เขตแดนของจิต

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 11 สิงหาคม 2005.

  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,695
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,020
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR align=right><TD>โดย : คนสนใจภาวนา ถามเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2547 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>เขตแดนของจิต


    จิตของคนเรามีเขตแดนไปถึงไหนครับ แล้วผมขอรบกวนถามว่ามีเทศน์วันไหนบ้างครับที่หลวงตาท่านสอนถึงการภาวนาเป็นขั้น ๆ เริ่มแรกมาเลยแบบนี้ครับ ผมไม่มีอีเมครับ กว่าผมจะเข้ามาถามได้เครื่องมันไม่รับครับเพราะไม่มีอีเม ตอบในเว็บไซด์ก็ได้ครับ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="98%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>คำตอบ</TD></TR><TR><TD bgColor=#339900></TD></TR><TR align=right><TD>เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2547 </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>เรียนคุณใช้นาม คนสนใจภาวนา

    ทีมงานขอให้คุณอ่านเทศน์ของวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๔๕ เรื่อง เรียนวิถีจิตด้วยจิตตภาวนา หรือกดอ่านเต็มกัณฑ์ได้ที่http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=78&CatID=3
    "เราอยากจะทราบชัดเจนก็ขอให้พากันอบรมจิตใจ เมื่อใจมีความสงบเย็นเข้าไปเป็นลำดับลำดาแล้ว ใจจะหดตัวเข้าไป ย่นตัวเข้าไปสู่ความรู้อันเด่นดวงอยู่โดยเฉพาะในท่ามกลางแห่งร่างกายอันนี้แล ยิ่งได้อบรมให้สงบเย็นหนาแน่นมั่นคงขึ้นเท่าไร ยิ่งรู้จุดของใจคือผู้รู้นี้ได้ชัดเจน ร่างกายเป็นส่วนหนึ่ง จิตใจเป็นส่วนหนึ่ง แยกใจกับกายออกได้โดยหลักธรรมชาติของตัวเอง ผู้นี้แหละเป็นผู้จะรู้ว่าใจเป็นอย่างไร ร่างกายเป็นอย่างไร ทีนี้เวลาอบรมให้หนักมากเข้าๆ ใจยิ่งเด่นชัด แม้อยู่ในท่ามกลางแห่งร่างกาย ใจก็เป็นใจล้วนๆ ประจักษ์อยู่กับตัวเอง ร่างกายก็เป็นร่างกาย ใจก็เป็นใจ นี่คุณค่าแห่งการอบรมใจ

    ทีนี้เราก็เริ่มทราบได้ชัดว่ากายกับใจไม่เหมือนกัน ร่างกายแตกสลายลงไปได้ แต่ใจดวงนี้ไม่มีคำว่าแตกว่าสลาย และไม่มีป่าช้าด้วย เพราะใจไม่เคยตาย แม้จะได้รับความทุกข์ความลำบากยากจนเข็ญใจถึงขนาดตกนรกหมกไหม้ ก็ยอมรับความทุกข์ความทรมานของตน แต่ไม่ยอมฉิบหายก็คือใจดวงนี้ นี่ละท่านจึงให้อบรมใจดวงนี้ ที่ไม่ยอมฉิบหายไม่ยอมตายไม่ยอมสูญคือใจดวงนี้เอง เวลาอบรมมากๆ เข้าไปใจดวงนี้ยิ่งจะส่องแสงสว่างออกมาทั่วสรรพางค์ร่างกายของเรา กระจ่างแจ้งไปหมดสำหรับนักภาวนา ผู้ไม่ภาวนาไม่รู้ ผู้ภาวนาที่มีจิตเป็นไปตามที่กล่าวนี้เท่านั้น เป็นผู้จะรู้ได้ชัดเจนทั้งส่วนร่างกายและส่วนจิตใจของตัวเอง

    จนกระทั่งใจของเรานี้ได้ปล่อยวางสังขารร่างกายส่วนย่อยส่วนใหญ่เข้ามา เป็นเอกเทศของตัวเอง นั้นยิ่งรู้ได้ชัดเห็นได้ชัด แล้วความทุกข์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากอุปาทานความยึดมั่นถือมั่นในร่างกายก็ปล่อยตัวเข้ามา เท่ากับปล่อยภาระอันเป็นของหนักเข้ามา ย่นเข้ามาหาใจ ใจก็ยิ่งเบาเป็นลำดับลำดาไป นี่คุณค่าแห่งการอบรมจิตใจ

    เมื่อปล่อยเข้ามาเรื่อยๆ จิตยิ่งมีความสง่างามและมีความสว่างกระจ่างแจ้งไปเป็นลำดับ ขอบเขตของจิตนี้ไม่มี ว่าจิตนี้รู้ได้ขนาดนั้นรู้ได้ขนาดนี้ ความกว้างความแคบของจิตขนาดนั้นขนาดนี้ไม่มี เพราะจิตนี้เป็นอจินไตย ที่เราจะคำนวณความรู้ว่ากว้างแคบขนาดไหน ความละเอียดลออของใจนี้คำนวณไม่ได้เลย สำหรับผู้บำเพ็ญเท่านั้นจะเป็นผู้รู้จิตดวงนี้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน เราจึงขอให้ทุกท่านได้บำเพ็ญจิตใจ ถ้าอยากจะเห็นบาป บุญ นรก สวรรค์ เห็นความเคลื่อนไหวของใจนี้ จะเคลื่อนไหวไปในภพใดแดนใด จะไม่นอกเหนือไปจากการอบรมจิตใจจนได้นั้นแหละ เมื่อเราอบรมจิตใจได้มากเท่าไร เรายิ่งจะเห็นความเคลื่อนไหวของใจไปในทางที่ถูกหรือที่ผิดได้ละเอียดลออเป็นลำดับ นี่คือการอบรมใจ ดังเรานั่งภาวนาเป็นต้น นี่คือการบำรุงรักษาจิตใจ

    ใจเป็นของไม่ตาย ขอให้บำรุงรักษาใจให้ดี สวรรค์ชั้นพรหมตลอดนิพพานจะไม่ต้องถามใคร จะรู้เองโดยลำพังจากการบำเพ็ญของตนเองด้วยกันทุกคน พระพุทธเจ้าก็ไม่เคยเสาะแสวงหานิพพานเมื่อรู้นิพพานประจักษ์พระทัยแล้ว บรรดาสาวกทั้งหลายท่านไม่เสาะแสวงหานิพพาน เพราะท่านประจักษ์กับใจของท่าน เนื่องจากจิตใจได้ปล่อยหมดแล้วในบรรดาสมมุติโดยประการทั้งปวง ไม่มีสิ่งใดเหลือหลออยู่เลย นั้นแหละใจที่ปลดเปลื้องหรือปล่อยวางสมมุติโดยประการทั้งปวงแล้ว เป็นใจที่บริสุทธิ์สุดส่วน เป็นธรรมธาตุ เป็นมหาวิมุตติ เป็นมหานิพพานขึ้นกับใจดวงนี้ ซึ่งไม่เคยตายมาแต่กาลไหนๆ"

    ส่วนกัณฑ์เทศน์ที่หลวงตาท่านเมตตาเทศน์สอนลำดับขั้นของการภาวนามา ยกพอเป็นสังเขปตามนี้
    1. เทศน์วันที่ 26 ธันวาคม 2541 กดอ่านได้ที่
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1357&CatID=3
    2. เทศน์วันที่ 6 ตุลาคม 2544 กดอ่านได้ที่
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=747&CatID=3
    3. เทศน์วันที่ 23 ธันวาคม 2545 เรื่อง เรียงลำดับจิตตภาวนา
    กดอ่านได้ที่
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1756&CatID=2
    4. เทศน์วันที่ 14 กรกฎาคม 2546 เรื่อง วิธีตัดราคะ กดอ่านได้ที่
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2204&CatID=3
    5. เทศน์วันที่ 22 มกราคม 2546 เรื่อง มหาสมัยในปัจจุบัน
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1824&CatID=2
    6. เทศน์วันที่ 8 กรกฎาคม 2545 จ.แพร่ กดอ่านได้ที่
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=226&CatID=3

    เทศน์ที่พึ่งผ่านไปเทศน์สอนเฉพาะจิตตภาวนา ขอแนะนำดังนี้
    1. เทศน์วันที่ 30 ธันวาคม 2546 ค่ำ
    2. เทศน์วันที่ 25 ธันวาคม 2546 ค่ำ กดอ่านและฟังได้ที่
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2571&CatID=0
    3. เทศน์วันที่ 27 ธันวาคม 2546 บ่าย กดฟังเสียงเทศน์ที่
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2580&CatID=0
    4. เทศน์วันที่ 10 ธันวาคม 2546 บ่าย จังหวัดฉะเชิงเทรา
    กดอ่านและฟังได้ที่
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2526&CatID=2
    5. เทศน์วันที่ 28 ธันวาคม 2546 บ่าย จ.ลพบุรี กดอ่านได้ที่
    http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2582&CatID=0


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. นายอดิศักดิ์

    นายอดิศักดิ์ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +1
    ขออนุโมทนา
    กับ ข้อมูล ที่ดี ๆ ด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...