เปิดห้วยขาแข้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว อีกครั้งกับการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน

ในห้อง 'ท่องเที่ยว - อาหารการกิน' ตั้งกระทู้โดย paang, 14 ธันวาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,326
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>อนุสรณ์สถานพิทักษ์ป่าผู้เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>โถงนิทรรศการภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>กาพท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ที่จัดขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้รู้จักป่าห้วยขาแข้ง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ความสมบูรณ์ของห้วยขาแข้งทำให้ที่นี่เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด ในภาพคือฝุงกระทิง</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ภาพต้นไม้อันร่มรื่นย์</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ลำห้วยขาแข้ง ลำน้ำอันเป็นที่มาของชื่อป่าแห่งนี้</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> วันที่ 1 กันยายน 2533 สืบ นาคะเสถียร ปลิดชีพตัวเองด้วยกระสุนกลางป่าห้วยขาแข้ง จนทุกวันนี้กระสุนนัดนั้นก็ยังดังกังวานไม่สิ้นเสียงวันที่ 9-13 ธันวาคม 2534 เป็นช่วงการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ที่เมืองคาร์เทจ ประเทศตูนิเซีย ที่ประชุมได้เห็นชอบให้ขึ้นทะเบียนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้งเป็นมรดกโลก ซึ่งเป็นปีรุ่งขึ้นภายหลังการจากไปของ 'สืบ นาคะเสถียร'

    วันที่ 1 พฤศจิกายน 2548 มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบเรื่อง การพัฒนาและสร้างสินค้าการท่องเที่ยวที่มีอยู่หลากหลายและมีความโดดเด่นเป็นมรดกโลกและมีความแตกต่างที่เป็นจุดแข็ง ในการประชุมครม.สัญจรที่จังหวัดนครสวรรค์ แปลความกันแบบบ้านๆ ตามที่เป็นข่าวก็คือ จะมีการเปิดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงป่ามรดกโลกอย่างห้วยขาแข้งด้วยตามชื่อมติ

    มตินี้นำไปสู่ข่าวที่กระเส็นกระสายออกมาว่า จะต้องมีปรับปรุงเส้นทางเข้าสู่ห้วยขาแข้ง เส้นทางดูสัตว์ การทำแนวป้องกันสัตว์ สร้างห้องพัก ห้องน้ำ ร้านค้า เป็นต้น

    ภายหลังจากมตินี้ออกมา ก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความว่าจะเกิดกระแสตอบรับอย่างไรต่อเรื่องนี้เพราะโดยตัวมติเองก็ค่อนข้างจะผิดกับหลักการการก่อตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอยู่แล้ว ไหนยังจะเข้าไปแตะต้องกับผืนป่ามรดกโลก-ห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นผืนที่ป่าที่ถือเป็นหัวใจของผืนป่าตะวันตก-ป่าเขตร้อนที่มีเนื้อที่ประมาณ 11 ล้านไร่ จัดเป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เป็นระบบนิเวศที่เปราะบาง มิหนำซ้ำวิธีคิดของรัฐในเรื่องนี้ ยังเป็นการจัดการทรัพยากรที่ยืนอยู่บนฐานคิดแบบแปรทุกอย่างเป็นเงิน ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงนำไปสู่กระแสการคัดค้านอย่างพร้อมเพรียงขององค์กรด้านอนุรักษ์ต่างๆ

    *เขตรักษาพันธุ์ฯ ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว

    เมื่อกล่าวถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยหลักการแล้วคือพื้นที่สำหรับรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหายากและสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ เป็นแหล่งสำหรับการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับป่าและพฤติกรรมของสัตว์ป่า ซึ่งหากยึดถือตามแนวนี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าย่อมไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปแบบพร่ำเพรื่อ

    สมศักดิ์ อมรรัตนเสรีกุล หรือ รอน แรมทาง บรรณาธิการบริหารนิตยสารทราเวล ไกด์ กล่าวว่า "อุทยานแห่งชาติถ้าพูดกันแบบภาษาชาวบ้านก็ต้องเรียกว่า มีเพื่อเข้าไปใช้สันทนาการ คือมันเป็นที่ที่สงวนไว้ให้กับประชาชนธรรมดาๆ เข้าไปศึกษาได้ เที่ยวได้ สนุกสนานได้ ในมิติที่มีกติกา แต่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าวัตถุประสงค์ในการตั้งมันเพื่ออะไร เพราะว่าป่าผืนนั้นมีการสำรวจตรวจสอบแล้วว่ามีสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์เป็นตัวตั้ง ชื่อมันก็บอกว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยข้อเท็จจริงทุกวันนี้ป่ามันแทบจะหมดแล้ว เพราะว่าเมืองมันล้อมป่าหมด"

    สมศักดิ์ ยังวิจารณ์วิธีคิดที่จะขายทุกอย่างของรัฐบาลอย่างเผ็ดร้อนด้วยว่า "ประเด็นที่ว่าจะเอาทุกอย่างมาขายทำมาหาแดก ผมว่าแม่งเกินไป มันเกินไปตรงที่ว่า... คือผมเองไม่ใช่เอ็นจีโอ ไม่เคยเป็นเอ็นจีโอ ในมิติความคิดบางมิติผมก็ไม่เห็นด้วยกับพวกเขา แต่ในมุมที่รัฐบาลกำลังทำ จะเอาป่าเป็นที่ท่องเที่ยวมันก็ไม่ใช่ คุณเที่ยวมันไม่ได้"

    ขณะที่ ศศิน เฉลิมลาภ รองเลขาธิการมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร และผู้จัดการโครงการร่วมรักษาผืนป่าตะวันตกเชิงระบบนิเวศ กล่าวถึงท่าทีของทางมูลนิธิสืบฯ ว่า "โดยหลักการแล้วเราคัดค้านเรื่องนี้ชัดเจน แต่ก็อยู่บนพื้นฐานของการยอมรับความจริงบางส่วนว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหลายๆ ที่มันเป็นแหล่งท่องเที่ยวอยู่แล้ว อย่างเช่นน้ำตกทีลอซู ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ซึ่งเราก็ไม่สามารถจะไปห้ามการท่องเที่ยวตรงนี้ได้ หรือกระทั่งห้วยขาแข้งก็เป็นที่ที่มีคนเข้าไปไหว้รูปคุณสืบ เข้าไปอยากจะดูประวัติศาสตร์ความเป็นมาของห้วยขาแข้ง หรือในทุ่งใหญ่เองก็เปิดบางส่วนเป็นที่ที่อนุญาตให้แคมปิ้งได้ แต่ก็มีกรอบ มีกติกาของมัน"

    การเปิดน้ำตกทีลอซูให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว หากตีความกันตามตัวบทกฎหมายกันอย่างเคร่งครัด ย่อมเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่สภาพความเป็นจริงก็คือทางเขตรักษาพันธุ์ฯ อุ้มผางได้ทำการอนุโลมในเรื่องนี้ตามสมควร แต่นั่นก็ใช่ว่าจะไม่เกิดปัญหาเรื่องการจัดการการท่องเที่ยว ซึ่งหากหยิบยกประเด็นน้ำตกทีลอซูนี้มาเทียบกับห้วยขาแข้ง ก็อาจจะเกิดข้อวิจารณ์แล้วทำไมห้วยขาแข้งจึงเปิดให้เข้าไปเที่ยวบ้างไม่ได้

    "ทีลอซูนั้นเสียหลักการไปแล้ว" ศศิน กล่าวถึงประเด็นนี้ต่อว่า "ทำยังไงเราจะปรับทีลอซูให้เข้าสู่หลักการ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้คือการจำกัดปริมาณนักท่องเที่ยวหรือกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อที่จะให้ทีลอซูสามารถดำรงรักษาความเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าพร้อมกับบริการนักท่องเที่ยวแบบการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เต็มรูปให้ได้ด้วย แต่ในขณะเดียวกันที่เรากังวลก็คือ ทำไมกรมถึงมีความคิดที่จะเปลี่ยนกฎหมาย เปลี่ยนหลักการ แทนที่จะเปลี่ยนสิ่งที่มันผิดพลาดให้มันกลับมา ให้ท่องเที่ยวได้ด้วยตามที่มันเป็นจริง

    "ดังนั้น คุณจะมาเปลี่ยนพื้นที่ที่เหมาะสมในการเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทั้งพื้นที่เพื่อจุดท่องเที่ยวเล็กๆ จุดหนึ่ง มันไม่ถูก สิ่งที่ควรทำคือจะปรับยังไงให้การท่องเที่ยวในทีลอซูมันสามารถทำตามระเบียบกฎเกณฑ์ ตามหลักวิชาการของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้ มูลนิธิสืบมีหลักการยืนยันชัดเจนในเรื่องนี้ว่า เราไม่สนับสนุนให้เปลี่ยนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ไม่เคยคัดค้านในการที่จะเกิดการท่องเที่ยวบ้างในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แต่จะทำยังไงให้กำหนดกรอบกติกาอย่างถูกหลักวิชาการ"

    ประเด็นที่ศศินยกขึ้นมานี้สอดคล้องกับรอน แรมทางราวกับนัดกันมาพูด รอน แรมทาง บอกว่า "อย่างทีลอซูถึงทุกวันนี้เรายอมรับว่ามันสวย แต่ถ้าคุณจะเปิดตรงนั้นให้เที่ยว คุณก็เอากฎหมายเข้าไปรองรับเฉพาะส่วนตรงนั้น ไม่ใช่ไปเปิดทีลอซูทั้งหมด เหมือนกับห้วยขาแข้ง ปัจจุบันห้วยขาแข้งมันมีจุดเข้าไปเที่ยวได้ 3 จุด ไม่ใช่ว่าเขตรักษาพันธุ์ปัจจุบันไม่ใช่มันเที่ยวไม่ได้ แต่มันมีกติกาที่เข้มงวด แต่การเข้าไปเที่ยวแบบนี้เราต้องยอมรับข้อเท็จจริงอีกอย่างหนึ่งว่าเราเที่ยวแบบไหน คุณเข้าไปกางเต็นท์นอน แต่นั่งแดกเหล้า เอะอะเฮฮาแล้วคุณก็ออกมา ทำไมต้องไปห้วยขาแข้ง ผมถามหน่อยสิ"

    *ห้วยขาแข้งไม่มีแหล่งท่องเที่ยว

    เก็บประเด็นเรื่องหลักวิชาการการจัดการพื้นที่อนุรักษ์ไว้ก่อน เพื่อมาดูว่ามีอะไรในห้วยขาแข้งที่เหมาะสำหรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวบ้าง ซึ่งหลายคนคงเคยได้ยินมาก่อนทั้งจากนิตยสารท่องเที่ยว หนังสือ หรือกระทั่งคนที่เคยไปสัมผัสกับมรดกโลกชิ้นนี้มาแล้วว่า ห้วยขาแข้งไม่มีสถานที่ทางธรรมชาติใดๆ ที่สวยงามพอจะให้ผู้คนเข้าไปชมอย่างอิ่มตาอิ่มใจได้ตามควาหมายของแหล่งท่องเที่ยวเลย

    ศศิน นักวิชาการที่เข้าไปทำวิจัยในห้วยขาแข้งบ่อยครั้งกล่าวว่า "เราต้องดูว่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้งมีความเหมาะสมในการทำสิ่งเหล่านี้แค่ไหน หนึ่งก็คือคนที่ไปจะสนุกมั้ย จะคุ้มค่าเวลาหรือเปล่า อีกข้อหนึ่งคือการที่จะเปิดแบบนั้นเราจะต้องไปเสริมอะไรในธรรมชาติเยอะมั้ยและเราจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง ก็ต้องชั่งน้ำหนักกัน ในความเป็นจริงก็คือห้วยขาแข้งไม่มีที่เที่ยว ไม่มีน้ำตก มีแค่น้ำตกไซเบอร์ก็ไปเที่ยวได้ ทำแคมปิ้งได้ ก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่นอกจากน้ำตกไซเบอร์แล้วก็ไม่เห็นจะมีที่ท่องเที่ยวอื่นอีก ถ้าเข้าไปในกลางห้วยขาแข้งเลยที่มีรูปปั้นคุณสืบอยู่ นอกจากรูปปั้นคุณสืบแล้วก็ไม่มีอะไรเลย วิวก็ไม่สวย น้ำก็ไม่มีใช้ และร้อนมาก ดังนั้น ถามว่าจะเข้าไปทำอะไร ถ้าจะเข้าไปใช้สถานที่จัดประชุมทางวิชาการตรงนี้ทางเขตรักษาพันธุ์เขาก็เปิดให้ทำอยู่แล้ว หรือถ้านักท่องเที่ยวจำนวนน้อยอยากจะไปเดินเส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาหินแดงก็สามารถเขาไปได้ แต่เข้าไปจะต้องเป็นกลุ่มเฉพาะมาก สนใจจริงๆ เพราะมันไม่สนุกและเหนื่อย ไม่ใช่เข้าไปแล้วเล่นกีตาร์เฮฮากันได้ ไม่มี ฉะนั้น ถึงอนุญาตให้ทำได้ก็ไม่สนุก เพราะโดยพื้นที่มันไม่เหมาะ

    ลองไปถามหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง มีใครบ้างที่เห็นเหมาะสมในการเปิดพื้นที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ผมกล้าท้าเลยนะว่าถ้าไม่ใช่คนที่เพี้ยนจริงๆ ที่เคยเป็นหัวหน้าเขตที่เขารู้จักพื้นที่ดีๆ เขาก็จะหัวเราะเพราะว่ามันไม่มีศักยภาพตามธรรมชาติ"

    ด้าน นิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น เว็บมาสเตอร์ไทยเทร็กกิ้ง เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยไปสัมผัสห้วยขาแข้งมาแล้วก็บอกกับเราว่า "ในห้วยขาแข้งมันไม่มีอะไรอยู่แล้ว คนอาจจะไปตีความว่าป่าทุ่งใหญ่จะคล้ายๆ เคนยา คล้ายซาฟารี คิดว่าห้วยขาแข้งจะคล้ายคินาบารู แต่จริงๆ ป่าห้วยขาแข้งมันไม่ได้มีความสวยอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจหรอก มันต้องคนรักธรรมชาติจริงๆ"

    นอกจากแนวคิดที่จะเปิดห้วยขาแข้งให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ทางภาครัฐดูเหมือนต้องการจะปรับปรุงพื้นที่เพื่อนำสัตว์มาโชว์ให้คนที่มาเที่ยวสามารถเห็นสัตว์ป่าได้เหมือนกับการท่องเที่ยวแบบซาฟารีในแอฟริกา

    ด้านนักวิชาการก็ออกมาโต้แย้งในประเด็นนี้ว่า ธรรมชาติของสัตว์ป่าในเมืองไทยไม่เหมือนกับสัตว์ป่าในทุ่งหญ้าแอฟริกาที่มีอยู่ไม่กี่ชนิดจึงทำให้มีปริมาณมาก ขณะที่สัตว์ป่าในเมืองไทยมีชนิดพันธุ์ที่หลากหลายกว่าและมีจำนวนน้อย ทั้งลักษณะป่าไม้ของเมืองไทยเป็นป่าทึบไม่เหมาะกับการขับรถเพื่อเที่ยวชมสัตว์

    ศศิน บอกว่า "การจะทำสวนสัตว์เป็นเรื่องที่น่าเกลียด การที่เราจะเห็นสัตว์ เห็นช้างเป็นช้าง เห็นเสือดาวกินกวางอันนี้ต้องไปแอฟริกา เพราะโดยนิสัยของสัตว์ที่อยู่ในป่าทึบอย่างเมืองไทย เราไม่ได้มีทุ่งแบบในแอฟริกา มีทุ่งอยู่ที่เดียวคือทุ่งซาวันนาในทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นที่ที่สัตว์จะออกมาตอนกลางคืน และไม่ได้มีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ให้เป็นที่นอนแบบมีกระทิงมานอนอาบแดด

    "และโดยนิสัยของคนไทยแล้วก็ไม่ได้มีนิสัยใช้ความอดทนรอดูสัตว์แบบนั้นได้ ทั้งคืนอาจจะเห็นหรือไม่เห็น วัฒนธรรมการท่องเที่ยวของเราไม่มีอยู่แล้วการที่จะไปเฝ้า 3 วัน 3 คืนเพื่อให้เห็นสัตว์ เห็นกวาง 2 ตัว คุณเข้าไปในเขาดินก็เห็นไม่รู้กี่ตัวแล้ว ดังนั้น การคิดแบบนี้เป็นการคิดของคนที่ไม่รู้จักพื้นที่ และไม่รู้จักธรรมชาติของพื้นที่"

    *....อยู่ที่วิธีการ

    นิพัทธ์พงษ์บอกว่า เขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าควรจะเปิดห้วยขาแข้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือไม่ เพราะยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้มันอยู่ตรงสิ่งที่เขาเรียกว่า รายละเอียด และยกตัวอย่างป่ามรดกโลกคินาบารูให้ฟังว่า

    "ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเด็ดขาด ต้องดูว่าเขาจะทำอย่างไร ทีนี้ไอ้คำว่าทำอย่างไรนี่มันคือรายละเอียดที่สำคัญมากสำหรับผม คือมรดกโลกเกือบทุกแห่งในโลกก็เปิดให้เที่ยวได้อยู่แล้ว ป่าอนุรักษ์สำคัญของโลกอย่างใกล้บ้านเราที่สุดก็ป่าคินาบารูในมาเลเซียซึ่งเป็นป่ามรดกโลกก็เปิดให้เที่ยวเช่นกัน เขาทำกันทั่วโลกอยู่แล้ว แต่ว่าเขาทำกันอย่างไร เขาจำกัดที่พัก เขาเปิดในเส้นทางเดียวที่คัดเลือกแล้ว ทุกคณะมีไกด์นำทางที่ผ่านการอบรม มีลูกหาบที่ผ่านการอบรม และก็ทำได้ดี หมายความว่าเป็นไปอย่างเข้มงวดและสนุก นักท่องเที่ยวก็เดินได้เทรลเดียว แต่ทุกคนก็ได้เข้าใจความเป็นคินาบารู ได้เข้าไปศึกษา และก็ได้เงินเข้ามาคุ้มครองป่าส่วนที่เหลือทั้งหมด เพราะเขาเก็บค่าเข้าคนละพัน แต่ถ้าการเปิดนั้นคือการเปลี่ยนวิถีชีวิตของสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะไม่มีที่ไหนทำกันอยู่แล้ว เช่นมีควายป่าแล้วเราบอกว่าจะไปดูควายป่าแบบซาฟารี แต่วิถีชีวิตของควายป่าไทยก็ไม่เหมือนกับในแอฟริกา การหากินมันคนละอย่างกัน เราไปไล่ดูมัน มันอาจจะเปลี่ยนวิถีชีวิตไปหรืออยู่ไม่ได้ในที่ที่มันเคยอยู่ ถ้าอย่างนี้ก็ไม่มีที่ไหนทำ และไม่มีที่ไหนเห็นด้วยที่จะทำ"

    "ทีนี้คำว่า ถ้ามีการจัดการที่ดี มันก็มีหลักคิดอยู่ว่า การกระทำใดๆ เพื่อการท่องเที่ยวต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งที่ควรสงวนไว้ การนั่งช้างดูแรด ดูเสือในป่ามรดกโลกที่เนปาล พื้นที่ที่ดู ไม่ได้ดูทั้งหมดในป่า เขาดูอยู่นิดเดียว แต่ป่าที่เหลือมีปริมาณเสือเพิ่มมากขึ้น มีเงินไปเป็นกองทุนคุ้มครองป่าเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมอีกสองสามเท่า ป่าที่เหลืออีกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ถูกคุ้มครองดีขึ้น และอย่างนี้มันดีหรือไม่ดี"

    มีข้อมูลว่าปัจจุบันนี้ทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งกำลังดำเนินโครงการห้องรับแขกอยู่ โดยการจัดเป็นอาคารนิทรรศการความรู้ ให้ผู้ที่มาห้วยขาแข้งได้รู้จักห้วยขาแข้ง นอกจากนี้ยังมีการทำโป่งเทียมเพื่อเป็นอาหารเสริมดึงดูดให้สัตว์ป่าออกมา ซึ่งคนที่ขับรถเข้าไปอย่างสุภาพชนจะได้มีโอกาสเห็นสัตว์ป่าออกมา

    ศศิน กล่าวถึงโครงการนี้ว่า "อย่างนี้ไม่มีปัญหาเพราะทำตามหลักวิชาการ แต่ส่วนที่มีสัตว์ป่าจริงๆ ทางโครงการเขาก็ไม่ไปแตะต้อง ตรงนี้เป็นการควบคุมตามหลักวิชาการและมีผู้บริหารควบคุมชัดเจน ซึ่งเริ่มทำโดยลักษณะเป็นโครงการนำร่องดูก่อน ถ้ามันดีก็ปรับเปลี่ยนเป็นระเบียบวิธีต่อไป

    แต่การที่จะทำเป็นสวนสัตว์ จะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้คนขับรถเข้าไปอย่างที่เป็นข่าว มันคนละเรื่อง มันเป็นการเอาโครงการนี้ไปผสมกับความคิดนั้น ไปผสมกับการประจบสอพลอนายกฯ ที่ไปทัวร์นกขมิ้น แล้วให้ข้อมูลนายกฯ ไปผิดๆ เอาไปพิจารณาแบบไม่รอบคอบ มันก็เลยออกมาอีนุงตุงนัง ทั้งที่ในเชิงวิชาการแล้วเขามีการบริหารจัดการกันอย่างถูกหลักวิชาการ ก็คือมีโครงการขึ้นมารองรับและทดลองก่อนว่ามันดีหรือไม่ดี สามารถเลิกได้ถ้าไม่ดี ถ้าดีก็พัฒนาต่อไป"

    ถาม รอน แรมทาง ว่า ถ้ามีการจัดการที่ดีห้วยขาแข้งก็สามารถเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ใช่หรือไม่ เขาตอบคำถามนี้จากประสบการณ์ที่เคยเป็นลูกจ้างรายวันของกรมป่าไม้เดิมมาถึง 6 ปี และในฐานะของคนทำสารคดีที่มีชั่วโมงบินการเดินทางมาอย่างเชี่ยวโชนว่า

    "เอาง่ายๆ ถ้าคุณจะทำที่ท่องเที่ยวนะ อุทยานแห่งชาติที่อยู่ในประเทศไทยตอนนี้ 100 กว่าแห่ง ทำไมไม่ใช้ระบบการจัดการที่รัฐบาลชุดนี้เก่งมากในเรื่องการตลาดเข้าไปทำ หรือคุณจะเปลี่ยนแปลงมันใหม่ก็ได้ อุทยานแห่งชาติควรจะเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบางแห่งควรจะทำที่ท่องเที่ยว เพราะมันไม่มีสัตว์ในระดับที่จะเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

    ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกมาก อย่างเขาใหญ่เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าได้มั้ย ได้ อย่างป่าภูวัวนี่มีอะไร มีเก้ง มีกวางอยู่ไม่กี่ตัว หรือพื้นที่บางส่วนอย่างอุ้มผาง คุณกันเฉพาะส่วนทีลอซูเป็นวนอุทยานก็ได้ ทำให้มีกฎหมายรองรับซะที เพราะว่าปัจจุบันนี้ทีลอซูที่ไปเที่ยวกัน ผิดกฎหมายนะผมบอกให้"


    จะเป็นไปได้หรือไม่ที่การเปิดห้วยขาแข้งให้เป็นที่ท่องเที่ยว จะเป็นการเปิดโอกาสให้คนได้เข้าไปศึกษาธรรมชาติในห้วยขาแข้งมากขึ้น และเกิดความหวงแหนต่อมรดกชิ้นนี้ รอน แรมทาง แสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้อย่างดุดัน

    "อันนี้ไม่จริง ถ้าคุณจะพูดประเด็นนี้ผมไม่เชื่อ เพราะไอ้ทั้งหลายทั้งปวงที่มาบริหารประเทศตอนนี้มันไม่ได้มีแนวคิดอะไร มันมีแนวคิดอย่างเดียวว่ากูจะขายอะไร ผมไม่เชื่อในทัศนคติหรืออุดมคติของคณะรัฐบาลชุดนี้ ที่ว่าจะมีแนวคิดเพื่อดึงคนเข้าไปศึกษา ไม่ แต่พูดอย่างเดียวว่ากูจะขาย อย่างมาแล้วจะเห็นแค่รอยเท้าไม่ได้ ต้องเห็นตัวด้วย คุณรู้มั้ยว่าสัตว์ป่ากว่าคุณจะเห็นตัวมัน ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะมันมีสัญชาตญาณในการระวังตัวสูง แล้วการที่คุณจะไปเปิดห้วยขาแข้งเปิดเพื่ออะไร ถ้าเปิดเพื่อท่องเที่ยว ผมมองไม่เห็นอนาคตเลย มันเป็นความบรรลัยของป่าไม้ในประเทศนี้ในอนาคต เพราะถ้าห้วยขาแข้งเปิดได้ ทุกแห่งมันก็เปิดได้"

    ขณะที่รอน แรมทางค่อนข้างชัดเจนในเรื่องการเปิดห้วยขาแข้ง นิพัทธ์พงษ์มีความเห็นแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า "ผมยังไม่ได้ตัดสินใจว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ในขั้นต้นโดยรวมๆ ผมไม่ได้คัดค้าน เพราะผมได้เห็นว่าที่อื่นเขามี เขาทำ และผมก็ได้มีโอกาสไปสัมผัส และเราคิดว่ามันเป็นประโยชน์นะ ในมุมของผมคือได้เงินมาคุ้มครองส่วนที่เหลือ แต่ถ้ามันเป็นการสัมปทานจ่ายเงินเข้ารัฐ แล้วรัฐนำเงินไปเข้าส่วนกลางไม่ได้กลับมาที่ห้วยขาแข้ง อีกส่วนเป็นกำไรที่เอกชนได้ไปจากสัมปทานนั้น ถ้าอย่างนี้มันก็ไม่สมควรที่จะเอาทรัพย์สมบัติของทุกคนไปทำแบบนี้"

    สักวันหนึ่งการเปลี่ยนแปลงย่อมต้องเกิดขึ้นตามแรงบีบคั้นของกาลเวลาอยู่ดี ใครจะรู้ อนาคตห้วยขาแข้งอาจเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันมีหน้ามีตาของประเทศไทย แต่กว่าจะถึงวันนั้นสังคมไทยควรซึมซับบทเรียนเจ็บปวดที่พบเจอมามากมายให้ได้ที่ว่า ปัญหาของเราจริงๆ อาจอยู่ตรงวิธีคิดที่ไม่รอบด้าน และวิธีการจัดการที่หละหลวม ...และคงต้องเป็นเช่นนี้ไปอีกนาน ตราบใดที่ขาทั้งสองข้างของเรายังจมอยู่กับสองปัญหานี้

    "ผู้บริหารประเทศพยายามสร้างกระแสว่า ทำยังไงถึงจะหาธรรมเนียมการทำงานแบบธุรกิจ ด้วยการหาโอกาส อะไรคือโอกาส อะไรคือข้อจำกัด เอาโอกาสมา ตัดข้อจำกัดออกไป แก้กฎหมายก็ได้ แต่คุณลืมคิดถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของประเทศไทย คุณมองอย่างเดียวคือทลายข้อจำกัดเพื่อหาโอกาส แต่คุณต้องคิดถึงจุดแข็งว่าป่าบ้านเราเป็นระบบนิเวศเขตร้อนซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นพื้นที่ที่เข้าถึงยากและเป็นเรื่องที่มีคุณค่ามหาศาลในการที่เราไม่ได้เปิดแบบโฉ่งฉ่าง นี่คือจุดแข็ง คุณกำลังทำลายจุดแข็งตัวเอง แล้วเอาจุดอ่อนมาขาย จุดอ่อนคือมันเป็นระบบนิเวศน์ที่เปราะบางซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ง่าย และเราก็เหลือพื้นที่ป่าอยู่นิดเดียว คุณกำลังเอาจุดอ่อนมาเป็นโอกาส การบริหารแบบนี้ถ้าในเชิงของการบริหารจัดการถือว่าเป็นการวิเคราะห์สว็อทซึ่งไม่ถูกหลักการบริหาร"

    เป็นคำฝากสุดท้ายของศศินที่ฝากถึงผู้บริหารประเทศ

    * * * * * * * * * * * *


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>ที่มา ผู้จัดการออนไลน์</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,295
    ค่าพลัง:
    +2,719
    ป่าผืนนี้สมบูรณ์มากเลย

    (b-green) ป่าผืนนี้ไฟป่าเกิดบ่อยมาก พวกหาของป่านะตัวดีเลย
     
  3. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    โดยเฉพาะคุณสามอ่ะ..ไปอุทัยบ่อยๆ...แว๊บหาของป่าบ้างป่าวเอ่ย..อิอิ..(แซวกันเอง..ซ๊ะแล้วเน๊าะ)
     
  4. หลับตา

    หลับตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    716
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ถ้าจัดการไม่ได้อย่าเสี่ยงดีกว่า คนไทยยังไงก็มักง่าย
     
  5. สมิทธิ์

    สมิทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    177
    ค่าพลัง:
    +749
    ... ธรรมชาติไม่ได้มีไว้หาผลประโยชน์ไปเสียทุกอย่างนะครับ

    ... " ระวังธรรมชาติเอาคืน " (b-no)
     
  6. Samy

    Samy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,295
    ค่าพลัง:
    +2,719
    คุณนู๋ตานั้นแหละมือเพลิง

    (b-green) ชอบแอบเผาเราอยู่เรื่อย
    พระเอกก็งี้ครับมักตกเป็นเป้าอิอิ อิอิ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...