อธิษฐานสัจจะบารมี

คำสอนของหลวงตาม้า : อธิษฐานสัจจะบารมี

หลวงตาท่านเมตตาสอนว่า “เราทั้งหลายควรหมั่นอธิษฐานสัจจะไว้บ้าง แต่ต้องดูเค้าของตัวเองก่อนว่าจะทำได้ไหม โดยให้อธิษฐานจากสิ่งรอบกายที่พอจะทำได้ก่อน เมื่อทำได้แล้ว ก็ให้ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น การอธิษฐานสัจจะบารมีนี้ เป็นการสร้างบารมีอย่างหนึ่ง เพราะสัจจะบารมีที่เราอธิษฐานนี้ เราสามารถทำได้แล้ว จะได้บารมีอื่นๆ อีกหลายบารมีตามมา เช่น ขันติบารมี ทานบารมี ฯลฯ นอกจากนี้แล้ว ยังทำให้เราเกิดกำลังใจในการปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้นอีก เวลาจะตั้งอธิษฐานจิตให้กล่าวว่า “อิมัง สัจจะวาจัง อธิษฐานมิ”
หลวงตายังบอกอีกว่า “นักปฏิบัติควรจะมีการตั้งจิตอธิษฐาน แต่ก่อนที่จะเริ่มตั้งจิตอธิษฐานนั้น อย่าลืมพิจารณาก่อนว่า สิ่งนั้นๆ เราต้องแน่ใจว่าเราสามารถทำได้ เราต้องเข้มแข็งพอกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น และการตั้งจิตอธิษฐานนี้ ท่านให้เริ่มจากทีละน้อยก่อน เช่น เริ่มจาก ๓-๗ วันก่อน แล้วค่อยเพิ่มเป็น ๑-๓ เดือน แล้วค่อยเป็นปี ถ้าเราสามารถปฏิบัติได้ ตามที่เราตั้งจิตอธิษฐานแล้ว บารมีของเราก็เพิ่มมากขึ้นมหาศาลนะ ถ้าทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ทำไม่สำเร็จ ก็ต้องไปเริ่มต้นที่ ก ไก่ ใหม่ คือทุกอย่างที่เราเคยสร้างไว้ ทำไว้ เป็นอันว่าสูญนะ แต่ทุกคนต้องทำนะ อย่ามัวแต่รอช้า
เริ่มจากง่ายๆ ก่อน อย่างเช่น เราตั้งจิตอธิษฐานขอถือธรรมะตลอดชีวิต ข้อนี้นักปฏิบัติต้องทำกันได้อยู่แล้ว หรือจะตั้งจิตอธิษฐานว่าชาตินี้เราจะไม่แต่งงาน อันนี้สำคัญนะ เวลาตั้งจิตอธิษฐานข้อนี้ดูเอาเองแล้วกัน ไม่รู้ใครต่อใครมาจากที่ไหนๆ มาหากันเป็นโขยงเลย รับกันไม่หวาดไม่ไหว ไม่เชื่อก็ไปลองทำดูเอง แรงอธิษฐานและบารมีเป็นสิ่งสำคัญ เช่น คน ๒ คน อธิษฐานด้วยกันอย่างไร ก็ต้องเจอกัน เพราะการอธิษฐานนี้เป็นการเชื่อมต่อจิตให้ถึงกัน การอธิษฐานนี้ให้เลือกช่วงที่เรามีจิตใจที่สบาย ปลอดโปร่ง จะช่วยให้การอธิษฐานนี้สำเร็จผล เหมือนกับการที่เราทำบุญ พอเริ่มตั้งจิตอธิษฐานตอนที่เราทำบุญนั้น เราเกิดความศรัทธา ความสบายใจ มันพร้อมไปหมด คำอธิษฐานนั้นก็ได้ผล อย่างหลวงตาพอเริ่มอธิษฐานปั๊ป ให้สังเกตเลย ไม่รู้คนมาจากไหน จนสร้างไม่ทัน เดี๋ยวก็มีโน่น เดี๋ยวก็มีนี่ ด้วยแรงอธิษฐานผู้ที่เกี่ยวพัน เกี่ยวข้อง จะต้องมาช่วยกัน ที่เห็นๆ อยู่นี้ ก็ด้วยแรงอธิษฐานทั้งนั้น ไม่ใช่เที่ยวไปหา ไปแจกซอง ใช้แรงอธิษฐานจากผู้ที่เกี่ยวข้องและเกี่ยวพันเท่านั้น แล้วผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันทั้งหลายก็ต้องมา ไม่งั้นอยู่ได้ที่ไหน เร่าร้อน หงุดหงิด ต้องมา”
หลวงตาเล่าว่า “เคยให้พระชัชวาลท่านลองอธิษฐานจิตดู ตอนที่ท่านจะกลับไปบ้านท่าน โดยบอกให้ท่านอธิษฐานถึงผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับท่าน ให้มาหาท่าน หลังจากนั้น พระชัชวาลได้กลับมาเล่าให้หลวงตาฟังว่า เห็นผลเลย เขาอยู่กันไม่ได้ อยากจะมาหา แล้วก็จะมาหาอีก เพื่อนท่านจากกรุงเทพฯ อยู่ๆ ก็ต้องขับรถมาเลย”
หลวงตาบอกว่า “หลวงปู่ดู่ท่านให้อธิษฐานโดยตั้งบารมี ๑๐ ได้แก่
๑. ทานบารมี ความพอใจในการให้ทานอยู่เสมอ เป็นการตัดโลภ
๒. ศีลบารมี พยายามรักษาศีลให้ครบ เป็นการป้องกันอบายภูมิ
๓. เนกขัมมบารมีพยายามระงับนิวรณ์ในเบื้องต้น ป้องกันความวุ่นวายของจิต
๔. วิริยะบารมี ความพากเพียรต่อสู้กับกิเลส
๕. ปัญญาบารมี การทรงปัญญายอมรับนับถือกฎของความเป็นจริง
๖. ขันติบารมี ต้องมีความอดทน
๗. สัจจะบารมี ความตั้งใจจริง
๘. อธิษฐานบารมี
๙. เมตตาบารมี
๑๐.อุเบกขาบารมี อดทนต่อความอดกลั้นทั้งหลาย และให้รู้จักละวาง
ลูกศิษย์ถามว่า “ถ้าเราอธิษฐานตามใครสักคน ก็ต้องตามตลอดเลยหรือ”
หลวงตาบอกว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องของบารมี ไม่ใช่ว่าบารมีคนจะเท่ากัน อย่างเช่น เราเกิดมาในภพนี้ เราอัดบุญกัน ๒ คน พร้อมๆ กัน บุญที่ได้ยังไม่เท่ากันเลย บารมีคือกำลังใจ อย่างคนนั่งสมาธิ ๒ คน คนหนึ่งนั่งแค่ ๒ นาทีก็เมื่อยแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งนั่ง ๒ ชั่วโมง ไม่เป็นไร นั่งเหมือนกัน ปฏิบัติเหมือนกัน ยังได้ไม่เหมือนกันเลย บุญที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน อย่างเรื่องของการพิจารณา ให้พิจารณาให้รอบคอบ พิจารณาคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ลึกๆ ในคำสอนแต่ละข้อๆ ลูกศิษย์ ๕ คน สอนในบทเดียวกันยังใช้ไม่เหมือนกัน เพราะอะไร เพราะอยู่ที่ความตั้งใจ เจตนา และความเชื่อของแต่ละบุคคล
ผลออกมาจึงย่อมไม่เท่ากัน ต้องรู้หลักอธิษฐานและหลักของการทำบุญ ผู้ที่ไปแล้วก็เยอะแยะ ผู้ที่ยังตามอยู่นี่ก็มี พวกที่ไปแล้ว อย่านึกว่าจะตามอีก บางคนก็ไม่ตาม เขาไม่ตามก็เพราะเขาถึงแล้ว เขารู้แล้วว่า เกิดนี่ทุกข์ขนาดไหน เขาก็ไม่ตามอีก” (คำว่า “ถึง” ในที่นี้ หลวงตาหมายถึง พระนิพพาน)
ลูกศิษย์ถามว่า “ถ้าเราอธิษฐานขอถึงพระนิพพานนี่เรามีโอกาสจะถึงไหม”
หลวงตาบอกว่า “ถ้าเราปฏิบัติจริงก็ถึง ถ้ากำลังใจเราถึง ดูอย่างพระมหาวีระ (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) สิ พอท่านละสังขาร ลูกศิษย์ท่านมาเยอะเลย หลวงตาพูดจริงไหมละ การลานี่ไม่ใช่ลากันง่ายๆ เพราะความผูกพันกับพรรคพวก หมู่คณะ ไหนๆ มาด้วยกันไม่รู้กี่ภพต่อกี่ชาติ กี่ชาติต่อกี่ชาติ ก็ตามกันมา เพราะฉะนั้นเราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ศึกษาศรัทธา ศีล ทาน การศึกษา ปัญญา หลวงปู่ดู่ท่านสอนไว้อย่างนี้แหละ ว่ามีครบ ปรารถนาไปไหนก็ได้”
๑. ศรัทธา คือ ความเชื่อ เชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เชื่อว่านรก สวรรค์มีจริง เชื่อเรื่องมีเกิด มีแก่ มีตาย
๒. ทาน คือ การให้
๓. ศีล คือ การรักษา
๔. อศิตะ คือ การศึกษาจากพระไตรปิฎก หนังสือ คณาจารย์
เวลาไปวัดไหนก็ตาม ท่านสอนก็ฟัง ฟังแล้วก็เอามาพิจารณาว่าเท็จจริงอย่างไร ถูกไหม แล้วก็รวมเข้าเป็นปัญญาทั้งหมด ตั้งแต่ข้อแรก อย่างเราเชื่อว่าเราต้องตายแน่ เมื่อตายแล้วเราต้องเกิด เมื่อเกิดแล้วเราอยากสวย อยากหล่อ อยากรวย อยากเป็นใหญ่ เราจะทำอย่างไร เราก็ต้องรักษาศีล ไม่เป็นคนขี้โกรธ หมั่นให้ทาน เกิดมาก็สวย ไม่โกรธ เพราะโกรธแล้ว ให้ไปส่องกระจกดู หน้าจะหงิก เมื่อหน้าหงิกเพราะความโกรธ จิตก็อัดเข้าไปแล้ว ยิ่งโกรธบ่อยเท่าไร เกิดใหม่ก็ไม่สวยเท่านั้น ถ้าไม่โกรธ เกิดอีกทีก็เป็นใหญ่ สวย รวย นี่มีในพระไตรปิฎก อย่างนางวิสาขา ในพระไตรปิฎกมีอยู่ ๗ นาง ที่ปรารถนาพร้อมกัน ตั้งแต่นางอุบลวรรณา นางเขมา นางผกาจารา ฯลฯ พอถึงพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ดูซิทุกข์ไม่เหมือนกันเลย เพราะช่วงที่เวียนว่ายตายเกิด ไปทำกรรมไว้ นางผกาจารานี่ทุกข์กว่าใครเพื่อน ทั้งๆ ที่ปรารถนาพร้อมกัน นางวิสาขาสบายกว่าเพื่อน ฉะนั้น เมื่อเรารู้หลีกแล้วจะทำอย่างไร ก็เลือกกันเอาเอง เกิดมานี่ทุกข์มากเห็นๆ กันอยู่ ถ้าเรามองว่าเกิดมาแล้วเป็นอย่างไร แต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ก็ใกล้เคียงกัน เวลาเขาให้ทาน ก็ไปกินเหล้าซะ ไม่โมทนา แค่โมทนาเท่านั้น หรือเวลาเขาทำบุญ ก็มัวแต่ไปขัดซะ ให้ดูเราโชคดีเท่าไร หลวงปู่ดู่ท่านสอนให้เตรียมตัวไว้ เพราะเราตายแน่ๆ ตายแล้วจะไปไหนนั่นคือปัญหา เราจะเอาพ้นทุกข์ หรือตามหลวงปู่ หรือจะปรารถนาสูงกว่านั้นก็ได้ ให้เราตั้งความปรารถนาไว้ ตั้งไว้แล้วก็ต้องทำ ไม่ใช่ตั้งแล้วก็ไม่ทำ อย่างนี้ก็จบกันเท่านั้น”
ลูกศิษย์ถามว่า “ถ้าอย่างนี้เราอธิษฐานไว้สองอย่างได้ไหม คือ ถ้าเราไปไม่รอด ก็ขอตาม แต่ถ้าเราไปรอดก็ขอแยก”
หลวงตาบอกว่า “ได้ เราต้องเผื่อขาดเผื่อเหลือไว้ หลวงปู่ดู่ท่านก็สั่งพระเล็กกับหลวงตาไว้ว่า ถ้าไปได้ให้ไปเลย และหลวงปู่ดู่ยังสั่งอีกว่า ให้ลูกศิษย์ทุกคนรีบปฏิบัติกลัวไม่ทันกัน หลวงปู่ดู่บอกว่า “ให้รีบทำเข้าไว้” โลกกำลังเปลี่ยนแปลง เราจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้”
หลวงตาท่านยังบอกอีกว่า “การตั้งสัจจะอธิษฐานอย่างที่ทำกันทุกวันนี้ถูกแล้ว ให้ทำกันอย่างจริงจัง จะได้ทั้งวิริยะ ได้ทั้งศีล ได้ทั้งทาน ได้ทั้งขันติ ได้ทั้งอธิษฐาน ได้เกือบครบบารมี ๑๐ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องทำให้ได้จริงๆ เอาเท่าที่กำลังใจเราจะทำได้ การตั้งสัจจะอธิษฐานในการนั่งสมาธินั้น ให้อธิษฐานว่า นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ภายใน ๗ วัน ข้าพเจ้าจะนั่งสมาธิทุกวัน แล้วก็ว่า อิมัง สัจจะวาจัง อธิษฐานมิ แต่อย่าบอกว่ากี่ชั่วโมง อย่าเจาะจงจนกว่าเราจะแน่น"
ลูกศิษย์ถามว่า “ถ้าเราตั้งสัจจะอธิษฐานอะไรก็แล้วแต่ เกิดเราทำไม่ได้นี่ขอลาได้ไหม”
หลวงตาบอกว่า “การตั้งสัจจะอธิษฐานนี้ ถ้าเราทำได้ เป็นการเพิ่มกำลังใจ ถ้าเราเสียสัจจะ เราก็เสียกำลังใจนะ ถ้าขอลาก็ได้ แต่กำลังใจเราจะคงที่หรือ การเสียสัจจะนี่ ทำให้บารมีไม่เต็ม ถ้าเราตั้งสัจจะอธิษฐานสมมุติตั้งไว้ว่า เราจะนั่งสมาธิ พอถึงเวลาเราก็ต้องนั่งนะ ถึงแม้ว่าเราจะนอนก็ต้องคิดว่าเรานั่งสมาธิอยู่ หมายถึงเอากายใน (กายทิพย์) นั่งก็ได้ เพราะเราไม่ได้ระบุว่า เราจะใช้กายไหนนั่งสมาธิ นอนเราก็นึกว่าเรานั่ง ถ้าเราอธิษฐานว่าใช้กายนอก (กายเนื้อ) นั่ง เราก็ต้องนั่ง แต่ถ้าเรากลัวก็ให้อธิษฐานว่า ข้าพเจ้าจะภาวนาทุกวัน นี่คือการใช้วิจารณญาณเป็นที่ตั้ง ถ้าเราทำได้ กำลังใจเราจะเพิ่มขึ้น เพราะเมื่อเกิดบารมี ก็เกิดสัจจะและกำลังใจ เวลาเราภาวนาเราก็ใช้กายใน (กายทิพย์) ภาวนา ไม่ใช่กายนอก (กายเนื้อ) หลับตาก็นึกว่าเรากำลังนั่งภาวนาข้างหน้าพระ ทำไปเรื่อยๆ จิตกับกายจะสัมพันธ์กันตลอด จะไม่ละเมอ เพราะช่วงที่จิตกับกายปฏิสนธิอยู่จะติดคำภาวนา จะไม่มีการละเมอ ถ้าละเมอจะรู้เลย ถ้าเอาสติคุม จะรู้ทันทีว่านี่คือความฝัน จิตยังมีกิเลสตัณหา แต่กายนี้สามารถแยกได้ เราเอากายออกมาแล้ว เอาศีลคุมกรรมฐาน หลวงปู่ดู่ท่านว่า “พอตื่นขึ้นให้ทำเลย” คือลืมตาขึ้นทำเลย จะเอาวิปัสสนา หรือจะเอากรรมฐาน ๔๐ เราก็ต้องทำจนกว่าจะหลับ ให้คุมอยู่ตลอด มันจะโผล่บ้างก็ช่วงที่เราคุยกันอยู่”
(พระเดชพระคุณหลวงตาม้า)


https://www.facebook.com/กำลังจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ-หลวงตาม้าวิริยธโร-159689461454551/

 

ความรู้หลังห้องเรียน #ช่วงหลวงตานั่งพักผ่อน
หลวงตากล่าวว่า : หลวงตาคิดนะ และให้ความสำคัญมากที่สุด หรือ โลกแห่งความเป็นจริงเลยเนี่ยนะ ก็คือ
1.ตายแล้วจะไปไหน ตายแล้วจะไปเกิดที่ไหน
2.แก่ตัวมาใครจะดูแล ถ้าให้พ่อแม่มาดูแล พ่อแม่ก็คงไม่อยู่แล้วหละ แล้วทีนี้ใครจะดูแล , แก่มา แล้วล้มป่วยอีก ก็ยิ่งทุกข์ไปใหญ่ ทุกข์กับตัวเองไม่พอ ก็ทำให้คนอื่นมาทุกข์ด้วย มาลำบากด้วยอีก
3. 100ปี 4หมื่นวัน ลองคิดดูเราจะอยู่ได้กี่วัน จะอยู่ถึงไหม , แล้ว100ปี เราทำอะไร
หากเรามาฝึกๆ ฝึกทำความเข้าใจการเวียนว่ายตายเกิด ฝึกสวดมนต์ พิจารณา ฝึกเตรียมตัวตาย ควบคุมทิศการเกิดๆตายๆได้ มาฝึกถนอมธาตุขันธ์ มาบันทึกบุญ มันมีประโยชน์มากเลยนะ ถ้าเราเป็นผู้มีประโยชน์กับตัวเองเนี่ย และเป็นประโยชน์โลกวิญญาณ วิญญาณและเทวดาเขาดูแลนะ
ถ้าเป็นผู้มีประโยชน์เนี่ย สวดมนต์ บันทึกบุญ อารมณ์ดี อยู่ในคลื่นพุทธมนต์ คลื่นบุญ คลื่นความดี พรหมวิหารเนี่ย คนอื่นเห็นเขามีความสุขไหม?
= มีนะ!
เนี่ย มีประโยชน์เปล่าละ? จะฝึกไหมละ?
—————-
(หลวงตา ทำให้เห็น เป็นให้ดู)
—————-
•สวดมนต์ หรือ คำภาวนาที่ชอบ ให้หลับ
•สวดมนต์ทุกครั้งที่นึกได้
•สวดมนต์ บันทึกบุญ อนุโมทนาบุญ แผ่บุญ อ่อนน้อมถ่อมตน
•ฝึกเตรียมตัวตาย ควบคุมทิศทางการเกิด/ตาย
•เบนกระแสที่ไม่ดี/ปิดฝันร้าย •อายุยืน แก่ช้า โรคน้อย
•มีความคล่องตัวทั้งทางโลกและทางธรรม
•เป็นที่รัก ของ มนุษย์ สัตว์ วิญญาณ เทวดา
#วิริยธโร. ~ หลวงตาม้า
(20.1.65) .

=AZVTT0ePmuQOMqMjy-eeq13hDiaaa9Ro0LTS8ER8F3lWBZCwjNQLGZyQc-xlvyGMcNJbtm0wOPXfIYRfglyvMxDBRfIaASnIxFnAyLxg8U85hbzm9fO8no1Zn8aB1pMepbfeD58Y-TPXhnwQnaDJ9jRTSKGyRd3VrjkpL06JGl_eEH78ZvgugpC-e2ow7s0bAFs&__tn__=*bH-R']
=AZVTT0ePmuQOMqMjy-eeq13hDiaaa9Ro0LTS8ER8F3lWBZCwjNQLGZyQc-xlvyGMcNJbtm0wOPXfIYRfglyvMxDBRfIaASnIxFnAyLxg8U85hbzm9fO8no1Zn8aB1pMepbfeD58Y-TPXhnwQnaDJ9jRTSKGyRd3VrjkpL06JGl_eEH78ZvgugpC-e2ow7s0bAFs&__tn__=*bH-R']

=AZVTT0ePmuQOMqMjy-eeq13hDiaaa9Ro0LTS8ER8F3lWBZCwjNQLGZyQc-xlvyGMcNJbtm0wOPXfIYRfglyvMxDBRfIaASnIxFnAyLxg8U85hbzm9fO8no1Zn8aB1pMepbfeD58Y-TPXhnwQnaDJ9jRTSKGyRd3VrjkpL06JGl_eEH78ZvgugpC-e2ow7s0bAFs&__tn__=*bH-R']
=AZVTT0ePmuQOMqMjy-eeq13hDiaaa9Ro0LTS8ER8F3lWBZCwjNQLGZyQc-xlvyGMcNJbtm0wOPXfIYRfglyvMxDBRfIaASnIxFnAyLxg8U85hbzm9fO8no1Zn8aB1pMepbfeD58Y-TPXhnwQnaDJ9jRTSKGyRd3VrjkpL06JGl_eEH78ZvgugpC-e2ow7s0bAFs&__tn__=*bH-R']

=AZVTT0ePmuQOMqMjy-eeq13hDiaaa9Ro0LTS8ER8F3lWBZCwjNQLGZyQc-xlvyGMcNJbtm0wOPXfIYRfglyvMxDBRfIaASnIxFnAyLxg8U85hbzm9fO8no1Zn8aB1pMepbfeD58Y-TPXhnwQnaDJ9jRTSKGyRd3VrjkpL06JGl_eEH78ZvgugpC-e2ow7s0bAFs&__tn__=*bH-R']
=AZVTT0ePmuQOMqMjy-eeq13hDiaaa9Ro0LTS8ER8F3lWBZCwjNQLGZyQc-xlvyGMcNJbtm0wOPXfIYRfglyvMxDBRfIaASnIxFnAyLxg8U85hbzm9fO8no1Zn8aB1pMepbfeD58Y-TPXhnwQnaDJ9jRTSKGyRd3VrjkpL06JGl_eEH78ZvgugpC-e2ow7s0bAFs&__tn__=*bH-R']
=AZVTT0ePmuQOMqMjy-eeq13hDiaaa9Ro0LTS8ER8F3lWBZCwjNQLGZyQc-xlvyGMcNJbtm0wOPXfIYRfglyvMxDBRfIaASnIxFnAyLxg8U85hbzm9fO8no1Zn8aB1pMepbfeD58Y-TPXhnwQnaDJ9jRTSKGyRd3VrjkpL06JGl_eEH78ZvgugpC-e2ow7s0bAFs&__tn__=*bH-R']

 

ตราบที่เรายังมีชีวิตอยู่ ให้เร่งบันทึกบุญไว้
•เพราะเรามีทั้งรูปและนาม มันสามารถบันทึกบุญได้ ทั้งหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ มันบันทึกได้ตลอด ทั้งยืน เดิน นั่ง นอน ทำได้ทุกครั้งที่นึกได้ หากทำจนชินมันทำอัตโนมัติเลยนะ ถ้าหากเราตายไป มันมีแค่นามธรรม มันทำไม่ได้ มันต้องอาศัยรูป
———————————
-สวดมนต์ บันทึกบุญ อนุโมทนาบุญ แผ่บุญ อ่อนน้อมถ่อมตน
-สวดมนต์ทุกครั้งที่นึกได้ ทั้งยืน เดิน นั่ง นอน
-เห็นวัด ก็โมทนาบุญกับผู้สร้างวัด โมทนาบุญกับพระ แม่ชี ที่เขาสวดมนต์ ทำกรรมฐานในวัด /ฝากกระแสไว้ที่วัดทุกแห่ง
-เห็นโรงบาล หลุมฝังศพ คนตาย หมาเเมวตายตามถนน ก็นึกถึงหลวงปู่แผ่ไป
-เห็นคนป่วย ก็นึกถึงหลวงปู่ช่วยเราครอบวิมานให้เขา ขอหลวงปู่สงเคราะห์ช่วยเหลือให้เขาหาย #ไม่ต้องสนใจว่าได้ไม่ได้ #เราฝึกฝึกเมตตาหรือพรหมวิหาร
-ไปสวดที่ไหน ก็เรียกอัญเชิญภพภูมิ วิญญาณให้เขามาสวดดกับเรา ให้เขามาสวดมาโมทนาบุญกับเราตลอด มาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
-นักธุรกิจบุญ เขาไม่นิ่งเฉยนะ อะไรที่เป็นบุญเขาเก็บหมด บุญเล็ก บุญน้อย บุญใหญ่ เห็นอะไรก็เป็นบุญไปหมด ต้องไวนะฮะ
#วิริยธโร.~หลวงตาม้า
(26.1.65)








ตามรอยวิริยธโร - หลวงตาม้า

 

..คนที่..สวดจักรพรรดิ...
คิดสิ่งใด มันจะเป็นสิ่งนั้น
จิตรับคลื่นที่เกี่ยวข้อง
กับเรา กระทบเรา มันถึง
รู้สึก นั่นคือ "..ทิพยอำนาจ.."
..จิตรับคลื่นที่เกี่ยวข้องกับเรา
(ความรู้สึกที่สัมผัส ทางรูปและนาม)
อันดับแรกนะฮะ แล้วมันจะไม่ขี้เกียจ
เพราะต้องการอนุรักษ์คลื่นตรงนี้ไว้
เพื่อต้องการคลื่นต่อไปอีก
..คือพูดแล้วเป็น คิดแล้วเป็น
ทำแล้วก็จะเป็น แล้วก็จะทำได้
นี่คือ..ศาสตร์ตายตัว
ในวัดถ้ำเมืองนะ ด้วยนะ
เราถึงย้ำเรื่องการสวดมนต์..
พระธรรมโอวาท องค์หลวงตาม้า (พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร)
น้อมกราบอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ในโอวาทธรรมคำสอนอันประเสริฐ เจ้าค่ะ
วัตถ้ำเมืองนะ จ.เชียงใหม่
บรรยายธรรม..เมื่อวันที่ 21/08/61

 

เบนกระแส แผ่ปรับคลื่น

https://fb.watch/aVLTWIKnNM/

 

ศิษย์ : ทำไมพระแก้วแดงถึงมีพลังงานรวมพระศรีคะ
หลวงตา : พระศรีอริยะเมตไตรยเป็นอนาคต พระแก้วแดงเป็นบารมีตั้งแต่แรกเริ่มอธิษฐานมารวมที่พระแก้วแดง เป็นบารมีรวมของพระศรีอริยะเมตไตรย ท่านชอบสีแดง ท่านชอบอะไรที่สีแดง ถ้าเราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ถ้าบารมีเยอะกำลังก็อยู่ที่สีแดง
ศิษย์ : คือหมายถึงว่า สีแดงเป็นเฉพาะวิริยะหรือครับ
หลวงตา : มันอยู่ที่สีนะ บางองค์วิริยะสีขาวก็มี มันอยู่ที่เรา ชอบสีไหนก็เป็นสีนั้นแหละ อย่างหลวงตาก็ชอบสีแดงออกชมพูนั่นแหละ คือพระพุทธเจ้าแต่ละองค์สีไม่เหมือนกัน องค์หน้าอาจจะเป็นสีแดงก็ได้ มันอยู่ที่ความชอบ ซ้ำกันเยอะไป
ศิษย์ : แล้วถ้าซ้ำกันนี่ สร้างองค์เดียวกันสีเหมือนกันใช้เหมือนกันได้ไหมครับ
หลวงตา : ไม่ได้ คนละองค์ คนละพลังงาน
ศิษย์ : หลวงตาค่ะ แล้วจักรพรรดิที่สีแดง ต่างกับสีขาวไหมค่ะ
หลวงตา : เหมือนกันนั่นแหละ ใช้เหมือนกัน คำว่า จักรพรรดิ คือพระพุทธรูปทรงเครื่อง เหมือนทหาร ทหารออกรบก็ต้องใส่ชุดทหาร เวลาอยู่บ้านถอดชุดเป็นทหารคนเดียวกันไหม คนเดียวกัน แล้วถ้าทหารคนนั้นไปบวชก็คนๆเดียวกัน มันอยู่ที่รูปลักษณ์ อย่างพระแก้วมรกตนะ พระทรงเครื่องจักรพรรดินะนั่น
ศิษย์ : แล้วสามองค์ก่อนพระแก้วมรกตล่ะครับหายไปไหนครับ
หลวงตา : สามองค์ก่อนไม่ทราบไม่ได้เช็ค เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรไปถามทำไม
ศิษย์ : หายไปไหนเหรอครับ ผมก็อยากรู้
หลวงตา : หายสิ ไม่หายได้ไง บัญชีท่านปิดแล้ว อย่างองค์สีเขียวเนี่ยเมื่อหมดศาสนาท่านธาตุก็เผาธาตุอีกที พระแก้วมรกตก็สลายหายไปตามพลังงาน เหมือนบ้านเรา เผาบ้านหลังนี้แล้วไปปลูกใหม่ พลังงานมันก็ไปตามสภาพของตัวเราเอง พระพุทธเจ้าแต่ละองค์ก็เหมือนกัน ธาตุจะโดนเผา พลังงานโดนเผา มันหมดยุคไป 2000กว่าปีก็หมดเปลี่ยนแปลงอีกเยอะ
ศิษย์ : พระพุทธรูปองค์อื่นๆสีแดงที่ทรงเครื่องจักรพรรดิก็มีคุณสมบัติเหมือนกันสิคะ
หลวงตา : เหมือนกัน พระทรงเครื่องคือผู้มีฤทธิ์นะ พูดถึงฤทธิ์ไม่ได้พูดถึงธรรมโดยตรง ทรงเครื่องทุกอย่างนะ เรื่องของธรรมก็ทรงพุทธเจ้าธรรมดานี่แหละ
ศิษย์ : ขอย้อนไปถามเรื่องพระพุทธเจ้าหน่อยนะครับ หลวงตาบอกว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลายองค์ท่านปิดบัญชีไปแล้ว การโมทนาบุญที่พระพุทธเจ้าทุกกๆพระองค์ได้เคยทำมาได้ไหมครับ
หลวงตา : ได้อยู่ โมทนาในส่วนที่ท่านทำมาทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต มันก็สว่างที่จิตเรา ฟอกที่จิตเรา
ศิษย์ : โมทนาแล้ว โมทนาอีกได้ไหมครับ
หลวงตา : ได้ แล้วมันลดความอิจฉาในใจเราด้วย พลังงานก็พุ่งมาที่เรา
(พระเดชพระคุณหลวงตาม้า)

 

หลวงตาม้าเมตตา ส อ น
เ ค ล็ ด ลั บ การอธิษฐาน

-------------------------
หลวงตาม้า : จะบอกความลับ
ให้ก็ได้คือ ไม่ปิดบังอะไรหรอก
หลวงตาฝึกกับหลวงปู่มาตั้งแต่
อายุสามสิบประมาณเนี๊ยะ
ท่านบอกค่อยๆไป ค่อยฝึกไปเรื่อยๆ
อย่าหยุด จนถึงทุกวันเนี๊ยะ
เวลาอธิษฐานก็อธิษฐานไปเรื่อยๆไง
แต่ไม่บอกว่าอธิษฐานเริ่มต้นยังไง
ไปเรื่อยๆๆมันก็รู้ๆๆไปเรื่อยๆ ๆ ใช่มั้ย
ตอนนี้อธิษฐานยังไงรู้ป่าว
ศิษย์ : ครับอยากรู้ครับหลวงตา
มากเลยครับ
หลวงตาม้า : ตอนที่สวดตอนเนี๊ยะ
เนี่ย บารมีที่สวด คนที่สวดทั้งหมดเนี่ย
เป็นกระแสเดียวกันกับหลวงตา
ทั้งหมดเนี่ยที่สวดเนี่ย
ศิษย์ อ๋อ ทุกคนตามกระแสหลวงตา
หลวงตาม้า : เพิ่ม #เพิ่มจากจักรพรรดิ
#เพิ่มจากหลวงพ่อ #เพิ่มจากบริวารท่าน
#เพิ่มจากโพธิสัตว์
#แล้วก็เพิ่มจากมนุษย์ทุกคนที่สวดเนี่ย
#ทุกคนที่สวดในโลกเนี่ย
#ผ่านเราทุกลมหายใจเข้าออก
#ใครก็ตามที่เห็นรูปนาม
#ของข้าพเจ้า #รูปนามผู้ที่มีทุกข์
#ให้ลืมความทุกข์
#ผู้ที่มีสุขก็มีสุขยิ่งๆขึ้นไป
#อธิษฐานสิ่งใดก็ให้สมปรารถนา
#ในสิ่งที่อธิษฐาน #ผู้ได้ยินเสียง
#ขอให้มีความสุข
#อธิษฐานผู้ที่ได้ยินชื่อ
#อธิษฐานสิ่งใดขอให้สำเร็จ
...มันมากกว่านั้น แต่เอาแค่นี้พอ ๆ
ศิษย์ : โฮ่ หลวงตาบอกเคล็ดลับ ...
...แค่นี้พอ... ครับหลวงตา
หลวงตาม้า : แล้วตุ๊ก็ดูตัวเอง
ไปปีสองปี แล้วดูสิ่งตามที่เราอธิษฐานไว้
มันมีประโยชน์
มันเป็นไปตามที่เราอธิษฐานมั้ย
มันจะเริ่มแรกตั้งแต่เราอธิษฐานแล้ว
ถ้ามันเป็นตามที่เราอธิษฐาน
เราก็อธิษฐานเพิ่มไปเรื่อยๆๆๆ
หลวงตาไม่บอกว่าหลวงตาอธิษฐานอะไร
ศิษย์ : อ่อ ครับ
แต่เมื่อกี้หลวงตาบอกมานิดนึง
หลวงตาม้า : ไม่ใช่ ...(หัวเราะ)
#สุดท้ายตอนเนี๊ยะ ตอนที่อธิษฐานเนี่ย
#ผู้ที่เห็นรูปนามของข้าพเจ้า
#หรือได้ยินชื่อเนี่ยก็มีความสุขแล้ว
#ผู้ที่มีความทุกข์ก็ลืมมมม #ความทุกข์ไป
#ผู้ที่มีสุขก็มีสุขยิ่งๆขึ้นไป
#ผู้ที่มีโชคขอให้ได้ไวๆ
ประมาณนั้นแหละ ประมาณนั้น
ศิษย์ : สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
--------- -----
ถอดคำเทศน์บางตอน หลวงตาม้า
(พระวรงคต วิริยธโร)
วัดถ้ำเมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
วันที่ 27/7/63
กรุณาฟังเพิ่มเติม
คลิกฟังต้นฉบับที่นี่
https://www.youtube.com/watch?v=AwRUpoivHaE&t=23s

 

#อะไรคือสิ่งที่หลวงตาเป็นห่วงในยุคนี้
#ทำอย่างไรสังคมไทยถึงจะดีขึ้น
#เรื่องเล่าดีๆจากหลวงตาม้าเพื่อการพัฒนาตน
#ร่วมกดไลค์กดแชร์เพื่อเป็นธรรมทาน
เหตุการณ์จริงที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในสังคมยุคนี้ .....
หลวงตาเดินทางไปเยี่ยมลูกศิษย์ ระหว่างรถติดที่สี่แยกไฟแดงมีรถที่พยายามแทรกเลนเพื่อเบียดด้วยความเร่งรีบ ขนาดที่คันอื่นๆต่อแถวกันมา
..คนขับเกิดอารมณ์หงุดหงิดที่เจอเบียด แต่หลวงตาบอกว่าปล่อยให้เขาไปหลีกทางให้เขา เขาพยายามแทกเบียดแล้วเจอรถคันข้างหน้าบีบแตรไล่ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ รถเบียดกัน ทั้งคู่ลงมาโต้เถียงกันด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว กลายเป็นความทะเลาะเบาะแว้งจนทำให้รถติดยาว
หลังจากนั้นรถเดินทางผ่านไป ถึงทางม้าลาย มีคนยืนรออยู่มากมายแต่ไม่มีรถคันใดหยุด
หลวงตาสั่งให้หยุดให้คนข้ามถนนก่อน หลายคนโค้งขอบคุณที่มีน้ำใจหยุดรถให้
รถเคลื่อนที่ผ่านไปเรื่อยๆจนเห็นรถที่ติดอยู่ในซอยกำลังจะออกจากปากซอยแต่ก็ไม่มีรถคันใดหยุด
หลวงตาก็สั่งให้หยุดเพื่อให้รถที่อยู่ในซอยนั้นได้ออกมา
#หลวงตาให้ข้อธรรมว่าแค่เราเดินทางในวันนี้ก็เห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาเป็นข้อคิดมากมาย
.. เรื่องความมีเมตตาและมีน้ำใจของคน
ตั้งแต่ความไม่ยอมกันของคนที่ขับรถเบียดกันจนเกิดเป็นเหตุการทำให้เสียทั้ง ทรัพย์ เวลาและบุคคลอื่นต้องมาเดือดร้อนเหตุเพราะ ทิฐิ มานะและความเห็นแก่ตัว
#ทำให้เราเห็นความเมตตาและมีน้ำใจของคนเราในปัจจุบันนั้นลดน้อยลง
แค่การเดินทางในแต่ละวันก็ทำให้เราเห็นถึงปัญหาที่เกิดในสังคม
#สังคมไทยในปัจจุบันสิ่งที่กำลังหายไปก็คือความมีเมตตาและน้ำใจต่อกัน

ปัจจุบันคนเราดำเนินชีวิตด้วยความเห็นแก่ตัวมากยิ่งขึ้น เหตุเพราะสภาวะแวดล้อมและสังคมบีบบังคับให้เราต้องรีบเร่งและเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด แค่สถานการณ์ที่เราเห็นจากการเดินทางในวันนี้
ทำให้เราเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทย สิ่งนี้น่าคิดและนำมาพิจารณา ว่า #หากสังคมไทยยังคงเป็นแบบนี้ต่อไปอีกหน่อยประเทศชาติจะเป็นเช่นไร ?
#นี่คือสิ่งที่หลวงตาพิจารณาแล้วเห็นว่าน่าเป็นห่วงมากในยุคนี้
#ยุคที่คนไทยเสื่อมถอยในเรื่อง คุณธรรม เมตตาและความมีน้ำใจ
ความมีเมตตาและความมีน้ำใจ อ่อนน้อมถ่อมตน สิ่งนี้คือเสน่ห์ของคนไทยที่มีมายาวนาน
#แต่สังคมไทยในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป ทำให้คนไทยยิ้มน้อยลง
มีเมตตาน้อย ความโกรธฉุนเฉียวพยาบาทอาฆาตเพิ่มมากขึ้น มีน้ำใจลดน้อยลง
#ถ้าเป็นเช่นนี้อีกต่อไปอีกหน่อยประเทศชาติของเราจะเป็นเช่นไร?
#ทางแก้ไขต้องเริ่มจากตัวเราเอง
เราไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงผู้อื่นได้ จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขระบบหรือสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ยาก
#สิ่งที่ง่ายที่สุดคือเริ่มต้นจากตัวเราเอง
เราต้องเริ่มจากตัวเราเอง เริ่มต้นให้ตัวเราเองเป็นผู้ที่มีเมตตาและมีน้ำใจ ต้องลงมือทำไม่ใช่แค่คิดและพูด
เมื่อเราเป็นแสงสว่างเล็กๆ ส่องนำทางไม่นานแสงสว่างอื่นๆก็จะ ส่องแสงตาม
#หลวงตาเชื่อในเรื่องการทำความดี ใครไม่รู้ไม่เห็นแต่เรารู้เราเห็นว่าเรากำลังทำสิ่งที่ดี
เชื่อว่าถ้าเราทำดี คนที่เขาเห็นอย่างน้อย เราก็เป็นตัวอย่างที่ดีเป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการทำความดีในสังคม
#อย่าไปท้อแท้ในการทำความดีอะไรที่เราทำดีมีประโยชน์จงทำต่อไปเพราะสิ่งนั้นได้ชื่อว่าเราเป็นผู้ที่ได้ทำความดีและสร้างประโยชน์
ใคร ไม่ทำแต่เราทำ เราได้ชื่อว่าเราเป็นผู้ทำดีสร้างประโยชน์
#ให้พิจารณาว่าชีวิตนี้เกิดมาเวลาเหลือไม่มากให้เร่งทำความดี
มีโอกาสให้เร่งทำ ให้เชื่อมั่นในการทำความดีสร้างประโยชน์
#สิ่งนี้คือความหวังของสังคมไทยในปัจจุบัน
#สังคมไทยสังคมที่กำลังต้องการคนดีเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดี
#ขอความสงบและสันติจงเกิดแก่ตัวท่าน
#ใต้เงาวิริยธโร
#หลวงตาม้าวัดถ้ำเมืองนะ