เทวดากล่าว พระผู้มีพระภาคตรัส

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย thepkere, 17 กันยายน 2012.

  1. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    นันทนวรรคที่ ๒
    นันทนสูตรที่ ๑

    [๒๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม ของท่าน
    อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสของ พระผู้มีพระภาคแล้ว ฯ

    [๒๔] พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่อง เคยมีมาแล้ว
    พวกเทวดาชั้นดาวดึงส์องค์หนึ่งแวดล้อมด้วยหมู่นางอัปสร อิ่มเอิบ พรั่งพร้อมด้วยเบญจกามคุณ
    อันเป็นทิพย์ พวกนางอัปสรบำเรออยู่ในสวนนันทวัน ได้กล่าวคาถานี้ในเวลานั้นว่า
    เทวดาเหล่าใดไม่เห็นนันทวัน อันเป็นที่อยู่ของหมู่นรเทพ สามสิบ
    ผู้มียศ เทวดาเหล่านั้นย่อมไม่รู้จักความสุข ฯ

    [๒๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเทวดานั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว เทวดาองค์ หนึ่งได้ย้อน
    กล่าวกะเทวดานั้นด้วยคาถาว่า
    ดูกรท่านผู้เขลา ท่านย่อมไม่รู้จักคำของพระอรหันต์ทั้งหลายว่า สังขาร
    ทั้งปวงไม่เที่ยง มีความเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา เกิดขึ้นแล้ว
    ก็ดับไป ความสงบระงับสังขารเหล่านั้นเสียได้เป็นสุข ฯ
     
  2. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    นันทิสูตรที่ ๒
    [๒๖] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าวคาถานี้ในสำนัก
    พระผู้มีพระภาคว่า
    คนมีบุตรย่อมยินดีเพราะบุตรทั้งหลาย คนมีโค ย่อมยินดี เพราะโค
    ทั้งหลายเหมือนกันฉะนั้น เพราะอุปธิเป็นความดีของ คน บุคคลใด
    ไม่มีอุปธิ บุคคลนั้นไม่มียินดีเลย ฯ


    [๒๗] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
    บุคคลมีบุตร ย่อมเศร้าโศกเพราะบุตรทั้งหลาย บุคคลมีโคย่อมเศร้า
    โศกเพราะโคทั้งหลายเหมือนกันฉะนั้น เพราะอุปธิเป็นความเศร้าโศก
    ของคน บุคคลใดไม่มีอุปธิ บุคคลนั้นไม่เศร้าโศกเลย ฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2012
  3. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    นัตถิปุตตสมสูตรที่ ๓
    [๒๘] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าวคาถานี้ในสำนัก
    พระผู้มีพระภาคว่า
    ความรักเสมอด้วยความรักบุตรไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยโคย่อมไม่มี
    แสงสว่างเสมอด้วยดวงอาทิตย์ย่อมไม่มี สระทั้งหลายมีทะเลเป็นอย่างยิ่ง ฯ


    [๒๙] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
    ความรักเสมอด้วยความรักตนไม่มี ทรัพย์เสมอด้วยข้าวเปลือกย่อม
    ไม่มี แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาย่อมไม่มี ฝนต่างหากเป็นสระยอดเยี่ยม ฯ
     
  4. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    ขัตติยสูตรที่ ๔
    [๓๐] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กล่าวคาถานี้ในสำนัก
    พระผู้มีพระภาคว่า
    กษัตริย์ประเสริฐสุดกว่าสัตว์ ๒ เท้า โคประเสริฐสุดกว่าสัตว์ ๔ เท้า
    ภรรยาที่เป็นนางกุมารีประเสริฐสุดกว่าภรรยาทั้งหลาย บุตรใดเป็นผู้เกิด
    ก่อน บุตรนั้นประเสริฐสุดกว่าบุตรทั้งหลาย ฯ


    [๓๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
    พระสัมพุทธเจ้าประเสริฐสุดกว่าสัตว์ ๒ เท้า สัตว์อาชาไนยประเสริฐ
    สุดกว่าสัตว์ ๔ เท้า ภรรยาที่ปรนนิบัติดี ประเสริฐสุดกว่าภรรยา
    ทั้งหลาย บุตรใดเป็นผู้เชื่อฟัง บุตรนั้นประเสริฐสุดกว่าบุตรทั้งหลาย ฯ
     
  5. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    สกมานสูตรที่ ๕
    [๓๒] (เทวดากล่าวว่า)
    เมื่อนกทั้งหลายพักร้อน ในเวลาตะวันเที่ยง ป่าใหญ่ ประหนึ่งว่า
    ครวญคราง ความครวญครางของป่านั้นเป็นภัยปรากฏแก่ข้าพเจ้า ฯ

    [๓๓] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า)
    เมื่อนกทั้งหลายพักร้อน ในเวลาตะวันเที่ยง ป่าใหญ่ ประหนึ่งว่า
    ครวญคราง นั้นเป็นความยินดีปรากฏแก่เรา ฯ

    นิททาตันทิสูตรที่ ๖
    [๓๔] (เทวดากล่าวว่า)
    อริยมรรคไม่ปรากฏแก่สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้ เพราะความหลับ ความ
    เกียจคร้าน ความบิดกาย ความไม่ยินดี และความมึนเมาเพราะภัต ฯ


    [๓๕] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า)
    เพราะขับไล่ความหลับ ความเกียจคร้าน ความบิดกายความไม่ยินดี
    และความมึนเมาเพราะภัต ด้วยความเพียรอริยมรรคย่อมบริสุทธิ์ได้ ฯ

     
  6. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    ทุกกรสูตรที่ ๗
    [๓๖] (เทวดากล่าวว่า)
    ธรรมของสมณะ คนไม่ฉลาด ทำได้ยาก ทนได้ยาก เพราะธรรมของ
    สมณะนั้นมีความลำบากมาก เป็นที่ติดขัดของ คนพาล ฯ

    [๓๗] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า)
    คนพาล ประพฤติธรรมของสมณะสิ้นวันเท่าใด หากไม่ห้ามจิต เขา
    ตกอยู่ในอำนาจของความดำริทั้งหลาย พึงติดขัดอยู่ทุกๆ อารมณ์ ภิกษุ
    ยั้งวิตกในใจไว้ได้ เหมือนเต่าหดอวัยวะทั้งหลายไว้ในกระดองของตน
    อันตัณหานิสัยและ ทิฐินิสัยไม่พัวพันแล้ว ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น
    ปรินิพพาน แล้ว ไม่พึงติเตียนใคร ฯ


    หิริสูตรที่ ๘
    [๓๘] บุรุษที่เกียดกันอกุศลธรรมด้วยหิริ ได้มีอยู่น้อยคนในโลก ภิกษุใด
    บรรเทาความหลับเหมือนม้าดีหลบแซ่ ภิกษุนั้นมีอยู่น้อยรูปในโลก ฯ

    [๓๙] ขีณาสวภิกษุพวกใด เป็นผู้เกียดกันอกุศลธรรมด้วยหิริมีสติประพฤติอยู่
    ในกาลทั้งปวง ขีณาสวภิกษุพวกนั้นมีน้อย ขีณาสวภิกษุทั้งหลาย
    บรรลุนิพพานเป็นส่วนสุดแห่งทุกข์แล้ว เมื่อสัตตนิกายประพฤติไม่
    เรียบร้อย ย่อมประพฤติเรียบร้อย ฯ
     
  7. thepkere

    thepkere เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,018
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,449
    กุฏิกาสูตรที่ ๙
    [๔๐] (เทวดากล่าวว่า)
    กระท่อมของท่านไม่มีหรือ รังของท่านไม่มีหรือ เครื่องสืบต่อของท่าน
    ไม่มีหรือ ท่านเป็นผู้พ้นแล้วจากเครื่องผูกหรือ ฯ


    [๔๑] (พระผู้มีพระภาคตรัสว่า)
    แน่ละ กระท่อมของเราไม่มี แน่ละ รังของเราไม่มี แน่ละเครื่อง
    สืบต่อของเราไม่มี แน่ละ เราเป็นผู้พ้นแล้วจากเครื่องผูก ฯ


    [๔๒] ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่า อะไรเป็นกระท่อม ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่าอะไร
    เป็นรัง ข้าพเจ้ากล่าวแก่ท่านว่าอะไรเป็นเครื่องสืบต่อ ข้าพเจ้ากล่าวแก่
    ท่านว่าอะไรเป็นเครื่องผูก ฯ
    [๔๓] ท่านกล่าวมารดาว่าเป็นกระท่อม ท่านกล่าวภรรยาว่าเป็นรัง ท่านกล่าว
    บุตรว่าเป็นเครื่องสืบต่อ ท่านกล่าวตัณหาว่าเป็น เครื่องผูกแก่เรา ฯ
    ดีจริง กระท่อมของท่านไม่มี ดีจริง รังของท่านไม่มี ดีจริง เครื่อง
    สืบต่อของท่านไม่มี ดีจริง ท่านเป็นผู้พ้นแล้วจาก เครื่องผูก ฯ


    พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๕
    พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๗ สังยุตตนิกาย สคาถวรรค
    หน้าที่ ๗/๒๘๙ ข้อที่ ๒๓ - ๔๓
     

แชร์หน้านี้

Loading...