เซียนพระฟีเวอร์ แสตมป์พระเครื่อง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย หนุมาน, 7 พฤษภาคม 2005.

  1. หนุมาน

    หนุมาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    196
    ค่าพลัง:
    +281
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการรายวัน</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>5 พฤษภาคม 2548 09:43 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=middle>แสตมป์ชุดพระเครื่องเบญจภาคีเนื้อชิน หรือ 5 พระยอดขุนพล ซึ่งถือเป็นชุดที่ 2 ต่อเนื่องจากแสตมป์ชุดพระเบญจภาคี</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>พิธีบวงสรวงแสตมป์ 5 พระยอดขุนพล </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>แสตมป์ชุด "พระเครื่องเบญจภาคีเนื้อชิน"</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ฉัตรชัย กิปตถัย หรือ โอ๊ก เซียนพระรุ่นเล็ก วัย 24 ปี</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>พยัพ คำพันธ์ เซียนพระชื่อดัง และนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>พ่อค้าหัวใสนำภาพแสตมป์ 5 พระยอดขุนพลพิมพ์ลงบนเสื้อราคาตัวละ 250 บาท ไว้เป็นที่ระลึก</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>
    พระที่เคยแขวนอยู่บนคอ หรืออยู่บนหิ้งบูชา ถูกแปลงสภาพเป็นภาพพิมพ์บนแสตมป์ที่ควรค่าแก่การสะสม หามาเป็นที่ระลึก พิธีกรรม การปลุกเสกช่วยเสริมความขลัง ศักดิ์สิทธิ์ น่าเคารพ โดยที่ไม่แตกต่างจากองค์พระจริงเลย

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ แสตมป์พระเครื่องชุด "พระเบญจภาคี" ซึ่งถือเป็นสุดยอดพระเครื่องของเมืองไทย ที่ออกมาตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาสร้างกระแสความนิยมเป็นวงกว้าง ทั้งวงการนักสะสมแสตมป์และนักสะสมพระเครื่องให้กลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง ในช่วงเดียวกันของปีนี้เอง บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) ก็ได้ตอกย้ำความแรงแบบฉุดไม่อยู่ด้วยการออกแสตมป์ชุด "พระเครื่องเบญจภาคีเนื้อชิน" หรือ "5 พระยอดขุนพล" ซึ่งขณะนี้มียอดสั่งจองทะลุล้าน ทุบสถิติแสตมป์ทุกชุดเท่าที่เคยพิมพ์มาเลยทีเดียว

    เหตุใดแสตมป์ชุดนี้จึงฟีเวอร์สุดๆ จนราคาพุ่งพรวดๆ ขึ้นหลักหมื่นหลักแสน คงต้องย้อนไปดูการพิมพ์ แสตมป์ชุด "พระเบญจภาคี" ที่เล่าต่อๆ กันมาว่ามีพุทธคุณ อิทธิฤทธิ์ ขนาดบล็อกพิมพ์แตก กว่าจะพิมพ์ออกมาได้นั้นยากลำบาก มีอุปสรรคมากมาย จนถึงขั้นต้องทำพิธีบวงสรวงและพิธีกรรมดังกล่าวก็ได้สืบเนื่องมาจนถึงแสตมป์พระเครื่องชุดที่ 2 ด้วย


    แสตมป์ชุดนี้ไม่ได้มีไว้ส่งจดหมาย

    คงยังจำกันได้สำหรับแฟนพันธุ์แท้นักสะสมแสตมป์และบรรดาเซียนพระเครื่อง สำหรับแสตมป์ชุด พระเบญจภาคี ที่ออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2547 ซึ่งเป็นการจำหน่ายแสตมป์ชุดพระเครื่องครั้งแรกและเป็นแสตมป์ชุดที่สร้างความตกตะลึงให้กับวงการ เนื่องเพราะราคาที่พุ่งสูงปรี๊ดอย่างเหลือเชื่อ

    อานุสรา จิตต์มิตรภาพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) เคยบอกเล่าถึงความอัศจรรย์ในการพิมพ์ครั้งนั้นว่า หลังจากที่มีการทำรูปแบบพร้อมที่จะนำไปใส่บล็อกเพื่อตีพิมพ์ บล็อกกลับแตก ทำให้ไม่สามารถที่จะพิมพ์ออกมาได้ โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงมีการทำพิธีบวงสรวงใหญ่ขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคล

    ที่สำคัญแสตมป์ชุดนี้ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ ในเรื่องของพุทธคุณ เมตตามหานิยม มีความเสน่ห์หา ใครได้ครอบครองจะมีโชค รอดพ้นภัยอันตรายครบถ้วน

    แสตมป์ชุดนี้มี 5 ดวง พิมพ์คละแบบ ได้แก่ 1. พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง กรุวัดนางพญาจังหวัดพิษณุโลก 2. พระกำแพง ซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ กรุทุ่งเศรษฐี จังหวัดกำแพงเพชร 3. พระสมเด็จวัดระฆังโฆษิตาราม พิมพ์ใหญ่ กรุงเทพ มหานคร 4.พระรอดพิมพ์ ใหญ่ กรุวัดมหาวัน จังหวัดลำพูน และ5. พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้าแก่ กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี

    กระแสความแรงของแสตมป์พระเครื่องไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านี้ แต่ยังแรงลามไปถึงวงการพระเครื่อง เพราะเซียนพระชื่อดังอย่าง พยัพ คำพันธ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทยเองก็ยังมีแสตมป์ชุดนี้เก็บไว้สะสมเช่นกัน พยัพ บอกเล่าว่า สมาคมฯได้เข้าไปมีส่วนร่วมแสดงความเห็นกับการพิมพ์ภาพพระในครั้งแรกด้วย ซึ่งปรากฏว่า แสตมป์ชุดนี้ได้รับการตอบรับจากมวลชนมหาศาล เนื่องจากเป็นแสตมป์พระเครื่องชุดแรกในประวัติศาสตร์ ส่วนชุดที่ 2 พระเบญจภาคีเนื้อชิน หรือ 5 พระยอดขุนพล ก็เป็นพระดังที่มีพุทธคุณสูง

    "การนำภาพพระพิมพ์ลงบนแสตมป์เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยคนที่ไม่เคยเห็นพระเครื่องชุดนี้เพราะหาดูได้ยากก็จะได้เก็บสะสมเอาไว้ถือเป็นสิริมงคล ไม่ใช่นำไปปิดในสิ่งที่ไม่ดีไม่งามหรือวางไว้ในที่ไม่อันควร ส่วนใหญ่จะไม่มีใครซื้อไปติดส่งจดหมายแต่มักจะนำไปใส่กรอบบูชามากกว่า"

    ฉัตรชัย กิปตถัย หรือโอ๊ก วัยรุ่นนายหนึ่ง บอกว่า เขาซื้อแสตมป์มาแล้วนำไปขายได้ราคาดีมาก แผ่นละประมาณ 500-1,000 บาท อย่างที่ไม่ปรุแล้วเราต้องไปจับฉลากแย่งกันแผ่นละ 5,000-10,000 บาท มีคนต้องการหมด แต่ช่วงนี้เงียบไป ส่วนชุดใหม่นี้กระแสไม่แรงเท่า เพราะออกเป็นรุ่นที่ 2 ไม่เหมือนพระเบญจภาคีรุ่นแรก

    1,777,000 มีเงินก็ซื้อไม่ได้

    ราคาที่พุ่งขึ้นพรวดๆ หลังวันจำหน่ายจากร้อยเป็นพัน เป็นหมื่น เป็นแสน เป็นเพราะเหตุใด พรทิพย์ ขัติยะวรา ผู้จัดการสมาคมนักสะสมตราไปรษณียากร แห่งประเทศไทย ซึ่งทำหน้าที่ในการเปิดประมูลแสตมป์ชุดนี้ เล่าว่า แสตมป์พระเครื่องชุดแรกมีความสำคัญ มีตำนานเก่าแก่ ได้รับการปลุกเสกจากพระวัดระฆังโฆษิตารามวรมหาวิหาร และหลวงพ่อคูณปริสุทโธ แห่งวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ทำให้คนนิยม ส่วนแสตมป์ที่ไม่ปรุ พิมพ์ออกมาน้อยเพียง 1,999 แผ่น ทำให้ราคาสูงขึ้นมาก ยิ่งนำแสตมป์เลขสวย 200 ชุด มาประมูลเพื่อนำรายได้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ราคาแสตมป์จะยิ่งสูงขึ้นถึงระดับแสน ยอดประมูลรวมกับแสตมป์ชุดสมเด็จพระเทพฯ ประมาณหนึ่งล้านเจ็ดแสนเจ็ดหมื่นเจ็ดพันบาท ผู้ที่จะหาเก็บไว้ในครอบครองวิธีหนึ่งจะต้องซื้อแสตมป์มูลค่า 500 ก่อน แล้วค่อยไปจับคูปองว่าคุณจะมีสิทธ์ลุ้นมีโอกาสซื้อแสตมป์

    นักสะสมแสตมป์รายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่าแสตมป์ชุดพระเบญจภาคี เป็นชุดที่ได้รับการปลุกเสก และหายาก อีกทั้งมีอาถรรพ์เนื่องจากการพิมพ์ครั้งแรกนั้น หนังสือพิมพ์หลายฉบับประโคมข่าว บล็อกพิมพ์แตก

    "แสตมป์ชุดนี้ไม่ใช่ใครมีเงินก็ซื้อได้ ซึ่งในการพิมพ์ชุดพิเศษ 1,999 แผ่นนั้น ได้มีการแบ่งให้กับสมาคมพระเครื่องจำนวน 100 แผ่น และสำหรับสมาชิกนักสะสมแสตมป์ที่มีบัญชีสั่งซื้อก็จะได้รับสิทธิ์ โดยการสุ่มเลือก จำนวน 1,000 คน โดยสมาชิกรายนั้นๆ จะต้องซื้อแสตมป์ในราคารวม 500 บาท จึงจะสามารถจับฉลากได้แสตมป์ชุดนี้มาเป็นเจ้าของ ซึ่งหากนำขายทันทีจะได้ราคาชุดละ 10,000 บาท การมีแสตมป์ชุดนี้ในครอบครัวถือว่าจะต้องใช้ดวงเลยทีเดียว สังเกตได้ว่า แสตมป์ชุดนี้ค่อนข้างหวือหวามาก เลขยิ่งสวยจะยิ่งแพง ราคาเริ่มต้นที่ 25,000 บาท หากเป็นเลขตอง หรือเลขเรียง ประมูลกันราคาสูงถึง 100,000 กว่าบาท ซึ่งราคาแสตมป์ชุดนี้ ราคามีแต่ขึ้นไม่มีลง ส่วนราคาแสตมป์ปรุรูธรรมดาในท้องตลาดจะถีบตัวสูงกว่า 70% ของราคาหน้าดวง"

    ไม่ต่างกันกับ พัฒนพงษ์ จินต์สุขสมบูรณ์ พ่อค้าแสตมป์ ตลาดนัดสามเสนในวัย 40 ปี บอกเล่าถึงกระแสความนิยมแสตมป์พระเครื่องชุดเบญจภาคีว่า ยอมรับว่าแสตมป์ชุดนี้ทำให้วงการแสตมป์คึกคักมากเป็นพิเศษ แสตมป์ ชุดที่ 2 น่าจะแรงไม่แพ้กัน ยิ่งคนมีชุดแรกแล้วก็ต้องหาสะสมชุดที่ 2 ต่อ หรือถ้าใครได้ชุดที่ 2 ไปสะสมก็ต้องพยายามหาชุดที่ 1 ซึ่งขณะนี้แสตมป์แบบปรุธรรมดาชุดเบญจภาคีตามท้องตลาดราคาไม่ต่ำกว่า 200 บาท ส่วนแผ่นชีตอยู่ที่ 250 บาทขึ้นไป แต่หากเป็นแบบเต็มแผ่นคือ 20 ดวง 600-700 บาท

    ส่วนราคาแสตมป์ไม่ปรุรูซึ่งถือเป็นแบบพิมพ์น้อยมาก ราคาประมูลจะอยู่ที่ 1,999 บาท แต่ซื้อขายกันไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท และถ้าเป็นเลขสวยเลขเรียง ราคาก็จะถีบตัวสูงขึ้นถึง 100,000 บาท ชุดตอง 9 (0999) จะมีราคาแพงที่สุด แสนบาทขึ้นไป

    "การที่แสตมป์มีราคาแพงก็ทำให้เด็กเล็กๆ ไม่สามารถ เก็บได้ เห็นแล้วพ่อแม่ก็ซื้อให้ไม่ลง หมดโอกาสมีไว้สะสมเพราะแพงมาก แสตมป์ระดับนี้คงกลายเป็นของสะสมของคนมีเงิน เจ้าใหญ่นายโต รัฐมนตรี รัฐมนโท สำหรับนักสะสมธรรมดาๆ แน่นอนว่าย่อมอยากได้อยู่แล้ว แต่ขึ้นกับโชคลาภวาสนา ไม่ใช่จะได้มาง่ายๆ มันเป็นความสุขของคนสะสมแสตมป์ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ขอเพียงราคาไม่หนักหนาพอจะหาสะสมได้ ก็จะต้องซื้อเก็บไว้

    พัฒนพงษ์ บอกด้วยว่า นอกจากแสตมป์ที่ปณท.พิมพ์จำหน่าย ก็ต้องระวังแสตมป์เก๊ที่ทำเลียนแบบด้วย เพราะแสตมป์ยิ่งหายากก็จะมีคนนำมาปั๊มหลอกขาย แถมมีพ่อค้าหัวใสบางรายพิมพ์สกรีนลายแสตมป์พระเครื่องเบญจภาคีเนื้อชินลงบนเสื้อราคาตัวละ 250 บาท บ้างก็นำแสตมป์พระอัดกรอบขายก็มี

    ทุบสถิติสั่งจองยอดทะลุล้าน

    มาถึงแสตมป์ชุด "พระเครื่องเบญจภาคีเนื้อชิน" หรือ "5 พระยอดขุนพล" ซึ่งมียอดสั่งจองทะลุล้าน แถมหมดภายในชั่วเวลาแค่ 4-5 วัน ทำให้ ปณท.ต้องปิดการสั่งจองก่อนกำหนดนั้น

    อานุสรา บอกว่า เนื่องจากแสตมป์ชุดแรกได้รับความนิยมอย่างมากจากนักสะสมทั่วไป และชมรมพระเครื่อง เมื่อปรึกษาทางชมรมพระเครื่องแล้วจึงเห็นว่าน่าจะออกแสตมป์พระเครื่องต่อเนื่องอีกชุดหนึ่ง จึงเลือก 5 พระยอดขุนพล เนื้อชินซึ่งมีความสำคัญมีชื่อเสียงในวงการ เก่าแก่อายุกว่า 500 ปี เป็นอีกชุดที่มีคุณค่าทางจิตใจ บางคนอาจยังไม่เคยเห็นมาก่อน ก็เป็นโอกาสนำเผยแพร่ซึ่งชุดที่ 2 นี้มีลักษณะเทคนิคการพิมพ์ที่ไม่แตกต่างจากชุดแรก ภาพพิมพ์มีสีและรูปตามของจริง แต่ปีที่แล้วซึ่งจำนวนการพิมพ์ไม่เพียงพอต่อความต้องการปีนี้จึงพิมพ์เพิ่มเป็น 2 ล้านชุด เปิดจองซึ่งเต็มหมดแล้วตั้งแต่ 4-5 วันแรก 1 ล้านชุด และพิมพ์แผ่นชีตอีก 100,000 แผ่น หากพลาดการสั่งจองคงต้องรอซื้อวันแรกจำหน่ายที่ไปรษณีย์ 19 มิถุนายนนี้

    "ปัญหาจำนวนแสตมป์ไม่เพียงพอแล้วต้องซื้อหาแสตมป์ในราคาแพงนั้นห้ามไม่ได้เป็นความพอใจของคนซื้อและขาย กลายเป็นแสตมป์หายาก ก็เหมือนกับแสตมป์หายากอื่นๆ ที่ราคาจะสูงขึ้น ดังนั้นหากจะซื้อในราคาปกติ ก็ต้องมารอซื้อที่ไปรษณีย์ตั้งแต่วันแรกจำหน่าย เพราะจริงๆ แล้วในแสตมป์พิเศษที่พิมพ์จำหน่ายจะพิมพ์เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ส่วนการที่แสตมป์ชุดนี้ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษคงเพราะเป็นแสตมป์ชุดนี้ควรค่าแก่การเคารพบูชา และผ่านการทำพิธีบวงสรวง ปลุกเสกแล้ว"

    นอกจากแสตมป์พระเครื่องเบญจภาคีเนื้อชินแล้ว ปณท. ยังมีแผนจัดสร้างแสตมป์ชุดพระปูชนียาจารย์อีกชุดหนึ่งในช่วงปลายปีนี้ เป็นชุดรวมพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองไทย 4 องค์ด้วยกัน คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังฯ หลวงปู่ทวด แห่งวัดช้างให้ จ.ปัตตานี พระอาจารย์มั่น ภูริทตโต แห่งวัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร และครูบาศรีวิชัย หรือ "นักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา" วัดบ้านปาง จ.ลำพูน กำหนดวันแรกจำหน่าย 5 ธันวาคม 2548

    อานุสรา บอกอีกว่า แสตมป์ชุดพระเครื่องคงออกมาเพียง 2 ชุด ขอให้แฟนนานุแฟนพระเครื่องและแสตมป์หาสะสมเอาไว้ รวมทั้งตั้งตารอแสตมป์ชุดพระเกจิซึ่งน่าจะเป็นที่นิยมอีกเช่นกัน

    * * *

    วัยรุ่นฮิตจับกล้องส่อง "พระ"

    เมื่อได้กล่าวถึงแสตมป์พระเครื่องซึ่งปลุกกระแสคนรักแสตมป์ไปแล้ว ก็คงต้องกล่าวถึง "พระเครื่อง" ด้วย ซึ่งในวงการพระเครื่อง หลายคนคงนึกถึงความเก่งกาจของแฟนพันธุ์แท้พระเครื่อง หรือที่เรียกว่าเซียนพระอย่าง ป๋อง สุพรรณ, อั๊' เมืองชล,หรือ ป๋ายัพ พยัพ คำพันธ์ ฯลฯ ซึ่งในวงการคนเหล่านี้ได้รับความเคารพนับถือยกย่องอย่างมาก ขณะเดียวกันก็คงนึกถึงพุทธคุณ ที่ช่วยปกปักรักษาป้องกันภัยอันตราย และเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้กระทำชั่ว

    หนึ่งในบรรดาเซียนพระชื่อดัง พยัพ คำพันธ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย เล่าถึงวงการพระเครื่องว่า วงการนี้มีกฎ มีมาตรฐานในการอยู่ร่วมกันให้ความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน เป็นที่ยอมรับในสังคม คำกล่าวที่ว่า "นักเลงพระ" ไม่ได้หมายความว่าเป็นอันธพาลเกเรแต่เป็นนักสะสมเชื่อในคุณงามความดี อยู่ในศีลในธรรม

    ส่วนเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ที่มักไกลวัด ไกลพระ ก็ยังมีบางส่วนที่หันมาสนใจพระเครื่องมากขึ้นขณะนี้ในวงการนับว่ามีเซียนพระ ที่เล่นพระอยู่นับล้าน ส่วนวัยรุ่นมีเป็นแสนๆ คน เรียกว่าวงการพระเครื่องมีอาณาจักรกว้างใหญ่ มีผู้คนมากมายหลากหลายอาชีพแวะเวียนเข้าออก สิ่งที่ดึงดูดใจอันดับต้นๆ คือการที่พระเครื่องเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่อยู่คู่คนไทยมานาน ศิลป์คือศิลปะความงดงามขององค์ปฏิมากรรมชิ้นเล็กๆ ที่ทรงคุณค่า ส่วนศาสตร์ก็คือ มีพุทธคุณ ซึ่งการหันมาสนใจเรื่องพระเครื่องไม่ว่าจะเป็นการสะสมหรือไม่สะสมก็ดี เราเป็นชาวพุทธการให้ความสนใจพระเครื่องดีกว่าให้ความสนใจเรื่องยาเสพติด มั่วสุ่ม ในสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม

    "แขวนพระไม่มีเชยดีกว่าเราไปแขวนอย่างอื่นอย่าง หิน ดิน จี้ เน้นแต่แฟชั่น วัยรุ่นควรแขวนพระเพื่อเตือนสติ อย่าทำชั่ว อย่างน้อยเราก็เป็นคนไทย ทุกครอบครัวมีพระพุทธรูปประจำบ้านอยู่แล้ว การห้อยพระก็เพื่อเป็นสิริมงคลเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ขนาดต่างชาติอเมริกา สิงคโปร์ เยอรมัน ญี่ปุ่น อินเดีย ยังชอบสะสมพระแต่ก็ไม่มากเท่าคนไทย ซึ่งเขาเล่นพระใหม่เก่าควบคู่กันไป"

    สำหรับพระเครื่องซึ่งเป็นที่นิยมนอกจากพระชุดเบญจภาคีแล้ว หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ ก็เป็นที่นิยมส่วนราคาประเมินค่าไม่ได้ เพราะเป็นความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย นอกจากนั้นก็เป็นพระเนื้อว่านปี 97 พระหลังเตารีดปี 05 เหรียญรุ่นแรกปี 2500 พระหายากเก่าแก่ยังคงความนิยมอยู่เกือบทุกรุ่น ส่วนเซียนพระรุ่นใหม่บางคนก็สะสมพระเก่าบางคนก็สะสมพระใหม่แล้วแต่ความชอบ และอยู่สายไหน

    เมื่อฟังเซียนพระรุ่นใหญ่บอกเล่าเก้าสิบไปบ้างแล้ว ลองไปฟังเซียนรุ่นเล็ก ฉัตรชัย กิปตถัย หรือโอ๊ก วัย 24 ปี บ้าง

    โอ๊กบอกว่า เขาเริ่มสนใจศาสตร์แห่งพระเครื่องมาตั้งแต่ 5-6 ปีแล้ว เรียกว่าขณะนั้นยังอยู่ในวัยคึกคะนอง แน่นอนว่าสิ่งที่สนใจมากเป็นพิเศษคือเรื่องของพระพุทธคุณ อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ การป้องกันภัยอันตราย รวมทั้งเมตตามหานิยม ความคงกระพันชาตรี เมื่อได้เข้ามาคลุกคลีวงการนี้มากขึ้น จากความชอบ จึงเริ่มสะสม แลกเปลี่ยน ให้เช่า และเข้าสู่ธุรกิจพระเครื่องอย่างเต็มตัว

    "อาจเป็นเพราะเมื่อตอนเป็นเด็กพ่อแม่มักจะพาเข้าวัด ส่วนพ่อซึ่งเป็นนายตำรวจก็นิยมชมชอบพระเครื่อง จึงเกิดความสนใจ เริ่มหยิบจับนำพระเครื่องของพ่อบิดามาส่องดู ตอนที่เช่าพระมาครั้งแรกๆ ก็ไม่คิดที่จะปล่อย พอพระชักเยอะก็นำมาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนฝูง แล้วก็เริ่มให้เช่า พอปล่อยได้ก็มีกำไร จึงค่อยๆ เดินเข้าสู่วงจรธุรกิจ โดยที่ราคาเช่ามีตั้งแต่ให้ฟรี ราคาหลักร้อย หลักแสน จนถึงหลักล้าน ที่สำคัญคือรายได้ดีมาก คนที่จบปริญญาตรีได้เงินเดือนแค่หมื่นกว่าบาท แต่อยู่ในธุรกิจสายนี้ได้กำไรร่วม 100,000 บาทต่อเดือน"

    โอ๊ก บอกอีกว่า พระเครื่องที่เขาชื่นชอบมากอยู่ในขณะนี้ คือ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตตาราม จ.ชัยนาท ท่านเป็นพระที่เก่ง ส่วนที่วัยรุ่นทั่วไปนิยมกันคือ จตุคามรามเทพ ซึ่งเป็นเทวดารักษาเมือง ที่มีพระพุทธคุณทำให้ทำมาค้าขายดี เป็นพระใหม่ไม่กี่ 10 ปี แต่เล่นกันเป็นแสนแล้ว

    "เดี๋ยวนี้วัยรุ่นเล่นพระเยอะครับ เพื่อนผมเรียนที่อยู่มหาวิทยาลัย ก็ยังสนใจพระเครื่องดูเป็นมั่งไม่เป็นมั่งแต่ก็ยังเช่าพระเริ่มศึกษา อ่านหนังสือพระ สนใจพระที่คอผม ขอผมดูถามพระองค์นั้นองค์นี้เรียกอะไร อยากจะซื้อกล้องมาส่องพระทั้งๆ ที่ยังดูไม่เป็น เพื่อนผม 10 คน เรียกว่าอยากเข้าวงการ 5 คน ครึ่งๆ นะครับ เขาบอกว่าชอบ ไม่รู้ว่าชอบเพราะเป็นแฟชั่นหรือเปล่า ส่วนตัวผมชอบเพราะความศรัทธา เชื่อในพุทธคุณ ชอบศิลปะ บางทีเราเอาพระมาส่องดูกันเป็นวันๆ สนุกดี เพลิน ลืมกินข้าวกินปลา"

    อย่างไรก็ตาม โอ๊ก ยอมรับว่า วัยรุ่นที่นิยมชมชอบพระเครื่อง ส่วนหนึ่งเคยเป็นเด็กเกเรกลับใจมาเรียนหนังสือ พวกเขามักเชื่อในพระพุทธคุณ บางคนก็สักยันต์เต็มตัว เชื่อว่า ฟันแทงไม่เข้า อีกส่วนมาจากครอบครัวที่ชอบทำบุญเข้าวัดบ่อยๆ แล้วสนใจพระเครื่องด้วย

    โอ๊กวางอนาคตของตัวเขาไว้ว่า ตอนนี้เรียนจะจบแล้วกำลังฝึกงานเป็นทนายความ แต่คิดว่าจะหันมาสู่วงการพระเครื่องเต็มตัว ตั้งใจยึดเป็นอาชีพ ชอบวงการพระเครื่อง จริงๆ แล้ววงการนี้ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนเข้าใจ ที่นี่ไม่มีมาเฟียทุกคนอยู่กันอย่างพี่น้อง เอื้อเฟื้อแบ่งปันเรามีกฎหรือจะเรียกว่าจรรยาบรรณในวิชาชีพก็ได้ เช่น เราจะไม่ปล่อยพระเก๊ออกไป ถ้าพบว่าเก๊ก็เอามาคืนได้

    * * *

    สุดยอดพระพุทธคุณ 5 พระยอดขุนพล

    ตราไปรษณียากรชุดพระยอดขุนพล (พระเบญจภาคีเนื้อชิน) มีความโดดเด่น ทั้งในด้านพุทธคุณและศิลปะ

    โดย "พระเนื้อชิน" คือพระเครื่องที่สร้างด้วยชิน เป็นโลหะผสมโดยมีตะกั่วเป็นหลักหรือตัวยืนพื้น อาจผสมกับเงิน ดีบุก หรือสัมฤทธิ์ หากมีเนื้อตะกั่วอยู่มากเรียกกันว่า "ชินตะกั่ว" ถ้ามีเนื้อเงินผสมอยู่มาก เรียกว่า "ชินเงิน"

    สำหรับแสตมป์ดังกล่าวนี้ แต่ละองค์มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน องค์แรก "พระร่วงยืนหลังรางปืน" ขุดพบเมื่อปี พ.ศ.2493 ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุโขทัย บริเวณหน้าองค์พระปรางค์ใหญ่ เป็นพระศิลปะบายน ได้รับการกล่าวขานเรื่องมหาอำนาจ มหาอุด และมหานิยม

    องค์ที่ 2 "พระหูยาน" กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี มีอายุราว 700 ปีเศษ เป็นศิลปะแบบขอมยุคปลายพิมพ์ที่นิยมที่สุดคือพิมพ์ใหญ่ มีพุทธคุณทางแคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี

    ส่วนองค์ที่ 3 "พระชินราชใบเสมา" เสมากรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลกเป็นพระศิลปะแบบอู่ทองยุคต้น สันนิษฐานว่าผู้สร้างคือ "พระมหาธรรมราชาลิไทย" เมื่อครั้งยังครองเมืองพิษณุโลก ปัจจุบันเป็นพระหายาก ที่ราคาเช่าสูงมาก มีพุทธคุณครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจ ความแคล้วคลาด และเมตตา

    สำหรับองค์ที่ 4 พระมเหศวร มเหศวร กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สุพรรณบุรีมีอายุเก่าแก่ประมาณ 600 ปี เป็นกรุเดียวกับพระผงสุพรรณและมีผู้สร้างบุคคลเดียวกัน คือ "ปิยะทัสสีมหาเถระ" พิมพ์ที่นิยมที่สุดคือ "พิมพ์ใหญ่" พระพุทธคุณครบทุกด้าน แต่โดดเด่นในการ "ป้องกันระเบิด"

    องค์สุดท้าย พระท่ากระดาน กรุศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี เป็นพระที่สร้างในยุคอู่ทอง มีอายุประมาณ 500 ปีเศษ ถือเป็นพระสุดยอดของความคงกระพันชาตรี

    พระเบญจภาคีเนื้อชิน 5 ยอดขุนพลชุดนี้จึงได้ชื่อว่า เป็น "พระเนื้อชิน" สุดยอดของความอยู่ยงคงกระพันเป็นเครื่องหมายของความแข็งแกร่ง...


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    จาก
    http://www.thaiday.com/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9480000059499
     
  2. ยุพารัตน์ ยัสพันธุ์

    ยุพารัตน์ ยัสพันธุ์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,158
    ค่าพลัง:
    +735
    ชอบค่ะ ให้ความรู้ดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...