เป็นไปไม่ได้เลย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย newamazing, 30 มีนาคม 2013.

  1. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าถึงสภาวะนิพพานถ้าขาดจาคะ เพราะจิตที่ตระหนี่นั้นไม่สามารถเข้าถึงธรรมแท้ได้เลย ฉะนั้นการบริจาคทรัพย์เพื่อเป็นทานนั้นมีความสำคัญมากครับ เพราะเป็นการตัดความตระหนี่โดยตรงครับ สิ่งที่นำมาสู่ความสำเร็จได้ทุกอย่าง คือ ศรัทธา ศิล สุตตะ จาคะ ปัญญา ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้นะครับ ขอฝากนักปฎิบัติธรรมทุกท่านนะครับ
     
  2. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ตรงนี้กระผมมีข้อสังเกตุ
    สุดท้ายกะลาก็ยึดเอาเป็นของตัวเองไม่ได้เพราะยึด
    ต้องแบบมือขอ
    ได้กินก็กินไม่ได้กินก็ไม่กิน
    สัตว์อื่นหิวก็ให้สังขารตัวเองให้กิน

    สังขารธรรม
    กับสรีระทางโลก

    อย่างนั้นหรือไม่อย่างไรขอรับ
     
  3. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    หลวงพ่อนี้หลวงจริงๆเหมือนพระเจ้าต๋นหลวงเลย
    มีที่บริจาคไขมันเหมือนบริจาคเลือดไหมขอรับ

    เบ็นซีนกำลังขาด

    น่าจะดีหรือไม่อย่างไร

    ชีวะปิโตน

    ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ
     
  4. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ดูกรช่างไม้ทั้งหลาย อริยสาวกผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ย่อมเป็น
    พระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงจะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ธรรม ๔ ประการ
    เป็นไฉน? อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้าว่า
    แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ฯลฯ ในพระธรรม ฯลฯ ในพระสงฆ์ ฯลฯ มีใจ
    ปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทิน มีจาคะอันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการสละ ควร
    แก่การขอ ยินดีในการจำแนกทาน อยู่ครองเรือน ดูกรช่างไม้ทั้งหลาย อริยสาวกผู้ประกอบด้วย
    ธรรม ๔ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะ
    ตรัสรู้ในเบื้องหน้า.
     
  5. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    การบริจาคทรัพส่วนตนเพื่อประโยชน์นั้น
    ควรต้องตรึกตรอง หาใช่ศัทธาแต่ถ่ายเดียว
    ผู้ที่ควรบริจาคทรัพให้อย่างยิ่ง คือ บิดา และ มารดา
    เลี้ยงดูท่านทั้งสองให้ดีเสียก่อน ก่อนที่จะบริจาคแก่ผู้อื่น
    ความตระหนี่นั้น หาใช่เกิดแต่การอดออมเพื่อประโยชน์
    หากแต่เป็นการบริจาคเพื่อหวังผล หากไม่มีซึ่งผลประโยชน์
    แม้แต่สตางค์แดงเดียวไม่มีกระเด็น อันนี้ก็หาใช่สิ่งที่ควรกระทำ

    ผมเข้ามาแสดงความคิดเห็นส่วนตนเท่านั้นครับ

    สาธุครับ
     
  6. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +969
    อณุโมทณากับคุรโอ๊ทด้วยครับ ผมเห็นว่าการทำบุญที่ทำด้วยความศรัทธาก็จะได้อานิสงค์โดยส่วนหนึ่ง ผู้จะทำบุญ จะบริจาคทรัพย์ก็ต้องรู้จักกะว่าจะทำเท่าไหร่ไม่กระทบตน แต่ถ้าเป็นการเสียสละอย่างยิ่งอันนั้นอีกกรณีหนึ่ง ได้ผลแน่ในอนาคตไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า การทำบุญยิ่งเราทำกับคนที่มีศีลหรือเป็นคนดียิ่งได้บุญมาก(พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้) นอกจากทำบุญแล้ว ทำสมาธิให้จิตใจสบายๆ อ่านหนังสือธรรมะ ภาวนาหรือพิจรณาธรรมไปตามอรรถะและพยัญชนะที่เราอ่านมา ปล่อยกระแสจิตไปตามอารมณ์กรรมฐานปัญญาเกิด เมื่อปัญญาเกิดดูการเกิดดับของสังขารทั้งปวง จะรู้ว่ามันเช่นนั้นเอง เราไม่หลงอะไรกับมัน เราจักพ้นทุกข์ด้วยมรรค 8 คือดำริชอบ เห็นชอบ พูดจาชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ กระทำชอบ เพียรละบาปชอบ สติชอบ และสมาธิชอบ ตามดูให้รู้สภาพของจิต จับเอา วาง ปล่อย.....
     
  7. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ความเข้าใจท่านเป็นปุถุชนไม่ผิดหรอก
     
  8. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    การทำทานอย่างเดียวไม่ได้ทำให้เป็นอริยะหรอก แต่การเป็นอริยะนั้นขาดการทำทานไม่ได้เลย ลองพิสูจน์ตนเองด้วยการบริจาคทาน ลองดูแล้วจะเห็นความตระหนี่ซึ่งความตระหนี่นั้นโสดาบันก็ไม่มีแล้ว ต้องทดลองดูนะจะเห็นตนเอง สัก50000
     
  9. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..โดนไปกี่หมื่นล่ะ..กี่ตรางวา วาละหมื่นรึไม่..สร้างสถาบัน พุทธพจน์นะ..ถึงกับนอนเฝ้าวัดเลยรึ อิอิ
    จุดประสงค์แรง..แต่อานิสสงค์..ต้องรอดูก่อน
    ..หว่านพืชในที่นาแล้งน้ำ หรือ ที่นายังไม่ได้ไถพรวน มีแต่ไถพรวด..ไถพรวด..ข้าวจะขึ้นไฉน..ข้าวจะขึ้นไหม..เป็นความเพียรที่สูญปล่าวรึไม่ ท่านนิว..อิอิอิ:boo:
     
  10. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ผมทำทานเพื่อปรุงแต่งจิตเพื่อละความเป็นตัวตนครับ ทำไมท่านสับสนคิดลบได้ขนาดนี้นะ แล้วจะข้ามสิ่งที่ยากกว่านี้ได้อย่างไร
     
  11. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ปรุงแต่ง มันก็งอกเพิ่มเข้าไปในตัวตนหนะสิ
     
  12. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    (ทาน นี้ใครให้ได้ก็จบกิจ)
    จาคะ คือความสละคืนอุปธิทั้งปวง เป็นจาคะอันประเสริฐยิ่ง
     
  13. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +969
    คุณยกตัวอย่างทำทาน 50,000 บาท ผมกล่าวว่า นาย A ทำบุญ 1 บาท นาย B ทำบุญ 1,000,000 บาท ไม่จำเป็นเสมอไปที่นาย B จะได้บุญมากกว่านาย A ให้คุณปรึกษาพระโสดาบันประเภทศรัทธานุสารี...
     
  14. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ทำบุญด้วยหวังผลแห่งบุญนั้น
    หากแต่ชาติหน้าไม่มาเกิดอีกแล้ว จะเอาบุญไปทำอะไร
    พระอรหันต์ที่บ้าน มีความสุขดีนั้น น่าปลื้มใจยินดีเป็นหนักหนา
    เอาเงินไปสร้างในสิ่งที่อยู่แล้วตั้งมากมาย
    การทำบุญนั้นนำความสุขมาให้พระอรหันต์ในบ้านไหม
    หากจะเสียทรัพย์ หันมองภายในบ้านเสียก่อน
    หาใช่การทำบุญโดยมีความทุกข์ของคนในบ้าน
    เพียงเพื่อหวังบุญที่มองไม่เห็นทั้งที่คนในบ้านมองเห็นอยู่

    สาธุครับ
     
  15. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..แสดงว่าคุณไม่ได้อ่านพุทธวัจนะ..ครบถ้วนรึ ว่าด้วยการทำทานนะ.
    ไหนยกมาซิครับ การทำทานเหมือนกับการหว่านพืชลงในนาข้าว..ทีอย่างนี้ ไม่เอาพุทธพจน์นำแล้วรึ..ท่านnew..นี่แสดงได้ชัดเจน 4 ประการคือ

    1.ศรัทธา จนขาดปัญญา ในการใคร่ครวญแล้วค่อยทำทาน ใคร่ครวญ
    2.ใกล้เกลือ แต่กินดิน อิอิ
    3.ศึกษาธรรมแบบ ไม่สมควรแก่ธรรม ไม่นำธรรมนุปฏิบัติ ธรรมน้อยให้คล้อยกับธรรมใหญ่ ทำให้ก้าวข้ามการปฏิบัติ-จึงเห็นผลช้า
    4. ถกเถียงต้นกะทู้ ว่าทำทาน เพื่อละความเป็นตัวตน อ้างแบบไม่เข้าใจธรรม ไม่ตรงธรรมที่ปฏิบัติ การละความเป็นตัวตน ต้องอยู่ที่อภัยทานเป็นหลัก หรือละสักกายะโดยตรง..ไม่ใช่มายกทำทานด้วยเงินซื้อที่ดิน สร้างสถาบันแล้วบอกว่า..จะละตัวตน มันถูกแต่ไกลเกินเหตุที่อ้าง

    ..ยกพุทธพจน์ เรื่องการทำทานมาดูหน่อยครับ..ท่านnew..แล้วค่อยมาเถียงการทำทานด้วยปัญญาเป็นอย่างไร ยกมาครับ..ใคร่ครวญ ใคร่ครวญ แล้วค่อยทำใช่ไหม ตถาคต สอนไว้อย่างนั้นใช่ไหมครับ:':)':)@
    ..อย่าใกล้เกลือแล้วกินดิน หรือ ทำตัวเป็นช้อนไม่รู้รสน้ำต้มจืด..อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2013
  16. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ท่าน รู้ป่าว ว่าโสดาบันเขาทำทานกันอย่างไร
     
  17. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    ..นั่นมันคนละ ฐานะ สภาวะ..ท่านnew..ไม่กล้ายก พุทธวัจนะ ในเรื่องการทำทานมาเผยใช่ไหม..กลัวละซิ อิอิ:boo:
     
  18. เจ้าทองไปดี

    เจ้าทองไปดี แมว

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    182
    ค่าพลัง:
    +223
    โอ๊ยๆ อ่อนใจคนทำบุญไม่ได้บุญจริงๆ ทำบุญแล้วเอามาเล่านี่พอเข้าใจนะ แต่พอเห็นคนกดอนุโมทนาให้น้อยแล้วร่ำร้องถามหา ~~~กดอนุโมทนากุทีได้เปรตเถอะ~~~~ ..

    ทำบุญได้บุญนิดเดียว แปปเดียวตอนทำ หลังจากนั้นก็คิดแบบโปรตๆ
    ยิ่งโม้ยิ่งล่อนจ้อน ใครจะช่วยเอ็งได้ละเนี่ย อิอิ :'(
     
  19. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ให้ทานไม่ได้เพราะเหตุ ๒ อย่าง
    [๑๔๔๓] สัตบุรุษทั้งหลายแม้ไม่หุงกินเอง ได้โภชนะมาแล้ว ย่อมปรารถนาจะให้
    ท่านหุงโภชนะ ไว้มิใช่หรือ ไม่พึงให้โภชนะนั้น ไม่สมควรแก่ท่าน.
    [๑๔๔๔] บุคคลให้ทานไม่ได้ด้วยเหตุ ๒ อย่างคือ ความตระหนี่ ๑ ความประมาท
    ๑ บัณฑิตผู้รู้แจ้ง เมื่อต้องการบุญพึงให้ทานแท้.
    [๑๔๔๕] คนผู้ตระหนี่กลัวยากจน ย่อมไม่ให้อะไรๆ แก่ผู้ใดเลย ความกลัวจน
    นั่นแลจะเป็นภัยแก่คนผู้ไม่ให้ คนตระหนี่ย่อมกลัวความอยากข้าว
    อยากน้ำ ความกลัวนั้นแหละ จะกลับมาถูกต้องคนพาลทั้งในโลกนี้
    และโลกหน้า.
    [๑๔๔๖] เพราะเหตุนั้น บัณฑิตพึงครอบงำมลทิน กำจัดตระหนี่เสียแล้ว พึงให้
    ทานเถิด เพราะบุญย่อมเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า. ทานผู้ให้ได้ยาก เพราะต้องครอบงำความตระหนี่ก่อน แล้วจึงให้ได้
    อสัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมไม่ทำทานตามที่สัตบุรุษทำแล้ว ธรรมของ
    สัตบุรุษอันคนอื่นรู้ได้ยาก.

    ท่านอย่ากล่าวเรื่องอนิสงส์เลย นั้นเป็นชั้นของผลที่จะได้ ผู้ที่ทำทานที่หวังจะได้อานิสงส์นั้นเป็นเรื่องปุถุชนที่ยังต้องการหวังผล อริยะชนทำทานเพื่อกำจัดกิเลส คนละเรื่องนะท่าน ท่านยังมองไม่ออกหรอท่าน
     
  20. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ขอท่านจงหลุดพ้นด้วยทิฎฐิเถอด ในอาจม
     

แชร์หน้านี้

Loading...