อาหารที่ภิกษุไม่ควรฉัน

ถาม : ..............................

ตอบ : เรื่องของอาหาร ถ้าเราทรง อาหาเรปฏิกูลสัญญา เป็นปกติอยู่ ก็แทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่จะมาเพิ่มความระมัดระวังอยู่จุดหนึ่งตรงที่ว่า คอยระวังว่าอาหารนั้นจะเป็นโทษแก่เราหรือไม่ ? กินลงไปแล้วจะดีกับร่างกายเราไหม ? บางคนแพ้อาหารบางอย่าง บางคนธาตุไฟพร่องกินอาหารเย็นเข้าไปก็เจ๊งเลย

เพราะฉะนั้น..ถึงตอนนั้นต้องพิจารณาเองแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ของที่ภิกษุไม่ควรฉัน ก็มี เช่น เนื้อที่ต้องห้าม ๑๐ อย่าง ประกอบด้วย เนื้อมนุษย์ เนื้อช้าง เนื้อม้า เนื้อหมา เนื้อหมี เนื้องู เสือโคร่ง เสือเหลือง เสือดาว ราชสีห์ อย่างนี้ห้าม ต้องคอยระวังไว้

แล้วก็ อาหารสด อาหารดิบไม่ได้ ถ้าหากว่าเป็นพวกเนื้อสดเนื้อดิบไม่ได้หรอก ใครชอบกินลาบเลือดก็อดเลย จะมีข้อห้ามอยู่ น้ำผลไม้ที่เป็นมหาผล ลักษณะที่ผลโตเกินกำปั้นหรือโตเกินลูกมะตูม อย่างเช่น มะพร้าว ส้มโอ แตงโม สับปะรด ถ้าหากว่าเป็นผลไม้พวกนี้ห้ามฉันหลังเพลไปแล้ว

ต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่าหลังเพลหลังเที่ยงไปแล้ว ในช่วงแรก พระพุทธเจ้า ท่านอนุญาตให้ฉันได้มีแค่ ๘ อย่าง เรียกว่า อัฐบาน เป็นน้ำที่คั้นจากผลไม้ ๘ อย่างด้วยกัน เช่น น้ำกล้วยมีเมล็ด น้ำกล้วยไม่มีเมล็ด น้ำเหง้าบัว เป็นต้น ต่อมาพระพุทธเจ้าท่านก็ทรงบัญญัติเพิ่มว่าน้ำผลไม้อย่างอื่นก็ฉันได้ ยกเว้นที่เป็นมหาผล คำว่า "มหาผล" จะใช้คำว่า "โตกว่ากำปั้น" ในอรรถกถาท่านบอกว่า ถ้าหากว่า ใหญ่เกินกว่าลูกมะตูม ก็ถือว่าฉันไม่ได้

สิ่งนี้ พระพุทธเจ้า ท่านห้ามเอาไว้สองพันกว่าปีแล้ว ฝรั่งเขาเพิ่งตามทัน ฝรั่งเขาเพิ่งพิสูจน์ได้ว่าพวกมหาผลส่วนใหญ่จะมีฮอร์โมนเยอะมาก กินลงไปจะอยู่ไม่สุขกันหรอก...! โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ ที่เขาว่า..ผู้หญิงท้องห้ามกินน้ำมะพร้าว..ใช่ไหม ? สมัยนี้หมอเขาบอกว่าให้กินเข้าไปให้เยอะๆ มีประโยชน์แก่เด็กในท้องมาก พวกฮอร์โมนพวกนั้นจะกระตุ้นการเจริญเติบโตของร่างกายได้สมบูรณ์กว่าปกติ เห็นว่ากินน้ำมะพร้าวเยอะๆ แล้วเด็กออกมาตัวขาวจ๋องเลย ...(หัวเราะ)...


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕


ที่มา : www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2896



.