เพลง โลกนี้คือละคร สุเทพ วงศ์กำแหง

วันนี้ขออนุญาตนำเพลงโลกนี้คือละคร ของคุณสุเทพ วงศ์กำแหง ขับร้อง คำร้อง/ทำนองครูไพบูลย์ บุตรขัน มาร้องในเวอร์ชั่น sam_sbcc เพลงนี้มีนักร้องอีกหลายท่านที่นำมาร้อง ขอเชิญรับฟังครับ


เพลง...โลกนี้คือละคร

คำร้อง/ทำนอง ไพบูลย์ บุตรขัน
สุเทพ วงศ์กำแหงขับร้อง

โลกนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน
เปรียบเหมือนละคร ถึงบทเมื่อตอนเร้าใจ
บทบาทลีลาแตกต่างกันไป
ถึงสูงเพียงใดต่างจบลงไปเหมือนกัน

เกิดมาต้องตายร่างกายผุพัง
ผู้คนเขาชังคิดยิ่งระวังไหวหวั่น
ต่างเกิดกันมาร่วมโลกเดียวกัน
ถือผิวชังพรรณบ้างเหยียดหยามกันเหลือเกิน

โลกนี้คือละคร
บทบาทบางตอนชีวิตยอกย้อนยับเยิน
ชีวิตบางคนรุ่งเรืองจำเริญ
แสนเพลิน...เหมือนเดินอยู่บนหนทางวิมาน

โลกนี้นี่ดูยิ่งดูเศร้าใจ
ชั่วชีวิตวัย หมุนเปลี่ยนผันไปเหมือนม่าน
ปิดฉากเรืองรองผุดผ่องตระการ
ครั้นแล้วไม่นาน เปิดผ่านเป็นความเศร้าใจ...

[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.3319091/[/MUSIC]

[AUDIOPLUS=]

 

ไพเราะมากครับ เพลงนี้คุ้นเคยมากเลยร้องมาตั้งแต่ประถมแล้ว อิ อิ.....

 

ตามมาฟัง....เพราะได้ใจครับ...
เพลงนี้มีการนำมาร้องหลายครั้งครับ...
ที่คุ้นๆน่าจะเป็นศิลปินหญิง ไม่แน่ใจว่า เป็นคุณ นันทิดา หรือคุณศรัญญ่า

 

เสียงร้องก็เพราะ..เสียงพูดก็เพราะ..เพราะทั้งเสียงร้องเสียงพูดเลยค่ะอิอิ..
;aa46;aa46;aa46;aa46;aa46

 

เห็นล่วยล้านเปอร์เซ็นต์คร๊าบบบบบบบบ.
​

 

ขอบคุณครับ เพลงนี้นักร้องหลายท่านนำมาร้องเช่น ปรีชา บุญญเกียรติ, ธานินทร์ อินทรเทพ,กุ้ง กิตติคุณ เชียรสงค์,นิตยา บุญสูงเนิน, สุนารี ราชสีมา,อรวี สัจจานนท์ ฯลฯ

 

ดนตรีเป็นแนวใหม่ แต่เสียงยังคงเป็นคุณสุเทพ วงศ์กำแหงอยู่ ร้องได้ไพเราะครับ
พอร้องด้วยดนตรีใหม่ ความเศร้าลดน้อยลง ทำให้ไพเราะกำลังดีครับ

 

ขอบคุณครับ ใช่ครับมีนักร้องมาร้องทั้งหญิงชายอีกหลายคน เนื้อร้องมีความหมายดีมาก เป็นเพลงที่ฟังได้ทุกยุคทุกสมัย

​

 

ขอบคุณครับ เพลงนี้ต้องมีเสียงพูดด้วย สำหรับผมนั้นคิดว่าเสียงพูดยากกว่าตอนร้องอีกนะครับ.....ไม่เชื่อลองร้องเพลงนี้แล้วส่งมาให้ฟังบ้างซิครับ

 

ขอบคุณครับบบบ........

 

ขอบคุณครับ ดนตรีใช้ในคาราโอเกะ All in one ครับง่ายดีเพราะมิดี้เพลงรุ่นเก่าหายากหน่อย เพลงร้องสไตล์ของคุณธานินทร์ อินทรเทพ ครับ

 

ถือผิวชังพรรณบ้างเหยียดหยามกันเหลือเกิน



พื้นฐานมนุษย์ ธรรมดา ก็คือทั่วๆไป
เหมือนกันหมด รูปร่างกาย และความคิด
พวกเกิดก่อน ความคิด เดินไปก่อน
คิดอยากทำ คิดอยากได้ คิดนู่นนี่​

เกิดก่อนใคร ได้เปรียบกว่า มีเวลา
สร้างนิยาย สร้างจักรวงศ์ สร้างนิทาน
ดำเนินชีวิต แบบจ้าวใหญ่ นายโตโต
ข่มขู่คน ข่มขวัญกัน ไว้ล่วงหน้า



เป็นการได้โอกาส และเอาเปรียบผู้มาทีหลัง
ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวมาก่อน

​

 

เกิดก่อนได้ ที่ดินกว้าง ใหญ่ไพศาล
บ้านใหญ่โต พระราชวัง ประมาณนั้น
ลู่ทางทำ มาหากิน ทำก่อนใคร
รวยทรัพย์สิน เงินทอง รวยข้าทาส



กินอิ่มหมี พีมัน เกลื่อนกลาดโต๊ะ
เรี่ยราดพื้น หกตก หล่นเหยียบซ้ำ
ช้าทาสหิว จะหยิบกิน ประทังท้อง
จากพื้นวัง ถุกเหยียบมือ ซ้ำเจ็บโอ๊ย

​

 

โลกนี้นี่ดูยิ่งดูยอกย้อน..............
เปรียบเหมือนละคร ถึงบทเมื่อตอนเร้าใจ.............
บทบาทลีลาแตกต่างกันไป....................
ถึงสูงเพียงใดต่างจบลงไปเหมือนกัน.................

 

เกิดมาต้องตายร่างกายผุพัง.........
ผู้คนเขาชังคิดยิ่งระวังไหวหวั่น..........
ต่างเกิดกันมาร่วมโลกเดียวกัน...........
ถือผิวชังพรรณบ้างเหยียดหยามกันเหลือเกิน.......

 

โลกนี้นี่ดูยิ่งดูเศร้าใจ
ชั่วชีวิตวัย หมุนเปลี่ยนผันไปเหมือนม่าน
ปิดฉากเรืองรองผุดผ่องตระการ
ครั้นแล้วไม่นาน เปิดผ่านเป็นความเศร้าใจ...