อย่าเคาะประตูนรก....นะจ๊ะ...ซิบอกให้

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ครูพระ, 24 มิถุนายน 2009.

แท็ก: แก้ไข
  1. ครูพระ

    ครูพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +601
    ขอเตือน...อย่าเคาะประตู นรก....น่ะจ๊ะ....ซิบอกให้
    "นรก"...!.....ระวัง.....อย่าประมาท......จงตั้งมั่นด้วยสติ!
    เกร็ดความรู้ที่พวกท่านทั้งหลายกำลังมองไม่เห็น........เริ่มต้นใหม่ยังไม่สาย!
    วันนี้ท่านทั้งหลายทำอะไรกันอยู่ มาช่วยกันละบาปดีไหม กรรมจะได้ลดน้อยลง
    บทนำ
    ชีวิตของมนุษย์เริ่มเดินทางออกไปจากความเกิด เดินไปตามเส้นทางแห่งกรรม มุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทางคือความดับได้แก่ความตาย ตรงกับพระพุทธพจน์ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กรรมนั้นมี ๒ อย่าง คือ ๑. กรรมดี เรียกว่า กุศลกรรมหรือบุญ ๒. กรรมชั่ว เรียกว่า อกุศลกรรมหรือบาป กุศลกรรมและอกุศลกรรมทั้ง ๒ อย่างนี้เอง ที่ทำให้มนุษย์แตกต่างกัน โดยมีฐานะที่สูงหรือต่ำ ดีหรือชั่ว เป็นต้น ตามพระพุทธพจน์ว่า กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีต แตกต่างกันไป
    กรรมดีนำผู้ทำไปสู่สุคติ คือไปสู่สถานที่ดี ต่อจากนั้นก็ช่วยคุ้มครองรักษาผู้นั้นให้พ้นจากภัยอันตรายและอุปสรรคต่าง ๆ พร้อมกับช่วยผลักดันวิถีชีวิตของเขาให้มีความเจริญรุ่งเรือง มีความก้าวหน้า และทำให้จิตใจมีความร่มเย็นเป็นสุข แม้ในสภาพที่คนอื่นเขาอาจรู้สึกเป็นทุกข์
    ส่วนกรรมชั่ว นำผู้ทำไปสู่ทุคติ คือไปสู่สถานที่ชั่ว หรือนำภัยอันตรายและอุปสรรคต่าง ๆ มาสู่ชีวิต ทั้งทำให้จิตใจมีความเศร้าหมอง เร่าร้อนและเป็นทุกข์แม้ในสภาพที่ไม่น่าจะเป็นทุกข์ สำหรับผู้ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
    เส้นทางแห่งกรรมดี อันจะนำไปสู่สุคติ คือสถานะที่ดี เรียกว่า กุศลกรรมบถ มี ๑๐ อย่าง คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ๗ อย่างนี้เรียกว่า สีลสมบัติ ความไม่โลภอยากได้ของผู้อื่น ความไม่คิดร้ายทำลายใคร ๒ อย่างนี้เรียกว่า จิตตสมบัติ ความเห็นชอบตามทำนองคลองธรรม คือไม่คัดค้าน ไม่ลบล้าง ไม่ทำลาย สิ่งที่สัตบุรุษมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้นสอนไว้ เรียกว่า ทิฏฐิสมบัติ ผู้มีสีลสมบัติ จิตตสมบัติ และทิฏฐิสมบัติย่อมได้มนุษยสมบัติ สวรรคสมบัติ และนิพพานสมบัติอย่างแน่นอน
    ส่วนเส้นทางแห่งกรรมชั่ว อันจะนำไปสู่ทุคติ คือสถานะที่ชั่ว เรียกว่าอกุศลกรรมบถ มี ๑๐ อย่าง ตรงกันข้ามกับกุศลกรรมบถ คือ การฆ่าสัตว์ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ ๗ อย่างนี้ เรียกว่า สีลวิบัติ ความโลภอยากได้ของผู้อื่น ความคิดร้ายทำลายผู้อื่น ๒ อย่างนี้ เรียกว่า จิตตวิบัติ ความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม คือ การปฏิเสธ การลบล้างทำลายสิ่งที่สัตบุรุษมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้นสอนไว้ เรียกว่า ทิฏฐิวิบัติ บุคคลผู้ประกอบด้วยวิบัติ ๓ ประการนี้ ย่อมประสบกับคติวิบัติ คือ ไปเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เปรต สัตว์นรก และอสุรกาย
    ตารางเปรียบเทียบ ประเภทนรก ขุมใหญ่เรียงลำดับจากเบาไปหนัก ขุมที่ ชื่อ อายุนรก เปรียบเทียบจำนวนวัน หมายเหตุ
    1. สัญชีพนรก 500 ปี 1 วันนรก = 9 ล้านปีมนุษย์ 4,500 ล้านปีมนุษย์
    2. กาฬปุตตะนรก 1,000 ปี 1 วันนรก = 36 ล้านปีมนุษย์ 36,000 ล้านปีมนุษย์
    3. สังฆาฏนรก 2,000 ปี 1 วันนรก = 145 ล้านปีมนุษย์ 290,000 ล้านปีมนุษย์
    4 .โรรุวนรก 4,000 ปี 1 วันนรก = 234 ล้านปีมนุษย์ 936,000 ล้านปีมนุษย์
    5 .มหาโรรุวนรก 8,000 ปี 1 วันนรก = 9,216 ล้านปีมนุษย์ 73,728,000 ล้านปีมนุษย์
    6. ตาปะมหานรก 16,000 ปี 1 วันนรก = 184,212 ล้านปีมนุษย์ 2,947,392,000 ล้านปีมนุษย์
    7. มหาตาปะนรก 1/2 กัป ไม่มีการแจ้งไว้ นับไม่ได้
    8. อเวจีมหานรก 1 กัป ไม่มีการแจ้งไว้ นับไม่ได้
    พิเศษ โลกันตนรก ไม่มีอายุ เป็นการทำบาปที่พิเศษที่สุด ไม่มีระบุในตำรา เสร็จจากนี้ต้องไปต่อที่ขุมอเวจีมหานรกต่อไป
    ความหมายของ 1 ปีนรก1 ปี มี 12 เดือน เดือนละ 30 วัน ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับปีมนุษย์
    ความหมายของ 1 กัป สมมติให้มีกล่องที่ กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์ บรรจุเมล็ดผักกาดจนเต็ม เวลาผ่านไป 100 ปี หยิบออก 1 เมล็ด จนกระทั่งหมดไม่มีเหลือ นับเป็น 1 กัป นรกขุมใหญ่ ต้องโทษเพราะไม่เคารพ และผิดในกรรมบถ 10
    เมื่อเราเสียชีวิต หากพลาดพลั้งต้องตกนรก กรรมของเราจะถูกพิจารณา คือ กรรมหนักที่สุดของเรามีอยู่เท่าไร เทียบได้กับขุมใหญ่
    ขุมไหน ก็ไปยังขุมใหญ่นั้นๆ เมื่อเสร็จสิ้นจากขุมใหญ่แต่ละขุม ต้องไปลงนรกบริวารอีก 4 ขุมก่อน แล้วค่อยมาว่ากันอีกครั้งว่ามีกรรมเหลือเท่าไร จากนั้นจึงมาเปรียบเทียบใหม่ ว่ากรรมที่หนักที่สุดนั้นมีอยู่เท่าไรเทียบได้กับขุม ใหญ่ขุมไหน ก็ไปยังขุมใหญ่นั้นๆ ต่อไป ...วนเวียนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดกรรม
    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 1 สัญชีวนรก
    ลักษณะพื้นเป็นเหล็กหนา เผาไฟจนแดงโชน ขอบด้านข้าง 4 ขอบก็เช่นกัน มองออกไปไม่แลเห็นขอบบ่อ มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล แต่จะหาที่ว่างเว้นจากไฟไม่ได้เลย ระหว่างไฟจะมีสรรพาวุธต่างๆ เช่น หอก ดาบ ฯลฯ สารพัดจะมี ถูกไฟเผาแดงจนมีความคมจัด สัตว์นรกที่อยู่ในนั้นจะวิ่งพล่าน เพราะเท้าเหยียบไฟ ร่างกายก็จะถูกเผาไฟติดไฟตลอดเวลา เวลาวิ่งไปก็จะไปกระทบกับหอก ดาบ ฆ้อน หรืออาวุธต่างๆ มาฟัน แทง สับ ร้องครวญครางดิ้นเร่าๆ แต่พอร่างกายขาดแล้ว ก็จะมาต่อติดกันใหม่โดยทันที มาทรมานต่อไป ไม่มีวันตาย สรุปว่ามีไฟเผากายตลอดเวลา มีสรรพาวุธประหัตประหารตลอดเวลา
    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 2 กาฬสุตตนรก
    มีกำแพงทั้ง 4 ด้านเป็นเหล็ก พื้นเป็นเหล็ก ถูกเผาไฟจนแดงโชน นายนิริยบาลจะจับเอาสัตว์นรกนอนลงไป นำเส้นบรรทัดมาตีเป็นเส้น
    ที่ตัว จากหัวถึงท้ายบ้าง ตีตามขวางบ้าง ไม้บรรทัดนั้นทำจากสายเหล็กที่เผาไฟจนแดงโชน มื่อตีเส้นเป็นแนวแล้ว ก็จะนำเลื่อยบ้าง
    ขวานบ้าง มีดอีโต้บ้าง มาสับลงตามรอยที่ตีไว้แล้วนั้น
    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 3 สังฆาฏนรก
    มีกำแพงทั้ง 4 ด้านเป็นเหล็ก พื้นเป็นเหล็ก ถูกเผาไฟจนแดงโชน มีภูเขาเหล็ก 2 ลูก กลิ้งไปกลิ้งมาคอยบดทับสัตว์เหล่านั้น ภูเขาเองก็เป็นเหล็กที่ถูกเผาจนแดงโชนเช่นกัน เมื่อถูกบดจนละเอียดแล้วก็จะฟื้นขึ้นมาใหม่ ไม่ตาย รับการทรมานต่อไป คนที่วิ่งหนีก็จะถูกนายนิริยบาลตีบ้าง แทงบ้าง ฟันบ้าง ตลอดเวลา
    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 4 โรรุวนรก
    มีกำแพงเหล็ก 4 ด้าน ไฟลุกโชน จนหาเปลวไม่ได้ ยิ่งลึกมาก ก็ยิ่งร้อนมากขึ้นไปเรื่อยๆ ตรงกลางขุมจะมีดอกบัวเหล็ก กลีบเหล็กถูกเผาไฟจนแดงโชน กระแสแห่งไฟพุ่งออกจากกลีบตลอดเวลา ไม่มีนายนิริยบาล สัตว์นรกจะถูกกรรมทำให้ต้องเอาหัวมุดลงไปในดอกบัว มือและขาก็จะจุ่มลงไปเช่นกัน กลีบบัวจะงับเข้ามาหนีบขาไว้ถึงข้อเท้า หนีบมือไว้ถึงข้อมือ ส่วนหัวจะหนีบไปถึงคาง เพื่อให้ไฟนั้นเผาอยู่ตลอดเวลา
    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 5 มหาโรรุวนรก
    มีดอกบัวขนาดใหญ่ ไฟร้อนจัด กลีบบัวมีความคมเป็นกรด วางตั้งอยู่ทั่วไป ระหว่างช่องที่ว่างอยู่จะมีแหลนหลาว ปักเอาไว้ โดยเอาปลายแหลมชี้ขึ้น เผาไฟจนแดงโชน แต่ดอกบัวนี้จะไม่งับแน่นนัก สัตว์นรกที่อยู่ในดอกบัวทั้งหลายจะร้อน และดิ้นไปโดนกลีบบัว เมื่อกระทบกลีบบัวก็จะขาดตกลงมา ถูกแหลนหลาวข้างล่างแทงรับไว้ แต่เนื่องจากแหลนหลาวนั้นเป็นไฟลุกแดง จึงทำให้เนื้อตัวของสัตว์นรกนั้นลุกร้อนเป็นไฟ ตกลงมาที่พื้น เมื่อตกถึงพื้น ก็จะมีหมาที่คอยกัดกินจนเหลือแต่กระดูก จนหมดเกลี้ยง แล้วก็จะก่อตัวขึ้นมาเป็นกายใหม่ จากนั้นนายนิริยบาลก็จะบังคับไล่แทงให้ไปอยู่บนดอกบั วต่อไปอีก
    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 6 ตาปะมหานรก
    แสงเพลิงสว่างไสวมาก เป็นแสงไฟละเอียด มีความร้อนจัด สัตว์ร้องระงมเซ็งแซ่ไปหมด มีกำแพงล้อมรอบ 4 ด้าน และพื้นเป็นเหล็กร้อน แดงฉาน มีแหลนหลาวไฟลุกแดงโชน พุ่งมาเสียบเอาสัตว์นรกแล้วเอาขึ้นตั้งไว้ พอไฟไหม้เนื้อหนังหล่นลงมา สัตว์นรกก็จะหล่นลงมาด้วย ก็จะถูกสุนัขขนาดใหญ่เท่าช้าง เที่ยวไล่กัดกิน แทะจนหมดเหลือแต่กระดูกแล้วก็ไปเริ่มต้นใหม่ สัตว์นรกตัวใดไม่ยอมไป ก็จะถูกนายนิริยบาลเอาแหลนไปเสียบแล้วมาขึ้นตั้งไว้อ ย่างเดิม
    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 7 มหาตาปะนรก
    มีกำแพงทุกด้าน มีไฟที่ความร้อนสูง คล้ายแสงสว่าง พุ่งเข้ามาจากรอบทิศ มารวมกันตรงกลาง มีภูเขาที่ตั้งอยู่ตรงกลางขุมนรก ก็จะมีไฟพุ่งเข้าพุ่งออกเป็นเหล็กที่เผาแดง นายนิริยบาลจะบังคับให้สัตว์นรกป่ายปีนขึ้นไปบนยอดเข า วิ่งขึ้นไป พอไปใกล้ถึงยอดก็จะทนไม่ไหว ร่วงหล่นลงมา ก็จะถูกแหลนหลาวที่ปักเอาไว้โดยรอบแทงเข้า เมื่อหล่นจากแหลนหลาวนั้นร่างก็จะเต็ม แล้วถูกไฟเผาตามเดิม
    นายนิริยบาลก็จะมาไล่ให้ขึ้นไปยอดเขาต่อไป
    นรกขุมใหญ่ ขุมที่ 8 อเวจีมหานรก
    พิเศษกว่าทุกขุม คือ ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ กระดูกแดงฉาน เนื่องจากถูกไฟเผาจนสุก ถูกให้ยืนกางแขนกางขา มีกำแพงปิดเฉพาะตัว 6 ทิศ มีหอกแทงทะลุตรึงไว้ทั้งหมด จากบนลงล่าง ซ้ายทะลุขวา หน้าทะลุหลัง หลายสิบเล่ม จนไม่สามารถจะขยับได้เลยแม้แต่น้อย จำนวนสัตว์นรกที่อยู่ในขุมนี้ มีมากกว่าทั้ง 7 ขุม ที่กล่าวมาแล้วรวมกันทั้งหมดเสียอีก
    โลกันตนรก
    นรกขุมใหญ่ พิเศษสุด "โลกันตนรก" ไม่มีอายุ หลังจากใช้กรรมจนหมดแล้ว จะต้องไปต่อที่อเวจีมหานรกต่อไปทันที ลักษณะเป็นภูเขาที่ใหญ่โตประมาณมิได้ ภายในภูเขานั้น เป็นถ้ำขนาดใหญ่มาก มีความเย็นจัดจนบอกไม่ถูก เป็นการทรมานสัตว์นรกด้วยความเย็น ภายในถ้ำมีน้ำเป็นน้ำกรด แรงจัด และเย็นเฉียบ มีแต่ความมืดมิด ไม่มีแสงสว่าง สัตว์นรกทั้งหลายจะไต่ตามผนังข้างๆ ถ้ำ หินที่ผนังจะคมเป็นกรด สัตว์ทั้งหลายจะมองไม่เห็นกัน ต่างก็คิดว่าอยู่คนเดียว พอไต่มาพบกันก็จะนึกว่าเป็นอาหาร ก็กัดกินกันจนตกลงไปในน้ำ น้ำกรดก็จะกัดกร่อนทำลายเนื้อหนังจนหมดสิ้น เหลือแต่กระดูก ก็จะประกอบขึ้นมาเป็นร่าง ไต่ขึ้นมาตามผนังถ้ำใหม่อีกครั้ง ต่อไปเรื่อยๆ จนหมดกรรม
    ท่านทั้งหลายจงอย่าประมาท เทอญ
    เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้แล:boo::boo::boo:
     
  2. rom_pho

    rom_pho สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +19
    อนุโมทนา สาธุ
    เร่งสร้างกรรมดี ละเว้นกรรมชั่วนะครับ ทุกๆ คน
     

แชร์หน้านี้

Loading...