เจ้าอาวาสวัดป่าหินเกิ้งวิปัสสนา "ครั้งหนึ่งในชีวีตที่ตกเป็นทาสยานรก"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 27 มิถุนายน 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    เปิดใจ...เจ้าอาวาสวัดป่าหินเกิ้งวิปัสสนา "ครั้งหนึ่งในชีวีตที่ตกเป็นทาสยานรก"



    [​IMG]"หนีไม่พ้นความทรมานจากการเลิกยาเสพติด อดเหล้า เลิกดื่มสุรา แต่สามารถเลิกได้ทันทีหากจิตใจตั้งมั่น อาตมาว่า ยาเสพติดไม่เคยให้ความสุขที่แท้จริงกับใคร และถือได้ว่าแม่เป็น ผู้นำธรรมะช่วยให้ชีวิตเหมือนเกิดใหม่"

    นี่คือคำยืนยันของ หลวงพ่อเสมือน สุจิตฺโต อายุ ๔๐ ปี เจ้าอาวาสวัดป่าหินเกิ้งวิปัสสนา ต.บ้านเฮด อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งครั้งหนึ่งในชีวิตเคยติดเฮโรอีน

    หลวงพ่อเสมือน เล่าว่า สมัยก่อนตอนเป็นวัยรุ่นจะทำตัวเกเร ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร ทำอะไรล้วนแล้วขวางโลกไปหมด ครอบครัวมีความรู้สึกระอาต่อพฤติกรรม ชีวิตเริ่มหักเหโคจรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจนครอบครัวเกิดความเจ็บปวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งร้ายแรงที่สุดเมื่อชีวิตถลำลึกเข้าไปเสพเฮโรอีน กระทั่งอายุ ๒๒ ปี ผู้เป็นแม่ได้ขอร้องให้บวชเพื่อสร้างความดีให้พ่อแม่สักหนึ่งสัปดาห์ และหลังจากนั้นจะไปตายที่ไหนก็จะไม่ว่าอีกแล้ว

    ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๓ เวลา ๑๐.๑๐ น. ได้บวชเป็นพระภิกษุ หลังจากนั้นได้ไปจำพรรษา อยู่กับพระครูชัยวารคุณ ขณะนั้นเป็นเจ้าคณะอำเภอพระยืน ณ วัดไชโย ต.พระยืน อ.พระยืน จ.ขอนแก่น แม้ว่าจะมีเพื่อนๆ หลายคนตราหน้าว่า จ้างก็อยู่ไม่ถึง ๗ วันอย่างแน่นอน ทั้งนี้ คงต้องยอมรับว่า วันแรกเข้าวันที่สองเริ่มทรมานเป็นอย่างมาก เมื่อใจมีความรู้สึกอยากเสพเฮโรอีน ก็พยายามซื้อน้ำดื่มชูกำลัง และบุหรี่สูบบ้าง ซึ่งก็สามารถลดความเจ็บปวดลงได้บางส่วน

    "ความเจ็บปวดจากอาการอยากผงขาวก็มีเพิ่มขึ้นตลอดเวลา อาตมาต้องนอนกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้น พยายามฟื้นใจพร้อมทั้งหักใจจะไม่พึ่งผงขาว โดยใช้วิธีตักน้ำให้เต็มอ่างแล้วลงไปแช่ จนในที่สุดก็สามารถชนะการเสพผงขาวได้ จึงฉุกคิดได้ว่า แม่เราไม่เคยเอาผงขาวหรือยาบ้ามาป้อนเรา ทำไมจะเลิกไม่ได้จาก ๗ วันที่จะสึก เวลาผ่านไปเป็นเดือน พอมีความรู้สึกว่าตัวเองเลิกยาได้ จึงได้สาบานอยู่คนเดียวในโบสถ์ ข้าพเจ้าจะไม่เสพยาเสพติดอีก ถ้าหากข้าพเจ้าสึกออกไปเสพยา ก็ขอให้ชีวิตมีอันเป็นไป" นี่คือวิธีการเลิกยาแบบหักดิบของหลวงพ่อเสมือน

    [​IMG]"อย่าตีคนคาผ้าเหลือง" คำขอร้องของแม่ที่หลวงพ่อจำมาได้ถึงทุกวันนี้ แต่ท่านกลับทำตามคำที่แม่ขอไม่ได้ ทั้งนี้หลวงพ่อสมือน เล่าว่า วันหนึ่งได้ออกไปบิณฑบาต และไปตีวัยรุ่นอันธพาลคนหนึ่ง ซึ่งเขาใส่เสื้อผ้าเฮฟวี่พับแขน ทรงผมตกลงมาปิดตา เดินไปมาก็ต้องยกไหล่ ทำให้เกิดความเกลียดชังในใจ จึงได้ให้วัยรุ่นคนดังกล่าวช่วยอุ้มบาตร ทันใดนั้นก็ลงมือตีด้วยความไม่ชอบ พร้อมกำชับไปว่า อย่าแต่งตัวแบบนี้อีก ถ้าห้ามไม่เชื่ออย่าเข้ามาในวัดเป็นอันขาด ตอนแรกก็เกรงว่า พ่อแม่เขาจะเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีอะไรในก่อไผ่พ่อแม่เขากลับดีใจว่าลูกชายเปลี่ยนเป็นคนใหม่

    หลังจากนั้นไม่นาน ก็คิดที่จะสึกจากการเป็นพระสงฆ์ แต่ไม่ได้สึก เนื่องจากเห็นสามีภรรยาคู่หนึ่งตีกัน ทำให้คิดว่า หากสึกออกไปเป็นฆราวาส คงต้องเจอกับปัญหานี้ พอดีตอนนั้นพระเพื่อนได้สึกออกไปสองรูป วัดจึงเหลือพระจำวัดเพียง ๓ รูป ขณะเดียวกัน พระครูชัยสารคุณ ได้ให้ไปเป็นตัวแทนอบรมวิชากรรมฐานที่ช่องฝาง จ.ขอนแก่น ช่วงหนึ่งที่ได้อบรม มีพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งได้ขึ้นเทศนาถึงสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เช่น ยาเสพติด ลบหลู่พ่อแม่ ซึ่งล้วนแต่เป็นสิ่งที่ตนเองเคยกระทำเมื่อครั้งเป็นฆราวาสทั้งสิ้น จากนั้นก็ได้ลาไปเข้าปริวาสด้วยการฝึกนั่งสมาธิ ต่อมาพรรษาที่ ๕ ก็ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าหินเก้งวิปัสสนาจนถึงปัจจุบัน

    สมัยที่รับใช้เป็นลูกศิษย์ หลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าหินเกิ้งวิปัสสนา ท่านจะสอนให้ฝึกนั่งสมาธิว่าด้วยจิตของตัวเรา พร้อมชี้แนะเมื่อจิตหวั่นไหว ซึ่งหากต้องการให้จิตมีพลังมากก็จะมีการทดสอบด้วยการสำรวมจิต สมมุติให้เพ่งจิตไปที่กล้องตัวหนึ่งอยู่ตรงหน้า แล้วให้สังเกตว่า พลังจิตสามารถกดชัตเตอร์กล้องเองได้หรือไม่ ถ้าหากทำได้แล้วก็ให้ฝึกใหม่ ด้วยการเคลื่อนย้ายกล้องออกไปให้ไกลกว่าเดิม และให้ทำแบบนี้อย่างต่อเนื่องจะทำให้พลังจิตของเรากล้าแกร่ง

    "หลายครั้งที่อาตมาฝึกนั่งสมาธิอยู่ในโบสถ์ อาตมาจะนิมิตเห็นควายวิ่งไล่ชนอาตมาทุกครั้ง ร่างอาตมาก็ไหลกลิ้งอยู่ในโบสถ์ พยายามนั่งอย่างไรภาพเหล่านั้นก็เกิดขึ้นตลอดเวลา จึงได้ไปหาคำตอบจากหลวงปู่จันทร์ดี ว่าอาตมาเป็นคนมีกรรมไม่ดีมากเมื่อชาติที่แล้วก็ไปทำร้ายคนอื่นไว้มาก ถ้าจะให้ดีต้องรู้จักกรวดน้ำไปให้เจ้ากรรมนายเวรบ่อยๆ จะช่วยให้กรรมนั้นเบาบางลงได้ พออาตมากลับมาทำกรวดน้ำบ่อยๆ ภาพเหล่านั้นก็หายไป" นี่คือผลพวงจากการฝึกนั่งสมาธิของหลวงพ่อเสมือน

    [​IMG]นอกจากนี้แล้ว ภาพนิมิตอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ได้จากการฝึกนั่งสมาธิ เนื่องจากการนั่งสมาธิสงบนิ่งเป็นเวลานานแล้ว จิตก็จะออกจากร่างของเราได้ ซึ่งครั้งแรกก็รู้สึกว่าจิตได้เดินอยู่รอบๆ โบสถ์ จากนั้นจิตก็ค่อยๆ ออกไปไกลมากขึ้น จิตก็ได้ไปเห็นคู่หนุ่มสาวกอดกันอยู่ตามริมน้ำ พยายามเข้าไปอยู่ตรงหน้าใกล้ๆ ว่าหนุ่มสาวคู่นี้เป็นลูกหลานของใคร เพราะต้องการพิสูจน์ว่าจะเป็นจริงหรือเปล่า ขณะเดียกกันผู้หญิงที่เห็นในนิมิตมาที่วัด ก็เลยเรียกเข้ามาถามว่าเมื่อคืนนี้ไปนั่งอยู่กับหนุ่มไหนมา หญิงสาวคนนั้นก็ตกใจกลัว พร้อมไม่ให้บอกโยมแม่ ตรงนี้จึงเป็นที่ร่ำลือว่า ตัวท่านเป็นพระที่ดูดวงแม่น การดูหมอหรือตรวจดูดวงชะตาก็ใช้การนั่งสมาธิที่สามารถกำหนดรู้ได้

    เจ้าอาวาสวัดป่าหินเกิ้งวิปัสสนา พูดทิ้งท้ายเป็นคติธรรมเตือนใจไว้อย่างน่าคิดว่า

    "การสักยันต์ตามร่างกาย อาตมาอยากบอกว่าไม่ดี เพราะจะถูกสังคมมองว่าเป็นคนคุก หรือบางครั้งอาจมองว่า ตัวเราเป็นขยะสังคมก็ว่าได้ เช่นเดียวกับนักเรียนที่ตีกัน อาตมาก็ผ่านมาแล้ว ซึ่งก็คิดว่า พวกนี้เป็นคนโง่ ยิ่งอาตมาเป็นฆราวาสสักยันต์เต็มตัวเดินไปไหน มีแต่คนเดินหนีหมด อาตมาก็คิดเหมือนกันว่า สักวันต้องเป็นคนดีให้ได้ เมื่ออาตมาเดินหลงทางผิดมาแล้วก็ไม่อยากให้เด็กรุ่นใหม่เดินซ้ำรอยอีก"

    0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง 0
    0 ภาพ ชาญณรงค์ พรดิลกรัตน์ 0
     

แชร์หน้านี้

Loading...