เปรตหน้าหมู

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย pongio, 28 กันยายน 2013.

แท็ก: แก้ไข
  1. pongio

    pongio เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    843
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +6,851
    เปตหรือเปรต ใช้ได้ทั้งสองคำ หมายถึงสัตว์ที่เกิดในอบายภูมิพวกหนึ่ง อบายภูมิมี 4 คือ นรก เปรต อสุรกาย ดิรัจฉาน โดยเฉพาะเปรตจะเป็นที่เกิดของคนที่มากด้วยโลภะ ชอบฉ้อโกง ลักขโมย เบียดบังทรัพย์ของผู้อื่น
    เปรตมีหลายประเภท เปรตประเภทหนึ่งเรียกว่า "ปรทัตตูปชีวิเปรต" คือ เปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ มีรูปร่างสูงโย่งเท่าต้นตาล ผมยาว คอยาว ผอมโซ ตัวดำท้องโต มือเท่าใบตาล แต่มีปากเท่ารูเข็ม หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็จะกินเลือดและหนองตัวเอง มักร้องเสียงโหยหวนในเวลากลางคืนเพื่อขอส่วนบุญ
    เคยคุยกับหลวงพ่อบุญ อิสฺสโร วัดวังมะนาว ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านเคยนั่งสมาธิที่โคนต้นโพธิ์ กลางลานวัดถึงตี 3 คืนหนึ่งได้ยินเสียงเปรตร้อง เสียงมันดังเปต..เปต...เปต แล้วเดินเข้าไปทางป่าช้าของวัด
    ผมยังนึกในใจว่า เอ๊..เสียงเปรตมันร้องเปต! ก็เพิ่งได้ยินหลวงพ่อบุญท่านเล่านี่แหละ
    ส่วนท่านหลวงปู่ทองพูน เขมเปโม ปัจจุบันอายุ 95 ปี อยู่ที่ถ้ำจำปา ท่านเล่าว่า ท่านเห็นเปตตัวสูงใหญ่ หน้าเป็นหมู ยืนอยู่ระหว่างลูกเขาที่ท่านพักอยู่ ท่านก็แผ่เมตตาไปให้
    พูดถึงเปรต เมื่อเด็กๆ อายุยังน้อยอยู่ ได้ยินแต่คนผู้ใหญ่เขาเล่ากันว่า เปรตนั้นตัวต้องสูงเท่าต้นตาล มือใหญ่เท่าใบตาล ปากเล็กเท่ารูเข็ม ก็ได้ยินเล่ากันมาอย่างนี้เท่านั้น เมื่อโตขึ้นได้อ่านพระไตรปิฎกและอรรถกถา จึงได้รู้ว่า เปรตนั้นมีหลายประเภทมากมาย
    ครั้งหนึ่งและเป็นครั้งแรกในชีวิตผม ที่ได้ไปกราบไหว้สังเวชณียสถานของพระพุทธเจ้าที่ประเทศอินเดีย ระยะนั้นนั่งสมาธิมาได้เกือบครบ 9 ปีแล้ว จำได้ว่าไปบริษัททัวร์ของคุณธัมมา อารีราษฎร์ 14 วัน 3 หมื่นบาท ใจอยากไปไหว้พระพุทธเจ้ามานาน แต่ไม่มีเงิน เลยกู้เงินสหกรณ์ครูไป ขณะนั้นยังรับราชการเป็นศึกษานิเทศก์เขตการศึกษา 5 อยู่
    ขณะที่นั่งรถโค้ช (Coach) กำลังจะไปพุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ คนประมาณ 60 คนในรถ ผมนั่งกับอาจารย์วัดหนองหอย ระหว่างทางนั้น!
    ผมเห็นเก้าอี้ตัวข้างหน้าผมนี่แหละ มันเป็นเก้าอี้ลักษณะบนรถไฟ มันซ้อนลงมา คือผู้โดยสารนั่งหันหน้าเข้าหากัน มีคน 2 คนตัวเป็นคนหัวเป็นสัตว์ คนหนึ่งหัวเป็นไก่ อีกคนหัวสุนัข เขานั่งคุยกัน เขาคงจะอาศัยไปไหว้พระพุทธเจ้ากับพวกเราด้วย พักเดียวเก้าอี้ตัวนี้ก็หายไป ผมคุยกับอาจารย์ที่นั่งกับผมว่า
    "อาจารย์ เมื่อกี้ผมเห็นเปรต 2 ตน นั่งข้างหน้าเรานี่แหละ"
    "อาจารย์ประวิทย์เริ่มเห็นแล้วนี่" ท่านพูด
    การนั่งสมาธิถ้าเราปฏิบัติอย่างต่อเนื่องกันอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ขาด ธรรมย่อมปรากฏขึ้นมาเอง ให้เราได้รู้ได้เห็น ไม่ต้องไปอยากจะเห็นโน่นเห็นนี่ ความไม่อยากนี่แหละจะปรากฏให้รู้ได้!
    ภาพในวันนั้นทำให้ผมได้รู้ว่า เปรตนั้นตัวเป็นคนหัวเป็นสัตว์ก็มี
    เมื่อพระพุทธองค์ทรงอาศัยกรุงราชคฤห์ประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภถึงเปรตผู้มีหน้าเหมือนหมูตนหนึ่ง จึงกล่าวว่า
    ในอดีตศาสนาของพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่ากัสสะปะ มีภิกษุรูปหนึ่งเป็นผู้สำรวมทางกาย แต่ไม่สำรวมทางวาจา ชอบด่าภิกษุทั้งหลายที่อยู่ด้วยกัน เมื่อมรณภาพไปแล้วไปบังเกิดในนรก หมกไหม้อยู่ในนรกนั้นสิ้นพุทธันดรหนึ่ง
    จุติจากนรกแล้วไปบังเกิดเป็นเปรต ถูกความหิวกระหายครอบงำ ด้วยเศษวิบากกรรมที่ตนกระทำไว้ ณ เชิงเขาคิชฌกูฏ ใกล้กรุงราชคฤห์
    ร่างของเปรตนั้นมีสีเหมือนทองคำ แต่ใบหน้าของเปรตเป็นหน้าหมู!
    ท่านพระนารทะ อยู่ที่เขาคิชกูฎ เมื่อชำระร่างกายแล้วก็ถือบาตรและจีวร เที่ยวบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ ได้พบกับเปรตตนนั้นระหว่างทาง จึงถามเปรตนั้น
    "รูปร่างท่านเหมือนทองคำ มีรัศมีสว่างไสวไปทั่ว แต่ทำไมหน้าของท่านจึงเหมือนหมู ท่านไปทำกรรมอะไรไว้"
    เปรตนั้นถูกพระนารทะถามถึงกรรมที่ตนทำจึงได้ตอบ
    "ท่านนารทะ เมื่อก่อนข้าพเจ้าได้สำรวมกาย แต่ไม่สำรวมวาจา เพราะเหตุนั้นรัศมีกายของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นกับที่ท่านได้เห็น"
    "ข้าแต่ท่านพระนารทะ สรีระของข้าพเจ้าท่านเห็น ขอท่านอย่าได้ทำบาปด้วยปาก อย่าให้หน้าหมูเกิดมีแก่ท่านเลย"
    ในอรรถกถากล่าวไว้ว่า ตั้งแต่คอลงไปถึงกายท่อนล่างมีทรวดทรงเหมือนมนุษย์ กายท่อนบนมีทรวดทรงเหมือนหมู
    ท่านพระนารทะเมื่อบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์กลับมาแล้ว ก็กราบทูลแด่พระศาสดาผู้ประทับนั่งท่ามกลางบริษัท 4 พระศาสดาตรัสว่า นารทะเมื่อนก่อนแล เราได้เคยเห็นสัตว์นั้นแล้ว ซึ่งเป็นวจีทุจริต จึงได้รับโทษอันต่ำทรามนั้น
    คำว่า "ทุจริต" แปลว่าการประพฤติชั่ว วจีทุจริต จึงหมายถึงประพฤติชั่วด้วยวาจา ทุจริตเป็นสิ่งที่ควรเว้น ไม่ควรประพฤติ เพราะผู้ประพฤติทุจริตย่อมได้รับโทษ ระหว่างมีชีวิตอยู่และหลังสิ้นชีวิตไปแล้วด้วย
    ภิกษุด่าภิกษุทั้งหลายยังบาปหนักขนาดนี้ คือตกนรกอยู่ถึงพุทธันดรหนึ่ง เศษของกรรมขึ้นมาเป็นเปรตหน้าหมูอีก และพระด่าชาวบ้านละมิบาปหนักกว่านั้นหรือ
    ผมไปที่หมู่บ้านหนึ่ง ชาวบ้านสนิทกันเล่าให้ผมฟังว่า หลวงพ่อที่วัดเขานี่ชอบด่าชาวบ้าน! เป็นประจำ ผมก็คิดว่าเป็นพระต้องบิณฑบาต ฉันข้าวจากชาวบ้านแท้ๆ ท่านคิดอย่างไรจึงชอบไปด่าชาวบ้านเขา
    บาปกรรมของพระรูปนี้น่าจะหนักกว่าเปรตหน้าหมู!
    กาย วาจา ใจ ทุจริตไม่ได้บาปกรรมเฉพาะภิกษุหรอก คนสามัญธรรมดาเรานี่แหละ นรกไม่เว้นให้หรอก
    พูดถึงการเห็นเปรต จิตผู้เห็นต้องเป็นสมาธิ และต้องปฏิบัติมามากพอสมควรจึงจะเห็นได้ จิตเห็นเองด้วยตาเนื้อเรานี่แหละ และก็เห็นเฉพาะตนด้วย นั่งเก้าอี้ตัวเดียวกันก็ไม่ได้เห็นเหมือนกัน
    นั่งสมาธิให้มาก ปัญญาจะเห็นธรรมมากขึ้น ปัญญาจะเกิดกับตนเอง ไม่ต้องมีใครมาสอนมาบอกหรอกครับ.

    เนื้อเรื่อง:ประวิทย์ จำปาทอง
     
  2. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ชื่อฟังแล้วน่ารักดีเปรตชนิดนี้
     
  3. Piagk3

    Piagk3 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    606
    ค่าพลัง:
    +1,222
    โอ้ ถ้าเป็นเช่นนั้น สส.ที่อยู่ในรัฐสภาไทย คงไม่พ้น เวรภัยนี้แน่นอน
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,427
    ค่าพลัง:
    +35,048
    เนื้อหาที่นำมาลงอ่านสนุกและได้ข้อคิดดีครับ..ขออนุญาตเสริมเล็กน้อย
    เปรตที่พอจะอุทิศส่วนกุศลให้ได้.พวกหนึ่ง
    จะเป็นพวกที่ตัวสูงๆนั้นหละครับ.ไม่ทราบสูงเท่าไร ไม่สวมเสื้อ และเราต้องแหงนหน้ามอง.
    ตัวเค้าจะดูใสแต่ดูไม่มีราศรีและมองไม่ทะลุ..

    พวกนี้แขนจะยาวเด่นชัด..ข้อมือเค้าจะอยู่ประมาณหัวเข่า.ผอมมาก.นิ้วมือยาว.
    ตาจะออกสีเหลืองๆแต่ว่าจะเหมือนมีแสงสว่างด้วยเล็กน้อย
    .สีตาเดียวกันกับภูมิอสูรกาย
    ที่ทำหน้าที่เฝ้าทางเข้าป่าแห่งหนึ่ง..

    หน้าตาดูยากถ้าดูผ่านๆอาจจะนึกว่ามนุษย์ต่างดาว.
    อุทิศส่วนกุศลให้ได้ครับ.แต่อาจจะต้องหลายครั้งหน่อย
    .เพราะเค้าจะวางใจให้เป็นกลาง
    ได้ยากไม่เหมือนสัมพะเวสีเนื่องจากนิสัยเดิมที่ติดมาตั้งแต่สมัยเคยเป็นมนุษย์ครับ

    และจะมีอีกประเภทหนึ่งตัวสูงมากเหมือนกันไม่ทราบว่าจะเรียกว่าเปรตหรือเป่า
    ถ้าเปรตหมายถึงว่าตัวสูงอาจจะเรียกได้...แต่ว่ามองดูมีสง่าราศี.
    ผิวผ่องสดใสคล้ายๆคน
    แต่งตัวคล้ายๆกับมนุษย์บนโลกใส่เสื้อสีขาวแบบมีกระดุมแต่ไม่มีปกคล้ายๆชุด

    สำหรับที่ไปปฏิบัติธรรม..แต่กลุ่มนี้เหมือนว่าจะมีบารมี
    พอสมควร.จะดูและผืนป่าที่เป็นแปลงๆ.เป็นป่าที่..ต้นไม้ใหญ่แถวนั้น
    ขึ้นตามธรรมชาติและมีภพภูมิที่แต่งตัวคล้ายๆกับเกษตรกรบ้านเรา.
    ชอบใส่เสื้อ หม้อห่อม ใส่หมวกที่ทำจากไม้ใบ้ อาศัยอยู่เยอะๆครับ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...