เว็บพลังจิต ห้องอภิญญา-สมาธิ สะดวกต่อสมาชิกในการศึกษาหาความรู้หรือไม่

ควรมีนักปฏิเวธ ไว้เป็นที่ปรึกษา ชี้ขาดปัญหา การมองภาพกว้างของกลุ่มบุคคลและกลุ่มเจ้าปัญหา ที่รวมกลุ่มกันทำผิด ฝังตัวอยู่ในบอร์ดนานจนรู้วิธีปฏิบัตินัดหมาย ปิดกั้นความจริง

 

ใจเขาใจเรา

ดีแล้วครับโดยส่วนรวมผมว่าไม่ต้องปรับปรุงอะไรเลยครับดีแล้วจะไห้หาคนที่ชี้ขาดเรื่องนี้ผมว่า ยาก น่ะ ครับ เพราะ บางคน ก็ เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ หาเอาคำสอนของ หลวงพ่อ หลวงปู่แต่ละท่านมาลงดี กว่า ครับ เอาคำสอนแท้ๆของท่าน ถ้า ไคร มี ปัญหา ค่อย ตั้ง กระทู้ถามดีกว่า ซึ้ง มัน ก็ เหมือนเดิม คือ
ดี แล้ว
แต่ถ้า จะ หา คน มา ชี้ ขาด ต้อง เป็ฯ คนของทาง www ครับ ถึง จะทำไห้ทุกคนยอมรับฟังแล้วก็ต้องคัดเลือกคนอีกนั้นคือการคัดเรื่องของทางเวป ว่าไคร จะ มาชี้ ธรรมของหลวงปู่ดู่ หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ ก็ ว่า กัน ไป คัดจาก อะไร ก็ ว่ากัน ไป ครับ

 

สมาชิกปรามกันเองบางคนมีสติปัญญาก็รู้ตัวได้ ก็ไม่ทำความรำคาญให้คนอื่น
บางคนไม่รู้แต่คิดว่ารู้ ไม่เปิดใจมองความจริง
แล้วแสดงอาการที่ไม่สมควรเช่น อาการของกิเลส ที่คนอื่นรู้ แต่ตัวเขาเองไม่รู้
สำหรับคนที่รู้อาการเหล่านี้ก็ได้แต่สมเพชเวทนา และรู้ว่าช่วยไม่ได้ก็อุเบกขาไป
บางคนเขาเมตตาช่วยชี้ช่องให้ ก็บางทีก็เหมือนจะรุนแรง
เราคิดว่าห้องนี้เหมาะกับการทดสอบตัวเอง
ถ้าจะหาความรู้ในทางธรรมก็ไปหาอ่านหรือศึกษาจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์
ที่มีอยู่ในห้องอื่นๆแบ่งเป็นองค์ๆ ก็มีความรู้จริงให้ศึกษามากมาย
ถ้าหวังว่าจะมาศึกษาจากพวกที่ไม่รู้แล้วคิดว่ารู้ ก็ต้องพิจารณาให้ดี

เรื่องหาคนตัดสินมันยาก เพราะใครจะรู้จริง มีแต่บอกว่าตนเองรู้จริงทั้งนั้น
จะมีซักกี่คนที่รู้ว่าตัวเองรู้ไม่จริง

 

เนื่องจากนักปฏิบัติแต่ละท่านเหมือนเป็นเด็กอนุบาลที่ยังไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
แต่ก็กลายเป็นว่ามีรุ่นพี่ ที่มาคอยชี้นำให้ ซึ่งสิ่งที่น่ากลัวคือ บางทีเราก็ไม่รู้ว่ารุ่นพี่เหล่านี้แนะนำให้อย่างถูกต้องหรือไม่ จะทราบได้อย่างไรว่าที่เขาแนะนำมานี้ไม่ผิด พออ่านๆไปก็เลยชักจะเขว รุ่นพี่บางคนก็ทำตัวขึงขัง ชวนให้เชื่อถืออย่างมาก จะมีกลวิธีใดๆที่ทำให้อยู่ในกรอบที่ถูกต้องได้หรือไม่
หลังๆนี่ก็จะพยายามอ่านเฉพาะในส่วนที่เห็นว่าเป็นคำกล่าวจากปากของพระอาจารย์ท่านโดยตรงแค่นั้นก็พอ

 

เห็นเขาว่าเป็นเว็บอันดับหนึ่ง

ขออนุญาติครับ
ก่อนเข้ามาที่เว็บนี้ ผมก็เมล์มาถามเรื่องราวของทางเว็บก่อนก็ได้คำตอบแค่ว่า เป็นเว็บส่งเสริมพระพุทธศาสนา ผมก็เลยเข้ามา ตอบปัญหาไปแล้ว หกสิบกว่าครั้ง
ปัญหาที่พบเจอคือ
1.ไม่แยกทฤษฎี(ปริยัติ)ออกจากการปฏิบัติภาวนา ทั้งหัวข้อเรื่อง และ การตอบปัญหา บางที ทางเว็บก็พาลมั่วไปกับเขาด้วย เขาถามเรื่องการปฏิบัติพากันดันไปตอบเรื่องปริยัติ แล้วคนถามเขาจะได้อะไร
2. คำสอนครูบาอาจารย์ ควรแยกไว้เด็ดขาดต่างหาก บางท่าน โพ้ส มาน่าสนใจ แต่พอเข้าไปดูกลับเป็นคำสอนครูบาอาจารย์ซะนี่
3. บางท่านโพ็สมาถามเขาอยู่ดีๆ ดูก็รู้ว่ามีความรู้แค่ใหน ปฏิบัติไปได้แค่ใหน เผลอแผร็บเดียว ดันไปตอบปัญหาให้คนอื่นซะอีก กลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อมไปต่อ
4. ครูบาอาจารย์สอนว่า "รู้อะไรมาให้ลืมให้หมด อยากรู้อะไรให้ปฏิบัติภาวนาเอา เมื่อจิตรู้ไปเห็นไป จิตมันเข้าใจของมันก็พอแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมาอธิบายแบบ ปริยัติอีก" แม้แต่ อาจารย์ปู่หลวงปู่มหาบัวยังออกปากว่า "อยากอธิบายให้เข้าใจเปรียบเทียบกับปริยัติ แต่ก็บอกไม่ได้เรียนมาตั้งนานลืมหมดแล้ว" แล้วที่เห็นอยู่ที่นี่ มันปริยัติเกือบจะทั้งหมด แล้วจะเผยแผ่ไปเพื่ออะไร
ก็รู้กันอยู่แล้ว รู้แล้วก็ต้องลืมแล้วจะรู้ไปทำไม ปริยัติเหมือนรูปภาพอาหารต่อให้มีเต็มโต๊ะมันก็กินไม่ได้
5. แล้วพวกจิตตกทั้งหลายพอปฏิบัติไปไม่เป็น ก็หันมาเสพปริยัติ ยังไม่พอเทียวไปตอบคำถามเขาให้มั่วไปหมด บางกระทู้ใกล้หมากัดกันเข้าไปทุกที
เจ้าของกระทู้เขาคงเปิดหนีไปใกลแล้วด้วยความเบื่อหน่าย พอเห็นเขาถามพากันแห่เข้าไปรุมตอบ ลืมแม้กระทั่งว่าที่ตอบไปนั้น คนถามเขาพอจะได้ประโยชน์มั่งใหม นี่ถ้าผมหายป่วยไปใหนมาใหนได้ ผมก็คงหายไปเหมือนกัน เพราะมองไม่เห็นประโยชน์เขาประโยชน์ท่าน ว่าอยู่ตรงใหน
6.เรื่องอนุโมทนาก็เหมือนกัน ก็ยังเห็นรกตาอยู่เหมือนเดิม หรือว่าต้อง ตั้ง ข้อความต่ำสุดไว้เป็นไม้กันหมา
7.เข้ามาทั้งทีเสียเวลามาก อยากเขามาช่วยตอบปัญหา ก็ดันหากระทู้ที่จะตอบยากซะอีก
แล้วทางเว็บจะทำอย่างไรละทีนี้ ยิ่งนานยิ่งแก้ยาก
ค่อยๆคิดค่อยๆทำก็แล้วกันนะครับ
เห็นบางเว็บเขามีการคัดเลือกคำตอบที่ดีที่สุดเรียงลำดับไปก็เก๋ไปอีกแบบ แต่นั่นมันเว็บทางการแพทย์หมอที่ใหนก็คัดได้ แต่นี่แค่แยกปริยัติ ออกจากปฏิบัติก็ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า
อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนแก่ ก็แล้วกันนะครับ
ขออนุโมทนา
น้ำเองค่ะ เอ้ยไม่ใช่ ลุงมหาครับ

แล้วจะทำอย่างไรกันละทีนี้

 

ไม่สะดวกเท่าไร เพราะทีมงาน เลือกข้าง อยู่...เห็น see will will

ติ เพื่อพัฒนา

 

มันก็มีเว็บที่ให้ความรู้จริงๆ หลายเว็บนะ
แต่คนไม่ใคร่ชอบไป
คนที่ชอบไป มีน้อย.. แต่ก็มีอยู่..

ที่นี่ก็เหมือนกับ ที่เคขวัญบอกมากกว่า..
ก็มนุษย์เป็นสัตว์สังคมเนอะ..

9

 

ตามความเห็นตนเอง ก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งนะ
แต่ก็คล้ายห้องวิทย์-ลึกลับแต่ก่อน ที่สมาชิกเดิมๆเข้ามาโต้ตอบกันยืดยาว
โต้กันไปมา บ่อยครั้งก็ลืมนึกถึงปัญหาหรือคำถามเจ้าของกระทู้ไป ว่าเขาถามอะไร
หัวข้อกระทู้เรื่องหนึ่ง แต่ด้านใน ท่านทั้งหลายพาไปอีกเรื่องหนึ่ง(แล้วแต่ประเด็นโต้แย้ง)
คนเจอหัวข้อกระทู้เปิดเข้ามาอ่าน........ไหลไปเจออีกเรื่อง เป็นธรรมดาของที่นี่

 

ความฝันเจ้ากรรมนายเวร

ฉันเคยฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ฝันกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ เธอมักจะมายืนจ้องหน้า
แล้วถามเราว่า ทำไมไม่กล้ามองหน้าเค้า เธอสวมชุดขาว เธอบอกว่าตามเรามา 3 ชาติ แล้ว เรามักจะฝันถึงเธอในวันพระ วันหนึ่งเราไปวัดกับพี่ที่ทำงานมีพระถามเราว่ามีเจ้ากรรมนายเวรตามอยู่ตอนนี้ท่านไม่สามารถคุยให้ได้ บอกว่าให้เราทำบุญไปเรื่อย ๆ แล้วอีก 3 ปี ค่อยมาคุยกัน ว่าจะตกลงว่าเจ้ากรรมนายเวรจะอภัยให้เรา หรือจะเอาไปอีก ท่านบอกเราว่าไม่ต้องกลัวให้มีสติ เพราะมีพ่อปู่ที่บ้านคอยคุ้มครองอยู่ แต่ปัจจุบันเราไม่สามารถติดต่อพระท่านนี้ได้
เราจะทำไงดี

 

เป็นข้อเสนอที่ดีว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า คนที่แนะนำ ได้แนะนำถูกหรือไม่

บางทีมีเสียงหลายเสียง เสนอแตกต่างกันไป นั้นเท่าที่ผมเห็นคือ ไม่ผิด แต่เป็นไปตามแต่ละสภาวะธรรมของแต่ละบุคคลในขณะนั้นที่จะก้าวถึง ดังนั้น คนมาขอคำแนะนำ ถ้านำเอาไปปฏิบัติแล้ว ใช้ได้หมด
เป็นธรรม

แต่บางครั้งเราอาจจะเห็นการโต้แย้งธรรม ส่วนมากเป็น ธรรมระดับปรมัต ที่เป็นเรื่องของปริยัตที่มาถกกันเสียมากกว่า

แนวทางปฏิบัติ คือ มหาสติปํฎฐาน 4 ทำให้มากแล้วจะเห็น ธรรม เฉพาะตนเป็นปัจจัตตัง ใครมาหลอก เราไม่ได้ เพราะว่า เราได้ทำของเราเอง เราเห็นเอง เรารู้เอง และจะรู้ได้ด้วยว่า ใครสอนผิด

คนสอนได้ดี คือ สอนต่อยอดจากที่เราเดินมาได้ และ สอนให้เราเดินไปด้วยตนเองได้ต่อไป