เครื่องปั่นไฟชั่วนิรันดร์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ไตรย, 14 กรกฎาคม 2010.

  1. ไตรย

    ไตรย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +345
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=828><TBODY><TR><TD vAlign=top width=686 align=left>
    [​IMG][​IMG]



    </TD></TR><TR><TD vAlign=bottom width=132 align=left></TD><TD vAlign=top width=4 align=left></TD><TD vAlign=top width=686 align=left>


    </B>​

    </TD></TR></TBODY></TABLE></B>​


    เครื่องจักรปั่นไฟได้ชั่วนิรันดร์?


    <O:p</O:pแนวคิดเรื่องพลังงานที่ได้มาฟรีๆ (Free Energy) นั้นมีมานานแล้วตั้งแต่สมัยลีโอนาโด ดาวินชี แต่ก็เปรียบเสมือนฝันกลางวันที่ไม่อาจทำให้เป็นจริงได้เสียที จนกระทั่งเพิ่งมีข่าวจากสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ความลับเรื่องพลังงานที่ได้มาฟรีๆ ได้ถูกค้นพบแล้วในไอร์แลนด์ ซึ่งจะเป็นความจริงหรือไม่ ลองมาพิจารณากัน

    <O:p</O:p
    บ้านก่อสร้างด้วยหิน ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาอันหนาวเหน็บในไอร์แลนด์หลังหนึ่ง ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสถานที่คิดค้นสิ่งมหัศจรรย์แห่งยุคได้ แต่สถานที่นี้เอง ที่นักประดิษฐ์ชาวไอริชอ้างว่าเขาได้พัฒนาเครื่องจักรกล ซึ่งมีความสามารถในการเปลี่ยนโฉมการใช้พลังงานของโลกชนิดพลิกฝ่ามือ

    <O:p</O:p
    วิศวกรไฟฟ้าวัย 58 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในสาธารณรัฐไอร์แลนด์ และไม่ต้องการที่จะเปิดเผยชื่อด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยผู้นี้ ได้ใช้เวลาถึง 23 ปีในการสร้างเครื่องที่มีชื่อว่า "Jasker Power System" จนเสร็จสมบูรณ์ มันเป็นอุปกรณ์ประเภทเครื่องจักรกลไฟฟ้าที่สามารถจ่ายไฟ พร้อมๆ กับคืนพลังงานกลับไปยังแหล่งจ่ายต้นกำเนิดได้

    [​IMG]

    <O:p</O:p
    ชาวไอริชผู้นี้ ไม่ใช่บุคคลเดียวที่ออกมากล่าวเช่นนั้น เพราะในสังคมอินเทอร์เน็ต กำลังเต็มไปด้วยการทุ่มเถียงในเรื่องเกี่ยวกับพลังงาน "Zero Point" ซึ่งหลายคนอ้างว่าสามารถสร้างขึ้นได้โดยใช้แม่เหล็ก ขดลวด หรือแม้กระทั่งผลึก

    <O:p</O:p
    โรเบิร์ต พาร์ก ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์แห่ง University of Maryland กล่าวว่า "การเล่าอ้างเช่นนี้มีให้เห็นตลอดทุกๆ สิบปี แต่ก็ไม่เคยมีอะไรปรากฏเป็นรูปธรรม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกรณีของศาสตร์แห่งมนต์ดำทั้งสิ้น"

    <O:p</O:p
    ผู้สร้าง Jasker ซึ่งชื่อนี้ได้มาจากคำย่อชื่อสกุลของตระกูล กล่าวว่าเครื่องนี้สามารถสร้างให้เล็กใหญ่ ขนาดเท่าใดก็ได้ โดยใช้ชิ้นส่วนที่ซื้อหาได้ทั่วไปตามร้าน และสามารถเป็นต้นกำลังแก่อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่ใช้มอเตอร์

    <O:p</O:p
    ส่วนทอม เฮดริก บุคคลเพียงผู้เดียวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Jasker ที่เต็มใจเปิดเผยตัวเองกล่าวว่า "Jasker สร้างพลังงานที่ไม่ปลดปล่อยของเสียออกมา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอื่นใดนอกจากค่าติดตั้งอุปกรณ์ นับว่าเป็นนวัตกรรมที่มีความสำคัญมากที่สุด นับตั้งแต่มีการคิดค้นล้อและเพลาเลยทีเดียว"
    <O:p</O:p
    นอกจากนี้ เฮดริก ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของบริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อจดทะเบียนสิทธิบัตร Jasker ในสหรัฐฯ ด้วย กล่าวว่า "Jasker ถือเป็นเทคโนโลยีที่แหกกฎวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือกันดั้งเดิมเสียกระจุย เช่น ในกฎข้อหนึ่งของเทอร์โมไดนามิกที่บอกว่า คุณไม่มีทางได้พลังงานออกมาจากเครื่องจักร มากกว่าพลังงานที่คุณใส่เข้าไป... มันเป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ ประโยชน์ที่คุณจะได้รับนั้นมากมายสุดที่จะพรรณาได้"

    <O:p</O:p
    ในการสาธิตเครื่อง Jasker ต้นแบบ ซึ่งมีขนาดเท่าเครื่องล้างจานนั้น ทางผู้สาธิตได้เปิดสวิตช์เครื่องให้เดินประมาณ 10 นาที โดยใช้แบตเตอรี่รถยนต์ขนาด 12 โวลต์สี่ตัวเป็นแหล่งจ่ายพลังงานเริ่มต้น และตลอดเวลาที่สาธิต เครื่องก็จ่ายไฟแก่หลอดไฟ 100 วัตต์จำนวนสามดวงจนสว่าง โดยมีเสียงครางของมอเตอร์ดังออกมาอย่างสม่ำเสมอ

    <O:p</O:p
    การใช้มัลติมิเตอร์วัดแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่ ก่อนที่จะเริ่มเดินเครื่องแสดงค่าออกมา 48.9 โวลต์ แต่เมื่อปิดเครื่องแล้ว การอ่านครั้งที่สองแสดงตัวเลขเป็น 51.2 โวลต์ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าแบตเตอรี่เหล่านั้นถูกชาร์จไฟเพิ่มด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง เครื่องต้นแบบนี้ยังทำงานต่อไปประมาณสองชั่วโมง ระหว่างที่นักข่าวกำลังบันทึกภาพ โดยความสว่างของหลอดไฟสามดวงไม่ลดลง และยังคงสว่างอยู่เป็นระยะเวลาสั้นๆ หลังจากที่ตัดกำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่นั้น

    <O:p</O:p
    ผู้คิดค้น Jasker กล่าวว่า "กำลังงานที่ดึงจากแบตเตอรี่มีค่ามากกว่า 4.5 กิโลวัตต์โดยประมาณ หากใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่เดิม แบตเตอรี่ก็ต้องวาย หมดไฟไปเรียบร้อยแล้วภายในหนึ่งนาทีครึ่ง แต่สำหรับเครื่องนี้ หลังจากกดสวิตช์ให้เครื่องเดิน มันก็จะทำงานต่อไปไม่มีวันสิ้นสุด หรืออย่างน้อยจนกว่าชิ้นส่วนจะชำรุดจนหมดสภาพ คุณรู้ไหม ว่าผมได้บริโภคไฟฟ้าฟรีๆ จากเครื่องจักรเครื่องนี้มานานถึง 17 เดือนแล้ว!"

    <O:p</O:p
    ทฤษฎีพลังงานที่จุดศูนย์สมัยใหม่ มีต้นกำเนิดมาจากวิชาควอนตัมฟิสิกส์ และเป็นรากฐานสำคัญของการค้นคว้าวิจัยเครื่องจักรต้านแรงโน้มถ่วง (Anti-Gravity Machine) และเทคโนโลยียานขับเคลื่อนล้ำหน้า (Advanced Propulsion) ที่ทางรัฐบาลของประเทศมหาอำนาจมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

    <O:p</O:p
    ผู้ร่วมวงแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีตั้งแต่ผู้สนับสนุนวิทยาศาสตร์ควอนตัม เรื่อยไปจนถึงบุคคลที่เชื่อว่าพวกมนุษย์ต่างดาวได้บอกความลับเรื่องพลังงานอิสระแก่พวกเขา ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนมีคนอื่นที่แน่ใจว่าทางการสหรัฐฯ กำลังวางแผนทำลายการคิดค้นเหล่านี้อยู่ด้วย

    <O:p</O:p
    นิก คุก ที่ปรึกษาด้านการบินและอวกาศยานของวารสาร Janes Defense Weekly และผู้แต่งหนังสือ "The Hunt of Zero Point" กล่าวว่า "พลังงานที่จุดศูนย์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีจริง ปัญหาอยู่ที่เราจะสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ได้หรือไม่ ส่วนตัวผมเองเชื่อว่าท้ายที่สุดก็ต้องเป็นไปได้ มีนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงหลายท่านกำลังศึกษาศาสตร์สาขานี้อยู่ ซึ่งหากการวิจัยไม่มีผลคืบหน้าอะไรแล้ว พวกเขาจะยังอยู่ที่นั่นได้อย่างไร"

    <O:p</O:p
    ท่ามกลางความสงสัยต่างๆ ทางผู้สร้างเครื่อง Jasker มองเห็นการใช้ประโยชน์เชิงปฏิบัติอย่างแรก คือนำมาใช้เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าส่วนบุคคลภายในบ้าน และเป้าหมายข้างหน้า อุตสาหกรรมรถยนต์ก็สามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปพัฒนาต่อเป็นเครื่องจักรที่ใช้แทนเครื่องยนต์แกสโซลีนได้ แต่ต้องอาศัยการลงทุนมหาศาล
    <O:p</O:p
    เนื่องจากน้ำมันดิบที่เก็บไว้ใต้ผิวโลกกำลังมีปริมาณลดลงทุกวัน ความจำเป็นในการหาสิ่งทดแทนจึงมีความสำคัญมากขึ้น ถ้าทางผู้สร้างเครื่อง Jasker ได้ค้นพบบางสิ่งบางอย่างเข้าจริงๆ มันก็จะเป็นนวัตกรรมของชาวไอริชที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว

    <O:p</O:p



    Free_Energy
    โดย วิทู หงสกุล - 28 มีนาคม 2545( www.arip.co.th)
     
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    เยี่ยมยอดเลยครับ บทความนี้
    สอดคล้องกับข้อความจากต่างมิติที่ผมโพสต์ไปแล้วทุกประการ


    ............................................
     
  3. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    เราโดนปิดกั้นทางเทคโนโลยีแท้ๆ

    ความโลภ การใช้เงินเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน ทำให้การพัฒนาเราไปอย่างเชื่องช้า

    ผู้ผลิตก็ค่อยๆ ปล่อยเทคโนโลยี และค่อยๆ เพิ่ม cost

    คนที่ตามเทคโนโลยี ก็พยายามอัพเดท โดยใช้เงินซื้อ อุปกรณ์รุ่นใหม่ ราคาแพง

    คนที่มีเงินก็ดีไป ใครไม่มีเงินก็ดิ้นรนฟุ้งเฟ้อจนเกินตัว

    ทั้งที่ เทคโนโลยีที่มีไม่จำกัด มีรอเราอยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่ไม่มีสิทธิ์ได้รู้มัน
     
  4. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ผมไม่ได้ยกตัวเองนะครับ และไม่มีเจตนาที่จะส่อเสียดใคร

    ผมเกิดมาทันในช่วงที่เด็กๆเรา มี packling

    แล้วต่อมาก็มี โทรศัทพ์ เครื่องใหญ่ๆ >>> โทรศัพท์พร้อม sms

    โทรศัพท์ พร้อมเกม เพลง >>> โทรศัพท์จอสี

    โทรศัพท์พร้อม อินเตอร์เน็ต >>> โทรศัพท์ iphone

    Blackberry



    จนผมรู้สึกว่า ชีวิตมันวุ่นวายจัง

    บางทีอยากจะอยู่เงียบ อยู่กับปัจจุบัน ก็ต้องมีเรื่องที่มากระทบใจเราทุกนาที

    เวลาเพื่อตัวเองก็น้อยลง facebook มั่ง hi5 มั่ง twitter มั่ง เราหาเรื่องของคนอื่น

    ให้มากระทบใจเรา จนไม่มีเวลาได้หยุดนิ่งเลย

    ปล.มีใครรู้สึกสับสนวุ่นวายเหมือนผมมั่งคบ
     
  5. runchoo_man

    runchoo_man เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    597
    ค่าพลัง:
    +593
    ถ้าทำได้จริงก็ดีมากเลยครับ แต่จะแจกจ่ายเทคโนโลยีให้ฟรีๆ หรือเปล่าเนี่ยสิ
     
  6. TheLionSleepsNoMore

    TheLionSleepsNoMore เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    171
    ค่าพลัง:
    +1,211
    ผมเป็นเหมือนกันครับ คุณ ZmarTAlkeR แต่ไม่รู้ทำไง ต้องอยู่กับมัน
    เบื่อ กทม. อยากกลับบ้านที่สุดเลย
     
  7. วสุธรรม

    วสุธรรม พลังรักอมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    2,323
    ค่าพลัง:
    +8,220
    น่าสนใจเป็นอย่างมากๆเลยครับ
    หวังว่าเจ้าของกระทู้หรือเพื่อนธรรมคนอื่นๆ
    จะช่วยกันมาต่อยอดองค์ความรู้นี้ให้ใช้งานกันได้จริงๆ

    ขออนุโมทนา สำหรับการเริ่มต้นพลังงานใหม่แห่งยุคศรีวิไล
     
  8. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    ขณะนี้มีหลายเจ้าแล้ว ครับ

    ในอเมริกาก็มี เผลอๆในเอเชีย ก็มี

    แต่ที่แน่ๆ อจ. สุมิตร ท่านก็อาจจะมี นะครับ....
     
  9. pinkpink

    pinkpink เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,246
    ค่าพลัง:
    +11,631
    ใช่ค่ะรู้สึกมากๆเลย
    เราต้องหยุดตัวเราเอง หาเวลาทำความสงบบ่อยๆ
    ก็พอจะอยู่ได้

     
  10. ลูกท่าน

    ลูกท่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,649
    อยากให้ชีวิตสงบขึ้น
    ด้วยเทคโนโลยีแห่งความจริงแบบนี้
    โลกจะสะอาดมากกว่าที่เป็น

    ขออนุโมทนาด้วยครับ

    ให้ถึงวันนั้นโดยเร็ว
     
  11. singhol

    singhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    1,376
    ค่าพลัง:
    +1,940
    ขอให้เผยเป็นธรรมทานสู่ชาวโลกด้วยนะครับ....จะเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกมากเลยครับ
     
  12. Ong

    Ong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,501
    ค่าพลัง:
    +12,861
    สุดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
     
  13. ต.โต้ง SE

    ต.โต้ง SE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +821
    เป็นข่าวดีที่สุดเลยครับ ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เ่ราจะได้ใช้พลังงานแบบนี้บ้าง
     
  14. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    ถ้าบทความเป็นเรื่องจริง
    จะเกิดการปฏิวัติโลกและผู้คนในโลกขนานใหญ่จนคาดไม่ถึง
    เป็นตัวแปรของ paradigm shift สู่อีกยุคหนึ่งครับ
    เหมือนตอนยุคอุตสาหกรรมเจอถ่านหิน มีรถไฟไอน้ำ
    ....
    เห็นด้วยกับคุณZmarTAlkeR
    ที่การพัฒนาเทคโนโลยี่ปัจจุบัน ทำไปเพื่อส่งเสริมกิเลสมนุษย์โดยแท้
    ชีวิตคนเหมือนเรืออยู่ในกระแสกิเลสไหลเชี่ยว
    ขวางไปเรือก็ควำ
    ตามน้ำไปก็ ไหลสะเปะสะปะ ไหลชนกันไปตามกระแส
    ทวนน้ำไปยิ่งเหนื่อยนักหนา ต้องระวังกับเรือที่ลอยมาตามน้ำ
    ...
    คงต้องหาทางจอดเรือ
    แล้วมาอยู่บนฝั่งกันนะครับ
     
  15. Prathuang

    Prathuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    658
    ค่าพลัง:
    +178
    น่าสนใจมากๆ ถ้าเป็นไปได้จริง มนุษย์จะได้เลิกทำลายธรรมชาติลง
     
  16. ไตรย

    ไตรย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +345
    ประวัติศาสตร์น่าจะจารึกชื่อ นิโคลา เทสลา (Nicola Tesla) ในฐานะ
    ชาย ผู้คิดค้นศตวรรษที่ 20 แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ทฤษฏีวิทยาศาสตร์ของเขาถูกหัวเราะเยาะ และเขาตายอย่างเดียวดายในห้องน้ำของโรงแรมแห่งหนึ่ง โรเบิร์ต โลมัส (Robert Lomas) เล่าเรื่องของศาสดาแห่งวิทยาศาสตร์ไฟฟ้าผู้ถูกลืมให้เราฟัง

    ประกายอัจฉริยะ
    โดย โรเบิร์ต โลมัส

    การขยายตัวของอารยธรรมอาจเปรียบได้กับไฟ มันเริ่มจากประกายอันอ่อนแอ ค่อยๆ เติบโตเป็นเปลวเพลิงวับแวม ซึ่งกระพือขึ้นเป็นพระเพลิงลุกโพลง เพิ่มความเร็วและพลังทำลายล้างอย่างไม่สิ้นสุด
    นิโคลา เทสลา

    ย้อน กลับไปสมัยทศวรรษที่ 1960 วิศวกรไฟฟ้าหนุ่มทั้งหลายมีนิสัยชอบซุกมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋าเวลาเดินไป มา นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นคนสกปรก หรือต้องการจะแสดงท่าทีต่อต้านกระแสสังคม หากเป็นเพราะคำเตือนที่พวกเขาถูกกรอกหูในวันเข้าห้องแล็บครั้งแรกๆ ว่า กระแสไฟฟ้าที่ช็อตบริเวณหน้าอกของพวกคุณนั้นจะทำให้ถึงตาย กระแสไฟฟ้าเดียวกันที่ช็อตลำตัวพวกคุณเพียงซีกเดียวจะทำให้รู้สึกเสียววูบ เท่านั้น คำแนะนำนี้ทำให้วิศวกรไฟฟ้าทุกคนที่ต้องการมีชีวิตรอด ซุกมือข้างหนึ่งในกระเป๋าเสื้อโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่พวกเขาเดินผ่านกระแส ไฟฟ้าอิสระ

    สมุดบันทึกของนิโคลา เทสลา สมัยที่เขาพำนักในเมืองโคโลราโด สปริงส์ (Colorado Springs) สะท้อนให้เห็นว่าเขาเป็นวิศวกรคนแรกที่ให้คำแนะนำข้อนี้ ซึ่งนั่นแปลว่าวิศวกรไฟฟ้าหลายคนเป็นหนี้ชีวิตเขา นอกจากคำแนะนำนี้ เทสลายังเป็นผู้คิดค้นเครื่องวัดความเร็วติดรถยนต์ (speedometer) เครื่องวัดอัตราการหมุนของเครื่องจักร (mechanical rev counter) การกระจายเสียงผ่านวิทยุ กระแสไฟฟ้าสลับ (alternating current หรือย่อว่า AC) และเครื่องยนต์เทอร์ไบน์แบบไร้ใบมีด (bladeless turbines)

    เป็น ไปได้อย่างไร ที่ชายผู้เปี่ยมพรสวรรค์อันหลากหลาย ผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ที่ทำให้อารยธรรมสมัยใหม่ของเราเป็นความจริงขึ้นมาได้ จะถูกโลกลืม? ชื่อของนักประดิษฐ์รุ่นเดียวกันกับเขา ไม่ว่าจะเป็นเอดิสัน มาร์โคนี เวสท์ติงเฮาส์ และแม้กระทั่ง เจ.พี. มอร์แกน กลายเป็นตำนานสืบต่อมา แต่เทสลากลับไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้างต่อสาธารณชนที่ยังใช้ประโยชน์จากงาน ของเขา

    แวดวงวิทยาศาสตร์ให้การสดุดีเทสลา และชื่อของเขาก็ถูกยกให้เป็นหน่วยวัดสนามแม่เหล็ก ในแง่หนึ่งการสดุดีแบบนี้เหมาะสมกับเทสลา เพราะเขาถูกจัดให้อยู่ในทำเนียบเดียวกันกับนักวิทยาศาสตร์ผู้โด่งดังอย่างโว ลตา แอมแปร์ กิลเบิร์ต เฮนรี เฮิร์ตซ์ โอห์ม และ ฟาราเดย์ ซึ่งชื่อของพวกเขาล้วนกลายเป็นหน่วยวัดค่าทางแม่เหล็กไฟฟ้าต่างๆ แต่แม้ว่าเขาจะได้รับการยกย่องจากผู้รู้ในแวดวงที่เกี่ยวข้อง ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า เทสลาคงจะอยากได้รับการยอมรับจากประชาชนทั่วไปเหมือนกัน

    เพราะ เราปฏิเสธไม่ได้ว่า คุณภาพของชีวิตสมัยใหม่ของเราทุกคนนั้น ขึ้นอยู่กับการจ่ายกระแสไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งคุณงามความดีของความสำเร็จข้อนี้ต้องยกให้เทสลา จริงอยู่ วิศวกรบางคนรู้จักเขา และถูกสอนชื่อเขาในฐานะหน่วยวัดค่าความแปรปรวนของแม่เหล็ก แต่ไม่ค่อยมีใครรู้ประวัติของชายผู้คิดค้นศตวรรษที่ยี่สิบ และคนส่วนใหญ่ก็จำไม่ได้แล้วว่าเราเป็นหนี้บุญคุณอะไรกับเขา

    ผม เป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ลุ่มหลงในไฟฟ้าและอยากได้ชุดวิทยุไร้สาย เมื่อผมได้ยินชื่อของนิโคลา เทสลาเป็นครั้งแรก ผมไม่ได้อยากได้แค่วิทยุธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ผมอยากได้เครื่องรับวิทยุรุ่น AR88 ที่ใช้ในกองทัพเรือ ผมหมดเวลาช่วงบ่ายวันเสาร์ไปกับการควานหาวิทยุรุ่นนี้ในร้านขายวิทยุมือสอง ในเมืองแมนเชสเตอร์ หลายสัปดาห์ติดต่อกัน

    เพื่อน พ้องของผมบางคนมีวิทยุส่วนตัว และบางครั้งพ่อแม่ผมก็อนุญาตให้ใช้เครื่องวิทยุโทรเลขในห้องนั่งเล่น แต่นั่นมันย่อมเทียบไม่ได้กับการมีวิทยุเป็นของตัวเอง เวลาผมหมุนเครื่องวิทยุโทรเลขลงไปที่คลื่นต่ำๆ เลยจากสถานี Radio Luxembourg ไปอีก ผมจะได้ยินผู้คนที่เป็นเจ้าของเครื่องวิทยุไร้สาย คุยกันเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับคลื่นระยะสั้นของวิทยุพวกเขา และโม้ว่าคุยกับโอเปอเรเตอร์ไกลๆ ที่ไหนได้บ้าง ผมกระหายที่จะรู้เรื่องวิทยุมากขึ้น และความอยากรู้อยากเห็นนี่เองที่ผลักดันให้ผมเสาะแสวงหาวิทยุมาเป็นของตัว เอง

    ผมเดินเข้าออกร้านขายของเก่าร้านแล้วร้าน เล่า มือกุมกระเป๋าที่ใส่เงินค่าขนมของผมทั้งหมด คุ้ยกองของเก่าไม่รู้กี่กองต่อกี่กอง และหมดเวลาหลายชั่วโมงไปกับการทำตาละห้อยดูวิทยุรุ่นใหม่ๆ ที่ผมไม่มีกำลังซื้อ เย็นวันเสาร์วันหนึ่ง ซึ่งเป็นอีกวันที่ผมไม่ประสบความสำเร็จ สายตาผมเหลือบไปเห็นของชิ้นหนึ่งบนหิ้งที่ดูไม่เข้าพวก – กล่องไม้ปิดฝาโลหะที่ยั่วยวนให้ผมเปิดดูของข้างใน และนั่นเป็นวันที่ผมต้องเสียเงินค่าขนมที่อุตส่าห์สะสมมาทั้งหมด ไปกับ...
    เครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าเทสลา (Tesla Therapeutic Electrotherapy Machine)

    เมื่อ ผมค่อยๆ ยกฝากล่องนั้นขึ้น ฝุ่นอันหนาเตอะฟุ้งขึ้นระคายจมูก ทำให้ผมต้องจามออกมาดังๆ ข้างในกล่อง เครื่องบำบัดนอนสงบนิ่งอยู่บนผ้าบุกำมะหยี่ ดูเหมือนอยู่ในสภาพสมบูรณ์ มันประกอบด้วยขดลวดเคลือบสะท้อนแสง กระบอกทองแดงสองกันเชื่อมกับหัวลวดงอได้ สวิตช์ทองเหลือง และช่องว่างสำหรับใส่แบตเตอรี่อันใหญ่ ตัวหนังสือบนป้ายที่ติดข้างใต้ฝากล่องพรรณนาถึงประโยชน์ของกระแสไฟฟ้าแรงสูง ที่เจ้าเครื่องมือประหลาดนี้เคยผลิตได้:

    กระแสไฟฟ้าที่ผลิตโดยเครื่องมือนี้ เป็นยำบำรุงชั้นเลิศสำหรับระบบประสาทของมนุษย์ ไฟฟ้าช่วยกระตุ้นการเดินของหัวใจและระบบย่อยอาหาร ทำให้นอนหลับอย่างผ่อนคลาย กำจัดสิ่งแปลกปลอมทีปูดขึ้นบนผิวหนัง และรักษาโรคหวัดและอาการไข้ด้วยความร้อนที่เกิดขึ้น กระแสไฟฟ้านี้ยังทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายที่เป็นอัมพาตกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง บรรเทาอาการทรมานต่างๆ และช่วยชีวิตมนุษย์ได้ปีละหลายพันคน

    ผมตัดสิน ใจว่า จะชะลอการซื้อวิทยุไร้สายออกไปก่อน ก็ผมมีเครื่องผลิตไฟฟ้าแสนวิเศษอยู่ในมือแล้วนี่นา! ขณะที่ผมนั่งรถรางไฟฟ้ากลับบ้านมากับมัน ผมฝันถึงการทดลองต่างๆ ที่ผมจะทำ เครื่องช็อตไฟฟ้าเครื่องนี้ทำให้ผมมีความสุขมาก เมื่อผมสั่งซื้อแบตเตอรี่ตะเกียงขนาด 6 โวลต์มาจากร้านวิทยุแถวบ้าน เอามาใส่ในเครื่อง ขดลวดก็เริ่มเปล่งประกายแปลบๆ อย่างน่าพอใจ และทำให้ผมรู้สึกเสียววาบไปทั่วตัวเมื่อถือกระบอก ด้วยมือทั้งสองข้าง

    เนื่อง จากผมรู้สึกกระตือรือร้นกับประโยชน์ของกระแสไฟฟ้าบำบัดเทสลา ผมเลยไปเกลี้ยกล่อมเพื่อนๆ บางคนให้ยืนจับมือกันเป็นวงกลม แล้วก็เอามือของคนสุดท้ายสองคนในวงไปแตะขั้วไฟฟ้าทองแดงเพื่อปิดวง ความรู้สึกจั๊กจี้แผ่ขยายจากมือหนึ่งไปสู่อีกมือหนึ่งรอบๆ วง ทำให้หลายคนอุทานด้วยความแปลกใจที่มือกระตุกเวลากระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน

    ความ สำเร็จสมัยเด็กครั้งนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของความสนใจในการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดตราบชั่ว ชีวิตของผม ไฟฟ้าเป็นสิ่งค่อนข้างใหม่ และกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสังคมเมื่อไม่นานมานี้เอง คนรุ่นผมน่าจะเป็นรุ่นแรกที่เห็นว่ามันเป็นสิ่งธรรมดาสามัญ ยกตัวอย่างเช่น ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไอร์แลนด์ มีหุบเขาเล็กๆ ที่คนเรียกต่อๆ กันมาว่า หุบเขาดำมืด (Black Valley) เพราะมันเป็นที่เดียวในประเทศที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพียง 100 ปีที่แล้ว คนจะมองว่าการทำให้บ้านเราสว่างไสวเพียงกดปุ่มเดียวอย่างง่ายดายนั้น เปรียบเสมือนเวทมนตร์อันลึกลับ และหากปราศจากไฟฟ้า โลกนี้จะยังคงมืดมิดและเต็มไปด้วยความยากลำบากกว่าปัจจุบันหลายเท่า

    ถ้า ถามใครก็ตามที่มีความรู้รอบตัวดี ว่าใครเป็นผู้คิดค้นไฟฟ้า เขาคงตอบว่า ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michael Faraday) ไปเยือนโรงไฟฟ้าที่ไหนก็ได้สักแห่ง เล่นเกมตอบคำถามในห้องโถง แล้วคุณจะเชื่อว่านั่นเป็นคำตอบที่ถูกต้อง แต่จริงๆ แล้ว ฟาราเดย์ไม่ได้เป็นผู้คิดค้นโลกใหม่ที่ใช้ไฟฟ้าเช่นในปัจจุบัน เขาเพียงแต่ทำการทดลองที่พิสูจน์ให้เห็นชัดว่า กระแสไฟฟ้าและกระแสแม่เหล็กเกิดขึ้นพร้อมกันเสมอ และเขียนหนังสือที่สำคัญมากชื่อ การวิจัยด้านไฟฟ้า (Researches in Electricity) ชายผู้มอบไฟฟ้าให้กับโลกคือ นิโคลา เทสลา ผู้ประดิษฐ์เครื่องบำบัดด้วยไฟฟ้าที่ผมในวัยเด็กมองว่าน่ามหัศจรรย์อย่าง ยิ่ง

    แล้วเทสลามาตายอย่างโดดเดี่ยวและยากจน ในโรงแรมเล็กๆ ได้อย่างไร? ทำไมจึงไม่มีใครพบศพของเขาจนกระทั่งสองวันให้หลัง ทำให้วันตายของเขาไม่แน่นอนพอๆ กับวันเกิดของเขา? เหตุใดคนที่ได้รับประโยชน์มากมายจากความช่างประดิษฐ์ของเขา จึงไม่เคยรู้จักชื่อของเขาเลย?

    นิสัยของเทสลา เองเป็นต้นเหตุส่วนหนึ่งของความไร้ชื่อเสียงของเขา เทสลาไม่เหมือนกับเอดิสัน เวสต์ติงเฮ้าส์ มาร์โคนี หรือมอร์แกน ตรงที่เขาไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัทที่ช่วยอนุรักษ์ชื่อเสียง และเชิดชูผลงานต่อสาธารณชนตลอดมา หากคนทั่วไปจะจำเทสลาได้ พวกเขาก็จำได้แต่ฐานะคนประหลาดที่เขียนคอลัมน์ส่งหนังสือพิมพ์ ลองดูชื่อตอนที่เทสลาเขียนลงหนังสือพิมพ์ในบั้นปลายชีวิต:

    คลื่นยักษ์ของเทสลาในการทำสงคราม - เป็นไปไม่ได้. การนอนหลับด้วยไฟฟ้า. วิธีการส่งสัญญาณไปดาวอังคาร. เทสลาพูดเรื่องอนาคต. นิโคลา เทสลา วางแผนใช้ หัวแม่มือไร้สาย ในเรือเดินทะเล – สิ่งประดิษฐ์แห่งอนาคต. ภาพลวงตาทางวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง. นิโคลา เทสลา ประกาศว่าเราจะบินได้สูง 8 ไมล์ด้วยความเร็ว 1,000 ไมล์ต่อชั่วโมง. การสื่อสารระหว่างดวงดาว. เทสลาอ้างว่าหมากฝรั่งอันตรายกว่าเหล้ารัม. การสลายพายุทอร์นาโด. นิโคลา เทสลา อธิบายวิธีป้องกันเอธิโอเปียจากการรุกรานของอิตาลี. ดร. เทสลาพยากรณ์ว่าเราจะส่งข้อความไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ.

    ใน ช่วงบั้นปลายชีวิต 26 ปีสุดท้ายของเทสลา ระหว่างปีที่เขาได้รับรางวัลเหรียญเอดิสัน และปีที่เขาตาย ภาพพจน์ของเทสลาในสายตาคนทั่วไปเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คนเลิกมองเขาว่าเป็นวิศวกรผู้เก่งกาจ หันมามองว่าเขาเป็น คนแก่สติเฟื่อง ที่พยากรณ์ปาฏิหาริย์ต่างๆ ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่า ปาฏิหาริย์ส่วนใหญ่ที่เทสลาพยากรณ์เกิดขึ้นจริงๆ นั้น ดูเหมือนจะไม่เคยช่วยให้ชื่อเสียงของเขาดีขึ้นเลย เทสลาไม่เคยเข้าใจหลักมนุษยสัมพันธ์ ไม่ว่าจะในการพูดคุยกับคนสองต่อสอง หรือการวางตัวท่ามกลางฝูงชน คำประกาศที่ฟังดูเหนือจริงที่สุดของเทสลา ล้วนตั้งอยู่บนการใช้เหตุผลทางทฤษฏี บางครั้งเทสลาอธิบายความคิดของเขา แต่บางครั้งก็สวมบท อัจฉริยะผู้แก่กล้า และหวังให้คนอ่านต้องยอมรับทุกอย่างที่เขาพูดโดยปริยาย เทสลาชอบเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงไอเดียใหม่ๆ ก่อนที่จะอธิบายไอเดียเก่าให้จบก่อน และนี่ทำให้เขาได้รับสมญานามว่า สมองผีเสื้อ แต่บางครั้ง โลกก็จำเทสลาได้และยกย่องเขา

    ยก ตัวอย่างเช่น ในวันเกิดครบรอบ 75 ปี เทสลาขึ้นปกนิตยสาร TIME ในขณะที่เขาพำนักฟรีอยู่ในโรงแรมชื่อ Grosvoner Clinton ด้วยความเอื้อเฟื้อของผู้จัดการ หลังจากที่ถูกเชิญออกจากโรงแรมหลายแห่งก่อนหน้านี้เพราะไม่มีเงินจ่ายค่า ห้อง หลังจากเหตุการณ์นี้ เขาต้องอพยพออกจากโรงแรม Grosvoner Clinton และยอมทิ้งสัมภาระไว้แทนค่าห้อง วิกฤตทางเศรษฐกิจ (Great Depression) ในอเมริกาช่วงนั้นซ้ำเติมให้เทสลามีปัญหาการเงินมากกว่าเดิม เขาพบ บ้าน ที่จะอาศัยอยู่ไปชั่วชีวิตก็ต่อเมื่อรัฐบาลยูโกสลาเวีย ประเทศบ้านเกิดเมืองนอน รู้สึกสงสารพลเมืองที่โด่งดังที่สุดของประเทศ เลยอนุมัติเงินบำนาญให้เทสลาจำนวน 7,200 เหรียญสหรัฐต่อปี แต่ถึงกระนั้นเทสลาก็ยังต้องย้ายโรงแรมบ่อยครั้ง เพราะเขาชอบให้อาหารนกบนโต๊ะ ทำให้มีนกพิราบบินเข้ามาในห้องอยู่เสมอ

    เท สลาชอบอ้างว่า เขาสาบานตอนเป็นเด็กว่าจะทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงาน และจะไม่มีวันเสียเวลากับการแต่งงาน แต่เมื่อเขาแก่ตัวลง ปากจัดมากขึ้นและมีคนนับถือน้อยลง เทสลาคงรู้สึกเสียดายที่ไม่มีคนใกล้ชิดคอยเป็นคนฟัง พี่สาวน้องสาวของเทสลาทุกคนตายก่อนเขา และสมาชิกในครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขาติดต่อด้วยในช่วงบั้นปลายชีวิตคือ หลานชายชื่อ ซาวา โคซาโนวิช (Sava Kosanovich) ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ลุ่มๆ ดอนๆ ความว้าเหว่ทำให้เทสลามักตีสนิทกับนักข่าวสายวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้ชาย และโทรไปคุยกับพวกเขาเป็นชั่วโมงๆ ไม่เว้นเวลา ทั้งกลางวันและกลางคืน

    เท สลาฉลองวันเกิดที่เขาอ้างว่าไม่มี (เพราะไม่รู้วันที่แน่ชัด) ด้วยการจัดงานเลี้ยงใหญ่โตที่เขาไม่มีปัญญาจ่าย ในร้านอาหารหรูๆ ของกรุงนิวยอร์ค เชิญนักข่าวมางานเลี้ยง ให้พวกเขา จ่าย ค่าอาหารเย็นอย

    โดย tarhisoka atcloud.com/stories/61478
     
  17. ไตรย

    ไตรย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +345
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50> </TD><TD width=4> </TD><TD>
    [​IMG]
    ปรับปรุงไดนาโม
    ตอนที่เทสล่าเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เขาได้เห็นอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างหนึ่งที่จะจุดประกายให้เขาประสบผลสำเร็จอันสำคัญต่อมาในชีวิต มันเป็นไดนาโมแบบแรก ๆ ที่เรียกว่า แกรมม์ไดนาโม (Gramme Dynamo) ซึ่งใช้ขดลวดอยู่ในสนามแม่เหล็ก ซึ่งทำหน้าที่เป็นมอเตอร์ที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวด้วยกระแสไฟฟ้า และในทางกลับกันก็สามารถใช้เป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าได้ด้วย ตอนนั้นเทสล่ามีอายุเพียง 22 ปี และเขาได้บอกกับอาจารย์ของเขาว่าเขาสามารถจะปรับปรุงรูปแบบของไดนาโมดังกล่าวได้ และอีก 4 ปีต่อมา เขาก็ทำได้สำเร็จจริง ๆ โดยสามารถสร้างไดนาโมที่สร้างกระแสไฟฟ้าสลับ (AC) ซึ่งจะสร้างสนามแม่เหล็กที่จะไป หมุนมอเตอร์ได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ส่งกระแสไฟฟ้าได้ไกลกว่าเอดิสัน
    อย่างไรก็ตาม ช่วงนั้นโธมัส เอดิสัน ก็สามารถประดิษฐ์กระแสไฟฟ้าขึ้นมาได้แล้ว แต่เป็นกระแสไฟฟ้าตรง (DC) ซึ่งได้จากแบตเตอรีแต่ยังมีข้อบกพร่องอยู่ เพราะได้กระแสไฟที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งหากส่งไปตามสายลวดเพียงครึ่งไมล์กำลังของมันจะลดลงไปมาก เอดิสันจะต้องสร้างสถานีส่งไฟฟ้าทุก 1,000 หลา เพื่อจะให้แรงดันไฟฟ้ากลับมาเป็น 100 โวลท์ได้ แต่เทคโนโลยีของกระแสไฟฟ้าสลับของเทสล่าจะไม่มีข้อจำกัดดังกล่าว และโดยการใช้หม้อแปลงไฟฟ้ากระแสไฟฟ้าอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 3,000,000 โวลท์ หรือมากกว่านั้นก็ได้ จึงสามารถจะส่งพลังไฟฟ้าขนาดมหาศาลในระยะทางไกลหลายไมล์ได้ ก่อนที่จะถูกทอนลงให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยด้วยการใช้หม้อแปลงไฟฟ้าอีกชุดหนึ่ง
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD>
    [​IMG]
    โธมัส เอดิสัน ได้ร่วมมือกับ จอร์จ เวสติ้งเฮ้าส์ หลังจากได้สัญญาให้ติดตั้งเครื่องไฟฟ้าเครื่องแรกที่น้ำตกไนแอการ่า โดยใช้เทคโนโลยีของเทสล่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD>
    [​IMG]
    ยากจน จนต้องไปขุดดิน
    ต่อมาเทสล่าได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงปารีส เพื่อทำงานกับบริษัทในเครือข่ายของ เอดิสัน ณ ที่นั้นเขาได้แสดงให้เห็นศักยภาพของสิ่งที่เขาได้ประดิษฐ์ขึ้น โดยการใช้มอเตอร์ของเขาช่วยให้บริษัทของเอดิสันสามารถทำสัญญาผลิตไฟฟ้าในเมืองสตราสบวร์ก (Strasbourg) ได้
    ความปราดเปรื่องของเทสล่าเป็นที่ประจักษ์จนในปี ค.ศ. 1884 เขาก็ได้รับการชักชวนให้ไปร่วมงานกับเอดิสันเลยทีเดียว แต่ความที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน จึงทำให้ต้องแยกทางกันไป และกลายเป็นคู่แข่งกันไปในที่สุด
    ตอนนั้นเทสล่าอยู่ในภาวะที่ยากจน ถึงขนาดต้องไปรับจ้างขุดดิน และทำให้ได้พบกับหัวหน้าคนงานที่รู้จักกับคนมีเงินที่ต้องการจะลงทุน จึงแนะนำให้คนทั้งสองรู้จักกัน และในเวลาไม่กี่เดือนเทสล่าก็สามารถพลิกฟื้นความมั่งคั่งให้ไหลกลับเข้ามาได้อีกครั้ง เขามีธุรกิจของเขาเองโดยได้ตั้ง
    บริษัทเทสล่าอิเล็กทริกซ์ขึ้น และรีบจดลิขสิทธิ์เทคโนโลยีที่เป็นกุญแจดอกสำคัญ ๆ สำหรับการไฟฟ้าที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าสลับเอาไว้ และต่อมาเขาก็ได้เข้าร่วมกำลังกับคู่แข่งคนสำคัญของเอดิสันอีกคนหนึ่ง นั่นก็คือ จอร์จ เอสติ้งเฮ้าส์ บริษัทของเทสล่ากับเวสติ้งเฮ้าส์เจริญรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำส่งให้กับอุตสาหกรรมทำเหมืองทองในไคโลราโด ในปี ค.ศ. 1891 และเป็นผู้จัดหากระแสไฟฟ้าให้กับงานเวิร์ลด์แฟร์ในชิคาโกเมื่อปี ค.ศ. 1893
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD>
    ถูกโกงจนได้
    ความได้เปรียบของกระแสไฟฟ้าสลับที่มีต่อระบบกระแสไฟฟ้าตรง ทำให้เอดิสันต้องหันไปสนใจในธุรกิจอย่างอื่น แต่บริษัทของเขาก็ได้ลงนามกับบริษัทของเวสติ้งเฮ้าส์ เพื่อจะศึกษาเทคโนโลยีในเรื่องกระแสไฟฟ้าสลับของเทสล่า และทั้งสองบริษัทได้ช่วยกันใช้พลังน้ำจากน้ำตกไนแอการ่ามาผลิตไฟฟ้าได้ในปี ค.ศ. 1895 เป็นเครื่องแรกของโลก
    แต่ความสำเร็จดังกล่าวกลับทำให้เทสล่าต้องผิดหวัง เพราะเขาถูกบริษัทเวสติ้งเฮ้าส์โกงไปเป็นเงินหลายล้านดอลล่าร์ โดยไม่ทันรู้ตัวหรือเฉลียวใจ เพราะเขาพอใจที่จะได้เพียงเงินทุนไปทำการวิจัยในเรื่องกระแสไฟฟ้าที่จะได้จากวิชาแม่เหล็กไฟฟ้าเท่านั้น ผลงานประดิษฐ์ของเทสล่าในช่วงราว ๆ ปี ค.ศ. 1890 ได้แก่ การประดิษฐ์แสงนีออนโดยใช้แก๊ส และการตรวจโดยใช้เอ็กซเรย์ และคลื่นวิทยุก่อนที่นักประดิษฐ์คนอื่น ๆ จะทำให้มันเป็นที่รู้จักกัน นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 1843 ศาลของสหรัฐ ฯ ได้ประกาศว่าเทสล่าเป็นผู้ประดิษฐ์วิทยุ มิใช่มาร์โคนี่
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD>
    [​IMG]
    มาร์โคนีมิได้เป็นผู้ประดิษฐ์วิทยุ อย่างที่หลายคนเชื่อ แต่เป็นเทสล่าต่างหาก </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD>
    ขดลวดของเทสล่า
    สิ่งประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของเทสล่าก็คือ เทสล่า คอยล์ (Tesla Coil) ซึ่งทำให้เขาสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าที่จะเพิ่มเป็นความถี่ที่สูงมากได้ เทสล่า คอยล์ เปิดหนทางไปสู่การส่งคลื่นวิทยุและทีวี นอกจากนั้น การค้นพบที่น่าสนใจที่สุดอีกอย่างหนึ่งของเทสล่าก็คือ การส่งพลังไฟฟ้าผ่านอากาศที่เบาบางได้
    ในห้องปฏิบัติการที่เงียบสงบและห่างไกลผู้คนในโคโลราโด เทสล่าได้สร้างคอยล์ขนาดยักษ์เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงมากจนสามารถส่งกระแสไฟ 10,000 วัตต์ผ่านอากาศไปจุดดวงไฟ 200 ดวง ที่อยู่ห่างออกไป 40 กิโลเมตรได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD>
    [​IMG]
    เทสล่ากับห้องทดลองในโคราโด </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD>
    [​IMG]
    เทสลา คอยส์

    เทสลาคอยส์ เป็นหม้อแปลงที่อาศัยหลักการเรโซแนนท์ในวงจรไฟฟ้า โดยมีแกนเป็นอากาศ เทสลาคอยส์สามารถสร้างแรงดันไฟฟ้าได้สูงมากอย่างน่าตกใจ ! พวกสร้างภาพยนตร์วิทยาศาสตร์นิยมนำไปใช้ เมื่อพวกเขาต้องการให้ในภาพยนตร์ของเขามีฉากฟ้าผ่า หรือการสปาร์กของกระแสไฟฟ้า ยกตัวอย่างหนังเรื่องคนเหล็กภาค 2 (terminator II) ฉากเริ่มต้นที่หุ่นยนต์จากอนาคตเคลื่อนที่ผ่านมิติมาที่เวลาในปัจจุบัน ในเรื่องจะเห็นประกายไฟฟ้าสปาร์กขึ้นอย่างน่ากลัว และหุ่นยนต์ก็มาปรากฎกายขึ้น เบื้องหลังฉาก ผู้กำกับต้องไปติดต่อนักฟิสิกส์ ให้มาต่อเทสลาคอยส์ให้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD>
    [​IMG]
    ถูกโกงซ้ำ
    เทสล่าเชื่อว่าเขาได้ค้นพบความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ครั้งสำคัญ และเพื่อจะพิสูจน์ความจริงดังกล่าว เขาก็ต้องการเงินทุนมากขึ้น ซึ่งในปี ค.ศ. 1900 เขาก็ได้นายทุนชื่อ จอห์น เพียร์พอนท์ มอร์แกน (John Pierpont Morgan) มาเป็นผู้สนับสนุนและให้เงินทุน ซึ่งเทสล่าต้องตอบแทนโดยการมอบการควบคุมสิ่งที่เขาได้จดลิขสิทธิ์เอาไว้ ซึ่งเมื่อไปลงนามในสัญญากันนั้น เทสล่าก็ได้ตกเป็นเหยื่อของกฎหมายทางธุรกรรมที่จะผูกมัดเขาต่าง ๆ เพราะมอร์แกนได้ลงทุนไปมหาศาลแล้วกับบริษัทที่ใช้กระแสไฟฟ้าสลับ และเขาก็ไม่ต้องการจะให้ระบบไฟฟ้าไร้สายของเทสล่ามาทำให้มันต้องล้าสมัยหรือเลิกใช้ไป ดังนั้นมอร์แกนจึงเล่นเอาเถิดอยู่กับเทสล่าถึง 4 ปี แล้วหยุดจ่ายเงินให้เขา เมื่อถูกขโมยเอาลิขสิทธิ์ต่าง ๆ รวมทั้งขาดการอุดหนุนทางการเงิน ความฝันของเทสล่าเกี่ยวกับพลังงานที่ไร้สายก็ถึงจุดจบ เขากลับมาที่จุดเริ่มต้นใหม่ โดยขาดทั้งเงินและงานเมื่ออายุได้ 50 ปีแล้ว
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD>
    [​IMG]
    ตายอย่างยากจน
    ในปีต่อ ๆ มา นับเป็นช่วงเวลาที่น่าสงสารสำหรับเทสล่า เขาต้องอยู่คนเดียวในโรงแรมที่ไม่มีใครสนใจ และยังชีพอยู่ได้ด้วยเงินบำนาญเล็กน้อยจากประเทศบ้านเกิดของเขา และหัวใจวายตายในโรงแรมที่กรุงนิวยอร์คในระหว่างวันที่ 5-8 มกราคม ค.ศ. 1943 รวมสิริอายุ 86 ปี หากเทสล่ามีเล่ห์เหลี่ยมและทันคนสักเล็กน้อยแบบเอดิสัน บางทีเขาอาจจะกลายเป็นนักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกคนหนึ่ง แต่ปัจจุบันชื่อของเขาได้รับการจดจำเพียงหน่วยวัดสนามแม่เหล็กที่เรียกว่าเทสล่าเท่านั้น ดูช่างไม่เหมาะสมเลยกับอัจฉริยะที่นำแสงสว่างและพลังงานมาให้กับคนเป็น ล้าน ๆ ได้เพียงแค่กดสวิตซ์ไฟฟ้าเท่านั้น !
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50></TD><TD width=4></TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50> </TD><TD width=4> </TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE><TBODY><TR><TD vAlign=top width=50> </TD><TD width=4> </TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +2,177
    เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ
     
  19. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่นี้ รัฐบาลไทยควรให้ความสนใจ เนื่องจากทุกวันนี้เราต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากเพื่อนบ้านเพื่อนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้า พวกเราจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าไฟแพงๆ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆที่เป็นประโยชน์
     
  20. pawang

    pawang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +193
    เห็นด้วยนะ ถ้าโลกนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้จะมีอะไรบ้างที่จำเป็นต่อชีวิตความเป็นอยู่
    เราพึ่งพาเทคโนโลยีมากไป ข่าวสารพวกนั้นอาจจะจริงหรือหลอกก็ได้
    หลับตา หายใจเข้าออกลึกๆ ปล่อยวาง หลีกหนีผู้คนสักพัก อะไรๆก็จะดีขึ้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...