อิ่มบุญอิ่มใจ ไหว้พระธาตุสามโลก

​

เสียงนาฬิกาปลุกดังสนั่นหวั่นไหวทำเอาสะดุ้ง จนต้องรีบลุกขึ้นจากที่นอนโดยทันควัน เพื่อรีบจัดการตัวเองและสัมภาระให้เสร็จสรรพทัน ร่วมเดินทางไปกับโครงการ "เที่ยวทั่วไทย สุขใจเสริมมงคล 52" ที่นำทีมโดย อาจารย์คฑา ชินบัญชร โดยมีจุดหมายแรกอยู่ที่ จ.อ่างทอง

ด้วยเวลาเพียงไม่นานขบวนรถตู้ของเราก็เดินทางถึง วัดม่วง ภายในตำบลหัวสะพาน ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้ที่เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่รถหัวพวงมาลัยเลี้ยวจากถนนใหญ่สู่ปากทางเข้าวัดคือ องค์พระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่ ที่สุดในประเทศไทย และเมื่อเดินทางเข้าไปถึงภายในบริเวณวัดก็จะพบกับ พระอุโบสถที่ล้อมรอบด้วยกลีบดอกบัวอย่างสวยงาม เพื่อเป็นการเอาฤกษ์เอาชัยและเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิต อ.คฑา นำเหล่าคณะเราไปสักการะขอพรพร้อมกับแนะนำให้ใช้มือสัมผัสกับนิ้วกลางขององค์พระ จากนั้นจึงค่อยๆ ตั้งจิตอธิษฐานขอพรตามต้องการเพียงข้อเดียวเท่านั้น...แม้จะรู้สึกว่าน้อยไปหน่อย แต่ผมก็ไม่รอช้ารีบเข้าคิวรอทันที

จากนั้นผมและคณะก็เดินทางข้ามจังหวัดไปสู่ วัดปราสาท ในถิ่นกำแพงเพชรที่มิได้มีชื่อเสียงเฉพาะเรื่องกล้วยไข่เท่านั้น แต่ยังโด่งดังเรื่องของกรุพระเครื่อง โดยเฉพาะพระซุ้มกอ หนึ่งในพระชุดเบญจภาคีที่โด่งดังอีกด้วย ทันทีที่ขบวนรถตู้เข้าสู่บริเวณวัด พวกเราก็ต้องตกใจเพราะวันนี้คลาคล่ำไปด้วยกลุ่มชาวบ้านจำนวนมากที่มารอต้อนรับ ด้วยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคณะของกองถ่ายละครที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เล่นเอาทุกคนทำตัวไม่ถูกไปพักใหญ่ๆ กันเลยทีเดียว

หลังจากตั้งสติได้แล้วทั้งเจ้าถิ่นและผู้ไปเยือนก็พากันไปกราบนมัสการขอพร พระพุทธรูปปางลีลา สมัยสุโขทัย ซึ่งกูรูเรื่องพระบอกว่าองค์นี้แหละมีความสวยงามที่สุดในประเทศไทย แล้วต่อด้วยการร่วมกันลอยกระทงบูชาพระบรมสารีริกธาตุในแม่น้ำปิง เพื่อเพิ่มพลังให้แก่ชีวิต ก่อนจะมุ่งตรงสู่ จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นจุดหมายในวันถัดไป

รุ่งขึ้นของเช้าวันที่สองในเมืองพ่อขุน คณะของเราประเดิมโปรแกรมแรกที่ ศาลพระแม่ย่า สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์และเคารพสักการะของชาวสุโขทัย โดยมีความเชื่อกันว่า พระขพุงผี หรือพระแม่ย่า คือ พระนางเสือง พระมารดาของพ่อขุนรามคำแหง จากนั้นก็ไปต่อที่ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งถือเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว่า 70 ตารางกิโลเมตร ดังนั้นการเที่ยวชมรอบๆ อุทยาน จึงมีรถรางและวิทยากรให้บริการแนะนำ เช่น วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นวัดสำคัญอันเป็นศิลปะแบบสุโขทัยโดยแท้ หรือ พระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เพื่อให้ชนรุ่นหลังระลึกว่าพระองค์คือผู้คิดค้นและประดิษฐ์ตัวอักษรไทยจนมีใช้กันมาถึงทุกวันนี้

ที่ วัดศรีชุม อันเป็นที่ประดิษฐานของ "พระอจนะ" ซึ่งนอกจากมีขนาดใหญ่และความงดงามเป็นพิเศษแล้ว มณฑปที่ประดิษฐานยังมีลักษณะพิเศษเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทย ด้วยว่าผนังมณฑปมีการก่อสร้างเป็นผนังสองชั้นมีช่องว่างขนาดพอดีตัวคนสามารถเดินผ่านเข้าไปได้ ช่องว่างหรืออุโมงค์นี้มีทางเดินสูงขึ้นไปจนถึงเบื้องหลังใกล้พระเศียรของพระพุทธรูป และที่นี่เองผมได้ซึมซาบเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์จากเหตุการณ์ฝนตกอย่างหนักแบบไม่มีท่าทีว่าจะหยุด จนทุกคนพากันถอดใจเลิกล้มกิจกรรมลอยโคมสักการะพระบรมสารีริกธาตุ แต่หลังจากชาวคณะพากันตั้งจิตอธิษฐาน เหมือนฟ้าดินรับรู้ พลันสายฝนก็หยุดกระหน่ำในบัดดล ทุกคนได้ร่วมกันลอยโคมจนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

ก่อนสิ้นสุดทัวร์อิ่มบุญ คณะของเราเดินทางกลับมาที่กำแพงเพชรอีกครั้ง เพื่อกราบนมัสการ หลวงพ่ออุโมงค์ พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน วัดสว่างอารมณ์ ที่มุมหนึ่งภายในบริเวณวัดมีพ่อเฒ่าแม่แก่ กำลังนั่งปั๊มพระผงกันอย่างขะมักเขม้น ดูน่าสนใจดีแต่ก็ได้แวะชมประเดี๋ยวเดียว แล้วเดินทางต่อไปยัง วัดพระธาตุเจดียาราม ทันทีที่ก้าวเท้าลงจากรถตู้ทุกคนต่างพบกับความอัศจรรย์ใจ เมื่อแหงนหน้าคอตั้งบ่าเห็นปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด อยู่เหนือยอดเจดีย์ เหมือนเป็นนิมิตหมายที่ดีในการทำบุญก่อนกลับบ้าน โดยพวกเราได้ร่วมเวียนเทียนรอบองค์พระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งประดิษฐานภายใน เป็นอันว่าอิ่มบุญกันถ้วนหน้า

โครงการ "เที่ยวทั่วไทย สุขใจเสริมมงคล 52" นี้ เต็มไปด้วยความสุขใจสมชื่อโครงการจริงๆ แถมยังได้ไหว้พระธาตุครบทั้ง 3 โลก คือแม่น้ำ สวรรค์ และโลก เพื่อเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิต

 

อนุโมทนาจ่ะ น่าไปบ้างจัง....

จากอ่างทอง ไปกำแพงเพชร แล้วขึ้นสุโทย ต้องทำเวลาพอสมควรทีเดียว

 

งดงามเหลือเกิน