เต่ากับปลา

เต่า กับ ปลา

มรรค ผล นิพพาน เป็นสิ่งปัจจัตตัง คือ รู้เห็นได้ จำเพาะตนโดยแท้ ผู้ใดปฏิบัติเข้าถึง ผู้นั้นเห็นเอง แจ่มแจ้งเอง หมดสงสัยในพระศาสนาได้โดยสิ้นเชิง มิฉะนั้นแล้วจะต้องเดาเอาอยู่ร่ำไป แม้จะมีผู้สามารถอธิบายให้ลึกซึ้งอย่างไร ก็รู้ได้แบบเดา สิ่งใดยังเดาอยู่สิ่งนั้นก็ยังไม่แน่นอน ฯ<O</O​

ยกตัวอย่างเช่น เต่ากับปลา เต่าอยู่ได้สองโลก คือ โลกบนบกกับโลกในน้ำ ส่วนปลาอยู่ได้โลกเดียว คือ ในน้ำ ขืนมาบนบกก็ตายหมด ฯ<O</O
วันหนึ่ง เต่าลงไปในน้ำ แล้วก็พรรณนาความสุขสบายบนบกให้ปลาฟัง ว่ามันมีแต่ความสุขสบาย แสงสีสวยงาม ไม่ต้องลำบากเหมือนอยู่ในน้ำ ฯ<O</O
ปลาพากับฟังด้วยความสนใจ และอยากเห็นบก จึงถามเต่าว่า บนบกนั้นลึกมากไหม เต่าว่ามันจะลึกอะไร ก็มันบก ฯ<O</O
เอ.. บนบกนั้นมีคลื่นมากไหม มันจะคลื่นอะไรก็มันบก ฯ<O</O
เอ.. บนบกนั้นมีเปือกตมมากไหน มันจะมีเปือกตมอะไรก็มันบก ฯ<O</O
ให้สังเกตดูคำที่ปลาถาม เอาแต่ความรู้ที่มีอยู่ในน้ำมาถามเต่า เต่าก็ได้แต่ปฏิเสธ
<O</O
“จิตปุถุชนที่เดามรรคผลนิพพาน ก็ไม่ต่างอะไรกับปลา”

ขอขอบพระคุณ : www.jaisabuy.com
http://www.jaisabuy.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538606648]

 

ขอบคุณที่นำมาให้อ่านค่ะ

 

บุญกุศล ใครทำใครได้
บาปบุญ คุณโทษ เป็นกฏกติกาของสังสารวัฏ
การหลงติดอยู่ในสังสารวัฏนี้เป็นทุกข์
ทางเดินสู่วิมุติสุขพระพุทธองค์ทรงบอกทางไว้แล้ว
หลุดพ้นหรือไม่อยู่ที่การประพฤติ ปฏิบัติ

 

อนุโมทนาสาธุด้วยค่าคุณ lionking 2512 ขอบพระคุณมาก ๆ เลยนะคะ ที่กรุณาให้ข้อคิดดี ๆ ตามคำสอนของพระพุทธองค์ เป็นแนวทางได้อย่างดีเลยค่า _/|\_

 

“ จิตปุถุชนที่เดามรรคผลนิพพาน ก็ไม่ต่างอะไรกับปลา”
มันเป็นเช่นนั้นเอง อนุโมทนาค่ะ

 

กราบอนุโมทนาสาธุ อ่านและคิดตามแล้วใช่จริงๆด้วย