เปรียบเทียบ มนุษย์ สวรรค์ และ อบาย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 4 มีนาคม 2007.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    [FONT=&quot]แม้ว่าตามปกติพวกมนุษย์จะถือว่าเทวดาสูงกว่าพวกตน และพากันอยากไปเกิดในสวรรค์[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]แต่สำหรับพวกเทวดา เขาถือกันว่า การเกิดเป็นมนุษย์เป็น [/FONT][FONT=&quot]สุคติ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ของพวกเขา[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ดัง[/FONT][FONT=&quot] พุทธพจน[/FONT][FONT=&quot]์[/FONT][FONT=&quot] ยืนยันว่า [/FONT][FONT=&quot]ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นมนุษย์นี่แล นับว่าเป็นการไปสู่ สุคติ ของเทพทั้งหลาย[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เมื่อเทวดาองค์ใดองค์หนึ่งจะจุติ เพื่อเทพชาวสวรรค์จะพากันอวยพรว่าให้ไปสู่[/FONT][FONT=&quot]สุคติ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]คือไปเก็เป็นมนุษย์ทั้งหลาย[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เพราะโลกมนุษย์เป็นถิ่นที่มีโอกาสเลือกประกอบ [/FONT][FONT=&quot]กุศลกรรม[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ทำความดีงามต่าง ๆ และประพฤติปฏิบัติธรรมได้อย่างเต็มที่ (ความชั่วหรือ อกุศลกรรมต่าง ๆ ก็เลือกทำได้เต็มที่เช่นเดียวกัน)[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]การเกิดเป็นเทวดาที่มีอายุยืนยาว ท่านถือว่าเป็นการเสียหรือพลาดโอกาสอย่างหนึ่งในการที่จะได้ [/FONT][FONT=&quot]ประพฤติพรหมจรรย์[/FONT][FONT=&quot] (ปฏิบัติตาม อริยมรรค)[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เรียกอย่างสามัญว่าเป็นโชคไม่ดี พวกชาวสวรรค์มีแต่ความสุข ชวนให้เกิดความประมาทมัวเมา สติไม่มั่น[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ส่วนโลกมนุษย์มีสุขบ้างทุกข์บ้างเคล้าระคน มีประสบการณ์หลากหลายเป็นบทเรียนได้มาก[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เมื่อรู้จักกำหนดก็ทำให้ได้เรียนรู้ ช่วยให้สติเจริญว่องไวทำงานได้ดี เกื้อกูลแก่การฝึกตนและการที่จะก้าวหน้าในอริยธรรม[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เมื่อพิจารณาในแง่ระดับแห่งคุณธรรมให้ละเอียดลงไปอีกจะเห็นว่า มนุษย์ภูมิ นั้นอยู่กลางระหว่าง เทวภูมิ หรือสวรรค์ กับ อบายภูมิ มีนรก เป็นต้น[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]พวก อบาย เช่นนรกนั้น เป็นคนของคนบาปด้อย [/FONT][FONT=&quot]คุณธรรม[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot](ธรรมเป็นคุณ ความดีงาม สภาพที่เกื้อกูล)[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]แม้ชาว อบาย บางส่วนจะจัดได้ว่าเป็นคนดี แต่ก็ตกไปอยู่ในนั้น เพราะความชั่วบางอย่างให้ผลถ่วงดึงลงไป[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ส่วนสวรรค์ก็เป็นแดนของคนดีค่อนข้างมีคุณธรรม[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]แม้ว่าชาวสวรรค์บางส่วนจะเป็นคนชั่วแต่ก็ได้ขึ้นไปอยู่ในแดนนั้น เพราะมีความดีบางอย่างที่ประทุแรงช่วยผลักดันหรือฉุดขึ้นไป[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ส่วนโลกมนุษย์ที่อยู่ระหว่างกลาง ก็เป็นประดุจชุมทางที่ผ่านหมุนเวียนกันไปมาทั้งของชาวสวรรค์และชาว อบาย[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เป็นแหล่งที่สัตว์โลกทุกพวกทุกชนิดมาทำ มาหากรรม[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เป็นที่คนชั่วมาสร้างตัวให้เป็นคนดีเตรียมไปสวรรค์หรือ คนดีมาสุมตัวให้เป็นคนชั่วเตรียมไปนรก[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ตลอดจนเป็นที่ผู้รู้จะมาสะสางตัวให้เป็นคนอิสระเลิกทำมาหากรรม เปลี่ยนเป็นผู้หว่านธรรม ลอยพ้นเหนือการเดินทางหมุนเวียนต่อไป[/FONT]
    [FONT=&quot]เทวภูมิ ๖ ( สวรรค์ ๖)[/FONT][FONT=&quot] แดนอันแสนดีเลิศล้ำด้วย กามคุณ ทั้ง ๕ โลกของ เทวดา ตามปกติหมายถึง กามาพจรสวรรค์[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๑.จาตุมหาราชิการ (สวรรค์ชั้นที่ ๑)[/FONT][FONT=&quot] สวรรค์ที่ท้าวมหาราช ๔ องค์ ปกครอง[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]จาตุมหาราชิกา มีมหาราช ๔ องค์[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๑. ท้าววธตรัฐะ มหาราช[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็นผู้ปกครอง คันธัพพเทวดา [/FONT][FONT=&quot] ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศตะวันออก[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๒. ท้าวิรุฬหกะ มหาราช[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็นผู้ปกครอง กุมภัณฑ์เทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศใต้[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๓. ท้าววิรูปักษ์[/FONT][FONT=&quot] มหาราช [/FONT][FONT=&quot]เป็นผู้ปกครอง นาคะเทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศตะวันออก[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๔. ท้าวเวสสุวรรณ มหาราช[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็นผู้ปกครอง ยักขเทวดา ทั้งหมด อยู่ทาง ทิศเหนือ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot](ท้าวกุเวร หรือ เวสสวัณ)[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ท้าวมหาราช[/FONT][FONT=&quot] ทั้ง ๔ องค์นี้ เป็นผู้รักษาโลกมนุษย์ด้วย จึงชื่อว่า [/FONT][FONT=&quot]ท้าวจตุโลกบาล[/FONT][FONT=&quot] หรือ [/FONT][FONT=&quot]ท้าวโลกบาล ๔[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] พระเจ้าพิมพิสาร เอง แม้จะเป็น พระโสดาบัน แต่ก็พอใจสวรรค์ชั้นนี้[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ได้เกิดเป็นบริวารของ ท้าวเวสสุวรรณมหาราช[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เทวดาที่อยู่ภายใต้อำนาจปกครองของ ท้าวจาตุมหาราช[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๑. ปัพพตัฏฐเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวดาที่ อาศัยภูเขาอยู่[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๒. อากาสัฏฐเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] เทวดาที่ อาศัยอยู่ในอากาศ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๓. ขิฑฑาปโทสิกเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวดาที่ มีความเพลิดเพลินในการเล่นกีฬา จนลืมบริโภคอาหาร แล้วตาย[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๔. มโนปโทสิเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวดาที่ ตายเพราะความโกรธ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๕. สีตวลาหกเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวดาที่ ทำให้อากาศเย็นเกิดขึ้น[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๖. อุณหวลาหกเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวดาที่ ทำให้อากาศร้อนเกิดขึ้น[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๗. จันทิมเทวปุตตเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวดาที่ อยู่ในพระจันทร์[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๘. สุริยเทวปุตตเทวดา [/FONT][FONT=&quot] เทวดาที่ อยู่ในพระอาทิตย์[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ยักษิณี[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] นางยักษ์[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ยักษ์[/FONT][FONT=&quot] มีความหมายหลายอย่าง แต่ที่ใช้บ่อยหมายถึง อมนุษย์ พวกหนึ่ง เป็นบริวารของ ท้าวกุเวรตามที่ถือกันมาว่ามีรูปร่างใหญ่โตน่ากลัง มีเขี้ยวโง้ง ชอบกินมนุษย์กิสัตว์ โดยมามีฤทธิ์ เหาะได้ จำแลงตัวได้[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เทวดา[/FONT][FONT=&quot] หมู่ เทพ ชาว สวรรค์ เป็นคำรามเรียกชาว สวรรค์ ทั้งเพศชายและเพศหญิง[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เทวดาตามที่อยู่อาศัย [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๑. ภุมมัฎฐเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวดาที่อาศัยอยู่ตามพื้นดิน เช่น ภูเขา แม่น้ำ มหาสมุทร ใต้พื้นดิน บ้านเรือน ซุ้มประตู เจดีย์ ศาลา เป็นต้น ถือว่าที่นั้น ๆ เป็นวิมานของตน[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๒. รุกขเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวดาที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ มี ๒ จำพวก คือ [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ๒.๑ มีวิมานอยู่บนต้นไม้ ถ้าอยู่บนยอดต้นไม้ เรียก [/FONT][FONT=&quot]รุกขวิมาน[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ถ้าอยู่บนสาขาของต้นไม้ เรียก [/FONT][FONT=&quot]สาขัฏฐวิมาน[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ๒.๒ อยู่บนต้นไม้แต่ไม่มี[/FONT][FONT=&quot] วิมาน[/FONT][FONT=&quot] (ที่อยู่ของเทวดา)[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๓. อากาสัฏฐเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวดาที่มีวิมานอยู่ในอากาศ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ในธรรมบทอรรถกถา พุทธวังสอรรถกถา แสดงเทวดาชั้น จาตุมหาราชิกา มี 2 จำพวก โดยจัด [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] รุกขะเทวดา อยู่ในจำพวก ภุมมัฎฐะเทวดา [/FONT][FONT=&quot]เทพารักษ์ [/FONT][FONT=&quot]เทวดาผู้ดูแลรักษาที่แห่งใดแห่งหนึ่ง[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เทวดาที่มีใจโหดร้าย[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๑. คันธัพโพ คันธัพพี[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ได้แก่ [/FONT][FONT=&quot]เทวดาคันธัพพะ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] ที่ถือกำเนิดภายในต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม ที่เรียกว่า [/FONT][FONT=&quot]นางไม้[/FONT][FONT=&quot] หรือ[/FONT][FONT=&quot]แม่ย่านาง[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หรือ คนธรรพ[/FONT][FONT=&quot] ชอบรบกวนให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ เช่นทำให้เกิดเจ็บป่วย หรือ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]หรือ คนธรรพ์[/FONT][FONT=&quot] ทำ อันตรายแก่ทรัพย์สมบัติของผู้อื่นที่นำไม้นั้นมาใช้สอย อยู่ในความ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ปกครองของ ท้าวธตรัฏฐะ คันธัพพะเทวดา นี้สิงอยู่ในไม้นั้นตลอดไป [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] แม้ใครจะตัดไปใช้สอยอย่างใด ๆผิดกับ รุกขเทวดา ที่อาศัยอยู่ตามต้น[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ไม้ถ้าต้นไม้นั้นตายหรือถูกตัดฟัน ก็ย้ายจากต้นนั้นไปต้นอื่น[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๒. กุมภัณโฑ กุมภัณฑี [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ได้แก่ เทวดาภุมภัณฑ์[/FONT][FONT=&quot] ที่เรียกกันว่า[/FONT][FONT=&quot] รากษส[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เป็นเทวดาที่รักษาสมบัติต่าง ๆเช่นแก้วมณี[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] และรักษาป่า ภูเขา แม่น้ำ ถ้ามีพวกล่วงล้ำ ก็ให้โทษต่าง ๆอยู่ใน[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ความปกครองของ ท้าววิรุฬหกะ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๓. นาโค นาคี[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ได้แก่ เทวดานาค[/FONT][FONT=&quot] ได้แก่เทวดานาค มีวิชาเวทมนต์คาถาต่าง ๆ ขณะท่องในโลกมนุษย์ บาง[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ทีก็เนรมิตเป็นคนสัตว์ต่าง ๆ ชอบลงโทษพวกสัตว์นรก อยู่ในความ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ปกครองของ ท้าววิรูปักขะ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๔. ยักโข ยักขนี[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ได้แก่ เทวดายักษ์[/FONT][FONT=&quot] พอใจเบียดเบียนสัตว์นรก อยู่ในความปกครองของ ท้าวเวสสุวรรณ[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]อาการเกิดของเทวดา [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ถ้าได้เคยสร้างบุญกุศลไว้มากกพอ ก็ไปเกิดในวิมานของตนเองพร้อมกับมีบริวาร ไม่ต้องเป็น[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] บุตรธิดาหรือเทวดารับใช้ของผู้ใด[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] กล่าวไว้ในอรรถกถาบางแห่งเป็นพิเศษ [/FONT][FONT=&quot]เทวบุตร[/FONT][FONT=&quot] คือ บุรุษ ที่เกิดบนตักของเทวดา[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวธิดา[/FONT][FONT=&quot] คือ สตรี ที่เกิดบนตักของเทวดา[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] เทวดาสตรี ถ้าเกิด ในที่นอน จัดเป็น [/FONT][FONT=&quot]ปริจาริกา [/FONT][FONT=&quot](นางบำเรอ)[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ถ้าเกิด ข้างที่นอน จัดเป็น พนักงานเครื่องสำอาง[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ถ้าเกิด กลางวิมาน จัดเป็น คนใช้[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๒ ดาวดึงส์ (สรรค์ชั้นที่ ๒) [/FONT][FONT=&quot] [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] แดนแห่งเทพ ๓๓ มีจอมเทพชื่อ [/FONT][FONT=&quot]ท้าวสักกะ[/FONT][FONT=&quot] หรือที่เรียกว่า [/FONT][FONT=&quot]พระอินทร์[/FONT][FONT=&quot] เป็นใหญ่สุด เมื่อพระอินทร์องค์หนึ่งสิ้นบุญ จุติ ไป ก็มีพระอินทร์อีกองค์หนึ่งเกิดสืบแทนกันไป ดาวดึงส์ เป็นคำบาลีแปลว่า ๓๓ บางทีก็เรียก [/FONT][FONT=&quot]ไตรตรึงษ์[/FONT][FONT=&quot] ซึ่งเป็นคำสันสกฤต แปลว่า ๓๓ เหมือนกัน[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ความเป็นอยู่ของเทวดาชั้นดาวดึงส์ล้วนแต่เป็นผู้เสวยทิพยสมบัติจากกุศลธรรมในอดีต บริโภคอาหารอันละเอียดสุขุม ชนิดที่เป็น [/FONT][FONT=&quot]สุธาโภชน์[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot](ผู้บริโภคอาหารทิพย์) อารมณ์ที่ได้รับจึงล้วนมีแต่ อิฏฐรมณ์ (อารมณ์ที่น่าปรารถนา) และไม่มีความเจ็บป่วย ไม่มีอุจจาระ ปัสสาวะ เทวดาผู้ชาย มีความเป็นหนุ่มอยู่ในวัย ๒๐ ปี ส่วนเทวดาผู้หญิงมีความเป็นสาวอยู่ในวัย ๑๖ ปี สวยงามตลอดไปจนตาย มิได้มีความชรา เทวดาผู้หญิงไม่มีประจำเดือนและไม่ต้องมีครรภ์ เว้นแต่ ภุมมัฏฐเทวดา บางองค์ที่ยังมีประจำเดือน และครรภ์เหมือนมนุษย์ความเป็นอยู่ของเทวดาในเทวโลกนี้ เป็นเช่นเดียวกับมนุษย์โลก มีการไปมาหาสู่กันและเบียดเบียนกัน มีความรักใคร่ ปรารถนาเป็นคู่ครองกัน สมบัติของเทวดาเหล่านั้น มีความยิ่งหย่อนกว่ากัน ทั้งบริวาร วิมานและ อิฎฐรมณ์ ต่าง ๆ สุดแต่กรรทที่ตนได้กระทำไว้[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]โกสิยเทวราช[/FONT][FONT=&quot] คือ พระอินทร์[/FONT][FONT=&quot] เรียก [/FONT][FONT=&quot]ท้าวโกสีย์[/FONT][FONT=&quot] บ้าง [/FONT][FONT=&quot]ท้าวสักกเทวราช[/FONT][FONT=&quot] บ้าง[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวดาที่อยู่บนชั้นดาวดึงส์[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]มี ๒ พวก [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]๑. ภุมมัฏฐเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ได้แก่ พระอินทร์ และเทวดาชั้นผู้ใหญ่ ๓๒ องค์ พร้อมทั้งบริวาร เทวอสุรา [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ๕ จำพวก[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]๒. อากาสัฏฐเทวดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ได้แก่ พวกเทวดาที่อยู่ในวิมานลอยไปกลางอากาศ[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เทพ [/FONT][FONT=&quot] เทพเจ้า เทวดา[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เทพ ๓[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๑. สมมติเทพ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] เทวดาโดยสมมติ ได้แก่ พระราชา พระเทวี และพระราชกุมาร[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๒. อุปปัตติเทพ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]เทวดาโดยกำเนิด ได้แก่เทวดาใน กามาวจรสวรรค์ และ พรหม ทั้งหลาย เป็นต้น[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๓. วิสุทธิเทพ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] เทวดาโดยความบริสุทธิ์ ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และ พระอรหันต์ ทั้งหลาย[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]สุขาวดี [/FONT][FONT=&quot] แดนที่มีความสุข เป็นชื่อสวรรค์ของพระอมิตาภพุทธ ฝ่ายมหายาน[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๓. ยามา (สวรรค์ชั้นที่ ๓) [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] แดนแห่งเทพผู้ปราศจากความทุกข์ มี [/FONT][FONT=&quot]ท้าวสุยามเทพบุตร[/FONT][FONT=&quot] ปกครอง ตั้งแต่ภูมิยามานี้ขึ้นไปตั้งอยู่ในอากาศ จึงไม่มีเทวดา ภุมมัฏฐเทวดา อาศัยอยู่ มีแต่พวก อากาสัฏฐเทวดา พวกเดียว ร่างกายสวยงามประณีต อายุยืนยาวกว่าเทวดาชั้น ดาวดึงส์ มากเป็นภูมิที่สวยงามประณีต ปราศจากความยากลำบาก ไม่มีเรื่องทุกข์ ได้แก่ที่อยู่ของพวกที่รักษา อุโบสถในชั้นฟ้านี้ไม่เห็นพระอาทิตย์เลย เพราะว่าอยู่สูงกว่าพระอาทิตย์มากแต่เทพชั้นนี้เห็นกันได้ด้วยรัศมีแก้ว และด้วยรัศมีของเทพเองจะรู้ว่ารุ่งหรือค่ำด้วยอาศัยดอกไม้ทิพย์ คือ เมื่อเห็นดอกไม้บานจึงรู้ว่ารุ่ง เมื่อเห็นดอกไม้หุบจึงรู้ว่าค่ำ เทพชั้นยามยามาไม่ปรากฏว่าได้ลงมาเกี่ยวข้องกับมนุษย์[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๔. ดุสิต (สวรรค์ชั้นที่ ๔)[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] แดนแห่งเทพผู้เอิบอิ่มด้วยสิริสมบัติของตน มี [/FONT][FONT=&quot]ท้าวดุสิตเทวราช[/FONT][FONT=&quot] ปกครอง เป็นภูมิของเทวดาผู้อิ่มเอิบด้วยบารมี ผู้มีปัญญา ผู้อยู่ในภูมินี้จึงมีแต่ความชื่นบาน มีวิมานทิพย์ ทิพย์สมบัติ ร่างกายประณีตกว่าเทวดาในชั้น ยามา เป็น ภพ สุดท้ายของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายทุกพระองค์ก่อนที่จะมาบังเกิดและตรัสรู้ในมนุษย์โลก[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ทิพย์ [/FONT][FONT=&quot] เป็นของเทวดา วิเศษ เลิศกว่าของมนุษย์[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๕. นิมมานรดี (สวรรค์ชั้นที่ ๕)[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] แดนแก่งเทพผู้ยินดีในการนิรมิต มี[/FONT][FONT=&quot]ท้าวสุนิมมิต [/FONT][FONT=&quot]หรือ [/FONT][FONT=&quot]นิมมิตเทวราช [/FONT][FONT=&quot]ปกครองเทวดาชันนี้ปรารถนาสิ่งใด นิรมิตเอาได้ตามความพอใจของตน ไม่มีคู่ครองของตนเป็นประจำ เมื่อใดปรารถนาใคร่เสพ กามคุณ เวลานั้นก็ เนรมิต เทพบุตร หรือเทพธิดาขึ้นมาตามความปรารถนา และเมื่อใดได้เพลิดเพลินกับ กามคุณ นั้นสมใจแล้ว[/FONT][FONT=&quot] กามคุณ ที่เนรมิตขึ้นมานั้นก็จะอันตรธานหายไป[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot] พระพุทธเจ้าตรัสว่า[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] กัมมัง เขตตัง กรรม เป็นเหมือนนา[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] วิญญาณัง พีชัง วิญญาณ เป็นเหมือนพืชที่หว่านลงในนา[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ตัณหา สิเนโห ตัณหา เหมือนยางเหนียวมีอยู่ในพืช อันจะทำให้พืชนั้นปลูกงอกงามขึ้นได้[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] เพราะฉะนั้น เมื่อยังมี กรรม วิญญาณ และ ตัณหา อยู่ ก็ยังจะต้องไปเกิด[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ในภพต่าง ๆ คือหมายความว่า ยังมี อวิชชา เป็นเครื่องกั้นอยู่ ยังมี ตัณหา[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] เป็น สังโยชน์ คือเครื่องผูกอยู่[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๖. ปรนิมมิตวสวัตดี (สวรรค์ชั้นที่ ๖)[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]แดนแห่งเทพผู้ยังอำนาจให้เป็นไปในสมบัติที่ผู้อื่น[/FONT][FONT=&quot] นิรมิต[/FONT][FONT=&quot] (บันดาลให้เป็นขึ้นมีขึ้น) ให้[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]มีเทพเป็นราชาผู้ปกครอง[/FONT][FONT=&quot]อยู่ ๒ ฝ่าย[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ฝ่าย เทพยดา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ปรนิมมิตรสวัตตีเทวราช[/FONT][FONT=&quot] ปกครองเทพไม่เป็นมาร[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ฝ่าย มาร (๒)[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ปรนิมมิตวสวัตตีเทวราช[/FONT][FONT=&quot] (ชื่อเหมือนกัน)[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] หรือ พญามาราธิราช หรือ วสวัตตีมาร ปกครองเทพที่เป็นมาร[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ฝ่ายมาร(๒)[/FONT][FONT=&quot] หรือเทวปุตตมาร[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เป็น มิจฉาทิฎฐฺ เทวดา ที่ไม่มีความเลื่อมใสในพุทธศาสนา มารนี้มีความกลัวเป็นข้อสำคัญอยู่ข้อหนึ่งว่าตนจะสิ้นอำนาจครอบครองโลกไม่ประสงค์ให้ใครทั้งนั้นบรรลุ มรรค ผล นิพพาน เพราะเมื่อผู้ใดพ้นโลก หมายถึงว่ามีจิตใจพ้นกิเลสดังกล่าว ผู้นั้นก็พ้นอำนาจของมารทั้งยังเป็นผู้คอยขัดขวางให้เกิดอุปสรรคต่อ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เสมอ เมื่อวันที่ พระพุทธองค์ เสด็จอออกบวช พญามารตนนี้ได้มาปรากฏตัว ยกมือห้ามว่าอย่าออกบวชเลย อีกไม่นานเท่าไรท่านก็จะได้เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงขับไล่ออกไป เมื่อครั้งพระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญ ทุกรกิริยา ก็มากระซิบบอกว่า บัดนี้พระองค์ก็บรรลุสัมโพธิญาณดังหวังแล้ว ปรินิพพาน เถอะพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า พระองค์จะไม่ ปรินิพพาน จนกว่า พรหมจรรย์ (การประพฤติธรรมอันประเสริฐ) ของพระองค์จะแพร่หลายมั่นคง ครั้นเมื่อเงื่อนไขทุกอย่างพร้อมแล้ว พญามารจึงเข้ามากราบทูลให้ ปรินิพพาน เท่ากับทวงสัญญาว่าบัดนี้ถึงเวลาที่พระองค์จะปรินิพพานแล้วพระพุทธองค์จึงทรง ปลงอายุสังขาร[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]พญามาราธิราช จะต้องทำบุญไว้มาก ไม่เช่นนั้นก็จะไม่บังเกิดในสวรรค์ชั้นสูงนี้ได้ภายหลังละ มิจฉาทิฏฐิ และกลับมาเลื่อมใสในพุทธศาสนา[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เทวดาชั้นนี้ปรารถนาสิ่งใดไม่ต้องนิรมิตเอง มีเทวดาอื่นที่รับใช้เนรมิตให้ตามต้องการ เป็นภูมิที่มีความสุขและเพลิดเพลินมากเทวดาที่อยู่ในชั้นปรนิมมิตวสวัตตีนี้ไม่มีคู่ครองเป็นประจำโดยเฉพาะตน เป็นที่อยู่ของพวกที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่นไว้มาก[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ปลงอายุสังขาร[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] ตกลงใจกำหนดการสิ้นสุดอายุ ตกลงพระทัยว่าจะ ปรินิพพาน[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ปลงสังขาร[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ทอดอาลัยในกายของตนว่าจะตายเป็นแน่แท้แล้ว[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ทุกรกิริยา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]การทำความเพียรอันยากที่ใคร ๆ จะทำได้ ได้แก่การบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุธรรมวิเศษด้วยวิธีการทรมานตนต่าง ๆ เช่นกลั้นลม[/FONT][FONT=&quot] อัสสาสะ [/FONT][FONT=&quot](ลมหายใจเข้า) [/FONT][FONT=&quot]ปัสสาสะ[/FONT][FONT=&quot](ลมหายใจออก) และอดอาหาร เป็นต้น เขียนเต็มเป็น [/FONT][FONT=&quot]ทุกกรกิริยา[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] เทวภูมิ หรือ [/FONT][FONT=&quot]ฉกามาพจรสวรรค์[/FONT][FONT=&quot] ทั้ง ๖ ชั้นยังเกี่ยวข้องกับ กามคุณ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เทวภูมิ ๖ (ฉกามาพจรสวรรค์ ๖)[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๑. จาตุมหาราชิกา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]มีเหมือนมนุษย์[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๒. ดาวดึงส์[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]มีเหมือนมนุษย์[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๓. ยามา[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]มีแต่ กายสังสัคคะ ([/FONT][FONT=&quot]กายสังสัคคะ[/FONT][FONT=&quot] ความเกี่ยวข้องด้วยกาย การเคล้าคลึงร่างกาย)[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๔. ดุสิต[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]มีเพียงจับมือกัน[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๕. นิมมานรดี[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]มีเพียงยิ้มรับกัน[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๖. ปรนิมมิตสวัตตี[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]มีแต่มองดูกัน[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ในเทวภูมิไม่มีสัตว์เดรัจฉาน และเมื่อต้องการจะมีม้ารถเทียม ก็จะมีเทพบุตรจำแลง กายของเทวดา เรียกว่าเป็นกายทิพย์ เป็นกายสว่างละเอียด ไม่มีปฏิกูล เกิดเป็น อุปปาติกะ คือ ผุดเกิดขึ้น มีตัวตนโตเต็มที่เลย แต่เป็น อทิสสมานกาย คือ การยที่ไม่ปรากฏแก่ตาคนในเทวภูมิบริบูรณ์ด้วยความสุข อายุก็ยืนยาว แก่เจ็บไม่ปรากฏตายก็ไม่ปรากฏซาก จึงเห็นทุกข์ได้ยาก[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]เทวดาจะจุตุ[/FONT][FONT=&quot] มี ๔ ประการ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๑. อายุขัย [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]จุติเพราะสิ้นอายุ[/FONT][FONT=&quot] [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ได้แก่ เทวดาที่ได้เคยสร้างกุศลมาก็ได้เสวยสมบัติทิพย์จนครบอายุทิพย์ในเทวโลกชั้นที่ตนอยู่นั้น ครั้นหมดอายุแล้วก็จุติ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๒. บุญญขัย[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]จุติเพราะสิ้นบุญ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ได้แก่ เทวดาที่สร้างสมบุญกุศลไว้น้อย เมื่อกุศลผลบุญที่ได้กระทำไว้หมดสิ้นลงเสีย แต่ในระหว่างยังไม่ถึงอายุขัย จำต้องจุติไปเกิดที่อื่น เพราะหมดบุญแล้ว[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๓. อาหารขัย[/FONT][FONT=&quot] จุติเพราะสิ้นอาหาร[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]ได้แก่ เทวดาบางจำพวกที่เสวยทิพย์สมบัติ จนลืมบริโภคสุธาโภชนาหารทิพย์อันเป็นปัจจัยแก่กาย และชีวิตถ้าแม้ว่าเขาลืมบริโภคภายหลังสักร้อยครั้งพันครั้ง ก็มิอาจจะซ่อมแซมให้ดีขึ้นมาใหม่[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๔. โกธพลขัย [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]จุติเพราะความโกรธ[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] ได้แก่ เทวดาบางจำพวกที่มีจิตริษยาหาเหตุพาล มีความโกรธในหัวใจ[/FONT]<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    [FONT=&quot]จุตินิมิตของเทวดา[/FONT][FONT=&quot] ๕ ประการ นิมิตล่วงหน้า ซึ่งอุบัติเกิดแก่เทวดาผู้จะต้องจุติ [/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]จุติ[/FONT][FONT=&quot] เคลื่อนจาก ภพ หนึ่งไปสู่ ภพ อื่น ตาย (ส่วนมากใช้กับเทวดา)[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๑.[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ดอกไม้ทิพย์เครื่องประดับเหี่ยวแห้ง[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๒.[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ผ้าทิพย์เครื่องประดับสำหรับองค์มีสีเศร้าหมอง[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๓.[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]มีเหงื่อไหลออกมาจากรักแร้[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๔.[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]ที่นั่งและที่นอนร้อนดุจมีไฟอยู่ภายใต้[/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot]๕.[/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot] [/FONT][FONT=&quot]กายของเทวดาเหี่ยวแห้งเศร้าหมองหารัศมีเช่นก่อนไม่ได้เหน็ดเหนื่อยเมื่อยเนื้อตัวมือตีน มีความกระวนกระวายใจ[/FONT]

    [FONT=&quot][/FONT]<o:p></o:p>
    [FONT=&quot] http://www.kanlayanatam.com/sara/sara16.htm<o:p></o:p>[/FONT]

    [FONT=&quot][/FONT]<o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...