อุทยานธรรม.."หลวงพ่อคูณ"

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 6 พฤศจิกายน 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>อุทยานธรรม...."หลวงพ่อคูณ"</TD></TR><TR><TD vAlign=top>6 พฤศจิกายน 2550 00:26 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] [​IMG] ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่มีการสร้าง เหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นแรก ปี ๒๕๑๒ จากนั้นก็มีการสร้างเหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นปี ๒๕๑๗

    มาวันนี้ถือว่า เป็นที่ต้องการของเหล่าบรรดาเซียนพระกันมาก โอกาสดี ปีนี้วัดบ้านไร่ได้จัดสร้าง พระเครื่องหลวงพ่อคูณ รุ่น "คูณ ๘๔" ขึ้นเพื่อก่อสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ให้เป็นอนุสรณ์สถานที่เกิดจากแนวคิดของหลวงพ่อคูณ ที่จะให้วัดบ้านไร่ ดำรงอยู่เป็นอุทยานธรรม หากหลวงพ่อได้ละสังขารไปแล้ว ให้เกิดประโยชน์ต่ออนุชนคนรุ่นหลัง พุทธศาสนิกชน คนที่นับถือในวัตรปฏิบัติธรรม ญาติโยมผู้ที่สนใจทั่วไปศึกษาแนวทางในการปฏิบัติธรรม และการประกอบจริยวัตรคำสอนของหลวงพ่อคูณ ที่เป็นเอกลักษณ์มีพื้นฐานการปฏิบัติที่สมถะ
    ตามพระธรรมวินัย ตามรอยพุทธองค์ และเป็นเอกลักษณ์ที่หลวงพ่อแสดงออกมา มีเหตุผล มีคำตอบอยู่ในตัว เป็นเรื่องธรรมดาแต่ได้ทำให้หลวงพ่อสามารถสร้างสมบุญบารมีให้ตนที่เป็นเพียงภิกษุรูปหนึ่ง ที่ถึงแม้มีชาติภูมิเป็นเพียงลูกชาวนา แผ่นดินเกิดมีแต่ความแห้งแล้ง และฐานะยากจน กลับกลายมาเป็นพระสงฆ์ที่เป็นที่พึ่งทั้งทางโลกและทางธรรม ให้พุทธศาสนิกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังทำคุณประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติมากมายนานัปการ
    ชาติภูมิหลวงพ่อคูณ เล่ากันว่า เมื่อนางทองขาว ผู้เป็นมารดาก่อนตั้งครรภ์กลางดึก คืนหนึ่งฝันว่าเห็นเทพองค์หนึ่ง มีแสงเรืองรองงดงามลอยมาจากสวรรค์ที่บ้าน ได้มอบดวงแก้วใสสะอาดสุกสว่าง และกล่าวกับนางว่า
    เจ้าและสามี เป็นผู้มีศีลธรรม เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ประกอบการงานอาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งยังสร้างคุณงามความดีมาตลอดหลายชาติ เราขออำนวยพรให้เจ้าและครอบครัว มีแต่ความสุขสวัสดิ์ต่อไป ดวงมณีเจ้าจงรับไป และรักษาให้ดีต่อไป ภายหน้าจะได้เป็นพระพุทธสาวกหน่อเนื้อพระชินวร เพื่อสืบบวรพระพุทธศาสนา เป็นเนื้อนาบุญที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งปวง
    หลวงพ่อคูณ เป็นบุตรของ นายบุญ กับ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีกุน ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๔ ตุลาคม ๒๔๖๖ ในครอบครัวที่มีอาชีพหลักคือ การทำนา กระทั่งหลวงพ่ออายุ ๑๑ ปี โยมแม่ถึงแก่กรรม โยมพ่อนำไปฝากเป็นลูกศิษย์วัดบ้านไร่ เพื่อให้ได้เรียนหนังสือกับพระสงฆ์
    ครูผู้สอนหลักทั้ง ๓ รูป ล้วนเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ทั้งหมดคือ หลวงพ่อเชื่อม พระอาจารย์ฉาย และ พระอาจารย์หลี
    นอกจากเรียนภาษาไทยและภาษาขอมแล้ว พระอาจารย์ทั้ง ๓ ยังเมตตาอบรมสั่งสอนวิชาคาถาอาคม เพื่อไว้ป้องกันอันตรายต่างๆ ให้หลวงพ่อคูณอีกด้วย
    เมื่อหลวงพ่อคูณอายุ ๒๑ ปี ได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา ณ พัทธสีมา วัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาย อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เมื่อวันศุกร์ เดือน ๖ ปีวอก ซึ่งตรงกับวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๘๗ โดยมี พระครูวิจารยติกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดถนนหักน้อย และเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์ คือ พระอาจารย์สุข วัดโคกรักษ์ ได้รับฉายาว่า "ปริสุทโธ"
    ในครั้งแรก หลวงพ่อคูณจำพรรษาอยู่ที่วัดถนนหักใหญ่ โดยมี หลวงพ่อคง พุทฺธสโร เป็นเจ้าอาวาส เล่าเรียนศึกษากับหลวงพ่อคง และฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติด้านคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ มีชื่อเสียงมากในด้านวิปัสสนากรรมฐาน เรื่องญาณ สมาธิ
    หลวงพ่อแดง สอนว่า การทำสมาธิ (เพ่งจิตให้นิ่งสงบเป็นหนึ่งเดียว) เมื่อจิตสงบจะเกิดญาณ (การหยั่งรู้) เมื่อมีญาณจะเกิดปัญญา (การแจ้งเห็นจริง) ผู้ใดฝึกสมาธิจนเกิดญาณก็จะได้ปัญญา และผู้นั้นก็จะใกล้นิพพาน (ดับสนิท ไม่คิดเกิด)
    หลวงพ่อแดงแนะนำว่า การเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐาน จะรู้แจ้งเห็นจริงได้ต้องหาวิเวก (สงบ) เจริญศีล (ข้อปฏิบัติ) ภาวนา (ปฏิบัติ) ให้จิตสงบยิ่งขึ้น
    พระสายวิปัสสนาควรถือธุดงค์ (ข้อปฏิบัติในการอยู่ป่า) เป็นหลัก และเพื่อเป็นการประกาศศาสนาให้คนทั่วไปทราบด้วย
    หลวงพ่อคูณ ได้ออกธุดงค์เริ่มแรกกับหลวงพ่อคง เมื่อปี ๒๔๙๒ เพื่อแสวงหาโมกธรรมแนวความคิด ประสบการณ์ คำแนะนำ สั่งสอนใหม่ๆ ของครูบาอาจารย์ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงไม่ว่าจะเป็นประเทศลาว และกัมพูชา จากนั้นมุ่งเข้าสู่ป่าลึก เพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา เพื่อการหลุดพ้นจากกิเลสตัณหาและอุปทานทั้งปวง
    หลวงพ่อคงสอนวิชาพุทธาคมควบคู่กับการเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐาน คือ การฝังตะกรุด เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี
    แม้เรื่องนี้พระสายวิปัสสนากรรมฐานควรหลีกเลี่ยง แต่มีเหตุอธิบายว่า การกระทำใดที่ขัดกับหลักพระพุทธศาสนา และไม่มีในคัมภีร์พระไตรปิฎก หากเป็นการกระทำที่ช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากกรรม และเป็นประโยชน์แก่สาธารณชนแล้ว ก็ปฏิบัติได้
    พ.ศ.๒๔๙๒ หลวงพ่อคูณถือธุดงค์ เริ่มต้นโดยมุ่งหน้าไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปทาง จ.นครพนม เข้าสู่ประเทศลาว อยู่จำพรรษาที่วัดเขาควาย ๑ พรรษา พ.ศ.๒๔๙๓ เดินธุดงค์มาจากทางใต้ของประเทศลาว อยู่จำพรรษาที่สีทันดร ๑ พรรษา พ.ศ.๒๔๙๔ เดินธุดงค์เข้าประเทศกัมพูชา และอยู่จำพรรษาที่เมืองโพธิสัตว์ ๑ พรรษา
    หลังจากออกพรรษาที่เมืองโพธิสัตว์แล้ว หลวงพ่อได้เดินทางกลับวัดบ้านไร่ เพื่อช่วยทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์วัด เป็นการทดแทนพระคุณของมาตุภูมิ หลวงพ่อจึงรับนิมนต์กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านไร่ ตั้งแต่ปี ๒๔๙๕ จนถึงปี ๒๕๑๒ หลวงพ่ออาพาธ เป็นโรคปลายประสาทอักเสบ จึงต้องย้ายจากวัดบ้านไร่ไปจำพรรษาที่วัดสระแก้ว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อสะดวกในการรักษา
    ต่อมาในปี ๒๕๑๔ หลวงพ่อเดินทางสู่เมืองหลวง และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วอีสานสู่ภาคใต้ จากใต้ขึ้นขึ้นเหนือ จากเหนือสู่ตะวันออก จนถึงปี ๒๕๒๘ ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดสิงหาราม บ้านบัวชุ่ม ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
    ญาติโยมลูกหลานพุทธศาสนิกชนเห็นว่า หลวงพ่อได้ออกจากวัดบ้านไร่ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาไปสร้างสมบุญบารมีเป็นระยะเวลานานร่วม ๑๖ ปี จึงนิมนต์หลวงพ่อกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านไร่ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ จนถึงปัจจุบัน
    สำหรับผู้ที่จะร่วมบุญก่อสร้าง พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ สอบถามรายละเอียดได้ที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ โทร.๐-๔๔๒๕-๒๙๔๗, ๐๘-๑๘๗๙-๓๓๙๓, ๐๘-๑๙๙๖-๗๔๖๑
    0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง / ภาพ กิ่งศักดิ์ พูลทวี 0
    -->[​IMG]
    ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่มีการสร้าง เหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นแรก ปี ๒๕๑๒ จากนั้นก็มีการสร้างเหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นปี ๒๕๑๗
    มาวันนี้ถือว่า เป็นที่ต้องการของเหล่าบรรดาเซียนพระกันมาก โอกาสดี ปีนี้วัดบ้านไร่ได้จัดสร้าง พระเครื่องหลวงพ่อคูณ รุ่น "คูณ ๘๔" ขึ้นเพื่อก่อสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ให้เป็นอนุสรณ์สถานที่เกิดจากแนวคิดของหลวงพ่อคูณ ที่จะให้วัดบ้านไร่ ดำรงอยู่เป็นอุทยานธรรม หากหลวงพ่อได้ละสังขารไปแล้ว ให้เกิดประโยชน์ต่ออนุชนคนรุ่นหลัง พุทธศาสนิกชน คนที่นับถือในวัตรปฏิบัติธรรม ญาติโยมผู้ที่สนใจทั่วไปศึกษาแนวทางในการปฏิบัติธรรม และการประกอบจริยวัตรคำสอนของหลวงพ่อคูณ ที่เป็นเอกลักษณ์มีพื้นฐานการปฏิบัติที่สมถะ
    ตามพระธรรมวินัย ตามรอยพุทธองค์ และเป็นเอกลักษณ์ที่หลวงพ่อแสดงออกมา มีเหตุผล มีคำตอบอยู่ในตัว เป็นเรื่องธรรมดาแต่ได้ทำให้หลวงพ่อสามารถสร้างสมบุญบารมีให้ตนที่เป็นเพียงภิกษุรูปหนึ่ง ที่ถึงแม้มีชาติภูมิเป็นเพียงลูกชาวนา แผ่นดินเกิดมีแต่ความแห้งแล้ง และฐานะยากจน กลับกลายมาเป็นพระสงฆ์ที่เป็นที่พึ่งทั้งทางโลกและทางธรรม ให้พุทธศาสนิกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังทำคุณประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติมากมายนานัปการ [​IMG]
    ชาติภูมิหลวงพ่อคูณ เล่ากันว่า เมื่อนางทองขาว ผู้เป็นมารดาก่อนตั้งครรภ์กลางดึก คืนหนึ่งฝันว่าเห็นเทพองค์หนึ่ง มีแสงเรืองรองงดงามลอยมาจากสวรรค์ที่บ้าน ได้มอบดวงแก้วใสสะอาดสุกสว่าง และกล่าวกับนางว่า
    เจ้าและสามี เป็นผู้มีศีลธรรม เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ประกอบการงานอาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งยังสร้างคุณงามความดีมาตลอดหลายชาติ เราขออำนวยพรให้เจ้าและครอบครัว มีแต่ความสุขสวัสดิ์ต่อไป ดวงมณีเจ้าจงรับไป และรักษาให้ดีต่อไป ภายหน้าจะได้เป็นพระพุทธสาวกหน่อเนื้อพระชินวร เพื่อสืบบวรพระพุทธศาสนา เป็นเนื้อนาบุญที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งปวง
    หลวงพ่อคูณ เป็นบุตรของ นายบุญ กับ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีกุน ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๔ ตุลาคม ๒๔๖๖ ในครอบครัวที่มีอาชีพหลักคือ การทำนา กระทั่งหลวงพ่ออายุ ๑๑ ปี โยมแม่ถึงแก่กรรม โยมพ่อนำไปฝากเป็นลูกศิษย์วัดบ้านไร่ เพื่อให้ได้เรียนหนังสือกับพระสงฆ์ [​IMG]
    ครูผู้สอนหลักทั้ง ๓ รูป ล้วนเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ทั้งหมดคือ หลวงพ่อเชื่อม พระอาจารย์ฉาย และ พระอาจารย์หลี
    นอกจากเรียนภาษาไทยและภาษาขอมแล้ว พระอาจารย์ทั้ง ๓ ยังเมตตาอบรมสั่งสอนวิชาคาถาอาคม เพื่อไว้ป้องกันอันตรายต่างๆ ให้หลวงพ่อคูณอีกด้วย
    เมื่อหลวงพ่อคูณอายุ ๒๑ ปี ได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนา ณ พัทธสีมา วัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาย อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เมื่อวันศุกร์ เดือน ๖ ปีวอก ซึ่งตรงกับวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๘๗ โดยมี พระครูวิจารยติกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัดถนนหักน้อย และเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระกรรมวาจาจารย์ คือ พระอาจารย์สุข วัดโคกรักษ์ ได้รับฉายาว่า "ปริสุทโธ"
    ในครั้งแรก หลวงพ่อคูณจำพรรษาอยู่ที่วัดถนนหักใหญ่ โดยมี หลวงพ่อคง พุทฺธสโร เป็นเจ้าอาวาส เล่าเรียนศึกษากับหลวงพ่อคง และฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติด้านคันถธุระ และวิปัสสนาธุระ มีชื่อเสียงมากในด้านวิปัสสนากรรมฐาน เรื่องญาณ สมาธิ
    หลวงพ่อแดง สอนว่า การทำสมาธิ (เพ่งจิตให้นิ่งสงบเป็นหนึ่งเดียว) เมื่อจิตสงบจะเกิดญาณ (การหยั่งรู้) เมื่อมีญาณจะเกิดปัญญา (การแจ้งเห็นจริง) ผู้ใดฝึกสมาธิจนเกิดญาณก็จะได้ปัญญา และผู้นั้นก็จะใกล้นิพพาน (ดับสนิท ไม่คิดเกิด)
    หลวงพ่อแดงแนะนำว่า การเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐาน จะรู้แจ้งเห็นจริงได้ต้องหาวิเวก (สงบ) เจริญศีล (ข้อปฏิบัติ) ภาวนา (ปฏิบัติ) ให้จิตสงบยิ่งขึ้น
    พระสายวิปัสสนาควรถือธุดงค์ (ข้อปฏิบัติในการอยู่ป่า) เป็นหลัก และเพื่อเป็นการประกาศศาสนาให้คนทั่วไปทราบด้วย
    หลวงพ่อคูณ ได้ออกธุดงค์เริ่มแรกกับหลวงพ่อคง เมื่อปี ๒๔๙๒ เพื่อแสวงหาโมกธรรมแนวความคิด ประสบการณ์ คำแนะนำ สั่งสอนใหม่ๆ ของครูบาอาจารย์ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงไม่ว่าจะเป็นประเทศลาว และกัมพูชา จากนั้นมุ่งเข้าสู่ป่าลึก เพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา เพื่อการหลุดพ้นจากกิเลสตัณหาและอุปทานทั้งปวง
    หลวงพ่อคงสอนวิชาพุทธาคมควบคู่กับการเรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐาน คือ การฝังตะกรุด เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี
    แม้เรื่องนี้พระสายวิปัสสนากรรมฐานควรหลีกเลี่ยง แต่มีเหตุอธิบายว่า การกระทำใดที่ขัดกับหลักพระพุทธศาสนา และไม่มีในคัมภีร์พระไตรปิฎก หากเป็นการกระทำที่ช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากกรรม และเป็นประโยชน์แก่สาธารณชนแล้ว ก็ปฏิบัติได้
    พ.ศ.๒๔๙๒ หลวงพ่อคูณถือธุดงค์ เริ่มต้นโดยมุ่งหน้าไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไปทาง จ.นครพนม เข้าสู่ประเทศลาว อยู่จำพรรษาที่วัดเขาควาย ๑ พรรษา พ.ศ.๒๔๙๓ เดินธุดงค์มาจากทางใต้ของประเทศลาว อยู่จำพรรษาที่สีทันดร ๑ พรรษา พ.ศ.๒๔๙๔ เดินธุดงค์เข้าประเทศกัมพูชา และอยู่จำพรรษาที่เมืองโพธิสัตว์ ๑ พรรษา
    หลังจากออกพรรษาที่เมืองโพธิสัตว์แล้ว หลวงพ่อได้เดินทางกลับวัดบ้านไร่ เพื่อช่วยทำนุบำรุงปฏิสังขรณ์วัด เป็นการทดแทนพระคุณของมาตุภูมิ หลวงพ่อจึงรับนิมนต์กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านไร่ ตั้งแต่ปี ๒๔๙๕ จนถึงปี ๒๕๑๒ หลวงพ่ออาพาธ เป็นโรคปลายประสาทอักเสบ จึงต้องย้ายจากวัดบ้านไร่ไปจำพรรษาที่วัดสระแก้ว ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อสะดวกในการรักษา
    ต่อมาในปี ๒๕๑๔ หลวงพ่อเดินทางสู่เมืองหลวง และภูมิภาคอื่นๆ ทั่วอีสานสู่ภาคใต้ จากใต้ขึ้นขึ้นเหนือ จากเหนือสู่ตะวันออก จนถึงปี ๒๕๒๘ ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดสิงหาราม บ้านบัวชุ่ม ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
    ญาติโยมลูกหลานพุทธศาสนิกชนเห็นว่า หลวงพ่อได้ออกจากวัดบ้านไร่ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาไปสร้างสมบุญบารมีเป็นระยะเวลานานร่วม ๑๖ ปี จึงนิมนต์หลวงพ่อกลับมาจำพรรษาที่วัดบ้านไร่ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ จนถึงปัจจุบัน สำหรับผู้ที่จะร่วมบุญก่อสร้าง พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ สอบถามรายละเอียดได้ที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์ โทร.๐-๔๔๒๕-๒๙๔๗, ๐๘-๑๘๗๙-๓๓๙๓, ๐๘-๑๙๙๖-๗๔๖๑
    0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง / ภาพ กิ่งศักดิ์ พูลทวี 0 <TABLE align=center><TBODY></TBODY></TABLE>​
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ----------
    ที่มา:คมชัดลึก
    http://www.komchadluek.net/2007/11/06/j001_168388.php?news_id=168388
     
  2. fan9

    fan9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +246
    ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
     
  3. s_thit

    s_thit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2007
    โพสต์:
    785
    ค่าพลัง:
    +3,027
    หลวงพ่อคูณ ท่านเป็นพระดีที่น่ากราบไหว้ ร่วมโมทนาครับ
     
  4. kosabunyo

    kosabunyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +1,045
    จริงครับ กราบได้อย่าน่าสนิทใจครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...