อารมณ์อีโก้ (EGO) หรืออุปาทาน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย เทพออระฤทธิ์, 7 เมษายน 2009.

  1. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,048
    [​IMG]


    อารมณ์อีโก้ (EGO) หรืออุปาทาน
    (โดยสมเด็จองค์ปัจจุบัน)
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พระธรรมคำสอนของพระองค์ ทรงพระเมตตาตรัสสอนไว้เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 35 ให้ผมและเพื่อนของผม (คุณสุรีพร (จ๋า) สงวนมานะศักดิ์) ฟัง ผมได้อ่านทบทวนดูแล้วเห็นว่ามีประโยชน์ เพราะเหมาะกับเหตุการณ์บ้านเมืองของประเทศไทย ซึ่งกำลังวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ เกี่ยวกับอารมณ์อีโก้หรืออุปาทานของนักการเมืองทั้งหลาย มีผลทำให้เศรษฐกิจของประเทศผันผวนเป็นธรรมดา ซึ่งสมเด็จองค์ปฐมก็ทรงตรัสไว้ว่า “ให้พิจารณาเห็นเป็นธรรมดา เพราะดวงเมืองของเมืองไทยเป็นอย่างนี้เอง จักต้องทำใจให้ยอมรับสถานการณ์ให้ได้ทุก ๆ สภาพ เพราะล้วนเป็นกฎของกรรมทั้งสิ้น”<O:p</O:p
    เรื่องนี้สมเด็จองค์ปัจจุบันก็ทรงตรัสไว้เมื่อ 15 ปีก่อน ก็เพราะมีนักการเมืองเป็นต้นเหตุเช่นกัน มีผลทำให้คนไทยฆ่ากันตายไปเป็นจำนวนมาก จนในหลวงต้องออกมาห้ามทัพ เรื่องจึงสงบลงได้เกือบทันที ในปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน

    ในหลวงก็ต้องออกมาปรามประชาชนของท่าน ซึ่งกำลังสร้างกรรมนำไปสู่ความฉิบหายไว้ก่อนที่จะสายเกินแก้ ให้รักความสามัคคี ให้เห็นประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลักสำคัญให้ใช้นโยบายสมานฉันท์เป็นหลัก อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่ทุกครั้งที่พระองค์ออกมาห้ามปราม หรือขอร้องก็มีผลดีทุกครั้ง ผมจึงหวังว่าในครั้งนี้ก็คงจะหรือน่าจะมีผลดีเช่นเคย ผมขอเขียนคำนำไว้ย่อ ๆ แค่นี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจและจดจำได้ง่าย ๆ จึงขอเขียนแยกออกเป็นข้อ ๆ ดังนี้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1. “ผู้มีอารมณ์นี้คือ บุคคลผู้มีอุดมคติ หรือมีอุดมการณ์เป็นของตนเอง แต่อารมณ์นี้หากบุคคลผู้มีความเชื่อมั่น และนำไปใช้ให้ถูกจริตของบุคคลทั่วไป ก็สามารถปลุกใจให้บุคคลทั่วไปเหล่านั้นมาร่วมแสดงอารมณ์ร่วมด้วย อย่างเช่นนักการเมืองท่านหนึ่ง เขาเอาอุดมการณ์ของเขามาเน้นในเรื่องประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ชักชวนให้บุคคลอื่นๆ มาแสดงอารมณ์ร่วมกับเข้าได้ก็ด้วยตัวนี้
    <O:p</O:p

    2. อย่าไปตำหนิใครๆ ว่าเขาโง่ ที่มีอารมณ์ร่วมกับนักการเมืองนั้น ๆ เพราะผู้ที่จะไม่มีอารมณ์ร่วมกับนักการเมืองนั้น ก็มีแต่พระอนาคามีผลขึ้นไปจ้ามักจะมองด้านเดียวว่า ผู้ที่ร่วมชุมนุมสนับสนุนประท้วงกับนักการเมืองนั้น เป็นบุคคลกลุ่มผู้โง่เขลา แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ในทางธรรมนั้นก็ต้องถือว่าบุคคลกลุ่มนั้นเป็นผู้มีกรรมอันเกี่ยวเนื่องกัน ถ้ามีอารมณ์ความคิดต่อเนื่องกัน เรียกว่า มโนกรรม ผู้ไปพูดแสดงความคิดต่อเนื่องกันเรียกว่า วจีกรรม ผู้ไปแสดงการกระทำต่อเนื่องกันเรียกว่า กายกรรม
    <O:p</O:p

    3. “เจ้ามองอะไรเพียงด้านเดียว กล่าวคือ มักจะมีอารมณ์หลงเยี่ยงปุถุชนธรรมดาอยู่มาก เห็นบุคคลกลุ่มใดเลื่อมใสเข้าข้างนักการเมืองคนนั้น เจ้ามักตำหนิบุคคลกลุ่มนั้นว่าโง่ที่ไม่รู้ หลังฉากที่แท้จริงของนักการเมืองคนนั้น เจ้าก็คิดว่าเขาเป็นคนดี เป็นคนฉลาด กรรมทั้งสามประเภทจึงเกิดขึ้นด้วยความไม่เข้าใจในกฎแห่งกรรมของเจ้านี้ ตถาคตตรัสอยู่เสมอว่าว่า มนุษย์มีกรรม กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ คือ กรรมเป็นตัวส่งผลทำให้ต้องมาเกิด และเกิดแล้วย่อมจะหลีกหนีกรรมไปไม่พ้น ถามจริง ๆ เถิดว่า ในเมื่อกรรมเก่ายังหนีไม่พ้น เราจักไปสร้างกรรมใหม่ต่อเนื่องกับนักการเมืองคนนั้นทำไม การมีอารมณ์ต่อเนื่องกัน จะพอใจหรือไม่พอใจ ก็ล้วนเป็นการต่อกรรมกันทั้งสิ้นข้าใจไหม”
    <O:p</O:p

    4. (เมื่อเราคิดว่า ที่เราพูดก็เพื่อโน้มใจคนที่เข้าใจผิด ให้มาเข้าใจถูก หลวงพ่อฤาษีท่านยังเคยพูดบ้างในบางโอกาส) พระองค์ทรงตรัสว่า พูดเหมือนกัน แต่อารมณ์ไม่เหมือนกัน สัมภะเกสีท่านพูดแบบรักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ท่านจะพูดหรือกระทำใด ๆ แบบดูเหมือนจะตักเตือน ดุด่า หรือแย้มพรายเรื่องนักการเมืองคนนั้น ก็ด้วยอารมณ์สงเคราะห์ไม่ต้องการให้ลูก ๆ หลงผิด ตกนรกไปตามเขา การกระทำใดๆ เกี่ยวกับระเบียบวินัย เกี่ยวกับธรรมะปฏิบัติพระทุกๆองค์ ซึ่งเป็นพระจริง ๆ แล้ว ท่านต้องใช้ไม้แข็งดุด่าเพื่อจะกันไม่ให้ลูกศิษย์ต้องตกนรก”
    <O:p</O:p

    5. “การมีอารมณ์ร่วม ต่อเนื่องกรรมกับบุคคลที่ทำจิตให้เศร้าหมอง มีแหล่งอบายภูมิ 4 เป็นที่ไปนั้น จะยินดีหรือไม่ยินดีด้วยก็ตาม จัดได้ว่าเป็นอารมณ์อันตราย มิพึงที่จะให้อารมณ์ทั้ง 2 ประเภทนี้เกิด จะเป็นเหตุให้สูญเสียความดีในการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง
    <O:p</O:p

    6. “อัตตนา โจทยัต ตานัง เอาไว้นะ ถ้าอยากทรงอารมณ์อุเบกขาให้ได้ดี จะต้องละการตำหนิดี เลว ให้ออกไปจากจิต” (หมายเหตุ หมายความว่า ให้คอยจับผิดตนเอง ให้คอยแก้ไขตนเองที่ใจตนเอง อย่าไปยุ่งกับกรรมหรือการกกระทำของผู้อื่ร หรือจริยาของผู้อื่น ภาษาไทยเป็นคำโดด ๆ จำง่าย ๆ ดีก็คืออย่าเสือกนั่นเอง)
    <O:p</O:p

    ต่อมาพระองค์ทรงพระเมตตาสอน การวัดผลของอารมณ์อีโก้ หรือ อุปาทาน มีความสำคัญดังนี้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1. “จะวัดผลได้จากการกระทบบุคคลที่มีอารมณ์ร่วม อย่างกับนักการเมืองคนนั้น ที่ฮิตติดปากคนทั้งประเทศ จะด้านดีหรือเลวก็ตาม นับได้ว่าเป็นผลต่อเนื่องจากอารมณ์นี้ ยกตัวอย่างการปลูกต้นไม้ของชาวสวน จะสมบูรณ์งามก็ดี จะแคระแกรนไปก็ดี จะเป็นโรคก็ดี นับว่าล้วนเกิดผลแล้วทั้งสิ้น ต่างกับถ้าหากต้นไม้นั้นตาย อันนั้นแหละจึงจะเรียกได้ว่าไม่มีผล”
    <O:p</O:p

    2. “โลกนี้จึงเต็มไปด้วยอุปาทาน เพราะคนในโลกยึดถืออุดมการณ์ เกาะโลกว่าจะสามารถผันแปรได้ตามกระแสอุดมการณ์ของตน
    <O:p</O:p

    3. “เจ้าจงอย่าพึงดูแต่นักการเมือง แม้แต่นักร้อง นักดนตรี ก็แสดงอุดมการณ์ของตน เพื่อมุ่งหวังหลงยึดโลกเที่ยงทั้งสิ้น ต่างคนต่างแสดงอุดมการณ์ของตน เพื่อยังจะให้เกิดแนวร่วมของบุคคลภายนอกมาร่วมกันแสดงอารมณ์เห็นด้วยกับอุดมการณ์นั้น ๆ คนในโลกจึงว่ายวนร่วมกันอยู่ในกระแสอารมณ์อีโก้นี้ (อุปาทานหรืออุดมการณ์) ติดทุกข์ สุข สรรเสริญ ลาภ ยศ ตามอุดมการณ์ของตนไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด
    <O:p</O:p

    4. “ต่างกับชาวโลกุตระ (ชาวโลกที่ต้องการหลุดพ้น) เขาจะอยู่อย่างมีจิตสำนึกว่า กิจที่ปฏิบัติตามธรรมศาสดาแห่งตถาคตนี้ยังไม่สิ้น เขาก็ใช้ความเพียรละซึ่งกิเลสแห่งลาภ ยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ ระมัดระวังอารมณ์ไม่ให้ไหลลงไปในทางต่ำ เขาใช้อารมณ์อีโก้ไปในทางแสวงหา มรรค ผล นิพพาน และกิจการใดอันเป็นแนวทางสัมมาปฏิบัติ เขาก็จะกระทำตามนั้นด้วยจิตอันแน่งแน่
    <O:p</O:p

    5. “อารมณ์เดียวกันแต่เปลี่ยนจากดำเป็นขาว จากเกาะโลกกลายเป็นละโลก เห็นโลกรวมทั้งขันธโลกหรือร่างกาย หาความเที่ยงมิได้เลยอยู่เป็นนิจ มันเป็นของมันอยู่อ่างนี้เป็นปกติ อารมณ์นี้จึงสร้างโลกได้ ทำลายโลกได้ และถ้าหากใช้ให้ถูกต้องตามหลักธรรมปฏิบัติ ก็จะทำลายโลกียะ สร้างโลกุตระได้
    <O:p</O:p

    6. “ที่ตถาคตตรัสมาทั้งหมดนี้ หวังว่าพวกเจ้าคงเข้าใจ อย่าหลงไปในกระแสอารมณ์ทุกข์-สุขแห่งอารมณ์อีโก้ของชาวโลกียะอีก”<O:p</O:p

    หมายเหตุ ผมไปเปิดดู Dictionary ดูคำแปล Ego มีข้อความแปลไว้ดังนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    Ego คืออัตตา, อาตมา, ตัวของตัวเอง (ก็คืออุปาทานที่ยึดว่าตัวกูเป็นของกูนั่นเอง)<O:p</O:p
    Egoism คือ การถือการกระทำของตนเอง, ของมนุษย์ก็เพื่อตนเองทั้งสิ้น, ดารเชื่อตนเอง, การเห็นแก่ตน, ความอวดดี (พระองค์จึงตรัสว่า ทุกคนล้วนมี Ego อยู่ในตนทั้งสิ้น แต่ Ego ในทางไหน ดีหรือเลว)<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ในวันต่อมา พะองค์ทรงพระเมตตามาสอนต่อ มีความสำคัญดังนี้
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p

    1. “Ego มีอยู่ในตัวของจิตทุกคน เป็นอารมณ์อุปาทานหรือความยึดมั่นถือมั่น”
    <O:p</O:p

    2. “คนเราจะได้ดีหรือเลวก็อยู่ที่ตัวนี้ เช่น ก. สอยได้ที่ 1 ในสาขาเคมีมาตลอด ใครๆก็รู้ว่า ก.เก่ง ก. ก็ยึดมั่นความเก่งนั้นไว้ตามสัญญาและตามตำรามาโดยตลอด ใครจะคัดค้านความเก่งของ ก. ก็ไม่ได้ ก.จึงยึดและปฏิบัติตามสัญญาในความรู้(ความเก่ง) ของตนไว้จนได้ผลดี เพราะการยึดมั่นในความดีของตน นี่เป็นอุปมาทางโลกทางธรรมก็เช่นกัน พระอริยะเจ้าทั้งหลายที่พระองค์สอนจนเกิดมรรคผลนั้น พระองค์ก็ต้องสอนตามอุปาทานเดิมทั้งสิ้น เข้ายึดมั่นสิ่งใด ก็จะยิ่งมีความเพียรในการทำสิ่งนั้น ๆ ให้ปรากฏ”
    <O:p</O:p

    3. ถ้าหากคุณหมอไม่มีอารมณ์นี้ ไฉนสัมภะเกสีท่านจักให้หน้าที่เล่า” (หมายเหตุ สัมภะเกสีเป็นชื่อของหลวงพ่อฤาษีที่สมเด็จองค์ปัจจุบันทรงตรัสเรียกอยู่เสมอ ส่วนหน้าที่นั้นทางหมายถึง หลวงพ่อฤาษีมอบหน้าที่ตอบปัญหาธรรมะแทนท่านเมื่อท่านไม่อยู่)
    <O:p</O:p

    4. “ถึงจะรอบรู้ในพระไตรปิฏกอย่างท่านเจ้ากรมเสริม เหตุไฉนจึงมิได้ทำหน้าที่นี้เล่า นั่นเป็นเพราะอารมณ์ยึดมั่นในจุดนี้ไม่มี”
    <O:p</O:p

    5. “Ego ในแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้า Ego เต็มในจุดนั้นๆ ก็จะกระทำจุดนั้นๆ ได้ผลดี 100
    เปอร์เซ็นต์”
    <O:p</O:p

    6. “อนึ่ง หน้าที่ทางธรรมนั้น เป็นสัตยาธิษฐานมาแต่ชาติก่อนด้วย เป็นการตั้งความปรารถนาจักรื้อขนสัตว์ให้พ้นทุกข์ แม้ว่าจะลาพุทธภูมิแล้ว ก็ยังต้องทำหน้าที่เดิมจนกว่าธาตุขันธ์จะหมดสิ้น เช่น พระมหากัจจายนะ อสีติสาวกเป็นต้น หรืออย่างสัมภะเกสีท่านผู้ซึ่งบารมีเต็มแล้ว และลาแล้ว ก็ยังทำหน้าที่ขนสรรพสัตว์เข้าถึงพระนิพพาน”

    <O:p</O:p7. “แต่อารมณ์ Ego ทำอะไรจิตท่านไม่ได้ กายของท่านทำหน้าที่ไปต่างหาก จึงดูเด่นเสมือนหนึ่งหาใครเปรียบเทียบไม่ได้ ดูอารมณ์ของท่านเถิด เคยสักครั้งไหมที่ปรารภธรรมแล้วจักบอกว่า ธรรมนั้นเป็นของตน มีแต่จักบอกว่า ธรรมนั้นเป็นของตถาคตตรัสไว้อย่างนี้ จิตของท่านหาได้มีความคะนองในตน มีแต่เพลิดเพลินและปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นสุขในธรรมนั้นๆ”
    <O:p</O:p

    8. “อารมณ์ Ego เกิดได้เพราะมีรู้เท่าทันกองสังขารแห่งจิตและกองสังขารแห่งกาย เช่น เหยียบขี้หมา หากเราเหยียบตอนที่มันเก่ามาก จนกลายสภาพไปเป็นดินแล้ว อุปาทานยึดมั่นว่าเป็นขี้หมาก็หมดไป จิตไม่สังขารปรุงแต่งว่าขี้หมามันเหม็น-สกปรก และกล้าเหยียบย่ำได้ แต่หากมันยังทรงอยู่ในสภาพเดิมของขี้หมา อุปทานก็ยึดมั่นว่า มันเหม็น-สกปรก และไม่กล้าเหยียบ นี่แหละคืออารมณ์ที่ไม่รู้เท่าทันกองสังขาร
    แห่งจิตและกายว่าหลงไปในอารมณ์ Ego”
    <O:p</O:p

    9. อารมณ์ Ego จึงมีทั้งสองด้าน คือ ด้านดีซึ่งเป็นสัมมาทิฏฐิและด้านเลวซึ่งเป็นมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งตรงกับคำสอนของพระองค์ที่ตรัสสอนไว้ว่า “ธรรมในโลกล้วนมีอยู่เป็นคู่ทั้งสิ้น” ทุกอย่างมีเกิดแล้วก็ต้องมีดับ เช่น หลงคิดว่าคำสรรเสริญเป็นของดี แต่แท้จริงแล้วเป็นของเลว (เพราะสรรเสริญกับนินทาเป็นของคู่กัน จะเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ หรือเหมือนสุขกับทุกข์ก็เป็นของคู่กัน จะเลือกเอาอย่างเดียวไม่ได้ และทุกสิ่งในโลกล้วนเกิด-ดับ ๆ ทั้งสิ้น หรือเกิดกับตายเป็นของคู่กันอย่างแยกไม่ออก)
    <O:p</O:p

    10. “ตราบเมื่อจิตรู้เท่ากันกองสังขารแห่งจิต เห็นธรรมไตรลักษณ์ปรากฎเป็นปกติ ก็จะปล่อยวางอุปาทานนั้นได้ และเหยียบขี้หมาแห้งหรือดินนั้นได้อย่างสนิททั้งกายและใจ การยึดคำสรรเสริญก็เช่นกัน หากเห็นไตรลักษณ์แล้วโลกธรรม 8 จักทำอะไรจิตเราไม่ได้เลย ทุกสิ่งในโลกล้วนเกิด-ดับ ๆ อยู่อย่างนี้เป็นปกติ และทำนองเดียวกัน หากจิตไม่รู้เท่าทันกองสังขารแห่งจิต ก็จะไม่รู้ว่าโลกธรรมก็เป็นไตรลักษณ์ เกิด-ดับ ๆ อยู่เป็นปกติ จิตจึงปรุงแต่งเป็นอุปาทานยึดมั่นติดอยู่กับธรรมโลกนั้น ๆ”
    <O:p</O:p

    11. “การทำหน้าที่ทางธรรม จึงต้องมีสติปัญญามิบกพร่อง ต้องสมบูรณ์รู้เท่าทันโลกธรรมทั้ง 8 อย่าง ด้วยเคารพในกฎไตรลักษณญาณ จึงจะทำหน้าที่นั้น ๆ ได้อย่างเป็นสุข”
    <O:p</O:p

    12. จิตที่ไม่ติดข้องในธรรมก็เหมือนกระจกเงาใส ๆ มีภาพอะไรผ่านมาก็ส่องติดได้หมด เมื่อภาพผ่านไปหรือสภาพนั้นผ่านไป ภาพต่าง ๆ ก็หาได้ติดอยู่ในกระจกใส ๆ นั้นไม่ จิตที่วิมุติก็มีอุปมาคล้าย ๆ ดังกระจกนี้ ธรรมทั้งหลายจึงมิอาจจะทำร้ายดวงจิตของท่านได้เลย”<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    และทรงพระเมตตาตรัสสอนแถมท้ายไว้ ความว่า<O:p</O:p
    หากจะให้เข้าใจในกฎไตรลักษณญาณได้ดีจริง ๆ จักต้องทบทวนวิปัสสนาญาณ 9 ที่พระองค์สอนไว้เสมอ ๆ ด้วยความไม่ประมาท
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p<O:p</O:p
    พิมพ์จากหนังสือ ธรรมที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ (เล่ม 4)<O:p</O:p
    โดย พระราชพรหมยานมหาเถระ (หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง)
    <O:p</O:pรวบรวมโดย : พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2009
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    เข้ากับเหตุการณ์ในปัจจุบันพอดี
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
     
  3. WLL_1514

    WLL_1514 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +40
    1. “จะวัดผลได้จากการกระทบบุคคลที่มีอารมณ์ร่วม อย่างกับนักการเมืองคนนั้น ที่ฮิตติดปากคนทั้งประเทศ จะด้านดีหรือเลวก็ตาม นับได้ว่าเป็นผลต่อเนื่องจากอารมณ์นี้ ยกตัวอย่างการปลูกต้นไม้ของชาวสวน จะสมบูรณ์งามก็ดี จะแคระแกรนไปก็ดี จะเป็นโรคก็ดี นับว่าล้วนเกิดจากผลแล้วทั้งสิ้น ต่างกับถ้าหากต้นไม้นั้นตาย อันนั้นแหละจึงจะเรียกได้ว่าไม่มีผล”
    <O:p</O:p
    "นับว่าล้วนเกิดจากผลแล้วทั้งสิ้น" ตรงประโยคนี้รบกวนช่วยอธิบายได้ไหมครับ ผมยังงงอยู่ เนื่องจากผมยังเข้าใจอยู่ว่าทุกสิ่งล้วนเกิดจากเหตุ เกิดเพราะมีปัจจัยให้เกิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 เมษายน 2009
  4. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    ขออนุโมทนาสาธุธรรม อย่างสูง ครับ
     
  5. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,468

    [​IMG]
    ขออนุโมทนาสาธุครับ
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,705
    ค่าพลัง:
    +51,933
    *** พระพุทธเจ้าไม่เอาดี ไม่เอาชั่ว ****

    สัตว์โลกห่อหุ้มเต็มไปด้วยกรรม กำลังโบกสะบัด
    เราควรที่จะหยิบปัญญาในศาสนาพุทธมาพิจารณา
    เพื่อลดละ ตัดกิเลสอารมณ์ของตนให้เบาบางลง

    พระพุทธเจ้าไม่เอาดี ไม่เอาชั่ว
    เพราะกลัวว่าต้องเกิดดี มาเอาชั่ว
    เพราะกลัวว่าต้องเกิดชั่ว มาเอาดี
    พระพุทธเจ้าจึงไม่เอาทั้งดี ไม่เอาทั้งชั่ว

    ลองพิจารณาดู เรามุ่งหลุดพ้นแล้วเราจะเอาอะไร !!!
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. อวิปลาส

    อวิปลาส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +353
    เวลา ไม่ทำให้คนดีหรือเลว
    ประเทศ ไม่ทำให้คนดีหรือเลว
    การเมืองไม่ทำให้คนดีหรือเลว
    สีต่างๆไม่ทำให้คนดีหรือเลว
    คนไม่มี ศีลธรรมประจำตน ไม่มี หิริโอตัปป ทำให้คนเป็นคนเลวได้
     
  8. patcha2001

    patcha2001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    535
    ค่าพลัง:
    +174
    ขอบคุณค่ะคุณสำหรับเจ้าของกระทู้เรื่อง ego

    ;aa34pig_cryy2

    ขอบคุณค่ะ ที่ตักเตือน ผู้ใหญ่ตักเตือนผู้น้อยย่อมน้อมรับ

    ขออนุญาตพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะค่ะ

    • ego มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
    ข้อดี คือ ถ้าผู้มี ego เป็นผู้มีความประพฤติดี ความประพฤติ

    ชอบย่อมถูกเบี่ยงเบนความประพฤติเป็นชั่วได้ยาก เหมาะที่จะใช้

    กับการบังคับบัญชาคนหมู่มากให้อยู่ในกรอบ หรือโน้มน้าวใจคน

    ให้ไปในทางที่ดี

    ข้อเสีย คือ ถ้าผู้มี ego เป็นผู้ประพฤติไม่ดี ก็ยากที่จะดีได้ เพราะ

    ถือว่าตนเองถูก ไม่เหมาะที่จะใช้กับการบริหารผู้ที่มีคุณวุฒิ และ

    วัยวุฒิสูงกว่า เพราะคนกลุ่มนี้ต้องใช้วิธีอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ใช้

    ego แต่ต้องใช้EQ + IQ แทน


    ;aa44thaxx:z3
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2009
  9. humanbeing

    humanbeing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +214
    อืม เดี๋ยวนี้ คำว่า Ego ปัจจุบัน ถูกใช้แต่ในทางที่ไม่ดีนะคะ ทั้งๆที่ในจิตวิทยาตามทฤษฎีของซิกมันด์ ฟรอยด์แล้ว เป็นตัวกลางๆที่ควบคุมพฤติกรรมของมนุษย์ไม่ให้สุดโต่ง จาก Id(อ่านว่า อิด เป็นตัวแทนความต้องการที่เห็นแก่ตัวของมนุษย์ = ด้านไม่ดี) และ Superego(ศีลธรรม หรือ จริยธรรม = ด้านดี แต่ถ้ามีมากเกินไป ก็จะทำให้มีพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ เช่น เมื่อตนเองทำผิดแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะเศร้าเสียใจและตำหนิตนเองอย่างรุนแรง)

    Ego จะเปรียบเสมือนผู้ใหญ่ที่มองโลกตามความเป็นจริงมากที่สุด ทำให้มนุษย์มีพฤติกรรมที่เหมาะสม

    อย่างไรก็ตาม ขอบคุณมากนะคะ สำหรับบทความนี้ คิดว่าตรงกับคติสอนใจที่เคยอ่านเจอว่า

    "เพ่งความผิดของตนเอง...เป็นบัณฑิต
    เพ่งว่าเป็นความผิดของผู้อื่น...เป็นพาล"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2009
  10. chocolatus

    chocolatus Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2008
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +58
    ขอให้ประชาชนคนไทยทุก ทุก คน เข้าใจได้โดยง่ายดายด้วยเทอญ

    และชำระจิตใจตนเองให้ใสอยู่เสมอ เสมอ เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  11. MayaJit

    MayaJit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +56
    อนุโมทนาครับ กำลังหวั่นไหวกับการเมืองอยู่เชียวครับ ขอบคุณมากๆ ครับ
     
  12. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    “ไม่มีต้นโพธิ์ ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่าแล้ว ฝุ่นจะลงจับอะไร?”
     
  13. Tom_Atichart

    Tom_Atichart สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +19
    อนุโมทนาอย่างยิ่งครับ สาธุ พระพุทธองค์สอนว่าอย่ายึดมั่นถือมั่น
     
  14. Nutthawut

    Nutthawut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +479
    กราบขอบพระคุณครับ เปรียบดั่งแสงสว่างจ้า นำทางให้จิตกลับมาสู่ทางแห่งมรรคเพื่อถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบัน สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนาครับ
     
  15. chai8383

    chai8383 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +6,348
    ลิงค์ธรรมะในเว็บต่างๆของหลวงพ่อ ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    �Ѵ�ѹ����� (��ҫا) - ��¡�÷�� 1 ˹ѧ��͸���� (��˹��·���֡�Ѻᢡ)หนังสือธรรมะ (จำหน่ายที่ตึกรับแขก)

    <O:p></O:p>
    �Ѵ�ѹ����� (��ҫا) - ��¡�÷�� 2 �մ� - �իմո���� (��˹��·���֡�Ѻᢡ)ซีดี - วีซีดีธรรมะ (จำหน่ายที่ตึกรับแขก)<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    �Ѵ�ѹ����� (��ҫا) - ����մդ��͹��ǧ��ͨҡ����䫴���ҧ� รวมซีดีคำสอนหลวงพ่อจากเว็บไซด์ต่างๆ<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    �Ѵ�ѹ����� (��ҫا)บทสวดมนต์<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    �Ѵ�ѹ����� (��ҫا)สมบัติพ่อให้<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    http://palungjit.org/threads/เธฃเธงเธกเธซเธ™เธฑเธ‡เธชเธทเธญเธ„เธณเธชเธญเธ™เธ‚เธญเธ‡เธซเธฅเธงเธ‡เธžเนˆเธญเธžเธฃเธฐเธฃเธฒเธŠเธžเธฃเธซเธกเธขเธฒเธ™.24126/ <O:p></O:p>
    รวมหนังสือคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    http://palungjit.org/threads/สารบัญ-รวมเรื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำและธรรมะที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์-”.124421/ <O:p></O:p>
    รวมเรื่องหลวงพ่อฤาษีลิงดำและธรรมะที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์ ”<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    BlogGang.com : : zeedhama - �ٹ���ط���ѷ�� �.��ҹ��� �.��к��� <O:p></O:p>
    ศูนย์พุทธศรัทธา อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    ������Ҹ� <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    ชมรมสมาธิ<O:p></O:p>


    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    ���§���� <O:p></O:p>
    เสียงคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และ แจก ซีดี<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    ˹ѧ���: ����ѵ���ǧ��ͻҹ<O:p></O:p>
    ประวัติหลวงพ่อปาน เขียนโดยหลวงพ่อ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    พระธรรมเทศนา และ คำสอน ของ หลวงพ่อ พระมหาวีระ ถาวโร ( หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ) ดูแลโดย อินทราพงษ์ <O:p></O:p>
    เสียงคำสอนหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และขอ ซีดีได้ครับ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    Scripturn | Website Scripts <O:p></O:p>
    วีดีโอ คำสอนหลวงพ่อ<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    http://www.youtube.com/profileuser=alinodreamworld&view=videos&start=20<O:p></O:p>
    วีดีโอ คำสอนหลวงพ่อ<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    http://palungjit.org/threads/เธชเธฒเธฃเธšเธฑเธ-เธฃเธงเธกเธšเธเธ„เธงเธฒเธก-เธ‚เธญเธ‡เธซเธฅเธงเธ‡เธžเนˆเธญ-เธเธตเนˆเธœเธกเนเธ„เธขเน‚เธžเธชเน„เธงเน‰-เธˆเธฐเน„เธเน‰เธซเธฒเธ‡เนˆเธฒเธขเน†.119666/ <O:p></O:p>
    รวมบทความของหลวงพ่อ ที่joezaaaa โพสไว้จะได้หาง่ายๆ<O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    http://palungjit.org/threads/รวมคำสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ-99836.html <O:p></O:p>
    รวมคำสอนหลวงพ่อ โพสโดยคุณ mahaasia<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p> </O:p>
    <O:p></O:p>
    และสุดท้ายครับ<O:p></O:p>
    http://palungjit.org/forums/รวมคําสอนเรื่องนิพพานของพระผู้ปฎิบัติดี-[.10/FONT]115676.html <O:p></O:p>
    รวมคําสอนเรื่องนิพพานของพระผู้ปฎิบัติดี โพสโดยคุณ ลูกวัดท่าซุง<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
     
  16. เจ๋วะรัฐถะ

    เจ๋วะรัฐถะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    847
    ค่าพลัง:
    +15,386
    ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงกับพระธรรมอันมีค่ายิ่งจากองค์พระศาสดาค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...