อภิญญา+สมาบัติ =อภิญญาสมาบัติ

อภิญญาสมาบัติ
ให้คะแนนหัวข้อ
posted by lungyai1123
อภิญญาสมาบัติ " อภิญญา ๕ "

อภิญญาสมาบัติ " อภิญญา ๕ "

๑. อิทธิฤทธิญาณ มีความรู้ในการแสดงฤทธิ์ได้ต่างๆ
๒. ทิพโสตญาณ มีความรู้เหมือนหูทิพย์
๓. เจโตปริยญาณ รู้วาระจิตของคนและสัตว์
๔. จุตูปปาตญาณ รู้ว่าสัตว์ที่ตายแล้วไปเกิด ณ ที่ใด
๕. ปุพเพนิวาสนุสสติญาณ ระลึกชาติหนหลังได้

๕ ข้อข้างบนนี้ ท่านรวมเรียกว่า "อภิญญา" เพราะมีความรู้เกินกว่าสามัญชนจะพึงทำได้ อภิญญาทั้ง ๕ นี้เป็นโลกียวิสัย โลกียชนสามารถจะปฏิบัติ หรือฝึกหัดจิตของตนให้ได้ ให้ถึงได้ทุกคน ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกวาสนาบารมี แต่เลือกเอาเฉพาะผู้ทำถูก ทำจริง และทำดี ถ้าทำจริง ทำถูก และทำแต่พอดีแล้ว ได้เหมือนกันหมด เว้นเสียแต่ท่านผู้รู้นอกลู่นอกทางเท่านั้น ที่จะทำไม่พบไม่ถึง ท่านผู้อ่านอาจจะสงสัยว่า เมื่ออภิญญานี้เป็นของคนทุกชั้นทุกวรรณะแล้ว ทำไมนักปฏิบัติกรรมฐานสมัยนี้มีดื่น สำนักกรรมฐานก็ก่อตั้งกันขึ้นเหมือนดอกเห็ด ทำไมเขาเหล่านั้นไม่มีใครได้อภิญญา? ถ้าท่านถามอย่างนี้ ก็ขอตอบว่า ที่เขาได้เขาถึงในปัจจุบันนี้ก็มีมาก แต่เขาไม่กล้าแสดงตนให้ท่านทราบ เพราะดีไม่ดีท่านนั่นแหละจะหาว่าเขาบ้า ๆ บอ ๆ เสียก็ได้ ที่ปฏิบัติกันเกือบล้มเกือบตายไม่ได้ผลอะไรเลยแม้แต่ปฐมฌานก็มี ที่ไม่ปรากฏผลก็เพราะเขาปฏิบัติไม่ถูก

บางสำนักไม่แต่เพียงปฏิบัติไม่ถูกอย่างเดียว ยังแถมสร้างแบบสร้างแผนปฏิบัติเป็นของตนเอง แล้วแอบอ้างว่าเป็นของพระพุทธเจ้า ทำการโฆษณาคุณภาพแล้วก็สอนกันไปตามอารมณ์ ตามความคิดความนึกของตัว พอทำกันไปไม่กี่วันก็มีการสอบเลื่อนชั้นเลื่อนลำดับ แล้วออกใบประกาศรับรองว่าคนนั้นได้ชั้นนั้น คนนี้ได้ชั้นนี้ ครั้นพิสูจน์กันเข้าจริง ๆ ปรากฎว่าไม่ได้อะไรเลย แม้แต่อุปจารฌานก็ไม่ได้ แล้วยังแถมมีจิตคิดผิด หลงผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิไปเสียอีก กรรมหนักแท้ ๆ

ในบางสำนักก็ให้ชื่อสำนักของตนเป็นสำนักวิปัสสนา แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาสอนไปตามลัทธิของตน ถูกหรือผิดไม่รู้ แล้วแถมยังคุยเขื่องอีกว่าพวกฉันเป็นพวกวิปัสสนา ฉันไม่ใช่สมถะ พวกสมถะต่ำ ไปนิพพานยังไม่ได้ ส่วนวิปัสสนาของฉันเป็นทางลัดไปนิพพานโดยตรงเลย น่าสงสารแท้ ๆ ช่างไม่รู้เก้ารู้สิบเอาเสียเลย ความรู้เรื่องไปนิพพานนั้น พระพุทธเจ้าสอนไว้ชัดเจน ไม่ได้ปิดบังอำพรางแต่ประการใด ท่านสอนว่า ผู้ที่มุ่งพระนิพพานนั้น ในขั้นต้นต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์ รักษาศีลยิ่งกว่าชีวิต ที่เรียกว่า "อธิศีลสิกขา"

เมื่อปรับปรุงศีลอันเป็นเครื่องระงับความชั่วทางกาย วาจาได้แล้ว ก็ให้เข้ามาปรับปรุงใจ ใจนั้นมีสภาพดิ้นรนกลับกลอก ไม่อยู่นิ่ง คล้ายลิง ให้ผูกใจมัดใจให้มีสภาพคงที่มั่นคงเสียก่อน โดยหาอุบายฝึกใจให้จับอยู่ในอารมณ์เดียว คือ คิดอะไรก็ให้อยู่ในวัตถุนั้น ไม่สอดส่ายไปในวัตถุอื่น ที่เรียกว่า " สมาธิ" หรือเรียกตามชื่อของกรรมฐานว่า "สมถะกรรมฐาน" เป็นอุบายสงบใจ การทำใจให้สงบนี้ จะโดยวิธีใดก็ตาม เรียกว่า สมถะทั้งนั้น อุบายที่ทำให้ให้สงบระงับไม่ดิ้นรนนี้ พระพุทธเจ้าทรงวางแบบไว้ถึง ๔๐ แบบ จัดเป็นกลุ่มได้ ๗ กลุ่ม

กลุ่มที่ ๑ เอาไว้ปราบพวกรักสวยรักงาม เรียกว่า "ราคะจริต"

กลุ่มที่ ๒ เอาไว้ปราบพวกใจร้ายอำมหิต เรียกว่า "โทสะจริต"

กลุ่มที่ ๓ เอาไว้ปราบพวกหลงงมงาน เรียกว่า "โมหะจริต"

กลุ่มที่ ๔ เอาไว้ปราบพวกเชื่อง่ายไม่มีเหตุผล เรียกว่า "ศรัทธาจริต"

กลุ่มที่ ๕ เอาไว้ปราบพวกช่างคิดช่างนึก ตัดสินใจไม่เด็ดขาด เรียกว่า "วิตกจริต"

กลุ่มที่ ๖ เอาไว้ปราบพวกฉลาดเฉียบแหลม เรียกว่า พุทธจริต

กลุ่มที่ ๗ เป็นกรรมฐานกลาง ปฏิบัติได้ทุกพวก

เมื่อสามารถระงับใจให้อยู่ในอารมณ์อันเดียวได้นาน ๆ พอจะใช้งานด้านวิปัสสนาได้ ที่เรียกว่า ได้ฌานที่ ๑ - ๒ - ๓ - ๔ ตามลำดับอย่างนี้เรียกว่า "อธิจิตสิกขา" เป็นการเตรียมการณ์ลำดับที่ ๒ แล้วจึงเอาจิตที่มีสมาธิตั้งมั่นจนถึงลำดับฌานแล้วนี่แหละไปวิจัยด้านวิปัสสนา

คำว่า "วิปัสสนา" นั้นแปลว่า รู้แจ้งเห็นจริง หรือ ถ้าจะพูดตามภาษานิยมก็เรียกว่า ยอมรับนับถือตามความเป็นจริง ไม่ฝืนกฎธรรมดานั่นเอง

แสงสวางนี้นำมาจาก
ที่มา : เฟสบุ๊ค/หลวงพ่อฤาษีลิงดำ/บ้านมหา.คอม
โมทนาสาธุคะ

 

..เหรอ..นึกว่าท้าตีทุกสำนักอีกคน อิอิ:boo:

 

ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ

 

อร่อยแล้วขอรับ
ตรงนั้นหมัดเมา

เห็นนำกันลงนรกหมด
ให้เราไปคนเดียว
นรก
สวรรค์ให้พวกท่านไปเพราะนรกมาทางนี้ขอรับ

สิ่งที่มีอยู่รู้เฉยๆหรือไม่อย่างไร
ใครรู้
ใครจะไปรู้ว่าผ้าเหลืองที่ท่านห่มมา
ท่านไม่ใช่สาวก
หรือท่านเป็นสาวก

หากท่านไม่เป็นสาวกท่านเป็นตัวของท่านเอง
แต่ศรัทธาในความคิดคำสอนของเขาว่า....โอ
เอาส่วนไหนคิด

หากผมเป็นอิสลาม
ท่านมาเถียงผมเรื่องพุทธสิ
รู้ดีกันนัก

คิดอย่างไร

ผมท้าไม่เห็นมีใครรับขอรับ

ผมอยากรู้ทำ และรู้ธรรม
ที่ทำที่แสดงคือสิ่งที่ไม่รู้ทั้งนั้น
ใครบอกว่ารู้

มาว่าตรงกระทู้
ท่านบอกอย่างไรว่าละ
การละนี้ยังคงมีอะไร
การละเสียทิ้งเสีย
แล้วส่วนที่ดีเอาไปทำอะไร

วงกลมเขียน.ลลิง......ลงไปได้อะไร
นั่นแหละสมมุติทั้งนั้น

อย่าบอกว่าวิมุตินะท่านสับเดี๋ยวจะยิ่งสน
และละอย่างไรครึ่งๆ
ตรงนั้นแค่รูป

เวทนาอย่างไร
อย่าบอกว่ากลมลื่นๆ
ส่งสัญญานอะไร
สังขารอย่างไร

อย่าอยู่ที่เป็นด้านสว่างละจะไม่เห็นสิ่งที่อยู่ในความมืด
เพราะท่านสว่างอยู่แล้ว
อยากสว่างทุกวันทุกเวลา

ไม่ยากเดินตามพระอาทิตย์ให้ทันเท่านั้นเอง
ท่านจะไปทางตะวันไหนละ
อาทิตย์กำลังจะตกแล้วขอรับ

ผลที่ได้ของการปฏิบัติมีจริง
พิสูจน์ได้
เราพิสูจน์หรือยัง

เอาเป็นว่าหากรู้จริง
งวดหน้าออกอะไร
ขอท่านเมตตา อย่าเหลือกตาขอรับ

ธรรมมะคืออะไรนำสื่ออย่างไร
แล้วที่มีทั้งหมดทั้งหูทิพย์ตาทิพย์

รูปอย่างไร
เวทนาอย่างไร
สังขารอย่างไร
วิญญานอย่างไร
จิตอย่างไร

หรือเราท่านจะมานั่งหลับตางมกันขอรับ
ที่ไหนมีผมอยู่ด้วยเด๊๋ยวอร่อยหากนั่งหลับตารวมกันมากๆ
ชวนอัตตมีด้วยขอรับ
ตอนนี้ยิ่งขัดสน
ปัญญาขอรับปัญญาอย่าคิดเป็นอย่างอื่น

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

ปัญญากับ
ภิญญา
เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ขอรับ

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

สติ....สมาธิ.....อภิญญา
หรือ
สติ.....สมาธิ....ปัญญา

กันแน่ขอรับ

พิจารณามหาพิจารณา
ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วขอรับ

 

ว่าจะทิ้ง บางอย่างดีมั๊ยนี้
แบบ ว่า เอาของท่านคืนไป เอาของเราคืนมา ประมาณนั้น 555+

 

ท่านครับ ท่านคร๊าบบบ
ท่านทำให้ผมเป็นห่วง จนนอนไม่หลับ ตั้งหลายคืน
ทั้งงอนคำพูดคำจา ทั้งเป็นห่วง แฮะๆ ไม่รู้จะอาการใหนละนะท่าน
ด้วยใจที่บริสุทธิ
ผู้รู้จริงไม่กล่าวเช่นนั้น ศิษตถาคตไม่ทำเช่นนั้น
ด้วยความเคารพ เราไม่ทะเลาะกับกรรมครับ
ขอบคุณครับ

 

อันนี้ ข่าวรายวัน น่าสนใจมาก
อภิญญา ปะทะ ไสย ครายจะชนะ อันนี้ ดิ เด็ดของจริง
โปรดติดตามตอนต่อไป ประมาณนั้น
ปล ลิง เอ๊ะของครายนะ ยืมหน่อยนะ พี่.....
ถ้ายังมีลมหายใจ ได้สัมผัสอ๊ะนะ

 

ท่านคงไม่เอาหลุมดำมาต่อนะขอรับ
เพราะท่านไปไม่ถึงหลุมดำ

ตรง
ตุง
ธง

ท่านละสิ่งที่ท่านมีได้ไหม
พุทธท่านเป็นราชา
แต่ท่านต้องมาเป็นขอทาน
กะลาใบเดียว
มาบาตรแล้วมารถเบนซ์
อาตมาจะทำบาตรอย่างไรรับเบ็นซ์............ว่ะ

เดี๋ยวรอทำซีเมนต์ก่อนท่าน
ที่จอดจานบิน

ที่ไหนขอรับ