนี้

    "การตั้งใจไวเพื่อ นิพพาน นี่ผมเคยถาม หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญเรียกว่า "หลวงพ่อสด" ก็แล้วกัน เวลานั้นผมไปหาท่าน ท่านยังไม่ได้เป็นพระครู ยังไม่ได้เป็นเจ้าคุณ เมื่อท่านเป็นแล้ว ท่านก็บอกว่าเขาเอาหัวโขนมาตั้งให มาสวมให้ แต่ฉันจะไม่เต้นไปตามจังหวะของโขน ฉันจะเต้นตามปกติของฉันตามเดิม พระองคนี้น่ารักมาก ผมนับถือมาก ท่านเคยบอกว่าควรจะหวัง นิพพาน ผมก็ถามว่า


    "คนอย่างกระผมจะไปนิพพานกับเขาไดหรือครับ?"


    ท่านก็บอกว่า "เราตั้งใจไว้ก่อน เหมือนกับคนขึ้นยอดไม้ เธอขึ้นต้นไมตั้งใจเราจะขึ้นให้สุดยอด ถ้าบังเอิญเราตั้งใจขึ้นสุดยอดแรงมันไปไม่ถึง มันก็ต้องไปถึงกิ่งใดกิ่งหนึ่งเป็นที่พักจนได ถ้าเราตั้งใจต่ำ ดีไม่ดีมันขึ้นไม่ถึงเลย"


    ท่านบอกว่า "หวังนิพพานก็เช่นเดียวกัน ถ้ากําลังอย่างอ่อนมันก็ไปค้างที่สวรรค์ได กําลังอย่างกลางก็ไปค้างที่พรหม ถ้าเราเกิดจิตไมนิยมมนุษยโลก เทวโลกและพรหมโลก หรือไม่นิยมร่างกายด้วยความจริงใจ เราก็ไปนิพพาน"


    นับเป็นคำสอนที่มีค่า ทำให้ผู้ฝึกหัดกล้าที่จะหวังและพยายามให้สุดกำลัง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็สุดแต่ความเพียรพยายามของแต่ละคน การที่มีจิตมุ่งสู่พระนิพพาน ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดหรืออาจเอื้อมแต่อย่างใด ขอเพียงผู้นั้นเชื่อเรื่องเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา เชื่อว่าตายแล้วต้องไปเกิดใหม่ ต้องตั้งมั่นอยู่ใน ศีลบริสุทธิ์ ระงับนิวรณ์ ๕ ได้อย่างเด็ดขาดตลอดเวลา และยึดมั่นในพรหมวิหาร ๔ เป็นปกติทุกเวลา แล้วจะสร้างปัญญาให้เกิดจากสมาธิที่เข้มแข็งได้ในที่สุด ส่วนจะไปได้ไกลเพียงใด ขึ้นอยู่กับแรงบุญของตนเองกัความเพียรพยายามอย่างถึงที่สุด และไม่ย่อท้อ หย่อนยานต่อการปฏิบัตินั่นเอง

    โอกาสนี้ ขอน้อมนำพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์เจ้า ที่เคารพบูชา มาปกป้องคุ้มครองสัตว์โลกผู้ก่อกรรมดีให้สามารถปฏิบัติจนหลุดพ้นจากห้วงภัยพิบัติต่างๆได้อย่างปลอดภัยทั่วทุกตัวตน


    ศีลบริสุทธิ์ จะถือศีล ๕ ศีล ๘ หรือศีลเท่าใดก็ตาม ก็ยังต้องทำให้บริสุทธิ์จริงๆ ด้วยการ
    ๑. ไม่ทําลายศีลด้วยตนเอง
    ๒. ไม่ยุยงบุคคลอื่นให้ทําลายศีล
    ๓. ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทําลายศีลแล้ว


    กรรมบถ ๑๐
    ทางกายมี ๓ คือ
    ๑. ไม่ฆ่าสัตว์
    ๒. ไม่ลักทรัพย์
    ๓. ไม่ประพฤติผิดในกาม


    ทางวาจา มี ๔ คือ
    ๑. ไม่พูดปด
    ๒. ไม่พูดคำหยาบ
    ๓. ไม่พูดส่อเสียดยุยงให้เขาแตกร้าวกัน ไม่นินทา
    ๔. ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล

    ทางใจ มี ๓ คือ
    ๑. ไม่คิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่น โดยไม่ชอบธรรม
    ๒. ไม่จองล้างจองผลาญใคร คือ ไม่พยาบาท ความโกรธยังมี
    ๓. มีความเห็นถูกคือ สัมมาทิฏฐิ มีความเห็นตรงตามที่พระพุทธเจ้าสอน ไม่คัดค้าน

    นิวรณ์ ๕
    . ไม่เมาในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสเกินพอดี
    . ไม่คิดประทุษร้ายบุคคลอื่น
    . ไม่ง่วงเวลาทําความดี
    . จิตไม่ฟุ้งซ่านพลุ่งพล่านเกินไป ใช้กําลังใจคิดอยู่ในขอบเขตของความดี
    . ไม่สงสัยผลการปฏิบัติในความดี




    พรหมวิหาร ๔
    . เมตตา จิตคิดไว้เสมอว่าเราจะเป็นมิตรที่ดีของคนและสัตวทั้งหลาย ไม่คิดประทุษร้ายใคร มีแต่ความรัก เห็นคนก็รักคน เห็นสัตว์ก็รักสัตว เห็นวัตถุก็รักวัตถุ ไม่คิดทําลายทรัพย์สมบัติของใครทั้งหมด


    . กรุณา มีความสงสารตั้งใจไวเสมอว่าจะสงเคราะหมนุษยและสัตวเพื่อนร่วมโลกใหมีความสุขตามกําลัง ถ้าโอกาสมีและทรัพย์สินมี ปัญญามี ถ้าเขาขาดวัตถุเรามีวัตถุ เราจะให้วัตถุ ถ้าไม่มีวัตถุเราจะให้แรงกายช่วย ถ้าร่างกายเขาไมต้องการเราจะใหแรงปัญญาช่วย เป็นปัจจัยสร้างความสุขร่วมกัน

    . มุทิตา เราจะไม่อิจฉาริษยาใคร เห็นคนอื่นได้ดี พลอยยินดีด้วย

    . อุเบกขา เห็นคนอื่นเพลี่ยงพล้ำ เราจะไม่ซ้ำเติมให้มีทุกข์มากไปกว่านั้น เราจะวางเฉย จิตพร้อมจะช่วยเหลือไว้เสมอ




    อ่านเพิ่มเติมและฟังเสียงเทศน์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้ที่ www.luangpor.com



    <HR>

    พระพุทธเจ้าแสดงให้เห็นว่าแผ่นดินไหวเกิดได้อย่างไร


    ดร. ปริญญา นุตาลัยเล่าว่า
    “....ฝรั่งมันจ้างผมให้ค้นคว้าเหตุผลแผ่นดินไหวว่ามันมาจากเหตุอะไร จากธรรมชาติ ไอ้ธรรมชาติทํายังไงแผ่นดินจึงไหว?"

    ก็ถามเธอ ความจริงอันนี้ผมก็ไม่รู้จริง ๆ เหมือนกัน เรื่องแผ่นดินไหว พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว ๘ อย่าง ไอกฎแห่งธรรมชาตินี่มันมีอยู่ แตธรรมชาติมันทําอย่างไรแผ่นดินจึงไหว อย่าลืมว่าแผ่นดินน่ะไม่ใชกระต๊อบนะครับ กระต๊อบลมพัดมามันไหวได แผ่นดินมันใหญมันหนักเหลือเกิน มันไหวเพราะอะไร เธอก็บอกว่า

    "เหตุจริง ๆ มันเป็นอย่างนี้ครับ แต่ว่าข้อมูลละเอียดนี่ไม่ทราบ คือว่า

    แผ่นดินมันมีการแยกตัวเป็นร่องภายในและก็มีลมเกิดขึ้น แผ่นดินก็ไหว"


    ..... ตามปกติของพระเวลาจะนอนทําอย่างไร ก็ทราบกันอยูแล้ว ยังไม่นอนหรือนอนก็มีคติคล้ายคลึงกัน นั่นก็คือทําจิตใหเป็นสุขก่อน พอนอนจับอานาปานุสสติ พอเริ่มจับปรี๊ดเดียว หายใจเข้าไม่ทันหายใจออก เห็นภาพพระ พระพุทธเจ้า ท่านมายืนตระหง่านอยู่ใกลๆ ข้างหน้า สวยงามมาก ในภาพทรงแย้มพระโอษฐ นี่ใครจะหาว่าผมบ้าภาพก็ตามใจ ภาพพระพุทธเจ้าผมชอบบ้า ถ้าบ้าเห็นพระพุทธเจ้า ผมอยากบ้าตลอดทุกวินาทีของชีวิตที่ทรงอยู และก็ได้ยินเสียงท่านถามว่

    "เธอสงสัยเรื่องแผ่นดินไหวหรือ ?"

    ก็กราบทูลให้ทรงทราบว่า "สงสัยพระพุทธเจ้าข้า"

    ท่านบอกว่า "สงสัยทําไมจึงไม่ถาม"

    ก็ตอบกับท่านว่า "เห็นว่ามันเป็นเรื่องของโลก ไม่เป็นสาระไม่เป็นแก่นสารแห่งธรรม ก็ไม่กล้าถามและก็ไม่กล้าจะยุ่ง เกรงว่าจิตจะวุ่นวาย"

    ท่านก็บอกว่า "ไม่เป็นไร มันเป็นสาระไม่ใช่ไร้สาระ"

    ท่านบอก "ถ้าอยากจะรู้ก็ตามฉันมา"

    ตอนนี้ได้เรื่องแว๊บเดียวลงไปใต้ดินเลย ไปเห็นแผ่นดิน มันเป็นร่องใหญ

    โอ้โฮ! จะว่าเป็นแม่น้ำนี่ไม่ใช่แล้ว บางจุดมันกว้างแบบทะเลน้อย ๆ ไอ้ทะเลใหญๆ เขากว้างกันเท่าไหร่ก็ไม่รู้ คือศูนย์ที่กว้างที่ห่างจริง ๆ มันเป็นไมลๆ บางทีถึง ๗ ไมล์ก็มี กว่าก็มี กว้างมันเป็นร่องลึกเรื่อยไป ในความรู้สึกว่าผมก็ตามท่านไปเรื่อย ๆ ไปรอบโลก ไอ้รอยแตกของแผ่นดินนี่มันรอบโลกจริง ๆ และก็ในรอยแตกของแผ่นดินนี่ มองดูแผ่นดินข้างใตมันเหมือนกับดินผสมน้ําเป็นโคลนอยูมันเดือด ปุด ๆ ท่านก็เลยบอกวา

    "แผ่นดินจริง ๆ ข้างล่างมันแตกแยกกันอย่างนี้ ร่องมันใหญ่มาก"

    งั้นแผ่นดินไหวเกิดจากเหตุนี้ ดร.ปริญญาเธอพูดไว

    .............พอกลับมานอนนึกว่าไอแผ่นดินที่มันเป็นร่องยาวรอบโลก แล้วลมมันมาจากไหน นี่เป็นความรู้สึกจริง ๆ มันจะเป็น ความโงของผม เพราะการไปในที่นั่นมันเห็นแต่ร่องแผ่นดินมันใหญ่จริง ๆ มันมีตลอดทั้งโลกในประเทศไทยก็ไม่ใช่ด้อย พอนอนนึกเท่านั้นก็เห็นภาพพระพุทธเจ้าท่านลอยอยู่ข้างหน้าท่านถามว่า

    "สงสัยเรื่องลมรึ ?"

    ก็บอกว่"สงสัยครับ เพราะว่าผมมีความรู้สึกว่าลมมันจะเข้าไปอย่างไร แผ่นดินมันจะไหวเพราะลมกระทบ ผมก็มองไม่เห็นว่าลมมันจะเข้าไปอย่างไร ลมมันจะพัดไปทางไหน ทางเข้ามันก็ไม่มี"

    ท่านก็บอกว่า "ถ้ายังงั้น ตามฉันมาซิ"

    ท่านก็พาไปใหมไปที่เดิม ไปเรื่อยเฉื่อย ไปตลอดแนวมันยาวเท่าไหร มันยาวไปชนกัน บางทีมันก็ยังแยกอีก ก็แบบแม่น้ำใหญๆ มันก็แยกเป็นสาย ๆ ก็ต้นทางมันมาจากไหนก็ต่างคนต่างชนกัน มันยาวเหยียดมันใหญ่มาก ทั้งโลกมันก็มี ไม่ใช่มีเฉพาะอเมริกาและก่อนหน้าที่จะไปเป็นปีเดียวกันใชหรือไม่ใชไม่ทราบ เขาบอกว่าที่แคลิฟอร์เนียแผ่นดินไหว ตึกรามพังกันระเนระนาด หมอบุญเกิดแกถึงไดมาถามว่าจะเป็นอย่างนั้นอีกไหมครับ ก็บอกว่าแผ่นดินอาจจะไหวได แตที่แคลิฟอร์เนียไม่พังอีกล่ะ ถ้าจะพังก็พังเองไม่ใชพังเพราะแผ่นดินไหว นี่ตอบไปตามความรู้สึก เมื่อไปถึงเห็นโคลนมันเดือด ดินปนน้ำ เป็นลักษณะโคลนเดือนปุด ๆทั่วไปหมด อาการเดือดของมันก็เป็นไอขึ้นมา บอกว่าลมนี่มันมาจากจุดนี้ ลมมันก็มาจากไอน้ําที่มันระเหยขึ้นมาและมันเกาะตัวมาก ๆ เข้าก็กลายเป็นลมเป็นลมกระแสใหญขึ้นมาเป็นลมใหญลมใหญมันก็กระแทกทางโน้นกระแทกทางนี้ ก็ถามท่านว่า

    "ลมมันขึ้นมาทีละน้อย ๆ นี่มันน่าจะไหลไปตามกระแสร่องของแผ่นดิน ซึ่งมันยาวเหยียด ไม่น่าจะมีกําลังแรง และทําไมแผ่นดินมันจึงไหวได้ไม่น่าจะเป็นไปได้"

    นี่เป็นด้านอารมณความโงของผม ผมยอมรับ ท่านก็บอกว่า

    "ลมใหญ่มันจะวิ่งไปตามสาย สายของร่องแผ่นดินแตกก็จริงแหละ แต่ทว่าเธอต้องคิดถึงความเป็นจริงจุดหนึ่ง ซึ่งกระแสลมแรงนี่เขาเรียกว่า ไต้ฝุ่น"

    ผมเรียกชื่อกับเขาไม่ถูก ไอ้โซนร้อนโซนหนาวอะไรผมก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เรียกว่าลมแรง ๆ ก็เหมือนกัน ในมหาสมุทร ถึงแมในประเทศไทยเราก็โดน มันมีขึ้นมาแล้ว มันพุ่งชนเรือเขาล่มไปบ้าง ดีไม่ดีเรือสินค้ามีน้ำหนักเป็นแสนตัน ยังหอบเอาไปไวบนเกาะบาง พอชนบ้านเรือนโรงพังไปบ้าง ที่แคลิฟอร์เนียนั่นผมไปชายฝั่ง เห็นไม้ไรหักระเนระนาด บ้านช่องเขาพัง เขาบอกนี่ลมใหญ่ในทะเล มันพุ่งเข้ามาบ้านช่องพัง ท่านก็เลยบอกว่า

    "เธอสังเกตหรือเปล่าว่าผิวโลกมันมีความกว้างใหญ่ไพศาลขนาดไหน และลมเกิดขึ้นน้ำน่าจะลอยไปบนอากาศ แต่มันไม่ไป กลับไปทิ่มบ้านทิ่มเรือนเขาพัง ทําไมมันถึงเป็นไปได้ ก็ไอ้ใต้แผ่นดินมันมีร่องแคบ ๆ ไอ้ช่องที่อากาศจะลอยตัวขึ้นไป หรือความร้อนจะลอยตัวขึ้นไป ลมจะลอยตัวขึ้นไป มันก็มีน้อย คือว่าเพดานมันต่ำ ในเมื่อมันรวมตัวขึ้นมา มันขยายตัวไม่ทันอย่างในมหาสมุทรมันน่าจะขยายเร็วแสนเร็ว ไปไหนก็ได้ แต่มันไม่ไป มันรวมกลุ่มแล้วก็วิ่งไปชนบ้านชนเรือนเขา ข้อนี้ฉันใด แม้แต่ลมที่เกิดขึ้นในซ่องแผ่นดินแยกหรือที่เป็นร่องพื้นผิวที่เรานั่งอยู่ มันก็ก่อตัวในลักษณะเดียวกัน ในเมื่อมันรวมตัวกันจัด มันก็พุ่งไปชนทางโน้นบ้าง ชนทางนี้บ้างในช่องแคบจนกว่ามันจะไหลไปทั่ว ๆ ร่อง ก่อนที่จะไปความแรงของมันก็ชนกันเป็นเหตุให้แผ่นดินไหว"

    ก็เลยเป็นอันว่าทราบว่าไอ้เจ้าลมนี้มันไม่ได้มาจากข้างนอก มันมาจากไอน้ำข้างในมีความร้อนสูง และผมก็ขอร้องให้ท่านไปสํารวจความร้อนว่าความร้อนจริง ๆ ใต้ผิวแผ่นดิน ที่แผ่นดินเป็นร่อง ใต้ผิวลงไปนะ มันมีความร้อนขนาดไหน

    ดูแล้วโอ้โฮ้...ใต้แผ่นดินนี่มันร้อนจริง ๆ มันร้อนจัดมาก ดีไม่ดีนี่เราเผลอเรียกว่า "ไฟนรก" ความจริงมันไม่ใช่ นรกไม่ได้อยู่ใต้ดิน ถ้านรกอยู่นั่น ผมไปต้องเจอะนรกมากแล้ว อย่างกับท่านพระครูอะไรก็ไม่ทราบ ท่านเขียนหนังสือมาถามว่า "นรกนี่มันอยู่ใต้ดิน ไอ้ที่พูดว่านรกมันมีอีกโลกหนึ่งน่ะโกหก" ความจริงผมไม่ได้โกหกท่านและก็ไม่ได้โกหกใคร ผมพูดตามหลักวิชาความรูในพระพุทธศาสนา นี่พระพุทธเจ้าก็ดี พระโบราณาจารย์ก็ดี ท่านบอกนรกมันอยู่ใต้ดิน ท่านไม่ได้หมายความนรกอยู่ในดิน ไอ้ที่ผมไปเจอะนี่ความร้อนมันอยู่ในแผ่นดิน ในส่วนลึกใต้ผืนแผ่นดินลงไปไม่ใช่ใต้ดิน ใต้ดินนั่นก็หมายความว่า นี่นรกที่นั่นต่องไม่มีดินผืนนี้อยูและมันอยู่ต่ำกว่า

    เป็นอันว่าวันนั้นก็เลยเข้าใจตามความจริงว่าความร้อนใต้แผ่นดินมีมากหนัก และที่ภูเขาไฟระเบิด ก็มีความเข้าใจว่า ไอ้ความร้อนมันกัดหินไปทีละหน่อย ๆ มันมีอยู่ที่ผิวมาก ว่าง ๆ มันก็พุ่งมาสักที ทําไมไม่พุ่งตลอด อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน อย่ามาถามกันนะ ผมไม่รู มันไหม้จนหินละลาย ก็ต้องคิด หินละลายเปิดเป็นช่องเป็นปล่องให้มันโผล่ขึ้นมา ความจริงมันน่าจะโผล่มาตลอดปตลอดวัน มันก็ไมโผล ไปๆ มันก็จะโผล่ นี่เป็นเพราะอะไรผมไม่เข้าใจเหมือนกัน และก็ไม่อยากจะเข้าใจต่อไป ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะรู ก็เป็นอันว่าวันนั้นมีความรู้เรื่องแผ่นดินไหว ว่ามันจากกระแสของไอน้ํากลายเป็นลม เมื่อก่อตัวมาก ๆ ขึ้นมันก็เป็นลมพายุ ทิ่มทางโน้นทิ่มทางนี้ พื้นผิวแผ่นดินที่เราอยู ผิวตอนไหนใกลกับกําลังแรงของลมตอนนั้นก็ไหวมาก ถ้าอยู่ไกลก็ไหวน้อย อยู่ไกลมากความสะเทือนไม่ถึงก็ไม่รูสึกไหว และผมก็เลยสนใจเรื่องความร้อนในใต้ผืนแผ่นดิน ว่าความร้อนใต้ผืนแผ่นดินนี่ถ้านํามาใช้งานเผาผลาญน้ำให้เกิดเป็นไอจะมีประโยชนต่อโรงงานมาก ก็รวมความว่าเป็นความคิดอย่างโงๆ ของผม…..

    พบหน้า ดร.ปริญญา นุตาลัย เธออยู ก็เรียกเข้าไปบอกว่า

    "ด็อกเต้อร์ ไอ้ที่ผืนแผ่นดินที่มันมีลมขึ้นมา เมื่อกี้ฉันไปเห็นมาแล้วด้วยอาการเคลิ้ม
    และปรากฏเห็นแผ่นดินมันมีน้ําโคลนเดือนปุด ๆ ๆ ความร้อนมันสูงมาก"


    และ ดร.ปริญญา ก็บอกว่า "ฝรั่งเขารู้แล้วครับ"

    ดร. ปริญญา นุตาลัย
    อ่านประวัติท่าน ได้ที่นี่ http://www.chiangmaigeology.org/columns/column.asp?col_id=4&id=17

    เธอคงคิดว่าผมอาจจะคิดว่าฝรั่งยังไม่รู ความจริงมันไม่ใช ผมอยากจะพูดกับเธอก็หมายความว่าผมจะสอบดูว่าไอ้ความเคลิ้มของผมนะมันตรงตามความเป็นจริงไหม ผมเชื่อมั่นว่าฝรั่งเขารู้จริง
    เธอก็ตอบว่า "ไอ้เรื่องนี้ฝรั่งเขารู้แล้วครับ"

    ก็เลยบอก "ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันต้องการว่าฉันรู้ตรงหรือไมตรงยังไง ๆ ฝรั่งรู้ไม่ผิด"

    เธอก็บอก "รู้ตรงครับ"

    เธอก็พูดต่อไปตามความรูเดิมของเธอที่ศึกษามาด้านธรณีวิทยาว่า

    "ลมที่เกิดขึ้นก็คือไอน้ำนี่เอง"

    เธอพูดตรงเป๋ง แหมผมก็ดีใจ บอกเออดีจริง ๆ ไอ้ความรู้เคลิ้ม ๆ ของเราก็ไปตรงกับความรู้ของฝรั่ง

    นี่แหละบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรและบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ความรู้ทางพระพุทธศาสนาของเรา ถ้าเรามีความมั่นใจจริง ๆ มันก็ชนกับความจริงไดซึ่งเป็นหลักวิชาที่เราไม่ต้องใช้ทุนมากเลย ไม่ต้องข้ามน้ําข้ามทะเลไปเรียน....


    ที่มา:
    ตอน 1 http://www.luangpor.com/eBooks/ManoAndMyBiography/ManoMyBio15.pdf
    ตอน 2 http://www.luangpor.com/eBooks/ManoAndMyBiography/ManoMyBio16.pdf

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤษภาคม 2009
  2. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    ขออนุโมทนาสาธุธรรม เป็นอย่างสูง ครับ<O:p</O:p
     
  3. sean2738

    sean2738 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2008
    โพสต์:
    797
    ค่าพลัง:
    +1,754
    สร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก 10 วา
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=65729


    ร่วมสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ "สมเด็จองค์ปฐม" ก้บวัดธรรมยาน

    http://palungjit.org/showthread.php?t=119095
    <!-- google_ad_section_end -->
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนาย<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>เวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด<O:p</O:p<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  4. chai8383

    chai8383 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +6,348
    อนุโมทนาด้วยครับ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ฝากลิงค์ธรรมะในเว็บต่างๆของหลวงพ่อครับ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...