อภิญญา พลังจิต เปิดใช้ได้ด้วยคลื่นเสียง จากวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน

อภิญญา / พลังจิต / เปิดใช้ได้ด้วยคลื่นเสียง จากวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน

เนื่องจากปัจจุบันมีการค้นคว้ามากมายเกี่ยวกับสมอง เพื่อดึงเอาศักยภาพของสอมงออกมาใช้ให้ได้มากที่สุด


อันนี้เป็นตัวอย่างหนัง เรื่อง LUCY ที่มีการเปิดใช้ ศักยภาพของสมองได้อย่างเต็มที่
ใครที่ได้ดูเรื่องนี้ก็คงอยากทำให้ได้เหมือนในหนังแน่นอน
<iframe src="https://www.youtube.com/embed/c0LY2_MvieA" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="560"></iframe>

ซึ้งทางต่างประเทศ ไม่ได้เรียก สิ่งเหล่านี้ว่า อภิญญา กับสิ่งพิเศษที่เกิดขึ้น
ทางต่างประเทศใช้คลื่นเสียง ช่วยในการเข้าถึงสมาธิ
จะว่าไปก็เหมือนเรานั่งสมาธิ พร้อมเสียงสวดมนต์ แต่แตกต่างกัน

ที่ต่างประเทศ เค้าค้นพบคลื่นความถี่ของเสียง ที่จะเข้าไปกระตุ้นระบบประสาทและสมองให้ตื่นขึ้น ปลุกการเกิดศักยภาพของสมองอย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตาที่3 ถอดจิต และ ดูอดีตอนาคต

แต่สิ่งเหล้านี้ ก็จะต้องนั่งทำสมาธิควบคู้ไปด้วยกับคลื่นเสียง โดยที่จะมีคลื่นเสียงเข้ามากระตุ้นให้สมองตื่นขึ้น

เรื่องเหล้านี้ผมได้มีโอกาศรู้จักและพูดคุยกับหญิงไทยท่านหนึ่งที่อยู่ต่างประเทศ
ซึ้งอดีตเธอเคยเกือบตาย ด้วยหลายๆโรคซึ้งไม่น่าจะรักษาได้ จากความเครียดและการทำงานหนัก

จนสุดท้ายเธอกลับมาเมืองไทยและคนพบวิธีรักษา ด้วยธรรมชาติและคลื่นเสียง จากการศึกษาที่ต่างประเทศ
และก็หันมาเป็น นักพัฒนาจิตวิทยา ด้วยคลื่นเสียง ช่วยให้ผู้ป่วยในโรคต่างๆมีอาการดีขึ้น

และสามารถช่วยผู้ที่ชอบนั่งสมาธิ แต่ไม่ก้าวหน้าไปไหน
ก็ช่วยให้เปิดอภิญญา ตาที่3 ถอดจิต ด้วยคลื่นเสียง จากทางวิทยาศาสตร์
เรื่องเหล้านี้ไม่ได้งมงาย แต่ทางต่างประเทศได้ วิจัยจนสามารถใช้เคลื่นเสียงมาช่วยปรับพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้นร่วมไปถึงการรักษาโรคต่างๆ

เราลองมาทำความรู้จักเบื้องต้นกับเธอคนนี้กันครับ
แต่ในร้ายการไม่ได้มีการพูดถึง อภิญญา ตาที่3 ถอดจิต ด้วยคลื่นเสียงนะครับ

จะมีพูดแค่เพียงเรื่องรักษาโรค บำบัด และ พัฒนาจิตให้ดีขึ้นเท่านั้น
เพราะถ้าพูดเรื่องเหล่านี้คงจะไม่ได้ออกทีวีแน่นอน

เรื่อง อภิญญา ตาที่3 ถอดจิต คงต้องหลังไมค์กับเธออีกทีนะครับ
อันนี้ดูตอนที่เธอไปออกรายการปากโป้งก่อนนะครับ
<iframe src="https://www.youtube.com/embed/WtwDiTrmlKY" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="560"></iframe>



และที่สำคัญเธอจะบินกลับมาเมืองไทย เพื่อมาสอนแบบฟรีๆ

ในวันเสาร์ 1 กค โค้ชจะฝึกให้ทุกคน รู้เทคนิคการเปล่งออร่าจากกายนะครับ ฟรีครับ... เปิดเฉพาะกิจเสาร์นี้เท่านั้น

#‎คลาสสมาธิจักระ สอนโดย โค้ชเรย่า
( Certified Trainer of NLP ขั้นสูงสุดจากประเทศออสเตรเลีย )
โค้ชเรย่า เทรนเนอร์พลังสมอง "ปั้นดาว"

** ผู้เชี่ยวชาญด้านคลื่นเสียงบำบัด

** นักวิเคราะห์ค้นปมมนุษย์ วิเคราะห์วันเดือนปีเกิดเพื่อค้นปมชีวิต
ค้นหากรรม ค้นหาพรสวรรค์ ค้นหาเป้าหมายในชีวิต

** เจ้าของโรงเรียนปั้นโค้ช NLP ออสเตรเลีย : เรียนเป็นไลฟ์โค้ช

เริ่มคลาสเดือนกรกฎาคมนี้ #‎สอนฟรีทุกวันเสาร์แรกของเดือน
เวลา 11.00 น.( เช้า ) นะครับ
ติดต่อสอบที่คุณยุ้ย 061.5656.514


คราวนี้เรามาดู นักข่าว พูดถึง ระบบของสมองกันมั่งนะครับ
<iframe src="https://www.youtube.com/embed/R_FiXXRpu88" allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" width="560"></iframe>








.

 

จากผู้ป่วย กลายมาเป็นผู้ฝึกสอน
บางทีชีวิตการเป็นครู ก็ต้องเจอปัญหา
และแก้ปัญหาจนสำเร็จ เพื่อที่มาเป็นผู้ฝึกสอนได้

หลังจากที่ได้พูดคุย และรับรู้สิ่งดีๆมา เลยอยากเอามาให้เพื่อนๆได้รู้จัก
และพูดคุยถามปัญหาต่างๆ กับเธอได้ครับ ใครว่างตอนเที่ยงๆ ก็เข้าไปคุบช่วงถ่ายทอดสดที่หน้าเพจเฟสบุ๊คนะครับ

 

คลื่นเบต้า (Beta wave), คลื่นอัลฟา (Alpha wave), คลื่นธีต้า (Theta wave) และคลื่น เดลต้า (Delta wave) ซึ่งคลื่นเหล่านี้มีการทำงานที่แตกต่างกัน ในแง่วิทยาศาสตร์ การศึกษาในพระทิเบตพระ ดร.แมทธิว ริคาร์ด ซึ่งฝึกสมาธิมาเป็นเวลา 20-30 ปี เมื่อตรวจด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ fMRI ก็พบว่าคนที่ฝึกสมาธิเป็นเวลานาน ๆ สมองมีส่วนเปลือกนอกด้านหน้าสีเทา ๆ ที่เรียกว่า Gray Matter ซึ่งเป็นส่วนที่อยู่ของเซลล์ประสาทจะหนาตัวขึ้น นั่นหมายถึง มีเซลล์สมองเพิ่มขึ้น และบริเวณส่วนหน้าแถวหน้าผากด้านซ้าย จะมีการทำงานของคลื่นสมองดีขึ้น มีลักษณะของคลื่นสมองช้าลงและสม่ำเสมอมากขึ้น ที่เรียกว่า “คลื่นแกมม่า” ซึ่งพบในคนที่จิตเป็นสมาธิลึกๆ อภิญญา และ โดยการจริญสติ วิปัสนากรรมฐาน

ต่อมา เขาได้ทดลองในอาสาสมัครที่ฝึกสมาธิทุกวัน วันละ 30 นาที เช้าและเย็น เป็นเวลา 3 เดือน แล้วตรวจดูด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ fMRI ก็พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน แสดงว่าสมองคนเรามีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างและการทำงาน ซึ่งเขาเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Neuroplasticity หรือ ความยืดหยุ่นของสมอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ค้นพบใหม่ และได้ทำลายความเชื่อเก่าที่ว่า สมองเปลี่ยนแปลงไม่ได้
เขาได้ทดลองทั้งแบบสมถและวิปัสสนากรรมฐานก็พบว่า ได้ผลเช่นเดียวกัน

สมองของคนเราสามารถพัฒนาได้ตลอดเวลาโดยการจริญสติ ทำให้สมองสร้างเซลล์สมองใหม่ๆมากขึ้น การทำงานดีขึ้น คลื่นสมองสม่ำเสมอ ช้าลง ซึ่งเป็นลักษณะของคนที่มีความสุข สุขภาพดี กระแสจิตดี รักษาโรคด้วยตัวเองได้

นอกจากนั้น การศึกษากรณีของ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารบกวนสมอง และ อารมณ์เครียด อารมณ์โกรธ ซึมเศร้า จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในสมองในทางตรงข้าม คือมันทำให้เซลล์สมองเสื่อม ความจำเสื่อมลง และเซลล์อายุสั้นลง ซึ่งเป็นที่มา สมองพัฒนาได้ ด้วยการเจริญสติ

 

ข้อควรระวังการ ส่งจิตผ่านพลังจักระ เมื่อตาที่สามเปิด การส่งจิตขอพลังจากจักรวาล ต้องระวังว่าท่านกำลังส่งจิตเชื่อมต่อกับจักรวาล หรือภพใด จักรวาลมี 12 มิติ รวมไปถึงภพภูมิต่างๆที่มีอยู่ มี่พลังอาศัยอยู่มากมายในจักรวาลที่มนุษย์สามารถเชื่อมต่อและ ใช้แรงดึงดูดของสนามแม่เหล็กในตัวดึงมาใช้ได้ แต่อย่าลีมไปว่า Black hole หลุมดำได้เปิดออกแล้ว คนมากมายถูกพลังมืดด้านลบที่เชื่อมต่อลงมาหลอกใช้งาน โดยไม่รู้ตัว เพราะพลังเหล่านั้นไม่มีร่าง พลังในจักรภพ ไม่ใช่พลังที่สามารถใช้ได้ทุกพลัง มีพลังทีดีและพลังด้านมีดที่แรงมาก ผู้ฝึกจึงควรฝึกฝนด้านความรู้ในการเชื่อมต่อจิต รู้แหล่งที่เชื่อมกระแสสู่จิตของตนด้วย ไม่อย่างนั้นท่านอาจจะเปิดประตูสู่ด้านมีดของจักรวาลเข้าแล้ว

 

ถ้าจิตวิญญาณ เป็นการรวมตัวของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลุ่มอนุภาคของคลื่นแสงที่เล็กละเอียดยิ่งกว่าโฟตอนของคลื่นแสงที่มนุษย์รู้จัก ....

และ จิตวิญญาณนี้ประกอบด้วยกลุ่มอนุภาคของมวลของคลื่นแสง มีพลังอำนาจในการคิดรู้ได้ โดยนิวเคลียสเป็นอนุภาคที่เล็กที่สุด รวมกันอยู่ภายในใจกลางที่สามารถแสดงคุณสมบัติในการคิดรู้ได้ทุกสรรพสิ่ง นั้นคือ จิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคนล่ะค่ะ จะมีใครเชื่อในสิ่งนี้ไหมค่ะ...

 

.
เขียน ๒๐.๑๓

เอ้า..องค์ความรู้ใหม่มาอีกแล้ว แต่ขี้เกียจตามไปดูอ่ะ
เบื่อแล้ว ได้แต่คิดและสะสมไว้ เต็มหัวไปหมด
ชาตินี้จะได้ทำบ้างไม๊วะเนี่ย หรือยังไง

การพัฒนาโดยการแอบแฝง ไม่ให้รู้ตัว
โดยทำการผ่านแอพบนมือถือ ก็คิดไว้ให้แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการทำสมาธิ คุมลมหายใจ หรือการฝึกจิต
การบังคับปราณ สะสม เรียกใช้ ขยาย เคลื่อนไหวไปมาให้ทั่ว
ไหนจะเครื่องมือที่เชื่อมต่อกะมือถือ ทั้งแบบใช้สายยูเอสบี หรือบลูทูธ
หรือเครือข่ายไวไฟ ทั้งหมดก็เคยสร้างแบบจำลองไว้ในหัว สร้างจริงได้ด้วย

เชื่อมต่อ เพื่อแสดง ควบคุม และฝึกฝน บังคับควบคุมลมหายใจ
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในการพัฒนา ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน ยันไปถึงนิพพาน
ต้องเริ่มที่การควบคุมลมหายใจนี่แหละมั้ง นะ ต้องเริ่มที่ตรงนี้ ไม่ต้องไปสนที่อื่น
รายละเอียดเยอะแยะ มีมากพอที่จะลงมือสร้างเครื่องต้นแบบ มาขายกันได้เลยนะ ขอบอก
แต่ไม่มีอารมณ์จะดิ้นรนสร้างเอง ขาดทั้งเงิน แรงงาน และเวลา ฉลาดไม่พอด้วยแหละ ได้แต่คิด

จะว่าไป คิดก็อาจจะไม่ได้คิดเองทั้งหมด ไม่รู้ว่าใครที่ "ฝั่งโน้น" มาช่วยบ้างอ่ะ
คนเก่งๆ ที่ตายไปแล้วมีเยอะแยะ เราเรียกมาช่วยงานได้ ในนิทานนะ
เฮ้อ..พอดีกว่า พล่ามมาตั้งแยะแล้ว ชักหิว ไปกินไก่ดีกว่า


กระต่ายป่า แก๊งค์พุทธะซาเปี้ยน / สมาคมพี่น้องญาติเพื่อน
.

 

ใช่คะ มนุษย์ทุกคนมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่สามารถดึงดูดอนุภาคของคลื่นต่างๆได้ ธรรมชาติของจักรวาลทั้งหมดก็คือการเคลื่อนไหวของพลังงานและถ้าฝึกจิตได้ระดับหนึ่งที่เทียบเท่าคลื่นพลังใดๆ ก็ตาม เราก็จะมีแรงดึงดูดและแลกเปลี่ยนกับคลื่นพลังนั้นๆได้ ศาสตร์คล้ายๆกับการเป็นร่างทรงน่ะ แต่ต้องปล่อยจืตออก ปล่อยให้ร่างเป็นอุปกรณ์การใช้ ใช้จิตเป็นตัวเชื่อมนะ พลังงานด้านไหนจะลงมา อันนี้อยู่ที่ดวงหรือเปล่า หรือเรามีการจำแนกแจกจ่ายในการขอพลังได้ไหม ร่างทรง ขอพลังจากเทพยังโดนเทพปลอมหลอกมาแล้ว แล้วนี่พลังจาก 12 มิติจักรวาล ใครจะลงมาก็ต้องดูกันต่อไป

 

อย่าท้อแท้ เดินหน้าต่อ

 

เขียน ๒๒.๔๐


อีกหนึ่งความแตกต่าง สำหรับผู้มีค่าความยืดหยุ่นสูง คือ
เราท้อแท้ได้จ๊ะ เอะอะโวยวายก็ได้ ด่าปากตลาดก็ได้
คือคล้อยตามสภาพแวดล้อมไปก่อน ฝืนมากเหนื่อย
เดี๋ยวสติตามมาทัน ก็ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง มั้ง นะ
กาย วาจา หรือใจ เราล็อคกายไว้ ไม่หลุดพอ


กระต่ายป่า ข้างวัด / ถึงจะบ้า แต่ว่าไม่โง่
.

 

พูดถึงร่างทรง เคยมีคนมาทักว่าผมมีองค์
ซึ่งผมเองก็ไม่เถียงว่ามีจริงๆ....ก็องค์ในที่นี้ก็คือตัวผมนั่นไง
จิตวิญญาณดวงนี้ประทับร่างนี้มาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว :boo::boo:
ถ้าออกจากร่างเมื่อไหร่ก็ตายเมื่อนั้น

 

ฮ้าๆๆ ก็อย่าออกจากร่างน่ะ แล้วอย่าให้ใครเขามาแทรกร่างด้วย ขำๆน่ะ 555 ร่างมนุษย์เป็น ธาตุชนิดหนี่งที่สามรถรับพลังแฝงได้ และส่งพลังออกต่อได้ด้วยกระแสจิต ความคิด ร่างกายมนุษย์และกระแสจิตมีพลังงานการสั่นสะเทือนเทียบเท่ากับฝีนโลก เริ่มต้นที่ 7.38 MHz [เมกะเฮิร์ทซ์] จูลขึ้นลงแล้วแต่อารมณ์ การสะท้อนกลับของพลังงานเกิดขึ้นได้เมื่อปล่อยพลังงานออกไป เหมือนศาสตร์ของไอนสไตร์ ที่พูดเรื่องแรงดูงดูดและแรงโน้มถ่วงของ
โลก ร่างกายมนุษย์ก็ทำงานและมีกลไกลเหมือนกับโลก มีสนามแม่เหล็กในตัวเหมือนกัน

 

NLP - เทคโนโลยีใหม่ทางจิตวิทยา ช่วยสร้างความสำเร็จ

NLP เชื่อว่า ปัญหาทางอารมณ์ของคนเรา เกิดจากการทำงานของ
ระบบประสาทและจิตใจ ที่ไม่สอดคล้องกับเป้าหมาย เกิดจากการลง
โปรแกรม หรือปลูกฝัง หรือสั่งสมทางประสบการณ์ ผ่านจิตสำนึก
และจิตใต้สำนึก ด้วยข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์ แล้วถูกนำไปแปลความ
บนพื้นฐานความเชื่อที่ผิด ๆ แล้วจัดเก็บเป็นระบบความจำที่ไร้ระเบียบ

NLP พบว่า การทำงานของสมอง ความคิดหรือจิตใจ และการแสดง
ออกทางร่างกาย ล้วนเป็นเหตุเป็นผลและเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ
โดยใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการสั่งการหรือคิด

หากมีการฝึกใช้ชุดคำสั่งทางภาษาที่ถูกวิธี ภาษา หรือถ้อยคำสั้น ๆ
จะเป็นตัวสับไกก่อให้เกิดการกระทำทุก ๆ อย่าง ให้เป็นผลสำเร็จได้
อย่างน่ามหัศจรรย์


มารู้จักกับ NLP กันก่อน

เทคโนโลยีนี้ ได้พัฒนาขึ้นเมื่อประมาณ 30 ปีมาแล้ว โดย
ศาสตราจารย์ ริชาร์ด แบนด์เลอร์ และผู้ช่วย ดร. จอห์น กรินเดอร์
แห่งมหาวิทยาลัยซันตาครูซ ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
และโด่งดังเป็นพลุแตกในสหรัฐอเมริกา และแพร่ไปทั่วโลกอย่าง
รวดเร็ว

เป็นคำที่ใช้กันแพร่หลายในหมู่นักจิตวิทยาคลินิก นักจิตบำบัด
จิตแพทย์ นักพัฒนาศักยภาพ นักเจรจาต่อรอง นักการตลาด
นักขาย และนักพูดโน้มน้าวใจ


NLP ย่อมาจากคำว่า Neuro - Linguistic Programming

Neuro หมายถึง ระบบประสาทหรือระบบสมอง
เทคโนโลยี NLP ถือว่า มนุษย์รับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ผ่าน ตา หู
จมูก ลิ้น และสัมผัส แล้วแปลความหมายผ่านกระบวนการคิด
โดยจิตสำนึก และจิตใต้สำนึก แล้วกระบวนการคิดนี้ จะไปกระตุ้น
ให้ระบบประสาทหรือสมองทำงาน ก่อให้เกิดการแสดงออก
ทางอารมณ์และพฤติกรรม

Linguistic หมายถึง วิธีการที่มนุษย์ใช้ภาษาเป็นเครื่องมือ
ในการตอบสนองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการใช้ภาษาไปแปล
ความ แล้วสื่อความไปยังตัวเองและบุคคลอื่น
เทคโนโลยี NLP พบว่า ถ้อยคำที่คุณคิดและพูด มีผลต่อ
พฤติกรรมของคุณโดยตรง

Programming หมายถึง กระบวนการปลูกฝังวิธีคิด วิธีใช้ภาษา
และการเคลื่อนไหวทางร่างกาย เพื่อสร้างสภาวะจิตและรูปแบบ
การคิดใหม่ที่ทรงพลัง อันจะส่งผลต่อการแสดงออกทาง
ร่างกายที่ดีเลิศ เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างการคิดและอารมณ์
ในรูปแบบใหม่ ที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ยอดเยี่ยมในทุก ๆ ด้าน
ของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจ การแก้ปัญหา การเรียนรู้
การประเมินค่า และเพิ่มประสิทธิภาพความจำ เปรียบเสมือน
การลบโปรแกรมตัวตนคนเดิมที่ไม่มีประสิทธิภาพออกไป แล้ว
ลงโปรแกรมใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมลงในสมอง

หากจะนิยาม NLP เสียใหม่ ให้สั้น เป็นข้อ ๆ ได้แก่

1. ศิลปะและศาสตร์ในการติดต่อสื่อสารแบบหวังผลเลิศ
2. กุญแจแห่งการเรียนรู้ที่ทรงพลัง
3. เคล็ดลับสู่เป้าหมายสำหรับทุก ๆ สิ่งที่ต้องการในชีวิต
4. คู่มือสำหรับพัฒนาระบบการคิด ระบบประสาทและสมอง
5. เคล็ดลับสู่ความสำเร็จชั่วข้ามคืน
6. เทคโนโลยีผ่าตัดพฤติกรรมด้านลบ และสร้างตัวตนใหม่

เทคโนโลยี NLP จะกล่าวถึงหลัก ๆ ดังนี้

1. วิธีการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

ระหว่างคุณกับคนรอบข้าง หรือเรียนรู้วิธีสร้างมิตรภาพ
กับกลุ่มคนที่คุณอยากจะเป็นพวกเดียวกัน และเรียนรู้วิธี
ปฏิเสธที่นิ่มนวลในทุกสถานการณ์ คุณจะเรียนรู้ภาษา
กาย เพื่อเข้าถึงจิตใจและอารมณ์ของคนที่ต้องการจะ
ติดต่อสัมพันธ์ด้วย

2. การใช้ประสาทสัมผัส

เพื่อล้วงรู้อารมณ์และจิตใจของบุคคลอื่น ทันทีที่คุณได้
เห็น สีบ้าน อาหารที่คนอื่นรับประทาน เสื้อผ้าที่สวมใส่
เสียงที่พูด หรือกลิ่นน้ำหอมที่ใช้ ก็สามารถเข้าใจคน ๆ
นั้นได้ทะลุปรุโปร่ง

3. วิธีการคิดแบบหวังผลลัพธ์

เป็นวิธีการตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการวางแผน
ที่ไม่มีวันล้มเหลว

4. การยืดหยุ่นกับวิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมาย

หากคุณทำบางสิ่งบางอย่างไม่ได้ผล หมายความว่า คุณ
ต้องเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อย ๆ คุณจะเรียนรู้เทคนิคความสำเร็จ
โดยวิธีการถอดแบบอย่างเป็นขั้นตอน จากคนที่ประสบความ
สำเร็จในอดีต

5. การสะกดจิตตนเอง

เทคโนโลยี NLP มีความโดดเด่นในเรื่อง การสะกดจิต
ตนเอง เพื่อเป็นคนใหม่ เช่น การเลิกบุหรี่ เลิกติดสุรา
ลดความอ้วน เลิกนิสัยผลัดวันประกันพรุ่ง สามารถทำได้
สำเร็จภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ด้วยวิธีการง่าย ๆ และ
เป็นการเปลี่ยนอย่างถาวร

6. รูปแบบพฤติกรรม

ชุดปฏิกิริยาที่ระบบประสาทออกคำสั่งให้ร่างกายทุกส่วน
ทำงานให้สอดคล้องกับความคิด เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
ทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงใดช่วงหนึ่ง เช่น คนโกรธจะ
มีอารมณ์แบบหนึ่ง ก็จะมีชุดปฏิกิริยาเกิดขึ้นทางร่างกาย
เป็นการเฉพาะ เช่น หัวใจเต้นแรง กล้ามเนื้อเกร็ง
หายใจถี่ ความดันโลหิตสูง กระเพาะบีบรัด หายใจสั้น
ไม่ทั่วท้อง ขณะที่คนดีใจ หรือมีความสุข ก็จะมีชุด
ปฏิกิริยาอีกแบบหนึ่ง ซึ่งไม่เหมือนกัน NLP จะสอนให้
ควบคุม แก้ไข และพัฒนาอารมณ์ทุก ๆ อย่าง ให้ทำงาน
ตามที่ต้องการ


NLP ถูกนำไปใช้ในการรักษา ผู้ป่วยทางจิต หรือการบำบัด
ผู้มีอาการทางอารมณ์ในระดับต่าง ๆ ผู้สิ้นหวัง เด็กเรียน
หนังสือไม่เก่ง ผลการเรียนตกต่ำ นักกีฬาอาชีพที่มีผลงานไม่ดี
อาการนอนไม่หลับ เครียด ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ คน
ล้มเหลวทางธุรกิจ คนขาดเป้าหมายในชีวิต เป็นต้น และมีการ
นำไปใช้ในการประกอบธุรกิจ การตัดสินใจ การกีฬา การทำงาน
การเงิน การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ผู้ที่ต้องการสร้างผลงานที่
โดดเด่นเป็นเลิศ และอื่น ๆ





ในที่นี้ จะขอยกตัวอย่างสัก 2 เรื่อง พอสังเขปเท่านั้น


1. เคล็ดลับสำคัญเรื่องความเชื่อ


เมื่อคุณไม่เชื่อว่าตัวเองมีความสามารถ ก็จะไม่มีความมั่นใจ
เมื่อไม่มีความมั่นใจ ก็อย่าหวังว่าจะมีพลังที่จะทำสิ่งใด

ความเชื่อ เป็นตัวกำหนดความคิด ความรู้สึก การกระทำทุกอย่าง
ตั้งแต่ตื่นจนเข้านอน กำหนดการกิน การเดิน การนั่ง การใช้ชีวิต
การออกกำลังกายทุก ๆ อย่าง

หากต้องการมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น มีอิสระทางการเงิน
มากขึ้น และมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น มีวิธีง่าย ๆ วิธีเดียว คือ ต้องเปลี่ยน
ความเชื่อ เมื่อคุณเปลี่ยนความเชื่อ คุณก็จะเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่าง
นั่นเอง


ขั้นตอนการเปลี่ยนความเชื่อ

1. ระบุให้ชัดว่า ความเชื่ออะไรที่จำกัดชีวิตคุณไว้ และคุณต้อง
การจะเปลี่ยน
2. ค้นหาความเชื่อในระดับจิตวิญญาณภายใน
3. จดบันทึกการเชื่อมโยงความเชื่อ
4. ระบุลักษณะความรู้สึกสงสัย
5. เปรียบเทียบความเชื่อกับความสงสัย
6. ทดสอบลักษณะภาพฉากต่อฉาก
7. ริเริ่มความเชื่อใหม่
8. ตรวจสอบความเชื่อ


สรุปขั้นตอนการเปลี่ยนความเชื่อ

1. แปลงความเชื่อเดิมที่ต้องการขจัดทิ้ง ให้กลายเป็นความสงสัย
2. ปลูกฝังความเชื่อใหม่ทับลงไปในความเชื่อเดิมทันที
3. ทำลายความเชื่อเดิม ขยายภาพความเชื่อใหม่


2 วิธีขจัดภาพฝังใจที่ไม่พึงประสงค์

คุณเคยเป็นเช่นนี้ไหม เรื่องเลวร้ายในอดีต หรือเรื่องเยี่ยมยอด
ที่จำฝังใจ

เรื่องเลวร้ายในอดีตแล้วนำกลับมาคิดซ้ำ ๆ แม้เวลาจะล่วงเลย
มานับสิบ ๆ ปี แล้วก็ตาม ทั้ง ๆ ที่ เราไม่อยากจะคิดถึงมัน
เหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ เรายังไม่รู้จักวิธีการควบคุมระบบความคิด
นั่นเอง

ในทางกลับกัน เรารู้สึกถึงความเยี่ยมยอดของวันหยุดที่จะมาถึง
ในอีกไม่กี่วันนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงวันนั้น แม้ว่าเมื่อถึงวันหยุดจริง ๆ
อาจจะไม่เยี่ยมยอดขนาดนั้นเลยก็ได้

แต่ละคนมักจะมีพฤติกรรมขัดแย้งกันเองโดยไม่รู้ตัว ทำให้ไม่สามารถ
เปล่งศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในได้อย่างเต็มที่ บางครั้งร่างกายบาง
ส่วนไม่ตอบสนองเอาดื้อ ๆ เช่น คนกลัวพูดในที่ประชุม ทันทีที่
ยืนหน้าไมโครโฟน อาการขาสั่นมือไม้เกะกะจะเกิดขึ้นทันที ขณะที่
บางคนเปล่งเสียงแปลก ๆ จนขำตัวเอง ก็มีให้เห็น หรือแม้กระทั่ง
นักกีฬามืออาชีพที่ผ่านสนามมานักต่อนักแล้ว อยู่ ๆ เมื่อถึงวันแข่งขัน
จริง บางครั้งเกิดความเครียดหมดเรี่ยวแรงจนต้องถอนตัวไปก็มีให้
เห็นอยู่เสมอ ๆ

อาการทำนองนี้ นักประสาทวิทยาและนักพัฒนาศักยภาพบุคคลได้
ร่วมกันศึกษาวิจัยมาไม่น้อยกว่า 3 ทศวรรษ พบว่า ส่วนใหญ่เกิด
จากพฤติกรรมความกลัว หรือกังวล ที่แฝงอยู่ในระบบความคิดที่
ขัดแย้งกับสิ่งที่ต้องการทำ ภาพแห่งความกลัวหรือวิตกกังวลเหล่านั้น
ซุกซ่อนในจิตใต้สำนึกรอวันเปิดเผยออกมาเมื่อเวลาสุกงอม และ
เรามักไม่รู้ตัวล่วงหน้า

หรืออาจจะเป็นการแสดงพฤติกรรมที่ขัดแย้งกันเอง เช่น ต้องการ
อ่านหนังสือสอบ ต้องการสอบผ่าน หรือสอบให้ได้คะแนนดี แต่
ขณะเดียวกันในใจก็วางแผนการทำกิจกรรมอื่นที่ทำให้โอกาสอ่าน
หนังสือลดน้อยลง หรือบางคนต้องการลดความอ้วน ขณะอยู่ใน
ขั้นตอนการลดอยู่นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะกินอาหารเกินความต้องการ
ตามที่เคยปฏิบัติจนเป็นนิสัย เห็นได้ว่า แต่ละคนจะมีพฤติกรรม
ขัดแย้งกันเองตลอดเวลา ซึ่งพฤติกรรมที่ขัดขวางเป้าหมายเหล่านี้
เป็นภาพในอดีตที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกด้วยความเคยชิน และหลบ
ซ่อนอยู่ แม้ว่าบางคนจะตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ว่าจะไม่กลับไปมี
พฤติกรรมเช่นนั้นอีก แต่ทำได้เพียงชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น

วิธีทำลายภาพในใจที่ไม่พึงประสงค์
1. ตรวจสอบพฤติกรรม ระบุ และจำแนกให้เด่นชัดว่า อะไรคือ
พฤติกรรมที่ขัดแย้งกัน
2. สร้างภาพพฤติกรรมที่ขัดขวางเป้าหมาย และแต่งเติมภาพ
เป้าหมายหลักขึ้นในใจให้ชัดเจน
3. นำภาพในฝ่ามือทั้งสองข้างมารวมกัน

หากใครฝึกฝนจนชำนาญ สามารถขจัดอารมณ์ด้านลบทุก ๆ อย่าง
ให้หายไป ภายในเวลาไม่กี่วินาที





การค้นพบบางอย่างของศาสตราจารย์ ริชาร์ด แบนด์เลอร์


ความสามารถในการเรียนรู้ของมนุษย์

ศาสตราจารย์ ริชาร์ด แบนด์เลอร์ ได้ใช้เวลาทั้งชีวิตค้นคว้าเรื่องนี้
จนพบว่า มนุษย์มีความสามารถในการเรียนรู้อย่างน่าอัศจรรย์
ไร้ขอบเขต ไม่มีขีดจำกัด ไม่ขึ้นอยู่กับอายุ และสามารถเรียนรู้ได้
รวดเร็วอย่างน่ากลัว มีสิ่งที่พึงระวังคือ ความสามารถนี้ครอบคลุม
ถึงการเรียนรู้ทั้งสิ่งดีและสิ่งไม่ดี


วิธีควบคุมสมองตนเอง เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่โดดเด่น

วิธีควบคุมสมองตนเอง มีขั้นตอนง่าย ๆ คือ หากต้องการความ
สำเร็จด้านใดก็ตาม คุณจะต้องขัดจังหวะพฤติกรรมเดิม ๆ เปลี่ยน
รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวันเสียใหม่ แล้วทำสิ่งที่คุณสนใจอย่าง
หมกมุ่น ทุ่มเท ทำอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง ในที่สุดคุณจะสร้าง
ผลลัพธ์ที่โดดเด่นเหนือใคร ๆ นี่เป็นวิธีการแสนจะง่ายดาย
แต่ทรงพลัง


วิธีฝึกความจำสำหรับคนความจำแย่

ศาสตราจารย์ แบนด์เลอร์ เล่าให้ฟังว่า "หากคุณเป็นคนความจำ
แย่ หรือนึกอะไรไม่ค่อยออก คราวต่อไป หากต้องการจำสิ่งใด
ให้คิดถึงสิ่งนั้นแล้วตีกรอบไว้ด้วยเส้นหนาสีดำ ใช้เวลาสักสองสาม
วินาที นึกถึงเรื่องนั้นอยู่ในกรอบสีดำ แล้วจินตนาการว่า นำภาพ
ในกรอบสีดำนั้นไปใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ แล้วดึงภาพเข้า ๆ ออก ๆ
ทำซ้ำ ๆ สักห้าหรือหกครั้งในจินตนาการ ภายในเวลาเสี้ยววินาที
คุณก็จะจำสิ่งนั้นไม่มีวันลืม"


การปลูกฝังความเชื่อใหม่ สร้างกระบวนการคิดใหม่ และ
เรียนรู้ระบบความจำแบบใหม่

คุณสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงด้านใดก็ได้ ไม่มีข้อจำกัด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การเรียน สุขภาพ การเงิน และความ
สัมพันธ์กับคนอื่น ๆ

ทั้งหมดนี้ คือการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ ความคิด และความจำ
โดยการปลูกฝังความเชื่อใหม่ สร้างกระบวนการคิดใหม่ และ
เรียนรู้ระบบความจำแบบใหม่ ด้วยการเข้าควบคุมสมองของ
คุณเอง

การควบคุมสมองจะทำให้คุณสามารถเป็นคนใหม่ได้ ด้วยวิธีการ
ง่าย ๆ เพียงแต่คุณเปลี่ยนความเชื่อ ความคิด และการกระทำ
คุณก็จะเปลี่ยนทุกอย่างได้ แล้วคุณจะกลายเป็นคนมีพลังอย่าง
ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย สามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นที่ไม่คิดว่า
จะเป็นไปได้ มีชีวิตที่เหลือเชื่อ คุณจะสดใส มองเห็นอนาคต
ที่น่าตื่นเต้น มีคนรักมากขึ้น มีมิตรภาพที่ไม่มีวันหมดสิ้น แล้ว
ชีวิตก็จะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ความเครียด
ความกลัว วิตกกังวล หดหู่ หรือเศร้าหมอง ก็จะอยู่ภายใต้
การควบคุมของคุณและสามารถขจัดมันออกไปเมื่อไหร่ก็ได้


สรุป

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นการแนะนำในเบื้องต้นเท่านั้นว่า NLP
เทคโนโลยีใหม่ทางจิตวิทยานี้คืออะไร และจะช่วยสร้างความ
สำเร็จได้อย่างไร และหากท่านสนใจ ขอเชิญศึกษาค้นคว้าต่อ
ทั้งหนังสือภาษาไทย และต่างประเทศ เช่น สืบค้นจาก
Google ก็มีชาวต่างประเทศเขียนหนังสือตำราไว้
หลายเล่มด้วยกัน และยังมีบทเรียนในเรื่องนี้ให้ได้ศึกษาฟรีก็มี
ก็จะสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปปฏิบัติให้ได้ผลดี เพื่อตัวท่านเอง
หรือบุตรหลานของท่านได้





.

 

.

 

.
เขียน ๑๓.๑๕


แหม..บังเอิญอีกแล้ว ไอเท็ม "บังเอิญครั้งที่ล้าน" นี่ มีจริงด้วยแฮะ หึหึหึ
"ทูอินวัน" นี่ก็เป็นไอเท็มที่ใช้บ่อยนะ เนอะ ทั้งรับและส่งได้พร้อมกันเลย
อืม...เขียนแค่นี้ก็พอล่ะมั้ง นะ ที่เหลือ ปล่อยให้เซลล์สมองเค้าโชว์บ้าง


กระต่ายป่า ข้างวัด / บังเอิญครั้งที่ล้าน
.

 

เพิ่งว่างมาแชร์ ความรู้และประสบการณ์อันน้อยนิดเหมือนหางเต่าของเรา ตามพื้นฐานความรู้ที่มีมาอีกหน่อย อย่าเพิ่งโกรธรำคาญไปล่ะ เนื่องจากเรื่องมันยาว ด้วยหลักการนำส่งข้อมูล “คลื่นแกมม่า” เข้าสู้สมองโดยตรงเพื่อสั่งสมองในการทำงาน ใช้ระบบเดียวกับการสะกดจิต เหมือนการขุดเอาความสามารถเฉพาะตัวของจิตใต้สำนึกออกมาใช้งาน สามารถลบความเจ็ปปวดจากความทรงจำในอดีต โดยใช้ทางลัดของหลักวิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคโนโลยี่และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ต่างเจาะดู ส่องบันทึกระบบการทำงานของสมอง โดยการจับนักบวชเข้าเครื่อง MRI ขณะนั่งทำสมาธิ แล้วเฝ้าดูและบันทึกลักษณะการพัฒนาของสมองในขั้นตอนการเข้าสู้สมาธิ จนสู้ขั้นอภิญญา แล้วจึงได้นำออกมาตีเป็นแฉกๆ ให้เห็นคลื่นสมองแยกออกมาเป็น กลุ่มๆตามพพฤติกรรมในขณะนั้นๆ ซึ่งก็ให้กำลังใจพวกที่ทำสมาธิไม่ได้ โดยสามารถใช้ทางลัดในการปรับคลื่นสมองตัวเอง เพราะหวังว่าจะทำให้ฉลาดขึ้น ด้วยส่งการฝังข้อมูลต่างๆโดยตรง สู่ผู้ที่ต้องการบำบัด ด้วยวิธีส่งเข้าไปในหัวจากคลื่นเสียงโดยตรง ในขณะครึ่งหลับครึ่งตื่น ส่วนข้อมูลที่จัดส่งก็จะเป็นคลื่นดนตรีบ้าง เสียงปี๊บๆๆ บ้าง เสียงคลืดๆๆบ้าง เพื่อทำงานกระตุ้นสมองซีกซ้ายและขวาแล้วแต่ความไม่สมดุลย์ของผู้เข้าบำบัด ร่วมกับเสียงพูดของผู้ให้การบำบัด คอยกระซิบบอกใกล้เบาๆให้สมองได้ยินและจำข้อมูลนั้นๆ แต่ไอ้คลื่นที่เป็นเสียงดนตรี และคลื่นที่ส่งสัญญาณ ปี๊บๆๆ คลืดๆๆ แซะๆๆ นี่สิตัวการ ทำไม หรือออ..

 

ก็มันมีการฝังระบบแทรกแซงคลื่นอะไรบางอย่างในเสียงดนตรีที่ใช้บำบัด ซึ่งทำให้สมองมนุษย์บางคนปั่นป่วน สติแตกมาแล้ว มีมากมายในยูทูป ไม่เชื่อลองเข้าไปฟังดูดิ หลายอันด้วย คลื่น THETA WAVES MEDITATION ผลสรุปออกมาว่า ฟังแล้วประสาทจะแตก หนักกว่าเก่าอีก แล้วมาใช้ร่วมกันกับระบบการรักษาจิตด้วยการให้คนมาพูดกรอกหูตอนครึ่งหลับครึ่งตื่น อาจจะได้ผลนะสำหรับบางคนที่จิตอ่อนจริงๆ เราคงไม่เอาอ่ะ เดียวมากรอกข้อมูลที่ฉันไม่อยากได้ก็เสร็จสิ ตื่นมาเป็นซอมบี้ทำไงละ

 

ส่วนเรื่องพลังจักระ เวลาส่งพลังเชื่อมกับจิตวิญญาณ จากตาที่สาม Pineal Grand การขอพลังจากจักรวาลนั้นต้องรู้แหล่งที่มาที่ไปของพลังานที่ได้มาด้วย จักรวาลมี 12 มิติ ภพภูมิอีกมากมาย มีทั้งทูตสวรรค์ที่ดีและไม่ดีอยู่ เทวดาเทพหลายชั้นหลายระดับ มีเอเลี่ยนอยู่ด้วย มีทั้งพลังงานที่ดีมากและที่โหดมหาเดือด ส่วนมนุษย์และสัตว์อาศัยอยู่ในภพภูมิที่ต่ำสุด การส่งจิตดึงพลังต่างๆเข้ามาหาตัวมีมานานแล้ว ศาสตร์เดียวกะร่างทรงแหละ ส่งจิตออกนอก ตั้งมโนแรงๆ เข้าไว้เดี่ยวก็มา พลังงานมีมากมายทั้งที่อยู่รอบๆตัวเรา สัมภะเวสี ก็เยอะ และที่อยู่นอกโลกอีกมากมาย ศึกษาให้ดีก่อนจะได้ไม่สูญร่างไปให้ใครเค้าเข้ามาแทรงใช้ได้ แต่มนุษย์จริงๆบนดินนะมีแต่ 30% เท่านั้นแหละ ยังไงอยากเล่นพลังก็อย่าไปดึงพลังมาหลุมดำมาละ เห็นคนครูสอนและคนฝึก Reiki โดนจัดไปเต็มๆ ไปหลายรายแล้วละ

 

เขียน ๒๒.๑๗


อืม..นะ ไอ้ดนตรีบำบัดเนี่ย ในนี้ก็มีชี้แนะกันเป็นระยะ
เราก็เคยลองเข้าไปฟังดูบ้างนะ แต่มันไม่โดนอ่ะ
ไม่ว่าจะแบบผ่อนคลาย หรือจะใช้กระตุ้น
พยายามทำใจให้เคลิ้มคล้อยตาม
แต่สมาธิก็ไม่ลงลึกเท่าไหร่

เราว่า ตัวเราอ่ะ ฟังเพลงไทยยังจะดีกว่าเลย รู้เรื่องด้วย
ข้อความที่ซ่อนไว้ ฟังไปตีความไป ได้หลายท่าดี
คำร้องเดียว แต่ต่างเวลา อารมณ์ สภาวะจิต
ก็แปลความได้หลากหลายแบบดีมาก
สมาธิดิ่งลงลึกได้อย่างไว ไปค้น
ค้นหา คำลึก คำเชื่อม คำใบ้
โยงไปมา หนุกกว่าแยะ

หรือเพลงที่ฟังไม่รู้เรื่อง บางเพลงก็ดีนะ
ใช้อารมณ์ฟังเอา เคลิ้มคล้อยได้ดี
ดนตรีจูงเก่ง กับอื่นๆ ที่ร่วมกัน
แต่ไม่รู้ว่ามันขี้โกงรึป่าวนะ
ยังไม่เคยเล่นไล่จับอ่ะ


กระต่ายป่า ข้างวัด / โคนัน ยอดนักสืบ
.

 

.
เขียน ๒๒.๓๒


อ้อ..ขอบคุณข้อมูล NLP ด้วยนะครับ
อ่านแล้ว แต่ย่อยไม่หมด มันแยะ
ขี้เกียจอ่ะ แต่ที่อร่อยกินแล้ว
แต๊งค์ คุณตาลเก้ายอด
ที่บางยอดด้วนแล้ว


กระต่ายป่า ข้างๆ คูๆ / จงถูมือให้สว่าง แล้วแปลงร่าง เป็น...
.

 

เสพเพลงอะไรแล้วไม่กระตุ้นต่อมให้อยากฆ่าคนก็ฟังไปเถอะ ฟังไทยเดิมแล้วมีความสูขก็เห็นด้วย ส่วนจะแกะโค๊ตที่แฝงมาในเพลงออกหรือไม่ออก ก็ให้จิตใต้สำนึกมันรับต่อไปละกันเนอะ เพราะเพลงรุ่นใหม่มันสร้างมางั้น ดูเลดี้ก่าก่า ดิ น่ากัวแท้