อานิสงส์สร้างเชิงตะกอน

ในห้อง 'พระไตรปิฎก' ตั้งกระทู้โดย anand, 1 กรกฎาคม 2011.

  1. anand

    anand เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,118
    ค่าพลัง:
    +641
    อานิสงส์ปราบพื้นที่บริเวณไม้ศรีมหาโพธิ์
    อานิสงส์ถวายพัดหางนกยูง
    อานิสงส์ตั้งคบเพลงิไว้ภายใต้ไม้ศรีมหาโพธิ์
    อานิสงส์ถวายเครื่องรองเหยียบ
    อานิสงส์สร้างเชิงตะกอน

    พระไตรปิฏก มหาวิตถารนัย ๕,๐๐๐ กัณฑ์<O:p</O:p
    (ส.ธรรมภักดี)<O:p</O:p
    กัณฑ์ที่ ๑๕๕<O:p</O:p
    คัมภีร์ขุททกนิกาย พระอปทาน
    <O:p</O:p
    ว่าด้วยเรื่องพระเถรเจ้า ๑๐ องค์ ในวรรค์ที่ ๔๖

    <O:p</O:p
    ธมฺมทสฺสิสฺส มุนิโร โพธิยา ปาทมุตฺตเม<O:p</O:p
    ปสนฺนจิตฺโต สุมโน ชคตึ การยึ อหํ<O:p</O:p
    ทริโต ปพฺพตาโต วา รุกฺขโต ปติโต อหํ<O:p</O:p
    จุโต ปติฏฺฐํ วนฺทามิ ชคติยา อิทํ ผลนฺติ.


    <O:p
    ณ บัดนี้ อาตมภาพจักได้แสดงคัมภีร์พระอปทาน กัณฑ์ที่ ๑๕๕ ว่าด้วยเรื่องพระเถรเจ้า ๑๐ องค์ ในวรรคที่ ๔๖ สืบต่อไป เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา และพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ตลอดกาลนานหาประมาณมิได้

    <O:p</O:pเรื่องพระเถรเจ้า ๑๐ องค์ ในวรรคที่ ๔๖


    </O:p
    ดำเนินความตามวาระพระบาลีอันมีในวรรคที่ ๔๖ ซึ่งว่าด้วยเรื่องของพระเถรเจ้าทั้ง ๑๐ องค์นั้นว่า องค์ที่ ๑ ได้กล่าวไว้ว่า เราได้ปราบพื้นที่ในบริเวณไม้ศรีมหาโพธิ์ แห่งพระธัมมทัสสีพุทธเจ้าด้วยความเลื่อมใส ตั้งแต่ชาตินั้นมา เราตกเหวหรือภูเขา หรือต้นไม้ เราก็ได้ที่อาศัย โจรผู้ร้ายทั้งหลายก็ไม่กล้าเบียดเบียนเรา กษัตริย์ทั้งหลายก็ไม่กล้าดูหมิ่นเรา เราได้ล่วงพ้นข้าศึกทั้งปวง เราเกิดมาเป็นเทพยดามนุษย์ใดๆ ก็ตาม เราก็มีผู้บูชาในที่ทั้งปวง นับจากชาตินั้นมาได้ ๑๑๘ กัลป์ เราไม่เคยรู้จักทุคติเลย มาบัดนี้เราก็ได้เผากิเลสทั้งหลายเสียแล้ว ได้ถอนภพทั้งปวงเสียแล้ว ได้ตรัสเครื่องผูกเหมือนกับช้างทำลายเครื่องผูกให้ขาดเสียแล้วเป็นผู้มีไม่อาสวะแล้ว การที่เรามาสู่สำนักพระพุทธเจ้านี้เป็นการมาดีแล้ว เราได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้ว ได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้


    <O:pองค์ที่ ๒ ได้กล่าวไว้ว่า เราผู้มีใจเลื่อมใสได้ถวายพัดหางนกยูงแด่พระพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก มาบัดนี้ เราก็ได้ดับไฟทั้ง ๓ แล้วได้ความสุขอันไพบูลย์แล้ว พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นของประเสริฐ นับแต่เราได้ถวายพัดหางนกยูงนั้นมาได้ ๓๑ กัลป์ เราไม่เคยรู้จักทุคติเลย มาบัดนี้ เราก็ได้เผากิเลสทั้งหลายเสียหาย ได้ถอนภพทั้งปวงเสียแล้ว ได้ตัดเครื่องผูกเหมือนกับช้างทำลายเครื่องผูกให้ขาดเสียแล้ว ไม่มีอาสวะแล้ว การที่เราย่างเข้ามาในพระพุทธศาสนานี้ เป็นการมาดีแล้ว เราได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้วไว้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้

    <O:pองค์ที่ ๓ ได้กล่าวไว้ว่า เราได้ไหว้ไม้ศรีมหาโพธิ์ของพระติสสพุทธเจ้า แล้วได้ตั้งพัดไว้บนสีหาสนะ คือธรรมาสน์ที่นั่งแสดงธรรมซึ่งมีอยู่ภายใต้ไม้ศรีมหาโพธิ์นั้น จำเดิมแต่นั้นมาได้ ๙๒ กัลป์ เราไม่เคยรู้จักทุคติเลย อันนี้เป็นผลแห่งการถวายพัด มาบัดนี้ เราก็ได้เผากิเลสทั้งหลายเสียแล้ว ได้ถอนภพทั้งปวงแล้ว ได้ตัดเครื่องผูกให้ขาดไปเหมือนกับช้างทำลายเครื่องผูกให้ขาด ฉะนั้น การที่เราได้เข้ามาในพระพุทธศาสนานี้ เป็นการมาดีแล้ว เราได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้ว ได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้


    <O:pองค์ที่ ๔ ได้กล่าวไว้ว่า เราผู้มีใจเลื่อมใสได้จุดคบเพลิงไว้ ๓ ดวง ในภายใต้ต้นไม้ศรีมหาโพธิ์ของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า จำเดิมแต่นั้นมาได้แสนกัลป์ เราไม่เคยรู้จักทุคติเลย อันนี้เป็นผลแห่งการถวายคบเพลิง บัดนี้ เราก็ได้เผากิเลสสิ้นแล้ว ได้ถอนภพทั้งปวงแล้ว ได้ตัดเครื่องผูกให้ขาดเหมือนกับ ช้างทำลายเครื่องผูกให้ขาดไปฉะนั้น เราเป็นผู้ไม่มีอาสวะ การที่เราได้มาในสำนักพระพุทธเจ้านี้ เป็นการมาดีแล้ว เราได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้ว ได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้

    <O:pองค์ที่ ๕ ได้กล่าวไว้ว่า เราได้ถวายเครื่องรองเหยียบ แก่พระกกุสนธพุทธเจ้า ซึ่งเสด็จไปสู่ที่พักกลางวันในกัลป์นี้ นับแต่นั้นมาเราก็ไม่รู้จักทุคติเลย อันนี้เป็นผลแห่งการถวายเครื่องรองเหยียบ มาบัดนี้เราก็ได้เผากิเลสสิ้นแล้ว ได้ถอนภพทั้งปวงแล้ว ได้ตัดเครื่องผูกให้ขาดไปเหมือนกับช้างทำลายเครื่องผูกให้ขาดไปฉะนั้น เราไม่มีอาสวะแล้ว การที่เรามาสู่สำนักพระพุทธเจ้านี้ เป็นการมาดีแล้ว เราได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้ว ได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้

    <O:pองค์ที่ ๗ ได้กล่าวไว้ว่า เราได้เก็บเอาดอกหางช้างไปบูชาพระสิทธัตถพุทธเจ้า ผู้เป็นใหญ่ในโลก ผู้คงที่ นับแต่เราได้บูชาพระสิทธัตถพุทธเจ้านั้นมาได้ ๙๔ กัลป์ เราไม่เคยรู้จักทุคติเลย อันนี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า มาบัดนี้ เราก็ได้เผากิเลสสิ้นแล้ว ได้ถอนภพทั้งปวงแล้ว ได้ตัดเครื่องผูกให้ขาดแล้ว เหมือนช้างทำลายเครื่องผูกให้ขาดไปฉะนั้น เราไม่มีอาสวะแล้ว การที่เรามาสู่สำนักพระพุทธเจ้านี้เป็นการมาดีแล้ว เราได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้วได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้


    <O:pองค์ที่ ๗ ได้กล่าวไว้ว่า ในเวลานั้น แผ่นดินก็ร้อนด้วยแสงแดดดังกองเพลิง พระปทุมุตตรพุทธเจ้าได้เดินจงกรมอยู่ในที่แจ้ง เราได้กั้นร่มเดินทางไป พอได้เห็นพระองค์ ก็คิดขึ้นมาว่า พื้นดินกำลังมีแดดแผดเผา เวลาเหยียบลงไปก็ร้อนดับเหยียบถ่านไฟ ลมใหญ่อันพัดเครื่องนุ่งห่มในกายให้เลิกขึ้นก็กำลังปรากฏอยู่ คิดดังนี้แล้ว ก็คิดต่อไปว่า ร่มของเรานี้ย่อมกำจัดดินร้อนได้ ป้องกันแดดลมได้ ขอพระพุทธเจ้าจงทรงรับร่มคันนี้เถิด เราจักได้พบความเยือกเย็น พระปทุมุตตรพุทธเจ้าผู้มีพระเมตตากรุณา ผู้มียศใหญ่ ทรงทราบความคิดของเราแล้วก็ทรงรับร่มของเราไว้ ต่อจากชาตินั้นมา เราได้เกิดเป็นพระอินทร์อยู่ตลอด ๓๐ กัลป์ เป็นพระเจ้าจักรพรรดิอยู่ ๕๐๐ ชาติ เป็นพระราชาเฉพาะประเทศหนึ่งๆ อยู่นับชาติมิได้ เราได้เสวยผลกรรมที่ดีของเราแล้ว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว ได้มีผู้กั้นเศวตฉัตรให้เราทุกเมื่อจนกระทั่งทุกวันนี้ นับแต่เราได้ถวายร่มนั้นมาได้แสนกัลป์ เราไม่เคยรู้จักทุคติเลย อันนี้เป็นผลแห่งการถวายร่ม มาบัดนี้เราก็ได้เผากิเลสสิ้นแล้ว ได้ถอนภพทั้งปวงแล้ว ได้สลัดเครื่องผูกเหมือนช้างสลัดปลอกแล้ว ไม่มีอาสวะแล้ว การที่เรามาสู่สำนักพระพุทธเจ้านี้เป็นการมาดีแล้ว เราได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้ว ได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้


    <O:pองค์ที่ ๘ ได้กล่าวไว้ ว่าเมื่อพระปทุมุตตรเจ้า ผู้มียศใหญ่ได้ปรินิพพานไปแล้ว เราได้ถือเอาผอบดอกไม้ไปโปรยลงที่พระบรมศพของพระองค์ ครั้นเรามีใจเลื่อมใสต่อพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นแล้ว เราก็ได้ไปสู่สวรรค์ชั้นนิมมานรดี เวลาเราอยู่ในสวรรค์นั้น ได้มีห่าฝนดอกไม้ตกจากอากาศลงมาถูกตัวเราทุกเมื่อ ในเวลาเราเกิดเป็นมนุษย์ เราก็ได้เป็นพระราชาผู้มียศใหญ่ ได้มีห่าฝนดอกไม้ตกลงมาบูชาเราทุกเมื่อ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว ถึงแม้ว่าชาตินี้ก็ยังมีห่าฝนดอกไม้ตกลงมาถูกตัวเราทุกเมื่อ นับแต่เราได้โปรยดอกไม้ลงที่พระบรมศพของพระพุทธเจ้านั้นมาได้แสนกัลป์ เราไม่เคยรู้จักทุคติเลย อันนี้เป็นผลแห่งการบูชาพระบรมศพพระพุทธเจ้า มาบัดนี้เราได้เผากิเลสสิ้นแล้ว ได้ถอนภพทั้งปวงเสียแล้ว ได้สลัดเครื่องผูกเหมือนช้างสลัดปลอกแล้ว ไม่มีอาสวะแล้ว การที่เรามาสู่สำนักพระพุทธเจ้านี้เป็นการมาดีแล้ว เราได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้ว ได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้


    <O:pองค์ ๙ ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อบุคคลแห่พระบรมศพของพระปทุมุตรพุทธเจ้าออกไป เราได้มีใจเลื่อมใสได้บูชาพระองค์ด้วยดอกไม้ นับแต่นั้นมาได้แสนกัลป์ เราไม่เคยรู้จักทุคติเลย อันนี้เป็นผลแห่งการบูชาพระบรมศพของพระพุทธเจ้า มาบัดนี้เราก็ได้เผากิเลสแล้วสิ้น ได้ถอนภพทั้งปวงเสียแล้ว ได้สลัดเครื่องผูกเหมือนช้างสลัดปลอกแล้ว ไม่มีอาสวะแล้ว การที่เรามาสู่สำนักพระพุทธเจ้านี้เป็นการมาดีแล้ว เราได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้ว ได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้



    องค์ที่ ๑๐ ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อมหาชนสร้างเชิงตะกอนที่ถวายพระเพลิงพระปทุมุตตรพุทธเจ้าแล้วรวบรวมไม้หอมต่างๆ มานั้น เราผู้มีใจเลื่อมใสได้ถวายเครื่องหอมกำมือหนึ่ง จำเดิมแต่นั้นมาได้แสนกัลป์ เราไม่เคยรู้จักทุคติเลย อันนี้เป็นผลแห่งการบูชาเชิงตะกอน มาบัดนนี้เราก็ได้เผากิเลสสิ้นแล้วได้ถอนภภพทั้งปวงแล้ว ได้สลัดเครื่องผูกเหมือนช้างสลัดปลอกแล้ว สิ้นอาสวะแล้ว การที่เรามาสู่สำนักพระพุทธเจ้านี้เป็นการมาดีแล้ว เราได้สำเร็จวิชชา ๓ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ อภิญญา ๖ แล้ว ได้กระทำตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ดังนี้ สิ้นเรื่องพระเถรเจ้า ๑๐ องค์ ตามวาระพระบาลีอันมีในวรรคที่ ๔๖ แห่งคัมภีร์พระอปทานเพียงเท่านี้

    <O:pขอท่านผู้ฟังทั้งหลายจงเข้าใจเถิดว่า พระเถรเจ้าทั้ง ๑๐ องค์นั้น ได้เป็นผู้ได้ทำบุญไว้ในพระพุทธศาสนาทั้งนั้น บางองค์ก็ได้รับผลบุญตลอดแสนกัลป์ ในที่สุดก็ได้สำเร็จวิมุตติ มรรคผล นฤพาน คือวิชชา ๓ อันได้แก่บพเพนิวาสญาณ การระลึกชาติหนหลังได้ ๑ จุตูปปาตญาณ การรู้จักจุติ ปฏิสนธิ พร้อมผลกรรมของสัตวโลกทั้งหลาย ๑ อาสวักขยญาณ การกระทำให้สิ้นอาสวะกิเลส ๑ วิชชา ๓ ประการนี้ เป็นวิชชาของพระอรหันต์เป็นวิชชาอันสูงสุดในพระพุทธศาสนา ทั้งได้สำเร็จปฏิสัมภิทา ๔ คือ อัตถปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในผล ๑ ธัมมปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในหตุ ๑ นิรุตติปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในภาษา ๑ ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในการโต้ตอบ ๑ ทั้งได้สำเร็จวิโมกข์ ๗ คือ ฌานสมาบัติ ๘ และอภิญญา ๖ อันได้แก่การแสดงฤทธิ์ได้ เป็นต้นซึ่งเป็นผลแห่งบุญกุศลที่ได้ทำมาแล้วนั้นฯ เพราะฉะนั้น ควรที่เราท่านทั้งหลายจะทำบุญกุศลสุจริตไว้ด้วยกาย วาจา จิต จึงจะเป็นการดี สิ้นเนื้อความในเทศนากัณฑ์นี้เพียงเท่านี้.


    <O:pเอวํ ก็มี ด้วยประการฉะนี้ฯ


    <O:p</O:p
     
  2. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    [​IMG]
    อนุโมทนา สาธุ ๆ ในบุญกุศล
    กับท่านทั้งหลายที่ได้นำ
    พระธรรมมาเผยแพร่ด้วยครับ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    [​IMG]
    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...