อุปสรรคของผู้ฝึกมโนมยิทธิ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 9 ธันวาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,186
    เมื่อครูฝึกเขาบอกว่าให้ยกจิตขึ้นสู่ พระจุฬามณีเจดีย์สถาน ให้นึกเดี๋ยวนี้เลยว่าตรงหน้าของเราตอนนี้คือพระจุฬามณี ให้เรากำหนดใจว่าหยุดอยู่ตรงหน้าพระจุฬามณี ถ้าเขาถามว่าพระจุฬามณี มีสภาพอย่างไร ความรู้สึกแรกบอกว่าอย่างไร ก็ให้ตอบไปตามนั้นเลย ไม่จำเป็นจะต้องเหมือนคนอื่นเขา โดยเฉพาะถ้าฝึกร่วมกัน

    ถึงเวลาคนหนึ่งเขาตอบอย่างนี้แล้ว เอ๊ะ....เรารู้สึกไม่เหมือนเขา แล้วไปตอบอีกอย่างหนึ่งคิดว่าผิด ก็เจ๊งเลย คนที่จะรู้สึกเหมือนกัน ตอบเหมือนกันจะต้องลงที่เดียวกัน เช่น สมมติบอกว่าพวกเรามาจาก กรุงเทพฯ คนแรกมาจาก บางแค คนที่สองมาจาก ลาดพร้าว อีกคนมาจาก พระโขนง สรุปพวกเราสามคนมาจากกรุงเทพฯ เหมือนกัน..ใช่ไหม ? แล้วเราจะเห็นเหมือนกันไหมล่ะ ?

    โลกของเราทั้งโลกหย่อนลงไปสวรรค์ชั้นหนึ่งก็เท่ากับถั่วเม็ดเล็กๆ ในเข่งเท่านั้นเอง สวรรค์ใหญ่กว่านั้นตั้งเยอะ

    เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าตอบไปคนละทิศ คนละทางคนละเรื่อง คนละโลกกับเขาก็ไม่ต้องสงสัย เพราะว่านั่นคือที่ๆ เราไป ขณะที่เขาตอบคือที่ๆ เขาไป เราต้องมั่นใจในตัวของเราเอง โดยเอาความรู้สึกแรกเป็นหลัก

    แรกๆ จะมองไม่เห็น เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วสมาธิยังไม่ดี การตัดกิเลสก็ไม่คล่องตัว จะเหมือนกับคลำของในที่มืด เขาส่งของให้เราชิ้นหนึ่ง เราก็ต้องหลับตา ถึงไม่หลับตาก็มองไม่เห็น คลำไปคลำมาสักพักหนึ่งก็ตอบได้ เช่น สมุดเล่มนี้ เราก็จะทราบว่าเป็นสมุด ถ้าไม่เห็นแล้วเราคลำบ่อยๆ จับบ่อยๆ ก็จะบอกได้เลยว่าเป็นสมุด ความคล่องตัวจะมีมากขึ้นไปเรื่อยๆ

    คราวนี้ก็จะมาสู่ขั้นตอนที่ลำบาก เพราะว่าถึงเวลานั้นกำลังใจของเราจะเริ่มมั่นคง เมื่อกำลังใจของเรามั่นคง สมาธิเริ่มทรงตัว ภาพจะปรากฏ ลำบากตรงไหน ? ก็ลำบากตรงความเคยชินของเรา เราเห็นภาพด้วยตาจนเคย พอถึงเวลาภาพปรากฏ เราอยากจะให้ชัดมากกว่านั้นโดยที่ไม่ได้นึกถึงข้อจำกัด

    ข้อจำกัดคือ พระพุทธเจ้า เท่านั้นที่เห็นอะไรชัดโดยตลอด ไม่มีอะไรปิดบังเหมือนอย่างกับ พระอาทิตย์ยามเที่ยง

    พระปัจเจกพุทธเจ้า มองเห็นได้อย่างกับ พระจันทร์คืนวันเพ็ญ ก็ยังมีที่หลบมุมได้บ้าง..ใช่ไหม ?

    พระอัครสาวก มองเห็นได้อย่างกับ คบไฟดวงใหญ่ ถึงสว่างอย่างไร รอบข้างก็ยังมืดอีกเยอะ

    พระอริยเจ้าทั่วๆ ไป มองเห็นได้อย่างกับ แสงเทียนดวงน้อย

    ของเราถ้าได้มโนมยิทธิจริงๆ ยังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า คือ ทรงฌานโลกีย์ มองเห็นได้อย่างกับ เวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ

    ทีนี้ลักษณะโพล้เพล้ใกล้ค่ำ บางครั้งก็เหมือนกับค่ำสนิทจริงๆ แล้วเราไม่นึกถึงข้อจำกัดตรงนี้ ก็จะใช้สายตาไปเพ่ง เพื่อให้ภาพชัดขึ้น การใช้สายตา จะต้องนึกถึงตา นึกถึงตาคือนึกถึงตัว เท่ากับเราดึงจิตย้อนกลับ ภาพก็จะหายไป เราก็มานั่งกลุ้มว่า ทำไมภาพถึงหายไป ยิ่งฟุ้งซ่านก็ยิ่งหาภาพไม่เจอ พอใจเราสงบภาพก็จะมาปรากฏอีก เราก็เพ่งอีก แล้วก็หายไปอีก ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่นักปฏิบัติติดกันมาก

    อาตมาเองก็ติดอยู่เป็นปี ๆ จนกว่าเราจะทำใจได้ว่า ก่อนหน้านี้ ความรู้สึกของเราก็ถูกต้องแม่นยำดีอยู่แล้ว ภาพนี้จะปรากฏหรือไม่ปรากฏก็ช่างเถอะ เราพอใจแค่นี้แหละ เห็นก็เอาไม่เห็นก็เอา ถ้าอย่างนั้นภาพจะปรากฏแล้วทรงตัวได้นาน

    คราวนี้นึกออกไหมว่าของเราผิดพลาดตรงไหนถึงไม่ได้สักที อย่าบอกนะว่าทุกขั้นตอน จำไว้ว่า "อย่าอยากจนเกินไป"



    .
     
  2. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,186
    ถาม : เราตั้งใจมากเกินไป ?

    ตอบ : ตัวตั้งใจมากเกินไปก็เป็นตัวอุทธัจจะ พาให้ฟุ้งซ่าน

    การทรงฌานนี่ลำบาก ถ้าหากว่าเราไม่สามารถทรงฌานได้คล่องตัวชนิดเข้าฌานไหนก็ได้ เมื่อนั้นก็จะเป็นตัวถ่วง ทิพจักขุญาณ

    เพราะทิพจักขุญาณจะเกิดเมื่อ อยู่ในอุปจารสมาธิ หรือ ฌาน ๔ เต็มกำลัง

    คราวนี้อยากจะเปรียบว่า เหมือนกับมีห้อง ๒ ห้อง ชั้นล่างกับชั้นบน ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกันหมด มีบันไดอยู่ระหว่างกลางจากชั้นล่างไปชั้นบน ถ้าเราอยู่อุปจารสมาธิ คือ อยู่ชั้นล่าง ถ้าฌาน ๔ ก็อยู่ชั้นบน เห็นได้เหมือนกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมด ถ้าหากเราอยู่ระหว่างฌาน ๑ ๒ ๓ ก็เจ๊ง..ถึงอยู่ในฌาน ๔ ถ้าเป็นฌาน ๔ หยาบก็ยังไม่ถึงจุดที่จะเห็นได้

    เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าเรามีพื้นฐานการภาวนามาก่อนแล้ว แต่ เรา ลดกำลังใจมาสู่อุปจารสมาธิไม่เป็น หรือส่งกำลังใจขึ้นไปฌาน ๔ ละเอียดไม่เป็น จะทำให้เกิดทิพจักขุญาณไม่ได้

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ว่า บุคคลผู้เห็นภัยในวัฏฏะสงสาร ตั้งใจปฏิบัติภาวนา ทรงสมาธิได้ สร้างฌานสมาบัติให้เกิดได้

    บุคคลผู้ปฏิบัติภาวนาเป็นแสนคน จะทรงฌานได้สักคนก็แสนยาก

    บุคคลผู้ทรงฌานเป็นแสนคน จะทรงฌาน ๔ ได้สักคนก็แสนยาก

    บุคคลผู้ทรงฌาน ๔ เป็นแสนคน จะได้ทิพจักขุญาณสักคนก็แสนยาก

    เพราะฉะนั้น..เรื่องที่เราทำไม่ได้ บางครั้งอาจจะเป็นที่ ครูฝึกใช้คำพูดไม่ถูกต้องก็มี ขณะเดียวกัน..บางครั้งเราเองก็วางกำลังใจสูงเกินไป ลดกำลังใจต่ำเกินไป จนไม่ตรงกับช่วงที่จะเกิดทิพจักขุญาณก็มี ถ้าตรงเสียครั้งเดียวต่อไปก็จะจำได้ ลำบากครั้งแรกครั้งเดียว

    อาตมาเองตอนฝึกใหม่ๆ ครูฝึกเขาถามว่า

    ถาม : "เห็นอะไรไหม ?"

    ตอบ : " ไม่เห็นครับ"

    ถาม : "สว่างไหม ?"

    ตอบ : "มืดครับ"

    ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะครูฝึกเขาใช้คำพูดผิด ไปได้อีกครั้งตอนที่ครูฝึกเขาหมดอารมณ์ไปนอนตีพุงอยู่ที่ไหนไม่รู้ เราก็ดื้อภาวนาของเราต่อไป ปรากฏว่าครูฝึกข้างหลังเขาถามลูกศิษย์ของเขาว่า "สามารถนึกถึงพระพุทธรูปได้ไหม ? องค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบมากที่สุด " โอ๊ย...หวานหมูเลย ก็จับภาพพระเป็นกสิณมาตั้ง ๓ ปีเต็มๆ อธิบายได้ทุกรายละเอียดเลยก็ว่าได้ ก็อธิบายไป ครูฝึกข้างหลังฟังแล้วเห็นว่าเราบอกได้ ก็ดึงเราเข้าร่วมวงไปด้วย ก็ว่าไปเรื่อย ถึงได้บอกว่า แค่ครูฝึกใช้คำพูดผิดนิดเดียว เราก็อาจจะไม่สามารถที่จะทำทิพจักขุญาณได้

    ส่วนอีกครั้งหนึ่งพา โยมแม่ ไปฝึก เรื่องของคนครอบครัวเดียวกัน โดยเฉพาะ ผู้อาวุโสกว่า จะเป็นเวรเป็นกรรมอยู่อย่างหนึ่งว่า เราสอนเขายาก เครดิตไม่พอ เป็นแม่ก็เป็นแม่เรา..ใช่ไหม ? เลี้้ยงเรามากับมือ เราจะเอาอะไรไปสอนท่าน ก็ต้องไปให้คนอื่นเขาสอน ก็ไปให้ครูสอน

    พอหายเข้าไปในห้องสักครึ่งชั่วโมง ครูก็เดินหัวเราะออกมา บอกว่า ท่านเล็กสอนแม่อย่างไร ? ถามว่า "เกิดมาทุกข์ไหม ?" แม่บอกว่า "ไม่ทุกข์" จึงบอกไปว่า ครูถามผิด กลับไปถามแม่ใหม่ว่า "เกิดมาลำบากไหม ?" รับรองว่า ๓ ชั่วโมงท่านอธิบายไม่หมดหรอกว่าลำบากอย่างไร ครูฝึกใช้คำพูดผิดนิดเดียว ทำให้เกิดผลเสียกับลูกศิษย์ได้ขนาดนั้น

    เพราะฉะนั้น..เกิดจากหลายอย่างรวมกัน อาจจะเป็นได้ว่าเพราะครูฝึกไม่ชำนาญพอ และเราเองก็ทำกำลังใจไม่ตรงร่อง ให้ ใช้ความพยายามต่อไป

    อาตมาเองตอนที่พยายามทรงฌาน ปล้ำกับปฐมฌานอย่างเดียวใช้เวลา ๓ ปีเต็ม ๆ คิดว่าคงไม่มีไอ้บ้าที่ไหนอึดได้ขนาดนี้หรอก เขาทำไม่ได้ผล แค่ ๓ เดือนเขาก็ทิ้งกันหมดแล้ว

    ภาวนาไปก็ไปไล่ขั้นตอน

    ตอนนี้ วิตก นะ เรากำลังนึกอยู่ว่าจะภาวนา

    ตอนนี้ วิจารณ์ นะ ลมหายใจยาว-สั้น เข้าออกแรง-เบา คำภาวนาอย่างไรก็รู้อยู่

    ตอนนี้ ปีติ นะ ขนชักจะลุกซ่าๆ แล้ว ต่อจากนั้นก็หายจ้อยไปหมด

    เราตามจี้อาการของฌานมากจนเกินไป เรื่องของกรรมฐานจะเหมือนกับคนขี้อาย ไปจี้จดจ่อมากเกินไป จะกลายเป็นตัวอารมณ์ อุทธัจจะคือฟุ้งซ่าน เพราะฉะนั้น..จึงทรงเป็นฌานไม่ได้ เดือนก็แล้ว ปีก็แล้ว ไล่ไปเรื่อย ๆ ไม่เห็นก้าวหน้าสักที ติดอยู่แค่นั้น

    จนกระทั่งวันหนึ่ง..คงจะถึงวาระถึงเวลาแล้ว ตอนนั้น เบื่อเต็มทีแล้ว ข้าจะภาวนา ส่วนอารมณ์จะเป็นฌานหรือไม่เป็นฌานก็ช่างหัวมันเถอะ วูบเดียวได้เลย คือ กำลังใจปล่อยวางแล้ว

    ตรงจุดนี้แหละ ถ้าเราอยากเกินไปเราจะไม่ได้ แล้วมาถามอีกครั้งว่า "ถ้าไม่อยากแล้วจะไปปฏิบัติทำไม ?" คือ ให้ตั้งกำลังใจของเราไว้ว่า เราปฏิบัติครั้งนี้เราต้องการอะไร เมื่อถึงเวลาภาวนา ก็ให้ลืมความตั้งใจนั้นเสีย เอาใจจดจ่ออยู่กับการภาวนาอย่างเดียว

    พอครูฝึกบอกอย่างไรก็ให้ทำอย่างนั้น พอเขาบอกว่าคลายอารมณ์ออกมา ทำตัวสบายๆ เหมือนกับเรานั่งคุยกัน หลับตาเบาๆ สบายๆ เขาบอกอย่างไรทำอย่างนั้น เขาถามอย่างไรตอบไปตามความรู้สึก อย่างนั้นจะได้ง่าย

    ถ้าหากเราเสียดายว่า กำลังภาวนาอารมณ์ทรงตัวเลย เขาถามเราไม่ตอบ คือเราไม่ลดกำลังใจลงมา เราก็จะเสียผลเอง ถ้าเป็นอย่างนี้เราจะไปโทษครูฝึกไม่ได้


    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔



    ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2311





    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2010
  3. สุคโต

    สุคโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2008
    โพสต์:
    279
    ค่าพลัง:
    +987
    โมทนาสาธุ

    ขอนำข้อธรรมคำสอนนี้ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ให้ได้มรรคและผลเทอญ
     
  4. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    767
    ค่าพลัง:
    +2,818
    อนุโมทนา กับ ท่าน tamsak ด้วยค่ะ สาธุ สาธุ.
     
  5. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    *
    [​IMG]
    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา </O:p>
    *
    [​IMG]
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...