อะไรคือความสมบูรณ์แบบ ครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สะพาน, 4 มิถุนายน 2012.

  1. สะพาน

    สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +104
    อะไรคือความสมบูรณ์แบบครับ

    รู้ อย่างไรจึงเรียกว่าเข้าถึงความสมบูรณ์แบบ ครับ

    อะไรคือ ความสมบูรณ์แบบ ในความเข้าใจ ของเธอ ครับ
     
  2. jintanakarn

    jintanakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +236
    รู้แจ้งแทงตลอด
     
  3. สะพาน

    สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +104
    โอ้ย...สั้นแต่ cover อะ :'( ตอบเป็นแนวทางอีกนิดก็ไม่ได้
     
  4. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    สมบูรณ์แบบ ๔

    สรณะคมน์ สมบูรณ์แบบ

    ศีล สมบูรณ์แบบ

    สมาธิ สมบูรณ์แบบ

    ปัญญา สมบูรณ์แบบ



    นี่เป็นความเห็น ของ ข้าพเจ้า
     
  5. GoingMarry

    GoingMarry เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +124
    ความถูกต้องบวกความงดงาม
    ทั้งศาสตร์และศิลป์ เป็นหนึ่งเดียว
    เรียกอีกอย่างว่าไร้ที่ติ

    นี้เป็นความเห็นของข้าพเจ้า
     
  6. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ฮ่า..ฮ่า..ไม่ยากขอรับ ถ้าคุณเป็นมนุษย์ คุณก็ต้องมีอาการครบ 32 มีครอบครัว มีการพลัดพรากจากครอบครัว มีการสังคมเป็นอยู่ร่วมกับผู้อืน มีศาสนา มีประเทศที่อยู่อาศัย และที่สำคัญ คุณต้องมี ปัจจัย สี่ คือ ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ยารักษาโรค อย่างครบถ้วน นั่นแหละคือความสมบูรณ์แบบ ของมนุษย์ ง่ายๆ....ง่ายๆ....
    หมายเหตุ..นอกเหนือจากนั้นคุณจะเอาอะไรอีกขอรับ ........
     
  7. oatthidet

    oatthidet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    3,498
    ค่าพลัง:
    +1,876
    ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ มีแต่นึกคิดเอาเองเท่านั้น ที่จะเห้นว่าสมบูรณ์แบบ

    แต่ก็ไม่พ้นความเป็นจริง ที่ว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ หากจะกล่าวถึงความสมบูรณ์แบบ

    คงจะเป็น การที่ไม่กลับมาเกิดอีกตลอดกาล จึงจะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ

    สาธุครับ
     
  8. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ความสมบูรณ์แบบอยู่ที่กาย วาจา ใจ ทำดีไม่ทำชั่ว พูดดีไม่พูดชั่ว และคิดดีไม่คิดชั่ว เป็นสัมมาทิฏฐิ และศรัทธาธรรม...
     
  9. somchai_eee

    somchai_eee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +413
    จิต+เจตสิก+วิชชา=สายกลาง
    ในโลก ใจพอ เมื่อไหร่ สมบูรณ์แบบเมื่อนั้น
    ในธรรม สิ้นราคะ โทสะ โมหะ สู่สภาวะ ไม่มีคำบรรยายใดกล่าวได้ เมื่อไหร่ สมบูรณ์แบบเมื่อนั้น

    สาธุ
     
  10. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    ความว่าง คือ ความสมบูรณ์แบบที่แท้
    ...เพราะในความว่าง ไม่เคยมีอะไรเกิด จึงไม่มีอะไรดับ...
    มีความสมบูรณ์โดยตัวเอง ปราศจากการแต่งแต้มโดยประการใดๆ...
     
  11. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ถ้าคุณกล่าวอย่างนี้คุณก็พระอนาคามีแล้วล่ะครับ แนะแนวเพิ่มเติม อายตนะต่างๆต้องไม่ปรุงด้วยนะครับ........
     
  12. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    อาราธนาคุณน้ำ-จันทร์แดงธรรมอรหัตตมรรคให้ผมอ่านด้วยนะครับ ขอบคุณครับ......
     
  13. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241

    ...ข้าพเจ้า มิได้เป็นพระอรหันต์ จึงไม่สามารถแสดงธรรมอรหันตมรรคให้ได้..เพราะความเป็นพระอรหันต์นั้นเนื่องด้วยจิต..มิใช่ด้วยความรู้ความเข้าใจ..แต่อย่างใด

    ..สิ่งที่รู้ เห็นและเข้าใจไม่ว่าในธรรมใด นั่นคือ ตัวปัญญา...แม้จะเป็นตอนสำคัญของเรื่อง..แต่ก็ยังไม่ใช่ตอนอวสานของเรื่อง
    ..ตอนอวสานที่แท้.. คือจิตที่คลายออกจากความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวงต่างหาก..นั่นละฉากจบที่บริบูรณ์..

    หากจะแนะนำท่านได้บ้าง ก็ขอให้เป็นไปเพื่อประโยชน์เป็นที่ตั้ง...
    ...ก่อนอื่นต้องถามความปรารถนาท่านก่อนว่าท่านต้องการบรรลุในภูมิใด..หากท่านต้องการยังประโยชน์แก่สัตว์โลกในกาลเบื้องหน้า..ข้าพเจ้ามิอาจให้คำแนะนำท่านได้..ท่านจะต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยตัวท่านเอง..ทีละขั้น เพื่อความเข้าใจที่กระจ่างชัด ไม่ซัดซ่าย เพื่อนำไปอธิบายให้ผู้ที่มีจริตแตกต่างกันสามารถเข้าใจธรรมแต่ละข้อ...ดังนั้น ขอให้ท่านศึกษาจากทางผู้รู้ปริยัติ...และผู้ปรารถนาพุทธพุทธภูมิท่านอื่นเถิด

    ....แต่หากท่านเป็นเพียงผู้ต้องการแสวงหาทางพ้นทุกข์เช่นเดียวกับข้าพเเจ้า.. ก็ถือซะว่าคำแนะนำของข้าพเจ้าเป็นหนังสืออ่านประกอบเล็กๆ สักเล่ม นอกบทเรียน..เพื่อให้สามารถทำความเข้าใจกับตำราในระบบให้เข้าใจยิ่งขึ้นก็แล้วกัน..เพื่อย่นย่อระยะเวลาในการปฏิบัติ..ถ้าเช่นนี้ข้าพเจ้าก็ยินดียิ่ง..
    ...หากท่านเข้าใจธรรมแท้ ท่านจักเห็นว่าความแท้นั้น คือความจริงแล้ว มันคือความไม่มีอะไร... ไม่ใช่ความคิดว่ามันไม่มีอะไร แต่เกิดจากความเห็นที่เกิดขึ้นในจิตว่าไม่เห็นมีอะไร... สิ่งที่เคยยึดว่าเป็นสาระทั้งหมด สุดท้ายก็ไม่เห็นมีอะไร..เราก็แค่ส่วนหนึ่งของธรรม ที่แสนจะธรรมดา และเป็นไปตามธรรมชาติ...การที่ท่านจะละกิเลส ท่านจะละมันได้อย่างไร ในเมื่อท่านมาจากส่วนหนึ่งของธรรมชาติ.. แล้วท่านจะเป็นผู้กำหนดความเกิดดับของธรรมชาติได้หรือ... เมื่อมันมาก็ให้รู้ มองแบบไม่สงสัย ไม่ดัดแปลง..เห็นก็สักแต่เห็น อย่าไปบังคับหรือเอาสมาธิไปกดทับ มิฉะนั้น ท่านก็แค่ระงับมันไว้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น.ภายหน้าเมื่อมีเหตุให้มันเกิดมันก็ย่อมแสดงตัวได้อีก..
    ...ดังนั้น ป่วยการที่จะไปบังคับกดข่ม ถอดถอนในสิ่งที่ไม่มีตัวตน..มันเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยของมัน..หากไม่มีเหตุมันก็ไม่มีผล เพียงแต่เราไม่เอาอัตตาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเหตุและผลนั้น เราอยู่ตรงกลางเห็นความเคลื่อนไหว..ยอมรับความเคลื่อนไหวให้ได้..ความหยุดจะบังเกิดเมื่อเรายอมรับความเคลื่อนไหว..เมื่อเห็นว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติแล้ว ..เมื่อถึงคราวตายก็ย่อมกลับไปสู่ธรรมชาติ.. ดังนี้แล้ว นิพพานอยู่ไกลจากท่านหรือไม่
    ...แต่หากท่านยังมีอุปทานที่จะเปรียบเทียบ ว่าตนยังมีกิเลสมาก ยังมีตัณหาและอุปทานมาก.. สิ่งนี้จักติดเป็นสัญญาขันธุ์ท่านต่อไป.. เมื่อถึงคราวตาย อุปทานตัวนี้เป็นเงาตามตัว..เพื่อหานิพพานที่ไม่รู้ว่าจะมีจุดจบตรงไหน.. ข้าพเจ้ายังไม่เห็นทาง
     
  14. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ...เมื่อมันมาก็ให้รู้ มองแบบไม่สงสัย ไม่ดัดแปลง..เห็นก็สักแต่เห็น อย่าไปบังคับหรือเอาสมาธิไปกดทับ มิฉะนั้น ท่านก็แค่ระงับมันไว้ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น.ภายหน้าเมื่อมีเหตุให้มัน เกิดมันก็ย่อมแสดงตัวได้อีก...
    พิจารณาที่โพชฌงค์ 7
     
  15. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    หากเห็นว่าตนเองมีเวลาที่จะพิจารณาไปตามขั้นตอน ก็แล้วแต่จริตเถิด.. ข้าพเจ้าเองรู้ธรรมมาจากสร้างเหตุมาจากภูมิใดมิอาจทราบ.. รู้แต่ว่า รู้.... (ไม่ได้บอกนะว่าบรรลุอริยะแล้ว) และไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร.. เอาเป็นว่าหากท่านเองก็มีจริตเช่นข้าพเจ้าก็นำไปใช้เท่าที่ไม่ขัดกับธรรมพระพุทธองค์ก็เพียงพอเถิด.. สิ่งใดเป็นโทษให้วางไว้ ณ ที่นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 5 มิถุนายน 2012
  16. สะพาน

    สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +104

    โอ้ย... แค่ที่กล่าวมานี้ ก็วางยากแล้วครับ

    หมายเหตุ เช่นกัน ...ถ้าเอามากกว่านี้สงสัย จะต้องวนเวียนอีกนานโขอยู่ครับ
     
  17. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ผมก็ได้แต่โม้ไปเรื่อยๆน่ะครับ ก็พอเห็นเรื่องการคุยถึงสมาธิ อย่าไปบังคับหรือเอาสมาธิไปกดทับ ตรงนี้ทำให้ระลึกได้ว่า สมัยนึงเคยรู้สึกถอยห่างจากสมาธิ เข้าใจเอาว่าเป็นเช่นการกดทับ
    หากน้อมมาปฏิบัติให้เห็นจริง จะทราบชัดในสมัยที่ควร ไม่ควร จึงต้องถอนออกจากความคิดเดิมที่ว่า
    อย่าไปบังคับหรือเอาสมาธิไปกดทับ
     
  18. สะพาน

    สะพาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +104

    อ้าว..ก็ผมดันเข้าใจว่า ความนึกคิดนั้น มันสมบูรณ์แบบ โดยเหตุปัจจัย อะครับ
    อันนี้ไม่ได้เกี่ยว กันกับ ยึดมั่น หรือ ไม่ยึดมั่นนะ ครับ
    หรือจะกล่าวได้ว่า เหตุปัจจัย นั้นแหล่ะ สมบูรณ์แบบ
     
  19. action_jai

    action_jai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2007
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +241
    1. สติ ความระลึกได้
    2. ธรรมวิจยะ การวินิจฉัยธรรม
    3. วิริยะ ความเพียร
    4. ปีติ ความอิ่มใจ
    5. ปัสสัทธิ ความสงบ
    6. สมาธิ จิตตั้งมั่น
    7. อุเบกขา ความวางเฉย

    ..สิ่งที่ข้าพเจ้าอธิบายมาขัดกับหลักโพชฌงค์ ๗ ตรงไหน... เริ่มจากสติ...ที่จะต้องแจ่มชัด..ส่วนหลังจากนั้นเป็นไปตามธรรมชาติ...จิตเป็นผู้วินิจฉัยธรรมเอง ไม่ใช่เราไปบังคับให้ตนวินิจฉัย..สืบเนื่องไปจนเป็นวิริยะ ที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติ จิตจะมีความเพียรโดยอัตโนมัติ.. เมื่อรู้ธรรม ก็เกิดปิติ และก็คลายไปสู่ความสงบ.. มันตั้งมั่นด้วยตัวของมันเอง วางเฉยด้วยตัวของมันเอง...เราไม่ได้เป็นผู้กระทำใดเลย.. มันจึงเป็นธรรมแท้ ที่เราไม่ได้เป็นผู้กระทำ..<!-- google_ad_section_end -->
    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
     
  20. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    ผมเองก็เคยคิดครับ รู้สึกด้วย ทำด้วย ดังคำกล่าวด้านบน
    หากแต่ตอนนี้ ขณะนี้ รู้ว่า ยังต้องอาศัยการบังคับ อาศัยการเจตนา กระทำเหตุ
    การปล่อยดังกล่าวผมไม่ทราบครับ เพียงระลึกได้ในคำที่ว่า ไม่ประมาท
    จึงกลับเข้าสู่การกระทำ โดยเจตนา ประกอบโยนิโสมนสิการ คือการพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งส่วนของการฟัง และภาวนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...