อยากบวชเเต่กลัวปฏิบัติไม่ได้

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย noum77, 25 กรกฎาคม 2013.

  1. noum77

    noum77 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2010
    โพสต์:
    189
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +620
    เพื่อนผมคนเเถวบ้านเจอกันนานๆทีมักจะถามว่า มีเมียหรือยัง หรือไม่ก็บวชหรือยัง ไอ้เราก็บอกว่าเมียยังไม่มีเเละยังไม่ได้บวชด้วย เเต่ละคนก็บอกเป็นเสียงเดียวกันเลย ถ้ายังไม่มีเมีย ไม่มีเเฟนไปบวชก่อนดีกว่า ไอ้เราก็ 30 เเล้ว วัดก็อยู่หน้าบ้านนี้เอง ในชีวิตผมเนี่ยตอน 10-20ปีดูเเคลนพุทธศาสนามาก

    ถึงขนาดคิดว่าทำบุญให้หมาเเมวยังดีกว่าทำกับพระ อยู่ใกล้วัดมากก็เห็นมากอะนะ ยิ่งอยู่ในเมืองด้วย สมัยนั้น net ยังไม่มีเหมือนสมัยนี้ มันเน่ามานานเเล้ว เเต่พออายุได้ 27-ปัจจุบัน ไปเจอ คนธรรมะ ธรรมโม เจ้านายผมเองเเหละพูดเรื่องนี้กรอกหูทุกวันนี้ ก็เลยมาให้ความสนใจ ทำให้เราเปลี่ยนไปหน้ามือเป็นหลังมือเลย ปฏิบัติธรรม สวมมนต์ นั่งกรรมฐาน เเผ่เมตตาเกือบทุกวันนี้ เเต่นั่งได้ไม่นานหรอก

    ตอนนี้ออกจากงานมาทำส่วนตัวเวลาเหลือเยอะมากก็มานั่งคิดๆว่าจะบวชนะ เเต่อยากบวชตอนกลางคืนอะนะพอดีช่วงนี้มีเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับพระมากมายเลย ทั้งพระดัง พระปลอม พระขี้โกง เกือบทุกวันเลย ก็ทำให้ไม่อยากบวชกลัวปฏิบัติไม่ได้ เเทนที่จะได้บุญกลับได้บาปเป็นต้น

    **** ผมขอถามหน่อยซิครับเข้าไปบวชเเล้วเอาเงินเอาทองทำบุญไปสนองความต้องตัวเองนี่ไม่บาปหรอครับ บางคน เรียกตัวเองว่าพระ เเอมมีเมียทั้งที่ยังไม่สึก หรือบางคนหลอกคนทำบุญเอาเงินไปซื้อวัตถุเเจกจ่ายสังคมพระบ้านเรานี่ไม่บาปหนักหรอครับ คนพวกนี้ถ้าตายไปตกนรกหรือเปล่าครับ ผมอ่านไม่เจอเลยเรื่องบาปกรรมของพระที่ปฏิบัติไม่ดีเนี่ย ใครรู้ช่วยบอกหน่อยนะครับ*****
     
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    อธิษฐานถวายตัวต่อองค์สมเด็จพระสัมมาฯไปเลย
    ขอสืบทอดพระศาสนาพุทธ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธโธ
    สืบเสาะหาพระอุปฌาย์ที่เป็นงานตระหนักรู้ในบทบาทเเละ
    หน้าที่ในการอบรมบ่มเพาะพระภิกษุใหม่(ด่านเเรกก็อาจจะ
    ต้องเจออุปฌาย์5พัน)หลังจากนั้นก็ตั้งใจเรียนปริยัติให้จบเบ็ดเสร็จ
    เสด็ดน้ำ (ไม่ให้เวลาเสียไปกับการศึกษาทางเน็ตอีกเเล้ว)อ่านเเต่
    พระไตรปิฎกเเท้ๆเพราะเราจะสืบทอดพระศาสนาพุทธ ความคิดเเบบ
    โลกๆ ให้เขาดำเนินของเขาไป(เพราะคิดเเบบโลกีย์ทำเเบบชาวโลกย์
    มันต้องเละเทะเเบบโลกียะอยู่เเล้วอย่าเอามาเป็นอารมณ์)
    สิ่งที่ต้องยึดเป็นอารมณ์ได้เเก่ ไตรสิกขา ประกอบด้วยศีล สมาธิ ปัญญาเท่านั้น
    ส่วนวิธีการก็อยู่ในปริยัติ เมื่อเรียนจบเเล้วก็เข้าสู่การปฏิบัติ เป็นลำดับต่อไป
    ขอให้ได้บวชสมความปรารถนาครับ โมทนาสาธุ!?!!!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2013
  3. Thanks-Epi

    Thanks-Epi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    984
    ค่าพลัง:
    +2,951
    ตกลงอยากบวช แล้วกลัวปฎิบัติภาวนาไม่ได้ หรือ บวชเพื่อ เข้าใจ /ลดกิเลสลงบ้าง ฯลฯ อ่านแล้ว งงค่ะ
    หากการบวชของคุณนั้น เป็นเพื่อไปเอาเงินทองเขา นั้น บาปแน่ค่ะ ไม่ต้องกลัวแทนคนที่ทำผิด กรรมใครกรรมมัน
    มีพระมากมายที่ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบ แต่ข่าวไม่ประโคมเท่านั้นเอง เพราะขายไม่ได้ คนไม่ชอบ คุยไม่มันปาก นินทาไม่สนุก อย่างดาราคนไหนเป็นชู้ มักจะดังเสมอ (ทำให้มีดาราบางคน ยอมสร้างกระแสโกหกเพื่อทำให้มีข่าว กลับได้รับเชิญออกงานตลอด แน่นอนนั่นคือรายได้มหาศาล)

    แต่การทำผิดอยู่ในผ้าเหลืองนั้น บาปมากกว่า คนธรรมดา อะไรรออยู่คงรู้ๆกัน

    เมื่อก่อนเราก็คิดเหมือนคุณว่า ทำบุญกับหมาแมวยังสบายใจกว่าไปวัด (วัดแถวบ้าน ถ้าต่ำกว่า 100 บาท ไม่ต้องเข้าไปค่ะ สารพัดจ่าย ไม่หยอดก็จะโดนเรียกจนต้องจำใจหยอด อย่างน้อยต้องแบงค์ 20 )

    แต่เดวนี้เรากลับหาพระที่สามารถเข้าไปสนทนาธรรมได้โดยไม่ต้องพกเงิน แถมได้ความรู้ทางธรรมติดตัวด้วย (และโดนเอ็ดว่า ทำไมเข้ามาคนเดียว โยมได้บาปกลับไป เพราะเป็น ญ )
    2 ส. สตรีและสตางค์ เป็นของอันตราย ท่านฝากไว้

    แต่มองกลับกัน เมื่ออยู่ในผ้าเหลืองกลับมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ๆ (เช่นเรา ที่เป็น ญ มีลูก มีภาระ) มีโอกาสปฎิบัติภาวนามากกว่าเราเยอะมาก
    อนุโมทนาล่วงหน้า ในโอกาสดีที่ได้รับค่ะ
     
  4. rukmac

    rukmac เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +377
    ชอบปฏิบัติและอยากบวชด้วยแล้วและไม่มีพันธะใดๆ ให้ห่วงผมว่านี่เป็นฤกษที่ดีที่สุดในชีวิตเลยครับ หากว่าเลยช่วงนี้ไปแล้วมีปัจจัยอื่นเข้ามาสร้างพันธะให้มีห่วงตอนนั้นคงก็ยากขึ้นนะครับ ขออนุโมทนาล่วงหน้า เช่นกันครับ ส่วนถ้าใครบวชแล้วปฏิบัติเลวการบวชนั้นก็ถือว่าเป็นการซื้อนรก ไม่ต้องกังวลเลยกรรมใครกรรมมัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2013
  5. apiraks

    apiraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +508
    อยากบวชอันนี้เป็นเรื่องดีครับ, แต่ลองหาศีลและข้อวัตรมาอ่านๆดูก่อน
    จะได้ไม่ลำบากมากเวลาต้องปฏิบัติจริง และความไม่รู้ในข้อห้ามต่างๆ
    อาจพาไปนรกได้หนักหนากว่าปุถุชนมากมายนัก สำคัญเลยคือต้องเลือก
    สำนักอาจารย์ที่ดี พื้นฐานสำคัญคือต้องปฏิบัติถูกต้องตามพระวินัยให้มาก
    ที่สุด สำนักหรืออาจารย์ไม่มีชื่อเสียงไม่เป็นไร เพราะหากเข้าไปอยู่แล้ว
    ต้องถือนิสัยตามท่าน หากท่านพารับซอง ทำผิดข้อห้ามต่างๆ ท่านก็จะ
    ติดร่างแหไปกับเขาด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กรรมใครกรรมมัน หากท่าน
    ไม่ถือตามพระเหล่านั้น ก็จะร่วมสังฆกรรมด้วยไม่ได้ เพราะท่านจะผิดไปด้วย
    คราวนี้ก็จะอยู่ยาก และเบื่อหน่ายความเป็นพระไปเลยก็มี

    เมื่อตอนอุปสมบทนั้นท่านต้องกล่าวคำมอบกายถวายชีวิตแด่พระรัตนตรัย
    หากในภายภาคหน้าต้องลาสิกขาออกไป ท่านลองคิดดูเองว่าท่านเสียสัจจะ
    กับพระรัตนตรัยหรือไม่ สมัยนี้มีบวชกันสามวันเจ็ดวันแล้วสึก เป็นประเพณีกัน
    ไปแล้ว แน่ใจแล้วหรือว่าเข้าไปสร้างบุญกัน?

    ข้อความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะครับ, หากไม่สอดคล้องกับความเห็น
    ท่านผู้ใด ผมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว และขออโหสิกรรมไว้ล่วงหน้า เพื่อมิให้
    เป็นบาปติดตัวกันต่อไป

    ขอเจริญในธรรมทุกท่านนะครับ
     
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,654
    ค่าพลัง:
    +20,365
    ความจริงผมเองก็อยากบวช แต่เพราะรู้ว่ายังไม่พร้อมและยังไม่ถึงเวลา
    การบวชพระ เป็นของยาก เพราะต้องสละทางโลกแล้ว วิธีการคือ ผมจะฝึกปฏิบัติแบบพระไปด้วย หลายๆอย่าง เช่นการถือศีลเป็นต้น เราเอาแบบพระแต่เราค่อยๆฝึกไปเรื่อยๆ ศีลของพระมี227ข้อ เราค่อยๆศึกษาและค่อยๆทำไปเรื่อยๆ
    เราสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็น ก่อนนอน นั่งภาวนาเจริญสมาธิของเรา ทำไปเรื่อยๆ
    เวลาเราทานอาหารก็ให้ปลงอนิจจัง เวลาเราเข้าห้องน้ำก็ให้ปลงอนิจจังนั่นอุจจาระของฉัน ไม่ต่างกับดารานางงามเหม็นสกปรกเหมือนกัน เวลานุ่งเสื้อผ้าก็ให้ปลงอนิิจจัง เวลาทำงานต้องมีสติปัญญาแยกแยะนี่คืองานเรื่องทางโลกเป็นหน้าที่ ทำอะไรให้มีสติตลอด แม้กระทั่งเวลาคิดเวลาพูด ต้องทำไปด้วยสติและมีเหตุผลอันดีงามประกอบเสมอ
    วันหยุดให้เป็นนักบุญไปแสวง บุญ

    ให้พิจารณาปลงอนิจจังให้มากๆครับ ทุกอย่าง เป็นการเตรียมตัว อีกนิดให้ฝึกสวดมนต์ไว้ให้มากๆหลายบท เพราะก่อนนอนนี่ต้องฝึกสวดมนต์ด้วย

    เมื่อเราฝึกตนหลายๆอย่างพร้อมแล้ว ทุกอย่างพร้อมแล้ว การบวชของเราก็เป็นเรื่อง่าย เพราะปฏิบัติได้มากแล้ว ที่เหลือคือการเข้าไปเรียนรู้ความเป็นพระสงฆ์จริงๆ อะไรที่ควรศึกษาและปฏิบัติอย่างเอาจริงเอาจัง เมื่อผ่านพรรษาไปอย่างน้อย5-10พรรษแล้ว ต้องออก ธุดงค์เพื่อปลีกวิเวก ฝึกฝนตนเองว่า เราละปล่อยวางได้แล้วจริงหรือ แม้ความอดอยาก ความเป็นอยู่การหลับนอน การฉัน การขับถ่าย การอยู่ป่า เขาถ้ำ การธุดงค์เพื่อพิสูจน์จิตใจตน เพื่อการหาความสงบฝึกฝนจิต ให้ละกิเลสได้อย่างแท้จริง เมื่อทำได้จริงแล้วสำเร็จแล้ว มีชัยชนะเหนือกิเลสมารแล้ว ค่อยกลับมาสงเคราะห์ผู้อื่น แนะนำผู้อื่น เป็นกำลังสืบทอดพระศาสนา แต่ถ้ายังสอบไม่ผ่าน การกลับมาเพื่อจะสงเคระห์ผู้อื่นหรือแนะนำสั่งสอนผู้อื่นก็อันตรายมาก เพราะกิเลสมารของจริง มันน่ากลัวกว่าที่คิด กลลวงแผนการอันชั่วช้าของมารมีมากมายนานาวิธี ย่อมพลาดพลั้งได้แน่นอน ครับ

    ดังนั้นเพราะปฏิบัติได้แล้วห่างไกลแล้ว แม้กิเลสมารอะไรมาเบียดเบียนหลอกลวง ก็ย่อมมีปัญญาเอาชนะหลีกหนีได้ ไม่มีอะไรให้หวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว เป็นกำลังสำคัญของพุทธศาสนาได้ต่อไปถึงที่สุดครับ สาธุ
     
  7. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    พระสงฆ์ หรือ พระอริยสงฆ์ เป็นพระที่ดีครับ

    ส่วนพระสมมุติสงฆ์ มีทั้งดีและเลวครับ



    interbannok.com: คู่มือพระบวชใหม่



    เรื่องที่ ๑๖๕
    ตายจากพระสงฆ์ที่บวชมา ๓๐ ปีเศษไปลงอเวจีมหานรก


    ����ͧ��� �����¨ҡ���ʧ������Ǫ�� �� �������ŧ��Ǩ���ҹá �ҡ ���͹ ����Ҫ�����ҹ



    เรื่องที่ ๑๖๖
    ตายจากพระสงฆ์ที่บวชตั้งแต่อายุ ๑๐ ปีเศษถึง ๗๐ ปีเศษไปลงอเวจีมหานรก

    ����ͧ��� �����¨ҡ���ʧ������Ǫ����������� �� ����ɶ֧ �� �������ŧ��Ǩ���ҹá �ҡ ���͹ ����Ҫ�����ҹ


    เรื่องที่ ๑๖๗
    ตายจากพระสงฆ์ทำตัวเรียบร้อยแต่โทษกาเมมีเป็นปกติไปลงอเวจีมหานรก

    ����ͧ��� �����¨ҡ���ʧ���ӵ�����º���������ɡ�������繻�����ŧ��Ǩ���ҹá �ҡ ���͹ ����Ҫ�����ҹ



    เรื่องที่ ๑๖๙
    ตายจากพระสงฆ์มีเงินให้กู้ ไม่ผ่านสำนักพระยายมราชลงนรกเลย



    http://www.luangporruesi.com/816.html


    .
     
  8. สีลสิกขา

    สีลสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    1,271
    ค่าพลัง:
    +7,137
    คิดมาก คิดเยอะฟุ้งซ่านขนาดนี้เป็นการดึงตนเองไม่ให้มีความก้าวหน้าในการสร้างกรรมดีนะคะท่าน จขกท. ตัวอย่างที่ไม่ดีเมื่อเห็นแล้วรู้ ก็วาง ก็พอนะคะ จะไปแบกใส่บ่าทำไมให้หนัก เมื่อในสังคมมีพระที่ทุศีล หากเราต้องบวชก็ยิ่งต้องทำตนให้อยู่ในอริยวินัยให้ได้เพื่อบำรุงรักษาพระพุทธศาสนาของเรา

    อย่าหยุดทำความดี เพราะความไม่ดีของคนอื่น อย่าปิดทางกุศลแห่งตนเพียงเพราะอกุศลของคนบางคน เมื่อใดก็ตามเมื่อเรามีจิตอกุศลเกิดขึ้น เมื่อนั้นเราคือผู้แพ้..และที่สำคัญก็คือ ยิ่งภายนอกมืดมากเท่าไร ภายในหัวใจของเรายิ่งต้องมีแสงสว่างแห่งสติปัญญามากขึ้นเท่านั้น.. ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้นอกเสียจากว่าจะไม่อยากจะทำจริงๆ


    ใครทำกรรมใดไว้ จะต้องได้รับผลของกรรมนั้น ควรมีอุเบกขาในเรื่องภายนอก แต่เน้นพิจารณาเรื่องภายในของเราก่อนดีกว่าว่าจิตของเรานั้นได้รับการฝึกฝนให้เข้าใจและพิจารณาทุกสิ่งอย่างตามความเป็นจริงได้ดีพอหรือยัง ทุกอย่างที่เราอยากรู้นั้น สำคัญที่เราอยากเรียนรู้จริงหรือไม่ เวลาว่างของท่าน จขกท. ดิฉันขอแนะนำให้ศึกษาเรื่องหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมให้ลึกซึ้ง ดิฉันเชืื่่อว่าสามารถเปลี่ยนความคิดของท่านจขกท.ได้ค่ะ^^
     
  9. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    การบวชเป็นของยาก คือยากทั้งการที่จะได้พบกัลยาณมิตรผู้สามารถสอนธรรมะของพระพุทธเจ้าตามจริง และยากทั้งการที่เจ้าตัวต้องประพฤติทวนพฤติกรรมเดิมที่ตนเคยมีในคราวเป็นฆราวาส...ที่เคยชินกับการทำสิ่งต่างๆได้อย่างไม่มีข้อจำกัด..

    การบวชหากไม่ประพฤติเพื่อขจัดขัดเกลากิเลสเพราะเห็นภัยในวัฏฏะ บวชเพราะใครๆว่าดี บวชตามประเพณีบวชเพื่อล้างซวย หรือบวชเพราะหนีหนี้ เพราะตกงาน ว่างมากไม่รู้จะทำอะไรดีฯลฯเป็นต้น ครั้นบวชแล้วก็ไม่ทราบการประพฤติตนตามสมณะวิสัย ยังคงทำตนเยี่ยงฆราวาส ไม่เอื้อเฟื้อต่อพระวินัยอะไรๆเพราะไม่รู้ ไม่มีใครมากล่าวสอนทั้งก็เห็นพระในบริเวณทำตนไม่มีวินัยกันเป็นปรกติ ที่ตนจะแหวกแนวในสิ่งที่ถูกควรย่อมไม่ใช่ฐานะ อาจกลายเป็นถูกเขม่นเพ่งเล็งในหมู่กลุ่มให้ลำบากตนไปเสียอีก จึงตกบันไดพลอยโจนตามเขาไปนรกอย่างเดียว โดยง่ายดายกว่าการอยู่ในเพศฆราวาสมากนัก...

    เมื่อและหากท่านจขกท มีใจกล้าหาญ มิได้หวั่นเกรงในความลำบาก มั่นใจด้วยศรัทธาแรงกล้าว่า ...การครองเพศฆราวาสนั้นคับแคบ การประพฤติพรหมจรรย์เป็นทางเพื่อพ้นทุกข์ ์ได้จริง ก็พึงเร่งปลงผม นุ่งห่มธงชัยของพระอรหันต์โดยเร็วเถิด แล้วศึกษาปริยัติ พร้อมปฏิบัติตามพระวินัย เจริญวิปัสสนาอันเป็น"กิจของพระ"ที่พระพุทธองค์ทรงมอบหมายไว้ให้แก่กุลบุตรผู้บวช ในพระศาสนา...แม้ข้าพเจ้าก็ขออนุโมทนาในกิจนี้อย่างยิ่ง..

    แต่หากเห็นว่า การนำตนไปคลุกคลีด้วยหมู่ที่ไม่มีวินัย แม้ศรัทธาที่ตนมีอยู่ก็ยังอ่อนแรงไม่อาจรักษาศรัทธานั้นไว้ได้ดี ยังให้อินทรีย์อื่นคือสติ วิริยะ สมาธิและปัญญาพลอยโยกเยกไปด้วยแล้ว การเป็นฆราวาสย่อมไม่เสียหาย ทั้งท่านยังสามารถฝึกขัดเกลาตนในการลดละกิเลสด้วยการประพฤติศีล ๕ หรือ๘ ได้..ย่อมมีโอกาสในการพ้นทุกข์ได้ตามลำดับเช่นกัน..เเละไม่เสี่ยงต่อการสร้างทางไปนรกอบายอย่างง่ายดายเท่ากับการเป็นพระที่ต้องอาศัยปัจจัยจากชาวบ้านที่เขานำมาถวายด้วยความเคารพศรัทธานะครับ...

    พิจารณาตามกำลังครับ
     
  10. ผ่อนกรรม

    ผ่อนกรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +400
    ในกรณีมีจุดมุ่งหมาย

    แนะนำให้อ่านประวัติของพระสงฆ์ที่เราเห็นว่าท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ

    ดูว่าท่านพบเจออะไรบ้าง ท่านแก้ไขอย่างไร ในช่วงปฏิบัติ การออกธุดงค์

    บางทีอาจดูเหมือนท่านทรมานกาย แต่ดูให้ลึกว่าทรมานกายหรือทรมานกิเลสในกาย

    แล้วหยั่งใจดูว่าทำได้อย่างที่ท่านทำแค่ไหน กำลังใจเรา(ความศรัทธา ตั้งมั่น)แค่ไหน

    กิเลส ๓ ตัวนี้(โลภ โกรธ หลง)ไม่ได้เลือกที่จะเกิดเฉพาะปุถุชนคนธรรมดานะ

    มันเกิดได้ตลอดเวลากับทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะ ที่ต้องเป็นพระดังในทางเสื่อม

    เพราะดับกิเลสไม่ทันนะ ดูหลวงพ่อชามีคนถวายรถท่านเราปุถุชนก็มองว่ามันเป็นรถ

    แต่ท่านมองว่ามันเป็นงูเห่าที่พร้อมฉกกัดตลอดเวลา(คุณเข้าใจตรงนี้มั้ย)

    ในกรณีบวชตามประเพณี พิจารณาวัดและพระอาจารย์ที่เราจะเข้าบวช ดูปฏิปทาว่า

    ท่านสอนให้ละกิเลสหรือสะสมกิเลส ในกรณีนี้ให้คิดว่าครั้งนึงลูกผู้ชาย จะทนไม่ได้เชียว

    หรือ หากยังไม่มั่นแนะนำให้อยู่ที่บ้าน แต่ปฏิบัติแบบพระดูก่อน อยู่อย่างพระหน่ะ

    ท่านอยู่อย่างไรเราอยู่อย่างนั้น(หวังว่าจะไม่เลือกอยู่แบบพระดังเป็นข่าวนะ ^^)เลือกนิด

    นึงค่ะ อนุโมทนา สาธุค่ะ
     
  11. อภิมาร

    อภิมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    711
    ค่าพลัง:
    +2,154


    ลองตั้งคำถามกับตัวเองก่อนครับ

    ว่าจุดมุ่งหมายในการบวช..เพื่ออะไรกันแน่?
     
  12. ทิกเกอร์_ทิกเกอร์

    ทิกเกอร์_ทิกเกอร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +914
    ในความคิดอยากบวช ....
    ถ้าหากไม่มีภาระหนักหนา เช่น เลี้ยงดูบิดา มารดา หรือผู้มีอุปการะคุณ ถ้าหากท่านยังแข็งแรง เดินเหินได้สะดวก ควรบวชนะคุณ

    ขอแนะนำได้มั้ย...สำหรับที่บอกว่ากลัวปฎิบัติไม่ได้... อยากให้เปลี่ยนวิธีคิด
    "เทน้ำในแก้วของคุณออกก่อน แล้วไปหาเติมน้ำ ในวัดบ้างจะเป็นไร"

    ชีวิตที่ผ่านมา ก็ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านเรื่องดี ผ่านเรื่องเลว มาไม่มากก็น้อย
    ถ้าจะบวชสักครั้งในชีวิต และเป็นเรื่องดีที่สุด คงไม่ผิดอะไรใช่มั้ยล่ะ ธรรมะสอนให้ดูจิต ตัวเอง
    อย่าไปเพ่งจิต เพ่งโทษผู้อื่น ไม่ใช่หรือ ..

    ส่วนเรื่องพระรับเงิน หรือ แอบเสพเมถุน อย่าถามเลย ไม่ได้รู้จริงหรอก จะได้คำตอบแค่กลางๆ
    บวชดู..แล้วจะรู้ว่าความจริงเป็นยังไง นะคุณ


    อยากเห็นพระปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบแนะนำให้เลยนะ .. บวชเองเลย แล้วปฎิบัติให้โลกรู้ ... จะได้ไม่ดูแคลน พระทั้งหลาย


    อนุโมทนา...
     
  13. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    ขอแนะนำให้ท่านเจ้าของกระทู้ทำการบวชใจก่อนครับถ้าคิดว่าเรายังไม่พร้อมที่จะไปบวช เคยอ่านเจอในเว็ปนี้หล่ะกระทู้ไหนก็จำไม่ได้ แต่ก็ให้แง่คิดดีเหมือนกันนะว่าที่วงการพระสงฆ์บ้านเราเกิดเรื่องขึ้นบ่อยครั้งเพราะบวชแต่ตัว ใจของเขายังไม่บวชเลย แต่ว่าเจ้าของกระทู้คงไม่คิดบวชตลอดชีวิตใช่ป่าวครับ เท่าที่อ่านการปฏิบัติของท่านก็นับว่าใช้ได้แล้ว ถ้าไปบวชก็ให้ปฏิบัติอย่างนั้นด้วย และที่สำคัญคือต้องสำรวมในศีลให้มากที่สุด พยายามขบคิดธรรมะโดยเอากรรมฐานที่ถูกจริตมาพิจารณาเท่านี้ก็ไม่เสียแรงที่ชาวบ้านเขาใส่บาตรข้าวน้ำแล้วล่ะครับ แต่ถ้าทำได้ถึงขั้นสำเร็จพระอริยะซักขั้นหนึ่งก็นับว่าได้หลุดจากการเป็นหนี้ข้าวน้ำของชาวบ้าน แถมยังทำให้ชาวบ้านได้บุญอย่างเต็มที่จากเนื้อนาบุญ จากที่พึ่ง จากสรณะที่พวกเขาเคารพนับถือ อนุโมทนาสาธุ สวัสดี
     
  14. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,614
    บวชใจได้ก่อน บวชกายก็ไม่ยาก บวชกายแต่ใจไม่บวช กลับมาสร้างปัญหาให้สังคมและศาสนา เหมือนเช่นที่ได้ยินได้ฟังกันในปัจจุบัน บวชใจทำได้ไม่ยาก บวชได้ทุกย่างก้าว บวชได้ทุกลมหายใจเข้าออก บวชได้ทุกขณะจิต บวชใจเป็นข้อปฏิบัติที่เรียบง่าย โปร่ง เบา สะดวก ไม่ต้องลงทุน ไม่เสียเงิน ไม่เสียเวลา เพราะใช้ใจบวช สามารถบวชได้ในทุกขณะจิต ที่มีผัสสะกระทบ สำหรับฆราวาสอย่างเรา ๆ ปฏิบัติได้ง่ายกว่าพระมาก เพราะรักษาศีลแค่ ๕ ข้อ ทุกอย่างอยู่ที่ความเพียรเป็นสำคัญ ต้องเพียรรักษาศีล จนกระทั่งศีลรักษาจิตเราไม่ให้กระทำผิดศีลอีก ปัจจุบันฆราวาสเรายังถือศีล ๕ ข้อไม่ได้เลย แต่กลับไปบวชพระ ซึ่งจะต้องรักษาศีล ๒๒๗ ข้อ กลับกลายเป็นว่าไปบวชเพื่อลงนรกโดยแท้

    การบวชคือการงดเว้นจากความชั่ว บาป อกุศลทั้งปวง เมื่อบวชแล้วก็จะตั้งใจงดเว้นจากการทำชั่ว ทำผิดไม่เกลือกกลั้วกับความชั่วอีกต่อไป ในขณะเดียวกันที่จะพัฒนาตัวเองให้สูงขึ้น จนสำเร็จมรรคผลนิพานได้ นี่คือความหมายของคำว่าบวชในพระพุทธศาสนา บุคคลที่เข้ามาบวชก็ถือว่ามีเป้าหมายที่จะพัฒนาตนเอง สั่งสมบุญสั่งสมบารมีเพื่อให้บรรลุมรรคผลนิพพานตามอย่างโบราณบัณฑิตทั้งหลายคือเหมือนกับบุคคลในสมัยพุทธเจ้า ต่างก็สละครอบครัว สละบ้านเรือน สละทรัพย์สมบัติ สละความสุขส่วนตัวเข้ามาบวชแล้วก็พัฒนาตนเอง สร้างบุญสร้างบารมีจนได้เป็นพระอริยบุคคลกัน นี่ก็คือเป้าหมายของการบวช


    ฉะนั้นท่านควรมองหาจุดมุ่งหมายเพื่อการบวชของท่านว่าต้องการบวชเพื่ออะไร และจะได้อะไรจากการบวช หากพิจารณาแล้วว่ายังไม่เหมาะไม่ควรก็ยังไม่ควรบวช ไม่เช่นนั้นบวชแล้วก็จะกลายเป็นพระทุศีล ผิดวินัย และทำลายศาสนาให้มัวหมองไปเสียเปล่า ๆ แค่บวชแล้วได้เป็นสมมุติสงฆ์ก็ประเสริฐแล้ว จนกระทั่งสามารถสร้างบารมีไปถึงขั้นอริยสงฆ์ได้ย่อมประเสริฐกว่ายิ่งนัก เมื่อคิดจะบวชหรือตั้งใจจะปฏิบัติให้ดีได้ก็ควรละนิวรณ์ทั้ง ๕ ให้ได้ ถ้าจิตยังเต็มไปด้วยนิวรณ์ทั้ง ๕ ก็คงไม่สามารถทำจิตให้สงบ บรรลุธรรมชั้นสูง หรือทำการงานสิ่งใดให้สำเร็จลงได้

    หากท่านผู้ถามเห็นว่าผู้ที่เข้าไปบวชแล้วยังก่อบาปด้วยการหลอกลวงผู้อื่น ยังติดในกามฉันทะ เป็นบาปหรือไม่ ตายแล้วตกนรกหรือไม่ ก็อย่าได้สงสัยเลย สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน กรรมนั้นย่อมเป็นของเราโดยเฉพาะ เราทำกรรมชั่วอย่างหนึ่ง เราจะต้องรับผลของกรรมชั่วนั้น จะลบล้างหรือโอนไปให้ผู้อื่นไม่ได้ กรรมใดที่ทำลงไปจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมให้ผลตอบแทนเสมอ และย่อมติดตามผู้ทำเสมือนเงาติดตามตัว เปรียบเหมือนกับล้อเกวียนที่หมุนตามรอยเท้าโคไปฉะนั้น สุดแท้แต่ว่ากรรมนั้นจะส่งผลช้าหรือเร็วก็เท่านั้นเอง พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า มิจฉาทิฏฐิ หรือความเห็นผิด ความเห็นที่ผิดจากคลองธรรม เช่นเห็นว่าทำดีได้ชั่ว ทำชั่วได้ดี เป็นบาปที่หนักที่สุด ซึ่งจากการประพฤติผิดมิชอบนี้เอง จะส่งผลให้บุคคลนั้น ๆ ต้องไปเกิดยังนรกอเวจีเพื่อใช้กรรมที่ตนเองก่อไว้หลายร้อยชาติทีเดียว
     
  15. daowdeaw

    daowdeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ขออนุโมทนาบุญกับคำตอบของทุกท่านด้วยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกดีมากเลย การจะบวชแล้วปฏิบัติดีหรือไม่ก็อยู่ที่ใจของตนเอง ถ้ายังทำไม่ได้ก็บวชใจอยู่ที่บ้านเสียก่อนก็เป็นการควรแล้ว ขออนุญาตยกตัวอย่างคำสอนบางช่วงบางตอนของท่านพุทธทาสมาบอกกล่าวไว้ในที่นี้ด้วยนะคะ

    บวชอยู่ที่บ้านทำได้จริงก็มีผลดีเท่าที่ควรได้

    นี่จะบวชอยู่ที่บ้าน แล้วจะเป็นพระอรหันต์อยู่ที่บ้าน พอเป็นพระอรหันต์แล้ว มันก็เลิกหมด ไม่ต้องบวชต้องอะไรดอก เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วมันเลิกบวช เลิกความหมายของคำว่า บวช, บวช หรือประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ต้องมีแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ ยังไม่เป็นพระอรหันต์ ก็ขอให้เป็นผู้บวชด้วยจิตใจทั้งหมดทั้งสิ้นอยู่ที่บ้าน โดยเฉพาะผู้หญิงไม่ต้องสนใจว่าผู้หญิงบวชไม่ได้ แต่เราบวชอยู่ที่บ้านได้อย่างนี้ แล้วเหมือนกัน หรืออย่างเดียวกัน หรือเท่ากัน แม้ไม่มีโอกาสไปบวชกับเขาบ้าง เขาบวชกันเกร่อหมด บวช ๙ วัน ไม่รู้ว่าจะได้ผลอย่างไร.

    แต่อาตมาขอยืนยันว่าบวชอย่างที่ว่านี้เถิด, มี ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา อยู่ที่บ้าน. บวชอยู่ที่บ้าน บริบูรณ์อยู่ด้วยธรรมะ ๕ ประการ ซึ่งทบทวนอีกทีหนึ่งก็ว่า:

    มีศรัทธา เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนถือเอาเป็นที่พึ่ง คือการปฏิบัติหรือคำสอนนั้น แล้วก็ เชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้ เราทำได้ ไม่เหลือวิสัย เราทำได้ แล้วก็ปล่อยให้ทำไปด้วยศรัทธา

    พร้อมกันนั้นก็ มีวิริยะ คือความกล้าหาญ ความพากเพียร ความบากบั่น สนุกสนานในการทำ พอใจในการทำ เป็นสุขเสียเมื่อกำลังทำ ไม่ต้องรอต่อผลงานได้มา กำลังทำอยู่มันก็พอใจและเป็นสุข อิ่มอยู่ด้วยความสุข ได้ความสุขโดยไม่ต้องเสียเงิน

    ทีนี้ก็มีสติ เฝ้าระวังรักษาป้องกัน ไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น ในความคิดความนึกหรือในการกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีผัสสะทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจเอง

    มีสมาธิ คือจิตแน่วแน่ต่อพระนิพพานเป็นอารมณ์อยู่ตลอดเวลา ตลอดเวลาทุกลมหายใจเข้าออก, มีจุดมุ่งมั่นต่อพระนิพพาน เรียกว่า มีเอกัคคตาจิตมุ่งพระนิพพานอยู่ตลอดเวลา แล้วก็ทำทุกอย่างที่รักษาจิตชนิดนั้นไว้ ก็คือแบบสมาธิวิธีต่างๆ มันจะต่างกันอย่างไร มันก็อยู่ที่มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ทั้งนั้น คือมีความหลุดพ้นจากความทุกข์เป็นอารมณ์ด้วยกันทั้งนั้น

    แล้วในที่สุด ก็มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา คือ ความรู้อย่างถูกต้องชัดเจน ในสิ่งที่ต้องกระทำ หรือควรกระทำ อย่าให้ความอยาก เช่นกิเลสตัณหา เพื่อตัวกู-ของกู เข้ามาแทรกแซง นั้นมันจะทำให้เสียหมด นี่เรียกว่า ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง แหละ "ทำงานทุกชนิดด้วยจิตว่าง ยกผลงานให้ความว่างทุกอย่างสิ้น กินอาหารของความว่างอย่างพระกิน ตายเสร็จสิ้นแล้วในตัวแต่หัวที" ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง ไม่มีตัวกู ไม่มีของกู มันไม่มีความทุกข์ ไม่มีปัญหาอะไร, มีจิตที่บริสุทธิ์ อยู่ด้วยปัญญา และ ความสุขสงบ นี่คือ บวชอยู่ที่บ้าน.

    ใครเห็นด้วยก็ลองดู บวชอยู่ที่บ้าน ที่ชะเง้อหาบวชที่วัด บวชในป่านั้น บางทีจะเป็นความโง่ ลำบากมากกว่าคนที่บวชอยู่ที่บ้านก็ได้ ระวังให้ดี. ถ้ามีความตั้งใจจริง ระมัดระวังจริง บวขอยู่ที่บ้านจะได้ผลมากกว่าบวชอยู่ที่วัดหรือในป่า ก็ยังเป็นไปได้ เพราะว่า การบวชอยู่ที่วัดหรือในป่า มันยังเหลวไหลอยู่ทั่วๆ ไป มันยังไม่สำเร็จประโยชน์เต็มตามความหมายที่ควรจะได้เลย.

    เอาละ, เป็นอันว่า วันนี้เราพูดกันด้วยเรื่องที่ค่อนข้างจะแปลก โดยใช้ชื่อว่า บวชอยู่ที่บ้าน : เว้นจากสิ่งที่ควรเว้นโดยประการทั้งปวง อยู่ที่บ้าน. แล้วก็ประพฤติหน้าที่ที่ควรประพฤติปฏิบัติอยู่อย่างดีที่สุด อย่างเต็มกำลังเต็มสติปัญญาสามารถอย่างดีที่สุด ในหน้าที่ของตนๆ แล้วก็เป็นสุขอยู่กับการทำหน้าที่ ไม่มีกิเลสตัณหา ที่จะหวังผลอย่างนั้นอย่างนี้ มาสนองกิเลส เรื่องก็มีเท่านี้ ว่าบวชอยู่ที่บ้าน

    ไม่ได้หมายความว่า ให้สึกไปอยู่ที่บ้านกันเสียให้หมด แต่หมายความว่า แม้อยู่ที่บ้านก็อย่าน้อยใจ อย่าเสียใจ, แม้อยู่ที่บ้านก็สามารถที่จะทำได้ดีที่สุด ที่บ้านนั้นเอง เพราะคนที่อยู่บ้านมันยังมีมากกว่าคนที่อยู่ที่วัด คนเหล่านั้นไม่ควรจะเสียประโยชน์อะไร ควรจะได้ประโยชน์ทุกอย่างทุกประการ เท่าที่พุทธบริษัทในพระพุทธศาสนาจะพึงได้

    ขอให้ผู้ที่อยู่บ้าน หรือยังอยู่ที่บ้านนั้น จัดแจงปรับปรุงให้ชีวิตการเป็นอยู่ของตนนั้น อนุโลมเข้ากันกับการบวช โดยสมาทานสิกขาบท คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา, ธรรม ๕ ประการนี้ แทรกอยู่ในการปฏิบัติธรรม ตั้งแต่ต้นจนถึงขั้นสุดท้าย ถ้าปฏิบัติกรรมฐานอยู่อย่างเคร่งครัดในป่า ในวัดในดงก็ตาม เขาก็ระวังให้ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ในการปฏิบัตินั้นเป็นไปอย่างเต็มที่ แล้วผลก็แน่นอน สำเร็จตามความปรารถนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...