อานิสงค์ถวายน้ำอ้อย

ในห้อง 'บุญ-อานิสงส์การทำบุญ' ตั้งกระทู้โดย วงบุญพิเศษ, 30 กรกฎาคม 2011.

  1. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    [​IMG]

    เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยพุทธกาล เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระเวฬุวันมหาวิหาร ในกรุงราชคฤห์ ได้มีพระอรหันต์เถระ ๓ รูป เข้าจำพรรษาที่วัดใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ครั้นออกพรรษาและปวารณาแล้ว จึงออกเดินทางเพื่อจะไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา ระหว่างทางใกล้จะถึงเมืองราชคฤห์ได้เดินผ่านไร่อ้อยของพราหมณ์มิจฉาทิฏฐิคนหนึ่ง ซึ่งตอนที่ไปถึงเป็นเวลาเย็นพอดี จึงเข้าไปถามคนเฝ้าไร่อ้อยว่า “พ่อหนุ่ม ถ้าอาตมาเดินทางต่อไป วันนี้จะถึงกรุงราชคฤห์ไหม” คนเฝ้าไร่อ้อยได้เรียนให้ทราบว่า “ไม่ถึงหรอกขอรับ กรุงราชคฤห์อยู่ห่างจากที่นี้อีกประมาณครึ่งโยชน์ นิมนต์พระคุณเจ้าพักอยู่ที่นี้ก่อนก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ” เมื่อพระเถระทั้งสามได้ฟังแล้วจึงถามว่า “พ่อหนุ่ม ที่นี่มีที่ไหนพอจะพักได้บ้างล่ะ” คนเฝ้าไร่อ้อยเรียนว่า “ไม่มีขอรับ แต่ไม่เป็นไร กระผมจะจัดที่พักถวายพระคุณเจ้าทั้งสามเอง”


    จากนั้นคนเฝ้าไร่อ้อยได้ทำที่พักชั่วคราวเป็นมณฑปกิ่งไม้มุงด้วยใบอ้อย พื้นปูด้วยฟางถวายพระเถระองค์แรก จากนั้นได้นำอ้อยสามลำมาผูกเป็นไม้สามเส้า แล้วมุงด้วยหญ้าและปูพื้นด้วยหญ้า ถวายพระเถระองค์ที่สอง หลังที่สามทำด้วยไม้สองสามท่อนที่มีอยู่ในกระท่อมของตน และเอากิ่งไม้มาทำเป็นเสาคลุมด้วยจีวร ทำเป็นกลดถวายแด่พระเถระองค์ที่สาม


    ฝ่ายพราหมณ์เจ้าของไร่เดินสวนทางกับพระเถระทั้งสามพอดี เมื่อเห็นพระเถระถืออ้อยองค์ละลำ จึงถามว่า “ท่านได้อ้อยมาจากไหน” เมื่อพระเถระตอบว่า “คนเฝ้าอ้อยถวายพวกอาตมา” พราหมณ์มิจฉาทิฏฐิฟังแล้วจึงโกรธมาก รีบเดินไปไต่ถามคนเฝ้าอ้อยว่าได้ถวายลำอ้อยพระไปจริงหรือเปล่า เมื่อคนเฝ้าไร่อ้อยยอมรับ ด้วยความโมโห จึงใช้ท่อนไม้ฟาดศีรษะของคนเฝ้าไร่อ้อยอย่างแรง ทำให้เขาเสียชีวิตทันที ด้วยความที่คนเฝ้าไร่อ้อยกำลังปีติอยู่ในบุญ เมื่อตายแล้วจึงได้ไปบังเกิดในสุธัมมาเทวสภา มีช้างพลายทิพย์ตัวใหญ่ขาวปลอดเป็นยานพาหนะ


    เมื่อบิดามารดาและญาติมิตรทราบข่าวการตายของเขาจึงรีบพากันไปยังสถานที่เกิดเหตุ ส่วนพวกชาวบ้านได้มาร่วมชุมนุมฌาปนกิจร่างของเขา ณ ที่ตรงนั้นเอง และในขณะนั้นเทพบุตรใหม่ ได้ขี่ช้างทิพย์ที่เกิดด้วยบุญญานุภาพของตน แวดล้อมด้วยหมู่เทพที่ประโคมดนตรีอันไพเราะเสนาะโสต ลงมาจากเทวโลก พร้อมกับบริวารเป็นอันมาก มาลอยอยู่ในอากาศให้ที่ประชุมนั้นได้เห็น


    ที่ประชุมนั้นมีอุบาสกคนหนึ่ง ได้ถามเทพบุตรว่า “ท่านทำบุญอะไรมา ถึงมีช้างเผือกเป็นยานทิพย์ มีดนตรีประโคมกึกก้องอยู่ในอากาศ ท่านเป็นเทวดาหรือคนธรรพ์ หรือเป็นท้าวสักกะ” เทพบุตรตอบว่า “เราไม่ใช่เทวดา ไม่ใช่คนธรรพ์ ไม่ใช่ท้าวสักกะ แต่เราเป็นเทพบุตรในบรรดาเหล่าเทพที่ชื่อว่า สุธัมมา”


    อุบาสกถามต่ออีกว่า “พวกเทพสุธัมมา เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ได้ทำกรรมอะไรเอาไว้ ถึงได้เข้าถึงความเป็นสหายของเทพสุธัมมา” เทพบุตรได้ตอบว่า “ผู้ใดถวายมณฑปอ้อย มณฑปหญ้า และมณฑปผ้า หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งในสามอย่างนี้ ผู้นั้นย่อมเข้าถึงความเป็นพวกเทพสุธัมมา” แล้วประกาศคุณของพระรัตนตรัย ชื่นชมความเป็นเนื้อนาบุญของพระสงฆ์ให้กับบิดามารดาหมู่ญาติและมหาชนได้รับฟัง แล้วกลับไปยังเทวโลกทันที

    [​IMG]

    ชาวบ้านได้ฟังคำของเทพบุตรแล้ว เกิดความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ได้ตระเตรียมเครื่องอุปกรณ์การถวายทานมากมายโดยบรรทุกเต็มเกวียนหลายเล่มเกวียน พากันไปยังพระเวฬุวันมหาวิหาร ถวายมหาสังฆทานแด่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข จากนั้นจึงกราบทูลเรื่องที่เกิดขึ้นถวายพระบรมศาสดา เมื่อพระบรมศาสดาได้สดับแล้วทรงเอาเรื่องนี้เป็นเหตุในการแสดงธรรมโดยพิสดารให้ชาวบ้านเหล่านี้ฟัง ทำให้ชาวบ้านทั้งหมดตั้งอยู่ในสรณะและศีล มีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย จากนั้นต่างได้ช่วยกันสร้างวิหารตรงสถานที่ที่คนเฝ้าไร่อ้อยนั้นเสียชีวิต เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความดี


    จากเรื่องนี้ จะเห็นว่า บุญที่ทำเอาไว้กับพระภิกษุสงฆ์ผู้เป็นเนื้อนาบุญ สามารถบันดาลสมบัติใหญ่ให้เกิดขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยที่เจ้าของบุญเองก็คาดไม่ถึง แม้บางครั้งบุญไม่ส่งผลในปัจจุบันชาติ เราต้องแยกแยะให้ออกว่า บุญส่วนบุญ วิบากกรรมที่เคยทำเอาไว้ก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง บุญที่ทำในชาตินี้สามารถส่งผลต่อในปรโลกได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรดูหมิ่นบุญเล็กน้อยว่าจะไม่มีผล บุญที่เราสั่งสมทีละน้อย ไม่ช้าก็จะเต็มเปี่ยมได้ เหมือนการสร้างอาคารบ้านเรือน ที่ต้องใช้ปูน กรวด หิน ดิน ทรายเม็ดเล็กๆมารวมกัน จนทำให้เกิดเป็นอาคารที่ใหญ่โตแข็งแรงได้ การสร้างบุญก็เช่นเดียวกัน ต้องหมั่นสั่งสมสร้างทั้งบุญใหญ่ บุญปานกลาง และบุญเล็กน้อย ทำหมดทุกๆบุญ ในที่สุดบุญบารมีของเราจะเต็มเปี่ยม ดังนั้นขอให้ทุกท่านอย่าประมาทในการสั่งสมบุญ ทั้งทาน ศีล ภาวนาต้องให้ถึงพร้อม โดย จะเป็นบุญใหญ่ที่นำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทาง คือพระนิพพาน

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2011
  2. deelek

    deelek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    6,696
    ค่าพลัง:
    +16,255
    [​IMG]

    [​IMG]
    กับท่านทั้งหลายที่ได้สร้างบุญกุศลทุกอย่างถวาย
    ให้พระพุทธเจ้า และ/หรือ ถวายเป็นสังฆทานให้พระภิกษุสงฆ์
    ตลอดจนสร้างบุญกุศลทุกอย่างไว้ในพระพุทธศาสนา
    ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและในอนาคตกาล ด้วยเทอญ
    นิพพานัง ปัจจโย โหตุ
    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...