อานิสงส์สร้างเสนาสนะ

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย anand, 15 มิถุนายน 2011.

  1. anand

    anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +641
    กัณฑ์ที่ ๑๖๖

    คัมภีร์ขุททกนิกาย พระอปทาน

    <O:pว่าด้วยเรื่องพระมหากบินเถรเจ้า
    <O:pปทุมุตฺตโร นาม ชิโน สพฺพธมฺมานปารคู

    <O:pอุทิโต อชตากาเส รวิว สรทมฺพเรฯ
    วจนาภาย โพเธติ เวเนยฺย ปทุมานิ โส
    กิลสปงฺกิ โสเสติ มติ สีหิ นายโกติ.
    <O:p</O:p
    ณ บัดนี้ อาตมภาพจักได้แสดงคัมภีร์พระอปทาน กัณฑ์ที่ ๑๖๖ ว่าด้วยเรื่องพระมหากบินเถรเจ้า สืบต่อไป เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา และพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ตลอดกาลนาน

    <O:pเรื่อง พระมหากบินเถรเจ้า

    ก็แลเรื่องพระมหากบินเถรเจ้านี้ มีปรากฏ ๖ คัมภีร์ด้วยกัน คือคัมภีร์เอกนิบาต อังคุตตรนิกาย ๑ คัมภีร์มโนรถปูรณี ๑ คัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถา ๑ คัมภีร์เถรคาถา ๑ คัมภีร์เถรคาถาวัณณนา ๑ คัมภีร์พระอปทาน ๑ ในคัมภีร์เอกนิบาต อังคุคตตรนิกายนั้นว่า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตั้งพระมหากบินเถรเจ้าไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ ฝ่ายสอนภิกษุทั้งหลายด้วยวาระพระบาลีที่ได้ยกขึ้นไว้เป็นเบื้องต้นแงเทศนาแล้วนั้น เนื้อความในวาระพระบาลี นั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระมหากบินเป็นเอตทัคคเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสาวกของเราตถาคต ในจำพวกที่สอนภิกษุด้วยกัน ดังนี้

    เนื้อความย่อในพระบาลีนี้ มีพิสดารอยู่ในคัมภีร์มโนรถปูรณีว่าพระเถรเจ้าองค์นี้ ได้ทำให้ภิกษุพันหนึ่งถึงซึ่งพระอรหัต ด้วยการสั่งสอนเพียงครั้งเดียว เพราะฉะนั้น ท่านจึงได้ชื่อว่า เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายสอนภิกษุในพระพุทธศาสนา เรื่องของท่านในอดีตชาตินั้น มีปรากฏมาหลายคัมภีร์ด้วยกัน คือ คัมภีร์มโนรถปูรณี ๑ คัมภีร์เถรคาถาวัณณนา ๑ คัมภีร์พระอปทาน ๑ ในคัมภีร์มโนรถปูรณีนั้นว่า พระเถรเจ้าองค์นี้เกิดอยู่ในเรือนผู้มีตระกูลแห่งหนึ่ง ในเมืองหงสวดี ในครั้งพระปทุมุตตรชินศรีสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคราวนั้น ท่านได้ไปฟังพระธรรมเทศนาขององค์พระปทุมุตตรศาสดา ได้เห็นองค์พระปทุมุตตรศาสดา ทรงตั้งภิกษุรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งอันเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้สอนภิกษุ จึงได้ทำอธิการกุศลแล้วปรารถนาตำแหน่งนั้น ตั้งแต่นั้นมาก็ได้ทำกุศลอยู่จนตลอดชีวิต เวลาดับขันธ์แล้วหันเวียนเปลี่ยนแปลงไปในกำเนิดเทพยดา มนุษย์ อยู่ตลอดกาลนาน เวลามาถึงพุทธกาลของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้มาเกิดในเมืองพาราณสี ได้เป็นหัวหน้าบุรุษพันหนึ่งแล้วจึงพากันสร้างบริเวณใหญ่ ประดับด้วยห้องพันห้องถวายแก่พระภิกสงฆ์ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา บุรุษทั้งพันคนนั้นได้ทำกุศลอยู่จนตลอดชีวิต เวลาดับจิตแล้วก็ขึ้นไปเกิดอยู่ในเทวโลก พร้อมด้วยบุตรภรรยา เวลาจุตติจากเทวโลกแล้วก็ได้มาเกิดในมนุษย์ ก็ได้ขึ้นไปเกิดในเทวโลกอีก เป็นอยู่อย่างนั้นจนตลอด ๑ พุทธันดรคือตลอดศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ดังนี้


    <O:pในคัมภีร์เถรคาถาวัณณนาว่า พระมหากบินเถรเจ้าองค์นี้ได้เกิดในเรือนตระกูลแห่งหนึ่งในเมืองหงสวดี ในครั้งศาสนาพระปทุมุตตรศาสดา ได้เห็นภิกษุรูปหนึ่งได้รับตำแหน่งอันเลิศ ในฝ่ายสั่งสอนพระภิกษุทั้งหลายจึงทำบุญแล้วปรารถนาตำแหน่งนั้น ตั้งแต่นั้นมาก็ได้เสวยสมบัติอยู่ในเทพยดา มนุษย์ตลอดกาลนาน ครั้นมาถึงครั้งศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เกิดในเรือนตระกูลแห่งหนึ่งในเมืองพาราณสีได้เป็นัหวหน้าผู้ใหญ่แห่งบุรุษพันหนึ่งในเมืองนั้น ได้ชักชวนบุรุษเหล่านั้น สร้างบริเวณใหญ่อันมีห้องถึงพันห้อง เวลาตายจากชาตินั้นแล้วได้ขึ้นไปเกิดอยู่ในเทวโลกตลอดหนึ่งพุทธันดรได้เป็นหัวหน้าผู้ใหญ่อยู่ในเทวโลกนั้น ก่อนที่พระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายจะเกิดขึ้นนี้ เทวบุตรที่เป็นหัวหน้าผู้ใหญ่นั้นได้ลง มาเกิดในตระกูลกษัตริย์ในกุกกฎวดีนคร ปัจจันตประเทศ มีนามว่า กัปปินกุมาร ส่วนบุรุษที่เป็นบริวารพันหนึ่งนั้นได้เกิดในตระกูลอำมาตย์ที่เมืองเดียวกัน กัปปินกุมารนั้นได้เป็นพระราชาทรงพระนามว่า มหากบิน ในเวลาที่พระราชบิดาสวรรคคตแล้วพระเจ้ามหากบินนั้นได้ทรงตั้งอำมาตย์ผู้คล่องแคล่วไว้ประจำประตูพระนครทั้ง ๔ ประตู ด้วยตรัสสั่งไว้ว่า ถ้าได้ทราบข่าวของพหูสูตรแล้วให้บอกแก่พระองค์โดยเร็วพลันดังนี้

    <O:pในคัมภีร์มโนรถปูรณี คัมภีร์พระอปทาน คัมภีร์เถรคาถาวัณณนาที่แสดงมาแล้วนี้ได้ใจความเป็นอันเดียวกันว่า ในอดีตชาตินั้น พระมหากบินเถรเจ้าองค์นี้ได้สั่งสมบารมีไว้ในศาสนาของพระปทุมุตรสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการถวายทานอาหาร ได้สร้างที่อยู่ซึ่งมีบริเวณกว้างใหญ่มีห้องถึงพันหนึ่ง ในครั้งศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าและได้ถวายอาหารทานกับไตรจีวร แก่พระปัจเจกโพธิอีก ๕๐๐ พระองค์ ดังนี้

    <O:pในคัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถา กล่าวถึงบุพพวาสนาบารมีของพระมหากบินเถรเจ้าไว้ว่า ในอดีตชาติล่วงมาแล้ว พระมหากบินเถรเจ้าองค์นี้ได้ทำอภินิหารไว้แทบบาทมูลของพระปทุมุตรพุทธเจ้า แล้วได้ท่องเที่ยวไปมาอยู่ในสงสาร แล้วได้มาเกิดเป็นช่างหูกผู้ใหญ่ อยู่ในบ้านช่างหูกผู้ใหญ่ อยู่ในบ้านช่างหูกผู้หนึ่งในที่ใกล้กรุงพาราณสี ในคราวนั้น มีพระปัจเจกโพธิพันพระองค์อยู่ในป่าหิมพานต์ตลอด ๘ เดือน แล้วก็ออกมาอยู่ใกล้บ้านเมืองของหมู่มนุษย์ตลอด ๔ เดือนฤดูฝน อยู่มาคราวหนึ่ง พระปัจเจกโพธิเหล่านั้นได้เหาะมาจากป่าหิมพานต์มาลงในที่ใกล้เมืองพาราณสี แล้วส่งพระปัจเจกโพธิ ๘ พระองค์ไปสู่สำนักของพระเจ้าพาราณสี เพื่อขอให้ท้าวเธอจัดส้างเสนาสนะถวาย ในคราวนั้นเป็นเวลาแรกนาขวัญของพระเจ้าพาราณสี พระเจ้าพาราณสีทรงทราบว่าพระปัจเจกโพธิทั้งหลายมา จึงเสด็จออกไปตรัสถามถึงธุระที่มา พอทรงทราบแล้วก็ตรัสว่า วันนี้โดยไม่มีโอกาสเสียแล้วเพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันวัปปมงคล การแรกนาขวัญของโยม ต่อเมื่อวันที่ ๓ จึงจะมีโอกาส ตรัสแล้วก็หาได้นิมนต์พระปัจเจกโพธิทั้งหลายไว้ไม่ พระปัจเจกโพธิทั้งหลายเหล่านั้นก็พากันออกจากที่นั้นไปเพื่อจะไปที่บ้านอื่นซึ่งมีในที่ใกล้เมืองพาราณสีนั้น

    <O:pในขณะนั้น ภรรยาของนายช่างหูกใหญ่ซึ่งไปที่เมืองพาราณสีได้พบพระปัจเจกโพธิเหล่านั้น ไหว้แล้วไต่ถามว่า พระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายมาที่เมืองนี้ด้วยมีความประสงค์สิ่งใด เมื่อได้ทราบความประสงค์ของพระปัจเจกโพธิเหล่านั้นแล้วก็กล่าวขึ้นด้วยความเลื่อมใสศรัทธาว่า พรุ่งนี้เช้า ขอพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายจงรับภิกษาหารขากข้าพเจ้าทั้งหลาย พระปัจเจกโพธิเหล่านั้นจึงตอบว่า พวกอาตมามีมากด้วยกันนะ อุบาสิกา อุบาสิกานั้นจึงถามขึ้นว่า มีเท่าไรเจ้าข้า ตอบว่า มีอยู่พันองค์ด้วยกัน อุบาสิกานั้นจึงว่า ข้าพเจ้าทั้งหลายซึ่งอยู่ในบ้านตำบลนี้ก็มีอยู่พันหลังเรือนด้วยกัน ข้าพเจ้าทั้งหลายจะถวายภิกษาหารแก่พระผู้เป็นเจ้าคนละองค์ๆ เจ้าข้า ขอพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายจงไปรับภิกษาหารที่บ้านของข้างพเจ้าทั้งหลายเถิด ถึงแม้ว่าที่อยู่ของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย ดิฉันจะชักชวนกันจัดสร้างถวาย ฝ่ายพระปัจเจกโพธิเหล่านั้นก็รับคำอาราธนา

    <O:pอุบาสิกานั้นก็เข้าไปป่าวร้องแก่ชาวบ้านว่า ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้ไปพบพระปัจเจกโพธิพันองค์ แล้วนิมนต์ให้เข้ามาฉันที่บ้านของพวกเราในวันพรุ่งนี้เช้า ท่านทั้งหลายจงจัดที่นั่งและอาหารไว้ถวายท่านเถิด ครั้นป่าวร้องดังนี้แล้วก็ได้สร้างปะรำขึ้นที่ท่ามกลางบ้านได้แต่งตั้งอาสนะไว้ถวายพร้อม รุ่งขึ้นเช้าก็นิมนต์พระปัจเจกโพธิทั้งหลายเข้ามานั่งที่ปะรำนั้น แล้วก็เลี้ยงดูด้วยโภชนาอาหารอันประณีต เวลาเสร็จการฉันแล้วก็พาหญิงทั้งปวงในบ้านนั้นไปไหว้พระปัจเจกโพธิทั้งหลายแล้วขออาราธนาไว้เพื่อให้จำพรรษาอยู่ที่ใกล้บ้านแล้วก็ป่าวร้องแก่ชาวบ้านอีกว่า นี่แน่ะ พ่อแม่ทั้งหลาย ขอจงให้ผู้ชายบ้านละคนๆ พากันเข้าป่า หาเครื่องปลูกสร้างมาทำที่อยู่ถวายพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลาย

    <O:pฝ่ายชาวบ้านก็เชื่อฟังถ้อยคำของอุบาสิกานั้น ได้พร้อมกันจัดสร้างบรรณศาลาคนละหลังๆ พร้อมกับที่อยู่กลางวันและกลางคืน รวมเป็นศาลาพันหลังด้วยกัน แล้วนิมนต์พระปัจเจกโพธิทั้งหลาย ให้จำพรรษอยู่ที่ศาลาของตนๆ ทั้งตั้งใจถวายอาหารบิณฑบาตตลอดไตรมาสภายในพรรษา เวลาเมื่อออกพรรษาแล้ว อุบาสิกานั้น ก็ชักชวนให้เพื่อบ้านถวายผ้าสำหรับทำจีวรแก่พระปัจเจกโพธิทั้งหลาย เพื่อนบ้านก็ได้ถวายผ้าอันมีราคาผืนละพันๆ แก่พระปัจเจกโพธิองค์หนึ่งๆ ด้วยความเลื่อมใสศรัทธา พระปัจเจกโพธิทั้งหลายอนุดมทนาแล้วก็อำลาไป ฝ่ายชาวบ้านในตำบลนั้น ครั้นตายจากชาตินั้นแล้วก็ได้ขึ้นไปเกิดอยู่ในดาวดึงส์สวรรค์ มีชื่อว่า คณะเทพบุตรเสวยทิพยสมบัติอยู่ตลอดกาลนาน

    <O:pครั้นมาถึงกาล พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก คณะเทพบุตรเหล่านั้นก็ได้มาเป็นเป็นบุตรกุฎุมพี อยู่ในเมืองพาราณสี ช่างหูกผู้ใหญ่นั้นได้มาเกิดเป็นบุตรกุฎุมพีผู้ใหญ่ ภรรยาของเขาก็ได้มาเป็นธิดาของกุฎุมพีใหญ่ หญิงทั้งปวงนั้นเมื่อเติบโตขึ้นแล้วก็ได้เป็นภรรยากุฎุมพีทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่ง มีผู้ป่าวร้องให้ไปฟังธรรมที่วิหาร ก็พากันออกไปที่วิหารพร้อมทั้งสามีภรรยา พอไปถึงท่ามกลางวิหารก็มีฝนตกพอดี พวกใดที่มีภิกษุสามเณรเป็นญาติมิตร พวกนั้นก็เข้าไปอาศัยอยู่ในที่อยู่ของภิกษุสามเณรทั้งหลาย ฝ่ายพวกกุฎุมพีนั้นได้ยืนตากฝนอยู่ในท่ามกลางวัดเพราะไม่มีภิกษุสามเณรที่เป็นญาติมิตรสหายในครั้งนั้น กุฎุมพีผู้ใหญ่จึงกล่าวว่า จงดูความแปลกของพวกเราเถิด ธรรมดาผู้เป็นบุตรมีตระกูลย่อมละอายด้วยเรื่องแม้เพียงเท่านี้ กุฎุมพีทั้งหลายจึงถามว่าจะทำอย่างไรดี กุฎุมพีผู้ใหญ่นั้นจึงว่า พวกเราได้รับความลำบากเช่นนี้ก็เพราะไม่มีผู้ที่คุ้นเคย พวกเราทั้งสิ้นจงพร้อมกันนำทรัพย์มาสร้างบริเวณ ถวายแก่พระภิกษุสามเณรให้จงได้ กุฎุมพีทั้งหลายก็กล่าวกันว่า ดีแล้วนาย ฝ่ายกุฎุมพีผู้ใหญ่ก็บริจาคทรัพย์พันหนึ่ง กุฎุมพีน้อยก็ได้บริจาคทรัพย์คนละ ๕๐๐ พวกภรรยาได้บริจาคทรัพย์คนละ ๒๕๐ แล้วได้รวบรวมเอาทรัพย์เหล่านั้นมาเริ่มที่จะสร้างบริเวณใหญ่ถวายแก่พระกัสสปพุทธเจ้า โดยมีเรือนยอดพันหนึ่งเป็นบริวาร เมื่อทรัพย์เหล่านั้นไม่พอเพราะการสร้างนั้นเป็นการใหญ่ก้ได้บริจาคอีกคนละครั้ง เมื่อบริเวณนั้นสำเร็จแล้วก็ได้ถวายมหาทานเป็นการฉลองอยู่อีก ๗ วันแล้วได้ถวายจีวรทั้งหลายแก่ภิกษุ ๒ หมื่อนองค์ ส่วนภรรยาของกุฎุมพีผู้ใหญ่นั้นเป็นผู้มีปัญญา คิดว่าเราจะบูชาพระศาสดาให้ยิ่งกว่าคนอื่นๆ จึงถือเอาผะอบดอกอังกาบกับผ้าอันมีราคาพันหนึ่งซึ่งมีสีเหมือนดอกอังกาบไปถวายพระกัสสปพุทธเจ้าแล้วตั้งความปรารถนาว่า ขอให้สรีรกายของหม่มอฉันจงมีสีเหมือนดอกอังกาบนี้ทุกภพทุกชาติไป ขอให้ชื่อของหม่อมฉัน ชื่อว่า อโนชา อันแปลว่าดอกอังกาบด้วยเถิด พระเจ้าข้า

    <O:pสมเด็จพระกัสสปศาสดา ก็ทรงอนุโมทนาว่า จงสำเร็จดังปรารถนาเมื่อคนทั้งปวงนั้นตายจากชาตินั้นแล้วก็ได้ขึ้นไปเกิดในเทวโลกมาถึงครั้งพระพุทธเจ้าของเราทั้งหลายเกิดขั้น ก็ได้จุติจากเทวโลก กุฎุมพีผู้ใหญ่ได้เกิดในตระกูลพระราชาที่เมืองกุกกฎวดี เวลาทรงพระเจริญวัยแล้วก็ได้เป็นพระราชาทรงพระนามว่า พระเจ้ามหากบิน พวกกุฎุมพีผู้น้อยก็ได้เกิดในตระกูลอำมาตย์ ภรรยาของกุฎุมพีผู้ใหญ่เกิดในตระกูลพระราชาที่สาคล<O:pนคร แว่นแคว้นมัทรัฐ มีสีพระกายดังสีดอกอังกาบ จึงมีพระนามว่า พระนางอังกาบ หรือเรียกตามบาลีว่า พระนางอโนชา เมื่อทรงเจริญพระวัยขึ้นก็ได้เป็นอัครมเหสีของพระเจ้ามหากบิน ทรงพระนามว่า พระนางอโนชาราชเทวี พวกสตรีอื่นๆ ก็เกิดในตระกูลอำมาตย์ได้เป็นภรรยาของอำมาตย์ทั้งหลาย ตามที่เคยเป็นคู่สามีภรรยากันมาแต่ในชาติเป็นช่างหูกโน้น คนทั้งปวงนั้นได้เสวยสมบัติคล้ายสมบัติของพระราชา คือเมื่อเวลาพระราชาทรงประดับประดาพระองค์ด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง แล้วเสด็จขึ้นทรงช้าง หรือทรงม้า ทรงรถเสด็จออกไป พวกนั้นก็ขี่ช้าง ขี่ม้า ขี่รถ ตามเสด็จไปเหมือนกัน เป็นทั้งนี้ด้วยอานุภาพบุญกุศล ที่ได้ทำไว้ด้วยกันในปางก่อนนั้นสังหรณ์ให้เป็นไป

    <O:pก็พระเจ้ามหากบินนั้น มีม้าพระที่นั่งอยู่ ๕ ตัวชื่อว่า พละตัวหนึ่ง พลาวหนะตัวหนึ่ง ปุปผะตัวหนึ่ง ปุปผวาหนะตัวหนึ่ง สุปัตตะตัวหนึ่ง ท้าวเธอทรงแต่ม้าสุปัตตะตัวเดียวเท่านั้น อีก ๔ ตัวนั้นได้ทรงมอบให้ควาญม้าขี่ออกไปสืบข่าวสาส์น กล่าวคือ ทุกๆ เช้า เมื่อท้าวเธอเสวยเช้าแล้วก็ตรัสส่งควาญม้าทั้ง ๔ นั้นว่า ท่านทั้งหลายจงพากันไปเที่ยวสืบข่าวให้รู้ว่า พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้าเกิดขึ้นแล้วจงนำมาบอกแก่เราควาญม้าทั้ง ๔ นั้นก็ออกจากเมืองตามประตูทั้ง ๔ แล้วไปเที่ยวสืบข่าว สิ้นระยะทางคนละโยชน์ แล้วจึงพากันกลับทุกวันไป ของดเนื้อความในคัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถาไว้เพียงเท่านี้.


    <O:pเอวํ ก็มี ด้วยประการฉะนี้ฯ

    <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2011
  2. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    ขออนุโมทนา สาธุ ๆ
    กับท่านทั้งหลายในอดีตชาติที่ได้ทำบุญสร้างเสนาสนะและสร้างบุญกุศลทุกอย่าง
    และท่านที่ได้เผยแพร่พระธรรมด้วยครับ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2011
  3. anand

    anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +641
    อนุโมทนา กับคุณ deelek ในทุกกระทู้ที่เข้ามาอ่าน

    หากแม้นมีอานิสงส์ที่พึงสำเร็จประโยชน์แก่ข้าพเจ้าที่ได้ถวายธรรมทานเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัยนี้เพียงไร ก็ขออาราธนาอำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยจงสำเร็จประโยชน์ต่อคุณ deelek และผู้อ่านทุกท่านด้วยเทอญ.
     

แชร์หน้านี้

Loading...